ลำดับตอนที่ #25
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #25 : เรื่องเล่าจากหมอหญิง(1) [100%]
ตอนที่ 25 เรื่องเล่าจากหมอหญิง(1)
"เป็นเรื่องจริงเจ้าค่ะ ข้าจำได้ไม่ผิด ถึงแม้ตอนนั้นจะมืดมากแต่มั่นใจว่าคือใต้เท้าคนนี้แน่นอน เขาคงมาดูความย่อยยับของนายหญิงฮงซังกุงหลังจากไปฟ้องกรมอาญาแล้ว"
"แต่เขาเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋น เหตุใดถึงรู้เรื่องร้ายแรงภายในห้องเครื่องได้ รู้ถึงขนาดว่าฮงซังกุงเคยแอบลักลอบมีความสัมพันธ์กับทหารด้วย" ซูกยินตั้งคำถาม
"ข้าก็สงสัยเช่นกันเจ้าค่ะ ข้าว่าเราควรไปถามมินซังกุงดู นางอาจจะรู้"
"ใช่ เออจริงสิ ข้าจะมาบอกเจ้าพอดีว่ามินซังกุงฟื้นแล้ว หมอหญิงกำลังดูอยู่ เรารีบไปเถิด" จางซังกุงรีบพูด ทำท่าจะเดินไปแต่ซอฮยอนคว้าแขนไว้
"สภาพที่ฮงซังกุงถูกพาตัวออกไปจากเรือนพัก ท่านอย่าเล่าให้นางฟังนะเจ้าคะ ข้ากลัวว่านางจะเกิดล้มเจ็บไปอีก" หญิงสาวบอก
"ได้ ข้ารู้แล้ว"
เมื่อทั้งคู่มาถึงห้องของมินซังกุงก็พบว่านางกำลังนอนหมดแรง ใบหน้าชราภาพนั้นยังคงเต็มไปด้วยคราบน้ำตา เมื่อเห็นซอฮยอนเดินเข้ามาในเรือนพักก็พยายามยันตัวลุกขึ้นนั่งด้วยความยากลำบาก
"นายหญิง นอนลงเถิดเจ้าค่ะ อย่าลุกขึ้นเลย" ซอฮยอนรีบเข้ามาประคอง "ท่านหมอ นายหญิงเป็นอย่างไรบ้าง" หญิงสาวหันไปถามหมอหญิงในชุดยอนจีสีขาว กระโปรงซีมาสีดำ บนหัวมีการีมาสวมอยู่
"นางดีขึ้นมากแล้ว มินซังกุงเจอเรื่องกระทบจิตใจกะทันหัน ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง" หมอหญิงตอบ
"แล้วนั่นยาอะไรหรือ" จางซังกุงถาม ชี้ไปที่ยาน้ำสีตาลเข้มในถ้วยขาวบนโต๊ะตัวเตี้ย
"ยาช่วยระงับความตื่นตกใจ ช่วยให้ใจเย็นลงและบำรุงเลือดลมเจ้าค่ะ" หมอหญิงหันไปตอบจางซังกุง
"ซอ... ซอฮยอน" มินซังกุงเรียกเสียงแผ่ว "กาเช กาเชเป็นอย่างไรบ้าง"
ซอฮยอนฝืนยิ้ม
"นางถูกคุมตัวไปในสภาพปกติเจ้าค่ะ ไม่ได้ถูกมัดหรือบังคับขู่เข็ญใดๆ เดินไปจากเรือนพักนางในอย่างสง่าผ่าเผยเจ้าค่ะนายหญิง"
มินซังกุงหลับตาลงช้าๆ ด้วยความอิดโรย
"เจ้าต้องช่วยนางนะซอฮยอน ข้ามั่นใจว่านางไม่ได้ทำผิด นางไม่ใช่คนเช่นนั้น"
"ข้าจะพยายามเจ้าค่ะนายหญิง แต่ถ้า... แต่ถ้าความจริงปรากฏออกมาว่านางเป็นคนทำจริงๆ เล่าเจ้าคะ" ซอฮยอนถาม
"เป็นไปไม่ได้ จะไม่มีเรื่องเช่นนั้นเกิดขึ้น" มินซังกุงพูดเสียงกร้าว
ซอฮยอนถอนหายใจช้าๆ ก่อนจะก้มหน้าลงกับพื้น นางรับปากกับซังกุงชราว่าจะพยายามช่วยแต่ทว่าในหัวตอนนี้มืดแปดด้าน ทุกทางเหมือนจะตันไปเสียทั้งหมด หญิงสาวเป็นเพียงคนที่เข้ามาฝึกเพื่อสอบเป็นนางกำนัล จะมีสิทธิ์มีเสียงอะไรได้
ที่ยากลำบากคือเรื่องนี้มันผ่านมานานมากแล้วกว่าสามสิบปี นางยังไม่เกิดเสียด้วยซ้ำ ไม่มีทางเลยที่จะไปขุดคุ้ยหาความจริง จากการคาดเดาคนที่พอจะรู้เรื่องราวในสมัยนั้นก็คงมีเพียงสองฝ่ายนั่นก็คือนางในห้องเครื่องที่มาในงานวันเกิดของใต้เท้าคัมจาและคนในสำนักหมอหลวง
คนในสำนักหมอหลวงอย่างนั้นหรือ... ซอฮยอนค่อยๆ เลื่อนสายตาไปมองหมอหญิงช้าๆ
"ท่านหมอ" หญิงสาวเรียก
"มีอะไรหรือ"
"ท่านทำงานในสำนักหมอหลวงมากี่ปีแล้วเจ้าคะ" ซอฮยอนถาม ซูกยินที่กำลังจัดหมอนให้มินซังกุงอยู่หันมามอง หมอหญิงขมวดคิ้ว
"เจ้าถามทำไมหรือ"
"ข้าอยากรู้น่ะเจ้าค่ะ"
หมอหญิงมองคนถามอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตอบว่า
"สามสิบห้าปีแล้ว"
ราวกับมีใครจุดไฟให้สว่างวาบขึ้นมาในหัวของซอฮยอนอีกครั้ง นางรีบถามคำถามต่อไปทันที
"เช่นนั้น ท่านก็อยู่ทันตอนที่ใต้เท้าคัมจาถึงแก่กรรมใช่รึไม่เจ้าคะ"
จางซังกุงพยักหน้าเข้าใจถึงสิ่งที่ซอฮยอนถามก่อนจะเข้ามานั่งฟังใกล้ๆ
"ใต้เท้าคัมจารึ อดีตใต้เท้าต้นเครื่องน่ะหรือ" หมอหญิงถาม
"ใช่เจ้าค่ะ" ซอฮยอนรีบตอบ
"เหตุใดจู่ๆ ถึงถามข้าเรื่องนี้"
"ข้าอยากรู้น่ะเจ้าค่ะ"
"แปลกคนนัก เจ้าถามข้าเช่นนี้มีจุดประสงค์อะไร"
"นี่ท่านหมอ" จางซังกุงขัดขึ้น "นางถามอะไรเจ้าก็ตอบไปตามนั้น จะบ่ายเบี่ยงไปไย"
หมอหญิงรีบก้มศีรษะให้ซูกยินทันทีที่ถูกต่อว่า ด้วยกฎของฝ่ายใน หมอหญิงนั้นมีฐานะต่ำกว่านางใน ยิ่งซูกยินเป็นถึงระดับซังด้วยแล้วนางยิ่งต้องให้ความเคารพยำเกรง
"ข้าแค่สงสัยว่าเหตุใดนางจึงถามถึงเรื่องในอดีตน่ะเจ้าค่ะ"
"นางถามเพราะใคร่รู้ แปลกตรงไหนหรือ เจ้าก็อย่าสงสัยให้มากความ ตอบคำถามนางไปตามตรง" จางซังกุงกล่าว
"ไม่ได้เจ้าค่ะ ข้าพูดไม่ได้ และถึงต่อให้ท่านเป็นถาม ข้าก็บอกไม่ได้เจ้าค่ะ" หมอหญิงกล่าว
"เจ้าว่าอะไรนะ" ซูกยินเอ่ยถามเสียงเข้ม
"คดีใต้เท้าคัมจาในอดีต ข้าไม่สามารถพูดได้เจ้าค่ะ เรื่องนี้สำนักหมอหลวงจะไม่แพร่งพรายให้คนนอกรู้"
"นี่หมายความว่าเจ้าจะขัดขืนคำสั่งข้าอย่างนั้นรึ นางตัวดี เป็นแค่หมอหญิง กล้ามากำเริบกับซังกุงอย่างข้าหรือ"
"มันไม่เกี่ยวกับฐานะใดๆ ทั้งนั้นเจ้าค่ะนายหญิง ในสำนักหมอหลวงล้วนมีความลับมากมายที่ห้ามให้คนนอกรู้เพื่อความมั่นคงของราชสำนัก หนึ่งในนั้นก็คือเรื่องของใต้เท้าคัมจาเจ้าค่ะ ท่านหมอใหญ่ให้ทุกคนสาบานว่าห้ามแพร่งพรายเรื่องนี้ ฉะนั้นข้าก็บอกไม่ได้เจ้าค่ะ ยกเว้นแต่จะเป็นพระบัญชาจากฝ่าบาท ซึ่งท่านไม่ใช่"
"นี่เจ้า... เจ้า" จางซังกุงโมโหจนหน้าดำหน้าแดง
"ข้าขอตัวไปต้มน้ำก่อนนะเจ้าคะ" หมอหญิงพูดจบก็ก้มศีรษะคำนับและเดินออกจากห้องไป
"นางตัวดีนั่น นางอวดดีนัก ความลับที่บอกไม่ได้อย่างนั้นรึ เฮอะ ตัวนางเองนั่นแหละที่ไม่อยากบอก" ซูกยินระเบิดอารมณ์
"นายหญิงเจ้าคะ" ซอฮยอนรีบพูดหลังจากนั่งฟังอยู่นาน "นี่แสดงให้เห็นว่าคดีใต้เท้าคัมจาต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่นอนเจ้าค่ะ ถึงทำให้สำนักหมอหลวงปิดเป็นความลับมาจนถึงทุกวันนี้ ไม่แน่ว่าคำตอบที่เราค้นหาอาจจะอยู่ในนั้นก็ได้นะเจ้าคะ"
"ข้ารู้ ซอฮยอน แต่ปัญหาคือหมอหญิงคนนี้นางไม่ยอมบอก จะให้ทำอย่างไรเล่า จะไปถามหมอคนอื่นก็ใช่ที่"
ซอฮยอนครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ สักพักนางก็หันไปมองถ้วยยาบนโต๊ะของมินซังกุง ทันใดนั้นหญิงสาวก็นั่งหลังตรงขึ้นมาทันทีอย่างคนนึกอะไรออก
"นายหญิง"
"ว่าอย่างไร"
"ท่านไปนำหรดาล(1) มาได้รึไม่เจ้าคะ แล้วก็ช้อนเงินสำหรับตรวจสอบพิษด้วย ข้าจะทำให้หมอหญิงคนนี้พูดให้ได้"
[ต่อจาก 50%]
"อะไรนะ หรดาลหรือ เจ้าจะเอามาทำอันใด" จางซังกุงถามหน้าตาตื่น
"อย่าเพิ่งถามตอนนี้เจ้าค่ะนายหญิง รีบไปเอามาก่อนเถิด"
"หรดาลเป็นของต้องห้าม ไม่ได้อยู่ภายในห้องเครื่องแต่อยู่ในห้องเก็บของเพื่อฝึกการจำแนกพิษของนางใน ใช่ว่าใครจะไปเอามาได้โดยง่ายนะซอฮยอน"
"แต่ท่านเป็นซังกุง เหตุใดจะไปเอามาไม่ได้เล่าเจ้าคะ"
จางซังกุงทำหน้าไม่เข้าใจ
"นายหญิง!" ซอฮยอนเร่งเร้า "รีบไปเอามาเถิดเจ้าค่ะ สิ่งนี้จะช่วยไขคดีฮงซังกุงได้นะเจ้าคะ"
ในที่สุดซูกยินก็พยักหน้าและเดินออกไปจากห้อง
ซอฮยอนขยับเข้ามาหามินซังกุง นางจับมือซังกุงชราขึ้นมากุมไว้ช้าๆ เจ้าของห้องลืมตาขึ้น
"นายหญิงเจ้าคะ ท่านช่วยทำอะไรให้ข้าอย่างหนึ่งได้รึไม่เจ้าคะ"
ไม่นานจางซังกุงก็กลับมาพร้อมแร่หรดาลและช้อนเงินตรวจพิษ
"ซังกุงที่ดูแลห้องเก็บของสงสัยข้าใหญ่ว่าเอาหรดาลไปทำอะไร ดีที่ข้าอ้างไปว่าจะมาใช้ฟอกหนังสัตว์ แต่นางไม่ค่อยเชื่อข้าเท่าไร ซังกุงห้องเครื่องปรุงจะเอาหนังสัตว์ไปทำอันใด" ซูหยินกล่าวพลางยื่นกระดาษให้ซอฮยอน หญิงสาวรับไปเปิดดูก็พบว่าภายในปรากฏเศษหินสีเหลืองที่ถูกทุบจนแหลกละเอียด
ซอฮยอนแยกหรดาลที่เป็นก้อนเล็กก้อนน้อยออกมา จนในที่สุดก็เหลือเพียงผงละเอียดสีเหลือง นางเทมันใส่ชามยาของมินซังกุงบนโต๊ะจนหมด
จางซังกุงตกตะลึงอ้าปากค้าง
"นี่เจ้า... เจ้าทำอะไรน่ะ"
ซอฮยอนไม่ตอบ นางก้มเก็บก้อนแร่หรดาลที่แยกไว้ใส่กระดาษอีกครั้ง
"ซอฮยอน! เจ้าทำบ้าอะไร ทำไมใส่หรดาลลงไปในยาเช่นนั้น"
"นายหญิงเอาช้อนเงินมารึไม่เจ้าคะ"
"เอามา แต่เจ้าอย่าเปลี่ยนเรื่อง ข้าถามว่าเจ้าคิดจะทำอะไรถึงเทพิษลงไปในถ้วยยามินซังกุง" ซูกยินคาดคั้น
"นายหญิงเจ้าคะ" ซอฮยอนพูดเสียงเบา "นี่คือแผนเจ้าค่ะ"
หมอหญิงต้มน้ำเสร็จเรียบร้อย นางเทน้ำใส่ชามสะอาดและวางบนถาดไม้สี่เหลี่ยมก่อนจะยกถาดเดินมายังเรือนพัก เมื่อมาถึงหน้าห้องของมินซังกุง เสียงโหวกเหวกโวยวายก็ดังออกมาจากข้างในจนหมอหญิงได้ยินชัดเจน
"นายหญิง! นายหญิงเป็นอะไรไปเจ้าคะ นายหญิงเจ้าคะ"
หมอหญิงตกใจรีบเลื่อนบานประตูเปิดออกและวิ่งพรวดเข้าไปทันที
"เกิดอะไร--"
"นางตัวดี!" จางซังกุงกรีดเสียง ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธแค้นแสนสาหัส "โผล่หัวมาได้แล้วรึ นางฆาตกร!"
"นายหญิง ท่านพูดอะไร" หมอหญิงงุนงง
ซูกยินลุกขึ้นปัดถาดไม้ในมือหมอหญิงจนมันตกกระแทกพื้น ชามแตกกระจาย น้ำร้อนกระเด็นไปทั่วพื้นห้อง
"อย่ามาตีหน้าซื่อ เจ้าจะเอาอะไรมาให้นายหญิงดื่มอีกหา" จางซังกุงตะโกนใส่หน้า
"นายหญิงข้าไม่เข้าใจ--"
จางซังกุงชี้มือสั่นเทาไปที่ร่างของมินซังกุงที่นอนกุมท้องดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวด เหงื่อแตกเต็มใบหน้า ปากซีดขาวจนน่ากลัว สภาพนางดูคล้ายจะหายใจไม่ออก
หมอหญิงยืนตะลึงตัวแข็ง
"เกิดอะไรขึ้นกับนางหรือเจ้าคะ"
"ยังจะกล้าถามอีกหรือ" ซูกยินตะเบ็งเสียงก่อนจะยกถ้วยยาบนโต๊ะตัวเตี้ยขึ้นมาชู
"ยานรกของเจ้า เจ้าวางยาพิษนาง"
"นายหญิง อย่าพูดส่งเดชสิเจ้าคะ ข้าไม่ได้ทำนะเจ้าคะ"
จางซังกุงคว้าต้นแขนของหมอหญิงกระชากเต็มแรง
"ถึงขนาดนี้ยังกล้าแก้ตัวอีกหรือ มินซังกุงดื่มยาเจ้าเข้าไป สักพักก็มีอาการเช่นที่เห็น เจ้าจะยังปฏิเสธไม่รู้ไม่เห็นได้อีกหรือ"
หมอหญิงรีบทรุดนั่งลงกับพื้นก่อนจะเข้ามาคว้าข้อมือของมินซังกุงเพื่อจะจับชีพจร ซูกยินรีบปัดมือนางออกทันที
"คิดจะทำอะไรนายหญิงอีก อย่าได้แตะต้องตัวนางเด็ดขาด"
"ท่าน!" หมอหญิงร้อง "ข้าต้องตรวจให้แน่ชัดนะเจ้าคะ"
"แน่ชัดรึ ที่เห็นอาการนางอยู่นี่ไม่แน่ชัดอีกรึอย่างไร"
"นางอาจจะป่วยเพราะอย่างอื่นก็ได้นะเจ้าคะ"
"หุบปากนะ! นางเริ่มแสดงอาการหลังจากดื่มยาของเจ้าไป"
"ยาของข้ามั่นใจเจ้าค่ะว่าไม่มีพิษใดๆ ปนเปื้อน ข้าต้มเองกับมือ ถ้าท่านไม่เชื่อก็ไปตรวจกากยาที่ข้าเก็บในถังไม้ที่ห้องต้มยาสำนักหมอหลวงก็ได้นะเจ้าคะ"
"แล้วถ้าพิษที่เจ้าใส่มาไม่มีกากยาให้ตรวจเล่า" จางซังกุงพูดเสียงเย็น หมอหญิงขมวดคิ้ว
"ท่านหมายความว่าอย่างไร"
จางซังกุงไม่ตอบ นางหันไปค้นกล่องไม้สีแดงเหนือตู้ลิ้นชัก สักพักก็หยิบช้อนยาวสีเงินทรงหนาออกมา
"เจ้ารู้ใช่รึไม่ว่านี่คืออะไร"
"ช้อนเงินตรวจพิษเจ้าค่ะ"
"ถูกต้อง ปกติมินซังกุงจะเก็บช้อนเงินไว้ในห้องตลอดเพื่อเอาไว้ตรวจสิ่งปนเปื้อนในอาหาร คราวนี้มาดูกันว่ายาในถ้วยนี้มีพิษจริงรึไม่"
ซูกยินค่อยๆ จุ่มช้อนเงินลงไปในถ้วยยาและคนไปมา
เวลาผ่านไปสักพัก เมื่อเงินทำปฏิกิริยากับกำมะถันในแร่หรดาล สีของช้อนเงินก็แปรเปลี่ยนเป็นสีดำอย่างช้าๆ อันบ่งบอกว่ายาถ้วยนี้ปนเปื้อนพิษ
ซูกยินชูช้อนเงินที่กลายเป็นสีดำให้หมอหญิงดู
"เห็นรึยังนางสารเลว! เห็นรึยังว่าเจ้าทำอะไร"
หมอหญิงอ้าปากค้างจ้องมองช้อนเงินอย่างตกตะลึงพรึงเพริด
"ปะ... เป็นไปไม่ได้" นางเอ่ยเสียงตะกุกตะกัก "ข้าไม่ได้ใส่อะไรลงไป ทำไมมันถึงได้..." หมอหญิงหยุดพูดก่อนจะเอียงศีรษะเล็กน้อย สายตาค่อยๆ เหลือบมองจางซังกุง
"ท่าน... ท่านใส่ร้ายข้าใช่รึไม่เจ้าคะ"
โปรดติดตามตอนต่อไป
เชิงอรรถ
(1) หรดาล หมายถึง แร่ชนิดหนึ่งประกอบขึ้นด้วยธาตุสารหนูและกำมะถัน
*เรียนนักอ่านทุกท่าน ตอนนี้กลรักวังหลวงเล่ม 1 ได้จัดทำเป็นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ทาง meb e-book แล้วนะครับ โดยเริ่มตั้งแต่ตอนที่ 1 พระชายาผู้โชคร้าย จนถึงตอนที่ 42 เจตนาแฝง ซึ่งเนื้อหาคือตั้งแต่เริ่มเรื่องของฮงซังกุงจนถึงการสอบเซ็งกักชิจบ (ที่ท่านอ่านในเว็บตอนนี้คือบทที่ 25 เท่านั้น) ท่านใดสนใจซื้ออ่านก่อนเพื่อความอ่านง่ายสบายตากว่าในเว็บหรือต้องการซื้อเก็บสะสมไว้เป็นเล่ม สามารถกดเข้าได้ที่ลิงก์นี้เลยครับ (*กดเข้าจากลิงก์นี้เท่านั้นนะครับ)
คลิกที่ Get it now เลยฮะ
|
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น