" />
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic TVXQ] YUNHO , YOU CAN DO IT !!! Mpreg

    ลำดับตอนที่ #2 : PART 1 " นิ๊ม..นิ๊ม..>

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.08K
      11
      20 มิ.ย. 52


    PART 1


    แสงแดดเจิดจ้ายามช้าบ่งบอกถึงความเป็นเมืองอาทิตย์อุทัยสาดส่องเข้าตามรอยแยกของผ้าม่านสีเบจอ่อน สายลมเย็นๆพลัดเข้ากระทบกับใบหน้าหล่อคมของบุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็นลีดเดอร์แห่งวงบอยแบนด์ชื่อดัง เปลือกตาหนาขยับน้อยๆก่อนจะเปิดขึ้น ยุนโฮอดไม่ได้ที่จะตำหนิคนสวยของวงอยู่ในใจที่ตื่นแล้วไม่ยอมปลุกเขาแถมยังปิดแอร์แล้วเปิดต่างหน้าให้แทนอีก


    ทำตัวน่าฟัดจริงๆนะ คิม แจจุง


    พี่แจจุงคร้าบบบ มีอะไรให้ผมกินรองท้องบ้างมั้ยคร้าบบบน้ำเสียงออดอ้อนอย่างน่ารักขัดกับภาพลักษณ์ร้องตะโกนถามพี่ชายหน้าสวยที่กำลังวุ่นอยู่กับการปรุงแต่งรสชาติอาหารอยู่ในครัว

    ชิม ชางมินน้องเล็กของวงวิ่งตรงเข้ามายังครัวขนาดกลางที่คลุ้งไปด้วยกลิ่มหอมฟุ้งของอาหารหน้าตาน่าทานทันทีที่เดินออกจากห้องนอน

    รองท้องหรือท่วมท้องกันแน่ชางมินเอ่ยแซวน้องรักด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ มือบางส่งจานผัดผักสีสันสวยงามให้กับชางมินที่ยืนมือมารับอย่างรู้งาน ไม่ต้องออกคำสั่งน้องเล็กผู้น่ารักก็เดินเอาจานอาหารที่รับมาไปวางที่โต๊ะอาหารอย่างรวดเร็ว

    แจจุงถอดผ้ากันเปื้อนสีชมพูหวานวางทิ้งไว้บนเคาน์เตอร์เสร็จแล้วก็เดินตามชางมินออกไปยังโต๊ะอาหารที่ตอนนี้มีชางมิน จุนซูและยูชอนนั่งรออยู่พร้อมหน้า คิ้วเรียวสวยขมวดน้อยๆเมื่อไม่เห็นสามีสุดที่รักนั่งร่วมวงที่โต๊ะอาหาร

    เดี๋ยวฉันไปตามยุนโฮก่อนนะร้องบอกสมาชิกที่เหลือพลางจะเดินเข้าไปปลุกสามีแต่ไม่ทันที่แจจุงจะได้เดินไปร่างสูงๆของยุนโฮก็เดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มเต็มใบหน้า

    ตื่นช้าจังนะยุนโฮแจจุงบ่นเสียงเบาตามประสา ตาคู่โตเหลือบมองร่างสูงแล้วส่ายหัวน้อยๆอย่างเหนื่อยใจ พอมีวันหยุดก็ตื่นซะสายเชียวแบบนี้ใช้ได้ที่ไหนกัน

    โธ่ แจจุงก็... นานๆทีจะได้ตื่นสายหน่อยอย่าบ่นเลยหน่า

    เออ วันหลังไม่บ่นแล้ว ถ้าบ่นไม่ได้ก็จะไม่บ่นพูดจบก็หันหน้าหนีไปอีกทาง ยุนโฮเลยได้แต่มองคนสวยขี้งอนที่นั่งทำงอนแก้มป่องด้วยสายตาหงอยๆ

    ...เช้ามาก็หาเรื่องใส่ตัวจนได้นะชอง ยุนโฮ...

    จะทานแล้วนะคร้าบบบสามผู้หิวโหยเอ่ยขึ้นพร้อมกัน

    จากนั้นทั้งยูชอน จุนซูและชางมินก็ก้มหน้าก้มตาซักเอาอาหารรสเลิศฝีมือคนสวยลงกระเพาะด้วยความเร็วชนิดว่าเร็วกว่าแสง ยุนโฮจ้องมองน้องชายทั้งสามสลับกับจานอาหารตรงหน้าอย่างอึ้งๆ

    สาบานได้ว่านี่เรียกว่ากิน พระเจ้า!!! ขอให้มีอาหารเหลือให้หมีน้อยๆผู้หิวโหยด้วยเถอะครับ

    Rrrrrrrr

    เสียงโทรศัพท์บ้านแบบดั้งเดิมที่ไม่ว่าจะกี่ยุคกี่สมัยก็ยังคงฮิตติดเทรนด์ดังขึ้นเรียกความสนใจจากเหล่าสมาชิกทงบังชินกิได้อย่างดี แจจุงสะดุ้งเล็กน้อยแล้วลุกขึ้นเพื่อไปรับโทรศัพท์ที่วางอยู่ในห้องรับแขก

    สวัสดีครับน้ำเสียงหวานกรอกใส่ไปตามเสียงอย่างสุภาพ ในใจก็ภาวนาว่าอย่าให้เป็นสายของผู้จัดการที่โทรมาเพื่อบอกตารางงานเลย แจจุงกระพริบตาถี่รอลุ้นว่าเสียงปลายสายจะเป็นใคร

    แอ๊ แอแอ อื้อออพอได้ยินเสียงปลายสายเท่านั้นคนสวยแห่งทงบังชินกิก็หลุดยิ้มหวานๆออกมา มือบางเลื่อนขึ้นปิดปากหัวเราะอย่างเคยชิน

    ว่าไงลูกชาย คิดถึงแม่เหรอไงลูกถึงจะรู้ว่าคนปลายสายอาจจะฟังสิ่งที่เขาพูดไม่รู้เรื่องแต่กระนั้นแจจุงก็เลือกที่จะร้องถามทักทายลูกชายตามประสาคนเป็นแม่ที่ต้องอยู่ห่างกับลูก

    อื้อออ อ๊ากกกกแจจุงหัวเราะเบาๆกับเสียงร้อง อ๊ากกกของลูกชายคนโต อีกแล้วใช่มั้ย ตอนนี้ยองโฮคงกำลังโดนน้องสาวฝาแฝดแย่งโทรศัพท์ไปถืออีกแล้วล่ะสิถึงได้ร้องเสียงหลงแบบนี้

    ว่าไงคะโบยุนก็อยากคุยกับแม่เหรอ

    แอ๊ เอิ๊ก คิคิเด็กน้อยส่งเสียงตอบกลับมาอย่างสดใสคล้ายกับตอบรับคุณแม่คนสวยว่าตัวเองก็อยากคุยกับแม่เหมือนกัน

    แจจุงเหรอลูกน้ำเสียงดูมีอำนาจของหญิงสาวมีอายุเอ่ยถาม ถึงเส้นเสียงนั้นจะดูน่ากลัวแต่แจจุงกลับรู้สึกว่ามันอบอุ่นเสียมากกว่า

    ใช่ครับ คุณแม่มีอะไรหรือครับเปล่าถึงได้โทรมาแต่เช้าแจจุงถามถึงสาเหตุที่แม่สามีอย่างซองมีต้องโทรมาทั้งๆที่ยังเช้าอยู่

    ถ้าเป็นเพราะเด็กๆคิดถึงเขากับยุนโฮคงเป็นไปไม่ได้แน่เพราะปกติพวกเขากับลูกจะโทรคุยกันช่วงเย็นๆไม่ใช่เช้าขนาดนี้

    คือ... แม่แค่จะโทรมาบอกว่าแจอินน่ะไม่สบาย แต่พอแม่ต่อสายหาเราเท่านั้นแหละเจ้าแฝดตัวยุ่งทั้งสองก็รีบคลานมาดึงหูโทรศัพท์ไปเลย ฮ่าฮ่าซองมีเล่าถึงความแสบของเด็กแฝดตัวน้อยให้แจจุงฟังพร้อมกับหัวเราะเป็นการตบท้าย

    แล้วแจอินเป็นอะไรมากหรือเปล่าครับน้ำเสียงร้อนรนเอ่ยดังจากริมฝีปากอิ่ม รอยยิ้มหวานๆที่เคยประดับบนใบหน้าหลังจากได้ยินเสียงลูกคนโตทั้งสองเหือดหายไป เหลือเพียงแต่สีหน้าวิตกกังวลที่ฉายบนดวงหน้าสวย

    ไม่เป็นอะไรมากหรอกลูก แค่มีไข้แล้วก็งอแงตามประสาน่ะ อ๊ะ แล้วก็ไม่ยอมกินนมด้วยไม่รู้เป็นอะไรแม่เองก็บอกให้จีฮเยโทรตามหมอแล้วนะแต่รายนั้นน่ะบอกว่าให้แม่โทรบอกแจจุงแทน

    แป๊ปนะครับคุณแม่ ยุนโฮ~” แค่เสียงเรีกยชื่อจากแจจุงเพียงครั้งเดียวร่างหมีๆของยุนโฮก็มาปรากฏตรงหน้าร่างบางเป็นที่เรียบร้อย

    ไปจัดกระเป๋ายุนโฮเราจะกลับเกาหลีกันพูดพร้อมกับจ้องหน้าร่างสูงอย่างจริงจัง

    ยุนโฮถลึงตาใส่แจจุงเป็นเชิงถามว่าจริงเหรอคนสวยพยักหน้ารับยืนยันคำตอบของตัวเอง

    แจอินไม่สบาย~” ก่อนที่ยุนโฮจะได้พูดอะไรแจจุงก็เอ่ยขัดขึ้นมาเสียก่อน เพียงแค่ประโยคเดียวก็ทำให้คำโต้แย้งของลีดเดอร์วงทุกคำกลืนหายไปพร้อมกับน้ำลาย

    คุยกับคุณแม่นายซะแจจุงส่งโทรศัพท์ให้ยุนโฮก่อนจะแยกตัวออกไปทางห้องนอนใหญ่

    ร่างสูงเบนความสนใจจากภรรยามาสนใจกับบุคคลในโทรศัพท์ ไม่นานบทสนทนาระหว่างยุนโฮกับซองมีก็จบลง ยุนโฮรีบจ้ำเดินไปหาแจจุงที่กำลังจัดกระเป๋าเสื้อผ้าอยู่ในห้อง

    จะไปจริงอ่ะแจจุงเสียงทุ้มย้ำอีกครั้งแต่คำตอบที่ได้ก็เป็นเช่นเดิม

    ร่างบอบบางที่นั่งพับเสื้อผ้าบางส่วนทั้งของตัวเองและสามีหันมาพยักหน้าเบาๆ กระเป๋าใส่เสื้อผ้าขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ถูกรูดซิปปิดสนิทเมื่อจัดการเตรียมเรียบร้อย

    แต่เย็นนี้ต้องไปงานแถลงข่าวคอนเสิร์ตที่ไทยนะแจจุง เราจะกลับเกาหลีกันได้ยังไง

    จริงๆแล้วเขาไม่อยากจะโต้แย้งหรือแสดงท่าทางอิดออดเลยแม้แต่น้อยที่แจจุงจะกลับไปเยี่ยมลูกๆที่เกาหลี ถ้าหากวันนี้เป็นวันที่พวกเขาไม่ต้องเดินทางไปงานแถลงข่าวคอนเสิร์ตเอสเอ็มที่ประเทศไทย

    นายก็บอกผู้จัดการให้หน่อยสิ บอกเขาว่าแจอินไม่สบายฉันต้องไปดูลูก ให้ฉันไปเองคนเดียวก็ได้นะแล้วนายกับน้องๆก็บินไปไทยกันก่อนเลย

    บ้าสิ ฉันจะให้นายไปคนเดียวได้ไงนั่นก็ลูกฉันเหมือนกันนะ

    ถ้าอย่างงั้นก็ไม่ต้องพูดมาก ไปโทรบอกผู้จัดการเลยไป๊สิ้นเสียงหวานๆเอ่ยไล่ ยุนโฮก็แกล้งยู่หน้าหมีๆใส่ มือหนาล้วงหยิบเอามือถือเครื่องจิ๋วในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาต่อสายหาผู้จัดการ

    อาจจะดูเห็นแก่ตัวไปหน่อยที่คิม แจจุงตัดสินใจแบบนี้ เห็นแก่ตัวที่ให้ความสำคัญกับเรื่องส่วนตัวมากกว่าเรื่องงาน แต่อย่างน้อยเขาก็หวังว่าแคสซีโอเปียชาวไทยจะไม่โกรธถ้ารู้เหตุผลที่เขาทำแบบนี้

    ไม่ใช่ว่าเขาไม่ให้ความสำคัญกับแฟนเพลงแต่เมื่อเทียบกับลูกชายที่กำลังไม่สบาย ยังไงเขาคงต้องเห็นลูกชายสำคัญกว่า

    หวังว่าแคสซีโอเปียไทยคงไม่โกรธและเกลียดพวกเขานะ

    หลังจากได้ตกลงกับผู้จัดการและสมาชิกที่เหลือที่เป็นเรียบร้อยแล้วทงบังชินกิทั้งห้าก็ขึ้นเครื่องบินมุ่งมายังประเทศบ้านเกิดแทบจะทันที


    บ้านเดี่ยวหลังใหญ่โตถูกล้อมรอบด้วยสนามหญ้าสีเขียวชะอุ่มชวนให้ดูน่าพักอาศัย ด้านหน้าของบ้านมีหญิงวัยกลางคนยืนอยู่เคียงข้างกับเด็กสาวหน้าตาน่ารักโดยที่อ้อมกอดของคนทั้งคู่มีเด็กน้อยอายุขวบเศษทำตาแป๋วอยู่

    แม่ จีฮเยว่าเราพายองโฮกับโบยุนไปรอในบ้านดีกว่านะคะเด็กสาวร้องบอกผู้เป็นแม่พลางยกมือขาวๆขึ้นบังแสงแดดที่ส่องมาแผดเผ่าผิวนุ่มๆของหลานสาวสุดที่รัก

    ไม่ต้องเอาน้องมาอ้างเลยนะจีฮเย ถ้าร้อนลูกก็พาโบยุนเข้าบ้านไปก่อนเลย เดี๋ยวแม่กับยองโฮรอกันสองคนก็ได้เน๊อะยองโฮเน๊อะพูดกับจีฮเยเสร็จก็หันมาถามหลานชายคนโตด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ ซองมีโยกตัวไปมาเป็นการเย้าให้ยองโฮได้หัวเราะคิกคัก

    อื้ออ แอ๊ คิคิยองโฮส่งเสียงหัวเราะร่าเห็นด้วยกับคุณย่า

    ฝ่ามือเล็กเอื้อมจับคอเสื้อของซองมีแล้วออกแรงยื้อดึงไปมา ซึ่งซองมีเองก็ไม่ได้ว่ากลับชอบเสียด้วยซ้ำที่หลานชายมีนิสัยแสบนิดๆแบบนี้ ผิดกับโบยุนที่เรียบร้อยตามแบบฉบับของผู้หญิง ทั้งๆที่เป็นฝาแฝดกันแต่นิสัยกลับต่างกันคนละขั้ว

    ชอง ยองโฮติดแม่ ส่วนชอง โบยุนติดพ่อ แต่... ชอง แจอิน ติดทั้งพ่อทั้งแม่

    แม่ มาแล้วแม่ พี่ยุนโฮมากับพี่แจจุงมาแล้วจีฮเยตะโกนลั่น นิ้วเล็กชี้ไปยังรถตู้สีขาวที่แสนจะคุ้นตา รอยยิ้มดีใจฉายขึ้นบนใบหน้าเหี่ยวย่นของซองมีและใบหน้าสวยใสของจีฮเย

    แอ๊ แอ๊ ~” แฝดผู้พี่ส่งเสียงทันทีที่เห็นใบหน้าสวยๆของคนที่เฝ้าคิดถึง เท้าเล็กถีบตัวออกจากอ้อมกอดของผู้เป็นย่า ส่วนมือเล็กๆนั่นก็พยายามเอื้อมจับตัวผู้เป็นแม่ที่กำลังเดินลงจากรถมาหา

    สวัสดีครับคุณแม่ เป็นยังไงบ้างจีฮเยเสียงหวานเอ่ยทักแม่กับน้องของสามีตามมารยาทก่อนจะอ้าเรียวแขนบอบบางไปรับเจ้าลูกชายตัวอ้วนเข้ามาไว้ในอ้อมกอด จมูกโด่งรั้นซุกลงสูดดมกลิ่นแป้งหอมๆเด็กจากแก้มนุ่มของยองโฮไปทีฟอดให้คลายความคิดถึง

    เนื่องด้วยอาชีพการงานที่เป็นดังนักร้องดังจึงทำให้แจจุงกับลูกๆทั้งสามต้องอยู่ห่างไกลกันถึงคนละประเทศ ถึงจะได้โทรศัพท์ฟังเสียงลูกๆเกือบทุกวันแต่แน่นอนว่ามันก็ไม่สามารถลดความคิดถึงความห่วงใยได้หนำซ้ำยังทำให้ความคิดถึงที่มีต่อลูกๆเพิ่มพูนมากขึ้นอีกด้วย

    อื้มม ลูกชายแม่ตัวหอมจังเลยเอ่ยชมเจ้าตัวน้อยในอ้อมอกน้ำเสียงสดใส ยองโฮหัวเราะคิกคักขึ้นมาอีกครั้งพลางดีดตัวไปมาหนีจมูกโด่งๆของคุณแม่ที่เริ่มแกล้งให้เขารู้สึกจั๊กจี้

    อ้าวๆ หอมแต่ยองโฮเหรอไงแจจุง หอมโบยุนด้วยสิยุนโฮพูดแซวคนรักที่มัวแต่กอดหอมลูกชายคนโตจนดูเหมือนจะลืมว่าตัวเองก็มีลูกสาวอีกคน

    ร่างสูงโอบอุ้มร่างเล็กๆของลูกสาวแน่นแล้วเดินไปหาแจจุงที่ยืนยิ้มจนแก้มปริ มือบางเอื้อมลูบหัวทุยๆของเด็กหญิงตัวน้อยอย่างนึกหมั่นเขี้ยว จมูกโด่งรั้นของคุณแม่คนสวยฝังลงกับแก้มยุ้ยๆของโบยุนทันทีโดยที่ไม่ต้องรอให้สามีร้องบอกอีกครั้ง

    พอได้แล้วหน่าพี่แจจุง เมื่อไหร่จะให้พวกเราเข้าบ้านสักที พวกผมร้อนแล้วน๊า~” เสียงแหลมเล็กของโลมาสาวอย่างจุนซูร้องบอกพี่ชายคนสวยเสียงลั่น ใบหน้ากลมน่ารักยู่ย่นเพราะแสงแดดที่สาดส่องลงมา

    ฮ่าๆ ไปเร็วเด็กๆเข้าบ้านกัน แจจุงยุนโฮอุ้มลูกเข้ามาเร็วๆล่ะจะได้ไปดูแจอินกันในที่สุดก็เป็นนางซองมีที่ต้องเอ่ยปากเรียกให้ทุกคนเข้าไปในบ้านแทนลูกสะใภ้และลูกชายที่มัวแต่หยอกล้อกับลูกจนไม่ได้สนใจน้องๆ

    .
    .
    .
    .
    .
    .


    เฮ้อ~” เสียงถอนหายใจเบาๆดังมาจากเจ้าของฝ่ามือขาวๆที่วางทาบลงไปบนหน้าผากเล็กตัวร้อนจี๋เลย...

    แจจุงพึมพำออกมาเบาๆ ก่อนจะค่อยๆช้อนร่างเล็กๆที่ยังคงหลับสนิทเอาไว้ในอ้อมแขน ทาบริมฝีปากลงไปบนหน้าผากอุ่นเบาๆ ด้วยหวังว่าพิษไข้ที่รุมเร้าอยู่จะลดลงบ้าง

    ไม่ทันไร ร่างสูงๆที่ยืนอยู่หน้าประตูก็เรียกให้แจจุงหันไปมอง ริมฝีปากอิ่มส่งยิ้มนิดๆ ก่อนจะบอกยุนโฮ

    ลูกตัวร้อนจี๋เลย...

    ได้ยินอย่างนั้น ยุนโฮก็ค่อยๆเดินเข้ามาใกล้ๆ วางฝ่ามือลงไปทาบที่หน้าผาก เหมือนจะยืนยันในสิ่งที่แจจุงพูด แล้วพยักหน้ารับ

    งั้น เดี๋ยวฉันโทรไปเรียกหมอนะ...

    ไม่ต้องรอให้แจจุงรับคำ ยุนโฮก็เดินออกไปทันที




    มีไข้นิดหน่อยนะครับ หมอไม่อยากให้ทานยา อยากให้เช็ดตัวแล้วนอนพักผ่อนเยอะๆ สักพักคงหาย

    ถ้าจะให้ดีตอนนี้หมออยากแนะนำให้เด็กทานนมแม่มากกว่านมผงนะครับ จะได้หายไวกว่าเดิม




    ประโยคยาวๆที่ทุกๆคนนั่งนิ่งๆตั้งใจฟัง ก่อนจะพยักหน้ารับ แล้วแยกย้ายกันไป ยุนโฮเดินไปส่งคุณหมอที่รถหน้าบ้าน ส่วนแจจุง กลับเข้าไปในห้องไปดูเจ้าตัวเล็กจอมงอแง ที่วันนี้พิษไข้เล่นงานซะจนซนไม่ออก

    แจจุงทิ้งตัวลั่งลงบนเก้าอี้ไม้ข้างๆเตียง ก่อนจะไล้มือลงไปบนผิวแก้มนุ่มๆที่ยังคงอุ่นๆ แล้วยิ้มออกมา

    ไม่ทันไร เสียงอ้อแอ้ๆ จากหน้าประตูก็เรียกให้หันไปมอง

    เบาๆสิครับลูก...เดี๋ยวน้องตื่น...ยุนโฮพูดพลาง หันไปมองเจ้าตัวเล็กสองคนที่นั่งแยกกันในอ้อมแขนของตัวเองทั้งสองข้างก่อนจะค่อยๆเดินเข้ามาในห้อง แล้วส่ง ยองโฮให้แจจุงอุ้ม...

    มี๊..มี๊...แจ...เด็กชายส่งเสียงเรียก เจ้าของใบหน้าหวานๆที่อุ้มตัวเองอยู่ไปตามสัญชาตญาณ ก่อนจะเอามือไปแปะไว้บนสองแก้มนิ่ม

    พอโดนลูกชายแกล้งเอาแบบนั้น แจจุงก็หลุดหัวเราะคิกคักออกมา

    ไงคนสวย..มาดูน้องกับคุณแม่มา...พูดพลางยื่นมืออีกข้างที่ยังว่างอยู่ออกไปหายุนโฮ

    คนมองเห็นอย่างนั้น ก็ส่งร่างเล็กๆของลูกสาวให้ไปนั่งยิ้มสวยแข่งกับคุณแม่ใกล้ๆทันที

    ทันทีที่เด็กๆสองคนเห็นว่า เจ้าของอ้อมแขนอุ่นๆที่กอดตัวเองไว้นั้นมองไปทางไหน ตากลมๆก็มองตามไปด้วย

    น้องไม่สบายเห็นมั้ยครับลูก...พูดพลางหันไปมองร่างนุ่มนิ่มซ้ายทีขวาที ก่อนแจจุงจะเงยหน้ามองขึ้นไปข้างบนแล้วยิ้มออกมา เมื่อรู้สึกถึงมืออุ่นๆที่วางแล้วลูบลงมาเบาๆบนผมของตัวเอง

    นั่งกอดๆยิ้มๆกันไปสักพัก อาการขยับตัวเล็กๆของร่างที่นอนซุกอยู่ในผ้านิ่มๆก็ทำให้แจจุงหันไปมอง พอเห็นว่าริมฝีปากน้อยๆนั่นเริ่มแบะออกมาเหมือนจะร้องไห้ ยุนโฮก็รีบมารับเด็กๆอีกสองคนไปทันที

    แอ๊.....ยังไม่ทันได้ทำอะไร พอลืมตาตื่นนอนมาได้ ไม่รอให้ได้เว้นช่วงหายใจแจอินก็จัดการส่งเสียงร้องไห้ออกมาซะดังลั่น

    ปฏิกริยาที่แจจุงไม่รอช้า รีบๆเลื่อนมือไปอุ้มช้อนร่างเล็กๆเอาไว้ในอ้อมกอดทันที แนบริมฝีปากลงไปจูบผะแผ่วที่แก้มนิ่ม กอดร่างอุ่นๆเอาไว้แล้วกระซิบเบาๆให้ได้ยิน

    ร้องทำไมครับคนเก่ง...แม่อยู่นี่น๊า...

    พอพูดจบก็จูบเข้าไปเบาๆที่แก้มนิ่มอีกที พอรู้สึกถึงอ้อมกอดอุ่นๆของแม่ เสียงร้องไห้งอแงก็ค่อยๆเงียบลงไปทีละนิด ทีละนิดจนเงียบสนิทๆ

    ตากลมๆเปียกชื้นน้ำตาที่หลับหูหลับตาร้องไห้ พอค่อยๆลืมขึ้นมาแล้วเห็นว่าใครอยู่ตรงหน้า มือเล็กๆก็จับเข้าตรงอกเสื้อที่แจจุงใส่อยู่

    ขยับตัวซุกๆหน้าลงไป ก่อนจะส่งเสียงงอแงๆออกมาแผ่วเบา...


    นิ๊ม~....”


    นิ๊ม แปลว่า อยากกินนม


    พจนานุกรมของคนเป็นแม่บอกออกมาแบบนี้ คิดพลางวางเจ้าตัวเล็กลงบนที่นอนอีกรอบ แล้วเดินไปหยิบขวดนมอุ่นๆที่คุณแม่ของยุนโฮเพิ่งจะเอามาวางไว้ให้

    ไม่ทันไรก็ชะงักมือไป เมื่อนึกถึงคำพูดของคุณหมอขึ้นมาได้


    หมออยากแนะนำให้เด็กทานนมแม่มากกว่านมผงนะครับ จะได้หายไวกว่าเดิม


    ความคิดที่ทำให้แจจุงหน้าแดงวาบ ใครๆก็รู้ว่าคิมแจจุง บ้าจี้ขนาดไหน แล้วเวลาลูกกินนม นอกจากจะน่าอายอย่างนึง แล้ว มันจั้กจี้ซะยิ่งกว่าอะไรดีนี่นา~

    คิดพลางมองไปทางเจ้าตัวเล็กที่ส่งเสียงอ้อแอ้ๆอย่างคาดโทษ ส่งมือไปบีบจมูกเล็กๆเบาๆ แล้วพูดออกมา

    ไม่ต้องมาอ้อแอ้ๆเลยตัวแสบ...

    หายใจเข้าลึกๆ เตรียมตัวเตรียมใจ ก่อนจะค่อยๆปลดกนะดุมเสื้อเชิ้ตของตัวเองออก แล้วเลื่อนมือไปอุ้มรั้งร่างเล็กๆของลูกชายขึ้นมาอีกครั้งนึง

    กอดร่างนิ่มๆเอาไว้แนบอก ก่อนริมฝีปากสีระเรื่อจะยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่า ดวงตากลมๆนั้นมองมาทางตัวเองก่อน

    นิ๊ม~....”

    ก็กินสิครับ..เร็วๆแม่เขินนะรู้มั้ย...

    เพราะความไม่เคยชิน และอะไรหลายๆอย่างทำเองแจจุงอดหน้าแดงไม่ได้จริงๆ ไม่ทันไรริมฝีปากนิ่มๆก็แตะลงมาบนยอดอกสีชมพู เจ้าตัวเล็กยุกยิกๆ ให้ตัวเองกินนมสะดวกมากขึ้น เมื่อรู้สึกถึงรสของน้ำนมที่ค่อยๆซึมเข้ามาในปาก

    ไม่ทันไร ริมฝีปากน่าเอ็นดูที่เคยแต่ร้องไห้งอแง ก็เงียบสนิทไป ตาแป๋วๆที่เคยมองหน้าคุณแม่คนสวยด้วยความสนใจก็ค่อยลับพริ้ม แล้วเจ้าตัวเล็กที่ร้องไห้งอแงด้วยพิษไข้ก็ดูจะหลับสบายที่สุดในรอบหลายวันที่ผ่านมา

    แจจุงนั่งมองลูกชายคนเล็ก หลับไปทั้งๆที่ปากยังคงกินนมไม่เลิก แล้วอดหัวเราะออกมาไม่ได้

    ลูกหมีตัวนี้นี่น๊า...พูดพลางส่งปลายนิ้วไปเล่นกับแก้มใสๆอย่างน่ารัก

    เค้าไม่ให้เล่นแก้มเด็ก จำไม่ได้หรอคุณแม่...

    เสียงทุ้มคุ้นหูเรียกให้แจจุงหันไปมองด้วยความตกใจ ก่อนจะทำหน้ามุ่ยนิดๆ พอเมื่อเห็นว่าใครเดินเข้ามา

    มองอะไรห๊ะ!!

    ทั้งๆที่ยุนโฮยังไม่ทันได้พูดอะไรด้วยซ้ำ แต่คนที่นั่งเปิดนมให้ลูกกินอยู่ ก็ออกอาการร้อนตัวขึ้นมาซะแล้ว ท่าทางที่ยุนโฮมองแล้วหลุดหัวเราะออกมา

    ไม่ได้มองอะไรซักหน่อย...พูดพลางแกล้งเหล่ตามองอกขาวๆ ที่ตอนนี้เจ้าลูกชายตัวเล็กนนเอาแก้มแนบหลับตาพริ้มสบายใจเป็นที่สุด

    นี่ อย่ามาทะลึ่งนะ!!พูดออกมาอีกครั้ง เมื่อเห็นว่ายุนโฮยังไม่เลิกขำง่ายๆ

    ก่อนคนตัวสูงจะมาคุกเข่านั่งลงตรงหน้า มองแก้มยุ้ยของลูกชายตัวเล็ก แล้วก็พูดออกมา

    ต้องไปเมืองไทยต่อแล้วล่ะแจจุง...รีบเอาลูกไปนอนเถอะ...

    คำพูดที่ทำให้แววสลดมีชัดในแววตาคนฟัง

    ...เพิ่งได้เจอลูกแค่ไม่กี่ชั่วโมง ก็ต้องไปซะแล้ว...


    แต่เครื่องยังไม่ออกเร็วๆนี้ไม่ใช่หรอ...พูดออกมา หลังจากหันไปดูนาฬิกา จำได้ว่าเครื่อจะออกประมาณหัวค่ำ แล้วไปถึงเมืองไทยตอนดึกๆ

    ต้องเข้าบริษัทก่อนน่ะ...

    พอเห็นแจจุงทำหน้าเศร้าๆซะขนาดนั้น ยุนโฮก็อดไม่ได้ จูบลงไปเบาๆที่กลีบปากนุ่ม แล้วกระซิบออกมา

    ไปเร็วๆ...

    อืม..ตอบออกมา ก่อนจะค่อยๆลุกขึ้น ทำท่าจะวางเจ้าตัวเล็กลงไปนอนตรงที่นอนประจำ แต่ไม่ทันไร แจจุงถึงได้สังเกตุเห็นว่า

    มือเล็กๆที่เหมือนจะไม่มีเรี่ยวแรงอะไรมากมานนั้น กำสาบเสื้อของแจจุงเอาไว้แน่นขนาดไหน

    เห็นอย่างนั้น คนที่ต้องตัดใจวาง ก็ยิ่งตัดใจยากเข้าไปอีก

    ยุนโฮส่งมือมาลูบผมแจจุงเบาๆ แล้วค่อยๆ เลื่อนไปแกะมือเล็กๆออกจากสาบเสื้อของคุณแม่ และทันทีที่โดนดึงมือออกเท่านั้นแหละ

    เจ้าหนูน้อยที่เคยหลับสนิทก็ลืมตาร้องไห้จ้าขึ้นมาทันที....

    เสียงร้องที่ทำให้แจจุงต้องกระชับอ้อมกอด โอบลูกตัวเล็กๆเอาไว้อีกครั้ง กอดปลอบเบาๆ ก่อนจะโอ๋ให้เงียบ

    ...แต่คราวนี้กลับไม่เหมือนครั้งก่อน เหมือนเจ้าหนูน้อยจะรู้งานว่าคุณแม่กำลังจะไป แทนที่จะยอมเงียบง่ายๆเหมือนทุกทีที่แจจุงมาโอ๋ กลับแผดเสียงร้องไห้ออกมามากกว่าเดิม จนแก้มนวลๆนั้นแดงไปหมด

    พี่ยุนโฮ พี่แจจุง น้องเป็นอะไรอ่ะ...พอเสียงดังมากเข้าๆ ชางมินที่นั่งเล่นอยู่กับ เจ้าหนูยองโฮ เลยต้องแวะมาดู

    พอโผล่หน้ามาเห็นพี่ชายทั้งสองคน ช่วยกันโอ๋น้องเป็นการใหญ่ จึงเดินเข้ามาใกล้ๆ

    น้องเป็นอะไรหรอ...

    ร้องไห้น่ะ ไม่ยอมให้แจจุงวาง...ยุนโฮหันมาตอบ ก่อนจะกลับไปรับแจอินมากอดเอาไว้ ตอนที่แจจุงกำลังติดกระดุมเสื้อ

    เงียบสิครับคนเก่ง...พืมพำเบาๆ อย่างอ่อนโยน ด้วยหวังว่าเจ้าหนูจะยอมเงียบเหมือนทุกครั้ง

    เพราะมัวแต่ให้ความสนใจกับ แจอินกันอยู่ ชางมินถึงได้ลืมมองว่าน้องชายที่มาตัวเอง ตอนนี้เริ่มแบะปากตามมาอีกคนแล้ว

    ยองโฮ~”

    แง๊........

    ...นั่นไง ว่าแล้ว...บอกตัวเองในใจ ก่อนจะจัดการ ยกเจ้าหนูขึ้นมาอุ้มเอาไว้อีกคน

    อย่าร้องสิครับ หนูร้องไห้แล้วคุณพ่อกับคุณแม่จะเหนื่อยรู้มั้ย...พูดออกมาทั้งๆที่ไม่รู้ว่าเจ้าหนูจะเข้าใจรึเปล่า

    แต่ถึงอย่างนั้น เสียงร้องไห้งอแงที่ดังออกมาก็ไม่มีทีท่าว่าจะเบาลง

    ไม่ทันไร สายตาคมๆของยุนโฮก็เหลือบไปเห็นเข้าอีกว่า ตอนนี้หนูน้อยโบยุน ก็กำลังเดินเตาะแตะเข้ามาในห้องอีกคน

    ...ถ้าคนนี้ร้องอีกเนี่ยบ้านแตกแน่ๆ...


    ป๊า..ป๊า..พูดอ้อแอ้ๆออกมา ก่อนจะมองพี่ชายกับน้องชายตัวเองร้องไห้ด้วยสายตาสงสัย และไม่รอช้า

    เสียงร้องไห้งอแงก็แผดออกมาอีกระลอกหนึ่ง

    ยุนโฮ แจจุง ทำไมกันหรอลูก...พอร้องไห้มากๆเข้าก็ร้อนไปถึงคุณแม่ซองมีที่นั่งดูทีวีอยู่ในห้องข้างๆ

    ลูกร้องใหญ่เลยครับแม่...


    คำตอบที่ทำให้คนเป็นแม่มาก่อน กวาดสายตามองบรรยากาศรอบห้องอย่างปลงๆ



    ...กลัวไม่มีใครรู้กันรึไง ว่าเป็นลูกของนักร้องดังเนี่ย...




    ::.::.::.::.::.::.::.::.::.::.::.::.



    ฮะฮะ..

    ยูชอนอดหัวเราะออกมา ไม่ได้ เมื่อเห็นว่าลูกหมีทั้งตัวเล็กตัวใหญ่ โดนจับมานั่งเรียงกันสามตัว ทุกๆตัวมีอาการเหมือนกันคือตาแฉะไปด้วยน้ำตา ปลายจมูกแดงก่ำ และยังสะอื้นอยู่น้อยๆ

    ลูกพี่เป็นอะไรอะพี่ยุนโฮพูดออกมาเจือเสียงหัวเราะ ก่อนจะมองพี่ชายสองคน ที่ตอนนี้ช่วยกันเช็ดหน้าเช็ดตาให้ลูกซะยกใหญ่

    ร้องไห้น่ะสิ ว่างมากก็มาช่วยเช็ดเลยมา...พูดพลางหันไปกึ่งส่งกึ่งยัดกระดาษทิชชู่ใส่มือยูชอน ไม่ทันไร เจ้าตัวก็ปล่อยออกมาราวกับโดนของร้อน

    พอเลยพี่กับเด็กเนี่ยไม่เอาจริงๆ เวลาอารมณ์ดียังไหว แต่เวลาร้องไห้แบบนี้ ไม่ไหวจริงๆพูดพลางเดินถอยออกมา แล้วมองบรรยากาศครอบครับอันแสนวุ่นวายเงียบๆ

    แล้วทำไมถึงได้ร้องไห้ขึ้นมาพร้อมกันทั้งสามคนล่ะ...

    รู้ว่าฉันจะไปแล้วมั้ง...แจจุงตอบออกมา ก่อนจะลุกขึ้นเอากระดาษทิชชู่อันเก่าทิ้งถังขยะ แล้วหยิบอันใหม่

    ไม่ทันได้ขยับตัวไปไหนไกล มือเล็กๆของโบยุนก็เลื่อนมาจับชายเสื้อเอาไว้ซะแล้ว

    มี๊~...”

    แม่ไม่ได้ไปไหนครับลูก เอาขยะไปทิ้งเอง...ตอบออกมา แล้วออกแรงอุ้มลูกสาวคนเดียวขึ้นมาอย่างเอ็นดู

    “...”

    ไม่ต้องทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เลยนะ...พูดพลางขยับเอาหน้าตัวเองเข้าไปใกล้ และแตะปลายจมูกโด่งเข้ากับจมูกเล็กๆของลูกสาวเบาๆ ก่อนจะจุ๊บลงไปที่ปากนิ่มๆ

    ออกห่างไม่ได้แบบนี้ แล้วพวกพี่ๆจะไปเมืองไทยกันยังไงล่ะ...จีฮเยที่ไปจัดการชงนมมาให้น้องเดินออกมาจากในครัวแล้วถามออกมา


    ...คำถามที่ทำให้ทุกๆคนครุ่นคิด??~...


    งั้น....เอาน้องไปเมืองไทยด้วยกันมั้ย...จุนซูพูดออกมา หลังจากที่นั่งเงียบอยู่นาน คำพูดที่ทำให้ทุกคนชะงักไป...


    ...เอาลูกทั้งสามคนไปเมืองไทยเนี่ยหรอ...


    ดีออก จะได้เอาน้องไปเที่ยวด้วย น้องยังไม่เคยเที่ยวที่ไหนเลย จะได้เอาน้องไปดูมะพร้าว เนอะยูชอนเนอะ...

    พูดออกมายาวเหยียด ก่อนจะหันไปถามความเห็นจากคนที่คิดว่าน่าจะเห็นด้วยมากที่สุด

    ไม่ทันที่ยูชอนจะตอบออกมา...

    จะดีหรอ...ยุนโฮพึมพำแผ่วเบา ก่อนจะหันไปมองทาง แม่ของตัวเองเหมือนต้องการความเห็น

    ไหนๆลูกก็ไม่ยอมห่างแล้ว แล้วแจอินก็ไม่สบายอยู่ ถ้าเอาไปด้วยก็จะได้กินนมแจจุง แต่ถ้าปล่อยให้อยู่กับแม่ที่เกาหลี แล้วร้องไห้จนไข้ขึ้นหนัก แม่ว่าพวกเราก็ไม่มีสมาธิจะทำงานกันหรอก...

    ได้ยินคำตอบเหมือนจะเป็นคำตกลงกลายๆ ยุนโฮก็หันไปมองแจจุง คนสุดท้ายที่จะตัดสินใจได้

    ว่าไงแจจุง...

    อืม.....พาลูกไปดูช้างไง...ได้ยินแจจุงตอบออกมาแบบกึ่งจริงกึ่งเล่นก็ทำเอายุนโฮต้องถามย้ำอีกครั้ง

    เอาจริงหรอ...

    เอาสิ...ฉันก็ไม่อยากให้ลูกร้องไห้จนไม่สบายไปกันหมดหรอกนะ...เนอะโบยุนเนอะ ดูช้างกัน..ตอบออกมาแล้วหันไปทำท่าเนอะแนะกับลูกสาว ก่อนจะหัวเราะคิกคักอกมาทั้งแม่ทั้งลูก

    ...น่าน..อารมณ์ดีขึ้นมาเชียว...

    งั้นก็ เหลือเวลาอีกไม่เท่าไหร่แล้ว รีบจัดการเก็บของๆลูกให้เรียบร้อย แล้วก็ออกไปบริษัทกันเลย...







    ...เด็กๆทั้ง 3 คน กำลงจะมาเมืองไทยกันแล้ว...




    TBC


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×