คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : chapter7 "ตลาดอันวุ่นวาย"
กลับมาในปัจจุบันในตอนเช้าที่ผู้คนตื่นแต่เช้าไปทำงาน คิบอมเองก็เช่นกันวันนี้เป็นวันที่เพิ่งจะเริ่มงานวันแรก หลังจากที่ย้ายกลับมา
“พ่อครับ แม่ครับผมไปทำงานก่อนนะครับ”เดินมาใส่รองเท้าหน้าบ้านก่อนที่หันหลังไปส่งยิ้มให้เยซองกับซองมิน
“จ้า โชคดีสำหรับการทำงานวันแรนะจ๊ะ”ผู้เป็นแม่เดินเข้ามาพ้อมกับช่วยจัดเสื้อผ้า หน้า ผม ของลูกชายสุดที่รักให้ดูเรียบร้อยที่สุดในวันนี้
“ขอบคุณครับแม่”ส่งยิ้มกลับไปก่อนที่จะได้เวลาต้องเดินออกไปทำงานสักที
คิบอมเลือกที่จะเดินมากกว่านั่งรถ เพราะอยากจะซึมซับอากาศเย็นๆของทะเลในตอนเช้า หลังจากที่ต้องได้อยู่แต่ที่ๆอากาศไม่บริสุทธ์เป็นเวลานาน ร่างเล็กๆเดินจากบ้านผ่านทะเล แล้วไปขึ้นรถเมย์ จนสักพักก็ไปถึงโรงพยาบาล
“ถึงซะที”ยืนบิดตัวไปมาอยู่2-3ทีก่อนที่จะเดินเข้าโรงพยาบาลไป
งานของคิบอมก็ไม่ได้มีอะไรมากนอกซะจากนั่งตรวจคนไข้ที่เข้ามาไม่ขาดสาย เพราะโรงพยาบาลนี้เป็นโรงพยาบาลเดียวที่อยู่ในตัวเมืองทำให้คนมาเยอะมากเป็นพิเศษ หมอที่นี่ต้องมีความสามารถพิเศษคือ รักษาได้ทุกโรคเพราะหมอที่นี่มีน้อยมาก แต่สำหรับคนไข้เฉพาะทางก็จะให้หมอในทางนั้นๆเป็นผู้รักษาไป
คิบอมก็อยู่ในกรณีนั้น ตรวจคนไข้ทุกคน แต่ก็มีคนไข้พิเศษที่ต้องดูแล เกี่ยวกับระบบประสาททอยู่2-3คน การทำงานดำเนินไปเรื่อยๆ แต่คิบอมก็ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวมาตลอดทั้งวัน เพราะไม่มีหมอคนไหนเลยที่จะเข้ามาเป็นเพื่อนอันเนื่องมาจากว่าทุกๆคนก็มีเพื่อนอยู่แล้ว และคิบอมก็ไม่ได้อยากเป็นเพื่อนกับใคร จึงทำให้อยู่ตัวคนเดียว ไปไหนก็ไปคนเดียว ไปกินข้าวก็ไปคนเดียว
“มันก็แอบเหงาเหมือนกันนะ”ลุกออกจากโต๊ะทำงานพร้อมกับบิดขี้เกียจคลายความเมื่อยล้า เพราะหลังจากที่เข้ามาทำงานก็ยังมีคนไข้เข้ามาตรวจไม่หยุด จนได้พักกลางวันเนี่ยแหละ
“ไปกินข้าวดีกว่า จะได้รีบกลับมาทำงานต่อ”ว่ากับตัวเองก่อนที่จะคว้ากระเป๋าแล้วเดินออกไปกินข้าวด้วยความรวดเร็ว
ทางด้านซีวอน
ซีวอนรีบออกมาจากบ้านหลังจากที่ช่วยพ่อปล่อยเงินกู้เสร็จแล้ว เพื่อที่จะมาสังเกตการณ์ว่าคนรักของเค้าใช้ชีวิตยังไงในการทำงานวันแรก
ร่างสูงเดินลงจากรถมาแต่ก็ไม่ลืมที่จะหยิบแว่นตาดำและสวมหมวกเพื่ออำพรางใบหน้าเอาไว้ แล้วเดินเข้าไปดูที่ห้องที่คิบอมต้องอยู่ตรวจประจำหลังจากที่ไปสืบมาแล้วว่าทำงานอยู่ห้องนี้ แต่กลับไม่มีใครอยู่ในนั้น จึงดูเวลาที่นาฬิกาก็บอกเวลาเที่ยงกว่าแล้ว ก็เลยลองเดินไปดูที่โรงอาหารใกล้ๆกัน ก็พบกับคิบอมที่นั่งกินข้างอยู่อย่างโดดเดี่ยว
ซีวอนซื้อหนังสือพิมพ์หนึ่งฉบับกับน้ำหนึ่งแก้ว แล้วเลือกนั่งโต๊ะที่สามารถมองเห็นคิบอมได้ใกล้ที่สุด และไม่ทำให้เจ้าตัวนั้นรู้ตัว
ร่างสูงที่ซื้อหนังสือพิมพ์มาเพื่อบังหน้า ก็จ้องมองชายร่างเล็กที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่โต๊ะถัดใบด้วยใบหน้าที่บ่งบอกถึงความสุข ก่อนที่ชายร่างเล็กจะกินข้าวเสร็จแล้วลุกออกกลับไปทำงานเหมือนเดิม แต่ซีวอนก็ยังเดินตามไปอยู่ดีจนแน่ใจแล้วว่า กลับไปทำงานอย่างปลอดภัย จึงได้กลับไปทำงานของตัวเองต่อ
จนตอนเย็นก็กลับมาที่โรงพยาบาลอีกครั้งเพื่อมาเยี่ยมน้องชายสุดที่รักและก็คุณหมอเจ้าของไข้ที่น่ารักด้วย พอเปิดประตูเข้ามาก็พบกับคนที่กำลังอยากเจอกำลังตรวจน้องชายเข้าอยู่ในห้อง ซีวอนเฝ้ามองการกระทำนั้นด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความสุขเป็นเวลานาน ก่อนจะได้สติจากเสียงที่เรียกเค้า
“นี่นาย ถ้ามาแล้วเดินเข้ามาใกล้ๆหน่อยจะได้มั้ย”หันหน้ามาพร้อมกับทำสีหน้าไม่พอใจใส่ เดินเข้ามาตั้งนานแล้วยืนซื่อบื้ออะไรอยู่ได้
“ทำไมครับ”ซีวอนก็เดินเข้ามาใกล้จริงๆใกล้จนรู้คิบอมรุ้สึกว่าเหมือนมีมือปลาหมึกมาโอบเอวเค้าไว้
“หื่นตลอดเลยนะ”บ่อนก่อนที่จะเอามือไปตีที่มือของร่างสูงที่โอบเอวตัวเองไว้ อย่างแรงจนเกิดเสียงดังลั่นห้อง
“เดี๋ยวอุคก็ตื่นหรอก”คิดอะไรไม่ออก หาข้อแก้ตัวไม่ถูก จึงโยนความผิดไปให้น้องชายที่หลับไม่รู้เรื่องซะงั้น
“นายฝันอยู่รึไง น้องนายนอนเป็นเจ้าชายนิทราอยู่นะ”ว่าก่อนที่จะเอามือไปหยิกที่แขนของร่างสูงแบบสุดแรง เพื่อที่จะสั่งสอนคนที่ชอบแถไปเรื่อยให้รู้สำนึกสักที
“โอเคๆ เข้าเรื่องๆ ชั้นมาตรวจน้องนาย ชั้นถามอาการน้องนาย นายต้องตอบนะ เพราะว่าแฟ้มประวัติไม่ค่อยระบุอะไรไว้เลย”พลิกแฟ้มไปมาก่อนที่จะหยิบปากกาขึ้นเตรียมจด
“ไม่บอกหรอก ถ้าบอกแล้ววันนี้นายจะยอมกลับๆชั้นมั้ยละ”ซีวอนเสนอข้อตกลงด้วยรอยยิ้ม แต่รอยยิ้มมันกลับทำให้คิบอมอยากจะกระโดดเตะจริงๆ
“นายไม่อยากให้น้องหายรึไง เพ้อเจ้อจริงๆ”ส่ายหัว2-3ทีกับความไม่เอาไหนของซีวอน คิดจะมาตกลงอะไรด้วยวิธีนี้ไม่มีทางอะ
“อยากซิ แต่ก็อยากให้นายกลับด้วยกันอะ ทุกวันเลยด้วย”ซีวอนทำม่างองแงงเหมือนเด็กๆ
จากนั้นทั้งสองก็ทะเลาะกันไปอีกสักพัก จนสุดท้ายแล้วคิบอมก็ต้องยอมเพราะว่าเจ้าม้านี่ช่างตื้อจริงๆ แต่อีกนัยนึงก็คือรำคาญด้วยนะแหละ
“ในที่สุดคิบอมก็ยอมกลับด้วยแล้ว”ยิ้มออกมาจากใจจริงๆ เพราะถ้าได้กลับบ้านด้วยกันทุกวัน ง้อทุกวันก็คงจะใจอ่อนเองนั่นแหละ
“เฮ้อ กลับกับนายก็ดีเหมือนกัน ชั้นจะได้ไม่เปลืองค่ารถ”พยายามคิดในแง่ดีอย่างเต็มที่
“แล้วตอนเช้านายมายังไง”ถามออกไปด้วยความสงสัย
“ก็เดินมาแล้วมาต่อรถเมล์เอา แต่นายอย่าคิดมายุ่งกับชีวิตตอนเช้าของชั้นเชียวนะ”อธิบายไปอย่างยืดยาว ก่อนจะคิดว่าซีวอนต้องขอมาส่งแน่ๆ
“โอเคๆ ตอนแรกก็กะจะขอมาส่งอยู่หรอก แต่ตอนเย็นได้มารับแล้วก็ไม่เป็นไร”จริงอย่างที่คิบอมคาดไว้คิดอย่างนี้จริงๆด้วย
หลังจากนั้นคิบอมก็ไม่รอช้ารีบเข้าเรื่องทันที ถามอาการทุกอย่างของเรียวอุคโดยละเอียด โดยมีซีวอนที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
หลังจากนั้นทั้งสองก็โบกมือลาอุค แล้วเดินออกมาขึ้นรถ ที่ซีวอนเอามาจอดไว้ที่จอดรถหน้าโรงพยาบาล โดยที่มีร่างเล็กๆเดินนำ พร้อมกับร่างสูงที่ถือแฟ้มเอกสารมากมายเดินตามมา เนื่องจากคิบอมบอกว่าจะขนงานกลับไปทำที่บ้าน แต่ก็ไม่คิดว่าจะเยอะขนาดนี้
“รถนายจอดอยู่ไหนเนี่ย”หันมาถามพร้อมกับหัวเราะออกมาเมื่อเห็นสภาพซีวอนที่ดูเหมือนคนบ้า ที่ถืออะไรไม่รู้เต็มไปหมด
“สีดำคันนั้น”ตอบเพียงสั้นๆเพราะว่าหมดแรงกับไอ้แฟ้มพวกนี้แล้ว ก่อนที่ซีวอนจะได้รับความเห็นใจจาก คิบอมที่เข้ามาช่วยเอาไปถือเกือบครึ่งนึงด้วยความเวทนาในสภาพ
“เฮ้อ เมื่อยชะมัด”บ่นออกมาหลังจากที่วางแฟ้มพวกนั้นเอาไว้ท้ายรถ แล้วปิดลงอย่างเรียบร้อย
“ไป กลับบ้านกัน”เปิดประตูรถแล้วผายมือให้คิบอมเข้าไปนั่งในรถได้อย่างสะดวก แต่เพียงครู่เดียวซีวอนก็ได้เห็นรอยยิ้มเล็กๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าของคิบอม
“นายยิ้ม”เห็นเพียงแค่นั้นก็ดีใจ กระโดดไปรอบๆเหมือนคนบ้า (หรือบ้าไปแล้ว) ก่อนที่จะวิ่งไปขึ้นรถแล้วรีบขับกลับบ้าน
แต่ขับไปได้ครึ่งทางก็กำลังจะชวนคิบอมคุย แต่หันไปอีกทีร่างเล็กๆก็นอนหลับสนิทไปแล้ว เลยไม่คิดที่จะกวน
จนขับมาถึงบ้านมีพ่อแม่ของคิบอมมารอรับแต่เจ้าตัวก็ไม่ยอมตื่น เยซองกับซองมินก็เปิดประตูบ้านให้เป็นการบอกว่า อุ้มบอมเข้าไปสิ ไม่รอช้าซีวอนก็ช้อนตัวคิบอมขึ้นแล้วก็เดินขึ้นไปบนห้องนอนของร่างเล็กอย่างชำนาญ แล้วค่อยๆวางตัวคิบอมลงบนเตีบงนุ่มเบา ก่อนที่จะก้มลงไปประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากเล็กอย่างแผ่วเบา แล้วนอนลงข้างๆเอามือลูบหัว เหมือนกล่อมเด็กทารกตัวน้อยๆ ก่อนที่ซีวอนจะหลับตามไปพร้อมกับวงแขนที่กอดคิบอมเอาไว้แน่น
“วันหยุดนี่คนเยอะจริงๆซะด้วย~ ไม่อยากเข้าไปเบียดข้างในเลยจริงๆ งั้นเดี๋ยวค่อยซื้อละกันนะไข่น่ะ เดินเล่นชายหาดก่อน”
ในวันหยุดตลาดเเห่งนี้มันจะมีกิจกรรมเรียกลูกค้าอยู่เสมอ (กระตุ้นยอดขายว่างั้น) ชายร่างสูงกลืนน้ำลายเอือก!ในมือถือกระเป๋าตังค์เเบนๆไว้อย่างเเน่นเเล้วยืนมองเข้าไปในตลาดขนาดใหญ่ที่มีหลังคาสีเขียวคลุม คนมากมายขนาดนี้ถ้าเข้าไปคงหาทางออกไม่เจอ จะโดนล้วงกระเป๋ารึเปล่าก็ไม่รู้ หายใจไม่ออกตาย หรือที่ร้ายที่สุดก็คงไม่พ้นโดนเหยียบตาย เอาไว้คนน้อยค่อยมาซื้อไข่ดีกว่า ฉะนั้นเค้าจึงตัดสินใจหันหลังควับ!ด้วยความเร็วไปที่ชายหาด เเละเเสดงสายตาหยาดเยิ้มเเบบคนหื่นกระหาย ในขณะที่เค้าจะก้าวขาซ้ายออกไปตามที่จิตใต้สำนึกของเค้าได้สั่ง ก็ได้มีเสียงประกาศจากลำโพงในตลาด
เสียงเจ้าของตลาดประกาศมาจากหอส่งสัญญาณ ในจังหวะนั้นคนที่เดินๆอยู่นอกตลาดก็ได้มีท่าทีที่เปลี่ยนไป บางคนยืดเส้นยืดสายเหมือนจะไปออกกำลังกายที่ไหน บางคนรีบก้มไปมัดเชือกรองเท้า บางคนมีอาการลนลานหันเลิกลัก เเล้วก็วิ่งเข้าไปในตลาดหลังสิ้นเสียงนั้น
“
ขณะนี้ทางตลาดของเรากำลังจะจัดงานลดเเหลก เเจก เเถมครั้งยิ่งใหญ่กันถ้าท่านใดต้องการขอให้รีบซักนิดนึง”
“พ่อหนุ่มถ้าไม่คิดจะซื้อหลบไปหน่อยนะ...ต้องรีบเเล้ว!อ๊ายยยเดี๋ยวไม่ทัน
” หญิงวัย50เดินตรงมาที่เเล้วไม่ได้มีท่าทีที่จะหลบ คยูเองก็คงจะไม่หลบเพราะกำลังเพ้อถึงสาวชายหาด เมื่อหญิงคนนั้นเห็นว่าคยูคงไม่หลบเเน่ๆเลยตะโกนอย่างสุภาพให้คยูพอรู้สึกตัว ข้างในตลาดเริ่มมีการลดเเจกเเหลกอย่างที่ประกาศไว้ เธอก็ได้กลายเป็นคนละคน ในมือถือตระกร้าไว้เเน่นี่เเล้ววิ่งด้วยรีบซอยเท้าเร่งสปีตเต็มที่เเล้วผลักคยูที่ขวางอยู่ในเส้นทางที่เธอจะไปอย่างไร้เยื่อใย
“อะไรเนี่ย ป้าจะรีบไปทำไม มันไม่ได้มีของดีๆถูกลง80%หรือเเจกฟรีซักหน่อย สปีดคุณป้าอย่างไวอ่ะอย่างกับสงครามเเน่ะร้านนั้น เฮ้อ~เเล้วดูซิผลักมาซะ
” คยูที่ยืนงงเเต่ก็ได้สติกลับมาเเล้วอยู่ดีก็โดนผลักซะงั้น เมื่อหันไปดูเค้าถึงกับต้องตกใจกับความเร็วของเเม่ๆหลายคนที่วิ่งเข้าไปข้างในเกิดการเเย่งชิงส้นค้าอย่างน่าสะพรึ่งกลัวนี่อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามโลกเเม่ๆครั้งที่หนึ่งก็เป็นได้ ของราคาถูกเเละดีไม่มีหรอก เรื่องนี้มันเเหกตาหลอกขาย พวกพ่อค้าเเม่ค้าคงเอาของใกล้เสียมาขาย ไร้สาระ
“อีก3นาที จะเเจกฟรีๆถุงใส่ของ
เเละเงินภายในเเล้วเเต่ดวง10ใบเท่านั้น!!! ร้านเรามีผักสดลด90% เรียกได้ว่าเเทบจะเเจกฟรีกันเลยทีเดียว ขอให้ผู้สนใจยืนเรียงเเถวที่หน้าร้าน ณ บัดนี้
.”
“ถุงยังคิดจะเเจกไร้สาระจริงๆ
ห๊ะ บ้าน่านี่มันอะไร เงินนะเฮ้ยซักพันวอนก็ยังดี เดี๋ยวๆๆๆอย่าเพิ่งนะอย่าเพิ่งเริ่มรอผมก่อน!!!!!” เพียงเเค่ได้ยินคำว่าเงินคำเดียวก็ถึงกับหูผึ่งตั้งใจฟังอย่างดี ตอนนี้เค้าได้เริ่มเปลี่ยนความคิดเเล้ววิ่งเเทรกผู้คนมากมายอย่างทุลักทุเลเข้าไปในร้านเเห่งนั้นโชคดีที่เค้าเข้าไปได้ทัน ก่อนนั้นเค้าก็ได้ยัดกระเป๋าตังค์ไว้ในกางเกงให้เเน่นที่สุดเพื่อความปลอดภัย รอบข้างตัวเค้ามีผู้หญิงเต็มไปหมดเเต่เค้าไม่สนหรอกว่าจะเป็นใครอายุเท่าไหร่ ถึงเเม้ผมจะเสียทรงเเละมีรอยข่วนที่เเขนก็เถอะมันไม่สำคัญเเล้ว ขอเเค่ให้ได้ถุงที่มีเงินนั้นเค้าก็พอใจ ยังไงเค้าก็คงไม่ไปทำร้ายใครเพื่อเงินหรอก(?)
“อ่ะมากันเท่านี้นะครับ รอหลังเส้น มันห่างจากถึงประมาณเจ็ดเมตรได้ เดี๋ยวผมบอกวิ่งก็วิ่งมานะครับ” เจ้าของร้านขายพูดด้วยใบหน้ายิ้มเเย้ม ในมือถือนกหวีดไว้เตรียมตัวเป่าตลอดเวลาทำให้เเต่ละคนไม่รู้ว่าจะเป่าเมื่อไหร่
“ต้องได้ ต้องได้ ต้องได้
.” ส่วนคยูก็ยืนอยู่เเถวหน้าภาวนาให้ได้เงินไปซื้อของสดต่อ
เเสงเเดดภายนอกร้อนระอุ ภายในตลาดก็เช่นกัน อารมณ์ของเเต่ละคนค่อยๆพุ่งสูงขึ้น ปี๊ดดดดด!!!!!!!! เสียงนกหวีดดังลั่นตลาดทุกคนรีบทะหลาเข้าไปหาถุงที่อยู่ตรงหน้า เเววตาที่ีเฉียบคมของคยูไม่ได้อะไรมาเเค่ใช้เเขนยาวๆหยิบถุงที่ใกล้ที่สุดมาเท่านี้ก็พอ
“ถุงสีม่วนั่นเเหละของชั้น!!!!...” ชายร่างสูงตะโกนเสียงดังลั่น ด้วยความตื่นเต้นอดีนาลีนของเค้าพุ่งสูงสุด
“หนุ่มน้อยป้าขอได้มั้ยถุงนั้นน่ะ ป้าวิ่งไม่ไหวอีกอย่างป้าก็ไม่ค่อยมีเงินด้วย
ช้าไปนะพ่อหนุ่ม” ป้าข้างหลังที่ดูไม่ค่อยจะเเข็งเเรงได้พูดร้องขอคยู คำพูดน่าสงสารนั้นทำให้คยูหยุดชะงักไปเเว๊บนึง
“เอิ่ม
.เฮ้ยป้าอย่างไวอ่ะหลอกผมหรอ
.อีก3เมตรช่วงตัวป้ากับผมมันคนละชั้นกัน!!!!...” เมื่อคยูรู้ตัวว่าโดนป้าหลอกก็ยิ่งฮึดมากขึ้น ทำให้ร่างกายของเค้าวิ่งเร็วขึ้นเป็นสองสามเท่าเเละเเขนขอเค้าก็เหยียดจนสุดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“ได้มาเเล้วๆๆ ป้าผมขอโทษนะครับเเต่ที่บ้านผมไม่มีจะกินจริงๆ” ชายร่างสูงคว้าถุงสีม่วงได้ตามที่เค้าคาดหมายไว้เเละกอดมันอย่างเเน่นหนาเพื่อไม่ให้ใครเเย่งมันไปจากเค้าได้ ส่วนป้าคนนั้นก็หันมาทำสายตาจิกกัดใส่คยูเล็กน้อยเเล้วเดินวับ!หายไป
“ได้ดูซิว่าได้มากี่วอน~
.หะ หะ หะ ห้าหมื่นวอน!!! ดีชะมัดเลย
” คยูดีใจซะจนเก็บอาการไม่อยู่ เพราะเงินที่ได้มานั้นมันช่างมากมายสำหรับเค้าในตอนนี้
“เย้เเสนวอน~~~”
“คือเเบบว่าครึ่งๆอ่ะของเรา อยากรู้จริงๆร้านขายของเมืองนี้ได้กำไรเดือนละเท่าไหร่ถึงมาเเจกกันได้ขนาดนี้”
หญิงสาวชุดนักเรียนม.ปลายดีใจยิ่งกว่าเงินที่เธอได้มามันมากกว่าคยูตั้งเท่าหนึ่ง สำหรับคยูมันเหมือนเป็นการเยาะเย้ยกันนิดๆ ถึงอย่างนั้นเค้าก็ไม่ได้ใส่ใจมากนักเเต่ก็เเอบน้อยเนื้อต่ำใจอยู่เล็กน้อย เเต่สิ่งที่เค้าสงสัยคือเงินที่เจ้าร้านมีมันจะมากขนาดไหน จริงๆเเล้วค้ายากันเเล้วเปิดร้านผักบังหน้ารึเปล่า(คิดได้ไงอ่ะ)
“เราจะมัวยืนทื่ออยู่ตรงนี้ไม่ได้ เราต้องไปสู้รบกลางสงครามอาหารเบื่องหน้าเพื่อจะให้อุคทำให้กิน อ๊าาา~ เอาละเข้าโหมดเอาจริงไฟท์ติ้งโว้ยยยย!!!!!!!” ความร้อนเเรงของชายร่างสูงวัยยี่สิบกว่าถือตระกร้ามีม่วง เพื่อชีวิตที่มีสุขภาพดี มีอาหารดีๆกิน เเละเพื่อนที่รออยู่ที่บ้านจะได้ภูมิใจในตัวเค้า
หลังจากที่คยูได้เสนอตัวเข้าไปในสงครามการช่วงชิงอาหารในตลาดเเห่งนี้ สิ่งเเรกที่เค้าทำคือตั้งใจฟังประกาศของเเต่ละร้านเเล้วเลือกร้านที่ดีที่สุด ถูกที่สุดในเวลาเดียวกัน สองสายตาต้องไวถึงจะดีเเต่ถ้ามันไกลมากก็เสียเวลาเปล่า
“เนื้อไก่ของเราจะติดสติ๊กเกอร์ลดราคาในอีก4นาทีนะคะ มีไข่ไก่ ผักสดหลายชนิด เนื้อหมู ปลาเเถมสำหรับคนที่ซื้อเเพ็คที่ติดสติ๊กเกอร์ใน3นาทีเเรกนะคะ ใครสนใจรีบมาเลยค่ะ หยิบดีๆนะคะเพราะว่าเราจะลดเฉพาะเเพ็คที่ติดสติ๊กเกอร์สีเเดงไว้เท่านะคะ
เราเตือนคุณเเล้ว” เเล้วเสียงจากร้านนี้ก็ได้เข้ามาในสาระบบการประมวลผลของคยู
“ร้านเเรกไกนั่นเลย คนเยอะยิ่งกว่าร้านที่เเล้วซะอีกยังไงก็ต้องมีสมาธิ มือต้องไว้ จ้องสติกเกอร์สีเเดงๆนั้นไว้ให้ดี
1เเพ็คละกัน ของเเถมเยอะมากร้านนี้ได้เเล้วกลับบ้านเลยดีกว่า” เค้าพยามพูดกับตัวเองย้ำซ้ำๆไปเรื่อยๆ
เมื่อหันไปเห็นของเเถมเค้าต้องพหงะเล็กน้อยมันเยอะมากๆ ประมาณว่าถ้าซื้อไก่หนึ่งเเพ็คเท่ากับซื้อทั้งหมดนั่น รวมๆเเล้วของเเถมนี่น่าจะประมาณ3กิโลโดยประมาณต่อหนึ่งคนที่ซื้อนะ
“ตอนนี้พนักงานของเราก็เข็นไก่ออกมาเเล้ว เป็นยังไงบ้างครับ อ่า~~ ขาอวบๆ น่องคุณภาพ อกขาวๆ ได้เห็นเเล้วนะครับว่าของเราดีจริงๆหมดอายุอีก4อาทิตย์ครับ เพราะงั้นมั่นใจได้” (เจ้าของร้านพรีเซนท์ไก่นะคะทุกคน ไม่ใช่น้องที่เข็นไก่ออกมา)
“เริ่มได้
”
“น่องจ๋า!!!! มาหาป๋าเร๊วววววว เเค่น่องเท่านั้น ถูกเว่อร์!!!!”
คยูได้ใช้ท่าปัดฝุ่นสลายเเต่มีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยเเค่มีกระเพิ่มการกระโดดเข้าไปในฝูงชนเพื่อที่จะได้น่องงามๆมาเท่านั้นหละ
*ท่าปัดฝุ่นฝุ่นสลายต้องใช้ความไวของมือมากเป็นพิเศษ ต้องเพ่งสายตาไปที่สิ่งนั้น เเละต้องถ่ายพลังลงไปที่ฝ่ามือเป็นอย่างมาก จึงต้องใช้เวลาซักพักในการฝึกจนถึงขั้นเซียน (เเล้วคยูไปฝึกตอนไหนเนี่ย)
“วางได้เลยค่ะ เฉียดนิดเดียวเองนะคะเกือบไม่ทันซะเเล้ว2.58นาที ของเเถมเราได้นำใส่กระเป๋าสะพายไว้ให้เเล้วนะคะ เพราะกลัวลูกค้าจะทำตก ขอให้โชคดีคะ” พนักงานสาวพูดยิ้มให้คยูก่อนจะยื่นกระเป๋าที่หนักเเละเต็มไปด้วยอาหารสดให้คยู สีหน้าตอนยกกระเป๋านั่นขึ้นมาช่างน่าสงสารเป็นอย่างมาก เเต่ที่หน้าสงสารยิ่งกว่าคือคยูที่ต้องเเบกของหนักสามกิโลกว่ากลับบ้าน
“ครับ ฮึบ! เงินเหลือพอจ่ายค่าบ้านเเล้วคราวนี้^^ หนักไปนะในบางทีเเต่ไม่เป็นไรหนักไม่ตาย ยังไงก็เดินผ่านชายหาดเดินไปก็เพลินๆ” ถึงใบหน้าของชายร่างสูงที่เต็มไปด้วยเหงื่อจากความร้อนเเละการเข้าไปเบียดเสียดกับผู้คนในตลาดเเต่เค้าก็ได้ยิ้มอย่างภาคภูมิใจที่ได้ไปเเย่งของกับพวกเเม่ๆในตลาด ความทรงจำในวันนี้สำหรับคยูคงเป็นวันที่ไม่มีวันลืมได้เลย
ชายหาดทรายขาว เเสงเเดดตอนบ่ายโมงส่องลงมากระทบกับน้ำทะเลทำให้มีเเสงวิบวับ กับชายหาดที่มีร้านค้า ร้านเช่าของเต็มไปหมด เด็กน้อยก่อปราสาททราย นักเรียนม.ปลายสาดน้ำเล่นกัน เเละที่สำคัญสาวชุดว่ายน้ำบิกินี่สีสดกับผิวขาวๆ ช่างเป็นภาพที่หน้าหลงไหลจริงๆ
“ได้ของมาเยอะเลย~ อุคต้องดีใจเเน่ๆ ไหนๆก็ว่างๆละเเวะชายหาดซักหน่อยดีกว่า กร๊ากก เเต่ของหนักชะมัดช่างมันๆ เพื่อให้ได้เห็นร่างกายสาวชายหาดเเล้วทำได้ทุกอย่าง” ชายร่างสูงที่ถือสะพายกระเป๋าหนักอึ้งพูดเเล้วเลี้ยวเข้าไปในทางเข้าชายหาดพร้อมกับสเเยะยิ้มร้ายๆ
“น้อง น้อง น้องนั่นเเหละว่างมั้ย” เสียงชายที่นั่งประคบน้ำเเข็งให้เพื่อนอยู่ข้างสถานที่เเข่งวอลเลย์บอลชายหาดพูดขึ้น
“อะ อะไร ผมหรอว่างมันก็ว่างเเหละ มีไรรึเปล่าครับ” คยูผู้ไม่รู้เรื่องอะไรก็เดินเข้าไปหาเค้าง่ายๆ ช่างเป็นเด็กที่นอบน้อมจริงๆ(หรือไม่ทันคิด)
“ช่วยเป็นคู่ในงานเเข่งวอลเลย์บอลชายหาดรอบชิงกับพี่ได้มั้ย เพื่อนพี่ข้อเท้าพลิกลงไม่ได้ถ้าไม่เเข่งก็โดนตัดสิทธิ์ ที่เเข่งกันมาก็ไม่มีความหมาย”
“ผมไม่ค่อยไหวกับกีฬาที่ใช้เเขนซักเท่าไหร่ขอโทษนะครับ”
“น่าเสียดายๆ เค้าบอกว่าถ้าเเข่งชนะที่หนึ่งจะได้บัตรกินน้ำเเข็งใสฟรี150ใบในหน้าร้อนเเท้ๆ
”
“น้ำเเข็งใส หน้าร้อน ฟรีๆ ช้าก่อนเเข่งตอนไหนหรอครับ”
“ตอนนี้เลย นายจะมาเป็นคู่ให้พี่ใช่มั้ย~~~”
“ผมขอรางวัลน้ำเเข็งใสด้วยได้มั้ยครับ” ถึงจะอายๆเล็กน้อยเเต่เพื่อรางวัลเเละผลประโยชน์นั้นคยูก็ย่อมทำได้
“ได้ซิ งั้นนายวางของนายไว้กับเพื่อนชั้นเเล้วไปวอร์มร่างกายเลย”
ชายหนุ่มนิรนามได้พยามร้องขอคยู เเววตาของเค้าช่างน่าสงสารนักกับเพื่อนที่นอนอยู่อย่างทรมานจากอาการบาดเจ็บ เเต่เนื่องจากหนูหลุมได้ถูกหลอกมาเเล้วกับคุณป้าหน้าซื่อคนนึงจึงไม่อยากผิดพลาดอีก เค้าจึงปฎิเสธเเล้วเดินต่อไป เเต่เมื่อคำว่าฟรีคำนึ้ช่างทรงพลังนักคยูที่เดินไปสองสามก้าวต้องรีบหันกลับมาเพื่อตกลงข้อเสนอนั้น ในตอนนั้นเเววตาของชายนิรนามได้ส่องประกายวิ้งๆอย่างเห็นได้ชัดเพราะความดีใจ เพื่อนของเค้าที่นั่งอยู่ข้างสนามก็ดีใจไม่ใช่น้อย เเต่เค้าเเค่สงสัยว่าทำไมอย่างคยูถึงได้ไปเเย่งซื้อสินค้าราคาถูกเเบบนั้นมาได้เยอะขนาดนี้
“งั้นฝากหน่อยนะครับ” คยูได้วางกระเป๋าลงข้างชายที่บาดเจ็บด้วยความเกรงใจ เเต่สายตาของเค้ากวาดไปทั่วเพื่อมองสาวๆที่มานั่งดูการเเข่งในครั้งนี้
“นายนี่เเปลกนะทั้งๆที่ยังหนุ่มอยู่เเท้ๆ เเต่ไปตบตีเเย่งชิงสินค้าราคาถูกกับพวกเเม่ๆมาได้ น่านับถือจริงๆ เเถมเยอะขนาดนี้ด้วย ไม่ต้องห่วงชั้นไม่ให้อาหารที่นายหามาได้ด้วยความลำบากหายไปหรอก”
“ไม่หรอกครับ เเฮะๆ ผมทำเพื่อความอยู่รอดพอดีช่วงนี้ค่อยจะมีเงินด้วย เฮอๆ อะไรฟรีอะไรถูกก็ต้องเอาไว้ก่อน ขอบคุณมากนะครับ” เพราะความเเร้นเเค้นเเละขาดเเคลนทุนทรัพย์อย่างเเรงคยูเลยต้องทำสิ่งที่เค้าไม่ทำมาก่อน เค้าเเค่เอาเงินไปใช้กับอิหนูในผับจนเกือบหมดตัวเท่านั้นเอง
“อืมๆ ไปวอร์มได้ละ ถ้าเล่นทั้งอย่างนี้นายได้เส้นยึดหรือไม่ก็เอ็นฉีกกันพอดี” เค้าพูดด้วยความเป็นห่วงเเต่คำพูดของเค้านั้นทำให้คยูขาสั่นเล็กน้อย
“ครับๆ” ชายร่างสูงตอบด้วยเสียงสั่นๆก่อนที่จะเดินไปวอร์มร่างกายเเละเปลี่ยนชุด
การเเข่งขันได้เริ่มต้นขึ้น คู่เเข่งรอบชิงชนะเลิศในครั้งนี้ของคยูคือทงเฮเเละอึนฮยอกสองชายหนุ่มที่มีเวลาว่างทีไรก็จะมาเตรดเตร่เเถวชายหาดเป็นประจำ เเต่คงไม่ใช่เพราะมาหลีสาวเเบบคยูเเน่ เพราะสองคนนี้เป็นคู่รักที่ไม่ว่าใครๆก็ต้องอิจฉา สาวๆตามชายหาดก็กรี๊ดทั้งคู่กันเป็นเเถวถึงจะรู้ว่าทั้งสองเป็น
ก็เถอะ จริงๆทั้งคู่ก็เเทบจะกลายเป็นพรีเซ็นเตอร์ของหาดไปเเล้ว ทั้งจังหวะเเละร่างกายของทั้งสองคนถือว่าเข้ากันได้ดีมากๆ เเล้วรู้สึกว่าบ้านของสองคนนั้นจะอยู่ในซอยเดียวกับบ้านที่คยูพักอยู่ด้วย ตอนนี้คยูเจอคู่เเข่งที่น่ากลัวมากซะเเล้ว เริ่มเปิดฉากการเเย่งชิงบัตรน้ำเเข็งใส ฮยอกได้เป็นฝ่ายเสิร์ฟ ในช่วงเเรกๆจังหวะของฝ่ายคยูยังไม่ค่อยจะเข้าที่ จึงทำให้การส่งลูกหรือการสกัดลูกไม่ค่อยได้ผลเเต่เมื่อผ่านไปซักพักทั้งสองก็เล่นได้เข้าขากันมากขึ้น ชายนิรนามก็เล่นลูกเเดนหลังเฉียดเส้นได้คมมาก ส่วนคยูก็งัดท่าทำงานบ้านของอุคมาใช้อย่างไม่เป็นทางการเเต่มันก็พอจะถูๆไถๆพอให้ทีมไปรอดได้ ในฝั่งทงเฮเเละฮยอกก็ได้สกัดลูกไว้อย่างเเน่นหนา เเละเน้นลูกหยอดสะส่วนใหญ่ ในเกมสุดท้ายดิวซ์เเล้วดิวซ์อีกจนกรรมการข้างสนามหลับไปเป็นเเถวจนลูกสุดท้าย คยูได้ใช้หัวโหม่งส่งเเล้วให้ชายนิรนามลูกหยอดเนียนกลับไปในเเดนของฮยอกโดยที่ทั้งสองไม่ทันตั้งตัวเเละทำให้คยูเป็นฝ่ายชนะไป เสียงเชียร์มากมายจากข้างสนามเมื่อจบเกมความดีใจเเละภูมิใจที่ล้นปรี่ออกมามันยากที่จะอธิบาย ร่างกายของทั้งสองฝ่ายอ่อนล้าเเละเต็มไปด้วยทราย การนอนเเผ่อยู่กลางสนามหลังเเข่งเสร็จคงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเเล้วในตอนนั้น ถึงทงเฮเเละฮยอกจะเป็นฝ่ายเเพ้เเต่ทั้งสองก็ยังมีความสุขเเละไปเล่นเซิฟกันต่อ
“ขอบคุณมากจริงๆนะน้อง อ่ะนี่บัตรกินน้ำเเข็งใส55ใบเเบ่งๆกันไป” เมื่อได้รางวัลจากกรรมการชายนิรนามก็ได้ยื่นบัตรมาให้คยูที่นอนเเผ่อยู่ข้างสนาม
“ไม่ต้องขอบคุณผมหรอกครับ ผมตางหากที่ต้องขอบคุณพี่ งั้นผมไปล่ะครับคนที่บ้านผมคงรอจนหลับเเล้ว อยู่คนเดียวผมล่ะเป็นห่วง” เมื่อหันไปมองนาฬิกานี่มันก็เกือบจะสี่โมงเเล้วนี่เค้าเลยรีบกลับบ้านเเต่ก็ไม่ลืมที่จะขอบคุณชายนิรนามทั้งสอง เเล้ววิ่งไปพร้อมกับกระเป๋าสะพาย
“โชคดีนะ~~น้องคนนั้นรักครอบครัวดีนะนายว่ามั้ย” ชายนิรนามพูดขณะที่พยุงเพื่อนขาเจ็บให้ลุกขึ้นเดินกลับบ้าน
“ถึงจะไม่ค่อยมีเงินเเต่ก็คงมีความสุขกันมากเลยนะคยูกับคนที่รอเค้าอยู่ที่บ้านน่ะ
”
“นั่นซินะ คนที่รออยู่
”
พูดจบทั้งสองก็ได้กอดคอกันไปเเล้วเดินไปตามชายหาดคิดถึงวันเก่าๆ น้ำเสียงที่พูดออกมาพร้อมสายตาของชายนิรนามทำให้เรารู้ว่าเค้าเข้าใจชีวิตที่เป็นอยู่ของคยูเป็นอย่างดี ความร่าเริงที่สร้างขึ้นมากลบเกลื่อนปมชีวิตของตนเอง ความเเร้นเเค้นจนเกินอธิบาย เเต่ยังโชคดีที่เค้ายังมีคนที่รออยู่ที่ในเวลาที่เค้าต้องการ
ฟิคตอนตี4 เขียนแบบว่างงๆมาก แรกๆไรก็ไม่รู้หลังๆนี่ถึงกับออกทะเลไปไกล
.
ความคิดเห็น