ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กลรักวังหลวง [서현]

    ลำดับตอนที่ #25 : เรื่องเล่าจากหมอหญิง(1) [100%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.91K
      93
      9 มิ.ย. 64

                    ตอนที่ 25 เรื่องเล่าจากหมอหญิง(1)








         "เป็นเรื่องจริงเจ้าค่ะ ข้าจำได้ไม่ผิด ถึงแม้ตอนนั้นจะมืดมากแต่มั่นใจว่าคือใต้เท้าคนนี้แน่นอน เขาคงมาดูความย่อยยับของนายหญิงฮงซังกุงหลังจากไปฟ้องกรมอาญาแล้ว"

         "แต่เขาเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋น เหตุใดถึงรู้เรื่องร้ายแรงภายในห้องเครื่องได้ รู้ถึงขนาดว่าฮงซังกุงเคยแอบลักลอบมีความสัมพันธ์กับทหารด้วย" ซูกยินตั้งคำถาม

         "ข้าก็สงสัยเช่นกันเจ้าค่ะ ข้าว่าเราควรไปถามมินซังกุงดู นางอาจจะรู้"

         "ใช่ เออจริงสิ ข้าจะมาบอกเจ้าพอดีว่ามินซังกุงฟื้นแล้ว หมอหญิงกำลังดูอยู่ เรารีบไปเถิด" จางซังกุงรีบพูด ทำท่าจะเดินไปแต่ซอฮยอนคว้าแขนไว้

         "สภาพที่ฮงซังกุงถูกพาตัวออกไปจากเรือนพัก ท่านอย่าเล่าให้นางฟังนะเจ้าคะ ข้ากลัวว่านางจะเกิดล้มเจ็บไปอีก" หญิงสาวบอก

         "ได้ ข้ารู้แล้ว"




         เมื่อทั้งคู่มาถึงห้องของมินซังกุงก็พบว่านางกำลังนอนหมดแรง ใบหน้าชราภาพนั้นยังคงเต็มไปด้วยคราบน้ำตา เมื่อเห็นซอฮยอนเดินเข้ามาในเรือนพักก็พยายามยันตัวลุกขึ้นนั่งด้วยความยากลำบาก

         "นายหญิง นอนลงเถิดเจ้าค่ะ อย่าลุกขึ้นเลย" ซอฮยอนรีบเข้ามาประคอง "ท่านหมอ นายหญิงเป็นอย่างไรบ้าง" หญิงสาวหันไปถามหมอหญิงในชุดยอนจีสีขาว กระโปรงซีมาสีดำ บนหัวมีการีมาสวมอยู่

         "นางดีขึ้นมากแล้ว มินซังกุงเจอเรื่องกระทบจิตใจกะทันหัน ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง" หมอหญิงตอบ

         "แล้วนั่นยาอะไรหรือ" จางซังกุงถาม ชี้ไปที่ยาน้ำสีตาลเข้มในถ้วยขาวบนโต๊ะตัวเตี้ย

         "ยาช่วยระงับความตื่นตกใจ ช่วยให้ใจเย็นลงและบำรุงเลือดลมเจ้าค่ะ" หมอหญิงหันไปตอบจางซังกุง

         "ซอ... ซอฮยอน" มินซังกุงเรียกเสียงแผ่ว "กาเช กาเชเป็นอย่างไรบ้าง"

         ซอฮยอนฝืนยิ้ม

         "นางถูกคุมตัวไปในสภาพปกติเจ้าค่ะ ไม่ได้ถูกมัดหรือบังคับขู่เข็ญใดๆ เดินไปจากเรือนพักนางในอย่างสง่าผ่าเผยเจ้าค่ะนายหญิง"

         มินซังกุงหลับตาลงช้าๆ ด้วยความอิดโรย

         "เจ้าต้องช่วยนางนะซอฮยอน ข้ามั่นใจว่านางไม่ได้ทำผิด นางไม่ใช่คนเช่นนั้น"

         "ข้าจะพยายามเจ้าค่ะนายหญิง แต่ถ้า... แต่ถ้าความจริงปรากฏออกมาว่านางเป็นคนทำจริงๆ เล่าเจ้าคะ" ซอฮยอนถาม

         "เป็นไปไม่ได้ จะไม่มีเรื่องเช่นนั้นเกิดขึ้น" มินซังกุงพูดเสียงกร้าว

         ซอฮยอนถอนหายใจช้าๆ ก่อนจะก้มหน้าลงกับพื้น นางรับปากกับซังกุงชราว่าจะพยายามช่วยแต่ทว่าในหัวตอนนี้มืดแปดด้าน ทุกทางเหมือนจะตันไปเสียทั้งหมด หญิงสาวเป็นเพียงคนที่เข้ามาฝึกเพื่อสอบเป็นนางกำนัล จะมีสิทธิ์มีเสียงอะไรได้ 

         ที่ยากลำบากคือเรื่องนี้มันผ่านมานานมากแล้วกว่าสามสิบปี นางยังไม่เกิดเสียด้วยซ้ำ ไม่มีทางเลยที่จะไปขุดคุ้ยหาความจริง จากการคาดเดาคนที่พอจะรู้เรื่องราวในสมัยนั้นก็คงมีเพียงสองฝ่ายนั่นก็คือนางในห้องเครื่องที่มาในงานวันเกิดของใต้เท้าคัมจาและคนในสำนักหมอหลวง

         คนในสำนักหมอหลวงอย่างนั้นหรือ... ซอฮยอนค่อยๆ เลื่อนสายตาไปมองหมอหญิงช้าๆ

         "ท่านหมอ" หญิงสาวเรียก

         "มีอะไรหรือ"

         "ท่านทำงานในสำนักหมอหลวงมากี่ปีแล้วเจ้าคะ" ซอฮยอนถาม ซูกยินที่กำลังจัดหมอนให้มินซังกุงอยู่หันมามอง หมอหญิงขมวดคิ้ว 

         "เจ้าถามทำไมหรือ"

         "ข้าอยากรู้น่ะเจ้าค่ะ"

         หมอหญิงมองคนถามอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตอบว่า

         "สามสิบห้าปีแล้ว"

         ราวกับมีใครจุดไฟให้สว่างวาบขึ้นมาในหัวของซอฮยอนอีกครั้ง นางรีบถามคำถามต่อไปทันที

         "เช่นนั้น ท่านก็อยู่ทันตอนที่ใต้เท้าคัมจาถึงแก่กรรมใช่รึไม่เจ้าคะ" 

         จางซังกุงพยักหน้าเข้าใจถึงสิ่งที่ซอฮยอนถามก่อนจะเข้ามานั่งฟังใกล้ๆ

         "ใต้เท้าคัมจารึ อดีตใต้เท้าต้นเครื่องน่ะหรือ" หมอหญิงถาม

         "ใช่เจ้าค่ะ" ซอฮยอนรีบตอบ

         "เหตุใดจู่ๆ ถึงถามข้าเรื่องนี้"

         "ข้าอยากรู้น่ะเจ้าค่ะ"

         "แปลกคนนัก เจ้าถามข้าเช่นนี้มีจุดประสงค์อะไร"

         "นี่ท่านหมอ" จางซังกุงขัดขึ้น "นางถามอะไรเจ้าก็ตอบไปตามนั้น จะบ่ายเบี่ยงไปไย"

         หมอหญิงรีบก้มศีรษะให้ซูกยินทันทีที่ถูกต่อว่า ด้วยกฎของฝ่ายใน หมอหญิงนั้นมีฐานะต่ำกว่านางใน ยิ่งซูกยินเป็นถึงระดับซังด้วยแล้วนางยิ่งต้องให้ความเคารพยำเกรง

         "ข้าแค่สงสัยว่าเหตุใดนางจึงถามถึงเรื่องในอดีตน่ะเจ้าค่ะ" 

         "นางถามเพราะใคร่รู้ แปลกตรงไหนหรือ เจ้าก็อย่าสงสัยให้มากความ ตอบคำถามนางไปตามตรง" จางซังกุงกล่าว

         "ไม่ได้เจ้าค่ะ ข้าพูดไม่ได้ และถึงต่อให้ท่านเป็นถาม ข้าก็บอกไม่ได้เจ้าค่ะ" หมอหญิงกล่าว

         "เจ้าว่าอะไรนะ" ซูกยินเอ่ยถามเสียงเข้ม

         "คดีใต้เท้าคัมจาในอดีต ข้าไม่สามารถพูดได้เจ้าค่ะ เรื่องนี้สำนักหมอหลวงจะไม่แพร่งพรายให้คนนอกรู้" 

         "นี่หมายความว่าเจ้าจะขัดขืนคำสั่งข้าอย่างนั้นรึ นางตัวดี เป็นแค่หมอหญิง กล้ามากำเริบกับซังกุงอย่างข้าหรือ" 

         "มันไม่เกี่ยวกับฐานะใดๆ ทั้งนั้นเจ้าค่ะนายหญิง ในสำนักหมอหลวงล้วนมีความลับมากมายที่ห้ามให้คนนอกรู้เพื่อความมั่นคงของราชสำนัก หนึ่งในนั้นก็คือเรื่องของใต้เท้าคัมจาเจ้าค่ะ ท่านหมอใหญ่ให้ทุกคนสาบานว่าห้ามแพร่งพรายเรื่องนี้ ฉะนั้นข้าก็บอกไม่ได้เจ้าค่ะ ยกเว้นแต่จะเป็นพระบัญชาจากฝ่าบาท ซึ่งท่านไม่ใช่"

         "นี่เจ้า... เจ้า" จางซังกุงโมโหจนหน้าดำหน้าแดง 

         "ข้าขอตัวไปต้มน้ำก่อนนะเจ้าคะ" หมอหญิงพูดจบก็ก้มศีรษะคำนับและเดินออกจากห้องไป

         "นางตัวดีนั่น นางอวดดีนัก ความลับที่บอกไม่ได้อย่างนั้นรึ เฮอะ ตัวนางเองนั่นแหละที่ไม่อยากบอก" ซูกยินระเบิดอารมณ์

         "นายหญิงเจ้าคะ" ซอฮยอนรีบพูดหลังจากนั่งฟังอยู่นาน "นี่แสดงให้เห็นว่าคดีใต้เท้าคัมจาต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่นอนเจ้าค่ะ ถึงทำให้สำนักหมอหลวงปิดเป็นความลับมาจนถึงทุกวันนี้ ไม่แน่ว่าคำตอบที่เราค้นหาอาจจะอยู่ในนั้นก็ได้นะเจ้าคะ"

         "ข้ารู้ ซอฮยอน แต่ปัญหาคือหมอหญิงคนนี้นางไม่ยอมบอก จะให้ทำอย่างไรเล่า จะไปถามหมอคนอื่นก็ใช่ที่"

         ซอฮยอนครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ สักพักนางก็หันไปมองถ้วยยาบนโต๊ะของมินซังกุง ทันใดนั้นหญิงสาวก็นั่งหลังตรงขึ้นมาทันทีอย่างคนนึกอะไรออก

         "นายหญิง" 

         "ว่าอย่างไร"

         "ท่านไปนำหรดาล(1) มาได้รึไม่เจ้าคะ แล้วก็ช้อนเงินสำหรับตรวจสอบพิษด้วย ข้าจะทำให้หมอหญิงคนนี้พูดให้ได้"









    [ต่อจาก 50%]






     
         "อะไรนะ หรดาลหรือ เจ้าจะเอามาทำอันใด" จางซังกุงถามหน้าตาตื่น

         "อย่าเพิ่งถามตอนนี้เจ้าค่ะนายหญิง รีบไปเอามาก่อนเถิด" 

         "หรดาลเป็นของต้องห้าม ไม่ได้อยู่ภายในห้องเครื่องแต่อยู่ในห้องเก็บของเพื่อฝึกการจำแนกพิษของนางใน ใช่ว่าใครจะไปเอามาได้โดยง่ายนะซอฮยอน"

         "แต่ท่านเป็นซังกุง เหตุใดจะไปเอามาไม่ได้เล่าเจ้าคะ"

         จางซังกุงทำหน้าไม่เข้าใจ

         "นายหญิง!" ซอฮยอนเร่งเร้า "รีบไปเอามาเถิดเจ้าค่ะ สิ่งนี้จะช่วยไขคดีฮงซังกุงได้นะเจ้าคะ" 

         ในที่สุดซูกยินก็พยักหน้าและเดินออกไปจากห้อง

         ซอฮยอนขยับเข้ามาหามินซังกุง นางจับมือซังกุงชราขึ้นมากุมไว้ช้าๆ เจ้าของห้องลืมตาขึ้น

         "นายหญิงเจ้าคะ ท่านช่วยทำอะไรให้ข้าอย่างหนึ่งได้รึไม่เจ้าคะ"

         



         ไม่นานจางซังกุงก็กลับมาพร้อมแร่หรดาลและช้อนเงินตรวจพิษ 

         "ซังกุงที่ดูแลห้องเก็บของสงสัยข้าใหญ่ว่าเอาหรดาลไปทำอะไร ดีที่ข้าอ้างไปว่าจะมาใช้ฟอกหนังสัตว์ แต่นางไม่ค่อยเชื่อข้าเท่าไร ซังกุงห้องเครื่องปรุงจะเอาหนังสัตว์ไปทำอันใด" ซูหยินกล่าวพลางยื่นกระดาษให้ซอฮยอน หญิงสาวรับไปเปิดดูก็พบว่าภายในปรากฏเศษหินสีเหลืองที่ถูกทุบจนแหลกละเอียด 

         ซอฮยอนแยกหรดาลที่เป็นก้อนเล็กก้อนน้อยออกมา จนในที่สุดก็เหลือเพียงผงละเอียดสีเหลือง นางเทมันใส่ชามยาของมินซังกุงบนโต๊ะจนหมด

         จางซังกุงตกตะลึงอ้าปากค้าง

         "นี่เจ้า... เจ้าทำอะไรน่ะ" 

         ซอฮยอนไม่ตอบ นางก้มเก็บก้อนแร่หรดาลที่แยกไว้ใส่กระดาษอีกครั้ง

         "ซอฮยอน! เจ้าทำบ้าอะไร ทำไมใส่หรดาลลงไปในยาเช่นนั้น"

         "นายหญิงเอาช้อนเงินมารึไม่เจ้าคะ"

         "เอามา แต่เจ้าอย่าเปลี่ยนเรื่อง ข้าถามว่าเจ้าคิดจะทำอะไรถึงเทพิษลงไปในถ้วยยามินซังกุง" ซูกยินคาดคั้น

         "นายหญิงเจ้าคะ" ซอฮยอนพูดเสียงเบา "นี่คือแผนเจ้าค่ะ"





         หมอหญิงต้มน้ำเสร็จเรียบร้อย นางเทน้ำใส่ชามสะอาดและวางบนถาดไม้สี่เหลี่ยมก่อนจะยกถาดเดินมายังเรือนพัก เมื่อมาถึงหน้าห้องของมินซังกุง เสียงโหวกเหวกโวยวายก็ดังออกมาจากข้างในจนหมอหญิงได้ยินชัดเจน

         "นายหญิง! นายหญิงเป็นอะไรไปเจ้าคะ นายหญิงเจ้าคะ" 

         หมอหญิงตกใจรีบเลื่อนบานประตูเปิดออกและวิ่งพรวดเข้าไปทันที

         "เกิดอะไร--"

         "นางตัวดี!" จางซังกุงกรีดเสียง ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธแค้นแสนสาหัส "โผล่หัวมาได้แล้วรึ นางฆาตกร!"

         "นายหญิง ท่านพูดอะไร" หมอหญิงงุนงง

         ซูกยินลุกขึ้นปัดถาดไม้ในมือหมอหญิงจนมันตกกระแทกพื้น ชามแตกกระจาย น้ำร้อนกระเด็นไปทั่วพื้นห้อง

         "อย่ามาตีหน้าซื่อ เจ้าจะเอาอะไรมาให้นายหญิงดื่มอีกหา" จางซังกุงตะโกนใส่หน้า

         "นายหญิงข้าไม่เข้าใจ--"

         จางซังกุงชี้มือสั่นเทาไปที่ร่างของมินซังกุงที่นอนกุมท้องดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวด เหงื่อแตกเต็มใบหน้า ปากซีดขาวจนน่ากลัว สภาพนางดูคล้ายจะหายใจไม่ออก

         หมอหญิงยืนตะลึงตัวแข็ง

         "เกิดอะไรขึ้นกับนางหรือเจ้าคะ" 

         "ยังจะกล้าถามอีกหรือ" ซูกยินตะเบ็งเสียงก่อนจะยกถ้วยยาบนโต๊ะตัวเตี้ยขึ้นมาชู

         "ยานรกของเจ้า เจ้าวางยาพิษนาง"

         "นายหญิง อย่าพูดส่งเดชสิเจ้าคะ ข้าไม่ได้ทำนะเจ้าคะ"
      
         จางซังกุงคว้าต้นแขนของหมอหญิงกระชากเต็มแรง

         "ถึงขนาดนี้ยังกล้าแก้ตัวอีกหรือ มินซังกุงดื่มยาเจ้าเข้าไป สักพักก็มีอาการเช่นที่เห็น เจ้าจะยังปฏิเสธไม่รู้ไม่เห็นได้อีกหรือ"

         หมอหญิงรีบทรุดนั่งลงกับพื้นก่อนจะเข้ามาคว้าข้อมือของมินซังกุงเพื่อจะจับชีพจร ซูกยินรีบปัดมือนางออกทันที

         "คิดจะทำอะไรนายหญิงอีก อย่าได้แตะต้องตัวนางเด็ดขาด"

         "ท่าน!" หมอหญิงร้อง "ข้าต้องตรวจให้แน่ชัดนะเจ้าคะ"

         "แน่ชัดรึ ที่เห็นอาการนางอยู่นี่ไม่แน่ชัดอีกรึอย่างไร"

         "นางอาจจะป่วยเพราะอย่างอื่นก็ได้นะเจ้าคะ"

         "หุบปากนะ! นางเริ่มแสดงอาการหลังจากดื่มยาของเจ้าไป"

         "ยาของข้ามั่นใจเจ้าค่ะว่าไม่มีพิษใดๆ ปนเปื้อน ข้าต้มเองกับมือ ถ้าท่านไม่เชื่อก็ไปตรวจกากยาที่ข้าเก็บในถังไม้ที่ห้องต้มยาสำนักหมอหลวงก็ได้นะเจ้าคะ"

         "แล้วถ้าพิษที่เจ้าใส่มาไม่มีกากยาให้ตรวจเล่า" จางซังกุงพูดเสียงเย็น หมอหญิงขมวดคิ้ว

         "ท่านหมายความว่าอย่างไร"

         จางซังกุงไม่ตอบ นางหันไปค้นกล่องไม้สีแดงเหนือตู้ลิ้นชัก สักพักก็หยิบช้อนยาวสีเงินทรงหนาออกมา

         "เจ้ารู้ใช่รึไม่ว่านี่คืออะไร"

         "ช้อนเงินตรวจพิษเจ้าค่ะ" 

         "ถูกต้อง ปกติมินซังกุงจะเก็บช้อนเงินไว้ในห้องตลอดเพื่อเอาไว้ตรวจสิ่งปนเปื้อนในอาหาร คราวนี้มาดูกันว่ายาในถ้วยนี้มีพิษจริงรึไม่"

         ซูกยินค่อยๆ จุ่มช้อนเงินลงไปในถ้วยยาและคนไปมา

         เวลาผ่านไปสักพัก เมื่อเงินทำปฏิกิริยากับกำมะถันในแร่หรดาล สีของช้อนเงินก็แปรเปลี่ยนเป็นสีดำอย่างช้าๆ อันบ่งบอกว่ายาถ้วยนี้ปนเปื้อนพิษ

         ซูกยินชูช้อนเงินที่กลายเป็นสีดำให้หมอหญิงดู

         "เห็นรึยังนางสารเลว! เห็นรึยังว่าเจ้าทำอะไร"

         หมอหญิงอ้าปากค้างจ้องมองช้อนเงินอย่างตกตะลึงพรึงเพริด

         "ปะ... เป็นไปไม่ได้" นางเอ่ยเสียงตะกุกตะกัก "ข้าไม่ได้ใส่อะไรลงไป ทำไมมันถึงได้..." หมอหญิงหยุดพูดก่อนจะเอียงศีรษะเล็กน้อย สายตาค่อยๆ เหลือบมองจางซังกุง

         "ท่าน... ท่านใส่ร้ายข้าใช่รึไม่เจ้าคะ"








    โปรดติดตามตอนต่อไป

         
         


    เชิงอรรถ

    (1) หรดาล หมายถึง แร่ชนิดหนึ่งประกอบขึ้นด้วยธาตุสารหนูและกำมะถัน

    *เรียนนักอ่านทุกท่าน ตอนนี้กลรักวังหลวงเล่ม 1 ได้จัดทำเป็นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ทาง meb e-book แล้วนะครับ โดยเริ่มตั้งแต่ตอนที่ 1 พระชายาผู้โชคร้าย จนถึงตอนที่ 42 เจตนาแฝง ซึ่งเนื้อหาคือตั้งแต่เริ่มเรื่องของฮงซังกุงจนถึงการสอบเซ็งกักชิจบ (ที่ท่านอ่านในเว็บตอนนี้คือบทที่ 25 เท่านั้น) ท่านใดสนใจซื้ออ่านก่อนเพื่อความอ่านง่ายสบายตากว่าในเว็บหรือต้องการซื้อเก็บสะสมไว้เป็นเล่ม สามารถกดเข้าได้ที่ลิงก์นี้เลยครับ (*กดเข้าจากลิงก์นี้เท่านั้นนะครับ) 

    คลิกที่ Get it now เลยฮะ
         
      
    Thumbnail Seller Link
    กลรักวังหลวง เล่ม 1
    สุสานทางช้างเผือก
    www.mebmarket.com
    เมื่อพี่สาวต่างมารดาถูกฆ่าตายอย่างลึกลับ หญิงสาวจึงตัดสินใจเข้าวังหลวงเพื่อแก้แค้น แต่ทุกอย่างกลับเปลี่ยนไป ด้วยความสามารถและสติปัญญาเป็นอาวุธ นางจึงโ...
    Get it now
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×