ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กลรักวังหลวง [서현]

    ลำดับตอนที่ #12 : กฎใหม่และซังกุงประหลาด [100%]

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.13K
      94
      27 เม.ย. 62

                ตอนที่ 12 กฎใหม่และซังกุงประหลาด






         แสงสีทองจับขอบฟ้า ทรงภูเขาและทิวทัศน์ต่างๆ เริ่มเห็นเด่นชัดเป็นรูปร่าง นกกาบินโผผกออกจากรังเพื่อหากิน ผู้คนเริ่มตื่นออกมาทำกิจวัตรประจำวันเฉกเช่นปกติ เสียงแห่งชีวิตยามเช้าคลอไปกับเสียงไก่ขันที่กังวานมาตามลมของอรุณรุ่ง

         สิ่งเหล่านี้ซอฮยอนจะไม่ได้ยินไม่ได้เห็นอีกต่อไปแล้ว นางนั่งชันเข่าปิดเปลือกตาอยู่ในบ้าน มิได้หลับแต่ทว่าพยายามซึมซับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวไว้เป็นความทรงจำ นางคงไม่ได้กลับมาที่นี่ในฐานะไพร่อีกต่อไป 

         วันนี้เป็นวันที่หญิงสาวต้องเข้าไปสมัครเป็นนางกำนัล ด้วยเพราะราชสำนักไม่มีกฎให้รับนางกำนัลตอนโต เป็นเหตุให้วิธีที่ซอฮยอนจะต้องทำก็คือเข้าไปในฐานะอันมีผู้อุปถัมภ์เบื้องหลัง พูดภาษาชาวบ้านก็คือใช้เส้นสายนั่นเอง

         เมื่อแสงแดดสอดสว่างผ่านกระดาษที่กรุไว้เป็นโครงประตูเข้ามา หญิงสาวจึงลุกขึ้นยืน นางมองไปรอบตัวอย่างช้าๆ รู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูกก่อนจะตัดสินใจเดินออกมาจากเรือน ซอฮยอนมองชานบ้านซึ่งเป็นที่สำหรับสอนหนังสือและเขียนหนังสือของตนเองอย่างนึกเสียใจ นางคงไม่มีโอกาสได้มาทำอะไรเช่นนี้อีกแล้ว

         "ท่านแม่ ท่านแม่เจ้าคะ" ซอฮยอนร้องเรียกมารดาหน้าห้องนอน

         "ท่านแม่ ข้าจะไปแล้วนะเจ้าคะ"

         ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ ออกมาจากห้องของฮเยวอน

         "ท่านแม่ เมื่อไรท่านจะเลิกโกรธข้าเสียที" หญิงสาวพูดขึ้นอีก นางรู้ว่ามารดาตื่นนอนนานแล้วแต่แค่ไม่ขานรับนางเท่านั้น

         "เรียบร้อยแล้วหรือ ซอฮยอน" เสียงชายคนหนึ่งดังขึ้นจากรั้วบ้าน ซอฮยอนหันไปมองก็เจอชายสี่คนยืนอยู่ สามคนดูคล้ายบ่าวส่วนอีกคนดูคล้ายชนชั้นยังบัน (ชนชั้นสูง) ด้วยเครื่องแต่งกายที่ต่างกัน

         "ข้าชื่อปาร์คฮาวอน ได้รับคำสั่งจากใต้เท้าซินให้มารับเจ้าไปที่บ้าน" ผู้กล่าวคือชายซึ่งแต่งตัวหรูหราที่สุดในชุดจุงชีมัค(1) เอวมีเชือกเส้นสีดำคาดไว้ ศีรษะประดับหมวกทรงสูงปีกกลมมีสายรัดผูกที่คาง

         ซอฮยอนหันเหลือบมองตัวเรือนอีกครั้งก่อนจะก้มลงคำนับสามรอบไปทางห้องนอนของมารดา 

         "ท่านแม่ แล้วข้าจะกลับมาเจ้าค่ะ" นางอำลาและตัดใจเดินออกมาจากบ้านนำหน้าชายสี่คนไปตามถนน

         ภายในห้องของฮเยวอน สตรีวัยกลางคนกำลังเอามือปิดปากเพื่อไม่ให้เสียงร้องไห้ของตนได้ยินไปถึงหูบุตรสาว น้ำตาไหลออกมานองเต็มใบหน้าอย่างเศร้าโศกเสียใจสุดประมาณ...




         "เปลี่ยนชุดเสีย" ใต้เท้าซินกล่าวขึ้นเป็นคำแรกเมื่อเจอหน้าซอฮยอน

         "ทำไมต้องเปลี่ยนเจ้าคะ" หญิงสาวย้อนถาม มหาเสนาบดีปรายตามองบุตรสาวอย่างรำคาญใจก่อนจะเอ่ยว่า

         "เจ้าจะเข้าไปสมัครเป็นนางกำนัลในฐานะลูกขุนนาง ไม่ใช่ลูกไพร่"

         "ก็แล้วอย่างไรเล่าเจ้าคะ" 

         "เจ้าจะใส่เสื้อหมองสกปรกไปหรือ ไปเปลี่ยนเดี๋ยวนี้" ใต้เท้าซินโยนชอโกรีสีแดงและซีมา(2)สีเหลืองให้

         บรรดาคนใช้รีบพาซอฮยอนไปเปลี่ยนชุดอย่างรวดเร็ว แทงกีเก่าที่ใช้ผูกผมมานานก็ถูกเปลี่ยนเป็นสีสดสวยมีลวดลาย เมื่อแปลงโฉมเสร็จ บ่าวคนหนึ่งก็ปรี่เอาแป้งเข้ามาอาสาจะผัดหน้าให้ทว่าซอฮยอนรีบปฏิเสธ

         "ค่อยพอดูได้หน่อย" ใต้เท้าซินกล่าวพลางมองบุตรสาว มือข้างซ้ายส่งกระดาษแผ่นหนึ่งให้

         "นี่คืออะไรรึเจ้าคะ" หญิงสาวถามอย่างสงสัย

         "สถานะเจ้าในวังหลวง ต่อไปนี้เจ้ามิใช่ซินซอฮยอน แต่เป็นปาร์คซอฮยอน"

         ซอฮยอนอ้าปากค้าง

         "ใต้เท้า นี่หมายความว่าอย่างไรกันเจ้าคะ"

         "เจ้ามิได้เข้าวังในฐานะสกุลซิน แต่เป็นฐานะสกุลปาร์ค เป็นลูกบุญธรรมของใต้เท้าปาร์คฮาซอง ส่วนชายที่พาเจ้ามาบ้านคือบุตรชายแท้ๆ ของเขา กระดาษแผ่นนี้คือประวัติ สาแหรกตระกูล รายละเอียดทุกอย่างเกี่ยวกับตระกูลปาร์คที่เจ้าควรจะรู้ ข้ากับใต้เท้าปาร์คตกลงกันแล้วเรียบร้อย ต่อจากนี้เจ้าต้องแอบแฝงเข้าไปและห้ามบอกใครเด็ดขาดเรื่องสกุลซินที่เป็นตระกูลอันแท้จริงของเจ้า"

         ซอฮยอนงุนงง นางก้มลงอ่านกระดาษแผ่นนั้น เมื่ออ่านจบหญิงสาวก็รีบเอ่ยถาม

         "ทำไมข้าถึงเข้าวังในฐานะสกุลซินตามปกติไม่ได้เจ้าคะ ทำไมต้องปลอมเป็นสกุลปาร์ค"

         "ข้อแรก เจ้าเป็นไพร่ลูกอนุฯ สถานะเจ้าเข้าวังเป็นนางกำนัลไม่ได้ ข้อสองที่ข้าไม่ส่งเจ้าไปในฐานะลูกหลานสกุลซินก็เพราะความปลอดภัยของตัวเจ้าเอง"

         "ความปลอดภัย?"

         "ถูกต้อง" ขุนนางชั้นเอกตอบ "สกุลคิมที่เป็นคู่อาฆาตของเราจับตาดูอยู่  ซึ่งแน่นอนว่าถ้าเจ้าเข้าไปในฐานะสกุลซินก็จะโดนเล่นงานได้โดยง่าย ตอนนี้ข้าก็ได้ข่าวมาว่าบ้านนั้นส่งลูกหลานที่ชื่อคิมเซจีเข้าวังด้วยเช่นกัน"

         "สกุลที่เป็นคู่อาฆาตหรือเจ้าคะ" ซอฮยอนสับสน "นี่มันเรื่องอะไรกันแน่เจ้าคะ ที่ข้าเข้าวังก็เพื่อล้างมลทินให้พี่ฮวารยอน ไม่ใช่ไปสู้กับใครนะเจ้าคะ"

         





                                 



         "นี่เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ไม่ต้องสนใจ สิ่งที่เจ้าควรสนใจคือการล้างมลทินให้พระชายานั้นถูกต้องแล้ว"

         "ท่านกำลังมีอะไรปิดบังข้าใช่ไหมเจ้าคะ ใต้เท้า" ซอฮยอนหรี่ตาอย่างสงสัย

         ใต้เท้าซินไม่ตอบแต่แกล้งเฉไฉนั่งอ่านตำราตรงหน้าต่อ

         "ข้าจะทำแต่เพียงหน้าที่ของข้า เรื่องระหว่างตระกูลข้าไม่ขอเกี่ยวข้อง ถ้าท่านสามารถทำได้อย่างที่ท่านพูด ข้าก็จะเข้าวังไปในฐานะสกุลปาร์คอย่างไม่เกี่ยงงอน เพราะอย่างไรท่านก็คงจะอับอายที่จะให้ผู้อื่นรู้ว่าข้าเป็นลูกอนุฯ เป็นลูกไพร่ในสกุลซิน" ซอฮยอนพูดตัดพ้อ น้ำตาพาลจะไหลริน นางทนกักเก็บความเจ็บปวดตั้งแต่เช้าเนื่องจากมารดาไม่ยอมพูดจาด้วย พอมาถึงตอนนี้ก็พบว่าบิดาไม่พึงประสงค์จะให้ตนเองเข้าวังในฐานะสกุลซินอีก ความน้อยใจที่สั่งสมกำลังกลั่นออกมาเป็นน้ำตาอีกครั้ง

         "ไม่ใช่เช่นนั้น" ใต้เท้าซินรีบเอ่ยขึ้นพลางเงยหน้าจากหนังสือ

         ซอฮยอนยืนขึ้นคำนับผู้เป็นบิดาก่อนจะหันหลังเดินจากมาพร้อมกับความรู้สึกอ้างว้างโดดเดี่ยวพิกล มหาเสนาบดีทำท่าจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่สามารถเอ่ยได้เสียทีราวกับน้ำท่วมปาก สายตาแลมองตามหลังบุตรสาวตนเองไปอย่างช้าๆ

         หญิงสาวไม่รู้ตัวว่าเดินออกมายังถนนเมื่อใด รอบตัวมีบ่าวของใต้เท้าซินและลูกชายใต้เท้าปาร์คเดินตามมาด้วย ระหว่างนั้นบุตรของใต้เท้าปาร์คก็บอกเล่าเรื่องครอบครัวตนเองต่อซอฮยอน ด้านซอฮยอนเองก็พยายามจำทั้งที่ฮาวอนบอกและในกระดาษที่บิดาตนเองให้ไว้

         "ที่ต้องจำสิ่งเหล่านี้เพราะคนรับสมัครนางกำนัลในวังเขาจะถามหรือเจ้าคะ ถ้าเกิดเขาตรวจสอบละเอียดขึ้นมาเราจะไม่โดนลงโทษรึเจ้าคะ บิดาท่านข้ายังไม่เคยเห็นหน้าเสียด้วยซ้ำ" ซอฮยอนพูดออกมาอย่างกังวล สายตามองเลยฝูงชนแออัดและยอดทิวไม้เบื้องหน้าไปยังวังหลวงที่กำลังใกล้เข้ามา

         "เจ้าไม่ต้องกังวลไปดอก บิดาข้าแม้จะไม่มีอำนาจเทียบเท่าบิดาเจ้าแต่ก็มีคนนับหน้าถือตาพอสมควร พวกมหาดเล็กที่รับสมัครไม่กล้าถามมากแน่นอน แล้วเจ้าก็อย่าลืมว่าเจ้าเข้าไปในฐานะคนมีเส้นสาย ใครก็มิกล้ายุ่งหรือกล้าสงสัย" ฮาวอนตอบ

         "ข้ารู้สึกไม่ดีเท่าไรกับการเข้าวังด้วยวิธีอุปถัมภ์เช่นนี้ คนอื่นจะมองข้าอย่างไรเล่า" หญิงยังไม่คลายกังวล

         "เจ้าก็อย่าคิดมากเลย วังหลวงน่ะอยู่ยากหากขาดคนหนุนหลัง เจ้าไม่สามารถอยู่ได้ด้วยตนเองเสมอไปดอก" ซอฮยอนได้ยินก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่

         ปาร์คฮาวอนเดินนำหญิงสาวมาถึงบันไดหินที่สลักลวดลายงดงาม ไม่นานก็ปรากฏสะพานหินให้ก้าวข้าม สระน้ำเบื้องล่างตระการตานัก ซอฮยอนถึงกับยืนมองด้วยความตกตะลึง

         "นี่แค่รั้ววัง ในวังงดงามกว่านี้มากโข" ฮาวอนกล่าว

         ไม่นานทั้งหมดก็เดินมาถึงประตูไม้สีแดงซึ่งปรากฏอยู่ระหว่างกำแพงหินสีขาว บริเวณนั้นมีทหารในชุดสีน้ำเงินสลับแดงยืนตรวจตราอยู่ เขาใส่หมวกปีกกว้างบนยอดมีพู่ห้อย สายจากหมวกที่ยาวลงมาถึงใต้คางร้อยสิ่งที่ดูคล้ายลูกประคำหลากสี มือข้างหนึ่งถือดาบเล่มใหญ่ที่ยังอยู่ในฝัก

         ทหารนายนั้นก้มศีรษะให้ฮาวอนซึ่งผายมือเชิญให้ซอฮยอนเดินก้าวเข้าประตูไป ภายในมีโต๊ะไม้มากมายที่ตั้งอยู่กลางลานหิน โต๊ะแต่ละตัวมีมหาดเล็กในชุดสีเขียวยืนอยู่ ใบหน้าพวกเขาดูดุร้ายจนซอฮยอนรู้สึกกลัวปนตื่นเต้นแปลกๆ 

         "นี่หรือวังหลวง" หญิงสาวกระซิบถามฮาวอน

         "ยังมิใช่ บริเวณนี้เป็นอาณาบริเวณคยองบกกุง(3)ก็จริงแต่ยังมิใช่วังหลวง" 

         ฮาวอนกับบรรดาบ่าวขอตัวไปอยู่ริมลานหินเพราะไม่สามารถเข้าไปใกล้ผู้หญิงอีกหลายคนที่ยืนรอต่อแถวเพื่อสมัครเข้าเป็นนางกำนัลได้ ซอฮยอนจึงเดินเนิบช้าไปต่อแถวบ้าง

         ทุกคนจะถูกจดบันทึกชื่อสกุลและตรวจสอบกับตำรารายนามเพื่อขานชื่อ แต่ละคนต่างให้ชื่อกันครบถ้วนจนมาถึงซอฮยอน

         "เจ้าชื่ออะไร" มหาดเล็กหน้าตาคล้ายจิ้งจอกถามเสียงเข้ม

         "ซอฮยอนเจ้าค่ะ"

         "สกุล?"

         "ปาร์คเจ้าค่ะ"

         มหาดเล็กหน้าจิ้งจอกชะงักพู่กันที่กำลังจะแตะหมึก เขาเงยหน้าขึ้นมองอย่างสงสัย

         "เจ้าเป็นลูกสาวใต้เท้าปาร์คฮาซองที่ดูแลท้องพระคลังน่ะหรือ"

         "เจ้าค่ะ" ซอฮยอนตอบพลางนึกถึงข้อความในกระดาษที่ใต้เท้าซินให้ไว้

         "ใต้เท้าปาร์คมีลูกสาวด้วยหรือ"

         ซอฮยอนมือชุ่มเหงื่อขึ้นมาฉับพลัน

         "จองโฮ ใต้เท้าปาร์คมีลูกสาวด้วยหรือ" เขาหันไปถามเพื่อนมหาดเล็ก 

         "ไม่มีนะ ที่ข้ารู้" มหาดเล็กที่ชื่อจองโฮตอบพลางจ้องหน้าซอฮยอนอย่างแปลกใจ

         มหาดเล็กหน้าจิ้งจอกลุกขึ้นยืนพลางหรี่ตามองหญิงสาวช้าๆ ก่อนจะเอ่ยออกมา

         "เจ้าเป็นใคร" 

         ซอฮยอนหน้าซีดทันที

         "เดี๋ยวพันซอก ข้าเพิ่งเปิดดูสมุดรายชื่อลูกบุญธรรม มีชื่อนางจริงๆ นี่อย่างไร ปาร์คซอฮยอน ลูกสาวบุญธรรมใต้เท้าปาร์คฮาซอง" มหาดเล็กจองโฮชี้ให้มหาดเล็กหน้าจิ้งจอกดูรายชื่อในสมุด

         พันซอกมองตามก่อนจะหันกลับมามองหน้าซอฮยอนอีกที

         "อืม ลูกสาวบุญธรรมสินะ ต้องขออภัย ช่วงนี้มักมีคนแอบอ้างเป็นลูกขุนนางอยู่มากมายจึงต้องตรวจให้แน่ชัด จะเป็นการเสียมารยาทรึไม่แม่นางหากข้าจะถามอะไรเจ้าข้อหนึ่ง"

         "ถามอันใดเจ้าคะ" ซอฮยอนถาม พยายามทำน้ำเสียงให้เป็นปกติราบเรียบ

         "ต้นไม้ใหญ่หน้าบ้านใต้เท้าปาร์คคือต้นอะไร" เขาถาม

         ซอฮยอนชะงักไปในทันที

         "เอ่อ อะ... อะไรนะเจ้าคะ"

         "ต้นไม้หน้าบ้านบิดาบุญธรรมเจ้าน่ะ เป็นต้นอะไร" มหาดเล็กพันซอกทวนคำถามอีกรอบ

         ซอฮยอนยืนนิ่ง นางไม่มีทางรู้ว่าต้นไม้หน้าบ้านใต้เท้าปาร์คคือต้นอะไรเพราะนางไม่ใช่ลูกบุญธรรมของเขาจริงๆ หญิงสาวไม่กล้าหันไปหาฮาวอนที่อยู่ห่างออกไปเพราะจะเป็นพิรุธ แล้วฮาวอนก็คงไม่รู้ว่านางกำลังตกที่นั่งลำบาก เขาอาจจะคิดว่ามหาดเล็กพูดคุยสอบถามธรรมดา

         ผู้หญิงที่ยืนต่อแถวต่างพากันหันดูนางที่ไม่ยอมตอบคำถามเสียที

         "ทำไมเจ้าไม่ตอบ" พันซอกเอ่ยขึ้น

         "เอ่อ คือ... ข้า" นางอึกอัก มหาดเล็กหลายคนเริ่มเงยหน้ามองบ้าง

         "เจ้าตอบไม่ได้ใช่รึไม่" พันซอกถาม

         คงจบสิ้นเพียงเท่านี้ หนทางที่จะเข้าวังของนาง

         ฉับพลัน มหาดเล็กพันซอกก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่นจนซอฮยอนสะดุ้งตกใจ

         "เอาล่ะ เจ้าผ่านแล้ว ปาร์คซอฮยอน" เขาพูด

         "อะไรนะเจ้าคะ"

         "เจ้าผ่านแล้ว" เขากล่าวซ้ำ ซอฮยอนงุนงง พันซอกยิ้มก่อนจะเอ่ยต่อว่า

         "ความจริงแล้วหน้าบ้านใต้เท้าปาร์คไม่มีต้นไม้ใหญ่สักต้น ข้าหลอกถามเพื่อทดสอบว่าจะรู้รึไม่ ถ้าเจ้าปลอมตัวมาคงตอบผิดรึไม่ก็ยอมรับออกมาตรงๆ ว่าไม่รู้ แต่เจ้ากลับนิ่งเงียบซึ่งแสดงว่าสับสน เพราะเจ้ารู้อยู่แก่ใจว่าหน้าบ้านใต้เท้าไม่มีต้นไม้แต่ข้ากลับถามถึงต้นไม้ ที่แม่นางมัวตอบช้าก็คงเพราะอย่างนี้สินะ"

         ซอฮยอนโล่งอกทันที นางลอบพ่นลมออกมาทางปากช้าๆ หญิงสาวเกือบถูกเปิดโปงเสียแล้ว ไม่นึกว่าจะมีโชคช่วยให้รอดมาได้

         หลังจากตรวจขานชื่อเรียบร้อย ซอฮยอนก็เดินเข้ามายืนรวมกันกับผู้หญิงคนอื่นๆ บริเวณใต้ร่มเงาของเรือนใหญ่หลังคากระเบื้องเพื่อรอรับคำสั่งต่อไป
     
         ทันใดนั้น มหาดเล็กคนหนึ่งก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในลานหินก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยเสียงตะกุกตะกักเพราะหายใจไม่ทัน

         "มี... มีพระบัญชาจากพระมเหสี ให้ตั้งกฎใหม่สำหรับ... สำหรับนางกำนัลเข้าใหม่ปีนี้ และ... และข้ารู้มาว่า ซัง... ซังกุงประหลาดได้ขอเข้าร่วมคัดคนเข้าวังด้วย"

         "อะไรนะ!" มหาดเล็กทุกคนต่างอุทานออกมาอย่างตกตะลึง




    โปรดติดตามตอนต่อไป



    เชิงอรรถ


    (1) จุงชีมัค หมายถึง ชุดฮันบกของบุรุษประเภทหนึ่ง มีลักษณะเป็นเสื้อคลุมยาวกรีดด้านข้างจากชายเสื้อขึ้นมา ซึ่งทำให้เสื้อคลุมสามารถพลิ้วไหวในขณะที่เคลื่อนตัว ได้รับการสวมใส่โดยชนชั้นขุนนางอันเป็นเครื่องแต่งกายในชีวิตประจำวัน

    (2) ซีมา หมายถึง กระโปรงซึ่งทำด้วยผ้าไหมอย่างดี ผ้าไหมของเกาหลีเนื้อหนาและมีน้ำหนักมาก ปรากฏจีบโดยรอบ จะคาดไว้ตั้งแต่ช่วงอกจนคลุมถึงพื้น เวลานั่งจะพองออกดูสวยงาม ลวดลายและสีจะแตกต่างกันไปตามสถานะผู้ใส่

    (3) คยองบกกุง หมายถึง ชื่อของหนึ่งในวังหลวงสมัยโชซอนอันมีทั้งหมดห้าพระราชวัง (คยองบกกุง, ชางด๊อกกุง, ด๊อกซูกุง, ชางคยอง, คยองฮี) ซึ่งคยองบกกุงถือเป็นวังหลวงเก่าแก่อีกทั้งยังสวยงามใหญ่โตที่สุดกว่าพระราชวังใดๆ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×