ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กลรักวังหลวง [서현]

    ลำดับตอนที่ #61 : บันทึกพระกิจวัตร [100%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2K
      155
      7 ก.ค. 62

    ตอนที่ 61 บันทึกพระกิจวัตร






         "แต่แรกเริ่มเดิมทีนั้นดายองกงจูเป็นองค์หญิงน้อยที่น่ารักมาก มีความเป็นกุลสตรีและรู้จักเรียนรู้งานอันเป็นหน้าที่ของผู้หญิงตั้งแต่สามขวบโดยมีพระมเหสีดูแลอย่างใกล้ชิด ซึ่งองค์หญิงก็ทรงทำหน้าที่ตัวเองได้อย่างดีเยี่ยมมาโดยตลอด"

         "องค์หญิงผู้น่ารักสดใส ประพฤติตนเคร่งครัดอยู่ในขนบธรรมเนียม เหตุใดจู่ๆ ถึงมีพฤติกรรมเช่นทุกวันนี้ได้เล่าเจ้าคะ" ซอฮยอนสงสัย

         "พฤติกรรมของพระองค์มิใช่โรคภัยหรือความผิดปกติใดๆ หรอก บางคนถึงขั้นคิดไปว่านางโดนคุณไสยเล่นงานด้วยซ้ำ" โบโมซังกุงเอ่ย

         "แล้วความจริงเกิดจากอะไรเจ้าคะ" ซอฮยอนถาม

         ซังกุงพี่เลี้ยงชะเง้อคอมองไปหน้าประตูเรือนจำก่อนจะก้มลงกระซิบกับซอฮยอน

         "องค์หญิงมีความเก็บกดในพระทัย" 

         "อะไรนะเจ้าคะ"

         "นางไม่เคยชอบสิ่งที่พระมเหสีรวมถึงบรรดาซังกุงอบรมยัดให้นาง องค์หญิงรู้สึกว่าตัวเองเป็นหุ่นเชิดมากกว่าจะเป็นคน ดายองกงจูสะกดกลั้นความรู้สึกนี้มาตลอดหลายปีแต่นางก็หาได้มีอาการต่อต้านใดๆ ไม่ ยังคงก้มหน้าก้มตาทำทุกอย่างไปได้อย่างดีเยี่ยม"

         "ข้าสงสารนางนัก เกิดมาเป็นองค์หญิงลูกเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ย่อมไม่สามารถทำอะไรได้ตามอำเภอพระทัย ทุกอย่างถูกจัดสรรโดยผู้ใหญ่ในวังหลวงทั้งสิ้น"

         ชั่ววาบหนึ่ง ซอฮยอนก็พลันนึกถึงตนเองตอนเด็ก สมัยนั้นนางเป็นลูกไพร่ อยากเรียนหนังสือมากจนต้องไปแอบเรียนอยู่ใต้เรือนศึกษาของพวกผู้ชาย หญิงสาวรู้สึกว่าตนเองยังมีอิสระกว่าองค์หญิงเสียอีกที่อย่างน้อยก็สามารถมีทางเลือกในการทำสิ่งที่ใจรักบ้าง

         "ต่อมาข้าได้ยินเสียงองค์หญิงทรงกรรแสง แต่นางจะแอบทำตลอด ไม่ว่าจะเป็นกลางดึกหรือเวลาเสด็จอุทยาน มาวันหนึ่งข้าทนไม่ไหวจึงทูลถามตรงๆ และองค์หญิงก็ระบายทุกสิ่งทุกอย่างให้ข้าฟังจนหมดสิ้นว่านางทุกข์ทรมานเพียงใดบ้าง"

         "หลังจากนั้นเมื่อลับหลังพระมเหสี ข้าก็ตามใจองค์หญิงตลอด ให้อิสระนางในการทำสิ่งที่ชอบเสมอ ยิมโฮแทกุนเองก็เสด็จมาหาองค์หญิงบ่อยจนทำให้นางคลายความเครียดลงได้ แต่ทว่าวันหนึ่ง... ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป"

         "เกิดอะไรขึ้นหรือเจ้าคะ" ซอฮยอนรีบถามทันที

         "องค์หญิงมาขอให้ข้าพาออกไปนอกวัง พาไปเที่ยวเล่นพบปะผู้คน พบเจอโลกภายนอก ตอนแรกข้าปฏิเสธเด็ดขาด องค์หญิงจะออกไปนอกวังโดยลำพังได้อย่างไร อย่าว่าแต่กงจู ขนาดลูกสาวขุนนางบางคนก็แทบจะไม่ได้ออกจากบ้าน หากจะออกก็ต้องมีเหตุจำเป็นจริงๆ อีกทั้งยังต้องมีผ้าคลุมคลุมตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าตลอดเวลา"

         "แต่ข้าก็ทนการรบเร้าเซ้าซี้ขององค์หญิงไม่ไหว ในที่สุดก็ต้องพานางไป และนั่นเป็นการตัดสินใจที่ผิดมหันต์"

         "ทำไมหรือเจ้าคะ"

         "องค์หญิงติดการเที่ยวเล่นนอกวัง วิชาความรู้ในวังที่ปกตินางทำได้ดีก็แย่ลงเรื่อยๆ บางครั้งถึงกับเมินเฉยเลยก็มี เวลานั้นดายองกงจูสนใจแต่ที่จะไปนอกวัง ตอนนั้นข้ามั่นใจว่านางต้องไปรู้จักใครบางคนข้างนอกวังแน่ๆ"

         "ใครกันเจ้าคะ"

         "ข้าไม่รู้ ถามนางก็ไม่ยอมบอก แต่แววตานางยามที่รู้ว่าจะได้ออกไปนอกวังทีไรนั้นสั่นระริกอย่างมีความสุขเสมอ เหมือน... เหมือนนางมีเพื่อนสนิทอยู่นอกวังฉะนั้น"

         "เพื่อนหรือเจ้าคะ" ซอฮยอนครุ่นคิด

         "ไม่นานเรื่องก็ถึงพระเนตรพระกรรณพระมเหสี ตอนนั้นชุงจอนมามะบุกมาถึงตำหนักของดายองกงจูและไล่ทุกคนออกไปยกเว้นพระธิดาของตนเอง"

         โบโมซังกุงหลับตาลง

         "มันเหมือนวันนรกแตก พระมเหสีทรงกริ้วมาก ไม่มีใครเคยเห็นพระนางพิโรธเช่นนี้มาก่อน เสียงตวาด เสียงรื้อค้นข้าวของดังสนั่น และนั่นเป็นครั้งแรกที่ข้าได้ยินองค์หญิงเถียงกับพระมารดาตนเอง"

         "เถียงว่าอะไรเจ้าคะ" ซอฮยอนถาม

         "ข้าจับใจความไม่ได้เลย และหลังจากนั้นดายองกงจูก็เปลี่ยนไปอย่างที่ทุกคนเห็น ไม่ซึมเศร้าหนักหน่วงก็อาละวาดจนตำหนักแทบแตก เหมือนอาการเก็บกดตลอดมาได้ถูกปลดปล่อย"

         "แล้วนายหญิงถูกขังอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อใดเจ้าคะ"

         "หลังจากดายองกงจูมีพฤติกรรมแปลกประหลาดได้สองวัน ข้านั้นพยายามหาทางช่วยนางเต็มที่แต่ก็ไม่พบ จนในที่สุดพระมเหสีก็ตำหนิข้าว่าเป็นซังกุงพี่เลี้ยงที่ไม่ได้เรื่องและรับสั่งให้คุมขังข้าไว้ยังเรือนจำฝ่ายใน" 

         "ข้าเสียใจด้วยเจ้าค่ะ"

         "ไม่เป็นไรหรอก พระมเหสีอย่างน้อยก็ทรงมีเมตตาที่ไม่ส่งข้าไปคุกหลวง แต่นึกแล้วก็เสียดาย ข้าพยายามสืบความเกี่ยวกับองค์หญิงจนเกือบจะได้เรื่องอยู่แล้วเชียว กลับกลายเป็นว่ามาถูกขังเสียก่อน ขันทีที่คุมเรือนจำพวกนี้ก็โหดร้ายนัก เข้าห้องน้ำยังต้องตามไปคุม" โบโมซังกุงบ่น

         "เดี๋ยวนะเจ้าคะ ท่านว่าอะไรนะ" ซอฮยอนชะงัก

         "ขันทีพวกนี้มันโหดนัก ขนาดเวลาไปห้องน้ำ--"

         "ไม่ใช่เจ้าค่ะ ก่อนหน้านี้ที่ท่านพูด ท่านว่าอะไรนะเจ้าคะ"

         โบโมซังกุงขมวดคิ้วอยู่ชั่วครู่

         "ข้าพูดว่าสืบความเรื่ององค์หญิงจนเกือบจะได้เรื่อง"

         "นั่นแหละเจ้าค่ะ หมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ"

         "ข้าเริ่มสืบทุกอย่างและจดมันลงสมุดน่ะ"

         "ท่านจดลงในสมุดด้วยหรือเจ้าคะ"

         "ใช่ เพราะข้าจำมันไม่ได้จึงต้องจดลงสมุดเสมอ"

         "ท่านจำสิ่งที่ท่านจดได้ไหมเจ้าคะ"

         โบโมซังกุงส่ายหน้า "ไม่ได้หรอก"

         "เช่นนั้นสมุดนั่นอยู่ที่ไหนเจ้าคะ"

         "เจ้าจะดูมันหรือ" 

         "ใช่เจ้าค่ะ"

         "เป็นไปไม่ได้หรอก" โบโมซังกุงพูดเบาๆ

         "ทำไมเล่าเจ้าคะ" ซอฮยอนสงสัย

         "เพราะสมุดนั่นคือบันทึกพระกิจวัตรประจำพระองค์ของดายองกงจู และมันอยู่ในตำหนักของนางตลอดเวลา"








    [ต่อจาก 50%]





         ซอฮยอนตกตะลึงไปชั่วครู่

         "เห็นรึไม่ ข้าบอกเจ้าแล้ว เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเอาหนังสือเล่มนั้นออกมา" โบโมซังกุงพูด

         "ถ้าเราขอองค์หญิงตรงๆ เล่าเจ้าคะ" 

         "ไม่มีทาง องค์หญิงหวงข้าวของตนเองเสียยิ่งกว่าอะไรดี"

         "แล้วถ้าจะให้ซังกุงในตำหนักนางเอาออกมาได้ไหมเจ้าคะ"

         "ถ้าแอบเอามาอาจจะได้ แต่ไม่มีใครรู้ว่าบันทึกนั่นถูกย้ายที่รึเปล่านี่สิ"

         "นี่แสดงว่าต้องถามจากองค์หญิงเท่านั้นหรือเจ้าคะ"

         "ใช่"

         "ขนาดตำหนักยังเข้าไปไม่ได้เลย ใครจะกล้าถามกันเจ้าคะ"

         "ข้าถึงบอกอย่างไรเล่าว่าเป็นไปไม่ได้"

         "นี่ หมดเวลาเยี่ยมแล้ว" ขันทีหน้าถมึงทึงเดินเข้ามาพูดเสียงห้วน

         "อะไรกัน" ซอฮยอนร้อง "ข้าเพิ่งมาได้ไม่นานเองนะเจ้าคะ"

         "เงียบนะ หมดเวลาก็คือหมดเวลา ออกไปเสีย" ขันทีปรี่เข้ามากระชากแขนซอฮยอนอย่างแรงจนนางเกือบเสียหลักล้ม

         "ไม่จำเป็นต้องรุนแรงขนาดนั้นก็ได้" โบโมซังกุงรีบพูด

         "หุบปากนะ!" ขันทีตวาด

         "ปล่อยนางเดี๋ยวนี้" เสียงเข้มทรงพลังดังออกมาจากหน้าห้อง ทุกคนหันไปมองก็พบร่างสูงสง่าของบุรุษเชื้อพระวงศ์เดินเข้ามา

         "องค์ชายยิมโฮ!"

         "ข้าบอกให้ปล่อยนางเสีย" 

         ขันทีรีบปล่อยมือ หลังจากเป็นอิสระซอฮยอนก็ถอยกรูดมายืนชิดผนังห้องทันที

         "นางไม่ได้ทำอะไรผิด เหตุใดต้องรุนแรงกับนาง" องค์ชายรับสั่งถาม

         "คือว่านางไม่ปฏิบัติตามกฎพ่ะย่ะค่ะ"

         "ไม่ปฏิบัติตามกฎ? ข้าไม่เห็นนางทำอะไรเลย นอกจากบอกว่าตัวเองเพิ่งมา เจ้าก็ทำราวกับนางมีความผิดมหันต์ฉะนั้น อย่าลืมว่านางเป็นนางกำนัล ถึงเจ้าเป็นขันทีแต่ก็ใช่ว่าจะล่วงเกินนางได้" ยิมโฮแทกุนต่อว่า 

         "หม่อมฉันขออภัยพ่ะย่ะค่ะ"

         "แล้วเจ้ามาทำอะไรที่นี่" องค์ชายหันมาถามซอฮยอน

         หญิงสาวไม่ตอบ นางโค้งคำนับองค์ชายก่อนจะรีบวิ่งพรวดพราดออกนอกนอกประตูไป แต่ยังมิทันได้ออกไปจากเรือนจำฝ่ายใน องค์ชายก็ก้าวขาออกมายืนขวางทางไม่ให้หญิงสาวเดินต่อไปได้จนนางแทบจะชนเข้ากับอกใหญ่แข็งแรง

         "เพคะ?"

         "เจ้าจะหนีข้าทำไม"

         "เพคะ?"

         "ข้าถามว่าจะหนีจ้าทำไม ข้าถามก็ไม่ตอบ"

         "เพคะ?"

         "เจ้ายียวนข้าหรือ"

         "เปล่านะเพคะ"

         องค์ชายหรี่ตา "เช่นนั้นเจ้ามาทำอะไรที่นี่ ซอฮยอน"

         หญิงสาวสะดุ้งเฮือก

         องค์ชายเลิกคิ้วขึ้น

         "นี่เจ้ากำลังจะแกล้งทำเป็นไม่รู้จักข้าหรือ"

         "องค์ชาย ยังไม่เข้าไปหาโบโมซังกุงหรือ เสด็จมาทำอะไรตรงนี้พ่ะย่ะ-- อ่าว ซอฮยอน เจ้ามาทำอะไรที่นี่" มหาดเล็กคนสนิทเดินเข้ามาก่อนจะร้องทัก

         "โชคังอิน เจ้าอย่าทำเป็นรู้จักนางสิ ตอนนี้แม่นางผู้นี้กำลังแกล้งไม่รู้จักเราอยู่นะ" องค์ชายตรัสด้วยน้ำเสียงคล้ายจะเล่นสนุก โชคังอินงุนงง

         "อะไรกัน หม่อมฉันไม่เข้าใจ"

         "ใต้เท้า ข้ามาพบโบโมซังกุงเจ้าค่ะ" ซอฮยอนพูดออกมา

         "โอ้ สวรรค์!" องค์ชายแสร้งทำท่าตกอกตกใจ "นางพูดได้ เจ้าดูสิโชคังอิน นางพูดได้ด้วย"

         ซอฮยอนเผลอค้อนองค์ชายทีหนึ่ง

         "องค์ชาย ทรงเล่นอะไรอยู่พ่ะย่ะค่ะ" มหาดเล็กกระซิบถาม องค์ชายไม่ตอบ

         "แล้วใต้เท้ามาทำอะไรที่นี่เจ้าคะ" ซอฮยอนถามบ้างโดยจงใจเลี่ยงที่จะคุยกับยิมโฮแทกุน

         "องค์ชายจะเสด็จมาคุยกับโบโมซังกุงเรื่ององค์หญิงดายอง แล้วเจ้ามาหานางด้วยเรื่ององค์หญิงเหมือนกันหรือ" มหาดเล็กตอบ

         "เจ้าค่ะใต้เท้า"

         "นางกำนัลห้องเขียนหนังสือเหตุใดจึงอยากอาสาสืบเรื่องน้องสาวข้าเล่า อยากได้รางวัลจากข้าหรือ" องค์ชายยิมโฮถาม

         "ไม่เลยเพคะ" ซอฮยอนพลั้งปากตอบก่อนที่จะยั้งตัวเองได้ทัน

         "นี่เจ้า" โชคังอินดุ "พูดกับองค์ชายแบบนั้นได้อย่างไร"

         "ขออภัยเจ้าค่ะ" นางก้มศีรษะ

         "ไปเถอะโชคังอิน เหมือนแม่นางผู้นี้ไม่อยากจะเสวนากับข้าเท่าไร" องค์ชายตรัสจบก็หันองค์เดินเข้าไปในเรือนจำ ฉับพลันความคิดบางอย่างก็แล่นวาบเข้ามาในหัวของซอฮยอนทันที

         "เอ่อ องค์ชายเพคะ" นางร้องเรียก

         ยิมโฮแทกุนชะงักก่อนจะหันมามอง "เจ้าจำข้าได้แล้วหรือ"

         หญิงสาวรีบก้มหน้าลง องค์ชายหัวเราะ "จะพูดอะไรหรือ ว่ามาสิ"

         "องค์ชาย พระองค์ช่วยอะไรหม่อมฉันอย่างหนึ่งได้รึไม่เพคะ" ซอฮยอนรีบพูด

         "อะไรนะ"

         "หม่อมฉันอยากได้บันทึกพระกิจวัตรประจำพระองค์ของดายองกงจูเพคะ"

         องค์ชายชะงักไปชั่วขณะ

         "บังอาจนัก เจ้าพูดอะไรออกมาน่ะรู้ตัวไหม" โชคังอินร้อง

         "ข้ามิได้บังอาจนะเจ้าคะ แต่ว่า--"

         "บันทึกนั่นเป็นของส่วนพระองค์ กล้าดีอย่างไรถึงมาละลาบละล้วงทรัพย์สินขององค์หญิง แล้วนี่ยังกล้าให้องค์ชายไปเอาออกมาอีก"

         "ไม่ใช่อย่างนั้นนะเจ้าคะ หนังสือเล่มนั้นมีการลงบันทึกเกี่ยวกับสิ่งที่องค์หญิงทรงเป็นอยู่ ข้าว่าเราต้องเริ่มดูจากตรงนั้น"

         "เจ้าพูดอะไร มีการลงบันทึกหรือ" องค์ชายสงสัย

         "เพคะ พระองค์ถามโบโมซังกุงที่อยู่ข้างในก็ได้ นางเป็นคนลงบันทึกเหล่านั้นไว้เอง"

         "แล้วบันทึกนั่นเจ้าคิดว่าจะหาสาเหตุได้พบหรือ"

         "หม่อมฉันไม่รับรองเพคะ แต่บันทึกจากซังกุงพี่เลี้ยงย่อมมีประโยชน์กว่าการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุนะเพคะ และที่หม่อมฉันบังอาจขอให้องค์ชายนำบันทึกนั้นออกมาก็เพราะไม่มีทางเลือก ตอนนี้ไม่มีนางในคนไหนเข้าใกล้ตำหนักองค์หญิงได้เลยเพคะ เวลาก็เดินไปเรื่อยๆ"

         องค์ชายนิ่งไปสักพัก

         "ที่นางพูดก็มีเหตุผลอยู่นะพ่ะย่ะค่ะ" โชคังอินเอ่ยเบาๆ

         "เอาไว้ข้าจะคิดดู" องค์ชายตรัส

         "ขอบพระทัยองค์ชายเพคะ" ซอฮยอนตอบ

         "ขอบใจข้าด้วยเหตุไร ข้ายังไม่รับปากเจ้าเลยนะ"

         "องค์ชายยอมรับฟังหม่อมฉัน ก็เท่ากับยอมตกลงนั่นแหละเพคะ" หญิงสาวทูลตอบก่อนจะหันหลังเดินจากไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ยิมโฮแทกุนมองตามไปด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด

         "นาง... นางช่าง..."

         "อะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ" มหาดเล็กหันมาถาม

         องค์ชายไม่ตอบ ได้แต่ยืนมองอยู่เช่นนั้นจนซอฮยอนเดินลับกายหายไป











         คิมซังกุงเดินนำหน้าคิมเซจีมายังตำหนักขององค์หญิงอย่างรีบเร่ง ในอ้อมแขนของเซจีอุ้มแมวสีน้ำตาลที่นำมาจากโรงเลี้ยงสัตว์อยู่ด้วย เจ้าแมวเพศเมียมีทีท่าว่าจะตื่นกลัวเนื่องจากรู้สึกแปลกที่แปลกถิ่น เซจีจึงพยายามลูบขนไปมาเพื่อให้เจ้าแมวคลายกังวล

         นางในโซยุนที่ยืนอยู่หน้าตำหนักองค์หญิงดายองเหลือบไปเห็นคิมซังกุงเดินมาก็รีบเดินลงไปคำนับ

         "นายหญิง ท่านมาทำอะไรที่นี่เจ้าคะ พักนี้องค์หญิงมีรับสั่งไม่ให้ผู้ใดเข้าเฝ้านะเจ้าคะ"

         "ไม่จำเป็นแล้วแหละ เพราะต่อจากนี้องค์หญิงจะกลับมาเป็นดังเดิม" คิมซังกุงพูด

         "นายหญิง ท่านหมายความว่าอะไร"

         "ข้าพบแมวทรงเลี้ยงขององค์หญิงแล้ว"

         "อะไรนะเจ้าคะ! ท่านพบแล้วจริงหรือ"

         คิมซังกุงผายมือไปยังคิมเซจีที่ยืนอุ้มแมวตัวสีน้ำตาลอยู่ นางในโซยุนมองตาม

         "ไหนเล่าเจ้าคะ" 

         "เจ้าตาบอดรึ ก็แมวในอ้อมแขนหลานสาวข้าอย่างไรเล่า"

         "นายหญิง ท่านพูดอะไรเจ้าคะ"

         "ทำไมหรือ"

         "แมวตัวนี้ไม่ใช่แมวขององค์หญิงดายองนะเจ้าคะ"

         คิมซังกุงชะงักเล็กน้อย แต่ชั่วพริบตาก็รีบพยายามรักษาสีหน้าให้เป็นปกติ

         "อะไรของเจ้า ไม่ใช่เจ้าของแมวจะมาชี้ชัดได้อย่างไรว่าตัวนี้ไม่ใช่ ทำมารู้ดีเกินนาย" คิมซังกุงต่อว่า

         "นายหญิง ดูผิวเผินแมวตัวนี้คล้ายกับแมวทรงเลี้ยงมาก แต่คนละตัวแน่นอนเจ้าค่ะ"

         "สอดรู้ เป็นแค่นางในไฉนทำรู้ดี หลีกไปนะ!"

         "ไม่ต้องเป็นนางในก็ดูออกเจ้าค่ะถ้าใครรับใช้อยู่ตำหนักองค์หญิง"

         "เจ้าจะพูดอะไร"

         "นายหญิง แมวทรงเลี้ยงขององค์หญิงดายองมีตาสองสีเจ้าค่ะ"

         "อะไรนะ!"






    โปรดติดตามตอนต่อไป

        
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×