ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    RECOGNIZE.. [KYURYEO WONBUM]

    ลำดับตอนที่ #11 : chapter10 "ร้านอาหาร"

    • อัปเดตล่าสุด 23 ม.ค. 55


     .




    ไม่นานนักรถคันสีดำที่เคลื่อนออกมาจากโรงพยาบาลก็มาจอดนิ่งสนิทอยู่ที่ร้านอาหารเล็กๆริมทะเลแห่งหนึ่ง

     

     

    บรรยากาศรอบๆร้านถูกปกคลุมด้วยต้นไม้ พร้อมกับลมทะเลเอื่อยๆที่พัดเข้ามาปะทะกับหน้า ชวนให้รู้สึกสดชื่นได้เป็นอย่างดี

     

     

    ที่นี่มัน…...เมื่อเปิดประตูลงมาจากรถ คิบอมก้เห็นร้านที่เมื่อก่อนนั้มาเป็นประจำจนคุ้นเคยกับเจ้าของร้านเป้นอย่างดี ร้านนี้ยังเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยจริงๆ ทั้งบรรยากาศและร้านที่ยังตกแต่งได้น่ารักเข้ากับบรรยากาศขอทะเลได้เป็นอย่างดี

     

     

    เราเข้าไปข้างในกันเถอะซีวอนที่ลงมายืนข้างๆคิบอมเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ พูดพร้อมกับกุมมือของคิบอมแน่นแล้วลากเข้าไปด้วยกัน

     

     

    อืมตอบรับก่อนที่จะเดินตามไป คิดถึงที่นี่มากจริงๆไม่คิดเลยว่าซีวอนก็ยังคงจำร้านนี้ ร้านที่เป็นจุดเริ่มต้นของเราได้อยู่

     

     

    ทั้งสองเดินเข้ามาในร้านที่อัดแน่นไปด้วยผู้คน ซีวอนเดินลัดเลาะไปตามระเบียงไม้ที่ยื่นออกมาให้มองเห็นน้ำทะเล ที่ทางร้านเพิ่งจะต่อเติมเข้ามาก่อนที่คิบอมจะไปได้เพียงไม่กี่เดือน แล้วทั้งคิบอมและซีวอนเองก็ชอบมานั่งที่มุมแถวๆนี้เป็นประจำ ซีวอนเดินจูงมือคิบอมเดินลัดเลาะฝ่าผู้คนไปอย่างชำนาญ จนมาถึงโต๊ะที่ทั้งสองใช้นั่งเป็นประจำ

     

     

    โต๊ะตัวนี้คิบอมเอ่ยขึ้นพลางเอามือไปลูบที่โต๊ะนั้นเบาๆ โต๊ะยังเหมือนกับเก้าปีก่อนไม่มีผิด ไม่มีร่องรอยใดๆ อยู่สภาพไหนก็ยังคงอยู่ในสภาพนั้น

     

     

    ตั้งแต่นายไป ชั้นก็ขอซื้อพื้นที่ตรงนี้ แล้วก็มานั่งอยู่ตรงนี้เพื่อนึกถึงนายทุกๆวันเลื่อนเก้าอี้ออกให้คิบอมนั่งลง พร้อมกับอ้อมไปอีกฝั่งแล้วนั่งลงเช่นกัน

     

     

    โต๊ะนี้ตั้งแต่นายไป ก็ไม่เคยมีใครมานั่งเลยนะ ยกเว้นชั้น

     

     

    “……...คิบอมไม่ตอบอะไร ทิ้งไว้แค่ความว่างเปล่าก็เท่านั้น

     

     

     

    เลิกพูดเถอะ กินข้าวกันซีวอนที่เห็นคิบอมเงียบไปเลยเลือกที่จะเปลี่ยนเรื่อง หันไปเรียกพนักงานมาแล้วคุยอะไรกันอยู่สักพักนึง ก็มีอาหารที่คิบอมทานประจำเมื่อมาร้านนี้ แถมยังมีเทียนสองเล่มใหญ่ปักอยู่กลางโต๊ะช่วยสร้างบรรยากาศได้เป็นอย่างดี

     

     

    อะไรกันเนี่ยเมื่อเห็นสิ่งที่ซีวอนทำให้ ก็ถึงกับตกใจจนพูดไม่ออก เก้าปีที่ผ่านมานายไม่เคยลืมชั้นเลยงั้นหรอ……

     

     

    ก็เซอร์ไพรส์นายไงยิ้มให้พร้อมกับดึงกล่องกำมะหยี่สีแดงที่ข้างในมีจี้รูปหัวใจที่ทำจากทองคำขาวอันเล็กๆ ที่ซีวอนตั้งใจว่าจะให้ตั้งนานแล้ว แต่ก็ไม่มีโอกาสให้สักที

     

     

    ชั้นใส่ให้นะซีวอนลุกออกจากโต๊ะฝั่งของตนเองเดินอ้อมมาอยู่ที่ด้านหลังของคิบอมก่อนที่จะค่อยๆหยิบสร้อยออกจากกล่อง แล้วสวมให้คิบอมอย่างแผ่วเบา

     

     

    กลับไปนั่งที่ได้แล้วใส่สร้อยอย่างเดียวไม่พอยังเอามือลูบไล้ไปตามซอกคอขาวๆของคิบอมอีกด้วย ทำให้คิบอมต้องออกปากไล่ เพราะอายคนทั้งร้าน

     

     

    นายใส่ไว้แล้วอย่าถอดมันออกนะกลับมานั่งประจำที่ตัวเองแล้ว ก็หยิบน้ำขึ้นมาดื่มพร้อมกับจ้องมองไปที่จี้ที่ห้อยอยู่ที่คอของคิบอม

     

     

    นายมีสิทธิ์อะไรละเมื่อห้ามอย่างงั้นคิบอมที่เหมือนจะยิ่งรั้น ก็ทำท่าจะถอดออก ซีวอนเห็นอย่างนั้นเลยรีบเอามือไปห้ามการกระทำนั้นไว้

     

     

    สิทธิ์ที่ชั้นเป็นแฟนนายไงถึงตอนแรกคิบอมจะดิ้นหน่อยๆ เพื่อให้หลุดจากการที่ซีวอนจับเอาไว้ แต่ตอนนี้ก็ไม่ได้ดิ้นแล้ว แต่ซีวอนก็ยังไม่ยอมปล่อยมือออก

     

     

    เป็นตอนไหนกันสะบัดมืออีกครั้งจนตอนนี้ ข้อมือเล็กๆหลุดมาอย่างอิสระ

     

     

    ก็ตั้งแต่นายตกลงให้ชั้นไปรับ ชั้นก็ถือว่านายเป็นแฟนชั้นแล้ว แล้วก็ยอมใส่สร้อยชั้นแล้ว เราเป็นแฟนกันแล้วตอบกลับไปพร้อมกับทำสายตาประมาณว่า นายตกลงกับชั้นแล้วนะ คงจะปฏิเสธไม่ได้แล้วหละ

     

     

    คนอย่างนายนี่มัน…….. กินข้าวกันเหอะยิ่งพูด ยิ่งอยากจะกระโดดเตะนายจริงๆคิบอมที่เหนื่อยใจจะเถียง บวกกับอาหารที่ล่อตาล่อใจ เลยทำให้สงครามครั้งนี้สงบลงไปได้ ก่อนที่จะหยิบช้อนขึ้นมาตักเอาๆอย่างหิวโหย

     

     

    ค่อยๆกินก็ได้ เลอะหมดแล้วหยิบผ้าเช็ดปากสีขาวขนาดเล็กมาเช็ดคราบซอสที่เปื้อนอยู่ที่มุมปากของคิบอมออกให้

     

     

    ก็คนมันหิวนี่น่า แถมอาหารยังอร่อยมากๆด้วยเลื่อนมือขึ้นมาจับมือของซีวอนที่เช็ดปากให้หลุดออดไปก่อนที่จะลงมือกินตออย่างไม่สนใจใคร

     

     

    ชั้นก็ไม่เห็นว่าวันนี้นายจะหิวอะไร คนไข้ก็ไม่มี แถมตอนกลางวันยังอู้ไปร้านกาแฟอีกซีวอนเลยหยุดกินแล้วท้าวคางมองคิบอมที่กินอย่างมีความสุข พร้อมกับบ่นออกมาว่าคิบอมก็ไม่น่าจะหิวอะไร แต่ก็กินซะเยอะแยะ

     

     

    นายรู้ได้ยังไงเรื่องที่ซีวอนพูดออกมา ทำให้ถึงกับวางช้อนเช็ดปากแล้วเงยหน้าขึ้นมาถามด้วยสีหน้าจริงจัง

     

     

    เรื่องของนายชั้นก็รู้ทุกเรื่องนั่นแหละยิ้มอย่างมีเลศนัย ก่อนที่หยิบช้อนขึ้นแล้วตักกับข้าวอีกจำนวนมากยัดใส่ลงไปในจานของคิบอม

     

     

    จากนั้นทั้งสองคนก็กินข้าวกับไปหยอกล้อกันไปอย่างสนุกสนาน จนคนทั้งร้านที่นั่งอยู่แล้วและเข้ามาใหม่ต้องหันมาสนใจคู่รักคู่นี้ ซีวอนก็หมั่นตักอาหารให้คิบอมเพราะอยากจะเอาใจ แต่คิบอมที่เอาแต่ใจพอเจอผักอะไรที่ตัวเองไม่กินก็ตักใส่จานของซีวอน บอกให้ซีวอนนั้นกินแทน ทำให้ซีวอนถึงกับต้องยิ้มออกมาเพราะว่า การกระทำแบบนี้เหมือนตอนเมื่อเก้าปีที่แล้วไม่มีผิด

     

     

    ทานของหวานมั้ยซีวอนถามขึ้นหลังจากที่เห็นคิบอมรวบช้อนเข้าหากัน ยกน้ำขึ้นดื่มพร้อมกับเอาผ้าเช็ดปากจนเรียบร้อย

     

     

    นายก็น่าจะรู้วางผ้าเช็ดปากลง พร้อมกับตอบคำตอบที่ไม่ตรงกับคำถามสักเท่าไหร่ แต่ที่ตอบแบบนี้ก็เพราะอยากรู้ว่าซีวอนนั้นจะจำได้จริงๆมั้ย

     

     

    งั้นก็ไปกัน เร็วจากที่ได้ฟังคำตอบแบบนั้นซีวอนก็รีบเรียกพนักงานมาเก็บเงิน พร้อมกับลุกออกจากโต๊ะแล้วเรียกคิบอมให้เดินตามมา

     

     

    จะไปไหนเนี่ยเมื่อหลุดออกมาจากตัวร้าน คิบอมก็ถามขึ้นทันที

     

     

    ก็ไปร้านขายเครปที่นายชอบไง ถูกรึเปล่าละ ของหวานที่นายกินเป็นประจำน่ะ

     

     

    ทั้งสองจอดรถทิ้งไว้ที่ร้านอาหารแล้วเดินเอื่อยๆไปตามชายหาดที่ทอดยาวไปไกลสุดลูกหูลูกตา ร้านเครปอยู่ห่างจากที่นี่ประมาณหนึ่งกิโล แต่ใช้เวลาไม่นานทั้งสองก็เดินไปถึงร้านเครปอย่างที่ใจหวัง

     

     

    ป้าครับขอเครปสองอันครับเมื่อไปถึงร้านก็ไม่รอช้า รีบสั่งเครปทันที

     

     

    เมื่อเครปร้อนๆถูกยัดใส่มือ คิบอมก็เดินอมยิ้มอย่างมีความสุขไปนั่งลงตรงโขดหินที่อยู่ใกล้ๆกับร้าน ปล่อยให้ลมทะเลพัดเข้าหน้าอย่างสบายใจ

     

     

    กลับกันเลยมั้ยเดินมาพร้อมกับเครปอีกอันในมือ แต่ไม่ได้ซื้อมากินเองหรอกนะ ซื้อมาให้เจ้าตัวยุ่งตะหาก เดี๋ยวเกิดไม่พอกินจะเป็นเรื่อง

     

     

    เดินไม่ไหวแล้วอ่า~~~”คนที่เมื่อกี้นั่งกินเครปอย่างอารมณ์ดีมีความสุข หันมาทำหน้าโอญควรญขอความช่วยเหลือทำท่าเป็นเดินไม่ไหว

     

     

    แล้วจะให้ทำยังไงซีวอนที่นั่งลงตรงหน้าอย่างหนักใจ เอ่ยถามคิบอมที่ยังอ้าปากงับเครปอย่างไม่หยุดหย่อน

     

     

    ขี่หลังหน่อยซิ น้าเมื่อเห็นซีวอนนั่งลงก็นึกอะรดีๆออก ขี่หลังไปดีกว่าไม่ต้องเดิน แถมลมข้างบนยังเย็นสบายอีกด้วย

     

     

    ได้เลยครับเมื่อเห็นคิบอมขอร้องอย่างงั้น ก็คงจะปฏิเสธไม่ได้ ขืนปฏิเสธไปก็โดนโวยวายทีหลังอยู่ดี

     

     

    วันนี้รักซีวอนจังเลยเมื่อซีวอนหันหลังให้แล้วตัวเองขึ้นมานั่งเรียบร้อยแล้ว ก็ร้องออกมาอย่างอารมณ์ดี

     

     

    เครปหมดแล้วอะ อันนั้นไม่กินขอได้มั้ยพอเดินมาได้เกือบครึ่งทางเครปก็หมดลงแต่พอเหลือบไปเห็นของซีวอนเท่านั่นแหละ ก็เอ่ยปากร้องขอออกมาทันที

     

     

    ก็กะแล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ อันนี้ก็ซื้อมาให้บอมนั้นแหละส่งเครปอีกอันนึงให้ ก่อนที่จะเดินต่อไปโดยที่ไม่ได้พูดอะไรกันอีก

     

     

    คิบอม คิบอมซีวอนส่งเสียงเรียกเมื่อเดินมาถึงรถแล้วไม่มีเสียงตอบรับของคนบนหลัง เลยเลือกที่จะวางร่างเล็กลงบนเบาะ

     

     

    หลับแล้วหรอเนี่ยเมื่อเห็นว่าคิบอมหลับ ก็ปรับเบาะให้นอนได้สบายขึ้นแล้วรีบขับรถกลับไปส่งที่บ้านทันที

     

     

     

     

    พระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้าท้องฟ้าเปลี่ยนสีกลายเป็นสีส้มฟ้า มองผ่านกระจกใสอาหารเริศหรูที่วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะช่างน่ากินไปซะทุกอย่าง เสียงช้อนเงินที่โดนจานกับสองคนที่นั่งคุยกันอย่างสนุกสนาน…

     

     

    “ที่ร้านเป็นไงบ้าง มีลูกค้าบ้างมั้ย”

     

     

    เรียวอุคที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามถาม พร้อมค่อยๆละเมียดหั่นเนื้อเเกะนิวซีเเลนด์อย่างบรรจง เเละคยูก็ได้เงยหน้าขึ้นมาตอบขณะที่กำลังเฉือนทีโทนให้เป็นชิ้นพอดีคำ

     

     

    “วันนี้มีลูกค้าเข้ามาห้าหกคน เเล้วก็มีลูกค้าคนนึงพูดเหมือนนายเลย”

     

     

    “พูดอะไร?” ชายร่างเล็กนึกไม่ออกว่าพูดอะไรไปตอนที่อยู่ที่ร้าน เพราะเค้ามัวเเต่ทำความสะอาดร้านรกๆของร่างสูง

     

     

    “ก็ที่บอกว่าร้านมืดไปไง”

     

     

    คยูพยามรื้อฟื้นความทรงจำเล็กๆน้อยๆให้กับเพื่อนตัวเล็กของเค้า เพื่อที่จะได้มีเรื่องคุยกัน ถ้าไม่อย่างนั้นโต๊ะทานข้าวที่สวยหรูก็จะอยู่ในความเงียบเป็นเวลานาน จนกว่าคนใดคนหนึ่งจะหาเรื่องคุยได้ เมื่อเรียวอุคได้ฟังเเล้วนึกย้อนทีละช่วงๆ เเต่ก็ไม่มีตอนไหนเลยที่เค้าบอกว่าร้านของคยูมืด ซักพักเค้าก็ยนึกได้ว่าจริงๆเเล้วเค้าพูดว่ารกต่างหากไม่ใช่มืด เเต่จริงๆมันก็มืดอ่ะนะถ้าเทียบกับร้านอื่นๆ ด้วยความสงสัยเรียวอุคจึงถามกลับไปเกี่ยวกับลูกค้าคนนั้น

     

     

    “ชั้นบอกว่าร้านนายรกนะ…เเต่ร้านนายมันมืดจริงๆเเล้วลูกค้าคนนั้นเป็นคนยังไงล่ะ”

     

     

    “เค้าบอกว่าเป็นหมอเกี่ยวกับระบบระสาท เพิ่งกลับมาจากโซลอะไรนี่ล่ะ ดูเป็นคนมืดมนหน่อยๆเเต่อีกไม่นานก็คงจะเป็นลูกค้าประจำ” เรื่องราวที่เพิ่งผ่านมาครึ่งวัน เค้านั้นจำได้อย่างดีชายที่สวมรองเท้าหนังเงาวับ กับเสื้อกาวท์พร้อมกับหน้านิ่งๆ สิ่งนั้นทำให้ชายคนนั้นดูมืดมนเล็กน้อย(?) น่าเสียดายที่เค้าไม่มีเวลาที่จะได้ถามชื่อเพราะชายคนนั้นดันวิ่งออกไปก่อน เเต่สิ่งที่ร่างสูงหวังไม่ใช่อะไรนอกจากให้ชายคนนั้นกลายมาเป็นลูกค้าประจำ

     

     

    “นายไปว่าเค้าอย่างนั้นได้ยังไงห๊ะ อยู่ดีๆก็ไปกล่าวหาคนอื่นทั้งที่ไม่รู้จัก จริงๆเค้าอาจจะไม่ได้เป็นคนมืดมนอย่างที่นายเห็นก็ได้นะ” เรียวอุคที่เเกะกุ้งอยู่นั้นได้ใช้ส้อมที่เสียบกุ้ชี้ไปที่หน้าคยู เเล้วทำการสั่งสอนเเบบ(น่ารักมากก~) เเล้วเเก้ต่างให้ชายคนนั้นทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่รู้จักเค้าด้วยซ้ำ

     

     

    “ไม่ว่าก็ไม่ว่า เเต่ปูนี่อร่อยดีนะ” ถึงร่างสูงจะโดนชี้หน้าด้วยกุ้ง เค้าก็ไม่ได้อะไรเเละพยามดูดเนื้อปูอย่างเอร็ดอร่อยต่อ

     

     

    “เฮ้อๆ เเล้วอย่างอื่นไม่อร่อยหรอ…” ในใจชายร่างเล็กที่อยู่ตรงข้ามก็เเอบเซงเล็กน้อยที่มีเพื่อนที่พอได้เจออาหารอร่อยเเล้วจะไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น อยู่ดีๆเค้าก็ได้ถามร่างสูงเกี่ยวกับอาหารอย่างอื่นในวันนี้เพราะตั้งเเต่นั่นกินกันมานานเค้าเพิ่งจะชมปูอย่างเดียวเองเลยทำให้เค้าเเอบน้อยใจ ร่างสูงที่ดูดขาปูเพลินๆเงยหน้าขึ้นเเล้วเห็นตาใสๆมองมาเเบบต้องการคำตอบเเบบสุดๆ

     

     

    “มะ ไม่ใช่ว่าไม่อร่อย เเต่ปูอร่อยที่สุดน่ะอร่อยทุกอย่างหละถ้านายทำ กินต่อเถอะ เดี๋ยวกินเสร็จเเล้วชั้นล้างจานเองวันนี้นายไปพักก่อนนะ” ถึงจะไม่ค่อยเต็มใจอยากจะล้างจานซักเท่าไหร่เเต่เมื่อเห็นดวงตาใสๆของเรียวอุคเเล้วมันทำให้คยูอยาล้างจานเเทนขึ้นมาทันที(มีอย่างนี้ด้วย?)

     

     

    ในคืนนั้นทุกอย่างก็กลับเข้าสู่สภาวะปกติจนถึงเช้าร่างสูงก็ไปทำงาน เรียวอุคก็ทำความสะอาดอยู่บ้าน จนถึงช่วงบ่ายของวันนั้นเองร่างเล็กที่ไม่มีอะไรทำได้โทรเข้าไปที่ร้านของคยู ในตอนนั้นก็เป็นช่วงที่ร้านไม่มีคนพอดี

     

     

    ร่างสูงสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อโทรศัพท์ของเค้าสั่นอย่างรุนเเรงในกระเป๋าผ้ากันเปื้อน เมื่อหยิบมาดูก็เห็นเป็นเบอร์ของที่บ้านจึงรู้ทันทีว่าต้องเป็นเรียวอุค

     

     

    “ทำไมอยู่ดีๆโทรมามีอะไรรึเปล่า”

     

     

    “คยูฝากซื้อหนังมาให้หน่อย” เรียวอุคพูดด้วยเสียงเหนื่อยอ่อนเเละออดอ้อนนิดๆเพื่อที่จะขอร้องให้เพื่อนเพียงคนเดียวของเค้าเช่าหนังมาให้ดู

     

     

    “ชั้นจะกินเเกลบอยู่เเล้ว นายจะให้ชั้นซื้อหนังเพื่อ ทีวีก็มีให้ดูไม่ใช่หรอ…” ซื้อ…มันต้องใช้เงินนะไม่ใช่อยู่ดีๆก็ไปหยิบกลับมา ร้านก็ลูกค้าเล็กน้อยกระจิ๊กริดค่ากาเเฟ2เเก้วหมดไปกับค่าหนังเพียงเรื่องเดียวยังไงเข้าก็ไม่ยอมหรอก

     

     

    “ก็มันน่าเบื่อ ยังไงนายก็ช่วยเช่าหนังตลกมาฝากด้วยละกันนะ เดี๋ยวจะเตรียมป๊อปคอร์นไว้ให้ ตรู๊ด ตรู๊ด….” เรียวอุคที่ก็ไม่อยากจะดูทีวีธรรมดาๆก็ได้รีบชิงพูดไปก่อนที่ร่างสูงจะปฏิเสเค้ามากกว่านี้เเล้ววางสายลงไปอย่างไร้เยื่อใย คยูที่ถูกทิ้งให้ได้ยินเสียงสัญญาณโทารศัพท์ก้องไปมาจนถึงกระทั่งจนปิดร้าน

     

     

    ด้วยหน้าที่เเล้วเค้าจึงต้องไปซื้อหนังตลกให้เพื่อนของเค้าเเต่เพราะราคาเเผ่นเเท้มันเเพงเค้าจึงเดินลึกเข้าไปในตลาดเเล้วซื้อเเผ่นก็อบมา บอกไปว่าหนังตลกฮากร๊ากกสามวันสามคืน ชายชราได้หยิบกล่องที่มีเพียงกระดาษขาวสะอาดเเปะข้างหน้า เเผ่นที่สกรีนเลือนลางจนเเทบจะหาย ยังไงคนขายก็ต้องรู้ว่าเเผ่นไหนเรื่องอะไรสนุกมากน้อยขนาดไหน ดูจากรูปการเเล้วน่าจะขายมาเกินสี่สิบปี(โอ๊ย!เเก่เเท้คนขาย) เพียงเเค่จ่ายเงินในราคาถูกกว่าเเผ่นเเท้เกินครึ่งเท่านี้ก็พอใจ

     

     

    เมื่อถึงบ้านร่างเล็กได้เตรียมเบาะรองนั่งหนานุ่ม หมอนขนเป็ดใบโต ผ้าห่มไฟฟ้าผืนใหญ่ พร้อมกับขนมเเละเครื่องดื่มอีกมากมาย ร่างสูงที่เพิ่งกลับมายื่นกล่องหนังให้เรียวอุคก่อนที่จะเดินขึ้นไปบนห้อง เเต่กลับถูกชายร่างเล็กจับชายเสื้อไว้ ร่างสูงหันมากำลังจะทำหน้ารำคาญเเต่ร่างเล็กกลับยิ้มหวานเหมือนจะพูดว่า “มาดูหนังด้วยกัน นายอุส่าร์เป็นคนซื้อมา” เห็นอย่างนี้เเล้วก็ปฏิเสไม่ลงจึงต้องจำใจนั่งดูหนังตลกเป็นเพื่อนเรียวอุค เเผ่นหนังเรียบร้อย ไฟที่ปิดมืดสนิท ทุกอย่างลงตัวทั้งสองคนซุกใต้ผ้าห่มไฟฟ้า เตรียมตัวดูหนังกันอย่างใจจดใจจ่อ(คยูนี่อยากดูยิ่งกว่าอุคอีก) กินขนมเล่นตามปกติเเบบคนทั่วไป ติ๊ดเสียงกดรีโมทเพื่อเล่นเเผ่นได้เริ่มต้นขึ้น

     

     

    *หนังที่ฉายนี้เป็นเเผ่นก็อบมาสบรูเรย์คมกริบทุกอณูบวกกับจอขนาดหกสิบนิ้ว ละโพงสองข้างที่เก็บรายละเอียดเสียงเเม้กระทั่งเส้นผมตกยังได้ยิน (ทั้งสองนั้งใกล้มากกะฮาเต็มที่ หนูๆไม่ควรเอาอย่างนะคะเดี๋ยวสายตาเสีย)

     

     

    กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด เสียงกรีดร้องของหญิงดังหวีดขึ้นมาอย่างน่าตกใจ ฉากเเรกกล้องซูมเข้าไปที่ใบหน้าเปื้อนเลือดหญิงสาว หน้าตาขาวซีดดวงตาหายกลับมองไม่เห็นสีเห็นเพียงเเค่ตาขาวเท่านั้น ร่างกายหายไปครึ่งท่อนล่างกำลังวิ่งตามชายหญิงคู่หนึ่งด้วยการคลานโดยใช้สองมือตามมาใกล้กล่องเรื่อยๆ หัวใจเเละร่างกายของสองคนที่นั่งอยู่ที่หน้าทีวีถึงกับหล่นลงไปอย่างรวดเร็วเสียง ภาพ ระยะความใกล้ขนาดนี้ทำให้ทั้งสองที่นั่งกินขนมชิวๆกลับจับเเละโอบกันไว้เเน่น

    เพียงเท่านั้นยังไม่พออยู่ดีๆภาพก็ตัดไปทั้งสองก็นึกว่าจะตัดเข้าเรื่องตลกเเล้วจึงรีบสะบัดมือออกเเล้วนั่งเหมือนเดิมเเต่ที่ไหนได้มันยิ่งกว่าเรื่องที่เเล้วเรื่องนี้เป็นสาววัยกลางคนถูกปีศาจสิงสู่ สภาพร่างกายอยู่ในสภาพที่ทรมาน เเละน่าขนลุกกระดูกถูกบิดอย่างไม่น่าเป็นไปได้ตามร่างกายมีเส้นเลือดน้ำเงินเขียวขึ้นมาจนเห็นได้ชัดผิดบางขาวซีกจนไม่ใช่คน เเถมการพูดก็ยังดูน่าสยดสยองน้ำลายหยดย้อย “จงเอาชีวิตของเจ้ามาเเลกกับอีนังนี่ไม่งั้นมันตายยยย!!!!” ความอาฆาตที่เเสดงออกมาจากเเววตาของปีศาจร้ายส่งออกมาได้อย่างชัดเจนว่าต้องการชีวิตของคนๆนั้นขนาดไหน เรียวอุคเเละคยูที่กลัวจนขนหัวลุกหลอนอย่างหาสาเหตุได้กอดกันเเน่นมือของทั้งสองเย็นเฉียบทั้งๆที่ใช้ผ้าห่มไฟฟ้าอยู่ เเต่ถึงจะกลัวขนาดนั้นทั้งสองก็ยังไม่ยอมลุกไปไหนเเล้วนั่งรอไปเพราะคิดว่าเดี๋ยวหนังตลกก็จะมา….

     

     

    ตอนตอนหน้าเตรีนมหลอนต่อนะคะทุกคนขอไปศึกษาหนังผีต่อก่อนนะคะ เเค่นี้หลอนไม่พอเดี๋ยวไม่สนุก

     

    วอนบอมหาสาระไม่ได้เลยT^T ไรเตอร์เพิ่งจะออกจากโรงพยาบาลมา ออกจะเขียนอะไรเบลอๆไปซักนิดนึง  ตอนนี้ทุกคนกำลังสอบกลางภาคอยู่รึเปล่าคะ? ขอให้ทุกคนทำข้อสอบให้ได้คะแนนดีๆในทุกวิชา โรงเรียนไรเตอร์ไม่มีสอบกลางภาค เพราะน้ำท่วมนี่ละ ดีใจสุดๆไม่ต้องอ่านหนังสือ ขอให้ทุกๆคนโชคดีในการสอบนะคะ^^




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×