ลำดับตอนที่ #95
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #95 : จดหมายฉบับแรก [100%]
ตอนที่ 95 จดหมายฉบับแรก
องค์ชายตรัสพลางลุกขึ้นยืน แต่ก่อนที่พระองค์จะเสด็จออกไปนอกห้อง สตรีในชุดทังอีสีแดงก็พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วด้วยอารมณ์ร้อน ดวงตาเกรี้ยวกราดนั้นจ้องยิมโฮแทกุนราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
"เซจาพิน!" โชคังอินร้องออกมา
"พระชายา อะไรกันพ่ะย่ะค่ะ" ยิมโฮแทกุนร้อง "เสด็จมาถึงตำหนักแทเพียง ทรงมีธุระอะไรกับหม่อมฉันหรือ"
พระหัตถ์ของเซจาพินกำแน่นอย่างลืมตัว
"เจ้าจะยังกล้าถามข้าอีกหรือ"
ลียิมโฮแสร้งขมวดคิ้ว
"เมื่อหม่อมฉันสงสัยก็ต้องถามสิพ่ะย่ะค่ะ"
"เลิกตีหน้าซื่อได้แล้ว แร่หินดำร้อยหีบ ทำไมจู่ๆ ท่านทูตจึงลดเหลือ 20 หีบ และที่สำคัญ เจ้าไปเอามาจากไหน 20 หีบ"
"พระชายาจะทรงกริ้วอันใดหรือ เป็นการดีอยู่แล้วมิใช่หรือหากท่านทูตขอจำนวนหีบน้อยลง ท่านจะเป็นเดือดเป็นร้อนอะไร"
"เจ้า..."
"หรือว่าพระองค์โมโหเพราะเสียแผนซึ่งวางไว้กับคิมซังกุง ที่จะให้หม่อมฉันแต่งงานกับหลานนาง"
"เงียบนะ!"
"ต้องขออภัยพระนางด้วยจริงๆ หากแผนที่วางไว้นั้นล้มไม่เป็นท่า แล้วถ้าเป็นไปได้ฝากบอกถึงคิมซังกุงด้วยนะพ่ะย่ะค่ะ ว่าอย่าใช้บ้านเมืองเป็นเครื่องต่อรองเพื่ออำนาจส่วนตัว ครั้งนี้หม่อมฉันเกือบพลาดท่าเพราะเห็นแก่ฝ่าบาท แต่ครั้งหน้าจะไม่มีอีกแล้ว หม่อมฉันกับองค์รัชทายาทลีซองแจนั้นอยู่กันอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัยกันมาตลอด มีแต่พระองค์นั่นแหละที่ระแวงจนตัวสั่น แล้วสักวันพระองค์ก็จะแพ้ภัยตนเอง"
"ยิมโฮ!"
"ส่วนแร่หินดำ 20 หีบ ชาวบ้านและพ่อค้าที่ทำเหมืองแร่นั้นพากันรวบรวมมาให้หม่อมฉันโดยไม่คิดเงิน แต่ถึงอย่างไรหม่อมฉันก็จ่ายพวกเขาไปด้วยราคาเต็มอยู่ดี เพราะเห็นว่าเขายอมขาดทุนเพื่อบ้านเมือง ดีกว่าบางคนที่เอาบ้านเมืองมาเป็นของเล่น สักแต่กอบโกยผลประโยชน์เข้าตัว"
"เจ้าคนอวดดี! นี่เจ้ากล้าสามหาวกับข้าถึงขนาดนี้เลยหรือ" เซจาพินร้องออกมาอย่างกราดเกี้ยว
"พระชายาลองตรองดูพ่ะย่ะค่ะ ว่าพฤติกรรมพระองค์เป็นเช่นนี้รึเปล่า"
"อะไรนะ!"
โชคังอินที่ยืนหัวหดอยู่รู้ทันทีว่าองค์ชายกำลังสนุกกับการยั่วโมโหฮยอนจองเซจาพิน
"เป็นแค่องค์ชายเล็กๆ เข้ามาอยู่ในวังได้ไม่นาน คิดหรือว่าตั้งต้นเป็นอริกับข้าแล้วจะอยู่เย็นเป็นสุข ข้าเป็นประมุขแห่งเซจากุง วันหน้าก็ต้องได้เป็นมเหสี เจ้าคิดว่าเมื่อวันนั้นมาถึงเจ้าจะมีที่ยืนหรือ"
"แต่วันนั้นมันยังมาไม่ถึงนี่พ่ะย่ะค่ะ"
"มันต้องมาถึงแน่"
"เช่นนั้นหม่อมฉันก็จะตั้งตาคอยพ่ะย่ะค่ะ"
เซจาพินทำท่าราวกับจะอยากสาดคำแสบๆ ร้อนๆ ใส่ยิมโฮแทกุนอีกมากมายแต่เพราะว่าในห้องมีมหาดเล็กโชอยู่ด้วยจึงไม่กล้าตะโกนออกไป นางจึงทำได้แต่เพียงกระฟัดกระเฟียดก่อนจะก้าวออกไปจากห้องด้วยความหงุดหงิดพลางปิดประตูไม้ตามหลังดังปัง
"องค์ชาย ทำไมตรัสกับพระนางอย่างนั้นเล่าพ่ะย่ะค่ะ" โชคังอินรีบทูลถามทันทีที่พระชายาองค์รัชทายาทเสด็จจากไป
"ถึงเวลาแล้วที่จะพูดตรงๆ กับนาง ข้าเบื่อเต็มทนกับการที่ต้องมาทำแกล้งโง่กับคนพวกนี้"
"แต่ถึงอย่างไรนางก็เป็นเซจาพินนะพ่ะย่ะค่ะ"
"แล้วอย่างไร เซจาพินที่เอาความเป็นความตายของแผ่นดินมาต่อรอง เซจาพินแบบน่ะนี้หรือที่ควรเคารพ เจ้าก็รู้นิสัยข้าดี แต่ก่อนข้านั้นทำอะไรก็จะไว้หน้านางเสมอ แต่คราวนี้เหลือทนจริงๆ ยิ่งไปร่วมมือกับคิมซังกุงข้าก็ยิ่งชิงชัง"
"แต่พระองค์จะอยู่ในวังไปอีกนาน ไม่คิดว่าจะมีผลร้ายตามมาบ้างหรือพ่ะย่ะค่ะหากตั้งตนเป็นศัตรูกับพระนาง"
"ข้าเชื่อว่าท่านพี่ซองแจเข้าใจข้าดีในเรื่องนี้ เอาล่ะ ข้าจะไปส่งท่านทูตก่อน ไหนจะต้องรีบกลับวังไปทูลฝ่าบาทอีก"
"เอ่อ องค์ชาย"
"อะไรหรือ"
"แล้วแม่นางซอฮยอนเล่าพ่ะย่ะค่ะ"
"ทำไมรึ"
"พระองค์ไม่คิดว่านางจะเป็นอันตรายบ้างหรือ ตั้งแต่นางเข้าวังมาเหมือนจะสร้างความวุ่นวายให้แก่คิมซังกุงตลอด จนวันนี้ก็เกี่ยวพันไปถึงฮยอนเซจาพิน ถึงขนาดบุกเข้าไปในตำหนักนี่ไม่ใช่เรื่องที่ควรมองข้ามนะพ่ะย่ะค่ะ ข้ากลัวว่านางจะเป็นอันตรายไปด้วย"
ยิมโฮแทกุนนิ่งคิด
"นางเป็นแค่นางในเล็กๆ ไม่มีใครปกป้องนางนะพ่ะย่ะค่ะถ้าจะมีอะไรเกิดขึ้น" โชคังอินกล่าวสำทับอีกหน
องค์ชายนิ่งไปนานเพราะคิดตามคำพูดของมหาดเล็กคนสนิท เขาลืมนึกถึงข้อนี้ไปสนิท ซอฮยอนอาจจะกำลังตกอยู่ในอันตราย...
"นายหญิง! ใจเย็นๆ ก่อนเจ้า--ว้าย!" คิมเซจีหลบจอกชาที่กระเด็นมาอย่างรวดเร็ว
"อย่ามาบอกให้ข้าใจเย็นนะ! อย่ามาบอกข้า!"
"ท่านเป็นถึงซังกุงรับบัญชานะเจ้าคะ อายเหล่านางในบ้างเถิด โกรธจนเสียสติเช่นนี้พวกนางจะหัวเราะเยาะเอาได้"
"ก็ให้หัวเราะไปสิ ข้าไม่สนใจ ข้าไม่สนใจใครทั้งนั้น" คิมซังกุงตะโกนออกมาอย่างคั่งแค้น "ที่ข้าต้องการตอนนี้คือฆ่าซอฮยอนเสีย!"
"นายหญิง!" เซจียกมือทาบอก "ท่านพูดอะไรออกมาเจ้าคะ"
"ข้าไม่ไหวแล้วกับนาง กี่ครั้งกี่หนแล้วที่ขัดขวางข้า ขัดขวางเจ้า แผนทุกอย่างก็ล่มหมดเพราะนาง ขนาดเรื่องทูตที่ข้ามั่นใจว่าต้องได้ผล นางก็ยังมาทำลายจนไม่เหลือชิ้นดี ข้าไม่ยอม ข้าไม่ยอมแน่ๆ ข้าจะกำจัดนางเสีย"
"แต่ท่านไม่สงสัยหรือเจ้าคะ ทูตหวางจื่อห้าวนั่นเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว เหตุใดถึงยอมเพราะซอฮยอนเข้าไปพูด ข้าว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ"
"ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ นังนั่นก็คงจะแค่ใช้เล่ห์วาจาอันลดเลี้ยวชักจูงท่านทูตน่ะสิ ช่างร้ายกาจนัก ข้าขอสาบานต่อฟ้าว่าข้าจะจัดการนางให้ได้!"
"นายหญิง" เซจีเอ่ยเสียงเบาอย่างพยายามที่จะเอาน้ำเย็นเข้าลูบ "ทำไมเราไม่หาทางเอาชนะนางด้วยไหวพริบเราเองเล่าเจ้าคะ ฆ่านางแล้วจะได้อะไร ฆ่าคนใครๆ ก็ทำได้ ไม่สาแก่ใจอีกด้วยเจ้าค่ะ"
คิมซังกุงเหลือบมองหน้าหลานสาวตนเอง
"เจ้า... เจ้ามีวิธีหรือ"
"ตอนนี้ยังเจ้าค่ะ แต่ข้าไม่อยากให้ท่านฆ่าใครอีก"
"การฆ่าคือการตัดปัญหาทุกอย่าง สมัยก่อนที่ข้าฆ่าอดีตพระชายาฮวารยอนเองก็เหมือนกัน คราวนี้ข้าก็จะทำอีกครั้ง นางเป็นเสี้ยนหนามมากเกินไป... เกินไปเสียจน--" คิมซังกุงทำสีหน้าครุ่นคิด
"อะไรหรือเจ้าคะ"
"จนข้าคิดว่านางเข้าวังมาเพื่อเล่นงานเราโดยเฉพาะ" คิมซังกุงกล่าวจนจบ
"พูดอะไรเจ้าคะนายหญิง นายจะมาเล่นงานเราทำไมกัน"
"ข้าก็ไม่เคยคิดเช่นนี้หรอกนะ แต่ไปๆ มาๆ นางคนนี้เหมือนจะเป็นเจ้ากรรมนายเวรเราอย่างไรพิกล ข้าจึงคิดที่จะตัดไฟตั้งแต่ต้นลมเสีย"
"แล้วนายหญิงคิดจะทำประการใด"
คิมซิลวาหรี่ตาลงอย่างมาดร้าย
ซอฮยอนเดินกลับเข้าเรือนพักตัวเองอย่างเหนื่อยอ่อน เพราะเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจที่ตำหนักแทเพียงก็ต้องรีบกลับมาเรียนกับใต้เท้ากึมแฮต่อให้จบแบบรวดเดียวเพื่อจะได้ทันเพื่อนๆ ในกองงานเดียวกัน
นางไม่ได้เล่าเรื่องที่เกิด ณ ตำหนักแทเพียงให้ใครฟังเพราะคำขอร้องของโชคังอิน เพราะถ้าหากพูดไปก็จะเป็นเรื่องโจษขานวุ่นวาย ไหนจะเรื่องละเอียดอ่อนอย่างการที่ทูตต้าหมิงเคยมีความสัมพันธ์กับสตรีโชซอนด้วย
หญิงสาวนั่งลงกับที่นอนก่อนจะจัดมันให้เข้าที่เข้าทาง ซุนฮวายังไม่ได้กลับมา ซอฮยอนจึงคิดจะทำความสะอาดห้องเสียก่อน นางยกขอบที่นอนขึ้นก่อนจะชะงัก
จดหมายฉบับแรกของพี่สาวต่างมารดาอยู่ตรงนั้น...
นางลืมไปเสียสนิทว่าซ่อนจดหมายฉบับแรกของอดีตพระชายาฮวารยอนไว้ใต้ที่นอนตอนที่ใต้เท้าซินมาขอพบและนางก็ลืมยาวไปโดยปริยายเพราะเจอเรื่องมากมายที่เข้ามา
ซอฮยอนหยิบซองจดหมายขึ้นมาพินิจพิจารณาอยู่ชั่วครู่ก่อนจะหันมองไปที่ประตู... ซุนฮวาอาจจะยังไม่กลับมาในตอนนี้
นางเปิดซองพลางดึงกระดาษด้านในออกมากางออกและเริ่มตั้งต้นอ่าน
[ต่อจาก 50%]
"ซอฮยอน ถ้าเจ้าได้เปิดอ่านจดหมายฉบับนี้
แต่ยังไม่ได้เป็นนางในเต็มตัวก็จงปิดไปเสีย หรือถ้าเจ้าไม่ได้จะเข้าวังก็จงเผาจดหมายนี้ทิ้งเสีย แต่ถ้าเจ้าได้เป็นนางในเต็มตัวแล้วก็ขอให้อ่านจดหมายฉบับนี้จนจบเถิด"
"สิ่งแรกที่ข้าอยากจะบอกกับเจ้าคือคำขอโทษ มันไม่มีคำพูดไหนที่สามารถขออภัยเจ้ากับการที่เจ้าต้องเหนื่อยเข้าวังเพื่อข้า ข้าไม่รู้หรอกว่าเจ้าจะประสบอะไรมาบ้างก่อนที่จะมาถึงจุดนี้ อยากบอกว่าข้าซาบซึ้งใจนัก ถ้าในโลกนี้มีคำที่มีความหมายเหนือกว่าคำว่าขออภัยแล้วล่ะก็ ข้าก็จะใช้คำนั้น"
"ที่ข้าต้องขอโทษเจ้ามากมายถึงเพียงนี้เพราะเป็นความละอายใจ เจ้าเองลำบากมามากแต่ต้องมาคอยรับคำสั่งจากจดหมายฉบับนี้ ใช่ จดหมายฉบับแรกจะเป็นสิ่งแรกที่เจ้าควรทำหลังจากเป็นนางใน"
"ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเป็นนางในห้องไหน สังกัดใด กองใด แต่ที่ข้าพอรู้ เจ้าไม่ได้เข้าวังในฐานะสกุลซิน เพราะก่อนที่ข้าจะตายข้าได้แนะอุบายนี้ให้แก่บิดาเราได้รับรู้ ฉะนั้นตอนนี้ข้าหวังว่าในวังจะไม่มีใครรู้นะว่าเจ้าคือน้องสาวข้า นอกจากบิดาของเรา"
"เจ้าจงทำตัวปกติ ทำเหมือนนางในทั่วไปที่ทำงานรับใช้ในราชสำนัก แต่เจ้าเองก็ต้องรู้เอาไว้ด้วยว่าใครคือศัตรู เจ้าจำคิมซิลวาได้รึไม่ ซังกุงที่วางยาพิษข้า ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเจอนางรึยัง แต่ถ้าเจอแล้วก็จงอยู่ห่างนางให้มากที่สุด อย่าได้ทำอะไรให้นางเพ่งเล็งเด็ดขาด ตอนนี้เราต้องซุ่มเงียบ เพราะฐานะเจ้าตอนนี้ไม่สามารถต่อกรกับนางได้เลย"
ซอฮยอนยกมือขึ้นปิดปาก นางพลาดเสียแล้ว เนื้อความในจดหมายฉบับแรกของพี่สาวเตือนนางช้าไป เพราะตั้งแต่หญิงสาวเหยียบย่างเข้ามาในวังหลวง ก็ได้สร้างความไม่พอใจมากมายให้แก่คิมซังกุงจนกระทั่งเรื่องทูตที่เพิ่งผ่านไปก็เช่นกัน ซอฮยอนถอนหายใจพลางคิดว่าพี่สาวต่างมารดาที่อยู่ในปรโลกจะโกรธตนแค่ไหนหนอเพราะเพียงแค่ข้อแรกนางก็ทำมันพังไปเสียแล้ว
"เจ้าจะเริ่มต่อกรกับนางได้เมื่อขึ้นเป็นระดับซัง ฉะนั้นเจ้าจงใช้อิทธิพลใต้เท้าซินบิดาเราหนุนให้เจ้าขึ้นเป็นระดับซังให้เร็วที่สุด ตามกฎ นางในที่ขึ้นเป็นระดับซังได้ต้องอายุ 30 ขึ้นไป แต่นางในหลายคนเป็นได้ก่อนหน้านั้นหลายปีเพราะมีขุนนางใหญ่หนุนหลัง หนึ่งในนั้นคือคิมซังกุง นางเลื่อนขึ้นจากนางในชั้นสูงเป็นซังกุงเลยทั้งๆ ที่อายุแค่ 23"
"เจ้าก็จงขึ้นเป็นระดับซังให้เร็วที่สุดเช่นกัน ถ้าเป็นไปได้ก็เป็นระดับซังกุงเลยยิ่งดี ฉะนั้นคำสั่งในจดหมายฉบับนี้คือเจ้าต้องขึ้นเป็นระดับซังให้ได้ และเมื่อเจ้าได้เป็นเมื่อไร จงเปิดฉบับที่สองออกเสีย มันคือจดหมายฉบับที่ข้าแต้มหมึกสีแดงไว้ จงจำไว้ให้มั่นว่าต้องขึ้นเป็นระดับซังก่อนถึงจะเปิดอ่านได้ และมันจะบอกกับเจ้าเองควรทำอย่างไรต่อไป"
"หวังว่าเจ้าจะทำตามอย่างเคร่งครัด แต่ถ้าเจ้าเบื่อหน่ายที่จะทำก็จงทำลายจดหมายทั้งสามฉบับทิ้งไปเสียเพื่อความปลอดภัยของเจ้าเอง แต่ถ้าเจ้าจะทำ ก็จงเผาจดหมายฉบับนี้ทิ้งเสียเพียงฉบับเดียวเถิด
ซินฮวารยอน"
ซอฮยอนพับจดหมายฉบับแรกเก็บลงซองตามเดิมก่อนจะหันไปค้นในหีบส่วนตัว ข้างในยังมีจดหมายอีกสองฉบับวางอยู่ หนึ่งในนั้นมีหมึกสีดำแต้มเห็นเด่นชัด คงเป็นฉบับนั้นแน่ที่พี่สาวนางพูดถึงว่าเป็นฉบับที่สอง
หญิงสาวถอนหายใจเล็กน้อย ทีแรกคิดว่าจดหมายฉบับแรกของฮวารยอนจะเฉลยอะไรบางอย่างให้นางได้รับรู้ แต่ทว่ามันกลับไม่มีเลย อีกทั้งยังผูกความลับไปในฉบับที่สองอีก ซอฮยอนอยากเปิดอ่านจดหมายฉบับต่อไปใจจะขาดแต่ก็อดกลั้นไว้ได้เพื่อคำสั่งของพี่สาว
ขึ้นเป็นระดับซังหรือ... ซอฮยอนครุ่นคิด การขึ้นเป็นระดับซังไม่ใช่เรื่องง่าย นางในหลายคนก็อยู่ในวังจนแก่แต่ก็ไม่มีโอกาสได้ขึ้นเป็นระดับซัง เพราะไหนจะต้องมีอายุที่เหมาะสมแล้ว บารมีและผลงานก็ต้องโดดเด่น ได้รับการเห็นชอบจากพระมเหสีและเซโจซังกุงอีก ซึ่งนี่ยังไม่นับรวมอำนาจของเหล่าขุนนาง
หญิงสาวนึกภาพไม่ออกว่าในอนาคตตัวเองจะเป็นระดับซังอย่างไร ใส่ชุดทังอีสีเขียวอ่อน บนศีรษะสวมคาเชคงเป็นสิ่งที่พิลึกสำหรับนางเพราะมันดูไกลตัวเหลือเกิน ตอนนี้นางเป็นแค่นางในชั้นต้น จง 9 พุม ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องผ่านนางในชั้นสูงไปก่อนถึงจะได้ขึ้นเป็นระดับซัง ส่วนเรื่องที่จะให้ใต้เท้าซินช่วยหนุนนั้น คงเป็นเรื่องที่หญิงสาวไม่มีวันทำแน่ๆ
ซอฮยอนยื่นจดหมายฉบับแรกจ่อเข้ากับเปลวไฟบนดวงเทียน มันค่อยๆ ติดที่ปลายกระดาษและลามลุกไหม้จนทั่วซองจดหมายอย่างรวดเร็ว เถ้าสีดำร่วงลงชามกระเบื้องที่นางเตรียมไว้ เมื่อหญิงสาวเผาจดหมายจนไม่เหลือซากก็เทน้ำลงไปในชามและยกออกไปทิ้งใต้โคนต้นไม้หน้าเรือนพัก
ประตูไม้เลื่อนเปิดออกหลังจากซอฮยอนจัดที่นอนเสร็จไม่นาน
"กลิ่นอะไรน่ะ ยังกับกลิ่นกระดาษไหม้" ซุนฮวาก้าวเข้ามาพลางทำจมูกฟุดฟิด "เจ้าทำอะไรไหม้หรือ"
"อ้อ ข้าเผลอทำเทียนล้มโดนผ้าปูน่ะ มันเลยไหม้ไปนิดหนึ่ง" ซอฮยอนรีบตอบ
"ระวังหน่อยสิ ถ้าไฟไหม้ห้องพักขึ้นมาจะยุ่ง ทหารยามรักษาฟืนไฟยิ่งเข้มงวดอยู่"
"แล้วเจ้าไปไหนมาหรือ ทำไมกลับมาช้านัก"
"ข้าไปนั่งคุยกับนางในของเซจากุงมา"
ซอฮยอนสะดุ้งโหยง
"เซจากุง... เอ่อ นางในของเซจาพินน่ะหรือ"
"ใช่" ซุนฮวาตอบสั้นๆ
"แล้วไปคุยอะไรกับพวกนางรึ" ซอฮยอนพยายามทำน้ำเสียงสบายๆ
"ก็เรื่อยเปื่อย ไม่มีอะไรมากหรอก" ซุนฮวากล่าวพลางหาว "แต่ข้าอิจฉาพวกนางนะเพราะรัชทายาทองค์นี้ไม่ค่อยประทับในวังเลย ชอบประทับนอกวังมากกว่าจนพวกนางในเซจากุงมีเวลาว่างเป็นของตัวเองเยอะนัก แต่รู้สึกว่าพรุ่งนี้องค์รัชทายาทลีซองแจจะเสด็จมาประทับในวังนะ"
"จริงหรือ พระองค์จะกลับมาหรือ"
"ใช่ ได้ยินว่ามีพิธีต้อนรับด้วย" ซุนฮวารื้อที่นอนออกมาปู "เอาล่ะนอนเถิด ดึกมากแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้เชวซังกุงจะเริ่มให้พวกเราเดินส่งหนังสือในวัง ข้าว่าต้องเหนื่อยมากแน่ๆ ฝากดับเทียนด้วยล่ะ"
ซอฮยอนหันไปเป่าเทียนให้ดับลง เมื่อทั้งห้องตกอยู่ในความมืดมิด หญิงสาวก็เอนตัวลงนอนแต่ยังไม่หลับตา นางนอนหงายจ้องเพดานพลางครุ่นคิดถึงเรื่องจดหมายของพี่สาวและเรื่องรัชทายาทลีซองแจกลับวังมาจนกระทั่งหลับไป
"พระชายา องค์รัชทายาทเสด็จกลับมาแล้วเพคะ" โอซังกุงรีบทูลต่อนายเหนือหัวของตนเองเมื่อทราบข่าวว่าลีซองแจมาถึงวังหลวงแล้ว
"จริงหรือ! แล้วตอนนี้ประทับอยู่ที่ใด" เซจาพินรีบถามทันที
"ตำหนักตงกุงเพคะ"
"เช่นนั้นรีบไปจัดเตรียมเร็วเข้า ข้าจะไปเข้าเฝ้าเดี๋ยวนี้ พระองค์ไม่เสด็จมาประทับในวังนานพอควร มีหลายเรื่องที่ต้องแจ้งให้ทรงทราบ โดยเฉพาะเรื่องเจ้าคนผยองลียิมโฮ!"
โอซังกุงคำนับก่อนจะรีบออกไปจัดเตรียมขบวนเสด็จ เซจาพินเองก็เปลี่ยนชุดเป็นทังอีสีเขียวสดใสเพื่อไปต้อนรับสวามี เมื่อซังกุงประจำตัวทูลเชิญก็ประจำตำแหน่งหัวขบวนเพื่อมุ่งไปยังตำหนักตะวันออกทันที
ตำหนักตงกุงหรือตำหนักตะวันออก ตั้งอยู่เป็นเอกเทศจากแนเมียงบูเพราะถือว่าเป็นส่วนของวังเซจาหรือองค์รัชทายาทโดยสมบูรณ์ แม้จะต้องอยู่ในพระเดชาของฝ่าบาทแต่การปกครองทหาร นางวัง ล้วนแล้วแต่อยู่ในอำนาจของลีซองแจและฮยอนจองเซจาพิน นางในที่อยู่ตำหนักนี้จึงไม่จัดเป็นผู้หญิงของพระราชาแต่เป็นผู้หญิงขององค์รัชทายาทแทน
ปาร์คซังกุงที่ประจำอยู่หน้าตำหนักรีบลงมาคำนับฮยอนจองเซจาพิน
"รีบทูลให้ข้าด้วย"
"เพคะ" ซังกุงหันไปทางประตูตำหนัก "องค์รัชทายาท พระชายาขอเข้าเฝ้าเพคะ"
"ให้นางเข้ามา"
เซจาพินเดินเข้าไปในตำหนักก็เห็นขุนนางสองสามคนกำลังนั่งสนทนากับพระสวามีอยู่พอดี ใต้เท้าเหล่านั้นรีบลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นพระนางเสด็จเข้ามา
"พวกท่านออกไปก่อน" องค์รัชทายาทกล่าวกับเหล่าขุนนาง
ลีซองแจเป็นชายร่างเล็กที่ดูปราดเปรียว พระฉวีนั้นขาวเนียนละเอียดผิดจากน้องชายต่างมารดา พระพักตร์ที่ดูอ่อนเยาว์เหมือนหนุ่มวัยแรกรุ่นกับนัยน์ตาโศกขับให้พระองค์ดูงดงามคล้ายสตรีเพศ
ขุนนางพากันก้มศีรษะดฝเดินออกไปจากตำหนักแล้ว เซจาพินก็รีบประทับลงต่อหน้าเบื้องพระพักตร์ทันที
"พระองค์กลับมาแล้วหรือเพคะ หม่อมฉันยินดีนัก ในที่สุดก็เสด็จกลับมา"
"ไฉนถึงดูตกใจนักเล่า"
"ก็พักหลังพระองค์เหมือนจะถูกพระทัยกับการประทับที่นอกวังมากกว่าในวังนี่เพคะ"
"ก็ในวังมีเจ้าคอยควบคุมดูแลอยู่ เจ้าชอบไม่ใช่หรือกับการบงการที่นี่แทนข้า"
"อย่ารับสั่งเช่นนั้นสิเพคะ บางเรื่องหม่อมฉันก็เอาไม่อยู่ อย่างเรื่องลียิมโฮ"
"เรื่องนั้นข้ารู้แล้ว"
"อะไร... อะไรนะเพคะ"
"องค์ชายเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ข้าฟังแล้ว เขาส่งจดหมายมาหาที่จวนข้าเมื่อวาน"
เซจาพินอ้าปากค้าง
"ฉะนั้นไม่ต้องเอาเรื่องเขามาฟ้องข้า เพราะเขาไม่ได้ทำผิดอะไรสักนิด เจ้าต่างหากที่ทำเกินไป"
"องค์รัชทายาท!"
"ถ้าเจ้ามีเรื่องที่จะแจ้งแก่ข้าแค่นี้ก็กลับตำหนักไปเสียเถิด"
โปรดติดตามตอนต่อไป
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น