ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กลรักวังหลวง [서현]

    ลำดับตอนที่ #16 : ชิงชัง [100%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.05K
      127
      27 เม.ย. 62

                                ตอนที่ 16 ชิงชัง






         ความคิดแวบแรกของซอฮยอนก็คือฮงซังกุงดูคล้ายคนสูงอายุที่เจ้าอารมณ์  ร่างท้วมคล้ายฮูหยินแชทว่าหามีความอบอุ่นความใจดีในแววตาไม่แม้แต่นิด รัศมีความเย็นชาแผ่ออกมาจากตัวนางอย่างเด่นชัด 

         ซอฮยอนที่อยู่ในอาการตกตะลึงค่อยๆ ลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ ก่อนจะก้มศีรษะคำนับฮงซังกุง

         ก่อนหน้านี้หญิงสาวคิดทบทวนในใจนับร้อยนับพันครั้งว่าจะเริ่มพูดหรือทักทายซังกุงอบรมอย่างไรดี คำสวยหรูเหล่านั้นวิ่งวุ่นในหัว แต่เมื่อมาเผชิญหน้ากับฮงซังกุงเข้าจริงๆ นางกลับพูดไม่ออกเลยแม้เพียงคำเดียว

         ซังกุงอาวุโสในชุดสีเขียวเข้มจับจ้องมาที่ซอฮยอนแน่นิ่งก่อนจะมองไปรอบห้องที่สะอาดเอี่ยมด้วยความแปลกใจ สายตานางกวาดไปทุกซอกทุกมุมของเรือนพัก ยิ่งสำรวจไปมากเท่าใด คิ้วของฮงซังกุงก็ดูจะขมวดมากขึ้นเท่านั้น

         "เจ้าเป็นใคร" ฮงซังกุงถามเสียงห้าว ซอฮยอนสะดุ้งโหยงเล็กน้อย

         "ข้าชื่อซอฮยอนเจ้าค่ะ เป็นนางในที่จะมาเข้าอบรมจากท่าน"

         ฮงซังกุงมองซอฮยอนตั้งแต่หัวจรดเท้า

         "เจ้าว่าอะไรนะ" นางทวนคำถามอีกครั้ง

         "ข้าชื่อซอฮยอน มารับการทดสอบจากท่านเจ้าค่ะ" หญิงสาวรายงานอีกรอบ

         "ไม่ใช่ ข้าหมายถึงที่เจ้าพูดเมื่อครู่ เจ้าบอกว่าเจ้าเป็นนางในหรือ" ฮงซังกุงถาม 

         ซอฮยอนใจหล่นวูบไปที่ตาตุ่มทันที นางลืมเสียสนิท นางยังไม่ใช่นางใน

         "เจ้ายังมิใช่นางใน เป็นเพียงผู้สมัครที่ยังไม่ผ่านการทดสอบใดๆ แม้เพียงนิด เหตุใดถึงกล้าเรียกตัวเองว่านางใน เสียสติรึ" ฮงซังกุงกระแทกเสียง

         "ข้าขออภัยเจ้าค่ะ ข้าลืมไป" ซอฮยอนก้มศีรษะอีกรอบ

         "ลืมรึ เหอะ ข้าว่าเจ้าไม่ได้ลืม แต่เป็นการหลงตัวที่คิดว่าตนเองจะได้เข้าเป็นนางในแน่นอน"

         "ไม่ใช่อย่างนั้นนะเจ้า--"

         "เจ้าคงคิดว่าตัวเองเลิศเลอ มีผู้ใหญ่ในวังคอยอุ้มชูสินะ"

         "นายหญิง อย่าเข้าใจผิดสิเจ้าคะ"

         ฮงซังกุงไม่ฟังซอฮยอน นางเดินมาที่โต๊ะตัวเตี้ยแล้วนั่งลงอย่างรวดเร็วจนกระโปรงพองออก หญิงสูงอายุเหลือบไปมองที่นอนและหมอนซึ่งถูกจัดวางเป็นระเบียบอยู่มุมหนึ่ง

         ซอฮยอนค่อยๆ ย่อตัวนั่งลงตาม

         "นางตัวดี!" ฮงซังกุงแหว มือข้างหนึ่งตบโต๊ะเสียงดังปังจนหญิงสาวสะดุ้งเป็นรอบที่สาม

         "อะไร... อะไรรึเจ้าคะ" 

         "ข้าสั่งให้เจ้านั่งตั้งแต่เมื่อใด" ซังกุงอาวุโสกล่าวเสียงเย็นชา

         "เจ้าคะ?" ซอฮยอนตกตะลึง

         "นี่คือห้องข้า เท่ากับว่าที่นี่คือขอบเขตอำนาจของข้า ข้าบอกเจ้าตอนไหนรึว่าให้นั่ง ใครอนุญาต" ฮงซังกุงถาม น้ำเสียงแสดงถึงความชิงชังหมดใจ

         ซอฮยอนกลืนน้ำลาย นางค่อยๆ กลับขึ้นไปยืนตามเดิม 

         "พวกลูกคุณหนูหลงตัวเอง" ซังกุงอาวุโสพูดออกมาอย่างรังเกียจ


         เมื่อเวลาผ่านไปหญิงสาวก็รู้ทันทีว่าฮงซังกุงจงใจกลั่นแกล้งนาง ซังกุงอาวุโสนั่งอ่านตำราอย่างไม่มีทีท่าว่าจะสั่งให้นางนั่ง จริงๆ แล้วสตรีสูงอายุทำราวกับซอฮยอนไม่มีตัวตนอยู่ในห้องเสียด้วยซ้ำ สักพักฮงซังกุงก็ถอดคาเชบนศีรษะก่อนจะเดินออกไปจากห้อง

         ซอฮยอนไม่กล้านั่งแม้ว่าขาจะเริ่มสั่น ไม่ใช่กลัวว่าฮงซังกุงจะกลับมาเห็น แต่นางอยากจะเอาชนะฮงซังกุงคนนี้ให้ได้

         ฮงกาเชกลับเข้ามาไม่นานหลังจากนั้น นางใส่ชุดผ้าป่านสีขาวทั้งตัว ผมเปียยาวด้านหลังปล่อยยาวจรดแผ่นหลังอันแสดงว่านางเพิ่งไปอาบน้ำมา สตรีสูงอายุกลับมานั่งที่เดิม

         "ข้าวของในห้องนี้ ใครเป็นคนเก็บกวาด" นางถามขึ้นแต่ยังไม่ยอมมองหน้าซอฮยอน

         "เอ่อ... ข้าเองเจ้าค่ะ" หญิงสาวตอบเบาๆ

         "ขยันดีนี่" นางเอ่ยชม

         ราวกับมีใครจุดเทียนสว่างไสวขึ้นมาในบัดดล ซอฮยอนฟังผิดไปรึเปล่าหนอว่าฮงซังกุงอันมีสมญานามว่าซังกุงประหลาดเพิ่งพูดชมนาง

         ฮงกาเชหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาวางบนโต๊ะและกล่าวว่า

         "นี่คือกระดาษประจำตัวผู้สมัครอันเป็นของเจ้า ซึ่งทุกคนจะมีแต้มสี่สิบแต้มเพื่อสะสมจนถึงวันไปสอบเซ็งกักชิ ใครได้เกินสามสิบแต้มขึ้นไปจะผ่านทันที แต่ถ้าต่ำกว่าสามสิบคือต้องออกจากวังไป"

         ซอฮยอนเหลือบมองแผ่นกระดาษของตน ทุกช่องนั้นว่างเปล่า แสดงว่าฮงซังกุงยังไม่ได้เริ่มให้แต้ม

         หญิงสูงอายุหยิบพู่กันขึ้นมาและเขียนลงไปในกระดาษ

         "วันนี้เจ้าไม่ได้แต้มสักแต้ม แต่จะถูกหักออกไปสิบแต้ม" ฮงซังกุงเอ่ย

         ซอฮยอนรีบมองหน้าซังกุงอาวุโสราวกับว่าตนเองฟังผิดไป 

         "นายหญิง หักแต้มสิบแต้ม หมายถึงอะไรรึเจ้าคะ" หญิงสาวร้องถาม

         "ก็หักไปสิบแต้มจากที่ไม่มีเลยอย่างไรเล่า เจ้าสงสัยอันใด" 

         "หักข้าทำไม หักข้าเพราะอะไรเจ้าคะ!" 

         "เพราะเจ้าทำผิด" ฮงซังกุงตอบสั้นๆ

         "ทำผิด? ข้าทำอันใดผิดไปรึเจ้าคะ" ซอฮยอนงุนงง

         "ห้าแต้มแรกที่ถูกหักคือเจ้าเข้ามาในห้องพักโดยพลการ โดยมิได้ขออนุญาตข้า"

         "นายหญิง ตอนนั้นท่านไม่อยู่ ข้าเลย--"

         "แล้วเจ้ารออยู่ข้างนอกก่อนมิได้หรือ ถึงจะรอจนมืดเจ้าก็ต้องรอ ระเบียบปฏิบัติในวังหลวงเจ้านี่แย่มากจริงๆ ถือสิทธิ์ถืออำนาจอะไรมาเข้าเรือนของซังกุงระดับสูงด้วยตัวเอง" ฮงซังกุงตวาดลั่น

         ซอฮยอนนิ่งเงียบไป

         "ส่วนห้าแต้มหลังที่ถูกหัก ก็เพราะว่าเจ้าแตะต้องข้าวของในห้องข้าโดยที่มิได้ขออนุญาตเช่นเดียวกัน"

         เทียนที่ถูกจุดสว่างไสวในใจของซอฮยอนเมื่อครู่ถูกลมพัดดับวูบเสียสนิท

         "นะ... นายหญิง ที่ข้าแตะต้องข้าวของท่านเพราะข้าอยากเก็บกวาดให้นะเจ้าคะ มิได้มีเจตนาเป็นอื่น"

         "แล้วอย่างไร เจ้าทำไปเพราะอยากได้คำชมอย่างนั้นรึ หวังจะสร้างภาพให้ข้าใจอ่อนเช่นนั้นหรือ" ฮงซังกุงถามเสียงคลางแคลง

         "ไม่เจ้าค่ะ ไม่ใช่เช่นนั้น แต่ในห้องมันเละเทะมากอีกทั้งยังมีหลายอย่างที่... ที่ไม่น่าดูชมเจ้าค่ะ" ซอฮยอนพูดเสียงอ่อน

         ฮงซังกุงหรี่ตา

         "นี่เจ้ากำลังจะว่าข้าเป็นคนสกปรกอย่างนั้นหรือ เป็นคนไร้ระเบียบถึงขนาดต้องให้ลูกคุณหนูชั้นสูงส่งอย่างเจ้ามาทำความสะอาดให้เช่นนั้นหรือ" 

         "นายหญิง ท่านเข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว ไม่ใช่อย่างนั้นนะเจ้าคะ"

         "แล้วจะให้ข้าเข้าใจเป็นอย่างไร เจ้านี่กำแหงนัก อย่าได้หวังเลยว่าจะเข้าวัง"

         ซอฮยอนรีบทรุดลงคุกเข่ากับพื้น

         "นายหญิง ได้โปรดเถิดเจ้าค่ะ ข้าขออภัยท่านทั้งเรื่องข้าวของส่วนตัวและเรื่องเข้ามาในเรือนพักท่านโดยพลการ ข้าสำนึกผิดแล้ว ได้โปรดท่านอย่าหักแต้มข้าเลยนะเจ้าคะ ถ้าท่านหักแต้มข้าไปสิบแต้ม แสดงว่าข้าต้องทำเพิ่มอีกสี่สิบแต้มเพื่อจะผ่านซึ่งมันเป็นไปไม่ได้แน่นอน นายหญิงโปรดเมตตาข้าด้วยเจ้าค่ะ" หญิงสาวร่ำร้องอ้อนวอน

         "นั่นแหละคือสิ่งที่เจ้าต้องทำ" ฮงกาเชกล่าวอย่างไม่แยแส

         "นายหญิง!"

         "เจ้าออกไปเสีย ข้าจะนอน"

         ซอฮยอนตกตะลึง 

         "ท่าน... ท่านว่าอย่างไรนะเจ้าคะ"

         "ข้าพูดว่าจะนอน หูหนวกหรือไร" นางตวาด

         "นายหญิง ท่านพูดเช่นนี้แสดงว่าข้าจะไม่ได้นอนที่นี่ด้วยอย่างนั้นหรือเจ้าคะ แล้วจะให้ข้าไปนอนที่ไหนเล่าเจ้าคะ"

         "นั่นเป็นปัญหาของเจ้า มิใช่ของข้า"

         "นายหญิง ซังกุงห้องข้างๆ ผู้สมัครคนหนึ่งก็ยังนอนห้องนางได้เลย เหตุใดข้าจึง--"

         "นั่นมันเขา นี่มันข้า เหตุใดถึงต้องเหมือนกัน แล้วก็ไม่มีกฎข้อไหนบังคับให้ผู้สมัครเข้าทดสอบต้องนอนกับซังกุงอบรมด้วย ฉะนั้นเจ้าจงออกไปให้พ้นหน้าข้าเสีย ถ้าหาที่ซุกหัวนอนไม่ได้ก็ไปตากลมหนาวนอนพิงต้นอึนแฮงนามุหน้าห้องข้าก็ได้ถ้าเจ้าไร้ปัญญาแล้ว" ฮงซังกุงพูดเสียงเขียวก่อนจะหันไปเป่าเทียนบนเชิงจนดับ ทั้งห้องตกอยู่ในความมืดมิดทันที นางล้มตัวลงนอนตะแคงโดยหันหลังให้ซอฮยอนที่ยังนั่งตกตะลึงกับความโหดร้ายของซังกุงอาวุโสอยู่

         "ออกไปให้ไวเชียว นางตัวดี"




      

          [ต่อจาก 50%]




         ซอฮยอนลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินอย่างคนใจลอยออกไปจากห้อง หลังจากปิดประตูเรียบร้อยหญิงสาวก็มองไปรอบตัวอย่างรู้สึกเปล่าเปลี่ยวใจหาย ลมหนาวยามดึกพัดเข้ามาต้องกายจนห่อไหล่เพราะความหนาวสั่น เรือนที่พักของบรรดากุงเนียวเงียบสนิท เสียงแมลงและนกกลางคืนดังแหวกมาบ้างท่ามกลางความมืด 

         ซอฮยอนนั่งลงกอดเข่าอยู่ในชายคาเรือนพัก นางไม่อยากออกไปด้านนอกเพราะหวั่นเกรงว่าน้ำค้างที่แรงจะทำให้เป็นหวัด แต่ถึงอย่างไรหญิงสาวก็ไม่มีทางนอนหลับในสภาพนี้ได้เป็นแน่

         นางเงยหน้าผ่านต้นอึนแฮงนามุหน้าเรือนออกไปก็เห็นทิวทัศน์หลังคาพระตำหนักต่างๆ อยู่ไกลลิบ ในยามวิกาลเช่นนี้รูปทรงของวังหลวงก็มีเสน่ห์ไปอีกแบบ ดวงจันทร์ลอยเด่นอยู่กลางฟากฟ้าเหมือนโคมไฟยักษ์ส่องแสงนวลตาลงมาทาบทับวังคยองบกกุงราวกับจะเสกให้เป็นสถานที่อันวิเศษ

         "ท่านพี่" หญิงราวรำพึงออกมาเมื่อมองจันทร์ "เพื่อท่าน ข้าจะทนให้ถึงที่สุด ทนให้ถึงที่สุดเจ้าค่ะ" ซอฮยอนสะอึกสะอื้นพลางปาดน้ำตา

         เพียงแค่ด่านแรกนางก็เจอของโหดหินเสียแล้ว ฮงซังกุงคนนี้เป็นจริงอย่างที่ทุกคนกล่าวขานทุกประการ การจะให้นางรับรองเพื่อผ่านเข้าไปสอบเซ็งกักชิดูยากพอๆ กับยกภูเขาทั้งลูก แต้มที่ถูกหักไปก็ไม่รู้จะทำอย่างให้เพิ่มกลับคืนมาดังเดิม แต่ไม่ว่าอย่างไรนางก็ต้องพยายาม พยายามให้เต็มที่

         หญิงสาวพิงศีรษะกับเสาไม้สีแดง นางสัปหงกไปรอบหนึ่งก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเสื้อผ้าของฮงซังกุงที่แช่ไว้ที่ริมบ่อน้ำด้านหลังยังไม่ได้ซัก

         ซอฮยอนรีบลุกขึ้นเดินไปด้านหลังเรือนพักทันที โคมไฟที่ห้อยตามทางช่วยให้เห็นทางเดินได้ไม่ยาก เมื่อมาถึงบ่อน้ำหญิงสาวก็ยกกระบะที่แช่เสื้อผ้าของซังกุงสูงอายุออกมา

         น้ำที่เย็นเฉียบทำเอามือของหญิงสาวชาไปหมดจนแทบจะไม่มีแรงขยี้ นางเคยผ่านการกรำงานหนักมาก็จริงแต่ไม่เคยซักผ้าในยามดึกดื่นที่อากาศหนาวเหน็บเช่นนี้มาก่อน ซอฮยอนเดินไปหยิบไม้ยาวขอบเหลี่ยมสำหรับทุบผ้าก่อนจะกลับมายังกองชุดของฮงซังกุงและฟาดไม้ไปตามเนื้อผ้าเพื่อเอาคราบสิ่งสกปรกออกมาให้มากที่สุด บริเวณไหนที่เป็นรอยเปื้อนเด่นชัดก็จะใช้มือขยี้แทน สลับกับใช้ไม้ทุบ เมื่อรู้สึกว่าทุบจนเสื้อผ้าเริ่มสะอาดก็ตักน้ำด้วยขันที่ทำจากน้ำเต้าผ่าครึ่งซีกเทรดเสื้อผ้าเพื่อขยำขึ้นตาก

         เสื้อผ้ายังคงเหลืออีกหลายชิ้น มือที่ถือไม้ทุบผ้ารู้สึกปวดร้าวราวจะแตก นางรีบถูมือไปมา ลมหายใจออกจากปากขึ้นเป็นไอสีขาวลอยในความมืด

         "ใครมาทุบผ้าเวลานี้" เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น นางใส่ชุดสีขาวล้วนเตรียมนอน บนหัวมีคาเชอันบ่งบอกถึงความเป็นซังกุง ทันทีที่เห็นซอฮยอนนั่งอยู่ริมบ่อนางก็ตะโกนออกมา

         "นั่นใคร" ซังกุงปริศนารีบจ้ำอ้าวเจ้ามาอย่างรวดเร็ว ทันทีที่เห็นหน้ากันทั้งคู่ก็ต่างคนต่างอุทาน

         "นายหญิง!"

         "เจ้า!"

         นางก็คือซังกุงคนที่ให้หญิงสาวชิมเครื่องปรุงรสในลานไหหมักก่อนเข้าวังนั่นเอง

         "เจ้ามาทำอะไรที่นี่ดึกๆ ดื่นๆ ข้านึกว่าเห็นดวงวิญญาณ" นางเอ่ยออกมา

         "ข้ามาซักผ้าน่ะเจ้าค่ะ"

         "ในเวลาเช่นนี้น่ะหรือ" 

         ซอฮยอนไม่ตอบ

         "อ้อ ข้าเข้าใจและ นี่แสดงว่าเจ้าตัดสินใจเข้าวังสินะ แล้วผ้าเหล่านี้ฮงซังกุงก็คงจะบีบบังคับให้เจ้าเอาออกมาซักล่ะสิ"

         "เอ่อ ไม่ใช่อย่างนั้นนะเจ้าคะ ผ้าพวกนี้ข้าอาสาออกมาซักเองเจ้าค่ะ" ซอฮยอนรีบพูด

         "อย่างนั้นหรือ ว่าแต่ฮงซังกุงเป็นอย่างไรบ้าง ไหนเล่าให้ข้าฟังที" ซังกุงถามอย่างสนใจ

         "เล่าหรือเจ้าคะ" ซอฮยอนทวนคำเสียงสูง

         "ใช่ นางแผลงฤทธิ์อะไรใส่เจ้าบ้าง เล่ามาให้หมด" 

         "ก็... ก็ไม่มีอะไรมากดอกเจ้าค่ะ" ซอฮยอนเอ่ยออกมาก่อนจะเล่าทุกอย่างที่เจอให้ฟัง

         ทันทีที่หญิงสาวเล่าจบ ซังกุงก็อ้าปากค้างทันที

         "นี่น่ะหรือไม่มีอะไรมาก ไม่มีอะไรมากของเจ้านี่คืออย่างไรกัน" นางร้องออกมา "ทำไมนางร้ายกาจกับเจ้าขนาดนี้ ตัดแต้มทั้งๆ ที่เราทำดีก็อยุติธรรมมากพออยู่แล้ว นี่ยังไม่ให้นอนด้วยอีกหรือ เป็นข้านะจะกลับบ้านตั้งแต่นางบังคับให้ยืนแล้ว ไม่อยู่ทนดอก ข้าไม่เข้าใจว่าเจ้าอดทนอยู่ได้อย่างไร"

         "ข้าไม่มีทางเลือกนี่เจ้าคะ ข้าต้องเข้าวังให้ได้" ซอฮยอนตอบเสียงเศร้า

         "ทำไมถึงต้องเข้าวังให้ได้ เจ้ามีเหตุจำเป็นอะไรหรือ"

         ซอฮยอนไม่ตอบ นางยกไม้เพื่อจะทุบผ้าต่อทว่าก็หยุดค้างอยู่กลางอากาศอย่างคนที่ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

         "คงมีเหตุผลที่บอกไม่ได้สินะ เอาเถอะข้าก็ไม่อยากเซ้าซี้ ว่าแต่เจ้าจะทำอันใดต่อไป"

         "ข้าจะพยายามเอาชนะใจฮงซังกุงให้ได้เจ้าค่ะ"

         "เจ้านี่เหลือเกินจริงๆ โอกาสเข้าวังแทบไม่มียังจะฝืน ข้าล่ะสมเพชนัก"



    โปรดติดตามตอนต่อไป

        
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×