ลำดับตอนที่ #12
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : กฎใหม่และซังกุงประหลาด [100%]
ตอนที่ 12 กฎใหม่และซังกุงประหลาด
แสงสีทองจับขอบฟ้า ทรงภูเขาและทิวทัศน์ต่างๆ เริ่มเห็นเด่นชัดเป็นรูปร่าง นกกาบินโผผกออกจากรังเพื่อหากิน ผู้คนเริ่มตื่นออกมาทำกิจวัตรประจำวันเฉกเช่นปกติ เสียงแห่งชีวิตยามเช้าคลอไปกับเสียงไก่ขันที่กังวานมาตามลมของอรุณรุ่ง
สิ่งเหล่านี้ซอฮยอนจะไม่ได้ยินไม่ได้เห็นอีกต่อไปแล้ว นางนั่งชันเข่าปิดเปลือกตาอยู่ในบ้าน มิได้หลับแต่ทว่าพยายามซึมซับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวไว้เป็นความทรงจำ นางคงไม่ได้กลับมาที่นี่ในฐานะไพร่อีกต่อไป
วันนี้เป็นวันที่หญิงสาวต้องเข้าไปสมัครเป็นนางกำนัล ด้วยเพราะราชสำนักไม่มีกฎให้รับนางกำนัลตอนโต เป็นเหตุให้วิธีที่ซอฮยอนจะต้องทำก็คือเข้าไปในฐานะอันมีผู้อุปถัมภ์เบื้องหลัง พูดภาษาชาวบ้านก็คือใช้เส้นสายนั่นเอง
เมื่อแสงแดดสอดสว่างผ่านกระดาษที่กรุไว้เป็นโครงประตูเข้ามา หญิงสาวจึงลุกขึ้นยืน นางมองไปรอบตัวอย่างช้าๆ รู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูกก่อนจะตัดสินใจเดินออกมาจากเรือน ซอฮยอนมองชานบ้านซึ่งเป็นที่สำหรับสอนหนังสือและเขียนหนังสือของตนเองอย่างนึกเสียใจ นางคงไม่มีโอกาสได้มาทำอะไรเช่นนี้อีกแล้ว
"ท่านแม่ ท่านแม่เจ้าคะ" ซอฮยอนร้องเรียกมารดาหน้าห้องนอน
"ท่านแม่ ข้าจะไปแล้วนะเจ้าคะ"
ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ ออกมาจากห้องของฮเยวอน
"ท่านแม่ เมื่อไรท่านจะเลิกโกรธข้าเสียที" หญิงสาวพูดขึ้นอีก นางรู้ว่ามารดาตื่นนอนนานแล้วแต่แค่ไม่ขานรับนางเท่านั้น
"เรียบร้อยแล้วหรือ ซอฮยอน" เสียงชายคนหนึ่งดังขึ้นจากรั้วบ้าน ซอฮยอนหันไปมองก็เจอชายสี่คนยืนอยู่ สามคนดูคล้ายบ่าวส่วนอีกคนดูคล้ายชนชั้นยังบัน (ชนชั้นสูง) ด้วยเครื่องแต่งกายที่ต่างกัน
"ข้าชื่อปาร์คฮาวอน ได้รับคำสั่งจากใต้เท้าซินให้มารับเจ้าไปที่บ้าน" ผู้กล่าวคือชายซึ่งแต่งตัวหรูหราที่สุดในชุดจุงชีมัค(1) เอวมีเชือกเส้นสีดำคาดไว้ ศีรษะประดับหมวกทรงสูงปีกกลมมีสายรัดผูกที่คาง
ซอฮยอนหันเหลือบมองตัวเรือนอีกครั้งก่อนจะก้มลงคำนับสามรอบไปทางห้องนอนของมารดา
"ท่านแม่ แล้วข้าจะกลับมาเจ้าค่ะ" นางอำลาและตัดใจเดินออกมาจากบ้านนำหน้าชายสี่คนไปตามถนน
ภายในห้องของฮเยวอน สตรีวัยกลางคนกำลังเอามือปิดปากเพื่อไม่ให้เสียงร้องไห้ของตนได้ยินไปถึงหูบุตรสาว น้ำตาไหลออกมานองเต็มใบหน้าอย่างเศร้าโศกเสียใจสุดประมาณ...
"เปลี่ยนชุดเสีย" ใต้เท้าซินกล่าวขึ้นเป็นคำแรกเมื่อเจอหน้าซอฮยอน
"ทำไมต้องเปลี่ยนเจ้าคะ" หญิงสาวย้อนถาม มหาเสนาบดีปรายตามองบุตรสาวอย่างรำคาญใจก่อนจะเอ่ยว่า
"เจ้าจะเข้าไปสมัครเป็นนางกำนัลในฐานะลูกขุนนาง ไม่ใช่ลูกไพร่"
"ก็แล้วอย่างไรเล่าเจ้าคะ"
"เจ้าจะใส่เสื้อหมองสกปรกไปหรือ ไปเปลี่ยนเดี๋ยวนี้" ใต้เท้าซินโยนชอโกรีสีแดงและซีมา(2)สีเหลืองให้
บรรดาคนใช้รีบพาซอฮยอนไปเปลี่ยนชุดอย่างรวดเร็ว แทงกีเก่าที่ใช้ผูกผมมานานก็ถูกเปลี่ยนเป็นสีสดสวยมีลวดลาย เมื่อแปลงโฉมเสร็จ บ่าวคนหนึ่งก็ปรี่เอาแป้งเข้ามาอาสาจะผัดหน้าให้ทว่าซอฮยอนรีบปฏิเสธ
"ค่อยพอดูได้หน่อย" ใต้เท้าซินกล่าวพลางมองบุตรสาว มือข้างซ้ายส่งกระดาษแผ่นหนึ่งให้
"นี่คืออะไรรึเจ้าคะ" หญิงสาวถามอย่างสงสัย
"สถานะเจ้าในวังหลวง ต่อไปนี้เจ้ามิใช่ซินซอฮยอน แต่เป็นปาร์คซอฮยอน"
ซอฮยอนอ้าปากค้าง
"ใต้เท้า นี่หมายความว่าอย่างไรกันเจ้าคะ"
"เจ้ามิได้เข้าวังในฐานะสกุลซิน แต่เป็นฐานะสกุลปาร์ค เป็นลูกบุญธรรมของใต้เท้าปาร์คฮาซอง ส่วนชายที่พาเจ้ามาบ้านคือบุตรชายแท้ๆ ของเขา กระดาษแผ่นนี้คือประวัติ สาแหรกตระกูล รายละเอียดทุกอย่างเกี่ยวกับตระกูลปาร์คที่เจ้าควรจะรู้ ข้ากับใต้เท้าปาร์คตกลงกันแล้วเรียบร้อย ต่อจากนี้เจ้าต้องแอบแฝงเข้าไปและห้ามบอกใครเด็ดขาดเรื่องสกุลซินที่เป็นตระกูลอันแท้จริงของเจ้า"
ซอฮยอนงุนงง นางก้มลงอ่านกระดาษแผ่นนั้น เมื่ออ่านจบหญิงสาวก็รีบเอ่ยถาม
"ทำไมข้าถึงเข้าวังในฐานะสกุลซินตามปกติไม่ได้เจ้าคะ ทำไมต้องปลอมเป็นสกุลปาร์ค"
"ข้อแรก เจ้าเป็นไพร่ลูกอนุฯ สถานะเจ้าเข้าวังเป็นนางกำนัลไม่ได้ ข้อสองที่ข้าไม่ส่งเจ้าไปในฐานะลูกหลานสกุลซินก็เพราะความปลอดภัยของตัวเจ้าเอง"
"ความปลอดภัย?"
"ถูกต้อง" ขุนนางชั้นเอกตอบ "สกุลคิมที่เป็นคู่อาฆาตของเราจับตาดูอยู่ ซึ่งแน่นอนว่าถ้าเจ้าเข้าไปในฐานะสกุลซินก็จะโดนเล่นงานได้โดยง่าย ตอนนี้ข้าก็ได้ข่าวมาว่าบ้านนั้นส่งลูกหลานที่ชื่อคิมเซจีเข้าวังด้วยเช่นกัน"
"สกุลที่เป็นคู่อาฆาตหรือเจ้าคะ" ซอฮยอนสับสน "นี่มันเรื่องอะไรกันแน่เจ้าคะ ที่ข้าเข้าวังก็เพื่อล้างมลทินให้พี่ฮวารยอน ไม่ใช่ไปสู้กับใครนะเจ้าคะ"
"นี่เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ไม่ต้องสนใจ สิ่งที่เจ้าควรสนใจคือการล้างมลทินให้พระชายานั้นถูกต้องแล้ว"
"ท่านกำลังมีอะไรปิดบังข้าใช่ไหมเจ้าคะ ใต้เท้า" ซอฮยอนหรี่ตาอย่างสงสัย
ใต้เท้าซินไม่ตอบแต่แกล้งเฉไฉนั่งอ่านตำราตรงหน้าต่อ
"ข้าจะทำแต่เพียงหน้าที่ของข้า เรื่องระหว่างตระกูลข้าไม่ขอเกี่ยวข้อง ถ้าท่านสามารถทำได้อย่างที่ท่านพูด ข้าก็จะเข้าวังไปในฐานะสกุลปาร์คอย่างไม่เกี่ยงงอน เพราะอย่างไรท่านก็คงจะอับอายที่จะให้ผู้อื่นรู้ว่าข้าเป็นลูกอนุฯ เป็นลูกไพร่ในสกุลซิน" ซอฮยอนพูดตัดพ้อ น้ำตาพาลจะไหลริน นางทนกักเก็บความเจ็บปวดตั้งแต่เช้าเนื่องจากมารดาไม่ยอมพูดจาด้วย พอมาถึงตอนนี้ก็พบว่าบิดาไม่พึงประสงค์จะให้ตนเองเข้าวังในฐานะสกุลซินอีก ความน้อยใจที่สั่งสมกำลังกลั่นออกมาเป็นน้ำตาอีกครั้ง
"ไม่ใช่เช่นนั้น" ใต้เท้าซินรีบเอ่ยขึ้นพลางเงยหน้าจากหนังสือ
ซอฮยอนยืนขึ้นคำนับผู้เป็นบิดาก่อนจะหันหลังเดินจากมาพร้อมกับความรู้สึกอ้างว้างโดดเดี่ยวพิกล มหาเสนาบดีทำท่าจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่สามารถเอ่ยได้เสียทีราวกับน้ำท่วมปาก สายตาแลมองตามหลังบุตรสาวตนเองไปอย่างช้าๆ
หญิงสาวไม่รู้ตัวว่าเดินออกมายังถนนเมื่อใด รอบตัวมีบ่าวของใต้เท้าซินและลูกชายใต้เท้าปาร์คเดินตามมาด้วย ระหว่างนั้นบุตรของใต้เท้าปาร์คก็บอกเล่าเรื่องครอบครัวตนเองต่อซอฮยอน ด้านซอฮยอนเองก็พยายามจำทั้งที่ฮาวอนบอกและในกระดาษที่บิดาตนเองให้ไว้
"ที่ต้องจำสิ่งเหล่านี้เพราะคนรับสมัครนางกำนัลในวังเขาจะถามหรือเจ้าคะ ถ้าเกิดเขาตรวจสอบละเอียดขึ้นมาเราจะไม่โดนลงโทษรึเจ้าคะ บิดาท่านข้ายังไม่เคยเห็นหน้าเสียด้วยซ้ำ" ซอฮยอนพูดออกมาอย่างกังวล สายตามองเลยฝูงชนแออัดและยอดทิวไม้เบื้องหน้าไปยังวังหลวงที่กำลังใกล้เข้ามา
"เจ้าไม่ต้องกังวลไปดอก บิดาข้าแม้จะไม่มีอำนาจเทียบเท่าบิดาเจ้าแต่ก็มีคนนับหน้าถือตาพอสมควร พวกมหาดเล็กที่รับสมัครไม่กล้าถามมากแน่นอน แล้วเจ้าก็อย่าลืมว่าเจ้าเข้าไปในฐานะคนมีเส้นสาย ใครก็มิกล้ายุ่งหรือกล้าสงสัย" ฮาวอนตอบ
"ข้ารู้สึกไม่ดีเท่าไรกับการเข้าวังด้วยวิธีอุปถัมภ์เช่นนี้ คนอื่นจะมองข้าอย่างไรเล่า" หญิงยังไม่คลายกังวล
"เจ้าก็อย่าคิดมากเลย วังหลวงน่ะอยู่ยากหากขาดคนหนุนหลัง เจ้าไม่สามารถอยู่ได้ด้วยตนเองเสมอไปดอก" ซอฮยอนได้ยินก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่
ปาร์คฮาวอนเดินนำหญิงสาวมาถึงบันไดหินที่สลักลวดลายงดงาม ไม่นานก็ปรากฏสะพานหินให้ก้าวข้าม สระน้ำเบื้องล่างตระการตานัก ซอฮยอนถึงกับยืนมองด้วยความตกตะลึง
"นี่แค่รั้ววัง ในวังงดงามกว่านี้มากโข" ฮาวอนกล่าว
ไม่นานทั้งหมดก็เดินมาถึงประตูไม้สีแดงซึ่งปรากฏอยู่ระหว่างกำแพงหินสีขาว บริเวณนั้นมีทหารในชุดสีน้ำเงินสลับแดงยืนตรวจตราอยู่ เขาใส่หมวกปีกกว้างบนยอดมีพู่ห้อย สายจากหมวกที่ยาวลงมาถึงใต้คางร้อยสิ่งที่ดูคล้ายลูกประคำหลากสี มือข้างหนึ่งถือดาบเล่มใหญ่ที่ยังอยู่ในฝัก
ทหารนายนั้นก้มศีรษะให้ฮาวอนซึ่งผายมือเชิญให้ซอฮยอนเดินก้าวเข้าประตูไป ภายในมีโต๊ะไม้มากมายที่ตั้งอยู่กลางลานหิน โต๊ะแต่ละตัวมีมหาดเล็กในชุดสีเขียวยืนอยู่ ใบหน้าพวกเขาดูดุร้ายจนซอฮยอนรู้สึกกลัวปนตื่นเต้นแปลกๆ
"นี่หรือวังหลวง" หญิงสาวกระซิบถามฮาวอน
"ยังมิใช่ บริเวณนี้เป็นอาณาบริเวณคยองบกกุง(3)ก็จริงแต่ยังมิใช่วังหลวง"
ฮาวอนกับบรรดาบ่าวขอตัวไปอยู่ริมลานหินเพราะไม่สามารถเข้าไปใกล้ผู้หญิงอีกหลายคนที่ยืนรอต่อแถวเพื่อสมัครเข้าเป็นนางกำนัลได้ ซอฮยอนจึงเดินเนิบช้าไปต่อแถวบ้าง
ทุกคนจะถูกจดบันทึกชื่อสกุลและตรวจสอบกับตำรารายนามเพื่อขานชื่อ แต่ละคนต่างให้ชื่อกันครบถ้วนจนมาถึงซอฮยอน
"เจ้าชื่ออะไร" มหาดเล็กหน้าตาคล้ายจิ้งจอกถามเสียงเข้ม
"ซอฮยอนเจ้าค่ะ"
"สกุล?"
"ปาร์คเจ้าค่ะ"
มหาดเล็กหน้าจิ้งจอกชะงักพู่กันที่กำลังจะแตะหมึก เขาเงยหน้าขึ้นมองอย่างสงสัย
"เจ้าเป็นลูกสาวใต้เท้าปาร์คฮาซองที่ดูแลท้องพระคลังน่ะหรือ"
"เจ้าค่ะ" ซอฮยอนตอบพลางนึกถึงข้อความในกระดาษที่ใต้เท้าซินให้ไว้
"ใต้เท้าปาร์คมีลูกสาวด้วยหรือ"
ซอฮยอนมือชุ่มเหงื่อขึ้นมาฉับพลัน
"จองโฮ ใต้เท้าปาร์คมีลูกสาวด้วยหรือ" เขาหันไปถามเพื่อนมหาดเล็ก
"ไม่มีนะ ที่ข้ารู้" มหาดเล็กที่ชื่อจองโฮตอบพลางจ้องหน้าซอฮยอนอย่างแปลกใจ
มหาดเล็กหน้าจิ้งจอกลุกขึ้นยืนพลางหรี่ตามองหญิงสาวช้าๆ ก่อนจะเอ่ยออกมา
"เจ้าเป็นใคร"
ซอฮยอนหน้าซีดทันที
"เดี๋ยวพันซอก ข้าเพิ่งเปิดดูสมุดรายชื่อลูกบุญธรรม มีชื่อนางจริงๆ นี่อย่างไร ปาร์คซอฮยอน ลูกสาวบุญธรรมใต้เท้าปาร์คฮาซอง" มหาดเล็กจองโฮชี้ให้มหาดเล็กหน้าจิ้งจอกดูรายชื่อในสมุด
พันซอกมองตามก่อนจะหันกลับมามองหน้าซอฮยอนอีกที
"อืม ลูกสาวบุญธรรมสินะ ต้องขออภัย ช่วงนี้มักมีคนแอบอ้างเป็นลูกขุนนางอยู่มากมายจึงต้องตรวจให้แน่ชัด จะเป็นการเสียมารยาทรึไม่แม่นางหากข้าจะถามอะไรเจ้าข้อหนึ่ง"
"ถามอันใดเจ้าคะ" ซอฮยอนถาม พยายามทำน้ำเสียงให้เป็นปกติราบเรียบ
"ต้นไม้ใหญ่หน้าบ้านใต้เท้าปาร์คคือต้นอะไร" เขาถาม
ซอฮยอนชะงักไปในทันที
"เอ่อ อะ... อะไรนะเจ้าคะ"
"ต้นไม้หน้าบ้านบิดาบุญธรรมเจ้าน่ะ เป็นต้นอะไร" มหาดเล็กพันซอกทวนคำถามอีกรอบ
ซอฮยอนยืนนิ่ง นางไม่มีทางรู้ว่าต้นไม้หน้าบ้านใต้เท้าปาร์คคือต้นอะไรเพราะนางไม่ใช่ลูกบุญธรรมของเขาจริงๆ หญิงสาวไม่กล้าหันไปหาฮาวอนที่อยู่ห่างออกไปเพราะจะเป็นพิรุธ แล้วฮาวอนก็คงไม่รู้ว่านางกำลังตกที่นั่งลำบาก เขาอาจจะคิดว่ามหาดเล็กพูดคุยสอบถามธรรมดา
ผู้หญิงที่ยืนต่อแถวต่างพากันหันดูนางที่ไม่ยอมตอบคำถามเสียที
"ทำไมเจ้าไม่ตอบ" พันซอกเอ่ยขึ้น
"เอ่อ คือ... ข้า" นางอึกอัก มหาดเล็กหลายคนเริ่มเงยหน้ามองบ้าง
"เจ้าตอบไม่ได้ใช่รึไม่" พันซอกถาม
คงจบสิ้นเพียงเท่านี้ หนทางที่จะเข้าวังของนาง
ฉับพลัน มหาดเล็กพันซอกก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่นจนซอฮยอนสะดุ้งตกใจ
"เอาล่ะ เจ้าผ่านแล้ว ปาร์คซอฮยอน" เขาพูด
"อะไรนะเจ้าคะ"
"เจ้าผ่านแล้ว" เขากล่าวซ้ำ ซอฮยอนงุนงง พันซอกยิ้มก่อนจะเอ่ยต่อว่า
"ความจริงแล้วหน้าบ้านใต้เท้าปาร์คไม่มีต้นไม้ใหญ่สักต้น ข้าหลอกถามเพื่อทดสอบว่าจะรู้รึไม่ ถ้าเจ้าปลอมตัวมาคงตอบผิดรึไม่ก็ยอมรับออกมาตรงๆ ว่าไม่รู้ แต่เจ้ากลับนิ่งเงียบซึ่งแสดงว่าสับสน เพราะเจ้ารู้อยู่แก่ใจว่าหน้าบ้านใต้เท้าไม่มีต้นไม้แต่ข้ากลับถามถึงต้นไม้ ที่แม่นางมัวตอบช้าก็คงเพราะอย่างนี้สินะ"
ซอฮยอนโล่งอกทันที นางลอบพ่นลมออกมาทางปากช้าๆ หญิงสาวเกือบถูกเปิดโปงเสียแล้ว ไม่นึกว่าจะมีโชคช่วยให้รอดมาได้
หลังจากตรวจขานชื่อเรียบร้อย ซอฮยอนก็เดินเข้ามายืนรวมกันกับผู้หญิงคนอื่นๆ บริเวณใต้ร่มเงาของเรือนใหญ่หลังคากระเบื้องเพื่อรอรับคำสั่งต่อไป
ทันใดนั้น มหาดเล็กคนหนึ่งก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในลานหินก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยเสียงตะกุกตะกักเพราะหายใจไม่ทัน
"มี... มีพระบัญชาจากพระมเหสี ให้ตั้งกฎใหม่สำหรับ... สำหรับนางกำนัลเข้าใหม่ปีนี้ และ... และข้ารู้มาว่า ซัง... ซังกุงประหลาดได้ขอเข้าร่วมคัดคนเข้าวังด้วย"
"อะไรนะ!" มหาดเล็กทุกคนต่างอุทานออกมาอย่างตกตะลึง
โปรดติดตามตอนต่อไป
เชิงอรรถ
(1) จุงชีมัค หมายถึง ชุดฮันบกของบุรุษประเภทหนึ่ง มีลักษณะเป็นเสื้อคลุมยาวกรีดด้านข้างจากชายเสื้อขึ้นมา ซึ่งทำให้เสื้อคลุมสามารถพลิ้วไหวในขณะที่เคลื่อนตัว ได้รับการสวมใส่โดยชนชั้นขุนนางอันเป็นเครื่องแต่งกายในชีวิตประจำวัน
(2) ซีมา หมายถึง กระโปรงซึ่งทำด้วยผ้าไหมอย่างดี ผ้าไหมของเกาหลีเนื้อหนาและมีน้ำหนักมาก ปรากฏจีบโดยรอบ จะคาดไว้ตั้งแต่ช่วงอกจนคลุมถึงพื้น เวลานั่งจะพองออกดูสวยงาม ลวดลายและสีจะแตกต่างกันไปตามสถานะผู้ใส่
(3) คยองบกกุง หมายถึง ชื่อของหนึ่งในวังหลวงสมัยโชซอนอันมีทั้งหมดห้าพระราชวัง (คยองบกกุง, ชางด๊อกกุง, ด๊อกซูกุง, ชางคยอง, คยองฮี) ซึ่งคยองบกกุงถือเป็นวังหลวงเก่าแก่อีกทั้งยังสวยงามใหญ่โตที่สุดกว่าพระราชวังใดๆ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น