ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กลรักวังหลวง [서현]

    ลำดับตอนที่ #130 : ความทุกข์ใจของพระมเหสี [100%]

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 552
      31
      7 ม.ค. 63

    ตอนที่ 130 ความทุกข์ใจของพระมเหสี

     




      
         "เจ้า... เจ้าเอามันมาจากไหน" ประมุขของฝ่ายในยกมืออันสั่นเทาชี้ไปที่ซองจดหมายในมือคิมซังกุง

         "พระองค์น่าจะทรงรู้ดีกว่าหม่อมฉันไม่ใช่หรือเพคะว่าสิ่งนี้ได้มาจากที่ใด"

         "อย่ามาเล่นลิ้นกับข้านะ" พระมเหสีตวาด 

         "หม่อมฉันจะบอกพระนางก็ย่อมได้เพคะ แต่คงจะต้องเปิดเผยเนื้อความด้านในด้วย พระนางจะให้หม่อมฉันอ่านดังๆ ตรงนี้เลยรึไม่เพคะ" คิมซังกุงเอ่ยขึ้น

         ชุงจอนมามะหันมองข้าราชบริพารรอบตัว  

         "หม่อมฉันแนะนำ" คิมซังกุงทูลต่อไป "ให้ไปคุยกันอย่างลับๆ ที่ตำหนักพระนางดีกว่าไหมเพคะ"

         พระมเหสีหันไปมองตำหนักใหญ่อย่างเสียดาย รู้ดีว่าคิมซังกุงมาเพื่อขัดขวางตนเองไม่ให้เข้าเฝ้าฝ่าบาทโดยเฉพาะ แต่ซองจดหมายที่ประทับตราฉบับนั้นมันก็น่าแคลงใจไม่น้อย

         "กลับตำหนัก" พระนางตรัสกับเหล่าผู้ติดตาม คิมซังกุงยิ้มมุมปากก่อนจะเดินตามขบวนเสด็จกลับไปยังตำหนักกลาง

         เมื่อชุงจอนมามะกลับมาถึงตำหนักของตนเรียบร้อยก็ไล่ให้เหล่าข้าราชบริพารออกไปให้หมด 

         เมื่ออยู่กันตามลำพัง คิมซังกุงก็จัดแจงนั่งลงตรงหน้าพระพักตร์ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า "พระองค์ทรงตัดสินใจถูกต้องแล้วเพคะที่เชื่อหม่อมฉัน"

         พระมเหสีมองหน้าคิมซังกุงอย่างชิงชังจับใจ

         "รีบบอกข้ามาเสียที จดหมายนั่นได้มาจากไหน"

         "มันคือจดหมายจากอิมซังกุงเพคะ" คิมซังกุงตอบเบาๆ

         "อิมซังกุง..." พระนางทวนคำ "เจ้าหมายถึง..."

         "ใช่เพคะ นางก็คืออดีตซังกุงสูงสุดของห้องเครื่อง"

         ความตกใจปรากฏขึ้นบนพระพักตร์พระมเหสีวูบหนึ่งก่อนที่เจ้าตัวจะรีบปรับให้เป็นปกติ

        "ทำไมจดหมายที่ประทับตราตระกูลข้าจึงไปอยู่กับนาง"

        "อายุจดหมายฉบับนี้มีพอๆ กับเวลาที่พระองค์และหม่อมฉันเข้าวังเพคะ ลองตรองดูดีๆ สิเพคะว่ามันไปอยู่กับนางได้อย่างไร" ซังกุงรับบัญชาตะล่อมทีละนิด

         "ซิลวา นี่เจ้าคิดจะมาไม้ไหนกันแน่ จดหมายฉบับนั้นเจ้าทำขึ้นเองใช่ไหม"

         คิมซังกุงหยิบถุงกำมะหยี่สีแดงออกมาอีกครั้งและล้วงซองจดหมายที่มีตราประทับของตระกูลพระมเหสีให้ดู นางจัดการเปิดซองก่อนจะหยิบกระดาษด้านในออกมา

         "เขียนด้วยลายมืออดีตเสนาฝ่ายขวา ใต้เท้าคนนี้เป็นบิดาพระมเหสีไม่ใช่หรือเพคะ"

         "แล้วอย่างไร"

         คิมซังกุงส่ายหน้าไปมาพลางยิ้ม "พระนางช่างปากแข็งยิ่งนัก หม่อมฉันพูดไปขนาดนี้ยังไม่ยอมรับ"

         "จะให้ข้ายอมรับอะไร ในเมื่อสิ่งที่เจ้าพูดมันไร้สาระ"

         "ไร้สาระหรือเพคะ" คิมซังกุงเสียงเข้มขึ้น "พระองค์คิดว่านี่ไร้สาระหรือ"

         "เจ้าน่ะไม่รู้อะไรจริงหรอก ก็แค่สร้างหลักฐานปลอมเพื่อขู่ข้า"

         "หม่อมฉันน่ะหรือไม่รู้"

         "ใช่ ถ้าเจ้ารู้จริงเจ้าคง--"

         "วันสุดท้ายของการคัดเลือกมเหสี!" คิมซิลวาตะโกนลั่นตำหนักจนชุงจอนมามะสะดุ้ง "ข้าจำการทดสอบขั้นสุดท้ายได้ดี นั่นคือการกินข้าว พระองค์จำได้ไหมเพคะ"

         ประมุขของฝ่ายในนิ่งชะงักไป ซังกุงรับบัญชาจึงกล่าวต่อไปว่า

         "ตอนนั้นเหลือเพียงหม่อมฉันและพระองค์ที่เข้ารอบ การกินข้าวจึงเป็นการตัดสินทุกอย่าง สำรับอาหารของพระองค์เป็นข้าวและกับปกติ แต่ของหม่อมฉันกลับเป็นของบูดเน่า น้ำแกงมีรสเปรี้ยวเพราะเสียแล้ว ส่วนข้าวกลายเป็นของเละๆ นอกนั้นก็ขมจนแทบจะแตะลิ้นไม่ได้ หม่อมฉันยังจำรสชาติของมันได้จนถึงทุกวันนี้เพคะ"

         "เจ้าพูดอะไร... ข้าไม่เห็นรู้เรื่อง" พระมเหสีแกล้งมองไปทางอื่นแต่ทว่าหน้าซีดเผือด

         "อย่าปฏิเสธอีกเลยเพคะ หม่อมฉันรู้ดีว่าเป็นฝีมือของผู้ใหญ่ในตระกูลพระมเหสี และพระนางเองก็รู้เรื่อง ถึงได้เหินห่างหมางเมินหม่อมฉันในวันนั้น"

         "เจ้าคิดไปเองคนเดียว ข้าไม่ได้ทำแบบนั้นสักนิด" 

         ซังกุงรับบัญชากำหมัดแน่นคล้ายอยากจะเอ่ยอะไรออกมา และในที่สุดก็อดรนทนไม่ไหว

         "เจ้าจะโกหกไปถึงไหน ฮโยฮัน!"

         มเหสีตกตะลึง พระนางตาเบิกค้างจ้องสหายเก่าที่กลายเป็นศัตรูอย่างคาดไม่ถึง

         "เรา... เราทั้งคู่เป็นเพื่อนรักกันตั้งแต่เด็ก แต่ด้วยตำแหน่งมเหสีทำให้เจ้าเปลี่ยนไป ทำไมหรือฮโยฮัน ข้าทำผิดอะไรกับเจ้า" คิมซังกุงพูดกับมเหสีด้วยคำสามัญเหมือนครั้งอดีตที่ทั้งคู่ยังไม่ได้เข้าวัง

         ฮโยฮันหันมองซิลวาช้าๆ

         "ข้าวิ่งตามเกี้ยวเจ้า แต่เจ้ากลับสั่งให้ทหารทุบตีข้าอย่างไม่ปรานี ทิ้งร่างบอบช้ำไว้ข้างทางไม่ต่างจากหมาขี้เรื้อนตัวหนึ่ง"

         "แล้วเจ้าจะให้ข้าเอ่ยอะไรกับเจ้ารึ คำขอโทษหรือ" พระมเหสีตรัสออกมา

         "ไม่หรอกเพคะ ต่อให้ขอโทษหม่อมฉันตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ เพราะถึงเวลาที่หม่อมฉันจะเอาคืนพระองค์บ้างแล้ว"

         คิมซังกุงเปิดจดหมายและหันให้พระมเหสีดูก่อนจะเอ่ยต่อไปว่า

         "บิดาของพระองค์ได้ขู่ซังกุงห้องเครื่องในสมัยนั้นซึ่งก็คืออิมซังกุงให้ทำอาหารเน่าเสียขึ้นมาสำรับหนึ่งและสับเปลี่ยนเพื่อมาให้หม่อมฉันแพ้การคัดเลือก เท่านั้นยังไม่พอ เสนาฝ่ายขวายังส่งคนไปฆ่าปิดปากซังกุงและนางในของห้องเครื่องสมัยนั้นหลายคนเพื่อปิดปาก เว้นแต่อิมซังกุงคนเดียวเพราะว่านางเป็นซังกุงสูงสุด อาจจะมีประโยชน์ในอนาคต"

         พระมเหสีฮโยฮันไล่สายตาไปตามข้อความในจดหมาย ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันเป็นลายมือของบิดาตนเองจริงๆ อีกทั้งสมัยนั้นนางก็รู้เรื่องพวกนี้อย่างดี แสดงว่าจดหมายฉบับนี้เป็นของแท้

         "เจ้าคิดว่าจดหมายฉบับนี้จะเปิดโปงข้าได้หรือ" ชุงจอนมามะตรัสทั้งๆ ที่รู้ดีว่ามันคือจดหมายของจริง "ใครอาจจะปลอมลายมือขึ้นมาก็ได้"

         "จริงดังว่าเพคะ แต่ข้าสามารถพาตัวอิมซังกุงมาให้การได้" คิมซังกุงทิ้งไม้ตาย พระมเหสีชะงักไปในทันที

         "อิมซังกุง... นางยังอยู่หรือ"

         "อยู่สิเพคะ ตอนแรกหม่อมฉันก็คิดว่าน่าจะหมดหวัง ป่านนี้นางคงตายไปแล้ว แต่ทว่าข้าเพิ่งเจอตัวนางไม่กี่วันมานี้ นางได้เล่าให้ข้าฟังและเปิดเผยจดหมายฉบับนี้กับข้า ซึ่งถ้าเกิดการไต่สวนขึ้นมา อิมซังกุงจะสามารถเข้ามาให้การได้ตลอด"

         พระมเหสีจ้องหน้าคิมซังกุงแน่นิ่ง พระนางพยายามจับพิรุธ แต่ทว่าใบหน้าของซังกุงรับบัญชานั้นเรียบเฉย จริงรึไม่หนอที่ว่าอิมซังกุงตัวเป็นๆ อยู่กับนาง ถ้ามีก็เท่ากับว่าตนเองกำลังจะถูกเปิดโปงในไม่ช้า

         แล้วถ้าฝ่าบาททรงรู้เรื่องทุกอย่างเล่า ตำแหน่งพระมเหสีของตนยังจะมั่นคงอยู่รึไม่ ไม่แน่ว่าผลกระทบมันอาจจะไปถึงลียิมโฮด้วยซ้ำ

         "ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าเจอตัวอิมซังกุงเข้าจริงๆ" พระนางตรัสออกมาในที่สุด "นางออกจากวังไปหลายปี จู่ๆ จะมาปรากฏตัวช่วงนี้ได้อย่างไร"

         "น้องชายนางตายเพราะโรคระบาดเพคะ นางจึงมารับเงินชดเชยเพราะน้องชายเป็นทหาร และคนของข้าก็ได้เจอตัวนางในเมืองหลวง นี่เพคะป้ายหยกของนาง" คิมซังกุงล้วงป้ายหยกของอิมซังกุงออกมาวางเพื่อยืนยัน 

         ชุงจอนมามะหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด มือสั่นเทาค่อยๆ เอื้อมไปหยิบป้ายหยกชิ้นนั้นขึ้นมาพิจารณา ไม่ผิดแน่แล้ว อิมซังกุงยังมีชีวิตอยู่จริงๆ

         "และถ้าพระมเหสีคิดจะส่งคนไปปิดปากนาง หม่อมฉันจะเปิดโปงเรื่องนี้กับฝ่าบาททันที" คิมซังกุงขู่

         พระมเหสีฮโยฮันก้มหน้าลง เห็นทีจะปฏิเสธต่อไปอีกไม่ได้แล้ว

         "เจ้าต้องการอะไรซิลวา" พระนางตรัสถาม "แน่นอนว่าต้องไม่ใช่ทรัพย์สินเงินทอง"

         "ไม่ใช่เพคะ" คิมซังกุงยิ้มเย็น

         "เช่นนั้นเจ้าต้องการอะไร ถึงเจ้าจะลากข้าลงจากตำแหน่งได้ แต่เจ้าก็ไม่มีทางขึ้นมาเป็นมเหสีแทนข้าได้หรอกนะ"

         "ถึงแม้ข้าต้องการที่จะเห็นพระนางโดนปลดและถูกลงโทษอย่างที่หม่อมฉันเคยโดนมาในอดีต แต่วันนี้หม่อมฉันต้องการอย่างอื่นแทนแล้วเพคะ"

         พระมเหสีหรี่ตาลงชั่วครู่ แต่ฉับพลันก็เบิกตากว้างอย่างนึกขึ้นได้

         "...หลานสาวเจ้า"

         "ถูกต้องเพคะ" คิมซังกุงยิ้มอย่างผู้ชนะ "หม่อมฉันต้องการให้เซจีขึ้นเป็นเซจาพินขององค์รัชทายาท"

         พระมเหสีรู้สึกเหมือนถูกดูดพลังชีวิตออกไปจากวรกายจนหมดสิ้น

         "หม่อมฉันสืบมาว่าพระองค์ต้องการให้ซอฮยอนขึ้นเป็นพระชายาองค์รัชทายาท ได้ยินว่าส่งตัวนางไปที่ตำหนักสวนเฟิงนอกวังเพื่อเก็บตัว และเมื่อครู่ที่พระนางกำลังจะเข้าเฝ้าฝ่าบาท ก็เพื่อจะขอนางจากฝ่าบาทใช่ไหมเพคะ"

         "เจ้าเลยมาขัดขวางข้าด้วยเรื่องนี้หรือ"

         "เพคะ"

         "แล้วถ้าข้าไม่ทำตามล่ะ"

         "ตำแหน่งมเหสีของพระนางก็จะสั่นคลอน แล้วพระองค์ลองตรองดูดีๆ นะเพคะ รัชทายาทที่พระมารดาถูกปลด คิดหรือว่าอนาคตจะได้เป็นราชา ดูอย่างอดีตรัชทายาทลีซองแจเป็นตัวอย่างสิเพคะ"

         "ลูกชายข้าไม่มีทางหวั่นไหวกับแผนการของเจ้าหรอก"
         
         "แล้วคิดว่าองค์รัชทายาทจะหวั่นไหวรึไม่เพคะหากรู้ว่าแม่ตนเองเคยทำเรื่องเลวร้ายในอดีตเพื่อขึ้นสู่อำนาจ"

         "คิมซังกุง!" พระมเหสีตะคอก 

         "ไม่มีแม่คนไหนในแผ่นดินที่อยากให้ลูกเกลียดชังตนเองถูกไหมเพคะ" 

         "หุบปากนะ"

         "ฉะนั้นทำตามที่ยื่นข้อเสนอไปดีกว่า และหม่อมฉันจะเผาจดหมายฉบับนี้ทิ้งรวมถึงปล่อยอิมซังกุงไป" คิมซังกุงบอก

         "ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเจ้าจะทำเช่นนั้นจริง"

         "ทางเลือกของพระองค์มีเสียที่ไหนกัน ทางเลือกเดียวในตอนนี้คือต้องไว้ใจหม่อมฉันเพคะ"

         ความระทมทุกข์และอัดอั้นตันใจปรากฏเด่นชัดบนพระพักตร์ของพระมเหสี คิมซังกุงยิ้มมุมปากอย่างสะใจ

         "รีบตัดสินใจเถิดเพคะพระมเหสี แล้วก็ไม่ต้องห่วงเรื่องเก็บตัว เซจีได้รับการอบรมเพื่อให้เป็นพระชายาตั้งแต่เด็ก นางพร้อมที่จะเข้าพิธีโดยไม่ต้องไปอยู่ที่ตำหนักสวนเฟิงเลย" ซังกุงรีบบัญชาลุกขึ้นยืนช้าๆ "ตอนนี้หม่อมฉันขอทูลลาก่อน และหวังว่าพระองค์จะไม่ปริปากเรื่องนี้กับใคร เพราะมันจะส่งผลเสียถึงตัวพระองค์เอง"

         "หึ ดูเจ้าจะตระเตรียมแผนการนี้มาเป็นอย่างดีนะซิลวา" ชุงจอนมามะตรัส "แต่เหมือนจะมีปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง"

         คิมซังกุงชะงักอยู่ที่ประตูทางออกของตำหนักก่อนจะหันมามอง

         "ปัญหาหรือเพคะ"

         "ใช่" พระนางตรัส "ยิมโฮไม่ได้รักคิมเซจี ผู้หญิงที่เขารักคนเดียวคือซอฮยอน ข้ารู้ดี"

         "แล้วอย่างไรเพคะ"

         "ก็แสดงว่าเซจีไม่สามารถเป็นพระชายาได้ ยิมโฮน่ะถ้าเขาต้องการ เขาก็จะเอามันมาให้ได้ แต่ถ้าเขาไม่สนแล้วล่ะก็ ให้ตายเขาก็ไม่แล"

         "อย่างนั้นหรือเพคะ" คิมซังกุงเลื่อนบานประตูออก "แล้วสมัยก่อนตอนที่พระองค์ขึ้นเป็นมเหสี ตอนนั้นฝ่าบาทก็ไม่ได้ทรงรักใคร่พระองค์นะเพคะ นั่นแหละคือคำตอบ" ซังกุงรับบัญชากล่าวทิ้งท้ายและเดินออกไปจากตำหนัก ปล่อยให้พระมเหสีตัดสินใจในข้อเสนอที่ตนเองยื่นไปคนเดียว

         เมื่อออกมาด้านนอกตำหนัก ซงฮวันก็วิ่งขึ้นบันไดหินมาทางคิมซังกุงทันทีอย่างรวดเร็ว

         "นายหญิง เซจีบอกว่าท่านเรียกหาข้าหรือเจ้าคะ"

         "ใช่ เจ้าจงไปที่ตำหนักตงกุง และทำสิ่งนี้ให้ข้าที" คิมซังกุงก้มลงกระซิบกระซาบอะไรบางอย่างกับลูกน้อง 

         "จด... จดหมายสนเท่ห์หรือเจ้าคะ จะให้ข้าทำขึ้นหรือ" ซงฮวันตกใจ

         "ใช่ อย่างลับๆ ด้วยล่ะ"

         ซงฮวันขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ก็พยักหน้ารับคำในที่สุด












         ท่ามกลางตรอกมืดริมกำแพงวังหลวงอันไร้ผู้คน ปรากฏร่างของนางวังสองคนขึ้นในความสลัวของใต้ต้นไม้ใหญ่ คนหนึ่งดูแก่ชราเสียจนคนที่สาวกว่าต้องพยุงตัวไว้

         "ไหวไหมเจ้าคะนายหญิง" คิมเซจีถาม

         "ไหว ข้าไหว แต่พักหลังๆ แข้งขาข้าไม่ค่อยดีแล้ว" อิมซังกุงบ่นอุบ

         เซจีเหลียวซ้ายแลขวาเพื่อตรวจดูว่ามีใครอยู่แถวนี้หรือไม่ เมื่อพบว่าปลอดคนดีแล้วจึงรีบกล่าวกับอดีตซังกุงสูงสุดทันที

         "นายหญิง ตอนนี้ลูกหลานท่านอยู่ที่ไหนเจ้าคะ"

         "ที่ตามข้าเข้าเมืองหลวงด้วยก็มีลูกบุญธรรมคนเดียว ส่วนหลานคนอื่นๆ อยู่ที่คยองจู"

         "ฟังข้านะเจ้าคะ" เซจีทำเสียงจริงจัง "ท่านต้องพาลูกบุญธรรมของท่านออกไปจากเมืองหลวงให้เร็วที่สุด ภายในคืนนี้ยิ่งดี และเมื่อถึงคยองจูแล้วก็รีบพาหลานๆ หนีไปที่อื่น เพราะว่าคิมซังกุงรู้แล้วว่าครอบครัวท่านอยู่ที่นั่น"

         "อะไรกัน" ซังกุงชราเงยหน้ามองหญิงสาว "เกิดอะไรขึ้นหรือ"

         คิมเซจีส่ายหน้าไปมา

         "ท่านเชื่อข้าเถิดเจ้าค่ะ"

         "ไม่ เจ้ามีความลับบางอย่าง รีบบอกข้ามาตามตรงเร็วเข้า"

         หญิงสาวอิดออด

         "คิมซังกุงบอกอะไรกับเจ้าหรือ" อิมซังกุงถาม "บอกข้ามาเถิด"

         เซจีถอนหายใจก่อนจะตอบว่า
         






    โปรดติดตามตอนต่อไป

        
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×