ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กลรักวังหลวง [서현]

    ลำดับตอนที่ #149 : กงเกวียนกำเกวียน [100%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 610
      53
      17 ก.พ. 63

    ตอนที่ 149 กงเกวียนกำเกวียน





        ซอฮยอนเกือบส่งเสียงออกไปเมื่อได้ยินสิ่งที่บิดากล่าวจบ นางไม่อยากเชื่อหูตนเองเลยว่าใต้เท้าซินจะพูดอะไรเช่นนี้ออกมา หญิงสาวรู้สึกเหมือนอวัยวะต่างๆ ในร่างกายหยุดทำงานกะทันหัน แม้แต่หูเองก็ดับไปจนไม่ได้ยินบทสนทนาต่อมาของใต้เท้าทั้งสามในห้องข้างๆ

         "แล้วลูกสาวท่านจะยอมทำหรือ" ใต้เท้าลีถามขึ้น "ข้ารู้สึกว่านางดูยังไม่เหมาะกับการจะลงสนามรบสู้กับสกุลคิมนะ"

         "นางพร้อมมานานแล้วใต้เท้าลี แค่รอคอยจังหวะเท่านั้นเอง" ใต้เท้าซินซังซอนบอก "ตอนนี้เช้าแล้ว ข้าว่าท่านทั้งสองรีบกลับวังไปก่อนเถิด ถ้าเข้าประชุมเช้าไม่ทันเดี๋ยวคนอื่นจะสงสัย ส่วนเรื่องนี้อย่าเพิ่งบอกกับผู้ใดเป็นอันขาด หวังว่าท่านคงเข้าใจ"

         เสียงลากเก้าอี้ดังขึ้นทันทีหลังจากนั้น ซอฮยอนคิดว่าใต้เท้าทั้งสองกำลังจะจากไป ไม่นานก็มีเสียงประตูเปิดปิด อันหมายความว่าพวกเขาไปแล้วจริงๆ

         ฉากบังตาระหว่างทั้งสองห้องถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว ใต้เท้าซินก้าวเข้ามาในห้องเดียวกับซอฮยอนก่อนจะนั่งลงข้างๆ ลูกสาว 

         หญิงสาวผุดลุกขึ้นยืนทันที ไม่รู้ว่าเพราะสัญชาตญาณหรืออะไรทำให้นางทำแบบนั้น แต่คำสั่งให้ฆ่าคนของบิดาตนเองทำให้นางมองเขาไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ซอฮยอนถอยกรูดไปชิดผนังห้อง ใบหน้าซีดเผือดหันมองใต้เท้าซินอย่างหวาดหวั่น

         "จะตกอกตกใจให้ได้อะไรขึ้นมา ซอฮยอน" เขากล่าวพลางยกกาน้ำชาบนโต๊ะทรงกลมเทใส่จอก "เจ้าก็รู้อยู่แก่ใจว่าวันนี้มันต้องมาถึง"

         "วันนี้หรือเจ้าคะ" ซอฮยอนทวนคำ "วันที่ฆ่าคนเนี่ยน่ะหรือ"

         "วันที่กำจัดศัตรูต่างหาก" ใต้เท้าซินแก้ให้ถูก

         ซอฮยอนส่ายหน้า "ใต้เท้าวางแผนนี้มานานรึยังเจ้าคะ"

         "ก็ตั้งแต่เจ้าเริ่มเป็นที่โปรดปรานของฝ่าบาทในฐานะราชเลขาประจำพระองค์" ผู้เป็นบิดาตอบ

         "นั่นมันไม่นานเลยนะเจ้าคะ" หญิงสาวร้อง "ทำไมถึงต้องเอาข้าไปเกี่ยวด้วย"

         "เจ้าเข้าวังมาเพื่อแก้แค้นให้ฮวารยอนไม่ใช่หรือ" เขาถามพลางเหลือบตามอง "เจ้าเองก็เคยพูดไว้ก่อนจะเข้าวังว่าจะแก้แค้นให้พี่สาวตนเอง"

         "และเจตนารมณ์นั้นมันก็ยังไม่เปลี่ยน แต่การแก้แค้นไม่ใช่การทำให้พวกเขาตายนะเจ้าคะ" หญิงสาวพูดสวน

         "แล้วเจ้าจะแก้แค้นโดยวิธีไหน ปล่อยให้พวกเขาแก่ตายไปอย่างนั้นหรือ"

         "ข้าคิดว่าเมื่อถึงเวลา เราจะสามารถเอาคืนพวกเขาได้โดยที่พวกเราไม่ต้องมือเปื้อนเลือดเจ้าค่ะ" ซอฮยอนตอบ

         "กว่าจะถึงตอนนั้น เจ้าคิดว่าพวกเขาจะอยู่เฉยๆ รอเราเล่นงานหรือ พวกเขาต่างหากที่จะเล่นงานเราก่อน โดยเฉพาะเจ้าที่เป็นตัวขัดขวางสกุลคิมมาตลอด ยิ่งถ้าวันข้างหน้าพวกเขารู้ว่าเจ้าเป็นคนสกุลซินจะยิ่งเป็นอันตราย" ใต้เท้าซินเอ่ยออกมา

         "แต่ว่าข้าจะไม่ปลิดชีวิตใครเจ้าค่ะ" นางยังคงปฏิเสธ

         "ข้าไม่ได้จะให้เจ้าไปฆ่าใครเสียหน่อย ข้าแค่จะให้เจ้าส่งพระนางเซจีไปประทับที่ตำหนักกลางสวน" ขุนนางชั้นเอกแย้ง

         "มันก็เหมือนกับการส่งพระนางไปตายอยู่ดีนั่นแหละเจ้าค่ะ ข้าไม่ทำหรอก และใต้เท้าก็ไม่ควรทำด้วย ทำไมเราต้องเอาอย่างคิมซังกุงที่แก้ปัญหาต่างๆ ด้วยการฆ่าฟัน ถ้าเราทำแบบนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับนางเลย"

         "คนชั่วๆ เจอกับวิธีการชั่วๆ นั่นก็สมควรแล้วไม่ใช่หรือ" ผู้เป็นบิดาถาม

         "ไม่มีใครอยากเป็นคนชั่วหรอกเจ้าค่ะใต้เท้า แม้แต่คิมซังกุงเองก็ไม่ใช่คนที่เลวร้ายแต่แรกเสียด้วยซ้ำ" หญิงสาวพูดออกไป

         "อะไรนะ..." ใต้เท้าซินซังซอนชะงัก เขาเงยหน้ามองบุตรสาวอย่างแปลกใจ "หมายความว่าอย่างไรที่ว่าคิมซังกุงไม่ใช่คนเลวร้ายแต่แรก"

         ซอฮยอนกลืนน้ำลายลงคอ อยากจะเขกหัวตัวเองจริงๆ ที่เผลอพูดสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไปอีกแล้ว

         "เปล่าเจ้าค่ะ" นางตอบ

         "เจ้านี่โกหกไม่เก่งเลยนะ" เขากล่าวอย่างรู้ทัน "บอกมาตามตรง เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าคิมซังกุงไม่ใช่คนเลวร้ายแต่แรก เจ้าเกิดทีหลังนางนี่"

         "คือ..." หญิงสาวพยายามหาข้ออ้าง "ข้าเคยได้ยินคนอื่นพูดกันน่ะเจ้าค่ะ"

         ขุนนางชั้นเอกหรี่ตามองซอฮยอนอย่างจับผิด แต่ในที่สุดเขาก็พูดต่อไปว่า

         "เรื่องที่คนพูดต่อกันมาก็ไม่ต่างจากเสียงนกเสียงกา ความจริงจะมีอยู่สักเท่าไรกันเชียว และต่อให้คิมซังกุงจะเคยเป็นคนดีมาก่อน นางก็ไม่อาจลบล้างความผิดที่เคยทำต่อฮวารยอนได้"

         "แต่ข้าก็ยังไม่เห็นด้วยกับวิธีนี้อยู่ดีเจ้าคะ" ซอฮยอนยังคงยืนยันคำเดิม "พวกเรามีความแค้นต่อคิมซังกุง แต่กลับไปลงคิมเซจีที่เป็นหลานสาวนาง แค่นี้ก็ผิดแล้ว"

         "เจ้าพูดยังกับว่าตัวเองมีทางเลือก" เขาส่ายหน้า 

         "หมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ"

         "ต่อให้เจ้าพยายามกีดขวางแผนการนี้สักเท่าใด มันก็จะดำเนินไปอยู่ดี ความตายของพระชายาเซจีต้องเกิดขึ้น" ใต้เท้าซินกล่าว

         "แต่อย่าลืมนะเจ้าคะว่าข้าเป็นราชเลขาประจำพระองค์ ถ้าข้าไม่ออกหนังสือให้พระนางเสด็จไปตำหนักกลางสวน เหตุร้ายนี้ก็จะไม่มีทางเกิดขึ้น" ผู้เป็นบุตรสาวโต้ตอบ

         ผู้นำแห่งสกุลซินหัวเราะ "ข้าไม่ต้องบังคับให้เจ้าออกหนังสือฉบับนั้นหรอก เพราะเจ้าจะต้องเขียนมันด้วยตัวของเจ้าเองแน่นอน"

         "ใต้เท้าคิดจะทำอะไรเจ้าคะ"

         "ก็อย่างที่บอก" ขุนนางอาวุโสนั่งเอนหลังกับพนักเก้าอี้ "ข้าไม่ต้องทำอะไร แต่เจ้าจะทำมันเอง เพราะถ้าเจ้าไม่ทำ องค์รัชทายาทลียิมโฮก็จะต้องสิ้นพระชนม์ตามพระชายาเซจีไปด้วย"

         ซอฮยอนตกตะลึง นางยืนนิ่งค้างจ้องมองบิดาตรงหน้าของตนอย่างไม่เชื่อหู 

         "ใต้เท้า..." หญิงสาวรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง "..ใต้เท้าพูดอะไรออกมา"

         "ถ้าเจ้าไม่ออกหนังสือคำสั่งให้พระนางเซจีไปอยู่ตำหนักกลางสวน คนของข้าก็จะเผาตำหนักที่ประทับประจำของพระนางที่อยู่ในเซจากุงแทน ซึ่งนั่นหมายความว่าตำหนักตงกุงของรัชทายาทก็จะต้องถูกเผาไปด้วย เจ้าจะยอมให้เป็นแบบนั้นหรือ"

         "ใต้เท้าซิน!" บุตรสาวร้องออกมา "นี่ท่านคิดจะลอบปลงพระชนม์พระชายายังไม่พอ ยังจะลอบปลงพระชนม์องค์รัชทายาทด้วยหรือเจ้าคะ!"

         "ก็ถ้าเจ้าไม่ออกหนังสือ องค์รัชทายาทก็จะต้องตาย"

         "ข้าจะไม่ออกหนังสืออะไรทั้งนั้นหรอกนะเจ้าคะ!" ซอฮยอนตะโกนออกมาอย่างสุดจะกลั้น

         "เช่นนั้นองค์รัชทายาทก็ต้องถึงจุดจบเหมือนกัน" ใต้เท้าซินพูดหน้าตาเฉย

         "ถ้าทำแบบนั้น ท่านก็ไม่ต่างจากกบฏ"

         "เจ้าคิดว่าข้าสนหรือ" บิดาเลิกคิ้วถาม "ข้าหมดศรัทธากับราชสำนักตั้งแต่ฮวารยอนลาโลกไปแล้ว มันไม่มีสิ่งใดที่ยุติธรรม ความรุนแรงเท่านั้นที่จะสู้กับความรุนแรงได้"

         "ท่านพูดเหมือนมันทำง่ายฉะนั้น"

         "เจ้าเชื่อข้าเถอะ การฆ่าคนง่ายกว่าการปกป้องคนมากนัก และข้าก็ไม่สนใจองค์รัชทายาทพระองค์นี้อีกด้วย เพราะเขาก็เป็นหนึ่งในต้นเหตุที่ทำให้ฮวารยอนตาย การที่เขาจะต้องตายไปพร้อมกับพระนางเซจี ก็ถือว่าสมควรแล้ว"

         "ไม่มีใครสมควรตายทั้งนั้นแหละเจ้าค่ะ"

         "ก็ถ้าเจ้าคิดว่าองค์รัชทายาทไม่สมควรตาย เจ้าก็ออกหนังสือคำสั่งมาเสียสิ ข้ารู้ว่าเจ้าคงไม่อยากให้พระองค์เป็นอะไรไปจริงรึไม่"

         "ใต้เท้า..." ซอฮยอนหรี่ตา

         "ข้าดูเจ้านะซอฮยอน ข้ารู้ว่าเจ้ามีใจให้องค์รัชทายาทผู้นี้"

         เขารู้... หญิงสาวคิดในใจ และเขาก็ใช้วิธีนี้มาบีบบังคับให้นางไร้ซึ่งทางเลือก ตำแหน่งราชเลขาความจริงแล้วมีไว้ทำสิ่งใดกันหรือ เพื่อคอยรับใช้ฝ่าบาท หรือเพื่ออำนาจส่วนตน ตอนนี้กลายเป็นไม่ว่านางจะตวัดปลายพู่กันทำอะไร ก็สามารถชี้ชะตาผู้คนได้แล้ว

         ซอฮยอนหลับตาลงพลางสูดลมหายใจเข้ายาวลึก นางพยายามทบทวนทางเลือกที่มีอยู่น้อยนิดของตนอีกครั้ง

         หนึ่ง ไม่เขียนหนังสือคำสั่งให้พระนางเซจีเสด็จไปตำหนักกลางสวน ซึ่งนั่นจะทำให้องค์รัชทายาทตกอยู่ในอันตราย

         สอง เขียนหนังสือคำสั่งให้พระนางเซจีเสด็จไปตำหนักกลางสวน ซึ่งนั่นจะทำให้พระนางตายอย่างอนาถ

         นางทำไม่ได้... ซอฮยอนตัดสินใจ ไม่ว่าทางไหนก็โหดร้ายไปหมดสำหรับนาง

         เงียบกันไปสักพัก

         "ท่านแค่ขู่ข้าใช่ไหมเจ้าคะ" หญิงสาวถามออกมาในที่สุด "จริงๆ ท่านไม่กล้าทำหรอก รัชทายาทนะเจ้าคะที่เรากำลังพูดถึงกันอยู่ตอนนี้ ถ้าพระองค์เป็นอะไรขึ้นมา ฝ่าบาทและพระมเหสีไม่มีทางอยู่เฉยแน่ การกวาดล้างและการนองเลือดจะมีขึ้นอีกครั้ง และแม้แต่ท่านหรือวงศ์ตระกูลก็อาจจะไม่รอด ท่านรู้ข้อนี้ใช่ไหมเจ้าคะ นั่นทำให้คิดว่าท่านแค่ขู่ข้าเท่านั้น"

         "ถ้าเจ้าคิดเช่นนั้นก็แล้วแต่เจ้า แล้วเจ้าจะได้รู้ว่าข้าขู่รึเปล่า" ใต้เท้าซินเอ่ยเสียงเรียบ "เอาล่ะตอนนี้กลับวังไปได้แล้ว ถ้าไม่อยากให้ใครสงสัย"

         ซอฮยอนทำท่าจะพูดอะไรออกมา แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่รู้จะสรรหาคำไหนออกมากล่าว นางมองบิดาตนเองอย่างผิดหวังอยู่ชั่วครู่ก่อนจะหันหลังเดินออกไปจากห้องอย่างรวดเร็วดุจโกรธเคือง

         ส่วนใต้เท้าซินซังซอนยังคงนั่งคิดอะไรอยู่คนเดียวภายในห้องต่อไป เขายกมือกุมขมับและใช้นิ้วอีกมือลูบจอกน้ำชาไปมา แววตาเฉลียวฉลาดนั้นดูออกว่ากำลังใช้ความคิดอย่างหนัก

         ประตูห้องถูกเปิดออกอีกครั้ง ใต้เท้าลีซุนยีกับใต้เท้ายุนควางซันเดินเข้ามานั่งลงบนเก้าอี้อย่างรวดเร็ว

         "พูดได้ดีนี่ใต้เท้า" ใต้เท้าลีเอ่ยชม "แต่ลูกสาวท่านคนนี้เหมือนจะดื้อรั้นพอตัวเลยนะ"

         "ใช่ เห็นท่าจะชักจูงยาก" ใต้เท้ายุนกล่าวอย่างวิตกกังวลก่อนจะถามใต้เท้าซิน "แต่ข้าไม่เข้าใจตรงที่ท่านบอกว่าถ้านางไม่ออกหนังสือ องค์รัชทายาทก็จะได้รับอันตรายไปด้วย เรื่องนี้ท่านไม่เคยเห็นมาพูดกับข้าทั้งสองคนเลยนี่"

         "นั่นสิ" ใต้เท้าลีเห็นด้วย "หรือว่า... ท่านแค่ขู่อย่างที่นางว่าไว้จริงๆ"

         "ถ้าขู่ก็แล้วไป เพราะข้าก็ไม่อยากจะเสี่ยงกับการคิดร้ายต่อองค์รัชทายาทในเวลานี้เหมือนกัน ในราชสำนักใครๆ ก็รู้ว่าตอนนี้ลียิมโฮแข็งแกร่งกว่าลีซองแจมากนัก" ใต้เท้ายุนเอ่ย

         "ข้าเองก็ไม่มีทางเลือกจึงกล่าวกับซอฮยอนไปเช่นนั้น และหวังว่านางจะเลือกทางที่สูญเสียน้อยที่สุด" ใต้เท้าซินพูด เขาลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินไปเปิดหน้าต่างบานเล็กของห้องเพื่อจะมองทิวทัศน์เบื้องนอก สายตาจับจ้องไปที่แดดแรกของอรุณรุ่งบนยอดเขาไกลๆ เวลาเช้าได้มาถึงแล้ว แต่ทว่าในใจของขุนนางชั้นเอกมีแต่ความหม่นหมองมืดมน เขาเริ่มคิดว่าสิ่งที่ทำและบังคับให้ลูกสาวทำนั้นเป็นเรื่องที่เลวร้ายเกินไปรึไม่
















         "เจ้าไปไหนมาน่ะ" คิมจีมุนร้องถามขึ้นทันทีเมื่อเห็นซอฮยอนเดินเข้ามาในกองอาลักษณ์ เขาหัวเสียพอสมควรเมื่อต้องจัดการเรื่องวุ่นๆ ทุกอย่างคนเดียว

         ซอฮยอนไม่ตอบ นางยังคงรู้สึกสะเทือนใจกับเรื่องที่ได้รับรู้มาหมาดๆ จนไม่มีสมาธิสนใจสิ่งรอบข้าง หญิงสาวนั่งลงอย่างเหม่อลอยราวกับไม่ได้ยินเสียงบ่นเจื้อยแจ้วของชายหนุ่มข้างกาย

         "เจ้ารู้ไหมว่าข้าต้องวิ่งเต้นส่งหนังสือและจดหมายรวมถึงผลการพบปะท่านทูตกับฝ่าบาทจนแทบเลือดตากระเด็น ไหนจะต้องหาข้ออ้างดีๆ เพื่อทูลฝ่าบาทว่าเจ้าไปไหน ทำไมถึงมาไม่ทันการเสด็จท้องพระโรงรอบเช้าของฝ่าบาท ไหนจะเรื่อง---" จู่ๆ อาลักษณ์คิมก็หยุดพูดไปกะทันหันเมื่อเห็นสีหน้าของหญิงสาว "ซอฮยอน... เจ้าเป็นอะไรรึเปล่า"

         "ข้าสบายดี" นางตอบเสียงแผ่วเบา

         "แน่ใจหรือ ทำไมถึงดูเหมือนคนไม่มีวิญญาณฉะนั้น" ชายหนุ่มหรี่ตาถาม

         "ข้าไม่ค่อยสบายน่ะ"

         "อะไรน่ะ" อาลักษณ์หนุ่มหัวเราะ "ตอนแรกบอกสบาย ตอนนี้บอกไม่สบาย สรุปอย่างไรแน่"

         "ข้าสบายกาย แต่ข้าไม่สบายใจน่ะเจ้าค่ะ" หญิงสาวกล่าวออกมาตามตรง

         "มีเรื่องอะไรหรือ ไปเจออะไรนอกวังมาใช่รึไม่" คิมจีมุนพูดดักอย่างรู้ทัน ซอฮยอนหันมามอง

         "ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าไปนอกวังมา" นางขมวดคิ้ว

         "ก็เจ้าไม่ได้กลับมาวังหลวง แสดงว่าต้องไปนอกวังมา" เขาสันนิษฐาน

         "เจ้าค่ะ ข้าไปนอกวังมาจริงๆ" นางสารภาพ "แต่ข้าบอกท่านไม่ได้หรอกนะเจ้าคะว่าไปเจอเรื่องอะไรมา"

         "ข้าไม่ได้บังคับให้เจ้าเล่าเสียหน่อย" คิมจีมุนบอก "แต่ถ้าอยากระบายหรือปรึกษาอะไร ข้าพร้อมรับฟังเสมอนะ"

         หญิงสาวถอนหายใจก่อนจะพูดว่า

         "ถ้าข้าหมดหนทางขึ้นมาจริงๆ ท่านจะมีโอกาสได้ช่วยข้าอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ"

         คิมจีมุนฉุกใจกับคำพูดของซอฮยอน ชายหนุ่มแอบลอบมองใบหน้าอันกลัดกลุ้มของนางเงียบๆ และคิดในใจว่ามันต้องมีเรื่องสำคัญอะไรสักอย่างเกิดขึ้นแน่นอน

      









         "อะไรนะ! ขอสละตำแหน่ง!" เสียงของคิมซังกุงตะโกนดังลั่นตำหนักเซจาพิน เหล่าซังกุง นางในและขันทีหน้าตำหนักถึงกับสะดุ้งโหยงกันเป็นแถวก่อนจะมองหน้ากันไปมาเลิ่กลั่ก

         ประตูตำหนักแง้มเปิดออกเล็กน้อย ซงฮวันก้าวออกมาก่อนจะบอกเหล่าข้าราชบริพารหน้าตำหนักทั้งหลายว่า

         "ซังกุงรับบัญชามีคำสั่งให้พวกท่านทุกคนออกห่างไปจากตำหนักพระชายาสักครู่หนึ่งเจ้าค่ะ ตอนนี้นายหญิงต้องการความเป็นส่วนตัว"

         ทุกคนได้ยินเช่นนั้นก็พากันเดินลงจากบันไดหินไปจนหมด เมื่อซงฮวันมองไปรอบๆ และไม่พบว่ามีผู้ใดมาอยู่ใกล้เคียงตัวตำหนักอีกจึงเดินกลับเข้าประตูไปตามเดิม

         พระชายาเซจีไม่ได้อยู่ในชุดทังอีหรูหราอีกต่อไปแล้ว นางอยู่ในชุดผ้าป่านสีขาวล้วน บนศีรษะก็ไร้ซึ่งคาเชอีกทั้งยังปล่อยเปียยาวเรี่ยราด

         "พระชายาตรัสอะไรออกมา สละตำแหน่งหรือ หมายความว่าอย่างไรกัน" คิมซังกุงถามอีกรอบ นางดูหัวเสียจัดทีเดียว

         "องค์รัชทายาทหมางเมิน หวางจื่อห้าวไม่รับรองตำแหน่ง ฝ่าบาทก็ดูไม่ได้เป็นทุกข์ร้อนกับเรื่องนี้ ที่สำคัญ ต้องตกอยู่ในอำนาจการสั่งการของราชเลขาอย่างซอฮยอน ถ้าจะเสียศักดิ์ศรีขนาดนี้ ข้าขอสละตำแหน่งเสียดีกว่า" พระนางเซจีตรัสออกมา

         ซังกุงรับบัญชามองหลานสาวตัวเองด้วยความโมโหปนสงสาร พระนางดูห่อเหี่ยวจนสีหน้าหม่นหมอง ผิวพรรณก็ไม่เปล่งปลั่งดุจเดิม ฉับพลัน สภาพของฮวารยอนที่เคยทรมานก่อนตายก็ฉายวาบเข้ามาในดวงจิตของคิมซังกุง มันซ้อนทับกับสภาพของคิมเซจีในขณะนี้ราวกับตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันไม่มีผิด

          คิมซังกุงรู้สึกหนาวเยือกขึ้นมาในอก สมัยนั้นฮวารยอนก็ทุกข์ระทมแบบนี้ก่อนตาย แล้วถ้าหากคิมเซจีก็กำลังจะกลายเป็นแบบนั้นไปด้วยเล่า นี่มัน... นี่มันกงเกวียนกำเกวียนชัดๆ




    โปรดติดตามตอนต่อไป
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×