คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : chapter9 "พบเจอ"
กลางดึกของคืนนั้น
.บรรยากาศยามค่ำคืนหนาวเหน็บ ลมที่พัดเอื่อยๆเสียงใบไม้เเห้งๆที่สีกันไปมา นกเค้าเเมวที่เกาะอยู่บนหลังคา(อันนี้เกี่ยวอะไร) บนถนนไร้ซึ่งผู้คนมีเพียงไฟตามทางเท่านั้น ในห้องนอนที่เเสนอบอุ่นมีชายร่างเล็กที่ตื่นขึ้นมาเเละกำลังจะไปเข้าห้องน้ำ
“ห้องน้ำ ห้องน้ำ หาว~~ ลูกบิดประตูอยู่ไหนนะ
.” เสียงสูงงัวเงียหายลุกขึ้นมาใส่รองเท้าเเตะเดินความหาลูกปิดประในความมืด
เเกร๊ก เเกร๊ก
.เเกร๊กๆๆๆๆ เสียงลูกปบิดประตูที่ถูกบิดไปมาอย่างเเรงหลายครั้ง ประตูที่ไม่ได้ล็อคกุญเเจไว้เเต่ไม่สามารถดันออกไปได้เพราะดูเหมือนจะมีอะไรบางสิ่งขวางอยู่
“มันติดอะไรเนี่ย เปิด
ไม่ออก
ซักที
.ซิน่า
.ช่วยด้วย!!! ใครอยู่ของนอกช่วยด้วย!!! มันจะมีคนมาฆ่าผม ตามันน่ากลัวมากเลยมีเลือดไหลออกมาด้วยยย!!!!!” ในตอนที่ร่างเล็กกำลังให้หลังดันประตูเพื่อที่จะออกไปอยู่น้ัน ทันใดก็เหลือบไปเห็นเเววตาใสเรืองเเสงเเว๊บมาจากต้นไม้ข้างหน้าต่างรูปประพันสันฐานเหมือนมีคนๆหนึ่งนั่งอยู่ที่ต้นไม้ที่บริเวณปากเหมือนจะมีคราบเลือดอยู่รอบ ประกอบกับเเสงไฟติดๆดับๆจากไฟนีออนสีขาวยิ่งทำให้ภาพที่เห็นหลอนไปหลายเท่า เรียวอุคสติเเตกอกสั่นขวัญเเขวน มืดข้างหนึ่งบิดลูกบิดไปมาส่วนมืออีกข้างหนึ่งที่ทุบประตูอย่างรัวเพราะความกลัวจนเเทบคลั่ง เมื่อประตูเเง้มออกเล็กน้อยเเสงไฟข้างนอกห้องส่องเข้ามา มองออกไปเห็นชายเสื้อสีเก่ามีรอยขาดยุ่ยเล็กน้อยดูจากสภาพเเล้วน่าจะใช้มาเป็นระยะเวลานาน
“บ้านเราไม่มีพรมเช็ดเท้านี่
เดี๋ยวก่อนๆนี่มันชายเสื้อ
เเล้วทีนี้ใครมันมาตายอยู่หน้าห้องผม!!!! คืนนี้มันเรื่องบ้าอะไรกันนักหนาเนี่ยยยย คนมันกลัวรู้ไว้ด้วยยยย”
ด้วยความตกใจวิ่งกลับกระโดดขึ้นเตียงเเล้วมุดไปอยู่ใต้ผ้าห่มเเล้วไม่มีท่าทีที่จะออกมาง่ายๆข้างนอกนั้นก็เหมือนมีฆาตกรโรคจิตคอยจ้องมองร่างเล็กอยู่ตลอดเวลา ส่วนในบ้านที่มีใครก็ไม่รู้มาตายอยู่ข้างหน้าไม่ยอมขยับ
จะออกก็ไม่ได้คงต้องอยู่ในนี้เท่านั้นจากการประติดประต่อเรื่องนั้นคนที่อยู่ข้างนอกน่าจะเป็นฆาตกรที่มาฆ่าคนมาเเล้วทิ้งไว้ที่หน้าห้องนี้เพราะคิดว่าไม่มีคนอยู่ พอรู้ว่ามีคนอยู่ก็คอยมาจ้องเพื่อข่มขู่เอาชีวิตคนที่คิดจะไปฟ้องตำรวจสาเหตุน่าจะมาจากการติดหนี้หรือไม่ก็คนที่ฆ่าเเค่อยากฆ่าเก็บเเต้มเท่านั้น ส่วนคยูตอนนี้ก็คงหลับอยู่ในห้องไม่รับรู้อะไร มีเพียงเค้าเท่านั้นที่ต้องมาเจอสถานการอย่างนี้ (การคิดวิเคราะห์ประติดประต่อเรื่องสุดยอดค่ะ อุคกี้)
เวลาผ่านไปซักพักก็เริ่มมีเสียงงึมงำออกมาจากหน้าห้องนอนของชายร่างเล็ก
“
สาวอกโต
เเง่มๆ
คืนนี้อยากได้กี่ครั้ง”
“เอิ่ม
.คยูนายใช่มั้ย ที่นอนหน้าประตู
.ตื่นขึ้นมาเเล้วคุยกันให้รู้เรื่องนะนายน่ะ นายเป็นบ้าอะไรบอกชั้นมา บอกชั้นมาซิ คนเค้าจะออกก็ออกไม่ได้รู้มั้ย นายนี่ไม่คิดถึงคนอื่นเค้าเลย เเล้วใครใช้ให้มานอนตรงนี้ห๊ะ!!!.....#P)({O+_#!@)(!$(#*(
.”
ได้ยินเสียงนั้นเรียวอุคก็ได้รู้ว่าเสียงนั้นคือเสียงจากเพื่อนของเค้า ด้วยความโมโหเล็กน้อยที่ทำให้เค้ากลัว เรียวอุคเดินไปเปิดไฟห้องนอนเเล้วออกไปกระชากคอเสื้อของคยูที่นอนอยู่ที่พื้นขึ้นมาต่อว่าอย่างเเรง
.
“อะไรล่ะ คนกำลังนอนนะ หนาวก็หนาว” คยูบ่นเล็กน้อยเเล้วเอามือป้องตาไว้จากเเสงไฟที่เเยงตา
“เเล้วจะมานอนอะไรตรงนี้ล่ะ รีบๆกลับห้องไปได้เเล้ว” เรียวอุคปล่อยคอเสื้อของคยูเเล้วถามด้วยความสงสัย ห้องนอนสบายๆอุ่นๆมีให้นอนก็ไม่นอน จะมานอนหลอนอะไรตรงหน้าห้องคนอื่นเค้า
“
เป็นห่วงนายไง เห็นว่าไม่ค่อยสบายอยู่
.ก็เลย
..”
คยูตอบมาอย่างหน้าซื่อเเล้วลงไปนอนต่อ ปล่อยให้ความรู้สึกผิดตกไปอยู่ที่เรียวอุคที่อยู่ดีๆก็ฉุนอะละวาดมาว่าคยูเเบบเต็มเเม็กโดยที่ไม่ได้เป็นห่วงคยูซักนิดที่มานอนหนาวเฝ้าตัวเองอยู่หน้าห้อง ความรู้สึกอยากจะผิดมันมีมากจนอยากจะตะโกนออกมาดังๆ
“ถึงงั้นก็เถอะ เเต่ตอนนี้ชั้นสบายดีเเล้วนายกลับไปห้องนายไป”
“
.”
“อย่ามาหลับตรงนี้ซิวะคยู!! หนาวตายขึ้นมาว่าไง”
“มันลำบากชั้นรู้มั้ยเนี่ย”
หลังจากที่คยูหลับไปปลุกยังไงก็ไม่ตื่นเรียวอุคซึ่งไม่อยากจะทิ้งเพื่อนของตัวเองไว้อย่างนี้เลยพยามลากเข้าห้องนอนของเค้าเเล้วห่มผ้าให้เรียบร้อยเพื่อเป็นการไถ่โทษ
(ถึงคยูมันจะไม่รู้ก็เถอะ)
ณ ร.พ.ที่นายเเพทย์โรคประสาทคิม คิบอมทำงานอยู่
“พยาบาลครับ วันนี้ผมมีคนไข้หรืออะไรมั้ยครับ” เสียงพูดที่หน้าเค้าท์เตอร์ในตอนเที่ยงวันของคิบอมที่กำลังจะออกไปพัก
“ไม่มีที่นัดไว้ค่ะ เเต่คุณหมอต้องเข้าเวรตอนบ่ายโมงสิบห้านะคะ” พยาบาลสาวนั่งเช็คข้อมูลก่อนที่จะเเจ้งรายละเอียดให้คิบอมทราบ
สิ้นเสียงนางพยาบาลร่างของคิบอมก็ได้วับหายไปอย่างรวดเร็วจากสถานที่นั้น
ณ ร้านกาเเฟเงียบๆคยู
กิ๊งเสียงกระดิ่งหน้าร้านดังขึ้นคือเสียงสวรรค์สำหรับคยูลูกค้าหนุ่มหน้าตาดีเดินเข้ามาในร้านพร้อมกับสวมชุดกาวน์ กับรองเท้าที่ขัดมาจนมันวับคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคิบอมที่เดินหลงในตลาดที่ไม่ได้กลับมานานเเล้วอยู่ๆก็ดีๆก็มาเจอกับร้านนี้เข้า
“ขอโทษนะครับ วันนี้ร้านเปิดมั้ยครับเห็นไฟมันมืดๆ”
คยูฮยอนที่นั่งจ๋อยอยู่ในตอนเเรกได้พลิกกลับมาเป็นอีกคนหนึ่งในทันทีเมื่อมีลูกค้าเข้ามาเเล้วยิ่งเห็นว่าเป็นหมอเเล้วเค้ายิ่งต้องทำตัวเรียบร้อยใหญ่เลย
“ปะ ปะ เปิดครับ เชิญๆๆครับ”
“ขอลาเต้เเก้วนึงทานนี่ครับ”
“ครับ รอซักครู่นะครับ”
บรรยากาศในร้านที่มีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยหลังจากตอนที่เรียวอุคมาในวันก่อนเเสไฟสีส้มสลัวๆ โต๊ะไม้ โซฟานุ่มยวบ เเจกันดอกไม้ ผนังที่ก่อด้วยอิฐเเดงเเละการฉาบปูนอย่างหยาบ กับของตกเเต่งน่ารักๆวางเรียงรายเป็นเเถวตามเเนวกำเเพง เมื่อคิบอมได้มองไปรอบๆเพื่อรอกาเเฟที่เพิ่งจะสั่งไป
“เเต่งร้านดูอบอุ่นเเล้วก็น่ารักดีนะครับเเต่เสียดายที่มืดไปหน่อย”
“งั้นหรอครับ 55 คุณหมอเป็นคนที่สองเเล้วนะครับที่พูดเเบบนี้” คยูขำกลบเกลื่อนนึกในใจเเค่ไม่อยากเร่งไฟให้สว่างกว่านี้เดี๋ยวค่าไฟจะเพิ่มขึ้น เเล้วนึกถึงคำพูดของเรียวอุค
“อย่างนั้นหรอครับ คงเพราะผมอยู่เเต่ที่สว่างๆจนชินตามั้งเลยรู้สึกอย่างนี้” เพราะความเคยชินตอนอยู่ร.พ.เค้าก็ได้อยู่เเต่ห้องขาวๆสว่างๆ จะเข้าห้องผ่าตัดทีก็นั่นเเหละเเสงจ้าเชียว
“ได้เเล้วครับลาเต้” คยูเดินมาพร้อมเเก้วกาเเฟลายน่ารักกับกระดาษเช็ดปาก ถึงเเสงจะน้อยหรือร้านจะมืดเพียงใดเค้าก็พยามคิดว่านี่เเหละดีเเล้วคนจะได้ไม่รู้ว่ายังไม่ได้กวาดพื้น
“อ่ะ ขอบคุณมากครับ นั่งคุยด้วยกันก่อนก็ได้ผมไม่ได้อะไรมาก”
คิบอมที่เหงาปากมาจากร.พ.ก็ได้ชวนคยูที่เหงาปากจากการนั่งตบเเมลงวันรอลูกค้ามาเกือบครึ่งค่อนวันมานั่งด้วยกัน คยูที่ได้นั่งลงก็ได้เป็นคนเปิดประเด็นถามก่อน
“ครับๆ เเล้วหมอเป็นหมอรักษาอะไรหรอครับ”
“จะว่ายังไงดี อยู่ร.พ.ที่นี่ต้องรับคนไข้ทุกราย เเต่จริงก็หมอระบบประสาท
ตอนนี้มีคนไข้อยู่รายเดียวครับที่ต้องดูเเล คุณดูไม่เหมือนคนเเถวนี้เลยมาจากไหนหรอครับ” คุณหมอบอมได้บรรยายเหมือนตัวเองกำลังเเข่งสุนทรพจน์เกี่ยวกับประวัติของตนเองซึ่งนั่นก็ทำให้คยูง่วงมากกกกก
“
ถามนิดเดียว มาซะละเอียดเลย คือผมมาจากโซลน่ะครับชีวิตที่นั่นมันจำเจวุ่นวายการเเข่งขันสูงเลยย้ายมาที่นี่”
นั่นก็เป็นเหตุผมที่ดีที่จะตอบคนเเปลกหน้าไป น่าเบื่อ จำเจ ลอกเค้ามาชัดๆเเต่มันอาจจะจริงที่เค้ามาที่นี่เพราะสาเหตุนั้น(?) ส่วนคิบอมที่ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกดีใจไม่ใช่น้อย เเละเเสดงอาการดีใจสุดๆด้วยการยิ้มหวานๆ~
“ผมก็เพิ่งกลับมาจากโซล จริงๆเเล้วผมเพิ่งจะเรียนจบมาเลยยังไม่ค่อยชำนาญหรือเชี่ยวชาญมากเท่าไหร่”
“นานๆทีจะได้คุยกับคนเป็นหมอ ผมเลยรู้สึกประหม่าไม่ใช่เลยนะเนี่ย เห็นคุณบอกว่ามีคนไข้คนเดียวนี่
”
เมื่อสองคนเมืองมาเจอกันนั่นไงคนที่เค้าสามารถเม้าท์ได้ด้วยในยามเหงาปาก เเต่เมื่อคยูอ้าปากจะถามเกี่ยวกลับคนไข้เพียงคนเดียวของคุณหมอคิบอมนาฬิกาก็ได้ดังขึ้นทำให้คิบอมต้องรีบวิ่งออกจากร้านเพื่อไปเข้าเวรที่ร.พ.ต่ออย่างเร่งรีบโดยที่ไม่ลืมที่จะจ่ายเงินเเละดื่มกาเเฟร้อนๆรวดเดียวจนหมด คยูก็หวังว่าซักวันคงจะได้สนิทกับคิบอมมากกว่านี้
“นี่บ่ายโมงครึ่งเเล้วหรอครับ งั้นผมคงต้องรีบไปเเล้ว เงินอยู่นี่
อ๋อกาเเฟคุณอร่อยมากนะครับ ไว้ผมจะมาใหม่”
“ยินดีครับ~ ช่างเป็นลูกค้าที่ดีจริงๆ ถามยังไม่ทันจบเลย เเต่อีกเดี๋ยวก็คงเป็นลูกค้าประจำเเละซักวันเราต้องเป็นเพื่อนกันถึงตอนนี้ผมจะไม่รู้เเม้เเต่ชื่อคุณก็เถอะ
.”
วันนี้ก็เป็นวันที่ซีวอนรีบทำงานเหมือนอย่างทุกวัน แต่ก็ไม่ได้รีบไปสตอร์กเกอร์คนรักเหมือนกับเช่นทุกวันอีกเช่นกัน
ซีวอนขับรถออกจากบ้านไปอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะตรงไปที่ตลาดเพื่อซื้อของสดจำนวนมาก เสร็จแล้วก็ขับรถออกจากตลาดกลับมาที่บ้านข้างๆของครอบครัว ที่ตอนนี้ให้ชายที่ชื่อว่าคยูฮยอนเช่าอาศัยอยู่ ซีวอนถือถุงของจำนวนมากลจากท้ายรถแล้วตรงไปยังบ้านหลังนั้น โดยมีใครคนนึงที่ยืนยิ้มรออยู่ที่หน้าบ้าน
“พี่ซีวอน ไม่ได้มาหาตั้งนานนึกว่าลืมกันไปซะแล้ว”เมื่อเรียวอุคเห็นซีวอนที่ถือของมากมายเข้ามา ก็รีบตรงเข้าไปช่วย พร้อมกับบ่นๆไปด้วย
“อ้าว ก็คนมันยุ่ง วันนี้ก็มาหาแล้วไง ซื้อของมาเยอะเลย ทำอะไรให้กินหน่อย”เดินเข้ามาในตัวบ้านพร้อมกับเอาของทั้งหลายวางลงบนโต๊ะ แล้วเดินไปนั่งที่โซฟาตัวประจำที่เคยนั่ง พร้อมกับเปิดทีวีดู
“โอเค รอแปปนึงก็แล้วกัน”ว่าแล้วก็ถือของจำนวนนึงเข้าไปในครัว ที่อยู่ติดกันกับห้องนั่งเล่น ก่อนที่จะมีเสียงดังอยู่สักพัก จนอาหารเสร็จเรียบร้อยทุกอย่างจึงเงียบลง
“เสร็จแล้ว ลุกมากินได้แล้ว”เดินมาเขย่าๆตัวซีวอนที่หลับไปกับโซฟาตัวยาวแล้ว
“อืม”ตอบรับก่อนที่จะลุกไปล้างหน้าล้างตาแล้วเดินมานั่งลงที่โต๊ะกินข้าว ที่เต็มไปด้วยอาหารมากมาย
“นายไม่กินด้วยกันหรอ”ระหว่างที่ซีวอนกำลังจะตักข้าวคำแรกเข้าปากก็เงยหน้าขึ้นมามองน้องชาย ที่ตรงหน้าไม่มีข้าวสักจาน
“กินไปเหอะน่า แค่เห็นพี่กินผมก็มีความสุขแล้ว”ส่ายหน้าพร้อมกับดันกับข้าวทุกอย่างให้เข้าไปใกล้พี่ชายของตนมากขึ้นกว่าเดิม
“พี่คิบอมกลับมายัง”เรียวอุคผู้ที่รู้ถึงความสัมพันธ์และเรื่องราวต่างๆของพี่ชายเป็นอย่างดีก็ถามขึ้น
“กลับมาแล้ว น่ารักมากด้วย”เคี้ยวข้าวไปพูดไปอย่างมีความสุข จนเรียวอุคที่กลัวข้าวกระเด็นติดต้องรีบเอามือมาอุดปากไว้
“ผมคิดถึงพี่เค้าจัง แต่
..”เรียวอุคหยุดพูดเพียงแค่นั้น ทำให้พี่ชายที่เห็นน้องเงียบไปเงยหน้าขึ้นมามอง
“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวสักพักก็คงได้เจอเหมือนอย่างปกติแล้วละ”ส่งยิ้มเป็นกำลังใจให้ พร้อมกับเอื้อมมือไปขยี้หัวน้องชาย ที่ทำหน้าหงอยเบาๆ
“แล้วถ้ามันไม่กลับไปเป็นปกติละ”เอามือพี่ชายออกจากหัวแล้วเอาลงมากุมไว้แล้วลูบไปลูบมา
“กลับสิ พี่เชื่ออย่างงั้นนะ”ดึงมือของตัวเองออกแล้วเดินอ้อมโต๊ะกินข้าวไปกอดน้องชายไว้จากทางด้านหลัง แล้วโยกไปโยกมาเหมือนที่เคยทำตอนปลอบเรียวอุคร้องไห้เมื่อตอนเด็กๆ
“เลิดพูดเถอะ นานๆพี่จะมาหาผมสักที เราก็ต้องทำตัวให้สนุกๆสิ”หันหลังกลับไปกอดตอบพี่ชาย ให้แน่นมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ตอนนี้
“อืม วันนี้นายอยากจะทำอะไร พี่ตามใจนายเลยอะ”ปล่อยตัวเรียวอุคออกแล้ว เดินกลับไปกินข้าวที่ตำแหน่งเดิม
“เล่นเหมือนตอนเด็กๆได้มั้ย ที่ให้ผมขี่หลังพี่แล้วพี่วิ่งไปรอบๆบ้านอะ”เรียวอุคทำตาเป็นประกายขึ้นมาทันที ที่ได้ยินคำบอกของพี่ชายที่ว่าจะยอมทำตามใจทุกอย่าง
“ได้อยู่แล้ว ว่าแต่อุคอ้วนขึ้นปะเนี่ย’เมื่อเห็นแววตาเป็นประกายของน้องชาย ก็อดแซวและหัวเราะออกมาไม่ได้
“หยาบคาย มาว่าเค้าได้ไง ตอนนี้ป๊ากับม๊าเป็นไงบ้าง คิดถึงจังเลย”เอื้อมมือไปตีที่ไหล่ของพี่ชายอย่างสุดแรง พร้องกับถามถึงคนสองคนที่คิดถึงมากที่สุดตอนนี้
“ป๊าทำงานหนักมาก ส่วนม๊าก็ยังคงเที่ยวเล่นไปวันๆ”ทำสีหน้าสงสารตอนพูดถึงผู้เป็นพ่อแต่ตอนพูดถึงผู้เป็นแม่นั้นกลับทำสีหน้าอีกแบบนึงแทน
“สงสารป๊าจังเลย อยากกลับไปช่วยงานได้เหมือนเดิมจัง”นึกถึงตอนที่ตัวเองยังอยู่ที่บ้าน ก็ยังสามารถช่วยแบ่งเบางานของป๊าได้บ้าง แต่ตอนนี้กลับ
.
“อีกไม่นานหรอกน่า”ยกน้ำขึ้นดื่มแล้วเดินเอาจานเข้าไปเก็บแล้วทั้งสองก็ช่วยกันล้างจานอยู่สักพักแล้วก็ออกมานั่งย่อยที่ม้านั่งที่สวนหน้าบ้าน
“สวนยังสวยเหมือนเดิมเลยนะ”ซีวอนใช้ขาไกวม้านั่งไปมาเบาๆ แล้วมองสวนหน้าบ้านที่ดอกไม้ยังบานสวย ไม่เปลี่ยนไปจากเดิม
“แน่นอนอยู่แล้ว ก็ผมอยู่ดูแลตลอดนี่นา”ยืดอกอย่างภาคภูมิใจในผลงานการดูแลสวนของตนเอง
“อื้ม ไปเถอะเราไปเล่นกัน”ซีวอนลุกขึ้นจากม้านั่งแล้วยื่นมือมาทางน้องชายที่ทำหน้างงๆส่งไปให้
“เล่นอะไร?”ถึงจะงงแต่มือที่พี่ชายยื่นออกมา เรียวอุคก็จับเอาไว้แน่นซะแล้ว
“ก็นายบอกอยากขี่หลังพี่ไม่รึไง”ฉุดตัวน้องชายขึ้นมาด้วยแรงมือเพี้ยงข้างเดียว ก็ปลิวติดขึ้นมาแล้ว
“อ้อ เกือบลืมไปเลยนะเนี่ย”
“แต่ไปเล่นหลังบ้านนะ เดี๋ยวคนอื่นเค้ามองมาแล้วจะหาว่าพี่บ้า”ออกแรงดึงอีกทีเพื่อให้น้องชายเดินตามไปเล่นด้วยกันที่สนามหลังบ้าน
“ได้เลย ไปกัน”เรียวอุคสะบัดมือออกแล้วกระโดดนำไปยังสวนหลังบ้านอย่างมีความสุข พร้อมกับสายตาของพี่ชายที่มองน้องก็ดูมีความสุขตามไปด้วย
พอไปถึงสนามหลังบ้าน ซีวอนก็ยกตัวเรียวอุคขึ้นที่หลังของตัวเอง แล้วเริ่มออกแรงวิ่งไปรอบๆบ้าน แล้วสองพี่น้องก็เล่นและหัวเราะกันอย่างมีความสุข โดยที่ไม่มีใครรอบๆได้ยิน
พอเล่นจนเหนื่อยซีวอนก็นั่งยองๆลงเพื่อให้เรียวอุคลงจากหลังตัวเองได้สะดวก แล้วทั้งสองก็ล้มตัวลงไปนอนที่พื้นหญ้าพร้อมกัน อย่างเหนื่อยล้า
“เหนื่อยจัง แต่นานแล้วนะ ที่เราไม่ได้เล่นกันแบบนี้”ยิ้มขึ้นแล้วกลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้นหญ้าอย่างมีความสุข
“ก็ใช่นะสิ นายนี่ยังเป็นเด็กเหมือนเดินไม่เปลี่ยนไปเลยจริงๆนะ”เอามือไปผลักหัวน้องเบาๆ แล้วหัวเราะหน่อยๆ เด็กคนนี้ไม่เคยเปลี่ยนเลยจริงๆ
“แน่นอนอยู่แล้ว ก็ผมยังอายุไม่เท่าไหร่เองนี่นา”ทำเสียงกวนประสาทกลับไป เหมือนกับว่าด่าว่าซีวอนแก่อะไรแบบนั้น
“เอ้อแล้วเรื่องคนที่ย้ายเข้ามาอยู่บ้านนี้ นิสัยดีมั้ย นายอยู่ร่วมกับเค้าได้รึเปล่า”ไหนๆก็มาบ้านแล้วก็ถามถึงเรื่องคนที่มาเช้าบ้านมันซะเลย
“ก็นิสัยดีพอใช้ได้เลยแหละ ถึงจะเอาตังค์ไปกับผู้หญิงจนหมดตัวไม่มีอะไรกินเลยก็ตาม แต่ก็เป็นคนดีอยู่น้า”พูดถึงคยูแล้วก็อมยิ้มไป ถึงจะชอบทำแต่เรื่องน่าปวดหัว แต่ก็พึ่งได้ในเวลาเดียวกัน นึกสิถ้าตอนนี้อุคไม่มีคยูก็คงจะเหงามากแน่ๆ
“พูดอย่างนี้คิดอะไรกับไอ้เด็กนั่นปะเนี่ย”ตั้งคำถามพร้อมส่งสายตาล้อเลียนไปให้ เมื่อเห็นใบหน้าของน้องชายที่ดูมีความสุขเมื่อพูดถึงคนๆนั้น
“บ้า ไม่ได้คิดอะไร พี่อะคิดไปเอง”เมื่อพี่ชายล้ออย่างงั้นก็หุบยิ้มลงทันที
“เรียวอุค พี่เป็นพี่ชายนายนะ”ซีวอนทำหน้าประมาณว่า ‘พี่น่ะรู้นะว่านายต้องคิดอะไรแน่ๆ’
“พี่น่ะ เงียบไปเลย”กดตัวพี่ชายให้ลงไปกับพื้นหญ้าแล้วฟัดกันไปมาเหมือนลูกหมาสองตัวที่เล่นกัน
“โอ๊ยๆ พอแล้ว พี่ต้องไปรับบอมแล้ว”เมื่อยกนาฬิกาดูก็พบว่ามันเลยเวลาที่ต้องไปรับคิบอมไป5นาทีแล้ว
“งั้นรีบๆไปเถอะ”เรียวอุคฉุดตัวซีวอนให้ลุกขึ้นแล้วไปส่งที่หน้าบ้าน
“อาทิตย์หน้าพี่จะมาหาใหม่นะ”หลังจากที่ขึ้นรถไปแล้วก็ลดกระจกลงมาเพื่อบอกลาน้องชายที่ยืนส่งอยู่หน้าบ้าน แล้วขับรถออกไปด้วยความเร็วสูง
เมื่อซีวอนมาถึงโรงพยาบาลก็เห็นคิบอมที่ยืนรออยู่ก่อนแล้วทำหน้าหงิกงออยู่ที่หน้าโรงพยาบาล
“นายมาช้าไปครึ่งชั่วโมงนะ”เมื่อรถจอดเทียบแล้วซีวอนลดกระจกลง คิบอมก็เริ่มบ่นใส่ทันที
“ก็พอดีไปทำธุระมา ขอโทษนะ”ร่างสูงก้มหัวขอโทษด้วยความรู้สึกผิดทันที ตั้งแต่ออกจากบ้านอุคก็รีบเหยียบมาแล้วนะ
“มันจะไม่มีคราวหลังแล้ว นายก็รู้ชั้นเกลียดพวกที่ไม่ตรงต่อเวลา”แต่มีหรอที่คนอย่างคิมคิบอมจะยอมยกโทษให้ง่ายๆ
“ขอโทษจริงๆครับ เอาเป็นว่าแถวนี้มีร้านอาหารเปิดใหม่ เดี๋ยวพาไปกินเอามั้ย”ทันใดนั้นซีวอนก็คิดขึ้นได้ว่าเอาอาหารเข้าล่อดีกว่า
“นายคิดจะล่อชั้นด้วยของกินงั้นหรอ”ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห นี่ซีวอนคิดว่าเค้าเห็นแก่กินงั้นหรอ
“จะไม่ไปก็ได้นะ แต่ร้านนี้อาหารอร่อยมาก แถมยังมีคิวเต็มตลอดทั้งวัน จองยาก แล้วก็มีแต่อาหารที่คิบอมชอบมากๆเลยนะ”ซีวอนคิดคำอธิบายซะยืดยาวเพื่อชวนคิบอมไปให้ได้ เพราะถ้าเห็นอาหารแล้วต้องหายโกรธแน่ๆ
“โอเค เอาเป็นว่าชั้นไปแล้วกันเพราะเห็นแก่ที่นายบอกว่าจองยาก”คิบอมคิดว่าไปก็คงไม่เสียหายมั้ง แล้วก็ไม่ได้กินอาหารของที่นี่มาตั้งนานก็อยากกินอยู่เหมือนกัน
“ครับ ขึ้นรถสิครับ”คิดอยู่แล้วว่ายังไงก็ต้องยอมไปแน่ๆ จึงลงมาจากรถแล้วอ้อมไปเปิดประตูให้อีกฝ่ายได้เข้าไปนั่ง
กลับบ้านหลังจากทำงานที่หนักหนื่อย(ตรงไหนไม่ทราบจ๊ะคยู)
.
“กลับมาเเล้วครับ
.นี่นายคิดจะเลี้ยงคนทั้งซอยรึไง” เสียงเหนื่อยอ่อนพูดอยู่หน้าบ้านตอนที่ถอดรองเท้า พอเดินเข้ามาก็ต้องตกใจกับอาหารสวยหรูเหมือนในภัตราคารวางอยู่บนโต๊ะเต็มไปหมด เพราะเมื่อวานเค้าได้กินเเค่ปลาย่างกับผักเท่านั้น เเต่ก็ไม่ได้เอ๊ะใจว่าของมาจากไหนมากมายเเล้วยังเหลือที่ยังไม่ได้เก็บเข้าตู้เเล้ววางอยู่บนพื้นก็เถอะ
“ไม่ใช่ๆพอดี
ของมันเยอะน่ะ เลยทำๆเผื่อถ้ากินไม่หมดวันนี้ก็เก็บไว้ได้”
“นั่นซินะ เดี๋ยวไปล้างมือเเล้วมากินนะ”
“อืม”
ไม่ได้ถามว่าของมาจากไหนเเละเค้าก็ดูไม่ได้สนใจซักเท่าไหร่ เเต่ที่เเน่ๆเค้าต้องคาใจว่าเอาเงินที่ไหนไปซื้อ หลังจากที่ล้างมือเสร็จก็ถึงเวลาคุยกันของสองเพื่อน ณ โต๊ะทานข้าว
.
(ตัดจบไปเขียนตอนหน้าเพราะมันยาว 555 คยูเม้าท์มอยอุคดี๊ด้านี่มันอะไรกันห๊ะ 555
ไอ้ที่อยู่บนต้นไม้อ่ะนกเค้าเเมวเพิ่งเเดร๊กหนูบ้านมาเน้อเเล้วเลือดมันเลอะ)
.
ความคิดเห็น