ลำดับตอนที่ #174
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #174 : ทางแยก [100%]
ตอนที่ 174 ทางแยก
"ซอฮยอน เมื่อเจ้าอ่านจดหมายฉบับนี้จบแล้วให้เผาทำลายทิ้งเสียและอย่าให้ใครรู้นี้เป็นอันขาด เพราะมันจะเป็นอันตรายกับตัวเจ้า และไม่ว่าเจ้าอยากจะช่วยข้าแค่ไหน จงหยุดความตั้งใจนั้นเสีย เพราะข้าไม่อาจทนเห็นคนใกล้ชิดต้องมาล้มตายอีกต่อไปแล้ว"
"ข้าถูกสงสัยจากคิมซังกุงอย่างชัดเจนว่าเป็นคนที่วางยาคิมเซจี แต่สวรรค์ก็รู้ว่าข้าไม่ได้ทำ พวกสกุลคิมได้เริ่มต้นเล่นงานข้าโดยใช้เรื่องราวในอดีตมาเปิดโปง เจ้าคงจะรู้ดีว่าเป็นเรื่องคัดเลือกพระมเหสีสมัยก่อน ตอนนี้มันไม่ใช่ความลับอีกต่อไปแล้ว แต่สิ่งที่คิมซังกุงทำในครั้งนี้ช่างร้ายกาจนัก นางตั้งใจจะกวาดล้างทุกคนที่ยืนอยู่คนละฝั่งกับนางโดยใช้พระบัญชาของฝ่าบาทเป็นเครื่องมือ"
"คิมซังกุงร่วมมือกับกรมวัง กรมอาญาและราชองครักษ์เพื่อการนี้ มันเหมือนเป็นการก่อกบฏของฝ่ายใน ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เซโจซังกุงถูกบังคับให้ออกกฎเร่งด่วนเพื่อให้ทหารบุกตำหนักกลาง นางในและขันทีของข้าหลายคนถูกฆ่าตาย ยุนซังกุงถูกจับขังที่เรือนจำฝ่ายใน ยิมโฮเองก็อยากจะช่วยข้าแต่เขาทำอะไรไม่ได้เลย ความจริงข้าต้องยอมรับความผิดบาปนี้ด้วยตัวเอง ฉะนั้นเจ้าจงช่วยอย่าให้ยิมโฮมาข้องเกี่ยวเรื่องนี้ด้วย เขาปิดบังให้ข้ามามากพอแล้ว"
"ที่ข้าอยากให้เจ้าทำมีแค่อย่างเดียวคืออยู่เฉยๆ ทำแค่หน้าที่ของตัวเองเท่านั้น ที่สำคัญช่วงนี้จะมีกรมวังบางคนไปพบเจ้าเพื่อถามถึงความใกล้ชิดสนิทสนมที่เจ้ามีต่อข้า เจ้าต้องตอบเขาไปว่าไม่ใช่คนของข้า จงลืมข้าเสีย เพราะคิมซังกุงกำลังจะกวาดล้างคนของข้าให้สิ้นซาก ตอนนี้ถึงทางแยกที่เจ้าจะต้องเลือกแล้ว จงรักษาตัวให้ดี ช่วยดูแลยิมโฮแทนข้าด้วย
ชุงจอนมามะ"
ซอฮยอนขยำกระดาษในมือให้เป็นก้อนทันทีที่อ่านจบ ใบหน้านั้นซีดเผือดไร้สีเลือด ซุนฮวารู้สึกว่าเพื่อนหญิงของตนตัวสั่นเทาทีเดียวเมื่อเก็บจดหมายฉบับนั้นลงแขนเสื้อ
"เจ้าสบายดีรึเปล่า" นางถามอย่างไม่แน่ใจ
"ข้าไม่เป็นไร" ซอฮยอนตอบก่อนที่จะพยายามตั้งสติ ตอนนี้สิ่งที่ต้องทำเป็นอันดับแรกคือรวบรวมสติ
"ในจดหมายนั้นบอกว่าอะไรหรือ แล้วใครส่งมา" อีซึลถามด้วยความอยากรู้
"ข้าขอโทษ ข้าบอกเจ้าไม่ได้จริงๆ" หญิงสาวกล่าวออกมาอย่างอึดอัดใจ
"อะไรกัน บอกหน่อยเถิด ทำไมต้องทำตัวมีความลับด้วยเล่า" อีซึลโวยวาย
"นี่อีซึล" ซุนฮวาพูดเสียงดัง "มันเป็นเรื่องส่วนตัวของนาง ยุ่งจริง"
"ก็ข้า---"
"เงียบไปเลยนะ---อะนี่ เผาทิ้งเสียถ้ามันเป็นจดหมายที่ไม่ควรให้ผู้ใดรู้" ซุนฮวาจุดเทียนขึ้นและส่งเชิงเทียนให้ซอฮยอน นางพยักหน้าขอบคุณก่อนจะหยิบจดหมายออกมาเผาจนหมดไม่เหลือซาก อีซึลมองตามตาละห้อย
เมื่อซอฮยอนมีเวลาครุ่นคิดถึงจดหมายที่พระมเหสีส่งมาก็รู้สึกว่ามันแปลกๆ บางเนื้อหาในนั้นมีความพิกลจนหญิงสาวต้องฉุกคิดอยู่นาน
คิมซังกุงเปิดโปงเรื่องในอดีตสมัยคัดเลือกพระมเหสีว่ามีการทุจริตและสังหารคนไปขนาดไหนบ้าง ซึ่งแม้มันจะเรื่องของฝ่ายใน แต่มันก็เกี่ยวพันกับฝ่าบาท ทำไมถึงมีแต่คนของคิมซังกุง กรมวัง และกรมอาญาเท่านั้นที่ดำเนินการเรื่องนี้ แล้วฝ่าบาทเล่า ฝ่าบาทหายไปจากเรื่องราวเหล่านี้ได้อย่างไร เรื่องใหญ่โตขนาดนี้พระองค์จะไม่รู้หรือ
เสียงกรีดร้องชวนขนหัวลุกดังแหวกความเงียบขึ้นมาจนทั้งสามคนสะดุ้งโหยง อีซึลหวีดร้องออกมาเบาๆ อย่างขวัญเสีย แต่เสียงโหยหวนที่ดังก้องอยู่ตอนนี้เหมือนจะหาหยุดไม่
"นั่น... นั่นเสียงอะไรกัน" ซุนฮวาหันไปมองที่ประตู
"เหมือนคนกรีดร้อง..." ซอฮยอนพูดออกมาเบาๆ "อย่างหวาดกลัว"
ซุนฮวาลุกขึ้นยืนช้าๆ ก่อนจะเดินไปที่ประตู
"อย่าเปิดนะ!" อีซึลร้องเสียงแหลม
"อย่าบ้าน่า" ซุนฮวาเอ่ยก่อนจะเลื่อนประตูเปิดออก
ภาพตรงหน้าปรากฏเป็นกลุ่มนางกำนัลและนางในของกองงานวรรณกรรมยืนออกันอยู่เต็มไปหมด แต่ถ้าดูดีๆ แล้วความจริงทุกคนกำลังยืนล้อมวงอะไรสักอย่างที่อยู่ตรงกลางต่างหาก ซอฮยอน ซุนฮวาและอีซึลรีบเดินออกมารวมกลุ่มทันที
ท่ามกลางวงล้อมมีใต้เท้าจากกรมวังในชุดสีเขียวเข้มหน้าตาดุยืนอยู่สามสี่คน คนหนึ่งกำลังลากตัวนางในสองคนให้ออกมาจากเรือนพักหลังหนึ่งอย่างรุนแรงจนตัวนางกลิ้งไถลและครูดไปกับพื้น ส่วนอีกคนนั้นกรีดร้องโหยหวนของออกมาสุดเสียงก่อนที่จะเป็นลมล้มพับไป
"ตายจริง!" อีซึลร้องออกมา "นั่น... นั่นเกิดอะไรขึ้นหรือ"
"นางในสองคนนั้นมาจากจากตำหนักพระมเหสี ทั้งคู่หนีมาหลบซ่อนตัวอยู่ที่นี่ แต่หนีกรมวังไม่พ้น สุดท้ายก็เป็นอย่างที่เห็น" นางในร่างสูงคนหนึ่งหันมาตอบ
"ทำไมถึงทำรุนแรงขนาดนั้น อย่างน้อยก็พวกนางก็เป็นผู้หญิงของพระราชานะ กล้าทำแบบนั้นได้อย่างไร" ซุนฮวาพูดออกมาอย่างไม่พอใจ นางในร่างสูงหันมามอง
"ช่างไร้เดียงสาเสียจริงนะ รู้ไหมกรมวังคืออะไร ทำหน้าที่อะไร พวกเขาไม่สนใจหรอกว่าคนไหนเป็นใคร คนพวกนี้ไม่มีหัวใจหรอกนะ รู้เอาไว้เสียด้วย"
ซอฮยอนเห็นด้วยกับที่นางพูด เพราะขนาดใต้เท้าของกองงานวรรณกรรมรวมถึงนายหญิงระดับซังที่ยืนออกันอยู่มากมายนั้นก็ไม่ได้ออกตัวช่วยหรือคิดจะช่วยนางในผู้น่าสงสารทั้งสองคนนั้นเลย สิ่งนี้ทำให้รู้ซึ้งว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ เวลานี้กำลังผิดปกติสุดๆ คำเตือนถึงพระมเหสีที่มาถึงนางนั้นถูกต้องแล้ว เพราะถ้าเป็นเมื่อก่อน หญิงสาวคงออกตัวสืบหาความจริงและช่วยเหลือคนอื่นดังที่เคยทำ แต่คราวนี้มันไม่ใช่ นางรู้สึกว่าจะบุ่มบ่ามกับเรื่องนี้ไม่ได้ เพราะมันเป็นเรื่องที่อาจมีอันตรายถึงชีวิตอย่างชัดเจน
กรมวังทั้งสี่คนลากตัวนางในไปถึงประตูทางเข้ากองงานวรรณกรรมแต่แล้วก็หยุด ใต้เท้าคนหนึ่งก้มมองกระดาษในมือพลางขมวดคิ้ว
"มีอะไรหรือ" ใต้เท้าอีกคนถาม
"เราจับตัวขาดไปคนหนึ่ง" คนที่ก้มลงอ่านกระดาษตอบ
"ใครรึ"
"ปาร์คซอฮยอน ราชเลขาประจำพระองค์"
ทันทีที่ใต้เท้ากรมวังพูดจบ ทุกคนก็หันมามองซอฮยอนเป็นตาเดียว กรมวังนายหนึ่งชี้นิ้วมาที่หญิงสาวพลางตะโกน "นางยืนอยู่นั่น รีบไปจับตัวนางมา!"
ซงฮวันอ้าปากค้างมองหน้าเพื่อนด้วยความตกใจสุดขีด อีซึลเองก็เหมือนจะสิ้นสติไปเสียแล้ว ส่วนซอฮยอนนั้นรู้สึกเครื่องในทั้งหมดในกองได้ไหลลงไปกองอยู่ที่ตาตุ่ม และกว่าจะรู้ตัวก็ถูกมือกำยำดุจก้ามปูเข้ายึดต้นแขนทั้งสองข้างไว้อย่างแข็งแรงจนดิ้นไม่หลุด เสียงแหบห้าวระคายหูก็ดังขึ้นข้างตัวนาง
"เจ้าคือปาร์คซอฮยอนใช่ไหม"
"ใช่เจ้าค่ะ" หญิงสาวพยายามทำเสียงให้มั่นคงที่สุดตอบกลับไป
"เป็นราชเลขาประจำพระองค์ใช่รึไม่" คนที่จับตัวนางถามเสียงดังพลางเขย่าตัวไปมา
ซอฮยอนพยักหน้า
"เอาตัวไปได้" ใต้เท้ากรมวังอีกคนตะโกน แต่คราวนี้หัวหน้ากองงานวรรณกรรมออกมายืนขวางทาง
"เจ้าเป็นใคร" กรมวังคนที่ตัวใหญ่ที่สุดร้องถาม
"ข้าคือใต้เท้ามุนจองนัม เป็นหัวหน้าของกองงานนี้ นางในที่ท่านนำตัวไปสองคนแรกไม่ใช่คนของข้าข้าจึงไม่ขัดขวาง แต่นางในคนนี้เป็นคนของข้า ข้าปล่อยให้พวกท่านเอาตัวนางไปไม่ได้" ชายหนุ่มพูดออกมา
"หุบปากนะ!" ชายหน้าดุตวาด "นี่เป็นรับสั่งของฝ่าบาท คนอื่นอย่ามาแส่"
"แล้วไหนเล่าราชโองการ" ใต้เท้ามุนถาม
"ฝ่าบาทตอนนี้ประทับอยู่ที่ตำหนักใหญ่และคอยออกพระบัญชาลงมาเสมอ คำสั่งนี้ก็มาจากพระองค์ด้วย ฉะนั้นจงหลบไปเสีย"
"ไม่จริง" ซุนฮวาพูดขึ้นบ้าง "ฝ่าบาทโปรดปรานซอฮยอนมาก อยู่ๆ จะมารับสั่งให้จับตัวนางไปทำไมกัน"
"เพราะตอนนี้พระองค์คิดว่าอาจมีกบฏอยู่ในวัง ฉะนั้นจงหลีกทางไปเสีย กรมวังมีอำนาจหน้าที่สูงสุดในตอนนี้ เอาล่ะ พานักโทษซอฮยอนไปได้แล้ว"
"นี่พูดจาเหลวไหลอะไรน่ะ!" ซุนฮวาโมโห "นักโทษบ้าบออะไรกัน พูดเพ้อเจ้ออะไรออกมา นางจะเป็นนักโทษได้อย่างไร"
ใต้เท้าจากกรมวังไม่สนใจซุนฮวา เขาหยิบเชือกเส้นหนาสีแดงออกมาก่อนจะเริ่มมัดข้อมือกับกลางลำตัวของซอฮยอน
"หยุดนะ! หยุดเดี๋ยวนี้!" ซุนฮวากรีดเสียง "จะมัดตัวนางแบบนี้ได้อย่างไร นางทำอะไรผิด หยุดนะ!"
"ซุนฮวา..." ซอฮยอนเรียกเพื่อนเบาๆ "ไม่ต้องเป็นห่วงข้า ข้าไม่เป็นไรหรอก อย่าทำแบบนี้เลย เจ้าจะต้องโทษไปด้วย"
"แต่ว่า... แต่ว่าแบบนี้มัน..."
"เจ้ามั่นใจคำพูดข้าเถิด เดี๋ยวข้าก็กลับมา อีซึลด้วย หยุดร้องไห้ได้แล้ว"
อีซึลที่ห่วงเพื่อนจนร้องไห้ออกมาปาดน้ำตาบนใบหน้าช้าๆ ซอฮยอนยิ้มให้กำลังใจก่อนจะหันไปทางใต้เท้ามุนจองนัม
"ใต้เท้าเจ้าคะ ไม่ต้องเป็นห่วงข้านะเจ้าคะ ข้าดูแลตัวเองได้ ท่านดูแลทางนี้ก็พอเจ้าค่ะ ฝากบอกเชวซังกุงด้วยนะเจ้าคะ"
หัวหน้ากองงานวรรณกรรมแม้จะไม่เต็มใจอย่างยิ่งแต่ก็ต้องกล้ำกลืนฝืนทนไว้ข้างใน เขาพยักหน้าช้าๆ ก่อนจะหลีกทางให้กรมวังพาตัวซอฮยอนออกไป
ซุนฮวาแทบทรุดลงกับพื้นเมื่อเห็นซอฮยอนถูกลากออกไปจากกองงานวรรณกรรม ส่วนอีซึลร้องไห้ออกมาจนเพื่อนนางในคนอื่นๆ ต้องเข้ามาปลอบ
ท่ามกลางความเศร้าสลดของทุกคน ซงฮวันนั้นแอบมองจากมุมมืดด้วยความสะใจ นางยิ้มมุมปากก่อนจะเดินหายออกจากเรือนพักนางในไปอย่างรวดเร็ว
กรมวังทั้งสี่คนพาตัวซอฮยอนมาถึงเรือนจำฝ่ายในแทนที่จะเป็นคุกหลวง ตอนแรกนางคิดว่าจะเป็นที่นั่นเพราะนางในสองคนจากตำหนักพระมเหสีถูกขังที่นั่นก่อน ไม่คิดว่าตนเองจะถูกแยกมาที่นี่เพียงคนเดียว หญิงสาวไม่ได้ยินพวกเขาพูดคุยอะไรกันเลยระหว่างทาง และตลอดทางมาก็รู้สึกว่าวังหลวงมันเงียบงันไร้ผู้คนผิดปกติ
ตั้งแต่ซอฮยอนเข้าวังมาไม่เคยเห็นคนของกรมวังเข้ามายุ่มย่ามเรื่องของวังหน้าหรือกิจของขุนนางเลยสักครั้ง หน้าที่ของพวกเขาไม่เคยปรากฏจนกระทั่งวันนี้ และมันทำให้ซอฮยอนรู้สึกว่าเมื่อกรมวังเคลื่อนไหว อำนาจสูงสุดอย่างเสนาซ้ายหรือเสนาขวาก็ไม่อาจต้านทานได้ และอาจจะหมายรวมถึงเชื้อพระวงศ์บางคนอีกด้วย
ทันทีที่บานประตูไม้ของเรือนจำฝ่ายในถูกเปิดออก ซอฮยอนก็ถูกผลักเข้าไปด้านในอย่างไม่ปรานีปราศัย นางล้มลงบนกองฟางอย่างหมดท่า
"ท่านจะไม่ปลดเชือกข้าหรือ" หญิงสาวร้องออกมา แต่ใต้เท้ากรมวังไม่ตอบคำถามนาง พวกเขาปิดประตูใส่สลักอย่างแน่นหนาและเดินจากไปอย่างไม่ไยดี
ซอฮยอนพยายามดิ้นไปดิ้นมา นางเริ่มรู้สึกไม่สบายตัวเมื่อถูกมัดจนขยับแขนและมือไม่ได้เช่นนี้ แต่ก็พบว่ามันไม่มีประโยชน์เลย หญิงสาวจึงเริ่มหันมาสำรวจรอบด้านแทน
เรือนจำฝ่ายในแห่งนี้นางเคยเข้ามาแล้วแต่ไม่ใช่ในฐานะนักโทษ มีคราวนี้นี่แหละที่มาในฐานะนักโทษแม้จะยังไม่รู้ว่าตัวเองผิดอะไร สิ่งที่เปลี่ยนไปจากเดิมคือเหล่าโต๊ะเก้าอี้ไม่มีอยู่เลย สภาพนั้นโล่งโจ้งเหมือนรีบจัดแจงให้ว่างโดยเร็วที่สุด ฟางที่มาจากไหนไม่รู้ก็ปูอยู่เต็มพื้นดูแปลกตา ทั้งห้องมีหน้าต่างอยู่บานเดียวที่เปิดรับแสงสว่าง
ซอฮยอนพยายามลุกขึ้นแต่ก็ต้องล้มลงเพราะถูกเชือกมัด นางสะบัดตัวอย่างอารมณ์เสีย
"เจ้าแก้เชือกนั่นไม่ได้หรอก" เสียงหนึ่งพูดขึ้น
ซอฮยอนสะดุ้งโหยงพลางหันไปมองที่มุมห้องที่อับแสง ตอนนางถูกโยนเข้ามาไม่ทันสังเกตว่าจริงๆ แล้วมีนักโทษอีกคนอยู่กับนางด้วย
หญิงสาวพยายามยันตัวเคลื่อนที่ให้ไปที่มุมห้องมากที่สุด และเมื่อเข้าใกล้มากพอก็พบว่านักโทษอีกคนเป็นซังกุงที่ถูกทรมานจนปรากฏบาดแผลฟกช้ำต่างๆ ตามร่างกาย ชุดฮวาลยอของนางเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด ตั้งแต่ขาลงไปจนถึงเท้าเหมือนจะไร้ความรู้สึกไปแล้ว
"ยุนซังกุง!" ซอฮยอนร้องออกมาด้วยความตกใจ "นายหญิง... ทำไมถึงได้..."
แต่ซังกุงคนสนิทของพนะมเหสีแทบจะไม่มีเรี่ยวแรงที่จะออกเสียงอีกต่อไปแล้ว
"เจ้า... โดนจับได้อย่างไร พระ... พระมเหสีไม่ได้ส่งจดหมายไปหาเจ้าหรือ"
"ส่งมาเจ้าค่ะนายหญิง" ซอฮยอนรีบตอบ "แต่พวกกรมวังมาคุมตัวข้าก่อนที่จะได้ตั้งตัวด้วยซ้ำ แต่ข้าว่าอย่างไรข้าก็ไม่รอดเจ้าค่ะ ทุกคนในวังรู้ดีว่าข้าเป็นคนของพระมเหสี"
ยุนซังกุงหลับตาลง นางทำท่าเหมือนจะสิ้นเรี่ยวแรง "แล้วเราจะทำอย่างไรกันดี จะทำอย่างไรดี"
"ข้าว่าใจเย็นๆ ก่อนเถิดเจ้าค่ะ เราไม่ได้ทำผิดอะไร พวกเขาจะ---"
"ไม่ใช่ ไม่ใช่เรื่องนั้น" ซังกุงคนสนิทของชุงจอนมามะขัดขึ้น
"แล้วเรื่องไหนเจ้าคะ"
"เจ้าถูกจับมาแบบนี้ ทุกอย่างก็หมดหวังเสียแล้ว" นางร่ำร้อง
"ข้าไม่เข้าใจเจ้าค่ะ ท่านพูดถึงอะไรกัน" หญิงสาวงุนงง
ยุนซังกุงส่ายหน้าไปมา
"พระมเหสียอมโดนจับเพราะคิดว่าเจ้าจะรอดอยู่ข้างนอกได้ และการที่เจ้ารอดจะสามารถสืบเรื่องทุกอย่างได้อิสระ แต่ตอนนี้เราหมดโอกาสแล้วเพราะเจ้าเองก็ถูกจับ จะทำอย่างไรดี ใครจะแก้ปัญหาใหญ่หลวงนั้นได้เล่า"
ซอฮยอนนิ่งไปสักพัก
"แล้วปัญหาที่ว่าคืออะไรหรือเจ้าคะนายหญิง"
ซังกุงก้มหน้าลง
"ฝ่าบาท... ฝ่าบาทหายตัวไปจากตำหนักใหญ่"
โปรดติดตามตอนต่อไป
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น