ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My garden ! ติดสอยห้อยตาม สนามทดสอบรัก

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 18 ต.ค. 55


     

    ณ โรงพยาบาลประจำจังหวัด

                    “ วอสามเรียกวอสี่  ลิ้นจี่ลำไยมะละกอ

    ลิ้นจี่ลำไยมะละกอ เรียกวอสามมะขามกล้วยส้ม

                    “ เอ่อ...ขอโทษนะคะคุณตำรวจ ไม่ทราบจะขายผลไม้อีกนานไหมคะ ? ดิฉันกำลังรีบ = =” ”

    ต้องขออภัยในความไม่สะดวกนะครับ  เนื่องจากผลไม้กำลังขาดตลาด ถ้าไม่รีบกอบโกยผลประโยชน์จะทำให้เน่าเสียได้

                    (= =)”  << สีหน้าหญิงสาว

    เอาน่าครับ ...อย่าเครียดๆ ตำรวจไทยยุคใหม่  ใส่ใจประชาชน  อยากให้อารมณ์ดี ^^  เนื่องจากเหตุการณ์อุบัติเหตุเมื่อสามวันก่อน ที่มีรถสองคันชนประสานงาบริเวณสวนยางพารา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขอให้คุณมาเป็นพยานเพื่อสอบปากคำเกี่ยวกับอุบัติเหตุในครั้งนี้

                    “ ได้ค่ะ...ดิฉันให้ความร่วมมือเต็มที่

    งั้นผมของสอบปากคำเลยนะครับ  อันดับแรกคุณพบเหตุการณ์นี้ได้อย่างไรครับ

                    “ดิฉันกำลังขับรถอยู่  เลยพบเห็นโดยบังเอิญค่ะ

    คุณพบเห็นในขณะที่กำลังเกิดอุบัติเหตุหรือหลังจากนั้นแล้วครับ

                    “หลังจากนั้นค่ะ

    คุณมีความสัมพันธ์อย่างไรกับผู้บาดเจ็บครับ

                    “ไม่มีความสัมพันธ์ใดๆค่ะ แค่มนุษย์ร่วมโลกค่ะ

    ขอบคุณสำหรับคำตอบนะครับ หากมีข้อมูลเพิ่มเติมทางเราจะติดต่อไปอีกครั้ง

                    “ไม่เป็นไรค่ะ เรื่องเล็กน้อย

    หลังจากการสอบปากคำบริเวณหน้าห้องประชาสัมพันธ์ของโรงพยาบาล  ระหว่างหญิงสาวกับตำรวจ  ก็มีพยาบาลสาวเดินตรงมาทางนี้

                    “ยัยปริก! คนไข้ห้อง 383 ฟื้นแล้วย่ะ!”

    หญิงสาวผู้ถูกเรียกว่ายัยปริกหน้าเบ้อย่างไม่สบอารมณ์

                    “โหย...ชื่อนี้มันนานเป็นชาติเศษแล้วยังจะเรียกอีก ชั้นออกจะสวยเหมือนางฟ้านางสวรรค์

    จ้าๆ แม่นางฟ้า ชั้นว่าเธอไปดูคนที่เธอเก็บมาจะดีกว่านะ  ดูเค้าจะความจำเสื่อมด้วยแหละ  พยาบาลสาวป้องปากบอกเพื่อนของเธอ

                    “เหอะๆ ไม่จริงม้างงงงง....

    แล้วทั้งสองคนก็เดินไปยังห้อง 383  ด้วยกัน  เมื่อเดินมาถึงหญิงสาวที่ถูกเรียกว่ายัยปริกก็มองเข้าไปยังในห้องที่มีชายหนุ่มคนหนึ่งนอนอยู่  สายระโยงระยางของสายน้ำเกลือ  ผ้าวางขาหัก  สายอาหาร รวมถึงสายท่อปัสสาวะ  ที่บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าอาการสาหัส  เธอจึงเปิดประตูเข้าไปอย่างเงียบๆ  เอี๊ยดดดด.....

                    “ใครน่ะ!!”

    เงียบ.......

    ใคร!!! ชั้นถามว่าใคร!!!”

                    “นางฟ้า...

    ห๊า!! ชั้นตายไปแล้วหรอเนี่ย ไม่จริงใช่ไหม ใช่ไหม ใครก็ได้ช่วยบอกที!!! ” ชายหนุ่มดิ้นขลุกขลักอยู่บนเตียง แล้วส่งเสียงร้องเหมือนคนจะเป็นจะตาย

    โอ๊ย! ทำไมมันปวดแบบนี้ แสดงว่ายังไม่ตาย ยังไม่ตาย ยังไม่ตาย  เยสสส...

    เธอยืนดูชายหนุ่มอย่างงงวย แล้วคิดคนเดียวอย่างงงๆว่า “ท่าจะบ้าแฮะ..

                    “ใครกัน!?! นางฟ้า...ชายหนุ่มได้แต่หันซ้ายแลขวาเพื่อหวังว่าจะได้พบบุคคลลึกลับที่อ้างว่าเป็น นางฟ้า  แต่แล้วก็ไม่พบสิ่งอื่นใดนอกจาก... เลือดที่ไหลซิบๆบริเวณศีรษะของตน

    เฮือก! พะ พะ ยา ยา บาลลลลลลลลลลลลลลลลลลลล ชะ ช่ะ ชะยังไม่ทันขาดคำก็หมดสติล้มลงไป

    แบบนี้คงไม่ตายง่ายๆหรอกมั้ง  อย่างมากก็แค่นอนตายไปอีกหลายวันถึงจะเข็ดหญิงสาวซึ่งแอบออกมาก่อนหน้านี้ยืนมองชายหนุ่มอยู่หน้าห้องอย่างเหนื่อยหน่าย  และเดินจากมาอย่างเงียบๆ

                    “โป๊ก!”

    เป็นอะไรไหมครับ...คุณ..เอ่ออ

                    “แพงเพรียวค่ะ ^_^ หญิงสาวที่ถูกเรียกว่า ยัยปริก ยิ้มให้กับชายหนุ่มชุดกราวสีขาวผู้เข็นรถเข็นผ่านมาอย่างเต็มที่

    อ่อ..ครับคุณแพงเพรียว  ผมว่าไปทำแผลก่อนดีไหมครับ  เลือดไหลซิบๆเลย

                    “ คะ? เลือดไหลเหรอ?” แพงเพรียวใช้มือแตะที่หน้าผากเบาๆจึงรู้ว่าตนมีบาดแผล

    ก็ดีค่ะ ^^”

                    “งั้นเดี๋ยวผมนำทางไปนะครับ ^^ ” หมอหนุ่มยิ้มกว้างและเดินนำหน้าไปทางห้องรักษาพยาบาล

    หญิงสาวคิดในใจขณะเดินตามหมอหนุ่มไป 

     

    เสร็จชั้นล่ะ หึหึ…”

                    ณ ห้องพยาบาล

    คุณหมอพึ่งมาเป็นหมอที่นี่หรอคะ? ไม่ยักกะเคยเห็นหน้าเลยแพงเพรียวถามเพื่อทำลายบรรยากาศ

    ก็พึ่งมาใช้ทุนได้ 2 เดือนเองครับ หมอหนุ่มยิ้มหวานตอบ ในขณะที่มือยังง่วนอยู่กับการล้างแผลที่หน้าผากคนไข้

    อ่อออออ …………. โอ๊ย!”

    เฮ้ย!เป็นไรรึเปล่าครับ มือผมหนักไปหรอ?” หมอหนุ่มท่าทางเป็นห่วง ในขณะที่หญิงสาวนั่งกุมขมับ

    แฮ่ๆ อ่ะอ่ะ ล้อเล่นค่า…..”

    ว่าแต่คุณหมอชื่ออะไรคะ ?”

    กฤษณ์ครับ หมอหนุ่มตอบพร้อมอมยิ้ม จนปรากฏลักยิ้มเล็กๆที่ทำให้คนที่เห็นแอบคิดในใจว่าช่างน่ารักเสียนี่กระไร

    ในขณะที่คนไข้ที่แอบคิดเล็กคิดน้อยจนหน้าบานเป็นกระด้งจนคุณหมอแอบแซวไม่ได้

    นี่ชื่อผมเพราะเกินไป หรือว่าหน้าผมหล่อกันแน่ครับ คุณถึงยิ้มกว้างซะขนาดนี้

    เหคุณหมอนี่หลงตัวเองใช่เล่นนะคะ  ก็ทั้งสองอย่างแหละค๊า!! ชั้นไม่ได้เจอหมอหล่อๆแบบนี้บ่อยๆซะหน่อย ถึงเจอก็เป็นเก้งกวางซะงั้น เฮ้อออออ….” หญิงสาวถอนหายใจเหมือนเสียดายซะเต็มประดา

    แต่อย่าบอกนะว่าคุณหมอก็เป็น….”

    เป็นสิครับ ใครบอกไม่เป็น

    พูดจริง?!”

    จริงสิครับ

    “OMG! ชั้นนึกแล้วเชียว งั้นชั้นขอพูดตรงๆนะคุณหมอ  หมอเคะรึเมะคะ?” หญิงสาวเขยิบเข้าไปใกล้หมอหนุ่มเพื่อต้องการทราบคำตอบ ดวงตาตี่ๆของเธอหรี่ลงเป็นเส้นตรง ช่างดูตลกยิ่งนัก หมอหนุ่มนึกขำอยู่ในใจ

    อ่าเสร็จพอดีเลย  เดี๋ยวอาทิตย์หน้าอย่าลืมมาล้างแผลนะครับ แล้วเดี๋ยวผมสั่งยาให้ จะได้หายไวๆจากนั้นหมอหนุ่มก็เขียนขยุกขยิกด้วยตัวหนังสือหวัดเป็นภาษาอังกฤษที่อ่านยากลงบนกระดาษ  หญิงสาวจึงชะโงกหน้าไปดูด้วยความสนใจอย่างยิ่ง

    ลายมือหมออ่านยากยังงี้ทุกคนเลยรึเปล่าคะ?  แล้วแบบนี้พยาบาลรึเภสัชอ่านไม่ออกจ่ายยาผิด แย่เลย…”

    หมอหนุ่มสตั๊นไป 3 วิ 0_0 ไม่นึกว่าจะมีใครพูดตรงๆกับเค้าแบบนี้

    ไม่หรอกครับ ด้วยความที่ต้องเร่งรีบและติดการเขียนภาษาอังกฤษแบบตัวเขียนมากกว่า  พยาบาลและเภสัชกรซึ่งมีความรู้ความสามารถจึงสามารถอ่านออกไงล่ะครับ

    นี่หมอด่าว่าชั้นโง่เปล่าหว่า หาว่าชั้นอ่านไม่ออก หญิงสาวคิดในใจ

    จริงๆชั้นก็เคยอยากเป็นหมอนะคะ ตอนม.4ชั้นชอบเคมีที่สุดเลย เคยได้ 99เต็ม100 คะแนนด้วย แต่พอจบม.ปลาย ชั้นกลับเกลียดทั้งฟิสิกส์ เคมี ชีวะ รวมทั้งคณิตศาสตร์ด้วย เลยเบนเข็มไปเอาดีด้านภาษา ทั้งๆที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่ได้สนใจมันเล้ยยย

    แต่ก่อนที่หญิงสาวจะพล่ามยาวไปมากกว่านี้ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นเสียก่อน

    กิง ก่อง แก้ว แมว ก่อง ก้น หมา ไล่ ก้น กัด ก้น แมว น้อยหญิงสาวหยิบโทรศัพท์ Smartphone รุ่นใหม่ล่าสุดยี่ห้อดังขึ้นมารับ

    ค่ะโอเคค่ะได้เลยไม่มีปัญหาเดี๋ยวชั้นไป สิ้นเสียงต้นสายเธอก็วางหูแล้วหันกลับมาคุยกับหมอหนุ่มต่อ แต่ปรากฏว่าไม่เห็นแม้แต่วี่แวว

    ไปก็ไม่บอก! ถ้ารำคาญก็บอกกันตรงๆก็ได้ ชิชะ!” แล้วเธอก็ผลักประตูออกจากห้องไป  

    ณ ท่ารถโดยสาร

    หญิงสาวนามว่าแพงเพรียวนั่งรอรถโดยสารเพื่อกลับบ้านเธอ  เหตุผลสั้นๆง่ายๆที่เธอไม่ขับรถกลับเองทั้งๆที่บ้านมีรถยนต์นั่นก็คือขับรถไม่เป็น  ด้วยความกลัวฝังใจเมื่อสมัยมัธยมที่ซ้อนท้ายเพื่อนสาวแล้วถูกรถชนทำให้เธอเดินไม่ได้หนึ่งเดือนเต็ม ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเธอไม่กล้าแม้แต่จะนั่งมอไซค์หรือรับไม่ได้กับการต้องนั่งรถที่ขับด้วยความเร็วสูง การโดยสารรถโดยสารสาธารณะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แม้ว่ามันจะช้าก็ตาม

    ลุงศักดิ์เมื่อไหร่รถสายใต้จะมาอ่ะ แพงเพรียวถามชายแก่คราวลุงซึ่งเป็นนายท่าเก็บเงินซึ่งคุ้นเคยกันดี

    แปปนึงน่าไม่เกินครึ่งชั่วโมง

    แปปนึงทั้งปีทั้งชาติแหละลุง  พูดแบบนี้ตลอดเว  เนี่ยมันก็ใกล้จะบ่ายสี่แล้วนะ  เดี๋ยวรถก็ไม่ไปอีกแพงเพรียวทำหน้าตาเซ็งๆเพราะเธอรอมาเกือบชั่วโมงครึ่งแล้ว  เนื่องจากหลายปีมานี้  ราคาน้ำมันที่ขึ้นไม่หยุดเสมือนราคาทองคำที่ส่งผลกระทบให้ตารางการเดินรถต้องลดน้อยลง  ช่วงเวลาจึงห่างกันมากขึ้น 

    ปี๊บๆ ปี๊บๆ

    นั่นไง! พูดยังไม่ทันขาดคำ  เบอร์38 มาแล้ว ลุงศักดิ์ผู้เป็นนายท่าชี้รถปรับอากาศสายที่ผู้โดยสารจอมบ่นต้องโดยสารให้ดู

    พูดถึงก็มา ให้มันได้อย่างนี้สิ! ฮึ่ม… ”

    เมื่อรถจอดสนิทก็มีบริกรชายหรือที่เรียกว่าแอ๊ดรถลงมาเรียกผู้โดยสาร

    เอ๊า! สายใต้เด้อ สายใต้  บ้านแพง นครพนม เร้วววววววว….”

    ไปแล้วนะลุง เดี๋ยวเจอกัน

    เออๆ ข้าเห็นเอ็งจนเบื่อขี้หน้าแล้วหนิ  ไปไป๊!”

    ไรอ๊าลุง! หนูอุตส่าห์ใช้บริการลุงมาตลอดหลายปี แขกVIPเลยนะเนี่ย

    แต่ข้าก็ลดให้แกทุกทีอย่ามาทำเป็นลำเลิกบุญคุณ

    โธ่! นิดๆหน่อยๆถือว่าเจ๊ากันไป คนกันเองนะลุงนะ ชั้นไปก่อนละแพงเพรียวโบกมือบ๊ายบายลุงนายท่าก่อนจะขึ้นรถปรับอากาศคันสีส้ม-ขาวเบอร์38  ซึ่งเธอก็จะเลือกนั่งฝั่งซ้ายมือติดกระจกเสมอเพราะรู้ดีว่าเวลาบ่ายเมื่อรถมุ่งหน้าสู่บ้านเธอ แสงแดดจะส่องด้านขวาของที่นั่ง ทำให้ร้อน เมื่อเธอนั่งฝั่งซ้ายมือก็จะไม่ร้อน แถมหลับสบายด้วย

    เด็กสาวแต่งตัวเปรี้ยวจี๊ด เสื้อยืดคอกว้างสีขาวเท่าเอว บวกกับกางเกงขาสั้นจุ๊ดจู๋ ประทินโฉมด้วยเครื่องสำอางหนาเตอะบนใบหน้า เมื่อมองลงมาที่ต้นคอจะพบกับความแตกต่างระหว่างสีผิวบนใบหน้าที่ถูกบรรจงทาด้วยแป้งฝุ่นแต่ที่ต้นคอกลับเป็นสีน้ำตาลซึ่งบ่งบอกถึงสีผิวดั้งเดิมที่ยังไม่มีการปรุงแต่งใดๆ แพงเพรียวยื่นบัตรโดยสารที่มีลักษณะคล้ายกับบัตรจอดรถให้กับเด็กสาวคนนี้  และเมื่อเธอเดินผ่านไปก็มีเสียงเอะอะดังขึ้น

    เยสโนโอเคแต้งกิ้ว….โอ๊ย! ชั้นก็เว้าได้แค่นี่แหละเด้อ

    “I want to go Bungkla”

    ห๊า! อีหยังน๊า เว้าใหม่ชัดๆดุ๊ ข่อยบ่ฮู้เรื่อง  ฝรั่งหนิกะดาย

    “How much? If I want to go Bungkla”

    โอ๊ย!จั๊กเว้าหยังดอกเด็กหญิงเก็บตัวโดยสารทำหน้าโกรธๆพร้อมเกาศีรษะไปพลาง ไม่รู้จะสนทนากับชาวต่างชาติอย่างไรดี ส่วนชาวต่างชาติก็พยายามใช้ภาษากายอย่างเต็มที่เพื่อให้คู่สนทนาชาวอีสานคนนี้เข้าใจ ดังนั้นแพงเพรียวคนนี้จึงขออาสา

    “Can I help you?”

    “Yes!” ชายชาวต่างชาติทำสีหน้าดีใจเป็นอย่างยิ่ง เมื่อพบผู้ที่พูดภาษาอังกฤษกับเขาได้

    “I would like to go to Bungkla . So, I want to know how much that I pay for ticket.”

    “OK. I understand you and I ask her . Wait a minutes please!”

    น้องๆ เค้าจะไปบุ่งคล้า ค่าตั๋วโดยสารเท่าไหร่ ?”

    สี่สิบบาทจ้าก็บ่บอก งงอยู่ได้ตั้งโด้น

    แล้วแพงเพรียวจึงหันมาบอกชายชาวต่างชาติ

    “forty baht.”

    “Thank you so much! I’m lucky when I see you” จากนั้นชายชาวต่างชาติจึงยื่นเงินให้สาวน้อยผู้มีหน้าที่เก็บตั๋วโดยสาร

    เมื่อถึงที่แล้วก็อย่าลืมบอกเค้าด้วยล่ะ เข้าใจบ่

    เข้าใจแล้วล่ะพี่ หนูมันก็ร่ำเรียนมาน้อย ภาษาอังกฤษนี่ก็รู้งูๆปลาๆ เยสโนโอเคแต้งกิ้ว จะว่าไปพี่นี่ก็เก่งเนอะ คุยกับเค้ารู้เรื่องด้วย

    แพงเพรียวแทบตัวลอยเพราะคำชมเล็กๆน่อยๆ แต่เธอก็เก็บมันไว้ไม่มิดเช่นเคย

    พี่ก็ไม่ได้เก่งมาจากไหนหรอก ก็พอเรียนๆมาบ้าง ยิ่งเราจะเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี2558นี้แล้ว ไม่รู้ภาษาอังกฤษไม่ได้น๊า ชาติอื่นเมืองอื่นนี่เค้าเก่งไปถึงไหน รู้เรื่องกว่าเราตั้งเยอะแล้ว  คนไทยยังมามัวอายไม่กล้าพูดอยู่  ประเทศอื่นเค้าก็มาแย่งงานเราหมดสิ

    พี่ๆ ว่าแต่ไอ้ประชาคมอาเซียนนี่มันคืออะไรอ่ะ หนูเห็นแต่ในทีวีพูดกันป่าวๆ

    อย่าให้พี่เล่าเหอะ เดี๋ยวมันยาว เอาเป็นว่าลองเข้าไปหาข้อมูลในกูเกิ้ลดู สละเวลาและสตางค์จากค่าเสื้อผ้าและเครื่องสำอางสัก10บาทไปเล่นเน็ตหาข้อมูล  พี่บอกไปก็ไม่สู้รู้เองหรอก จริงมั๊ย! อ่ะ! ถึงบ้านพี่ล่ะ ไปก่อนนะ

    เมื่อรถจอด แพงเพรียวก็เดินลงจากรถแล้วมุ่งไปยังบ้านป้าสีที่เธอฝากรถมอไซค์ไว้เ พื่อขับกลับบ้าน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×