ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กลรักวังหลวง [서현]

    ลำดับตอนที่ #176 : ตราหยก [100%]

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 419
      28
      4 พ.ค. 63

    ตอนที่ 176 ตราหยก





         "อะไรนะ!" เสียงของใต้เท้าคิมแทซุนดังลั่นจนคิมซังกุงตื่นจากห้วงความคิด เมื่อนางหันไปมองก็พบว่าลุงของตัวเองกำลังตะคอกใส่องครักษ์หน้าตำหนักอย่างกราดเกรี้ยว

         "มีคนเข้าไปในตำหนักใหญ่หรือ เจ้าปล่อยให้เข้าไปได้อย่างไร ข้าสั่งไปหลายหนแล้วว่าคนที่เข้าไปได้มีแค่ข้ากับคิมซังกุงเท่านั้น" ขุนนางอาวุโสดูเหมือนจะโมโหจัดมาก

         "ขอ... ขออภัยใต้เท้าด้วยขอรับ คือซังกุงที่เข้าไปนางอ้างว่าได้รับคำสั่งมาจากคิมซังกุง ข้าเลยปล่อยให้เข้าไปขอรับ" องครักษ์หนุ่มก้มหน้ารายงานด้วยความหวาดหวั่น ใต้เท้าคิมหันมามองซังกุงรับบัญชาทันที

         "ข้าไม่เคยมีคำสั่งแบบนั้นนะ" นางกล่าวออกมาทันที "ไม่เคยสั่งให้ซังกุงคนไหนมาที่นี่เลย"

         "ซังกุงคนนั้นเป็นใคร" ขุนนางชั้นเอกถามองครักษ์อีกรอบ

         "ชีซังกุงขอรับ นางบอกแบบนั้น" เขาตอบ

         "ชีซังกุง?" คิมซังกุงทวนคำเสียงสูง "ชีซังกุงออกจากวังไปนานแล้วไม่ใช่หรือ ส่วนอีกคนที่เป็นสกุลชีตอนนี้เป็นแค่ซังบกห้องเย็บปัก ยังไม่ได้เป็นซังกุงด้วยซ้ำ แล้วชีซังกุงอะไรนี่มาจากไหน"

         "มันโกหกน่ะสิ" ใต้เท้าคิมตะคอก เขาสะบัดปลายชุดสีแดงของตัวเองอย่างอารมณ์เสียก่อนจะเดินขึ้นบันไดหินไปบนตัวตำหนัก ขุนนางอาวุโสสั่งให้ทหารยามเปิดประตูออกและก้าวเข้าไปข้างในด้วยความเร่งรีบ 

         ด้านเชวซังกุง เมื่อนางมั่นใจแน่นอนแล้วว่าฝ่าบาทไม่ได้ประทับอยู่ที่นี่แน่ๆ จึงพยายามหาทางออก แต่ก็มืดแปดด้าน ตำหนักนี้ดูจะไม่มีทางออกอื่นเลยนอกจากด้านหน้าเท่านั้น แต่สิ่งที่อันตรายกว่าการหาทางออกไม่เจอนั้นกำลังมาเยือนเชวซังกุง เพราะใต้เท้าคิมกำลังเดินมาตามระเบียงชั้นนอกเพื่อมุ่งตรงมายังห้องโถงที่ประทับซึ่งเชวซังกุงยังคงยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ ที่สำคัญขุนนางสกุลคิมผู้นี้ยังพาทหารติดตัวมาด้วยสองคน ทั้งคู่ถือดาบอย่างเตรียมพร้อม อันหมายความว่าใต้เท้าคิมคิดจะฆ่าปิดปากคนที่บุกรุกเข้ามาในนี้อย่างแน่นอน

         เชวซังกุงพยายามขยับบานประตูไม้แต่ละด้านของห้องโถงแต่ไม่เป็นผล ทุกบานเหมือนจะไม่เป็นใจให้นางออกไปจากที่นี่จริงๆ
      
         เสียงฝีเท้าคนมากกว่าหนึ่งที่อยู่หน้าห้องโถงทำให้นางหยุดการกระทำทุกสิ่งชั่วคราว ซังกุงห้องเขียนหนังสือมั่นใจว่าตอนนี้มีคนกำลังเข้ามาในห้องที่ตนเองซ่อนอยู่ ชั่ววูบแห่งความหวาดหวั่นเชวซังกุงพยายามหาที่หลบ แต่ก็ไม่เห็นว่าตรงไหนจะซ่อนกายนางได้มิดชิดเลย สายตาเหลือบไปที่ประตูก็พบว่ามันกำลังถูกเลื่อนเปิดออกอย่างช้าๆ

         ใต้เท้าคิมแทซุนเปิดบานประตูไม้ออกอย่างแรง ทหารสองคนเดินถือดาบพุ่งเข้าไปในห้องโถงทันที ขุนนางชั้นเอกก้าวตามเข้าไปช้าๆ พลางจ้องมองไปยังที่ประทับของฝ่าบาท

         ไม่มีใครอยู่ในนี้ ทุกอย่างว่างเปล่าและเงียบสงบ ใต้เท้าคิมมองไปรอบๆ พลางเหลือบมองดวงเทียนไม่ได้วูบไหวสักนิด เครื่องเสวยข้างที่บรรทมฝ่าบาทก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงหรือเคลื่อนย้ายสักนิด

         "ไม่มีใครอยู่ในห้องนี้เลยขอรับ" ทหารนายหนึ่งเดินมารายงานพลางก้มศีรษะ

         "หาทั่วแน่แล้วหรือ"

         "ทั่วแล้วขอรับ"

         "ใต้เท้า" ทหารอีกนายวิ่งเข้ามาจากมุมห้องด้วยท่าทางกระหืดกระหอบ "ช่วยมาดูทางนี้หน่อยขอรับ"

         ใต้เท้าคิมรีบก้าวตามทหารนายนั้นไปยังจุดที่เขาเดินนำไปทันที และเมื่อไปถึงก็พบว่าบริเวณมุมห้องด้านทิศใต้มีลักษณะเหมือนถูกแหกจากด้านในจนบานประตูยุบเป็นรูโหว่ขนาดให้คนตัวเล็กๆ มุดลอดออกไปได้ ขุนนางอาวุโสยืนตัวแข็งอยู่ชั่วครู่ก่อนจะก้มตัวเพื่อมองออกไปก็เห็นว่าเป็นระเบียงทางเดินชั้นนอกที่มุ่งไปสู่ด้านหลัง

         "ให้ตามไหมขอรับ" นายทหารรีบถามทันที

         "ไม่ต้อง ป่านนี้นางคงออกไปทางด้านหลังแล้ว ตรงนั้นประตูแข็งแรงน้อยกว่าตรงนี้มาก" ใต้เท้าคิมตอบเสียงเบา "ตอนนี้มีคนรู้แล้วว่าฝ่าบาทไม่ได้ประทับที่นี่ เห็นทีต้องให้คิมซังกุงรีบจัดการเสียแล้ว"

         ขุนนางอาวุโสหันมามองที่ประทับของฝ่าบาทอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเดินออกไปจากห้องโถงอย่างรวดเร็ว










         "อะไรนะเจ้าคะ!" ซอฮยอนตกตะลึง "ฝ่าบาทหายตัวไปจากตำหนักใหญ่อย่างนั้นหรือ"

         ยุนซังกุงพยักหน้า "แม้พระมเหสีจะไม่ได้ทอดพระเนตรเห็นที่นั่นด้วยองค์เอง แต่พระนางมั่นใจว่าฝ่าบาทไม่ได้ประทับอยู่ในวังแล้ว"

         "แต่ฝ่าบาทจะหายไปได้อย่างไร นี่เรากำลังพูดถึงพระราชานะเจ้าคะ"

         "ตั้งแต่สกุลคิมมีความเคลื่อนไหว ตำหนักใหญ่ก็ถูกปิดเงียบ มีเพียงพระบัญชาเท่านั้นที่ออกมาแต่ไม่มีใครเห็นพระวรกายฝ่าบาทเลย ที่สำคัญทุกรับสั่งที่ออกมานั้นดูจะเข้าข้างสกุลคิมทั้งหมด เช่นรับสั่งที่ว่าต้องรักษาพระนางเซจีให้หายรวมถึงห้ามปลดออกจากตำแหน่งด้วย" ซังกุงเล่าพลางเอนกายผิงผนังห้องอย่างเหนื่อยอ่อน "รับสั่งที่สำคัญที่สุดคือให้กักขังพระมเหสีเพื่อรอการลงโทษจากคดีในอดีต นั่นคือเรื่องการสับเปลี่ยนอาหารในพิธีคัดเลือกวังบี อันเป็นเหตุให้คนของห้องเครื่องตายไปหลายคน"

         "นี่แสดงว่าพวกสกุลคิมอยู่เบื้องหลังทั้งหมดรึเจ้าคะ" หญิงสาวตั้งข้อสงสัย

         "โดนจับมาขนาดนี้ยังไม่รู้ตัวอีกหรือว่าเป็นฝีมือใคร" ยุนซังกุงกล่าวเสียงดัง

         ซอฮยอนอ้าปากจะโต้ตอบ แต่ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดังโครมขึ้นที่ประตูจนทั้งคู่หยุดพูดกะทันหัน ตามด้วยเสียงเอะอะโวยวายของผู้ชายหลายคน หญิงสาวรีบถอยออกมาให้ห่างจากประตูทันทีเพราะเหมือนถูกกระแทกด้วยร่างของคนหลายต่อหลายหน ผ่านไปชั่วครู่เสียงด้านนอกก็เปลี่ยนจากการต่อสู้เป็นเสียงร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด เนื้อกระทบเนื้อหนักแน่นจนรู้สึกหวาดเสียวแทนว่ากระดูกจะหักคาร่างกาย

         จากนั้นทุกอย่างก็เงียบสงบลง ไม่มีเสียงการวิวาทใดๆ ดังขึ้นอีก จะมีก็แต่เสียงฝีเท้าและเสียงลากอะไรบางอย่างหนักๆ ไปตามทางเท่านั้น ซอฮยอนกับยุนซังกุงมองหน้ากันอย่างหวาดหวั่น

         ทันใดนั้นบานประตูก็ถูกกระแทกเปิดอย่างรวดเร็ว ชายในชุดดำสองคนซึ่งมีผ้าสีดำปิดหน้าปิดตาก้าวเข้ามาด้านในก่อนจะเพ่งมองมาที่สตรีต่างวัยที่นั่งคุดคู้อยู่ริมห้อง

         "ซอฮยอนหรือ" ชายหนึ่งในสองร้องขึ้น

         หญิงสาวตาโต นางจำเสียงนี้ได้

         "องค์รัชทายาท!"

         ชายหนุ่มเปิดผ้าคลุมใบหน้าออก เขาคือลียิมโฮจริงๆ

         เมื่อยุนซังกุงเห็นว่าบุคคลตรงหน้าเป็นใครก็รีบก้มลงคำนับทันที ส่วนชายอีกคนเมื่อถอดผ้าคลุมออกก็พบว่าเป็นมหาดเล็กโชคังอินนั่นเอง

         "พระองค์มาทำอะไรที่นี่เพคะ" ซอฮยอนถามทันที

         "มาฆ่าเจ้ากระมัง ถามได้" เชื้อพระวงศ์หนุ่มตอบก่อนจะหันไปพยักหน้ากับโชคังอิน มหาดเล็กคนสนิทรีบเข้าตัดเชือกที่มัดตัวซอฮยอนออก เมื่อหญิงสาวเป็นอิสระก็รีบลุกขึ้นยืนยืดแข้งยืดหาสะบัดมือทันทีเพราะรู้สึกว่าบางส่วนเริ่มเกิดอาการชาแล้ว จากนั้นนางก็รีบก้มลงช่วยมหาดเล็กโชแก้เชือกที่มัดยุนซังกุงออกอีกแรง

         "พระองค์รู้ได้อย่างไรเจ้าคะว่าหม่อมฉันกับนายหญิงอยู่ที่นี่" หญิงสาวถามต่อ

         "ข้าไม่รู้หรอก แต่การที่คนสกุลคิมเริ่มไล่จับศัตรูของพวกเขาไปขังนั้นจะเอาไปไว้ที่ไหนเล่าถ้าไม่ใช่คุกหลวงกับเรือนจำฝ่ายใน ก่อนหน้านี้ข้าไปที่คุกหลวงมาแล้วแต่ไม่พบเจ้าจึงมาที่นี่แทน"

         ซอฮยอนเงยหน้ามองผู้พูดเมื่อฟังจบ แต่แล้วก็รีบหันหน้าหนีไปทางอื่นทันที ความเก้อเขินบางอย่างลอยวนอยู่ในอากาศ

         "เจ้าพยุงยุนซังกุงไปสำนักหมอหลวงไหวไหม" องค์รัชทายาทถามมหาดเล็กโชเพื่อเปลี่ยนเรื่องพูด

         "ไหวพ่ะย่ะค่ะ" 

         "ส่วนซอฮยอน เจ้ามากับข้า" เขาสั่ง

         "ไปไหนหรือเพคะ" หญิงสาวสงสัย

         "ไปตำหนักกลาง" องค์รัชทายาทตอบ "รีบไปเถิด โชคดีที่เรือนจำฝ่ายในมีกรมวังเฝ้าอยู่แค่สองคน ข้ากับโชคังอินจึงบุกเข้ามาได้ แต่ถ้าพวกกรมวังยกโขยงมาที่นี่อีก ข้าก็ไม่รับรองความปลอดภัยเหมือนกัน"

         มหาดเล็กคนสนิทขององค์รัชทายาทค่อยๆ พายุนซังกุงเดินออกจากเรือนจำฝ่ายในอย่างช้าๆ แม้ว่าจะถูกทรมานเจียนตายแต่นางก็ยังหันมาบอกว่า

         "ขอบพระทัยเพคะองค์รัชทายาท และต้องขออภัยที่หม่อมฉันไม่สามารถช่วยพระมเหสีได้เลย"

         "ไม่เป็นไรหรอก" ลียิมโฮเอ่ยพลางส่ายหน้า "เรื่องนี้โทษท่านไม่ได้ เพราะเหตุมันเกิดกะทันหันนัก ว่าแต่เสด็จแม่ข้าปลอดภัยดีใช่ไหม"

         "เพคะ ตอนนี้พระนางยังปลอดภัยดี แต่ต่อจากนี้ไม่รู้ว่ารับสั่งสำเร็จโทษเกี่ยวกับคดีในอดีตจากฝ่าบาทจะลงมาตอนไหน" นางกล่าวออกมาอย่างกังวลใจ

         "รับสั่งฝ่าบาทหรือ หึ" เชื้อพระวงศ์หนุ่มยิ้มเยาะ "ข้าไม่เชื่อหรอกว่าฝ่าบาทจะทรงมีรับสั่งแบบนี้ ตำหนักใหญ่ถูกปิดและคุมเข้มเช่นนั้น คนโง่ก็ดูออกว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล---คังอิน โคมไฟที่หน้าตำหนักตงกุงเจ้าเตรียมไว้แล้วใช่ไหม"

         "เรียบร้อยพ่ะย่ะค่ะ"

         "เตรียมโคมไฟไว้ทำไมหรือเพคะ" ซอฮยอนสงสัย

         "ข้าตกลงกับกองกำลังด้านนอกเอาไว้ ยามใดที่โคมไฟจากตำหนักตงกุงลอยให้เห็น นั่นคือสัญญาณที่หมายถึงให้บุกเข้ามาได้" ลียิมโฮตรัสตอบ

         ทั้งสี่คนค่อยๆ เดินออกมาจากเรือนจำอย่างระมัดระวังโดยพยายามไม่เหยียบร่างของกรมวังสองคนที่นอนหมดสติอยู่บนพื้น เมื่อมหาดเล็กโชพายุนซังกุงแยกทางไปสำนักหมอหลวง องค์รัชทายาทก็พาซอฮยอนมุ่งตรงไปตำหนักพระมเหสีทันที








         ในตำหนักเซจาพิน คิมซังกุงกำลังหยิบผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดไปตามแขนของพระชายาเซจีอย่างแผ่วเบา นางถูซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกว่าจะสะอาดก่อนจะวางผ้าผืนใหม่ลงบนหน้าผากพระนาง

         "เสวยอีกหน่อยไหมเพคะ" คิมซังกุงทูลเสียงเบาพลางเลื่อนจามโจ๊กเข้ามา "โจ๊กปลา พระนางเคยโปรดนี่เพคะ"

         ซังกุงรับบัญชาหยิบช้อนตักโจ๊กกินและยื่นจรดริมฝีปากพระนางเซจี แต่ดูเหมือนว่าพระนางไม่อยากเสวยในเวลานี้ 

         "ทำไมไม่เสวยเล่าเพคะ" คิมซังกุงถอนใจ "แล้วเมื่อไรพระองค์จะหายดี รู้ไหมว่าตอนนี้หม่อมฉันเหนื่อยแค่ไหน"

         พูดจบก็วางชามโจ๊กลงกับพื้น สีหน้าของนางตอนนี้ดูเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้มใจอย่างที่สุด "สิ่งที่เราทำตอนนี้มีเดิมพันสูงนัก ถ้าพลาดขึ้นมา เราจะตายกันทั้งบ้าน พระองค์คงจะคิดว่าหม่อมฉันบ้าที่กล้าเสี่ยงถึงขนาดนี้ ซึ่งหม่อมฉันก็ยอมรับเพคะ แต่หม่อมฉันทนเห็นพระนางในสภาพนี้ไม่ได้ ไม่ได้จริงๆ"

         เซจาพินมองคิมซังกุงด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา ท่าทีของพระนางเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่สามารถปริปากออกมาได้

         "หม่อมฉันยอมเป็นคนบาป ยอมถูกสาปแช่ง แต่ตระกูลเรารวมถึงพระองค์จะเป็นอันตรายไม่ได้ ข้าไม่ยอม"

         "นายหญิง ใต้เท้าคิมส่งตราหยกมาแล้วขอรับ" เสียงของทหารหน้าตำหนักดังขึ้น 

          "ข้ารู้แล้ว" นางร้องตอบกลับไปพลางลุกขึ้นยืนและหันไปสั่งนางในให้คอยดูแลพระชายาให้ดี

         เมื่อออกมาข้างนอกก็เห็นกรมวังยืนถือหีบกำปั่นทองใบใหญ่อันเป็นสมบัติประจำพระองค์ฝ่าบาทอยู่ในมือ 

         "ท่านลุงข้าไปเอาหีบนี้มาจากท้องพระโรงเชียวหรือ" คิมซังกุงถาม

         "ใช่ขอรับ และใต้เท้าได้ฝากมาบอกท่านว่าเริ่มสิ่งที่ท่านต้องการจะทำด้วยตราหยกในหีบนี้ได้เลย"

         คิมซังกุงเอื้อมมือไปลูบไล้หีบกำปั่นสีทองด้วยความหลงใหล นางไม่นึกว่าจะมีวันที่ได้สัมผัสกับทรัพย์สินส่วนพระองค์ของฝ่าบาทได้ ซังกุงรับบัญชาค่อยๆ เปิดฝาหีบออกช้าๆ และมองเข้าไปข้างใน

         ตราหยกสีทองบริสุทธิ์สลักเป็นรูปเต่าที่ตั้งอยู่บนแท่นสี่เหลี่ยมจตุรัสวางสงบนิ่งและเปล่งประกายอยู่ด้านใน คิมซังกุงยิ้มออกมา

         "รีบยกไปที่เรือนพักข้า" นางสั่งกรมวัง

         เมื่อเดินมาถึงหน้าเรือนพักก็ปรากฏทหารยามในชุดสีแดงกำลังจับชายคนหนึ่งมัดและพยายามให้เขานั่งลงแต่ก็ทำได้ยากนักเพราะคนที่ถูกจับนั้นดิ้นรนตลอดเวลา

         คิมซังกุงเดินเข้าไปใกล้ชายหนุ่มที่ถูกพันธนาการก่อนจะเอ่ยว่า

         "หยุดดิ้นรนเถิดจีมุน เจ้าทำอะไรไม่ได้แล้วตอนนี้ ทำใจยอมรับเสียทีว่าใครที่เป็นผู้ชนะ"

         "นายหญิง..." อาลักษณ์เอ่ยอย่างเคืองแค้น "ท่านทำอะไรลงไป ทำเรื่องร้ายแรงขนาดไหนรู้ตัวรึเปล่า"

         "รู้สิ รู้ดีกว่าเจ้ามากด้วย" นางตอบโดยไม่มองหน้า 
      
         "เช่นนั้นได้โปรดเถิด หยุดการกระทำนี้เสียก่อนที่จะสายเกินไป ท่านยังสามารถหยุดยั้งมันได้"

         "เงียบนะ อย่ามาตัดสินหรือทำเป็นรู้ดีว่าข้าคิดจะทำอะไรหรือไม่ทำอะไร เจ้าไม่ได้มาเป็นตัวข้า เจ้าไม่มีวันรู้" ซังกุงรับบัญชาตะคอกใส่

         "แล้วท่านจะเสียใจที่ไม่ฟังคำเตือนข้า ท่านเอาชนะพวกเขาไม่ได้หรอก" คิมจีมุนโต้ตอบ คิมซังกุงได้ยินก็เหลือบมองหน้าชายหนุ่มแวบหนึ่งและกล่าวว่า

         "เจ้าหมายถึงองค์รัชทายาทและซอฮยอนน่ะหรือ ตอนนี้พวกเขาแพ้แล้วล่ะ แล้วเจ้าก็ไปช่วยพวกเขาไม่ได้อีกแล้วด้วย"

         "ท่านหมายถึงอะไร"

         คิมซังกุงหัวเราะ

         "องค์รัชทายาทถูกกันอยู่ด้านนอกราชฐานชั้นใน ไม่มีทางเข้ามาได้ ส่วนซอฮยอนถูกจับอยู่ที่เรือนจำฝ่ายใน เป็นอย่างไรเล่า ใครกันแน่ที่จะแพ้"

         คิมจีมุนหมดแรงดิ้นรน เขาทรุดลงกับพื้นทันทีที่ได้ยิน ซังกุงรับบัญชามองอย่างสมเพชก่อนจะเดินขึ้นเรือนพักของตน

         "เดี๋ยว..." ชายหนุ่มร้องออกมา สายตาจับจ้องอยู่ที่หีบกำปั่นทองซึ่งกรมวังกำลังยกตามหลังคิมซังกุงขึ้นไปบนเรือน "นั่น... นั่นมัน หีบกำปั่นทองของฝ่าบาทไม่ใช่หรือ ที่บรรจุ... บรรจุ"

         "ใช่" คิมซังกุงหันมาตอบ "ข้างในนั้นมีตราหยกอยู่ และข้าจะใช้มันในการกำจัดทั้งพระมเหสีและซอฮยอนในคราวเดียว เจ้าคอยดูแล้วกัน"




    โปรดติดตามตอนต่อไป
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×