ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ...ปฐมบทแห่งรักของ 'ยัยอัปลักษณ์หน้าสวย'?!?
บทนำ
ปฐมบทแห่งรักของ 'ยัยอัปลักษณ์หน้าสวย'?!?
ปฐมบทแห่งรักของ 'ยัยอัปลักษณ์หน้าสวย'?!?
วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่อากาศสดชื่นแจ่มใส เอาจริงๆ สำหรับตัวฉันเองแล้วแม้ว่าวันนี้จะมีพายุเข้า อะไรๆ ในสายตาฉันมันก็ดูสวยงามรื่นเริงบันเทิงใจไปซะหมดทุกอย่างอยู่ดี ทำไมถึงเป็นแบบนั้นน่ะเหรอ คำตอบง่ายนิดเดียว ก็เพราะว่าวันนี้น่ะ... เป็นวันแรกของการใช้ชีวิตในฐานะนักศึกษาแพทย์ของฉันยังไงล่ะ >O<!!!
ฉันเงยหน้ารับลมอ่อนๆ ที่โบกโบยโชยพัดเข้ามา สูดความหอมสดชื่นของอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าจนเต็มปอด กระโดดโหยงเหยงไปมาอย่างร่าเริงแบบนางเอกซีรี่ส์เกาหลีที่ชีวิตดี๊ดีจนน่าอิจฉา แต่ก็นะ... ฉันเองก็สามารถพูดได้เต็มปากเต็มคำเหมือนกันนั่นแหละว่าตอนนี้ฉันน่ะ 'ชีวิต...ดี๊ดี!!!' ^[++++]^
แต่ก็อย่างที่บอกไปตั้งแต่ตอนต้นว่าวั้นนี้เป็นวันแรกของการเปิดภาคการศึกษาของมหาวิทยาลัย แน่นอนว่าสำหรับฉันมันต้องเป็นวันแรกของการมาเหยียบสถานที่แห่งนี้อย่างเป็นทางการเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นสิ่งต่างๆ ที่อยู่รายรอบตัวฉันล้วนเป็นสิ่งใหม่ที่ยังไม่ได้ทำความรู้จักมักคุ้น พูดง่ายๆ ก็คือฉันแทบจะไม่รู้เลยว่าอะไรอยู่ตรงไหน ความสนุกสนานรื่นเริงบันเทิงใจที่เคยนำพาให้ตัวเองกระโดดโหยงเหยงไปมาอย่างกับอีบ้าที่เพิ่งจะหลุดออกมาจากโรงพยาบาลประสาทมลายหายไปจนหมดสิ้น ความบ้าเหือดหาย เหลือก็เพียงแต่ความฉิบหายกล่าวโบกมือทักทายอยู่ตรงหน้า... (จะมาเป็นกลอนเพื่อ -_-?)
นี่ฉันโผล่มาอยู่ตรงจุดไหนของมหาวิทยาลัยสุดยิ่งใหญ่อลังการแห่งนี้กันล่ะเนี่ย T_T
เอาล่ะ ที่ฉันสาธยายแบบต่อความยาวสาวความยืดซะจนคุณขี้เกียจจะอ่านนั้นหมายความง่ายๆ ได้แค่ประโยคเดียวเด็ดๆ ว่า... ฉัน! กำลัง!! หลงทาง!!!
ตายห่าล่ะหว่าชะเอิงเอย~ ยัยเซ่อซ่าเอ๊ย! ทำไมถึงได้เปิ่นเบ๊อะเลอะเลือนถึงขนาดนี้เนี่ย ฮือๆๆ เริ่มต้นชีวิตมหาลัยแค่วันแรกก็เอาแล้วไง นี่แกคิดจะสร้างวีรกรรมสุดไฉไลบ้าบออะไรอีกล่ะยะ 'ยัยซินเธีย' หวังว่าคราวนี้จะไม่ทำให้หน้าแหกไปซะยิ่งกว่าเดิมอีกนะ เพราะถ้ามันเกิดขึ้นมาจริงๆ ล่ะก็ รับรองได้เลยว่าหน้าฉันคงจะไม่เหลืออะไรให้ใครมาอภิรมย์ชมชอบได้อีกต่อไปแล้วอย่างแน่นอน
"วี้ดวิ้ว~"
สองเท้าของฉันเป็นอันต้องหยุดนิ่งอยู่กับที่ทันทีที่มีเสียงเหมือนใครบางคนผิวปากออกมาจากที่ไหนสักแห่ง ฉันสอดส่ายสายตามองไปรอบๆ ก็พบว่าตอนนี้สองเท้างี่เง่าของฉันนำพาฉันมายังสถานที่ที่สุดแสนโดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงา สองข้างทางล้วนเป็นตึกเก่าๆ ที่ดูก็รู้ว่าขาดการดูแลเอาใจใส่ ฉันยืนนิ่งโดดเดียวอยู่ตรงใจกลาง Cover way (ทางเดินมีหลังคา) ที่ทอดตัวยาวเพื่อเป็นเส้นทางให้นักศึกษาใช้สัญจรไปมาเดินทางเปลี่ยนตึกเรียนกันได้อย่างสะดวกสบาย
นี่ฉันเป็นบ้าอะไรกันเนี่ย คิดอะไรอยู่ถึงได้กระโดดโหยงเหยงไปมาไม่ดูตาม้าตาเรือจนมาโผล่อยู่ตรงโซนตึกเก่าแก่ทรุดโทรมที่ไม่มีใครคิดจะย่างกรายเข้ามาสักคนแบบนี้
แต่เอ๊ะ! ในเมื่อเห็นๆ กันอยู่ว่าแถวนี้ไม่มีใคร ละ... แล้วเมื่อตะกี้นี้มัน... เสียงใครผิวปากกัน!?! ระ...หรือว่าจะเป็น...
ผะ... ผี /(TOOT)\!!!
"ว้าวๆๆๆ วันนี้พวกเราโชคดีอะไรขนาดนี้เนี่ย มีสาวสวยมาหาถึงที่ตั้งแต่เช้าเลยเว้ยเฮ้ย ฮ่าๆๆ"
เสียงหัวเราะเริงร่าดังออกมาพร้อมกับการปรากฏตัวของกลุ่มชายฉกรรจ์กลุ่มใหญ่ พวกเขาต่างทยอยโผล่หัวกันออกมาทีละคนสองคนจากมุมตึกที่อยู่ข้างหน้าถัดจากฉันไปไกลหลายก้าว จนตอนนี้สิริรวมตัวเลขทั้งหมดนับได้เป็นผู้ชายหน้าโหดเกินกว่าสิบคนยืนเรียงแถวหน้ากระดานกั้นเป็นปราการขวางทางเดินตรงหน้าฉันไปซะเรียบร้อยแล้ว
เฮ้อ! ใจนึงก็นึกโล่งอก ที่อย่างน้อยเสียงหวีดหวิวที่ได้ยินเมื่อกี้นี้ไม่ใช่เสียงผีอย่างที่เคยคิดฟุ้งซ่าน แต่ว่าถ้าจะบอกว่ามันเป็นเรื่องดีก็คงยังไม่ถูกต้องเท่าไหร่นัก เพราะดูจากลักษณะภายนอกของแต่ละคน ไม่ต้องให้เดาก็ทายถูกอยู่แล้วล่ะว่าพวกมันจะต้องเป็นพวกจิ๊กโก๋ชั้นต่ำ อันธพาลจอมกร่างที่รวมตัวกันเพื่อหวังจะเป็นใหญ่คุมนักศึกษาทุกคนในมหาลัยอะไรเทือกๆ นั้นแน่นอน
ตายล่ะหว่าเจ้าข้าเอ๊ย! อย่าบอกนะว่าวีรกรรมสุดประทับใจแรกของฉันในฐานะเฟรชชี่ คือการตีกับพวกนักเลงหัวไม้พวกนี้เนี่ยนะ!
ไม่ใช่สิ ถ้าจะพูดให้ถูก... นี่คือโอกาสดี ว้ายบ้าสิ ไม่ใช่ๆ โอกาสเสี่ยงที่ฉันจะได้มีสามีพร้อมกันทีเดียวสิบกว่าคน!!!
พระพุทธเจ้าทรงโปรด!!! แง~ (T/\T)
"ไงจ๊ะสาวน้อย เป็นไงมาไงเอ่ยถึงได้โผล่มาหาพวกพี่แถวนี้ได้"
"ใจสั่งมาหรือไรจ๊ะน้องสาว"
"ฮ่าๆๆๆ"
พวกมันส่งเสียงเห่าหอนกันอย่างสนุกปาก ในขณะที่ฉันทำได้เพียงแค่อึกอัก เรียกได้ว่า... ใบ้กินไปโดยปริยาย
"พวกแกไปแซวน้องเค้าแบบนั้นได้ยังไงวะ เห็นไหมสาวน้อยกลัวจนขวัญกระเจิงหมดแล้ว ^^"
นายคนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าแก๊งค์ก้าวออกมาล้ำหน้าคนอื่นสองสามก้าว เขาหยุดอยู่กับที่แล้วส่งยิ้มให้กับฉันน้อยๆ ก่อนจะค่อยๆ สาวเท้าก้าวเข้ามาหาฉันช้าๆ ระยะห่างระหว่างเราที่ค่อยๆ กระชั้นชิดเข้ามาเรื่อยๆ ทำให้ฉันสามารถมองเห็นเขาได้อย่างชัดเจน
ประกายแห่งความหล่อเหลาจากผู้ชายตรงหน้าเปล่งออร่าออกมาอย่างหาที่สุดมิได้ ฉันตระหนักได้ตั้งแต่บัดนั้นเลยว่าท่ามกลางชายโฉดหน้าโหดอย่างกับอสูรกาย อย่างน้อยก็คงจะมีนายคนนี้คนเดียวเนี่ยล่ะมั้งที่ดูดีอย่างน่าใจหายเสมือนซาตานตัวร้าย หรือไม่ก็เจ้าชายปีศาจอะไรเทือกนั้น
กึก...
และแล้วเจ้าชายปีศาจก็ก้าวเข้ามาถึงตัวเหยื่อได้สำเร็จ! เหยื่ออย่างฉันจึงได้แต่ก้มหน้าหลับตาแน่นรับชะตากรรม เตรียมตัวเตรียมใจตั้งรับการตะครุบอย่างเต็มที่ และเต็มใจ เย้ย ไม่ใช่ละ >O<!!! (ยัยนี่ต้องการอะไรกันแน่บอกที (-_-)? ) แต่ทว่า...
กริบ...
ฟิ้วๆๆ~ (เสียงลมพัดใบไม้ปลิวไหว)
อะ... เอ่อ... ทำไมถึงเงียบ O_o
ด้วยความมึนงงสงสัยในสถานการณ์ที่มีกลิ่นอายสุดแสนจะแปลกประหลาด ฉันจึงรีบลืมตาเงยหน้าขึ้นมามองความเป็นไปรอบตัว และส่ิงที่ได้กลับมาคือ...
ปฏิกิริยาช็อกชะงักชักตาเหลือกลานอ้าปากค้างจากคนตรงหน้า!
ฉันลอบถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย นึกแล้วว่าจะต้องเป็นแบบนี้ ปฏิกิริยาตอบกลับจากทุกๆ คนที่เพิ่งประสบพบเจอและเห็นหน้าฉันครั้งแรกมันก็เป็นแบบนี้ทุกทีเลยสิน่า ทำไมถึงไม่รู้จักทำใจให้ชินอีกนังซินเอ๋ย ยิ่งตอนนี้ยังมีรอยบากที่แก้มเพิ่มเข้ามาเสริมสร้างความหน้าแหกให้กับตัวเองอีก ไม่อยากจะสาธยายเลยว่าฉันจะแลดูประหลาดสักแค่ไหนในสายตาคนอื่น
ก็คิดดูสิ ขนาดหัวหน้าแก๊งค์อันธพาลยังถึงกับช็อกรับประทานเงิบกลางอากาศเลยล่ะคุณเอ๊ย! ขนาดจะมองหน้าฉันต่อไปอีกสักหน่อย ในตอนนี้เขาคงไม่กล้าที่จะทำแล้วล่ะ TOT
"อะ... เอ่อ..."
ดูเหมือนเจ้าชายปีศาจจะเริ่มทำใจได้กับการที่จะต้องจ้องมองนางพญามหาปลวกตรงหน้าต่ออีกสักนิดสักหน่อย ท่าทีอึกอักของเขาทำให้ฉันรู้สึกอายตัวเองมากขึ้นไปกว่าเดิมหลายเท่าตัว ฉันได้แต่ภาวนาในใจให้เขารีบชิ่งหนีไปจากตรงนี้ซะ อย่าได้ทำร้ายจิตใจฉันโดยการมายืนอึกอักงุ่นง่าน เพื่อย้ำเตือนฉันถึงความน่าเกลียดน่ากลัวของตัวเองต่อไปเรื่อยๆ แบบนี้เลย... มันทรมานใจชะมัด
"เป็นไงลูกพี่ น้องเค้าสวยจนลูกพี่ตะลึงตะลานถึงกับพูดไม่ออกไปเลยเหรอครับ ฮ่าๆๆ"
ฉันนึกขอบใจบรรดาลูกสมุนที่ต่างพากันแซวออกมาทำลายความเงียบ บรรยากาศโดยรอบจึงดูครึกครื้นขึ้นมาหน่อย ไม่อึดอัดเกินไปนัก แม้ว่าการแซวเหล่านั้นมันจะเจือปนด้วยน้ำเสียงหื่นกระหายไปบ้างนิดๆ หน่อยๆ ก็เถอะนะ
"เวรแล้วไง!..." เจ้าชายปีศาจสบถกับตัวเองเสียงเบา นี่เค้าแสดงออกว่ารังเกียจฉันถึงกับขนาดอุทานออกมาว่าการที่ได้มาพบกับฉันถือเป็นเวรเป็นกรรมของเขาเลยเชียวเหรอ T^T "บอกฉันให้ชื่นใจทีซิ ว่าจริงๆ แล้วเธอคือเฟียร่าจากคณะศิลปศาสตร์"
"หา...???" ประโยคแรกที่หลุดออกมาจากปากฉันหลังจากที่เงียบอยู่นานล้วนอัดแน่นไปด้วยความงุนงงล้นปรี่ อยู่ดีๆ ทำไมคุณเจ้าชายปีศาจถึงได้ถามคำถามเข้าใจยากแบบนี้กับฉัน แถมยังมีการส่งสายตาเว้าวอนให้ฉันตอบว่าใช่ด้วยแน่ะ เดาได้เลยว่าถ้าฉันตอบเขาว่าใช่ขึ้นมาจริงๆ ล่ะก็นะ เค้าคงถวายพานพุ่มดอกไม้ธูปเทียนครบเซ็ตพร้อมกับกราบเบญจางคประดิษฐ์ให้ฉันอย่างบรรจงแน่นอนพันเปอร์เซ็นต์เลย แต่เดี๋ยวนะ... เฟียร่าจากคณะศิลปศาสตร์อย่างนั้นเหรอ... ไม่ๆๆ ไม่มีทางเป็นไปได้เด็ดขาด อะไรมันจะไปบังเอิญขนาดนั้น ต้องเป็นคนที่ชื่อเหมือนกันและเรียนคณะเดียวกันกับยัยนั่นแน่นอน วู้วๆๆ ใช่แล้วล่ะ มันต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ!
โอ๊ย! นี่มันเกิดเรื่องบ้าบออะไรขึ้นกับฉันกันวะเนี่ย!!!
"ฉิบหาย เวรตะไลแล้วไงล่ะ..."
เจ้าชายปีศาจอุทานอย่างหัวเสีย เพราะการที่ฉันเอาแต่เงียบไม่พูดอะไรมันก็หมายความชัดเจนแล้วว่าฉันไม่ใช่คนที่เขาหวังจะให้เป็น ท่าทางของเขาดูเลิ่กลั่กกระวนกระวายขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด สีหน้าครุ่นคิดเครียดหนักอย่างกับได้ยินว่าตัวเองติดโรคเอดส์ยังไงยังงั้น แต่ก็แค่เพียงแวบเดียวเท่านั้น คนตรงหน้ากลับเปลี่ยนกิริยาท่าทีมาสงบเยือกเย็นได้อย่างน่าประหลาดใจ ดูเหมือนว่าเขาคงคิดออกแล้วล่ะว่าจะจัดการเรื่องนี้ต่อไปยังไงดี
พรรคพวกลูกสมุนทุกคนต่างหายใจฮึดฮัด ยืดอกแสดงความฮึกเหิมกันในทันทีที่ท่านหัวหน้าหันกลับไปหาพวกเค้า แต่ก่อนที่จะมีคำสั่งหลุดออกมาจากปากของผู้บัญชาการ...
"เฮ้ยพวกเรา ไปช่วยลูกพี่ฉุดยัยสวยตะลึงนี่กันดีกว่าเร้ว!"
หนึ่งในลูกสมุนโพล่งออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยพลังแห่งความมุ่งหวังที่จะปลุกระดมพรรคพวกของเขา ตามมาด้วย...
"เฮ!!!!!"
ลูกสมุนทุกๆ คนทำตามคำสั่งนั้นอย่างมุ่งมั่นตั้งใจ แต่ละคนต่างผลีผลามพุ่งเข้ามาหาฉันอย่างกับคนบ้าเสมือนสาวๆ วิ่งเข้าหาเสื้อผ้าลดราคาเก้าสิบเปอร์เซ็นต์
"เชี่ย!"
แต่ทว่าคนที่เป็นหัวหน้าใหญ่กลับมีปฏิกิริยาที่ผิดแผกแตกต่างไปจากลูกน้องโดยสิ้นเชิง เขาสบถออกมาอย่างหัวเสียเสมือนว่านี่มันผิดไปจากความตั้งใจของเขามากมายนัก ก็แหงล่ะสิ มุ่นมั่นตั้งใจที่จะฉุดสาวสวยระดับดาวมหาลัยไปขบเคี้ยวกินเล่น แต่นี่กลับมาได้ผู้หญิงหน้าตาอย่างกะลูกที่เกิดจากอะมีบาผสมพันธุ์กับไฮดราแล้วก็ดั๊นไปเป็นชู้กับพารามีเซียมอีกต่อนึงซะนี่ (นี่คือมุกตลกที่หมอเขาใช้เล่นกันใช่มั้ย... ตลกได้อย่างลึกล้ำมากบอกเลย O(T_T)b)
ผิดแผนแบบสุดๆ ไปเลยใช่มั้ยล่ะ เหอๆๆ คิดๆ ดูแล้วก็แอบสงสารเจ้าชายปีศาจตรงหน้าชะมัด ขอโทษทีละกันนะที่ฉันมันไม่ได้สวยเลิศเลออย่างที่นายนึกฝันไว้ T^T
"เฮ!!!" พวกลูกสมุนยังคงกระวีกระวาดพุ่งเข้ามาอย่างไม่ยอมแพ้ อีกแค่ไม่กี่อึดใจเดียวพวกเขาก็คงจะมาถึงจุดที่เราสองคนยืนกันอยู่แล้วล่ะ
"หยุด! หยุดเดี๋ยวนี้นะเฟ้ยไอ้พวกบ้า นี่มันเล่นนอกบทกันเกินไปแล้วนะเว้ย"
"ฮูเรๆๆ ฮาๆ ฮูลาๆๆ เฮๆ จุ๊กกรู๊ๆ วี้ดวิ้วๆ~" เอิ่ม... ดูเหมือนพวกลูกสมุนจะไม่สนใจฟังท่านหัวหน้าอีกต่อไปแล้วล่ะ
ฮือๆๆๆ เตรียมรับกับความฉิบหายที่แท้จริงได้เลยยัยซินเธีย!
หนึ่ง... สอง... สาม!!!
"วิ่ง!!!"
"ว้ายยยยยย!"
อยู่ๆ ร่างกายของฉันก็แทบถลาลอยละล่องไปในอากาศตามแรงฉุดลากของผู้ชายตรงหน้าโดยไม่ทันตั้งตัว คุณเจ้าชายปิศาจกุมมือฉันแน่นแล้วพาฉันวิ่งหนีตาตั้งด้วยความเร็วมหาศาลเกือบเท่าความเร็วแสง (เวอร์ไป) ลูกสมุนผู้คึกคะนองเกินเหตุและเกินความจำเป็นยังคงวิ่งไล่ตามมาอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่ พวกเค้าไม่รู้ด้วยซ้ำล่ะมั้งว่านี่มันผิดแผนที่คุณหัวหน้าของพวกเขาคิดไว้ไปกันใหญ่แล้ว มิหนำซ้ำอาจจะพลอยคิดว่านี่คือฉากฉากหนึ่งที่ท่านหัวหน้าเตรียมเอาไว้ในแผนการฉุดสาวสุดแยบยลแห่งทศวรรษก็เป็นได้
"หยุดเดี๋ยวนี้นะ ไอ้พวกอันธพาลชั้นต่ำ!"
ไม่ทันที่จะได้หลุดพ้นไปจากขอบเขตในโซนตึกเก่าเส็งเคร็งนี่ พลันก็มีเสียงตะโกนหนักแน่นดังขึ้นมาขัดจังหวะการวิ่งหนีของเราสองคนไว้ ฉันได้แต่ยืนก้มหน้างุดยอมให้เจ้าชายปีศาจกุมมือฉันแน่นอยู่แบบนั้น ในขณะที่ตัวเขาเองหันไปสนใจกับเจ้าของเสียงปริศนาที่แสนมีเสน่ห์นั่น
"อะ...ไอ้"
"แกไม่ต้องสะเออะพูดอะไรทั้งนั้น ส่งตัวผู้หญิงคนนั้นมาให้ฉันเดี๋ยวนี้ ก่อนที่แกจะเละเป็นโจ๊ก"
ดูเหมือนคุณชายปีศาจอยากจะพูดอะไรสักอย่างใจจะขาดแต่ก็ถูกชายหนุ่มปริศนาขัดบทสนทนานั้นไว้ ฉันลอบชายตาขึ้นไปมองปฏิกิริยาของคนที่ยังคงกุมมือฉันแน่นไม่ยอมปล่อย ตอนนี้เขาได้แต่เอามีอีกข้างขึ้นมาดึงทึ้งผมตัวเองอย่างหัวเสียจนทรงผมที่เคยเท่ห์บัดนี้กลับกระเซอะกระเซิงจนดูไม่ได้ ริมฝีปากบางสีแดงสดนั่นหุบๆ อ้าๆ พะงาบๆ เป็นจังหวะเหมือนกับกำลังกระซิบกระซาบอะไรบางอย่าง แต่โชคร้ายที่ชายหนุ่มปริศนาตรงหน้าเรามิอาจอ่านปากของเขาออกได้
"ให้ตายสิวะ แกจัดการกับยัยนี่ต่อเอาเองก็แล้วกัน ฉันไม่รู้อะไรด้วยแล้วโว้ย!"
และแล้วดูเหมือนคุณชายปีศาจจะทนต่อความอึดอัดไม่ไหวอีกต่อไป เขาเลยโพล่งขึ้นมาเสียงดังสนั่นก่อนจะผลักฉันไปข้างหน้าจนตัวฉันเซถลาเข้าหาอ้อมอกของชายหนุ่มปริศนาคนดังกล่าว อย่าบอกนะว่านายนี่จะเป็นคนรับช่วงต่อฉุดฉันอีกทอดนึงน่ะ เอิ่ม... ทำไมระบบระเบียบและแผนการในการฉุดผู้หญิงสมัยนี้ถึงได้มีหลากหลายขั้นตอน ซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากมายขนาดนี้วะเนี่ย หนูทั้งเพลียและไม่ไหวจะเคลียร์แล้วนะคะบอกเลย T_T
"อะไรของแกวะเนี่ย"
ชายหนุ่มปริศนาท่าทางก็คงฉงนสงสัยในท่าทีของคุณชายปีศาจไม่ต่างกัน แต่ถึงจะงุนงงสักแค่ไหน สองแขนของคุณพี่เค้าก็ทำหน้าที่ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง มันทั้งสองถูกยกขึ้นมาโอบกอดฉันแน่นจนหน้าฉันแทบจะฝังเข้าไปหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับกล้ามอกอุ่นๆ ของเขาอยู่แล้ว
"พายัยอัปลักษณ์หน้าสวยไปจากที่นี่ด่วนเลย เดี๋ยวทางนี้ฉันจัดการเอง"
อะไรนะ! 'ยัยอัปลักษณ์หน้าสวย' อย่างงั้นเหรอ! บอกทีว่านี่คือคำด่าหรือคำชม?!?
"จัดการอะไรของแกวะ ฉันงงไปหมดแล้วนะเว้ย...."
"เฮ!!!" อ๊ากกกก! ไอ้พวกลูกสมุนบ้า ทำไมพวกแกยังเสร่อวิ่งตามกันมาอี๊กกกกก!
"โอเค ตามนั้น ไปกันเถอะเฟียร่า"
ทันทีที่ได้ยินเสียเฮลั่นดังสนั่น ชายหนุ่มปริศนาดูเหมือนจะเข้าใจได้ในทันทีว่าเจ้าลูกกระจ๊อกบ้าเลือดที่กำลังวิ่งเข้ามาอย่างกับฝูงกระทิงสิ้นสติเหล่านั้นนั่นเองคือสิ่งที่คุณชายปีศาจบอกว่าจะจัดการให้ แต่จะจัดการทำไม จัดการอย่างไร และจัดการบ้าบออะไร ฉันที่กำลังงงเป็นไก่ตาแตกก็มิอาจจะตอบอะไรได้เลย แล้วยิ่งนายมาใหม่คนนี้ดันเรียกฉันด้วยชื่อเฟียร่าอีก มันยิ่งทำให้ฉันเริ่มรู้สึกตะงิดๆ ตะขิดตะขวงใจกับเหตุการณ์นี้ มันเริ่มคลับคล้ายคลับคลาว่าทุกอย่างจะเกี่ยวข้องกับคนใกล้ตัวของฉันไปซะแล้ว...
เฟียร่างั้นเหรอ... ชื่อนี้มันฟังดูเหมือนกับชื่อของคนใกล้ตัวฉันมากๆ เลยด้วย!
ยังไม่ทันที่จะได้เห็นหน้าของกันและกันด้วยซ้ำ ชายหนุ่มปริศนาก็ยกฉันขึ้นอุ้มอย่างเร็วรี่ แล้ววิ่งไปมาอย่างไร้ทิศทาง หวังแค่เพียงว่าจะหนีออกไปจากอาณาเขตตึกเก่าเหล่านี้ให้จงได้ ฉันที่เอาแต่ซุกหน้าอยู่กับอกของผู้ชายแปลกหน้า ยอมให้เขาอุ้มมาตลอดทาง ฉวยโอกาสที่ทุกอย่างกำลังเข้าสู่ความโกลาหล แอบเงยหน้าขึ้นลอบสำรวจเจ้าของอ้อมแขนแกร่งอันแสนอบอุ่นและหอมกรุ่นนี่อย่างสนใจ...
โอ้พระเจ้า! นี่เพียงแค่เสี้ยวหน้าด้านข้างเท่านั้นนะ นายคนนี้ยังดูหล่อบรรลัยได้อย่างอลังการล้านแปด!!!
ให้ตายสิ วันนี้นอกจากฉันจะเจอกับปีศาจร้ายที่โคตรหล่อฉิบหายวัวตายควายล้มแล้ว ฉันยังจะได้เจอเทพบุตรสุดหล่อกระฉูดกระฉาดน้ำหมากกระจายด้วยเหรอเนี่ย นี่มันโชคสองชั้นชัดๆ เลยใช่มั้ยคะเนี่ย อ๊าย! อยากกรีดร้องให้ก้องโลก >////<!!!
กึก~
เทพบุตรสุดหล่อหยุดกึกกะทันหัน เหมือนเค้าจะรู้ตัวแล้วล่ะว่ากำลังถูกแอบมองอยู่
"ไงเฟียร่า จำฉันไม่ได้เหรอ มองกันไม่วางตาเลยนะ... ฮะ... เฮ้ย!!!" นี่ก็อีกรายนึงแล้วสินะที่กำลังหวาดผวากับใบหน้าของฉันน่ะ T^T
พ่อเทพบุตรร้องเสียงหลงพลางจ้องหน้าฉันตาเหลือกถลนอย่างกับกำลังเห็นผี นี่ดีนะเนี่ยที่เขายังปรานีอุ้มฉันไว้อยู่แบบนั้น ไม่ปล่อยหรือโยนฉันทิ้งลงพื้น ไม่งั้นมีหวังนอกจากจะหน้าแหกแล้วก้นฉันคงจะแหกตามหน้าไปด้วยเป็นแน่แท้ แงๆ
"อะ... เอ่อ..."
ฉันที่ไม่รู้จะเริ่มพูดอะไรยังไงดีเพราะยังคงไม่เข้าใจกับสถานการณ์ที่ตัวเองกำลังเผชิญอยู่ จึงได้แต่อึกอักเอ่อเอิ่มอยู่อย่างนั้นเพื้อแก้เก้อ ทั้งๆ ที่สมองยังคงขาวโพลนนึกคำพูดอะไรไม่ออกเลยสักนิดเดียว
"นี่เธอไม่ใช่..."
"เฟียร่า" เย่ๆ และแล้วฉันก็สามารถพูดคำอื่นออกมาได้นอกจากอึกอักเอ่อเอิ่ม (-_-;)
"ใช่ เธอไม่ใช่เฟียร่าแล้วทำไมถึงได้มา..."
"อยู่ในอ้อมกอดนาย"
"เอ่อใช่... นั่นล่ะ..."
"...." และทุกอย่างก็กลับมาเงียบกริบอีกครั้ง...
บรรยากาศเริ่มอึดอัดเพิ่มมากขึ้นทุกทีเมื่อนายเทพบุตรไม่พูดไม่จาอะไรออกมาอีกต่อไปแล้ว สิ่งเดียวที่เขาทำคือเอาแต่จ้อง จ้อง และจ้องหน้าฉันอยู่อย่างนั้น แถมยังไม่มีทีท่าว่าจะละสายตาไปไหนด้วย
นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนสวยของเขาที่กำลังก้มลงมามองสำรวจใบหน้าฉันเต็มไปด้วยความสนอกสนใจ ไร้ซึ่งแววแห่งความรังเกียจเดียดฉันท์ ทุกสิ่งทุกอย่างมันทำให้หัวใจของฉันสั่นไหวรุนแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ความร้อนท่ีแผ่ซ่านไปทั่วใบหน้าชี้ชัดออกมาถึงความเขินอายมากมายที่ฉันมีอยู่จนล้นปรี่ ฉันเอียงใบหน้าซบแผ่นอกกว้างของเขาอีกครั้งเพื่อหลบนัยน์ตาชวนฝันที่พาให้ใจฉันสั่นไหวอย่างน่ากลัว แต่ไหนเล่าจะสามารถหลุดพ้นจากมนต์เสน่ห์ของผู้ชายแปลกหน้าคนนี้ได้ เพราะยังคงมีกลิ่นกายหอมละมุนและไออุ่นจากร่างกายแข็งแกร่งของเขาที่ทำเอาฉันแทบหลอมละลายเป็นลมตายอยู่ภายในปราการแสนหวานของกล้ามเนื้อแกร่งสุดสมบูรณ์แบบของเขา
ณ ตอนนี้ฉันตระหนักได้แล้วว่าหนทางเดียวที่จะทำให้ฉันหลุดพ้นจากอาการแปลกประหลาดเหล่านี้ได้... คือจัดการเขมือบผู้ชายคนนี้ซะ!
กรี๊ด! นังซินบ้า แกคิดอะไรออกไปรู้ตัวมั้ยยะ แงๆๆ สงสัยคงจะมึนเมาความหล่อเหลาจนเกินไปแล้วล่ะตัวเราเอ๋ย T/////T
.....
เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าในตอนนี้พ่อเทพบุตรสุดหล่อค่อยๆ บรรจงวางฉันลงกับพื้นหลังจากที่ได้สำรวจใบหน้าของฉันไปสักพักใหญ่ๆ แล้ว
"เข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมไอ้ดิสโก้มันถึงได้จับผิดคน..." เขาเอ่ยเสียงแผ่วพลางยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาประคองใบหน้าฉันให้ยกเชิดขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะจับหมุนไปหมุนมาซ้ายทีขวาทีเหมือนกำลังพิจารณาให้ถ้วนถี่อีกครั้งหนึ่ง
นี่เค้าไม่รู้ตัวเองเลยรึยังไงว่ากำลังทำให้ใครต่อใครหัวใจจะวายตายแล้วน่ะ
"..." ตอนนี้ไม่ว่าเค้าจะพูดอะไรฉันก็ไม่สนใจแล้วล่ะ เคลิบเคลิ้มมมม~ *O*
"ก็เพราะเธอหน้าตาเหมือนกับเฟียร่าอย่างกับแกะ เพียงแต่..."
จบคำพูด ชายหนุ่มตรงหน้าค่อยๆ ผละมือทั้งสองออกไปจากใบหน้าของฉัน แต่แล้วหลังจากนั้นเขากลับทำในสิ่งที่ทำให้ฉันแทบหลอมละลายลงไปกับพื้น!
นิ้วชี้เรียวยาวแตะลงเบาๆ บนรอยแผลเป็นที่เป็นรอยบากยาวข้างแก้มด้านขวาของฉัน สัมผัสละมุนละไมค่อยๆ ลูบไล้ลงไปจากโหนกแก้มด้านบนจนสุดรอยแผลเป็นที่อยู่ตรงมุมปาก ก่อนที่มันจะเลื่อนขึ้นไปข้างบนเรื่อยๆ อย่างสำรวจถ้วนถี่จนไปสิ้นสุดอยู่ตรงรอยบุ๋มเล็กๆ ไม่ลึกมากที่อยู่ตรงกลางหน้าผากเยื้องไปทางซ้ายนิดหน่อย เขามองร่องรอยมลทินบนใบหน้าของฉันอย่างเหม่อลอย ก่อนจะค่อยๆ บรรจงไล้นิ้วชี้วนรอบรอยบุ๋มเล็กๆ นั้นอย่างอ่อนโยน
"...."
"หน้าสวยสมบูรณ์แบบของเธอ ต้องมามีตำหนิเพราะรอยพวกนี้ ขนาดฉันยังแอบนึกเสียดายเลยนะ เธอเองที่เป็นเจ้าของของพวกมันคงช้ำใจแย่เลยใช่มั้ย" คำพูดกับสายตาที่เขาถ่ายทอดออกมาสัมผัสได้ถึงความเห็นใจและสงสารอย่างชัดเจน
ไม่! ฉันไม่ชอบแบบนี้เลย ฉันไม่ต้องการให้เขามาสงสารฉัน ฉันบอกได้เต็มปากเต็มคำเลยว่าตอนนี้ฉันรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมากที่ได้รับรู้ว่าทุกคำพูดและทุกการกระทำของเขาที่มีต่อฉันล้วนออกมาจากความสงสารเห็นใจ ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร รู้แต่เพียงว่าฉันอยากให้มันมาจากความรู้สึกจากใจจริง... จากใจที่แท้จริงของผู้ชายตรงหน้าฉัน
นัยน์ตาของฉันเริ่มพร่าเลือน สติสตางค์ล้วนจมดิ่งมลายหายไปจนหมดสิ้น ความบ้าบิ่นโหมกระหน่ำเข้ามายังจิตใจอย่างไร้สาเหตุ...
ท้ายที่สุดทุกสิ่งทุกอย่างเหล่านั้นก็นำพาฉันไปสู่การกระทำที่ล้วนกลั่นออกมาจากปรารถนาด้านมืดของตัวเองอย่างแท้จริง โดยที่มิอาจหยุดยั้งหรือควบคุมอะไรได้อีกต่อไปแล้ว...
"!!!"
รู้ตัวอีกทีระยะห่างระหว่างเราสองคนก็เป็นศูนย์ ฉันนำพาตัวเองไปสู่จุดที่น่าอับอาย ไม่สิ... จุดที่น่าเขินอายที่สุดในชีวิต!
ฉันกระโจนพุ่งเข้าหา ถลาเข้าไปอิงแอบแนบริมฝีปากของตัวเองเข้ากับริมฝีปากของเทพบุตรตรงหน้า
สวรรค์ทรงโปรด! ฉันกำลังจูบเขา...
เรากำลังจูบกัน!
โอ้พระโพธิสัตว์อมรินทร์เจ้าแม่กวนอิมพระพิฆเนศ! นี่ฉันกำลังทำอะไรอยู่... จูบกับผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ ผู้ชายที่แม้แต่ชื่อก็ยังไม่รู้จักเนี่ยนะ! ประเด็นโคตรเด็ดคือฉันเป็นคนลงมือจูบเขาก่อนซะด้วย ใช่! ฉันมันไร้ยางอายถึงขนาดนั้นเลยแหละ
ถ้าพ่อแม่รู้เข้ามีหวังถูกเผาทั้งเป็นไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดแน่นอนเลยซินเธียเอ๋ย แงๆๆ TOOT!!!
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น