ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กลรักวังหลวง [서현]

    ลำดับตอนที่ #151 : ประกาศิตแรก [100%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 734
      48
      19 ก.พ. 63

    ตอนที่ 151 ประกาศิตแรก






         "ตามอำนาจที่หม่อมฉันได้รับมาจากใต้เท้าหวางจื่อห้าว หม่อมฉันขอใช้สิทธิ์ที่มี เสนอให้เซจาพินต้องเสด็จไปที่ตำหนักกลางสวนเพื่ออบรมการเป็นพระชายาเพคะ"

         ทุกคนในท้องพระโรงนิ่งเงียบอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเริ่มขยับตัวคุยซุบซิบกันถึงสิ่งที่ซอฮยอนเพิ่งตัดสินใจไปหมาดๆ ใต้เท้าซินซังซอน ใต้เท้าลีซุนยี ใต้เท้ายุนควางซันรวมถึงขุนนางฝ่ายสกุลซินต่างยิ้มออกมาอย่างยินดี บางคนถึงกับหันไปแสดงความดีใจกับเพื่อนขุนนางจนออกนอกหน้า ในที่สุดแผนการของพวกเขาก็บรรลุผลสำเร็จ

         ด้านใต้เท้าคิมแทซุนและพรรคพวกฝ่ายสกุลคิมทั้งหมดถึงกับตะลึงงันเมื่อได้ฟังประกาศิตแรกจากราชเลขาประจำพระองค์ หลายคนจ้องมองไปที่ซอฮยอนอย่างจงเกลียดจงชังที่ออกคำสั่งกลั่นแกล้งพระชายาเซจี และเมื่อได้เห็นรอยยิ้มเยาะเย้ยของขุนนางฝั่งสกุลซินก็ยิ่งโมโหเข้าไปอีก

         "เหตุผลล่ะ" ใต้เท้าคิมถามขึ้น "การที่จะให้พระชายาเสด็จไปที่นั่น เจ้าต้องมีเหตุผลด้วย ไม่ใช่ว่ามีอำนาจแล้วก็จะสั่งการอะไรก็ได้"

         "เจ้าค่ะใต้เท้า" ซอฮยอนพยักหน้าก่อนจะเอ่ยตอบไปว่า "เหตุผลที่ข้าตัดสินใจแบบนี้ เพราะว่าเซจาพินองค์ปัจจุบัน ไม่ได้ขึ้นสู่ตำแหน่งนี้อย่างถูกต้องเจ้าค่ะ"

         "เจ้าพูดอะไรน่ะ เป็นคนหูหนวกตาบอดหรือไร พิธีอภิเษกก็จัดขึ้นอย่างถูกต้อง พูดออกมาได้อย่างไรว่าไม่ถูกต้อง" ใต้เท้าคิมแย้ง

         "การอภิเษกมีขึ้นอย่างถูกต้องเจ้าค่ะ แต่ข้าไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น ข้าหมายถึงเรื่องธรรมเนียมการเก็บตัวเซจาพินที่ตำหนักสวนเฟิงต่างหาก พระนางเซจีไม่ได้ผ่านการเก็บตัวนั้น ข้าจึงมองว่าไม่ถูกต้อง" หญิงสาวอธิบาย

         "ไม่เกี่ยวกันเลย" ผู้นำแห่งสกุลคิมยังคงไม่เห็นด้วย "คิมเซจีได้รับการอบรมและฝึกฝนให้มีความรู้ความสามารถพอๆ กับสตรีชั้นสูงในราชสำนัก สกุลคิมมีอิทธิพลพอที่จะเสาะหาศูนย์ฝึกสอนที่มีชื่อเสียงให้มาถ่ายทอดสรรพวิชาซึ่งไม่มีสอนทั่วไปให้แก่ลูกหลานฝ่ายหญิงของเรา ลูกสาวขุนนางตระกูลใหญ่หลายตระกูลยังไม่มีอะไรแบนนี้ด้วยซ้ำ ตระกูลข้าเตรียมการมาอย่างดี ฉะนั้นการเก็บต้วที่ตำหนักสวนเฟิงเพียงไม่กี่วันนั้นไม่สามารถมาเทียบได้เลย"

         "ใต้เท้าเจ้าคะ" ซอฮยอนส่ายหน้า "ท่านต้องแยกให้ออกก่อนระหว่างการฝึกฝนและธรรมเนียมของวังหลังนะเจ้าคะ สิ่งที่ข้ากำลังจะบอกท่านก็คือพระนางเซจีไม่ได้ปฏิบัติตามธรรมเนียมแห่งฝ่ายใน ไม่ใช่มานั่งถกกันเรื่องความสามารถและทักษะของพระนางครั้นยังเยาว์ ใต้เท้าช่วยฟังที่ข้าพูดให้ดีด้วยเจ้าค่ะ เพราะข้าขี้เกียจเสียเวลาอธิบายใหม่"

          เกิดเสียงหัวเราะเบาๆ ขึ้นทางฝั่งขุนนางสกุลซิน พวกเขาต่างขบขันที่ขุนนางชั้นเอกอย่างคิมแทซุนถูกนางในอย่างซอฮยอนพูดสั่งสอนจนหน้าเหวอ ใต้เท้าซินนั้นแอบยิ้มออกมาน้อยๆ ไม่คิดว่าลูกสาวของตนเองจะกล้าตีฝีปากกับขุนนางอาวุโสได้ขนาดนี้ หลายหนหลายครั้งเขาอยากจะพูดเถียงแทนนางมาก แต่ด้วยเพราะกลัวคนอื่นๆ ในท้องพระโรงจะสงสัยในความสัมพันธ์ระหว่างเขากับซอฮยอนขึ้นมาจึงต้องอดทนปิดปากเงียบไว้ก่อน

         "ก็ดีแต่อ้างคำว่าธรรมเนียม" ใต้เท้าคิมยังไม่ยอมแพ้ "ในทางปฏิบัติบางทีมันก็ไม่สามารถอิงรับกับธรรมเนียมได้เสมอไป ข้าคิดว่ามันเป็นแค่นามธรรมและไม่มีผลอะไร แต่ถ้าจะยึดมั่นในธรรมเนียมจริงดังปากเจ้าว่าล่ะก็ สตรีสูงศักดิ์ในราชสำนักหลายๆ พระองค์ที่แล้วมา รู้รึไม่ว่ามีกี่คนที่ไม่เคยผ่านการเก็บตัวที่ตำหนักสวนเฟิง แต่ทำไมพวกนางถึงยังสามารถดำรงตำแหน่งต่อไปได้เล่า แต่การที่ข้าบอกแบบนี้เดี๋ยวจะหาว่าพูดถึงอดีต เช่นนั้นข้าไม่พูดถึงอดีตก็ได้ ข้าพูดถึงปัจจุบันแล้วกัน นั่นก็คือเจ้า ซอฮยอน ตำแหน่งราชเลขาความจริงต้องเป็นของขุนนางมาตลอด อยู่ๆ กลับตกมาเป็นของนางในอย่างเจ้า รู้ไหมว่านั่นก็ผิดธรรมเนียม"

         "ใต้เท้าคิม" ราวนี้คิมจีมุนขัดขึ้นบ้าง "เรื่องตำแหน่งราชเลขาข้าว่าทุกคนน่าจะเข้าใจกันหมดแล้ว ไม่มีใครในวังเขายังติดใจกันอยู่หรอกนะขอรับ เป็นเรื่องเก่าไปแล้ว อีกอย่างทุกคนก็เต็มใจที่จะให้นางอยู่ในตำแหน่งนี้ ใต้เท้าพูดจาแบบนี้เหมือนหาเรื่องนางเลยนะขอรับ"

         "แล้วการที่นางมาออกคำสั่งให้พระชายาต้องไปอยู่ตำหนักกลางสวนไม่ใช่หาเรื่องหรือ นี่มันกลั่นแกล้งกันชัดๆ ได้ยินว่าสมัยที่พระชายายังเป็นนางใน เคยมีเรื่องบาดหมางกับซอฮยอนมาก่อนด้วย" คิมแทซุนกล่าวออกมา

         "ข้ากับพระชายาอาจเคยมีเรื่องที่ไม่ลงรอยกันมาก่อนก็จริง แต่ข้าขอรับรองนะเจ้าคะ ว่าการสั่งการในคราวนี้ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความรู้สึกส่วนตัวสักนิด" ซอฮยอนยืนยัน

         "ฮึ ความพยาบาทของผู้หญิง อันตรายร้ายกาจเสมอ ข้าไม่เชื่อเจ้าหรอก" ขุนนางอาวุโสพูดเสียงดัง พระเจ้าโจจงบนบัลลังกทำท่าจะตรัสอะไรบางอย่าง แต่เมื่อเห็นซอฮยอนกำลังจะโต้ตอบกับใต้เท้าคิมจึงตัดสินใจนิ่งฟังไปก่อน

         "ผู้หญิงไม่ได้มีจิตใจอาฆาตพยาบาทกันทุกคนนะเจ้าคะใต้เท้า" หญิงสาวเถียงอย่างสุภาพ "ถ้าท่านคิดได้แค่นั้นก็แสดงว่าเป็นคนใจแคบอย่างน่าสงสารเลยทีเดียว"

         "นี่เจ้า!"

         "ส่วนเรื่องที่ว่าข้ากลั่นแกล้งพระนาง ขอบอกอีกครั้งว่าไม่ใช่แน่นอนเจ้าค่ะ เพราะการที่สั่งการเช่นนี้ไม่ได้เพียงเพราะเรื่องเก็บตัวที่ตำหนักสวนเฟิง แต่เป็นความประพฤติของพระนางด้วย" นางบอกพลางค้นกระดาษบนโต๊ะออกมาอ่าน "เมื่อเช้าข้าได้ไปสืบความจากนางในในส่วนเซจากุงมา แทบทุกคนบอกว่าเซจาพินพระองค์ใหม่ไม่ได้สนใจกิจวัตรอันพึงกระทำในฐานะประมุขแห่งเซจากุงเลย ระเบียบวินัยหย่อนยาน เหล่าซังกุงต้องควบคุมดูแลนางในแทน นอกจากนั้นอุปนิสัยส่วนพระองค์ของพระนางก็เรียกได้ว่าย่ำแย่ พระชายาไม่ได้มีความเมตตาต่อข้าทาสบริวารแม้สักนิด และไม่ใช่แค่บ่าวไพร่ บางครั้งยังท้าทายพระองค์ต่อองค์รัชทายาทเสียด้วยซ้ำ"

         "เจ้า... เจ้ากล้า" ใต้เท้าคิมดูเหมือนจะโกรธจนตัวสั่น "เจ้าแกล้งปั่นแต่งเรื่องมาเพื่อหมิ่นพระเกียรติพระชายาใช่ไหม!"

         "ข้าว่านางไม่ได้ปั้นแต่งเรื่องขึ้นมานะใต้เท้าคิม ก็เห็นอยู่ว่านางมีหลักฐานในมือ อีกอย่าง ข้าได้ยินมาว่าเซจาพินไม่ได้ทำหน้าที่ของตัวเองเลยตั้งแต่ดำรงตำแหน่ง ฉะนั้นคำสั่งของซอฮยอนจึงเหมาะควรแล้ว" ฝ่าบาทตรัสขึ้นหลังจากเงียบไปนาน

         ขุนนางฝ่ายสกุลคิมหลายคนถึงกับผงะ

         "นี่... นี่ทรงหมายความว่า ฝ่าบาททรงเห็นชอบกับคำสั่งนางหรือพ่ะย่ะค่ะ"

         "ใช่" พระราชาพยักพระพักตร์

         "ไม่นะพ่ะย่ะค่ะ จะทรงเห็นชอบด้วยไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ!" ใต้เท้าคิมรีบทูลทันที ส่วนขุนนางลิ่วล้อทั้งหลายก็รีบพากันทูลทัดทานเช่นกันว่า "โปรดถอนรับสั่งด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ"

         "ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่เปลี่ยนใจ" พระเจ้าโจจงโบกพระหัตถ์

         "แต่ว่า..."

         "พอที!" ฝ่าบาทสั่งเสียงเฉียบขาดจนขุนนางฝ่ายสกุลคิมสะดุ้งและปิดปากเงียบไปในทันที "เอาล่ะราชเลขา รับคำสั่งข้า"

         "เพคะฝ่าบาท" ซอฮยอนโค้งคำนับเตรียมรับพระบัญชา

         "สั่งการลงไป ให้เซจาพินสกุลคิมเข้าอบรมการเป็นชายาที่ตำหนักกลางสวนตั้งแต่พลบค่ำวันนี้เป็นต้นไป" ฝ่าบาทตร้สเสียงดัง ทุกคนในท้องพระโรงก้มศีรษะแม้จะมีบางคนไม่พอใจ ส่วนซอฮยอนก็รีบบรรจงเขียนรับสั่งลงในกระดาษทันที

    (ตำหนักกลางสวนกับตำหนักสวนเฟิงไม่ใช่ที่เดียวกันนะครับ ตำหนักสวนเฟิงจะอยู่นอกวังไว้สำหรับเก็บตัว ส่วนตำหนักกลางสวนจะอยู่ในวัง แต่บริเวณนั้นคนจะไม่ค่อยพลุกพล่าน ตำหนักกลางสวนเคยปรากฏอยู่ในตอนที่ 47 ชื่อตอนรอยเลือดมาแล้ว ซึ่งเป็นสถานที่ที่คิมเซจีเคยยั่วยวนยิมโฮแทกุน)

         เมื่อการประชุมขุนนางจบลง ใต้เท้าคิมก็แสดงอาการกระฟัดกระเฟียดออกมาอย่างเห็นได้ชัด เขามีสีหน้าไม่พอใจอย่างมากตอนเดินออกมาจากท้องพระโรง พรรคพวกขุนนางฝ่ายเดียวกันรีบเดินตามเขาออกไปทันที

         "ทำไมใต้เท้าถึงอารมณ์เสียกับนางขนาดนี้" ขุนนางคนหนึ่งถามขึ้นเมื่อเดินออกมาข้างนอกแล้ว "ก็แค่ให้ไปประทับอยู่ตำหนักกลางสวน ไม่มีอะไรน่ากังวลนี่ขอรับ"

         "เจ้าโง่!" คิมแทซุนตะคอก "การที่นางสั่งการแบบนี้นี่แหละที่อันตราย เพราะถ้ามีครั้งแรก ครั้งที่สองย่อมตามมาเสมอ และต่อไปมันจะยิ่งหนักข้อมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเราจะหยุดนางก็ต้องหยุดเสียตั้งแต่ตอนนี้"

         ขุนนางชั้นผู้น้อยถึงกับหัวหดทันทีเมื่อโดนตะคอก 

         "ขออภัยใต้เท้า ข้าคิดน้อยไปเองขอรับ"

         "คำสั่งของปาร์คซอฮยอนช่างเฉียบขาดจริงๆ" เสียงคุ้นหูดังขึ้นข้างตัว ใต้เท้าคิมหันไปมองก็พบใต้เท้าซินซังซอนเดินออกมาจากท้องพระโรงพร้อมขุนนางฝ่ายสกุลซิน เขายิ้มทันทีเมื่อเห็นว่าตนเองมองอยู่

         "เป็นอย่างไรบ้างใต้เท้าคิม" ผู้นำสกุลซินเดินเข้ามาทัก "ข้าว่าราชเลขาคนใหม่นี่ช่างร้ายกาจไม่เบา ฝีปากก็จัดจ้านนัก ที่สำคัญนางดูไม่กลัวใครเสียด้วย"

         "ก็แค่ผู้หญิง..." ใต้เท้าคิมกัดฟันพูดออกมา

         "จุ๊ๆ เราไม่ควรดูถูกสตรีเพศนะใต้เท้า" ขุนนางชั้นเอกฝ่ายตรงข้ามเอ่ยยั่ว "เพราะท่านเองก็ใช้คิมเซจีลูกหลานตระกูลตัวเองเป็นบันไดไปสู่อำนาจเหมือนกันไม่ใช่หรือ"

         ผู้อาวุโสแห่งสกุลคิมกำหมัดแน่นอย่างโกรธแค้น แต่ด้วยบริเวณตรงนั้นมีคนอยู่เยอะจึงไม่กล้าที่จะระเบิดอารมณ์ออกไป ใต้เท้าซินซังซอนก้มศีรษะให้อย่างเย้ยหยันก่อนจะเดินจากไปพร้อมเสียงหัวเราะ












         "นางสั่งการไปแบบนั้นหรือ นั่นคือประกาศิตแรกของนางหรือ" องค์รัชทายาทลียิมโฮถึงกับวางดาบที่ตัวเองกำลังขัดอยู่ลงบนโต๊ะไม้ตัวยาวก่อนจะหันมามองมหาดเล็กคนสนิทด้วยความแปลกพระทัย

         "ใช่พ่ะย่ะค่ะ นางสั่งการลงไปแบบนั้นจริงๆ และฝ่าบาทก็ทรงเห็นชอบด้วย" มหาดเล็กโชคังอินทูลพลางยกทวนหลายเล่มขึ้นตั้งให้ตรง วันนี้เป็นวันตรวจคลังอาวุธ องค์รัชทายาทจึงเสด็จมาตรวจตราด้วยพระองค์เอง "หม่อมฉันได้ยินว่าใต้เท้าคิมโกรธจนหนวดกระตุกทีเดียว"

         รัชทายาทหนุ่มนั่งนิ่งพลางคิดใคร่ครวญ เขาไม่สนใจว่าใต้เท้าคิมจะกราดเกรี้ยวเพียงใด แต่มันมีสิ่งหนึ่งต่างหากที่พระองค์ไม่ค่อยเข้าใจ

         "ทรงคิดอะไรอยู่หรือพ่ะย่ะค่ะ" มหาดเล็กหนุ่มถามเมื่อเห็นนายของตนนิ่งงันไป

         "ทำไมซอฮยอนถึงสั่งการลงไปแบบนั้นล่ะ" เชื้อพระวงศ์หนุ่มสงสัย 

         คนสนิทยิ้มอย่างรู้ทัน

         "ทรงคิดเหมือนหม่อมฉันใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ ว่าทำไมนางถึงสั่งการแบบนี้ เพราะปกติคนอย่างนางไม่น่าใช้อำนาจของตนไปกลั่นแกล้งใคร แม้ว่าจะเป็นศัตรูก็ตาม"

         "ส่วนตัวข้าคิดว่ามันมีอย่างอื่นที่เบากว่านี้ที่จะสั่งเซจาพิน เอาจริงๆ ถ้าจะอบรมก็สามารถทำในตำหนักเซจาพินเลยก็ได้ ทำไมต้องเป็นตำหนักกลางสวน แบบนี้มันไม่ต่างจากถูกกักบริเวณเลยนะ" องค์รัชทายาทตั้งข้อสังเกต

         "นี่พระองค์..." โชคังอินหรี่ตา "จู่ๆ ก็ทรงมีความเห็นอกเห็นใจต่อพระนางเซจีขึ้นมาอย่างนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ"

         "ไม่ใช่อย่างนั้น" ลียิมโฮรีบพูด "ที่ข้าสงสัยคือทำไมอยู่ๆ ซอฮยอนจึงสวมบทโหดสั่งการลงไปเช่นนี้ มันดูไม่เหมือนนางเลยนะ"

         "อืม" มหาดเล็กประจำพระองค์คิดใคร่ครวญก่อนจะทูลไปว่า "ไม่แน่ว่านางอาจจะมีอะไรอยู่ในใจก็ได้นะพ่ะย่ะค่ะ"

         องค์รัชทายาทถอนหายใจ นี่เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่นะซอฮยอน...













         ในตำหนักเซจาพิน ดวงเทียนดวงหนึ่งไหววูบหรี่ลงเพราะไส้เทียนกำลังจะหมด แต่เจ้าของตำหนักที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ก็ไม่มีแก่ใจจะจุดดวงเทียนขึ้นมาใหม่ แสงสว่างในห้องจึงค่อยๆ สลัวลงทีละนิด

         พระชายานั่งนิ่งอยู่บนที่ประทับ มือข้างหนึ่งวางพาดบนโต๊ะขาเตี้ย มันกำแน่นคล้ายแค้นเคืองอะไรบางอย่างสุดขีด ทั้งแขนและช่วงหัวไหล่นั้นสั่นไหวราวกับพยายามสะกดกลั้นอารมณ์รุนแรงไว้ภายใน พระพักตร์นั้นเล่าก็ซีดเผือดไร้สีเลือด ดวงตาแข็งกร้าวค่อยๆ มีน้ำตาไหลรินลงมาช้าๆ จนอาบแก้มนวล นั่นเป็นน้ำตาแห่งความแค้น มันมีมากเสียจนบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้

         "พระชายา..." คิมซังกุงพยายามเรียก "ทรงทำพระทัยดีๆ ไว้ก่อนเถิดเพคะ"

         "ให้ข้าทำใจหรือคิมซังกุง" พระนางหันดวงตาแดงก่ำมามอง "ท่านคิดว่าข้าจะทำใจยอมรับเรื่องนี้ได้อย่างนั้นหรือ"

         "หม่อมฉันเข้าใจพระนาง แต่ใต้เท้าคิมเองยังไม่สามารถหยุดยั้งได้ แล้วหม่อมฉัน---"

         "ท่านเคยบอกว่าซอฮยอนจะไม่กล้าออกคำสั่งกลั่นแกล้งข้ามิใช่หรือ" พระชายาตรัสขึ้นมากะทันหัน "ท่านบอกว่ามั่นใจมากว่านางเป็นคนดี จะไม่ใช้อำนาจในทางที่ผิดหรือคิดแค้นผูกเวรใดๆ แล้วนี่อะไร ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้"

         "คือ... หม่อมฉัน" คิมซังกุงเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมจู่ๆ ซอฮยอนถึงกล้าออกคำสั่งแบบนี้ นี่ไม่ใช่ตัวนางเลย หรือว่ามีคนบังคับนาง... ก็ไม่น่าใช่อีก ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนประเภทที่จะถูกชักจูงได้โดยง่าย มันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ๆ

         "คือ... หม่อมฉันก็ตามนางไม่ทันเหมือนกันเพคะพระชายา ครั้งนี้สิ่งที่นางทำมันผิดคาดไปหมด ไม่รู้ว่านางคิดอะไรอยู่กันแน่"

         "ไม่รู้ว่านางคิดอะไรอยู่รึ" พระชายาส่ายหน้า "เห็นได้ชัดว่านางจะแกล้งข้า ตำหนักกลางสวนนั่นมันห่างจากเซจากุงมากนัก อีกทั้งห่างไกลผู้คน ตั้งโดดเดี่ยวเงียบเหงาอยู่กลางสวนร้าง ห้องเครื่องเฉพาะก็ไม่มี นางในสำหรับใช้สอยมีไม่กี่คน พื้นที่ก็คับแคบ ข้าวของเครื่องใช้ก็จำกัด มิหนำซ้ำข้ายังไม่สามารถออกไปไหนได้อีก คนนอกก็เข้ามาไม่ได้ จะทนทุกข์ทรมานไปอีกกี่วันก็ไม่รู้ แบบนี้มันก็ไม่ต่างจากเรือนจำฝ่ายในเลย"

         "ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกเพคะ" คิมซังกุงพยายามปลอบ นางเองก็โมโหเหมือนกันแต่ด้วยตอนนี้หลานสาวของตนกำลังตกอยู่ในภาวะสติแตก นางจึงจำต้องใจเย็นไว้ก่อน "เดี๋ยวหม่อมฉันจะช่วยหาทางให้พระนางให้ได้ หม่อมฉันสัญญา"

         "ใครจะช่วยข้าได้อีกเล่า" เซจาพินร่ำร้อง

         "พระชายาเพคะ" ซังกุงหน้าตำหนักตะโกนเข้ามา คิมซังกุงเห็นพระชายาไร้เรี่ยวแรงจึงตะโกนถามแทนไปว่า

         "มีอะไรหรือ"

         "มีคนมาขอเข้าเฝ้าเพคะ" ซังกุงร้องตอบกลับมา

         "พระชายาทรงไม่สบาย ตอนนี้ไม่อยากพบใคร" คิมซังกุงร้องบอก

         เงียบกันไปสักพัก

         "เอ่อ คือนางจะเข้ามาให้ได้เพคะ" ซังกุงหน้าตำหนักตะโกนมาอีกหน

         "นางหรือ?" พระนางเซจีขมวดคิ้ว "ใครกัน"

         "ปาร์คซอฮยอนเพคะ"






    โปรดติดตามตอนต่อไป
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×