ตอนที่ 36 : [OS] MARKMINRENxNO - HIGH (Huang Renjun)
เสียงครวญคราง เสียงเนื้อกระทบกัน และเสียงเฉอะแฉะลอยออกมาจากห้องนอน ลูคัสขมวดคิ้ว ไม่ต้องเดาว่ามันเป็นเซ็กส์ที่สุดเหวี่ยงเพียงใดเพราะเสียงหวานครวญครางกับเสียงคำรามของนาแจมินนั้นบ่งบอกได้เป็นอย่างดี
“ดูเหมือนพวกมึงจะถูกใจมากนะ เด็ดขนาดนั้นเลย?”
เหรินจวิ้นคลี่ยิ้มบาง เป็นรอยยิ้มที่มักจะประดับบนใบหน้าหล่อหวานเสมอ ถึงแม้จะเริ่มไม่ชอบใจลูกค้าเจ้าประจำที่เริ่มละลาบละล้วงแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรออกไปแค่ก้มหน้าเช็คของภายในกล่องโฟมเงียบๆ
“แต่แค่เสียงก็สุดแล้วว่ะ ไม่คิดเลยเจโน่มันจะเป็นงี้ ทนพวกมึงสามคนได้นี่ต้องขนาดไหนวะ”คนที่รู้ความลับกระตุกยิ้มกริ่ม เริ่มพูดจาด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์
“ตอนแรกคิดว่ามึงจะฆ่าปิดปาก แต่เอามาเล่นงี้ก็ดีน่ะสิ อย่างงี้กูลองบ้างด—“
พลั่ก!
กระบอกปืนสีดำวาววับจ่อเข้าใต้คางโดยที่ลูคัสยังไม่ได้ตั้งตัว ร่างหนากว่าและสูงกว่าชะงักค้างไปทันที
“ถ้าจะฆ่า...คนที่กูจะฆ่าก็คงเป็นมึง ได้ของแล้วก็ไสหัวไป”น้ำเสียงข่มขู่ ดวงตาวาวโรจน์และมือที่กำอยู่กับคอเสื้อทำให้ร่างสูงขบกรามแน่น หวงเหรินจวิ้นกล้ามากนะที่มาหักหน้าเขาแบบนี้
“เหรินจวิ้น มึงทำเหี้ยอะไร”ถามลอดไรฟัน สีหน้าดุดันของอีกฝ่ายบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าชายหนุ่มชาวจีนพร้อมที่จะลั่นไกปืนจริงๆ
“เจโน่เป็นเมียพวกกู อย่าคิดจะแตะต้อง”
“....”
“ถ้ายังไม่หยุดสะเออะ มึงคงรู้นะว่ากูทำอะไรได้บ้าง”
หลังจากสิ้นสุดบทรักจากนาแจมิน คนตัวขาวก็ใส่เพียงเสื้อนอนตัวโคร่งที่แทบปิดอะไรไม่มิดออกมา เรียวขาทั้งสองข้างอ่อนแรงเสียจนสั่นเทิ้มแทบทรงตัวไม่อยู่ เห็นคนรักอีกคนนั่งก้มหน้านิ่งปล่อยให้เปลวไฟมอดไหม้มวนบุหรี่ในมือ ดูเหม่อลอยเสียอดที่จะเอ่ยปากเรียกไม่ได้
“เหรินจวิ้น”เจ้าของชื่อเงยขึ้นตามน้ำเสียงคุ้นเคย นัยน์ตาเรียวฉายแววตาเย็นชาครู่หนึ่งใบหน้าสวยก็คลี่ยิ้มอบอุ่นเหมือนดังเดิม ลุกขึ้นมาเข้ามากอดเอวบางพร้อมประทับจูบลงกับแก้มเนียนหนักๆอย่างเอาใจ
“ว่าไงคะ อยากอาบน้ำไหม”
เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลเปลือกไม้พยักหน้า ใบหน้าไร้ที่ติที่หวงเหรินจวิ้นหลงแสนหลงมุ่ยลง สิ่งที่แจมินปลดปล่อยยังคั่งค้างอยู่ภายในอีกทั้งยังไหลออกง่ามขาให้รู้สึกเหนอะหนะไปหมด
“มาร์คไปไหน”เจโน่ถามพร้อมกอดคอคนที่เข้ามานั่งในอ่างเดียวกันแต่ยังไม่เปิดน้ำ หวงเหรินจวิ้นจัดการถอดเสื้อผ้าของทั้งตนเองและคนรักออกจนเผยให้เห็นร่างกายขาวเนียนเต็มไปด้วยรอยรักฝีมือเพื่อนสนิทอีกคน อดถอนหายใจไม่ได้เมื่อมีรอยช้ำเขียวอยู่ด้วยประปราย
“ทำงาน เดี๋ยวมันก็มา”มือหนาจับขาขาวให้ชันขึ้นพร้อมอ้าออกกว้าง จีบทางสีแดงช้ำยังคงปล่อยน้ำสีขาวขุ่นออกมาไม่หยุด เจโน่เม้มปากแน่นเมื่อสายตาคมจ้องมันตรงๆ
“อ..อือ”นิ้วยาวแทรกเข้ามากวาดวนจีบเนื้อที่ตอดตุบ งอนิ้วครูดเอาสิ่งคั่งค้างออกพร้อมมืออีกข้างเปิดฝักบัวฉีดน้ำด้วยความคุ้นเคย เจ้าของใบหน้าหล่อสวยเลิกคิ้วเงยขึ้นมองหน้าแดงเรื่อของคนรักก่อนจะอดใจไม่ไหวบดจูบแรงๆที่กลีบปากกระจับ
“อื้ออ อ๊ะ”กระทุ้งนิ้วกลางเข้าออกสลับถี่ยิบจนเจโน่เบือนหน้าหนีจูบกัดปากแน่นด้วยความอัดอั้น ช่องทางตอดแน่นจนต้องขยับสะโพกขย่มเข้าหา หากแต่จู่ๆร่างสูงก็ดึงนิ้วออกทำให้คนตัวขาวต้องหนีบขาถูไถไปมาช้อนดวงตาฉ่ำน้ำใสมองคนที่ผละออกด้วยความตัดพ้อ
“ขี้แกล้งว่ะ”
หวงเหรินจวิ้นยิ้มรับ เปิดน้ำอุณหภูมิอุ่นสบายตัวแล้วจัดการโยนบาร์ทบอมท์กลิ่นกุหลาบเปลี่ยนน้ำให้เป็นสีแดงระยับตัดกับผิวขาวเนียน
“ถ้าอีกรอบจะไหวรึไง”ร่างกายขาวถูกอุ้มให้ขึ้นมานั่งเหนือตักพร้อมลำแขนแข็งแรงโอบรอบเอวบางแน่น หัวกลมส่ายไปมาจนเส้นผมนุ่มกระจาย
“งั้นก็อย่าดื้อ”พูดขู่ไม่พอยังหอมแก้มใสฟอดใหญ่ คนตัวขาวหัวเราะร่า มองตามฝ่ามือหยาบที่ลูบไล้ไปตามนวลเนื้อเนียนและเบามือยิ่งขึ้นเมื่อไล้ผ่านรอยช้ำบนผิว ความใส่ใจเล็กๆของเหรินจวิ้นเป็นสิ่งที่ทำให้เขาใจเต้นแรงได้เสมอ
“กูรักมึงนะเจน”
ลีเจโน่คลี่ยิ้มเมื่อริมฝีปากอ่อนโยนไล่จูบซับไปตามผิวเนียนอย่างทะนุถนอม มือขาวเสยกลุ่มผมสีควันบุหรี่ขึ้นทำให้เห็นเครื่องหน้าของคนรักชัด สบแววตาหลงไหลของหวงเหรินจวิ้นก็รู้สึกเหมือนความรักต่ออีกฝ่ายทวีคูณขึ้นเป็นเท่าตัว
“กูก็รักมึงเหมือนกัน”
ลูคัสเป็นคนอยู่ในเหตุการณ์นั้น เหตุการณ์ที่เขาถูกจับฉีดยาครั้งแรก เป็นคนรู้เรื่องราวทั้งหมดแต่เมื่อทั้งสามคนไม่พูดถึงลีเจโน่ก็ไม่ได้ใส่ใจ คิดว่ายังไงคนอย่างมาร์คก็ต้องจัดการได้อยู่แล้ว คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะเข้ามาหาในตอนที่เขาอยู่คนเดียว ใบหน้าคมเข้มดูมากเล่ห์เสียจนไม่น่าไว้ใจ
“มึงคิดว่าพวกมันจะจริงจังกับมึงหรอ”
ร่างสูงหัวเราะราวกับกำลังขบขันซะเต็มประดา แค่พูดประโยคนั้นขึ้นมาลีเจโน่ก็เข้าใจแจ่มแจ้งว่าอีกฝ่ายหมายถึงเรื่องใด
“หุบปาก!”
“มึงยอมให้มันมั่วไปทั่วแบบนี้ ไม่คิดว่ามันจะเบื่อมึงเข้าซักวันหรอวะ”
“พูดเรื่องเหี้ยอะไร”
“หรือที่ไอ้เหรินจวิ้นมันไปเอาคนอื่นบ่อยๆนี่มึงไม่รู้”
เจโน่สะอึกจ้องใบหน้าอีกคนเขม็ง ถึงแม้หลังจากเลื่อนสถานะมาเป็นคนรักกันทั้งสามคนก็พร่ำบอกว่ามีเพียงเขาเท่านั้น แต่ในหนึ่งอาทิตย์จะมีหนึ่งคืนที่หวงเหรินจวิ้นมักหายไปจะกลับมาอีกทีก็เช้าวันถัดไป ลีเจโน่เคยเอ่ยถามหากแต่ชายหนุ่มก็บอกปัดด้วยใบหน้าเฉยเมยที่ทำให้คนตัวขาวไม่กล้าจะถามต่อ… “เหรินจวิ้นไปทำงาน”
เจ้าของใบหน้าหล่อหัวเราะลั่น
“ทำงาน? กูไม่คิดเลยนะว่าพวกมันจะเลี้ยงมึงให้เชื่องได้ขนาดนี้”
ใบหน้าที่ไม่ว่าใครต่างมองว่าสมบูรณ์แบบดูหว้าวุ่นจนลูคัสกระตุกยิ้ม หลุบตามองแนวฟันขาวกัดลงบนกลีบปากอวบอิ่มแล้วอดแลบลิ้นเลียริมฝีปากของตนไม่ได้
“มึงต้องการอะไรกันแน่”ลีเจโน่ไม่ได้รับรู้เรื่องธุรกิจของทั้งสามคนมากขนาดนั้น รู้เพียงแต่ว่าการค้ายาเป็นเพียงส่วนเล็กๆฆ่าเวลาที่ทั้งสามทำร่วมกันก็เท่านั้น
“มากับกูสิ กูจะพามึงไปดูด้วยตาตัวเอง”
เสียงตะโกนโหวกเหวกทำให้เจโน่นิ่วหน้า เบื้องหน้าเป็นสนามแข่งรถขนาดใหญ่หากแต่เส้นทางการเดินรถดูจะอันตรายไม่น้อย รอบข้างมีอัฒจรรย์ปิดล้อมทั้งสนาม ถึงแม้จะเป็นเวลากลางคืนแต่แสงไฟจากสปอร์ตไลท์ส่องให้ทุกอย่างสว่างจ้า ทั้งยังมีการบริการเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์และเปิดเสียงเพลงดังกระหึ่ม คราวแรกลีโน่ไม่เข้าใจว่าลูคัสพาตนมายังที่นี่ทำไม หากแต่ลมหายใจสะดุดลงเมื่อกวาดสายตาลงไปในสนามกว้าง
แม้มีผู้คนมากมายอยู่ข้างสนามกำลังล้อมรถสปอร์ตหลายคันที่ดูก็รู้ว่าคงผ่านการปรับแต่งมาไม่น้อย แต่มีคนหนึ่งที่สะดุดตาที่สุด ชายหนุ่มที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี ร่างโปร่งสวมเสื้อเชิ้ตทับด้วยแจ็คเก็ตหนังสีดำและกางเกงสีเดียวกัน เซตผมสีควันบุหรี่ขึ้นเปิดหน้าผาก รอยยิ้มแสนเจ้าชู้ถูกส่งให้กับสาวสวยข้างกายขณะกำลังยืนค้ำเปิดกระโปรงรถเช็คเครื่องยนต์ต่างๆด้วยความชำนาญ
เป็นเพื่อนกันมาสามปีก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นคนรักอีกเกือบปี ลีเจโน่ไม่เคยเห็นหวงเหรินจวิ้นแบบนี้เลย
ตลอดมาเขาเห็นเพียงหวงเหรินจวิ้นผู้อ่อนโยนไม่ใช่กับเจ้าของรอยยิ้มร้ายกาจในสนามนั่น
ริมฝีปากแดงแสยะยิ้ม ทั้งที่เขาบอกทุกอย่าง ยินยอมทุกอย่างแต่กลับไม่รู้อะไรเกี่ยวกับทั้งสามคนเลย หมายถึงไม่รู้ว่าอะไรจริงหรืออะไรเป็นเรื่องหลอก ทั้งที่คนอย่างลีเจโน่ยอมเชื่อฟังทุกอย่างขนาดนี้ แต่ตอนนี้กลับไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าตัวตนไหนเป็นตัวตนที่แท้จริงของเหรินจวิ้นกันแน่
ลูคัสมองคนที่ยืนนิ่งด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ ลีเจโน่ยืนกำหมัดแน่นจ้องไปยังคนที่เขาแสนเกลียดในสนามไม่วางตา ยิ่งได้ใจเมื่อยกแขนหนาขึ้นโอบไหล่แล้วไล้มือลูบเบาๆอีกคนก็ไม่ขัดขืน รู้สึกสะใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อนึกถึงสิ่งที่ตนจะได้ต่อไป
ลีเจโน่มองตามคนที่เดินเข้าไปนั่งในรถด้วยใจลุ้นระทึก ทันทีที่เสียงสัญญาณดังขึ้นและหญิงสาวแต่งตัวน้อยชิ้นกลางถนนลดธงลง เสียงบดล้อดังกระหึ่มไปทั่วท้องสนามกว้างราวกับทั้งสองคันกำลังห้ำหั่นกันด้วยเสียงนั่น รถที่หนุ่มชาวจีนขับเป็นรถสปอร์ตยุโรปคันสีน้ำเงินสวยที่เขาไม่เคยเห็น แน่ล่ะ เพราะตอนอยู่ด้วยกันเหรินจวิ้นมักขับเบนซ์หลายสิบล้านที่เจ้าตัวบอกว่าชอบความเรียบหรูของมันมาตลอด
รถสปอร์ตสองคันไล่บี้กันอย่างไม่มีใครยอมใคร เหมือนรถคันสีดำของคู่แข่งพยายามจะแซงให้ได้แต่เหรินจวิ้นก็เบี่ยงขวางตลอดแม้กระทั่งตอนเข้าโค้งก็ยังเบียดกระแทกกันอย่างน่าหวาดเสียว เสียงเชียร์ดังก้องไปหมดจนหูอื้ออึง ท้ายที่สุดรถคันที่เจโน่จ้องมาตลอดก็วิ่งเข้าสู่เส้นชัยอย่างสวยงาม
ผู้ชนะลงจากรถ หวงเหรินจวิ้นยกยิ้มกว้างก่อนเดินเข้าไปหารถอีกคันอย่างท้าทาย มือเรียวกระชากสาวสวยลงมาจากรถอีกฝ่ายก่อนจะกอดเกี่ยวบดจูบกันถึงพริกขึ้นขิง
เหมือนหัวใจถูกควักออกมาแล้วกระทืบซ้ำอย่างไม่ใยดี รู้สึกเหมือนร่างกายชาหนึบได้แต่มองภาพตรงหน้าด้วยสายตาเจ็บปวดไม่แม้แต่จะสามารถขยับตัวไปหาคนในสนาม ไปแยกคนสองคนที่กำลังนัยเนียท่ามกลางสายตานับร้อยออกจากกัน ไปต่อยเจ้าของใบหน้ามีความสุขนั่นกองกับพื้น ไปถามให้รู้เรื่องว่านี่มันเรื่องบ้าอะไรกันแน่
ลีเจโน่ได้แต่ยืนโง่อยู่ตรงนี้ พร้อมกับความรู้สึกที่ถาโถมเข้ามาจนรับแทบไม่ไหว
“ไง เห็นไหมล่ะมันไม่ได้เห็นหัวนายเลยด้วยซ้ำ”
ลูคัสกระตุกยิ้มมุมปากเปลี่ยนมาโอบเอวบางของคนข้างกายมองใบหน้าซีดเซียวแล้วในใจกู่ร้องด้วยความสะใจอย่างท่วมท้น คนตัวขาวก้มหน้าลงเมื่อผู้ชนะอุ้มหญิงสาวของคู่แข่งขึ้นรถ คงไม่ต้องเดาว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นต่อไปเมื่อทุกอย่างมันชัดเจนขนาดนี้
เมื่อรถคันสีน้ำเงินหายไปจากสายตาจึงกลั้นใจยกโทรศัพท์ขึ้นกดเบอร์โทรหาคนรักในสนามเมื่อครู่ เพิ่งรู้ว่ามือตัวเองสั่นมากแค่ไหนก็ตอนนี้
(มีไรหรอเจน) น้ำเสียงอีกฝ่ายยังคงอ่อนโยนเหมือนเคยแต่หัวใจของเจโน่เวอะหวะไปหมดแล้ว
“มึงอยู่ไหน”
(กูติดงานว่ะ คืนนี้คงไม่กลับห้องนะ)
งาน งานงั้นหรอ ลีเจโน่หลับตาแน่น อยากจะตะโกนถามคำถามมากมายที่โถมเข้ามาในหัว อยากจะด่าทอคนในสายให้เจ็บช้ำเหมือนเขาในตอนนี้ แต่ทำได้เพียงกลืนทุกอย่างลงคอแล้วถามด้วยน้ำเสียงติดสั่น
“งานอะไรหรอบอกกูได้ไหม”
อีกฝ่ายเงียบไป ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
(มึงไม่ต้องรู้หรอก แค่นี้ก่อนนะ)
“อืม กูรักมึงนะ”เอ่ยบอกแล้วรออีกคนตอบรับกลับมา แต่คนรักกลับเงียบก่อนจะตัดสายเมื่อมีเสียงผู้หญิงแทรกเข้ามา
เจ็บว่ะ เจ็บชิบหายเลย
“โดนมันลับหลังขนาดนี้แล้วยังบอกรักหวานชื่น น่าซึ้งใจจริงๆ”น้ำเสียงดูแคลนทำให้เจโน่หลุดจากภวังค์
“ทำเหี้ยอะไร”ดวงตาเรียวหรี่มองท่อนแขนหนาที่เริ่มกระชับกอดแน่นขึ้นพร้อมรั้งให้ร่างกายผอมเข้าไปแนบชิด
“ไม่เอาน่า ในเมื่อมันก็ยังมั่วแบบที่มึงเห็นแล้วมึงยังต้องแคร์อะไรมันอีก ไม่สู้ทำอะไร‘สนุกๆ’เอาคืนมันดีกว่าหรอ”
เมื่อรู้ชัดว่าอีกคนมีจุดประสงค์อะไร ลีเจโน่ตวัดสายตาขึ้นมองหน้าอีกฝ่ายก่อนกระชากคอเสื้อของร่างสูงให้อีกคนก้มตัวลงมา ยิ่งเห็นสายตากระหายโลมเลียยิ่งทำให้อารมณ์เดือดดาลกว่าเก่า
“ต่อให้กูจะเลิกกับพวกมันกูก็ไม่ยอมอ้าขาให้มึง จำใส่กะโหลกไว้!”
ว่าจบก็ผลักออกอย่างแรงจนลูคัสเสียหลักถอยห่าง เจ้าของใบหน้าสมบูรณ์แบบเหลือบมองด้วยสายรังเกียจก่อนเดินออกไปอย่างไม่ใยดีแม้แต่นิด
ลูคัสแค่นยิ้ม ยืนมองตามแผ่นหลังของคนตัวขาวไปจนลับสายตา
ในเมื่ออวดดีได้ขนาดนี้ ก็คงไม่มีประโยชน์ที่จะพูดดีกันอีก
ช่วงนี้ลีเจโน่มีท่าทีแปลกไป แปลกไปมากจนพวกเขาล้วนรู้สึกได้ หลายครั้งเหรินจวิ้นเอ่ยปากถามแต่กลายเป็นทำคนรักโมโหขึ้นมาดื้อๆ กับมาร์คและแจมินคนตัวขาวยังออดอ้อนเอาใจอยู่บ้าง แต่กับเขากลับประชดประชัน ชวนทะเลาะจนรู้สึกเหนื่อยใจ
แต่เมื่อหลายครั้งที่อีกคนมองมาด้วยแววตาเจ็บปวด บางครั้งก็เหมือนจะร้องไห้แต่อดทนเอาไว้ จากที่หงุดหงิดก็เปลี่ยนเป็นปวดใจมากกว่า ไม่ว่าทั้งสามจะพยายามพูดคุยเปิดใจแค่ไหนคนตัวขาวก็ไม่ยอมปริปากแม้แต่น้อย พวกเขาทั้งรักและตามใจขนาดนี้ หวงเหรินจวิ้นได้แต่คิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าตัวเองผิดอะไร
“วันนี้กูไปงานแจฮยอนนะ”
เจโน่เอ่ยขึ้นลอยๆเมื่อนั่งกองกันอยู่บนโซฟาอย่างที่ชอบทำประจำ แม้จะเย็นแล้วแต่เหรินจวิ้นยังไม่กลับห้องและเจโน่ก็คิดว่าคืนนี้อีกคนคงไม่กลับ
มาร์คขมวดคิ้ว มือซ้ายกระชับกอดเอวผอมขณะที่มือขวากุมประสานนิ้วกับคนตัวขาวบนตักหลวมๆ
“ไปกับใคร”แจมินที่นั่งห่างออกไปถามเสียงเข้ม เขารู้จักจองแจฮยอนดี ชื่อเสียงเรื่องเลวๆก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่
“ไปกับแฮชาน พวกมึงไม่ต้องไปด้วยหรอกกูอยากไปแค่กับมัน”
“กูจะไปด้วย”คนผิวแทนขัดขึ้น ทุกครั้งที่เจโน่ก็ไปดื่มกับลีแฮชานเขาก็ไม่ได้จะห้ามปรามอะไรแต่ครั้งนี้กลับรู้สึกไม่ไว้วางใจขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล
“น่ารำคาญว่ะ”
“เจน!!”เจโน่เบือนหน้าหนีคนที่ตะคอกใส่ รู้ดีว่าแจมินไม่ชอบให้เขาพูดแบบนี้ แต่เขาต้องแคร์หรือไง?
“ให้กูไม่ก็มาร์คไปด้วย ถ้าไม่ยอมก็ไม่ต้องไป”
“อย่ามาสั่งนะ! ทำไมเป็นกูที่ต้องยอมพวกมึงตลอดวะ มึงแม่งเห็นแก่ตัว” …ทำไมเป็นเขาต้องเชื่อฟังตลอดทั้งที่ตอนนี้เหรินจวิ้นอาจกำลังเสพสุขกับคนอื่นอยู่ด้วยซ้ำ
“ไร้สาระใหญ่แล้ว พวกกูแค่เป็นห่วง ถ้ามึงไม่ชอบตรงไหนมึงแค่พูดมาพวกกูพร้อมตามใจมึงอยู่แล้ว”มาร์คลูบหลังเมื่ออีกคนไม่มีท่าทีจะใจเย็นลง ส่งสายตาปรามเพื่อนสนิทไม่ให้อารมณ์ร้อนใส่คนตัวขาว
“เหอะ”ใบหน้าสวยเชิดมองเจ้าของตัก สายตาอบอุ่นของมาร์คลีมันไม่ได้ทำให้อารมณ์กรุ่นอยู่ตอนนี้ลดลงเลยซักนิด “งั้นพวกมึงก็บอกมาสิ ตอนนี้เหรินจวิ้นมันไสหัวไปไหนล่ะ”
“มันไปทำงาน”
คำตอบนั้นทำให้ลีเจโน่ยิ้มขื่นขณะหลุบสายตาลงต่ำ มองมือมาร์คที่กุมอยู่นิ่งแล้วดึงมือของตนออก
จะให้เขาเป็นคนโง่งมแบบนี้อีกนานเท่าไหร่กัน
ยิ่งดึกยิ่งเมามาย ใครต่อใครต่างยื่นแก้วให้เจโน่ซึ่งเจ้าตัวก็ยิ้มรับไม่ว่าจะหญิงหรือชาย เจ้าของรอยยิ้มซุกซนเลือกที่จะนั่งปักหลักที่โซฟาไม่ได้ไปออกล่าหรือเต้นคลอเคลียสาวสวยอย่างที่เคยชอบทำ ลีแฮชานอดแปลกใจไม่ได้เมื่อรู้สึกว่าช่วงนี้เพื่อนสนิทตั้งแต่เด็กของตนมีเสน่ห์กับผู้ชายด้วยกันขึ้นมาแปลกๆ
ดวงตาคมเหลือบมองเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนเริ่มยาวคลอเคลียแก้มขาวเพราะเจ้าตัวไม่ได้ตัดอันเดอร์คัทอย่างทุกที ใบหน้าที่มองเผินๆแล้วหล่อมากแต่กลับสวยเช่นกันเมื่อเจ้าตัวยกยิ้มเข้ากับสัดส่วนร่างกายสมบูรณ์แบบเสียจนน่าอิจฉา ยิ่งวันนี้ลีเจโน่ใส่ชุดยีนต์พอดีตัวสีเข้มตัดกับผิวขาวเนียน ปลดกระดุมลงมาอวดไหปลาหร้าสวยที่โผล่พ้นเสื้อกล้ามคอกว้างด้านใน ดูเย้ายวนอย่างไม่ควรจะเป็น
หลังจากเลิกกับซอเฮรินและหญิงสาวเสียชีวิตไปเมื่อปีก่อน เจโน่ก็ไม่ได้คบใคร ทุกคนล้วนมองว่าเพื่อนของเขาคงยังฝังใจกับคนรักเก่า แต่แฮชานก็ไม่ได้เห็นท่าทีอาลัยอาวรณ์หลุดมาแม้แต่น้อย?
“อื้อ”ใบหน้าหล่อเหยเกเมื่อเพื่อนเจ้าของผิวแทนขยับเบียดมานั่งใกล้แล้วกอดเอวเอาไว้เพราะร่างกายผอมทรงตัวแทบไม่ไหว
“โน่ มึงเริ่มเมาแล้วเนี่ย”มือหนาลูบไล้แก้มเนียนที่แดงเรื่อแล้วบีบเรียกสติเบาๆจนคนเมาส่ายหนีด้วยความรำคาญ
“ไม่เมา…”คนตัวขาวปฏิเสธแต่กลับรู้สึกหัวหนักจนต้องเอียงซบกับไหล่กว้างของอีกคน เสียงเพลงดังสนั่นกับไฟหลากสียิ่งทำให้รู้สึกมึนกว่าเดิม เริ่มแปลกใจเพราะถึงตนจะรับแก้วไปเยอะแค่ไหนลีเจโน่ก็รู้ลิมิตตัวเองดี ที่ดื่มไปไม่น่าจะทำให้มึนได้ขนาดนี้
“อ้าว แฮชาน”
“ว่าไงลูคัส ไม่เจอกันนานเลยว่ะ”
“เออ เจโน่มันเมาแล้วหรอ”ร่างสูงที่เดินเข้ามานั่งด้วยถามพร้อมจ้องร่างกายขาวที่ทิ้งน้ำหนักพิงแฮชานเต็มตัวจนคนตัวหนาต้องวางแก้วเหล้าแล้วโอบเพื่อนเข้าในอ้อมกอดให้ใบหน้ามึนๆซบกับแผงอกกว้าง
“รู้จักกันหรอวะ อ่อพวกมึงเรียนคณะเดียวกันนี่”
“กูสนิทกับเพื่อนเจโน่มันจะตาย มันไหวป่ะ”คำถามนั่นทำให้แฮชานก้มมองหน้าคนเมา เหงื่อผุดเต็มกรอบหน้าสวย คิ้วขมวดเข้าหากันทั้งที่ไม่ลืมตาทำให้เขานึกห่วง
“มึงเอามันไปนอนด้านบนสิเดี๋ยวกูไปบอกแจฮยอนให้”แฮชานพยักหน้ารับความหวังดีนั่นเพราะดูเหมือนลีเจโน่จะไหวแล้วจริงๆและเขายังอยากอยู่ต่ออีกซักหน่อย ให้มันไปนอนพักให้ดีขึ้นแล้วค่อยกลับตอนเช้าก็คงจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
“อ๊ะ”เผลอหลุดร้องเมื่อเพื่อนฉุดให้ยืนขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว แฮชานตบแก้มเบาๆทำให้ดวงตาฉ่ำปรือขึ้นมอง
“ไปนอนบนห้องก่อน”เอ่ยบอกพร้อมรวบเอวประคองคนเมาขึ้นตามที่ลูคัสเดินนำ ด้วยรูปร่างไม่ต่างกันนักทำให้ทุลักทุเลพอสมควร
เมื่อเข้ามาในห้องนอนโล่งๆ แฮชานวางอีกคนลงบนเตียง ใบหน้าหล่อเหยเกแดงก่ำแต่ก็พยายามปรือตาขึ้นไม่ให้ตัวเองหลับไปก่อน
“กูไปนะ”ลูคัสเดินหายออกไปจากห้อง แววตาเจ้าเล่ห์นั่นทำให้คนผิวแทนรู้สึกแปลกๆแต่ก็ไม่คิดอะไร เมื่อมือชื้นเหงื่อยกขึ้นมาจับแขนเขาก็อดตกใจไม่ได้
ทำไมเหงื่อออกเยอะขนาดนี้?
“โทรหามาร์คให้หน่อย”เสียงเบาหวิวเอ่ยบอกพร้อมยื่นโทรศัพท์ที่ปลดล็อคหน้าจอมาให้ แฮชานเลื่อนหารายชื่อจนเจอแล้วโทรไปหาพร้อมบอกพิกัด น้ำเสียงคนในสายดูร้อนรนไม่น้อยแล้วบอกว่าจะรีบมา มือหนาวางโทรศัพท์ลงข้างตัวคนเมาเพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงกดตัดสายไปเอง
“กูไปนะ มึงนอนรอมันมารับอยู่นี่แหละ”เอื้อมมือไปลูบกลุ่มผมนุ่มอย่างที่ไม่เคยทำ เจโน่แค่พยักหน้าเบาๆสื่อว่ารับรู้ก่อนปิดเปลือกตาลง แฮชานยิ้มก่อนจะเดินไปเปิดประตู ดวงตาคมเหลือบมองท่าทีคนที่นอนอยู่ก่อนตัดใจเดินออกไป
บางทีเขาอาจจะคิดเยอะไปเอง
ภายในห้องนอนเงียบเสียงต่างจากด้านนอกที่เปิดเพลงดังกระหึ่ม บ่งบอกถึงการเก็บเสียงที่ดีเยี่ยมในห้องนี้ ลีเจโน่ขยับตัวเป็นนอนขดเมื่อรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว รู้ถึงอุณหภูมิร่างกายที่สูงกว่าปกติจนเหงื่อไหลทั่วทั้งตัว ความมึนเริ่มหายไปแต่กลับมีบางอย่างเข้ามาแทนที่
นัยน์ตาสวยพยายามปรือมองรอบข้างด้วยความไม่ไว้ใจ อารมณ์ร้อนกรุ่นทำให้คนตัวขาวเริ่มทนไม่ไหว รู้ชัดว่าตัวเองตอนนี้เป็นอะไร
“อึก”ร่างกายขาวเนียนบิดเร้าไปมา สะโพกกลมกลึงบดลงกับเตียงอย่างอัดอั้น ความโป่งนูนของเป้ากางเกงเพราะบางอย่างที่ตื่นตัวทำให้คนที่เริ่มอดทนไม่ไหวรั้งกางเกงตัวหนาและชั้นในลงที่หน้าขา เสื้อยีนต์ถูกถอดออกคลายความอึดอัด เหลือเพียงเสื้อกล้ามตัวบางที่ชุ่มเหงื่อ ยอดอกแข็งตึงดุนขึ้นมาบ่งบอกอารมณ์ได้เป็นอย่างดี
“อึ่ก อ่ะ”เรียวนิ้วสวยเลื่อนต่ำลงกอบกุมความแข็งขืนแล้วรูดรั้งขึ้นลง รู้สึกว่ามันไม่พอจนมืออีกข้างยกขึ้นขยี้ยอดออกตัวเองสลับกับลูบไล้ไปตามร่างกายอย่างไร้สติ
แกร๊ก
เสียงล็อคประตูทำให้คนตัวขาวสะดุ้ง ดวงตาสวยเบิกกว้างเมื่อมองใบหน้าของผู้มาใหม่ รอยยิ้มแสยะกับสายตาพึงพอใจนั่นทำให้ลีเจโน่ตื่นตระหนก เข้าใจแจ้งชัดว่าทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับร่างกายนี่เป็นฝีมือใคร เป็นแผนการของมันอย่างแน่นอน
“ไอ้ลูคัส…”
CUT
( Password : อยู่ในทวิตฟิคค่ะ ถ้าหาไม่เจอเดมมานะคะ
ขอโทษที่ไม่สะดวกเพราะเราอยากป้องกันอีกนิดนึงแต่ไม่อ่านก็รู้เรื่องค่ะ
แต่อ่านคัทก่อนแล้วอ่านต่อจะได้อรรรสกว่าค่อยย้อนกลับไปอ่านค่ะ)
“อีกไม่กี่เดือนก็จะเรียนจบแล้ว กูอยากให้เจนไปเรียนต่อที่แคนาดา”
มาร์คเอ่ยขึ้นขณะจ้องใบหน้าสวย รอยช้ำตรงแก้มและแผลที่มุมปากทำให้ปวดใจจนต้องผินหน้าหนี ลีเจโน่ในชุดของโรงพยาบาลกำลังหลับสนิทบนเตียงกว้าง โรงพยาบาลแห่งนี้รักษาความลับได้อย่างดีเสมอ แน่นอนว่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้จะไม่มีทางแพร่งพรายออกไป
“แล้วพวกกู..?”
“ก็ต้องไปด้วยกันดิวะ”คนที่ทำหน้าเคร่งเครียดเริ่มคลี่ยิ้ม เขาวางแผนอนาคตของเราทั้งสี่ไว้หมดแล้วและเชื่อว่าเพื่อนสนิทจะเห็นด้วย
“กูมีบ้านอยู่ที่นู่นหนึ่งหลังแต่ถ้าเจนอยากไปที่อื่นกูก็ไม่ขัด ซื้อบ้านซักหลังแล้วอยู่ด้วยกัน”
“อยู่ที่ไกลๆก็ดีจะได้ไม่ต้องคอยระวังอะไรอีก”แจมินบอกแล้วยิ้มออกมาบ้างเมื่อนึกถึงอนาคต ในเกาหลีคนรู้จักเรามากเกินไป มันคงจะดีกว่าถ้าสามารถทำอะไรได้อิสระมากกว่านี้
เหรินจวิ้นที่นั่งเงียบมานานถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ไปกันเถอะ ไปในที่ที่มีแต่เราสี่คน”
ที่ที่เราสามารถรักกันได้อย่างเปิดเผยจริงๆซักที
“กูไม่อยากไป”
รอยยิ้มของชายหนุ่มทั้งสามจางหายไปเมื่อได้รับคำตอบ
“ทำไมล่ะ”
เจโน่ไล่สายตามองหน้าทุกคนก่อนก้มหน้ามองมือที่ถูกพันด้วยผ้าพันแผลทั้งสิบนิ้วของตนนิ่ง เล็บฉีกจากการที่จิกพื้นอย่างรุนแรงและร่องรอยถูกทำร้ายตามร่างกายมันเด่นชัดจนรู้สึกสมเพชตัวเอง แม้จะออกจากโรงพยาบาลมาเป็นอาทิตย์แล้วเขาก็ยังไม่อยากจะคุยกับใคร
“ไว้ค่อยคุยเถอะ ให้เจนพักผ่อนก่อน”เป็นมาร์คที่ใจเย็นเสมอ คนตัวสูงเข้าไปกอดคอเพื่อนสนิทชาวจีนแล้วตบไหล่เบาๆ
“งั้นนอนนะคะเดี๋ยวตื่นมาแจมทำอะไรให้กิน”เจ้าของผมชมพูยกมือลูบผมนุ่มแต่ต้องชะงักเมื่ออีกคนเบี่ยงหนี
“คิดอะไรอยู่บอกได้ไหม กูจะตายอยู่แล้ว”น้ำเสียงเว้าวอนจากชายหนุ่มเจ้าของสีผมควันบุหรี่จนทำให้คนตัวขาวเม้มปากแน่น
“ออกไป”คนบนเตียงเอ่ยเสียงแข็ง
ถ้อยคำรุนแรงของลูคัสลอยอยู่ในหัวไม่รู้จบสิ้นพร้อมๆกับภาพเหรินจวิ้นกำลังนัวเนียอยู่กับคนอื่นทำให้ต้องหลับตาแน่นพยายามจะลบเลือนมันออกไปจากหัวให้หมด เขาไม่อยากจะต้องเจ็บปวดอีกแล้ว
ลีเจโน่ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าตอนนี้ตัวเองต้องทำยังไงต่อไป
ชายหน่มสามคนต่างนั่งเงียบในขณะที่ยกแก้วเหล้าฤทธิ์แรงขึ้นจรดริมฝีปาก
“เจนแค่กำลังตกใจมึงอย่าเพิ่งคิดเยอะเลย ให้เวลาเจนหน่อย”มาร์คเอ่ยปลอบแต่อีกคนส่ายหน้า
“เจนโกรธกูมาก พวกมึงก็เห็น”เหรินจวิ้นครุ่นคิดมาตลอดถึงท่าทีของคนรัก เขามั่นใจว่าตลอดมาเขาไม่ได้จะทำอะไรให้อีกคนอีกคนเจ็บช้ำน้ำใจ ไม่เคยขัดใจ ไม่เคยอยากจะปิดบัง นอกจาก…..
“หรือเจนจะรู้เรื่องสนาม”แจมินโพล่งขึ้นมา “...เพราะไอ้ลูคัส?”
มือเรียวเผลอกำแน่นเมื่อฉุกคิดขึ้นมาได้ ความลับที่เขาไม่อยากบอกใคร ความลับที่ไม่อยากให้คนรักมารับรู้ คนอย่างเจโน่ไม่ควรมารับรู้ความโสมมในชีวิตเขา แค่นี้ก็ดึงอีกคนมาแปดเปื้อนมากพออยู่แล้ว
อยากปกป้อง อยากรักอีกคนไปนานๆ นี่เป็นสิ่งที่คนเห็นแก่ตัวอย่างหวงเหรินจวิ้นเลือกที่จะทำมาตลอด
“กูควรบอกไหม”
“แล้วแต่มึง”มาร์คตอบอย่างจริงจัง นาแจมินก็พยักหนาเห็นด้วย ทั้งสามเคารพการตัดสินใจของกันและกันเสมอ
“ถ้าเจนจะไปจากพวกเราล่ะ”เหรินจวิ้นถามเสียงเบาสายตาที่เจโน่มองมามันทำให้เขานึกกลัว ถ้าบอกไปแล้ววันหนึ่งที่เจโน่ต้องการจะก้าวออกไปแต่ไม่สามารถทำได้อีก มันจะกลายเป็นการทำร้ายคนรักของเขารึเปล่า
“ไม่มีวัน เจนไม่มีวันไปจากพวกเราหรอก”
“มึงโกรธอะไรกูบอกได้ไหม”คำถามเดิมๆที่อีกคนเอ่ยทำให้เจโน่อยากเบือนหน้าหนี นั่นสิ เขาโกรธอะไร คงจะโกรธตัวเองที่โง่มาตั้งนานล่ะมั้ง
ทำไมเขาไม่ตะโกนในสิ่งที่ตัวเองสงสัย ในสิ่งที่ตัวเองโกรธแค้นออกไปน่ะหรอ? เพราะเขายังหวังอยู่ว่าหวงเหรินจวิ้นจะมาบอกทุกอย่างด้วยตัวเอง
“กูแค่เบื่อ”
คนที่นั่งข้างเตียงแนบหลังมือเนียนกับแก้มของตนอย่างเบามือราวกลัวว่าจะเผลอจับแรงๆแล้วทำให้เขาเจ็บ
“อย่าไปจากกูเลยเจน กูรักมึงนะ”
เจโน่นึกอยากดึงมือออกไม่สุดท้ายก็เลือกที่จะไม่ทำ เขาไม่เคยคิดจะไปจากเหรินจวิ้นเลย ไม่เคยแม้แต่นิดเดียว แค่ตอนนี้เจ็บปวดและผิดหวังจนฉีกยิ้มให้อีกคนไม่ไหวแล้วก็เท่านั้น
“มึงรักกูจริงๆหรอ”
“ทำไมถามแบบนี้”
“มึงมีอะไรปิดบังกูไหม”ทันทีที่เอ่ยถามเหรินจวิ้นทำท่าจะปฏิเสธแต่กลับชะงักแล้วเงียบไป
“ถ้ามึงอยากรู้ กูจะบอกทุกอย่างเอง มึงมั่นใจไหมว่าอยากรู้ทุกๆอย่างของกู เพราะถ้ารู้…มึงไปจากกูไม่ได้แล้วนะ”
ลีเจโน่สบแววตาจริงจังที่มองมาก่อนยกขึ้นกุมมือเรียวของอีกคนแน่น
“กูมั่นใจ”
รถสปอร์ตคันสีน้ำเงินถูกปรับแต่งมาอย่างดีทั้งตัวรถรอบนอกและเครื่องยนต์เหมือนที่เจโน่เคยเห็นอีกคนขับในสนามวันนั้นจอดนิ่งอยู่ตรงหน้า หวงเหรินจวิ้นยิ้มบางก่อนจะมาจูงมือเขาขึ้นรถ
ใบหน้าหล่อนิ่งสงบ ดวงตาเรียวจ้องนิ่งไปยังถนนเบื้องหน้าอย่างใจเย็น หากแต่ตัวเลขบนหน้าปัดเริ่มสูงขึ้นตามความเร็วของรถจนมันไปแตะหลักร้อยขณะที่อีกคนทำราวกับกำลังขับด้วยความเร็วปกติ แม้ใบหน้าจะนิ่งตามเดิมแต่สายตาร้อนแรงและสนุกสนานนั่นทำให้เจโน่ละสายตาไปไม่ได้เลย ทุกการเหยียบคันเร่งแตะเบรกหรือแม้แต่หมุนพวงมาลัยหวงเหรินจวิ้นก็ทำได้อย่างไร้ที่ติ
ชายหนุ่มหันมายิ้ม เป็นรอยยิ้มอ่อนโยนที่เจโน่ได้รับเสมอมา มือเรียวขยับเปลี่ยนเกียร์ก่อนจะคว้ามือเขาไปกุมยกขึ้นกดจูบแผ่วเบาที่ข้อนิ้วอย่างทะนุถนอม
“สิ่งที่กูแสดงกับมึงคือตัวตนของกูจริงๆ แต่มันอาจจะมีแค่บางมุมของกูที่ต่างออกไปเพราะความจำเป็น”
“ยังไงกูก็เป็นหวงเหรินจวิ้นของมึงเจน กูอยากให้มึงมั่นใจว่ากูรักมึงจริงๆ”สิ้นประโยคนั้นอีกคนก็ไม่เอ่ยอะไรอีก ร่างโปร่งขับรถต่อโดยใช้มือข้างเดียวบังคับพวงมาลัย แต่อีกข้างไม่ยอมปล่อยมือที่กุมกันออกกลับประสานนิ้วแล้ววางลงบนตัก พร้อมใช้นิ้วโป้งเกลี่ยหลังมือเนียนไปมาเหมือนกำลังปลอบให้เขาเย็นลง
รถคันสวยแล่นมายังสนามแข่งรถที่เจโน่เคยมาเมื่อคราวก่อน เหรินจวิ้นขับเลยมาที่โกดังเก่าๆข้างกัน เป็นที่ที่แทบไม่มีใครให้ความสนใจ หากแต่เมื่อเข้ามากลับมีการรักษาความปลอดภัยหนาแน่นอย่างคาดไม่ถึง ทั้งกำลังคนอาวุธครบมือยืนเฝ้าตามจุดต่างๆและระบบไฮเทคตอนที่เหรินจวิ้นจูงมือเขาไปสแกนใบหน้าเพื่อเปิดประตู
ภาพเบื้องหน้าทำให้ลีเจโน่นิ่งค้าง รถยุโรปมากมายจอดเรียงรายอยู่ในโถงกว้างของชั้นใต้ดิน แต่ละคันล้วนเป็นรุ่นที่ราคาราคาสูงลิ่ว แปลงเป็นเงินทั้งหมดนี่เขาคิดว่าราคามันอาจจะแตะหลักสิบล้านดอลลาร์ด้วยซ้ำ
“นี่เป็นรถที่จะส่งในขณะแข่งขันอาทิตย์หน้า”ประโยคนั่นทำให้คิ้วสวยขมวดมุ่น
“ลูกชายเจ้าของร้านเพชรจะเปิดสนามแข่งรถผิดกฎหมายขึ้นมาโดยใช้อิทธิพลครอบครัวไม่ให้ตำรวจเข้ามายุ่งเกี่ยว ฟังดูน่าตื่นเต้นไหม”
หวงเหรินจวิ้นยิ้มเอ็นดูกับท่าทีอึ้งๆของคนรัก เข้ามาโอบไหล่ให้เดินต่อไปยังห้องหนึ่งที่มีประตูลับฝังอยู่ในผนังกระจกเรียบ หลังจากทาบมือลงกับแผ่นกระจกในพิกัดที่ถูกต้องระบบจะทำการแสกนลายนิ้วมือและใบหน้าไปพร้อมๆกันจนผ่านกระจกทางขวาเลื่อนออกเป็นทางให้เดินลึกเข้าไป
“อย่างที่มึงรู้ว่ากิจการครอบครัวกูที่เกาหลีคือพวกร้านเพชรและจิวเวอร์รี่”ทันทีที่เข้ามาไฟด้านบนก็ส่องสว่างพรึ่บ ภายในห้องเต็มไปด้วยตู้กระจกนิรภัย เครื่องเพชรและอัญมณีตรงหน้าทำให้ลีเจโน่พูดไม่ออก
การซื้อขายทั้งรถสปอร์ตและอัญมณีมูลค่าสูงครั้งละมากมายขนาดนี้ มันแปลกเกินไป มันเหมือนกับ…
“พวกตำรวจหน้าโง่มันไม่รู้หรอกว่าจริงๆแล้วฉากหลังมันคือการฟอกเงิน”
คนตัวขาวเผลอสูดลมหายใจลึก ใช้เรื่องผิดกฎหมายมาบังหน้าอาชญากรรมข้ามชาติแบบนี้ต้องบ้าบิ่นได้แค่ไหนกัน
“ถ้ามึงอยากรู้กูก็ให้มึงรู้ มึงมีสิทธิในตัวพวกกูทุกอย่างเลยเจน"
“ขอโทษที่ปิดบังนะคนดี เพราะกูรักมึงมากกูเลยไม่อยากให้มึงต้องมารับรู้เรื่องพวกนี้ ถ้ามึงรับรู้แล้วจะรังเกียจกูแค่ไหนกูก็คงปล่อยมึงไปไม่ได้”
“ทุกอย่างที่ทำให้มึงเสียใจ ขอโทษนะครับ”เหรินจวิ้นคุกเข่าลงตรงหน้าคนตัวขาวแล้วประทับจูบบนหลังมือนวลเนียน สายตาจริงใจและอ่อนหวานที่มองมามันพิสูจน์ได้ว่าอีกคนรู้สึกดังที่พูดจริงๆจนเจโน่เสหลบ เมื่อดึงรั้งให้อีกคนยืนขึ้นก็ถูกฉวยโฮกาสคว้าตัวเข้าไปกอดแน่น
“แล้วเรื่องที่มึงไปเอาคนอื่น…”
“ครอบครัวกูไม่ได้เหมือนกับครอบครัวทั่วไปหรอก ตอนนี้จะให้ผู้หญิงคนนั้นรู้เรื่องมึงไม่ได้ เพื่อตบตาพวกเขากูเลยเอาเรื่องผู้หญิงเข้ามา แต่อีกไม่นานหรอกเจน…อีกไม่นานกูจะเป็นอิสระแล้ว”
“มึงหมายความว่ายังไง”
หวงเหรินจวิ้นคลี่ยิ้มละมุน จากนั้นจึงเล่าทุกอย่างด้วยความใจเย็น ตระกูลหวงเป็นตระกูลเก่าแก่ที่มีเบื้องหลังดำมืด มีอำนาจมากในเรื่องผิดกฎหมายภายในประเทศจีน เหรินจวิ้นเป็นเพียงหนึ่งในลูกนอกสมรสหลายสิบคนที่’แม่ใหญ่’รับเลี้ยงมาเพื่อใช้ประโยชน์เท่านั้น
เดิมทีเธอคิดจะใช้เขาเป็นแขนขาในประเทศเกาหลีให้กับลูกชายของเธอที่จะรับเข้าสืบทอดอำนาจได้ในปีหน้า เพื่อหลุดพ้นจากการบงการของผู้หญิงคนนั้น เหรินจวิ้นจำเป็นต้องมีอำนาจและเงินเป็นของตัวเอง ไม่ใช่คิดจะสู้แต่เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าเขามีประโยชน์เกินกว่าลดตัวไปเป็นหมากเบี้ยที่จะเดินตามคำสั่งของเธอ
และมันเป็นทางเดียวที่จะได้อยู่ในเกาหลีได้อย่างมั่นคง อีกสาเหตุสำคัญที่ทำให้เขาเลือกทำสิ่งนี้เพราะมันจะทำให้เขามีเส้นสายไม่น้อยจากการติดต่อกับนักธุรกิจและนักการเมืองทั้งหลาย
เห็นสายตาเป็นห่วงและกังวลของคนตัวขาวเหรินจวิ้นก็ลูบแก้มใสเบาๆ ก่อนจะกล่าวให้ความมั่นใจ ไม่ว่าจะเป็นฝั่งตำรวจหรือคู่ค้าคนใด ไม่มีใครกล้ากระตุกหนวดเสือโดยการกล้ามายุ่งกับตระกูลหวงแต่ก็ไม่มีใครรู้ด้วยเช่นกันว่าทั้งหมดนี้มันคือของเขาแต่เพียงผู้เดียว
แผนการหยิบยืมบารมีจากตระกูลเป็นเล่ห์กลหนึ่งซึ่งเหรินจวิ้นได้ปรึกษากับพี่ชายต่างมารดาหรือผู้สืบทอดในอนาคตอย่างเฮนเดอรี่มาตลอด มิตรภาพระหว่างเขาและพี่ชายมั่นคงพอที่อีกคนจะยอมช่วยโดยไม่ทรยศหักหลัง
แม่ใหญ่คนนั้นรักอำนาจและผลประโยชน์แค่ไหนเขารู้ดี ถ้ารู้เรื่องลีเจโน่ที่เป็นลูกชายของส.ส.ใหญ่หนึ่งในพรรครัฐบาลเกาหลี คนคนนั้นไม่มีทางปล่อยเอาไว้เธอต้องเขามายุ่งเกี่ยวแน่ ก่อนที่จะคบกันตลอดมาเจโน่ก็รู้ดีว่าหวงเหรินจวิ้นมีผู้หญิงไม่ขาด ถ้าหากหยุดไปเฉยๆต้องสงสัยและเพ่งเล็งเพื่อที่จะหาจุดอ่อนของเขาแน่ หากสืบทราบมาจนถึงเรื่องของเราทั้งสี่คนมันอาจกลายเป็นเรื่องใหญ่เกินจะกู่
เหรินจวิ้นจึงใช้ผู้หญิงจากสนามแข่งมาตบตา ทุกอย่างถูกวางแผนมาอย่างดีแต่ถ้าคนรักไม่พอใจ เขาก็พร้อมจะหาทางอื่นและไม่ยุ่งเกี่ยวกับใครตามที่เจโน่ต้องการ
“ให้มาร์คกับแจมินช่วยไม่ได้เลยหรอ”
ชายหนุ่มสัญชาติจีนส่ายหน้า ที่จริงมันไม่เชิงว่าช่วยไม่ได้แต่มันคงจะดีกว่าถ้าเลี่ยงให้สองขั้วอำนาจที่ใหญ่พอๆกันให้ยุ่งเกี่ยวกันให้น้อยที่สุด
“อย่าเครียด ทุกอย่างมันผ่านไปได้ด้วยดีแน่นอนครับ เชื่อกูนะ”
กว่าเหรินจวิ้นจะมีอย่างวันนี้ได้มันไม่ง่ายเลยแต่ตอนนี้ทุกอย่างลงตัวแล้ว เขาเพียงรอแค่อำนาจของตระกูลถูกสืบทอดไว้ในมือพี่ชาย ตอนนั้นแม่ใหญ่จะไม่สามารถทำอะไรได้อีกแล้ว
คนคิดมากเบียดเข้ามาซบอก แขนขาวกอดรอบเอวสอบแน่นแล้วใบหน้าสวยซุกไปมา เมื่อเงยขึ้นสบตาดวงตาใสก็เต็มไปด้วยความสับสนจนเหรินจวิ้นอดไม่ได้ที่จะลูบสางผมนุ่มคลอเคลียนิ้วสากกับแก้มนิ่มอย่างที่ชอบทำเวลาอีกคนเครียด
“ขอโทษนะ มึงเหนื่อยขนาดนี้แต่กูกลับยังโกรธบ้าอะไรไม่รู้ งี่เง่าสัส”
“ไม่หรอก กูผิดเองที่ปิดบังมึง”
เชาไม่อยากให้ลีเจโน่มารับรู้เรื่องโสมมทุกอย่างที่เขาทำ โลกของเขามันแย่เกินกว่าที่อีกคนจะก้าวเข้ามา
“อย่าไปจากกูเลยนะ กูรักมึงจริงๆ”ใบหน้าหล่ออ้อนวอนเสียจนเจโน่เม้มปากแน่น นึกถึงถ้อยคำประชดประชันและขับไล่ของตัวเองที่ผ่านมาคงทำให้เหรินจวิ้นปวดใจไม่น้อย
มือสวยกอดลำคออีกคนเข้ามาก่อนจะประกบจูบลงบนริมฝีปากหยักซึ่งอีกคนก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ริมฝีปากทั้งสองต่างบดเบียด หยอกเย้า แล้วป้อนความหวานล้ำให้กันและกัน เรียวลิ้นร้อนแทรกเข้ามารุกไล่กวาดต้อนสร้างความวาบหวามอย่างหลงไหลเนิ่นนานจนคนตัวขาวต้องดันไหล่แข็งแรงออกแล้วหอบถี่ด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ
“มึงยังรักกูไหม”
“รักสิ”เหรินจวิ้นกระซิบบอกชิดกลับปากแดงแล้วกดจูบซ้ำๆ เอ่ยถ้อยคำหวานออดอ้อนเมื่อกลิ่นหอมจากร่างกายขาวเร่งเร้าให้ความอดทนของเขาหมดลง “ไม่ยอมให้จูบมานานแล้วนะ คิดถึงครับ คิดถึงมาก”
“อ๊ะ ไม่เอาตรงนี้ อื้อ!”เจ้าของกรอบหน้าสวยร้องขึ้นเมื่อถูกอุ้มขึ้นเอว แผ่นหลังบางแนบชิดผนังด้านหลัง ริมฝีปากร้อนซุกซนไปทั่วทั้งดูดเม้มและกวาดเลียบนนวลเนื้อเนียน ลากริมฝีปากขบงับปลายหูขาวจู่โจมเข้าที่จุดอ่อนจนเจโน่ตัวอ่อนไปหมด เหมือนเหรินจวิ้นจะคิดถึงอย่างที่พูดจริงๆถึงได้สติหลุดแบบนี้
“ที่รถเหอะเจน ถึงห้องไม่ไหวว่ะ”
“ย่าห์! หวงเหรินจวิ้น!!”
End
Huang RenJun Special part
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ทุกคนดูแลเจนดีมากจริง ๆ ยุงไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม ใครหน้าไหนก็ไม่ให้เข้าใกล้ ดูแลดีเหมือนเลี้ยงลูกเลย แง ยิ่งกว่าไข่ในหินอีก