คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : chapter11 "สยองขวัญ"
ภายใต้จิตใจที่หลอนหลอกถูกยั่วหยอกด้วยหนังสยองขวัญน่าเเละสะพรึงกลัว เเอร์เย็นเฉียบจนรู้สึกเหมือนมีเข็มเป็นพันเล่มทิ่มเเทงมาที่ร่างกาย กับขนมที่วางไว้ไม่ได้ถูกเเตะอีกเลยตั้งเเต่ฉากเเรกเริ่มขึ้น สองชายนั่งชิดติดกันมากมือข้างหนึ่งข้างโอบไหล่กันไว้ใต้ผ้าห่มด้วยความหวาดผวา สายตาที่จ้องไปที่ทีวีอย่างไม่กระพริบตา(ตาค้าง) หรือเเม้เเต่จะกระดิกตัวไปไหน เเละไม่มีท่าทีว่าจะหยุดดูถึงเเม้จะมีอาการณ์กลัวจนอาจจะช็อคได้ถ้ามีฉากน่ากลัวเเบบไม่ทันตั้งตัว ฉากของหนังถูกตัดมาจากหนังผีหลายๆเรื่อง ซึ่งคัดเน้นๆเอาให้หลอนตลอดสองชั่วโมงเต็ม เเล้วทุก23นาทีจอจะดับไปเป็นเวลา7นาทีเพื่อให้คนดูตั้งสติเเล้วไม่หลอนจนเกินไป เเละมีเวลาให้ตัดสินใจว่าจะดูต่อหรือพอเเค่นั้น
.
“
คยูชั้นว่าหนัง
ตลกคงไม่มาเเล้วหละ
ปิดเลยมั้ย
.” ชายร่างเล็กหันมาพูดกับคยูที่นั่งมองทีวีตาค้างเเบบไม่กระพริบถึงจอมันจะดับเป็นสีดำมืดเเล้วก็เถอะ เรียวอุคเห็นว่าสิ่งที่ตนพูดนั้นไม่ได้เข้าหูเพื่อนของเค้าเลย เค้าจึงใช้นิ้วชี้ที่อยู่ใต้ผ้าห่มจิ้มๆไปที่เอวของคยู ซักพักคยูก็รู้สึกตัวเเล้วหันมาช้าๆ(หนาวมากคอล็อคค่ะ)
“เดี๋ยวมันก็มา
นั่งดูไปก่อน เเผ่นก็อบก็งี้เเหละ ตะ ตะ ตัดตัวอย่างหนังของหนังเเต่ละเรื่องมาให้ดูไง ” คยูตอบด้วยน้ำเสียงที่ดูเชื่อถือได้เเต่ ณ จุดนี้เเล้วเวลาก็ได้ผ่านมาหนึ่งชั้วโมงกับอีกหนึ่งนาที มันนานเกินไปที่ตัวอย่างหนังจะนานขนาดนี้ เเล้วมีที่ไหนเอาเเต่ฉากอย่างนั้นมาให้ดู
“หระ หรอ มันจะมาจริงๆนะ ถ้ามันไม่มาจริงๆชั้นต้องหลอนไปทั้งคืนเเน่” เรียวอุคที่กลัวจนปากสั่นไม่อยากจะเถียงต่อ ถึงจะรู้ว่ามันมีเเต่ฉากน่ากลัวอย่างว่าตลอดจนจบเเผ่นก็เถอะ เเต่ต้องทนนั่งดูนั่งหลอนก็เพราะสงสารคยูที่อุส่าร์ไปซื้อเเผ่นมาให้ดู
“นะ นายก็ทำเป็นกลัวไปได้ เเค่คนเเต่งตัว ตะเเต่งหน้าเท่านั้นเอง” คยูที่พยามอย่างมากเพื่อไม่ให้เพื่อนของตัวเองกลัว จึงอธิบายไปอย่างติดๆขัดๆเกี่ยวกับเบื้องหลัง เเต่มันก็ดูไม่ได้ช่วยอะไรเลย
“คนที่กลัวยิ่งกว่าคือนายไม่ใช่รึไง
จับไหล่ชั้นซะเเน่เลย” ร่างเล็กที่มองหน้าชายร่างสูงพูดด้วยสีหน้าเรียบๆก่อนที่จะหันกลับไปเพราะเริ่มเมื่อยคอ ในใจคิดมาบอกคนอื่นเค้าไม่ให้หลัวเเต่ตัวเองนั้นกลัวจนไม่กล้าเเม้เเต่จะปล่อยมือในเวลาที่ไม่มีฉากอย่างนั้น
“ก็กลัวนายจะกลัวไง อ๊าาาาากกกกกกมันมาอีกเเล้ววววววววว” ยังพูดไม่ทันจบเวลาเจ็ดนาทีที่หนังเเผ่นนี้ให้มาฉากสยองเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้โผล่มาในบ้านเเบบอังกฤษเด็กสาวน่ารักโผล่มาในฉากเเรกเเละถูกตัดอย่างรวดเร็วไปที่ห้องนอนของเธอ ร่างกายของเธอเต็มไปด้วยเลือดที่ถูกซัดสาดในถือข้างซ้ายถามมีดผ่าตัดส่วนอีกมือหนึ่งเธอได้ถือลูกตาที่มีนัยตาสีเขียวมรกต วอลเปเปอร์สีขุ่นถูกฉีกขาดอย่างไม่เหลือสภาพเเละผยให้เห็นอิฐเเดงที่มีช็อคเขียนคำหยาบคายดูหมิ่นศาสนา เเละเชื่อในซาตาน จากนั้นกล้องค่อยเข้าใกล้ไปที่ข้างเตียง มีหญิงสาวที่คาดว่าเป็นเเม่บ้านสิ้นใจอย่างน่าสงสาร
ไม่ต้องให้บรรยายสภาพของเธอทุกคนก็น่าจะเดาได้ เจ้าของดวงตาสีเขียวนั้นคือเธอร่างกายเต็มไปด้วยรอยกรีด เเละคำต่างๆมาจากมีดหมอที่คมกริบ ใบหน้าของเด็กหญิงในตอนเเรกเปลี่ยนไปกลายเป็นอีกเเบบ เเววตาดุร้ายเหมือนปีศาจรอบดวงตาสีขาวเริ่มกลายเป็นสีเเดงสดจากนั้นเลือดก็ค่อยๆหยดหยาดไหลออกมา ผิวของเธอซีดจนเกือบจะเห็นอวัยวะภายใน ปากของเธอขยับเหมือนพูดอะไรบางอย่าง อยู่ดีเธอก็ใช้มือเปล่าควักลูกตาของเธอออกมาอย่างเเรงจนเส้นเลือดเส้นเอ็นกระเด็นติดออกมาด้วยเเละใส่ดวงตาสีเขียวเข้าไปเเทนเเล้วกระโดดจากมุมห้องที่เธออยู่พร้อมกับเเผดเสียงเเสบเเก้วหูมายังกล้อง ตอนนี้ร่างกายของเธอได้กลายเป็นที่สิงสู่ของวิญญาณร้ายไปเเล้ว ในตอนนี้เเหละที่ทำให้คยูถึงกับร้องเเหกปากออกมา
“นายทำชั้นตกใจ!!! กลัวก็บอกว่ากลัวซินายน่ะ ทนฝืนดูเพื่ออะไรมันเสียสุขภาพจิตนะ” เรียวอุคที่ไม่ได้ดูฉากนั้นเพราะกำลังขยี้ตาอยู่ ต้องตกใจกับเสียงคนข้างๆที่ร้องอย่างดัง จึงหันไปพูดเพื่อพยามชักจูงร่างสูงให้ไปนอน ถึงจะดูต่อไปเรียวอุคก็คงไม่รู้สึกอะไรมากนักเพราะตอนนี้เค้าง่วงมากกกก
“มะ ไม่เป็นไรยังไงชั้ันก็เชื่อว่าเดี๋ยวหนังตลกมันต้องมา” ร่างสูงกอดอุคเเละผ้าห่มเเน่นเเละยังมีความมุ่งมั่นที่ว่าหนังตลกมันต้องมาถึงเเม้เวลาที่เเผ่นจะเล่นมีเหลือไม่ถึงครี่งชม.ก็ตาม
“ตามใจนายละกัน
.”พูดจบก็ได้ซบไหล่ร่างสูงอย่างเนียนๆเพื่อที่จะไม่ให้ร่างสูงรู้ตัว
จากหนังก็ค่อยๆฉากไปเรื่อยๆถ่วงเวลาช้าๆด้วยบรรยากาศหลอนๆของหนังเเต่ละเรื่อง กับซาวด์เสียงที่ถูกสรรค์สร้างมาเพื่อหนังผีโดยเฉพาะ เรียวอุคได้ตื่นขึ้นมาส่วนคยูก็นั่งนิ่งเป็นหินเหมือนจะช็อคไปเเล้ว เเละเมื่อเรียวอุคหันไปมองที่ที่วีฉากจบของหนังเรื่องโปรเเกรมหน้าได้ปรากฎอยู่ตรงหน้าเค้าอย่างปฎิเสธไม่ได้
“อ๊ากกกกก จะไม่ดูอีกเเล้ว เเล้วก็ไม่ได้อยากเห็นเธอตายด้วย!!! อย่าเข้ามาใกล้นะเว้ย!!!!”
ทั้งสองคนกอดกันเเน่นเเล้วหลับตาลงพร้อมกับตะโกนออกมาอย่างไม่มีสติทันใดนั้นทีวีก็ได้ดับลงทั้งสองมองหน้ากันเเล้วปิดทุกอย่างเเล้วรีบวิ่งขึ้นข้างบน ส่วนของต่างๆก็ว่างไว้ที่เดิมเดี๋ยวค่อยเก็บพรุ่งนี้ ทั้งสองเเยกกันตรงทางเดินเข้าไปในห้องของตัวเอง
“จะ จะ จะตกเเล้ว ช่วยด้วยยยยย อะไรกันเเค่ฝันหรอเนี่ย ตกใจเเทบตาย” ร่างกายร้อนรุ่มเหงื่อเปียกโชกชายร่างเล็กฝันร้ายเหมือนกำลังจะตกจากที่สูงจึงทำให้เค้าสะดุ้งตื่นขึ้นมา
“
.เเต่ทำไมชั้นถึงตัวลีบติดฝาบ้านได้ขนาดนี้หล่ะเนี่ย” เมื่อตั้งสติเรียวอุคก็ได้รู้ว่าตัวเองนอนติดชิดผนังจนตัวชาไปข้างหนึ่ง เเต่ก็ไม่ได้อะไรเเล้วพยามกระเถิบร่างกายเล็กไปที่กลางเตียงเเต่ก็ไม่สามารถเขยิบได้ คิดในใจใครนอนอยู่ข้างๆเค้าเพราะคยูก็ได้นอนอยู่ที่ห้องเเล้วอย่างคยูคงไม่กล้าเดินออกมาคนเดียวหรอก เค้าจึงหยุดนิ่งซักพักก็ได้มีเสียงพูดกับเค้า
“ห๊ะ เรียวอุคนายไปเล่นอะไรที่กำเเพงน่ะ รีบๆนอนเร็ว” คยูที่นอนกินที่มาเกินครึ่งเตียงพูดขึ้นในขณะที่มองไปที่เรียวอุคอย่างงงๆ
“อืมๆ
ว่าเเต่นายมานอนบนเตียงชั้นทำไมไม่ทราบ!!” ร่างเล็กเอออออย่างไม่ได้คิดอะไร จนหัวใกล้จะถึงหมอนจึงนึกได้ว่าคยู มัน มา เเย่งที่นอนนี่หน่าจึงเปิดโคมไฟหัวเตียงดู
“ไม่กล้านอนคนเดียวครับ ยิ่งตอนมีฉากผีมานอนใต้เตียงนะยิ่งคิดยิ่งกลัว งั้นของนอนด้วยเลยละกัน”คยูลุกขึ้นตอบเรียวอุคอย่างมีเหตุผลเเละทำให้ตัวเองดูน่าสงสาร
“งั้นนายนอนพื้นนะขอล่ะ” ชายร่างเล็กไม่ได้มีปัญหาอย่างใดนอกจากขอเตียงคืนให้ชั้นเถอะ จึงบอกให้คยูลงไปนอนที่พื้นข้างๆเตียง
“ไม่เอา!!!!!!! เตียงนายมันเห็นใต้เตียง ถ้าเกินชั้นหันมาเเล้วเจอจะทำยังไง” ร่างสูงนึกเเล้วหลอนขึ้นมาจนต้องดึงผ้าห่มขึ้นมากอด
“จะไปรู้มั้ยเนี่ย!!! จะยังไงก็เถอะ
ชั้นต้อง...เเล้วนายอะไรจะอะไรนักหนา” ถึงจะเป็นอย่างนั้นใครจะไปรู้ว่าต้องทำยังไง เค้าเลยตัดสินใจจะลงไปนอนที่พื้นเเทนอย่างน้อยก็ไม่ต้องทนเบียดกับคยู เรียวอุคจึงค่อยๆข้ามคยูเเล้วในจังหวะที่จะก้าวขาลงจากเตียงนั้นอยู่ดีๆร่างสูงก็ได้กอดเรียวอุคเอาไว้เเน่นเเล้วเอาหน้าซุกไปที่เอว
“นายจะไปไหน ไม่ให้ไปหรอกนะ”
“เเค่จะข้ามไปนอนที่พื้นเเค่นั้นเอง ปล่อยได้เเล้วกอดชั้นเป็นเด็กๆไปได้” เรียวอุคที่เหนื่อยอ่อนท้อใจกับเพื่อนขี้กลัวคนนี้ เเล้วจึงค่อยๆเเกะเเขนที่เกาะเค้าอยู่นั้นออก
“จะลงไปนอนข้างล่างจริงดิ
นอนด้วยกันก็ได้นิเพื่อนกัน”
“ห๊ะ นายบ้าไปเเล้วให้ผู้ชายสองคนนอนบนเตียงเเคบๆด้วยกัน ไม่อ่ะขนลุก”
“
งั้นก็ไม่ปล่อย ไม่ยอมให้ลงไปนอนข้างล่างหรอก”
คยูที่ไม่อยากนอนคนเดียวบนเตียงได้จับอุคนอนบนเตียงฝั่งด้านนอกพร้อมห่มผ้าให้เรียบร้อย คิดว่าจะจบเเค่นั้นเเต่ไม่ เค้าได้กอดร่างเล็กจากด้านหลังจากนั้นก็ลากเข้ามาชิดตัวเองเเล้วนอนอยู่อย่างนั้น ถึงเเม้ว่าร่างเล็กจะดิ้นไปดิ้นมาเหมือนลูกหมาโวยวายอยู่ซักพักก็เถอะ
“เฮ้ย อะไร พอน่ามันน่าขนลุก”
“เอาน่าชั้นไม่ทำอะไรนายหรอก ขอเเค่คืนนี้เพราะชั้นกลัวจริงๆ อย่าไปไหนเลย
.”
ถึงจะอึดอัดไปหน่อยเเต่เพราะเห็นคยูเป็นเพื่อนเลยไม่ได้คิดอะไร เเต่เเค่ขนลุกไม่ใช่เล่นที่อยู่ดีๆก็โดนกอดจากข้างหลังโดยเพศเดียวกัน
“ปิดไฟเเล้วนะ” คยูพูดเเล้วเอื้อมมือไปปิดโคมไปเเล้วนอนต่อจนถึงเช้าอย่างไม่มีอะไรมากวนใจ เเละใบหน้าของเค้าดูสบายใจขึ้นทันที
“คิบอม”ในขณะที่ร่างเล็กนั่งทำงานอยู่ในห้องก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
“มีอะไร”เมื่อจำได้ว่าเป็นเสียงของใครก็เงยหน้าจากเอกสารกองมากมายขึ้นมาถาม
“เราไปประเทศไทยกัน”เมื่อเอาตัวโผล่เข้ามาในห้องแล้ว ก็นั่งลงที่เก้าอี้ที่มีไว้สำหรับให้ผู้ป่วยนั่ง
“ไปทำไม”
“ชั้นได้ตั๋วเครื่องบินฟรีมา2ใบ ไปด้วยกันนะ”แล้วดึงตั๋วเครื่องบินสองใบที่ได้มาจากลูกหนี้ขึ้นมาวางเอาไว้บนโต๊ะ
“ไม่เอาอะ งานเยอะขนาดนี้”ส่ายหน้าปฏิเสธแล้วชี้ให้ซีวอนก้มลงมามองเอกสารที่โต๊ะ
“ก็เดี๋ยวกลับมาทำก็ได้”เพราะว่าเมื่ออ่านเอกสารดูคร่าวๆ ก็ไม่ได้มีสำคัญมาก ซีวอนก็เลยพูดออกไปแบบนั้น
“นายก็รู้ชั้นไม่ชอบที่ๆอากาศร้อน”เมื่อเริ่มหมดหนทางจะแก้ตัว ก็เลยอ้างส่งๆไปก่อน
“มันไม่ร้อนหรอกตอนนี้อากาศกำลังสบายๆ”แต่ก็ถือว่าเป็นโชคร้ายของคิบอมเพราะอากาศของประเทศไทยตอนนี้กำลังเย็นสบาย ไม่ร้อนมาก
“แต่ชั้นต้องทำงาน”คิบอมยกเรื่องงานขึ้นมาเพื่ออ้างอีกที แต่ซีวอนที่ยิ้มอย่างรู้ทันก็ได้พูดประโยคนึงออกมา
“ชั้นว่าอยู่แล้วว่านายต้องไม่ไป ชั้นเลยให้พ่อกับแม่ของนายโทรลางานให้แล้ว”หลังจากที่ได้ตั๋วมาซีวอนก็คิดไว้แล้วว่ายังไงคิบอมก็คงจะไม่ยอมไป ก็เลยบอกเยซองกับซองมิน จากนั้นทั้ง2ก็เลยช่วยเตรียมการทุกอย่างให้กับคิบอมทั้งจัดกระเป๋าทั้งโทรลางาน
“ยังงี้ยังจะไม่ยอมไปอีกหรอ”
“เฮ้อ ไปก็ได้ ออกไปจากห้องชั้นได้แล้วต้องทำงานต่อ”ถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจหนึ่งที ก่อนที่จะโบกมือไล่ให้ซีวอนรีบออกไปเร็วๆ
“เอาเป็นว่าเดี๋ยวตอนเย็นมารับนะ”
“อื้ม”
พอถึงตอนเย็นซีวอนก็รีบมารับตามสัญญา ที่ท้ายรถก็มีทั้งกระเป๋าเสื้อผ้าของตัวเองและคิบอมวางอยู่แล้ว
“ไปวันนี้เลยหรอ”เมื่อขึ้นรถมาแล้วหันไปเห็นกระเป๋าบวกกับซีวอนที่แต่งตัวสบายๆไม่เหมือนกับตอนออกไปทำงานเมื่อเช้า
“ก็ใช่น่ะสิ ชั้นยังไม่ได้บอกนายหรอกหรอ”ซีวอนหันมาถามพร้อมกับทำสีหน้างงๆส่งมาให้
“ยัง ชั้นก็นึกว่าจะไปพรุ่งนี้จะได้มีเวลาเตรียมของก่อน”ทำไมไม่บอกกันก่อนนะจะได้กลับไปเตรียมของ ถึงพ่อกับแม่จะเตรียมให้แล้วก็เถอะแต่มันก็ไม่น่าไว้วางใจอยู่ดี
“ไม่ต้องห่วงเรื่องของหรอกน่า พ่อกับแม่นายเตรียมมาให้หมดแล้วไง”
“อือ”ตอบรับเพียงแค่นั่นก่อนที่จะนั่งท้าวคางแล้วหันหน้าออกไปข้างนอกรถ โดยไม่ได้พูดอะไรกันอีก
จนเมื่อถึงสนามบินทั้งสองก็ตรงเข้าไปขึ้นเครื่องทันทีเนื่องจากก็ใกล้จะถึงเวลาที่เครื่องออกแล้ว ทั้งสองเดินตรงมาที่ ที่นั่งของตัวเอง ซีวอนเดินเข้ามาก่อนแต่ก็รู้ว่าคิบอมชอบนั่งริมหน้าต่างก็เลยหลบเพื่อให้คิบอมได้เดินเข้าไปนั่งข้างในแล้วตัวเองก็นั่งที่เบาะด้านนอก
พอเครื่องบินออกคนขี้เซาอย่างคิบอมก็หลับผับลงไปทันที ซีวอนที่กำลังฟังเพลงอย่างสบายอารมณ์อยู่นั้นก็หันมาเห็นเลยเอาผ้าห่มผืนเล็กๆมาห่มให้ พร้อมกับเอาผ้าพันคอสีฟ้าอ่อนที่คิบอมเคยถักให้เป็นของขวัญวันเกิดมาพันคอของร่างเล็กไว้ เพราะคิบอมนั้นเป็นคนที่ค่อนข้างจะเป็นหวัดง่าย เลยต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี
“ใส่ไว้ด้วยหรอเนี่ย”ก่อนที่ซีวอนจะพันผ้าพันคอให้ก็พบกับจี้ที่ตัวเองให้กับคิบอมไปเมื่อวาน ปากบอกว่าจะถอดแต่จริงๆแล้วก็ใส่มันไว้ตลอดนั่นแหละ คิมคิบอม
“อื้อ~~”เมื่อเครื่องบินมาถึงประเทศไทย ซีวอนก็ปลุกคิบอม ร่างเล็กบิดตัวอยู่สองสามทีก่อนที่จะพับผ้าห่มเก็บให้เรียบร้อยแล้วส่งคืนให้ซีวอน ก่อนที่จะดึงผ้าพันคอออก
“นายยังเก็บมันไว้อีกหรอ”เมื่อดึงผ้าพันคอออกมาก็พบว่า ผ้าพันคออันนี้ตัวเองเป็นคนถักให้ซีวอนเมื่อนานมาแล้ว แต่ซีวอนก็ยังคงเก็บมันไว้ในสภาพที่ยังดูสะอาดและใหม่อยู่
“ของที่นายให้ทุกชิ้น ชั้นก็เก็บไว้หมดนั้นแหละ”ตอบก่อนที่จะยัดเอาผ้าห่มและผ้าพันคอเก็บใส่กระเป๋าไป
‘นั่งเอ๋ออยู่นั่นแหละ ลงไปได้แล้ว”ซีวอนที่สะพายกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว หันมาเรียกคิบอมนั่งนิ่งที่อ้าปากกินแมลงวันเข้าไปนับล้านตัว
ทั้งสองออกจากสนามบินและตรงไปพักที่โรงแรมที่อยู่ใกล้ที่สุด เพื่อเตรียมที่จะออกเดินทางในวันพรุ่งนี้
“ทางโรงแรมเหลือห้องอยู่เพียงห้องเดียวนะคะ”เมื่อทั้งสองมาถึงโรงแรม ก็เดินตรงมาที่เคาท์เตอร์เพื่อที่จะเปิดห้องสองห้อง แต่พนักงานกลับบอกว่าเหลือเพียงแค่ห้องเดียว
“งั้นเราพักห้องเดียวกันก็ได้มั้ง”หันมาปรึกษากันเองว่าจะเอายังไงต่อไปดี
“ไม่เอาอะ อยู่กับนายไม่น่าไว้วางใจ ไปหาโรงแรมอื่นกันเถอะ”คิบอมคิดได้ว่าอยู่กับซีวอนก็คงจะไม่ดีแน่ๆ
“ไม่เอาหรอกมันดึกมากแล้วนะ”แต่ซีวอนกลับไม่เห็นด้วย มันดึกมากแล้วถ้าจะไปหาโรงแรมที่อื่นอีกก็คงไม่ต้องนอนกันพอดี
“งั้นนายก็นอนที่นี่ไป ชั้นจะไปนอนที่อื่น”คิบอมที่ยังคงเอาแต่ใจไม่เคยเปลี่ยนก็ยังคงเอาแต่ใจตัวเอง และก็หวังว่าซีวอนก็คงจะง้อและตามใจเหมือนอย่างทุกที
“งั้นก็ตามใจ ไม่เคยมาที่นี่แล้วจะไปไหนเป็นหรอ”แต่ผิดคาดซีวอนกลับไม่คิดจะง้อ เดินไปหยิบกุญแจแล้วเดินตรงขึ้นห้องไปปล่อยให้คิบอมยืนงงอยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง
“ซีวอนกลับมาก่อน”เมื่อตั้งสติได้ก็รีบวิ่งตามไปทันที จนถึงหน้าห้องพักที่ปิดประตูอย่างเงียบสงบ จนร่างเล็กต้องเคาะประตูไปสองสามที
“ไม่ไปหาโรงแรมอื่นแล้วหรอ”ซีวอนที่เปลือยท่อนบนโผล่หน้าออกมาถามคิบอมที่ยืนงงๆอยู่ที่หน้าห้อง แล้วเปิดประตูออกให้คิบอมเข้าไปด้านใน
“ไม่เอาแล้ว อยู่ที่นี่กับนายก็ได้”เดินเข้ามาในห้องแล้วทิ้งตัวลงกับเตียงอย่างแรง
“งั้นก็ไปอาบน้ำซะ”ชี้สั่งคิบอมที่ผงกหัวขึ้นมามองตามนิ้วของซีวอนที่ชี้ไปที่ห้องน้ำ
“ครับผม”รับฟังคำสั่งอย่างว่าง่าย วันนี้ซีวอนคงเหนื่อยละมั้งก็เลยดูดุๆแบบนี้
คิบอมอาบน้ำไปร้องเพลงไปอย่างสบายใจ แถมยังใช้เวลาในการอาบน้ำนานมาก เพราะทั้งอาบน้ำแล้วก็สระผมด้วย เมื่ออาบน้ำเสร็จก็เปิดกระเป๋าเสื้อผ้าเพื่อที่จะหาชุดนอนมาใส่ แต่หาเท่าไหร่ๆก็ดูเหมือนว่าจะมีแต่ชุดนอนกระโปรงที่ใส่นอนประจำตอนอยู่ที่บ้าน
“พ่อกับแม่ทำไมไม่เอาชุดนอนธรรมดาๆมานะ”บ่นออกไปแต่ก็ต้องยอมใส่ เพราะชุดที่เหลือก็มีแต่ชุดที่นอนแล้วไม่สบายตัว
“ซีวอน ไปอาบน้ำต่อได้แล้ว”เมื่อเดินออกมาเห็นซีวอนที่นอนดูทีวีกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียง
“ชุดนอนนายหรอนั่น”เมื่อซีวอนหันไปตามเสียงเรียกก็พบกับร่างเล็กๆที่ใส่ชุดนอนกระโปรงสีฟ้าลายการ์ตูนที่สั้นขึ้นมาจากหัวเข่าเล็กน้อย
“อย่าล้อสิ”เดินมานั่งลงบนเตียงข้างๆกันกับซีวอนพร้อมกับเอาผ้าผืนเล็กขึ้นมาเช็ดผม
“ไม่ได้ล้อสักหน่อยน่ารักดีออก”เมื่อคิบอมนั่งลงไปไม่ทันไร ซีวอนก็ยกตัวของคิบอมขึ้นมานั่งบนตัก แล้วก็เอามือโอบเอวเล็กไว้หลวมๆ
“นายน่ะไปอาบน้ำได้แล้ว”คิบอมก็ไม่ได้ว่าอะไรที่ซีวอนทำแบบนั้น เพียงแค่ไล่ให้ไปอาบน้ำเท่านั้น เพราะวันนี้คิบอมก็ดื้อมาทั้งวันซีวอนก็คงจะเหนื่อยแล้วคิบอมก็เลยไม่คิดที่จะดื้ออีก
“ยังไม่อยากอาบอะ ชั้นเช็ดผมให้”ดึงผ้าเช็ดผมผืนเล็กออกมาจากมือเล็กแล้วค่อยๆเช็ดผมให้อย่างเบามือ
“สบายจัง”คิบอมเอนหัวซบลงกับไหล่ของซีวอน ในขณะที่ซีวอนก็ยังคงเช็ดผมไปเรื่อยๆ จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจที่เข้าออกอย่างสม่ำเสมอเป็นสัญญานบ่งบอกว่าหลับไปแล้ว ซีวอนก็เลยอุ้มคิบอมไปวางไว้บนเตียงพร้อมกับห่มผ้าให้เรียบร้อย
จากนั้นซีวอนก็เข้าไปอาบน้ำบ้าง ใช้เวลาเพียงไม่นานก็อาบเสร็จใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วก็เปิดผ้าห่มขึ้นแล้วสอดตัวเข้าไปด้านใน พร้อมกับเอาแขนไปกอดคนตัวเล็กไว้แล้วดึงเข้ามาใกล้เพื่อมอบความอบอุ่นให้กันและกัน เพียงไม่นานซีวอนก็หลับตามไป
.
ความคิดเห็น