คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Story 0 : A Cool Fairy Tale 100%
Story 0 : A Cool Fairy Tale
ในโลกนี้.....อย่าคิดนะครับว่าเทพนิยายคือสิ่งที่ผมเกลียดที่สุด
ไม่....ไม่ใช่หรอกครับ
สิ่งที่ผมเกลียดจริงๆน่ะ คือ ‘ผู้ชาย’ที่แอบมาชอบผมต่างหาก
* * *
คิม แจจุงกำลังเบื่อ..... ชายหนุ่มนั่งนิ่งพลางแอบกวาดตามองไปรอบๆผ่านหนังสือที่หยิบมาใช้บดบังการกระทำที่แท้จริงของตนเองอย่างเบื่อหน่าย ขณะที่เพื่อนปาร์คของเขาซึ่งนัดกันไว้ซะดิบดีที่ร้านกาแฟแห่งนี้เกิดหายตัวไปอย่างลึกลับ ทิ้งไว้ให้เขาอยู่กับชายหนุ่มร่างเล็กหน้าตาน่ารักอีกคนที่กำลังง่วนกับกองเอกสารตรงหน้า ซึ่งถ้าจำไม่ผิดแล้ว รู้สึกจะชื่อ คิม จุนซู นักศึกษามหาวิทยาลัยเดียวกับเขานั่นแหละ เพียงแต่คนละคณะ
แจจุงเรียนคณะวิทยาศาสตร์ เอกเคมี......
แต่เนื่องจากมีอะไรสักอย่างมาบดบังจะกลับกลายเป็นเพื่อนกับปาร์ค ยูชอน
สงสัยจะเป็นกรรมแน่ๆ....
คิดแล้วก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาเบาๆ และเสียงถอนหายใจนั่นเองที่เรียกให้คนที่กำลังง่วนกับกองเอกสารเงยหน้าขึ้นมามองเขาก่อนส่งยิ้มให้จนตาหยี
“เบื่อเหรอ? แปปนะ บทกำลังจะเสร็จแล้ว”
“เปล่าๆ ฉันแค่กำลังคิดน่ะว่ายูชอนมันหายไปไหนของมัน”
“อืมมม ยูชอนออกไปรับผู้กำกับของเราไง “จุนซูตอบ ก่อนก้มกลับไปสนใจเอกสารในมืออีกครั้ง
“ให้ตายสิ นัดกันตอนบ่าย 2 นี่ก็เลยเวลามากแล้ว ขนาดผู้กำกับยังมาสาย แล้วหนังมันจะรอดได้ไง”คนที่ไม่เต็มใจมาเริ่มบ่น
จะไม่ให้บ่นได้ไง อาทิตย์ต่อมาหลังจากที่ชายหนุ่มตกลงรับข้อเสนอแล้ว ยูชอนก็จัดการนัดเขามาที่นี่เพื่อประชุมครั้งแรกกับทีมงานรวมทั้งนักแสดงหลักทั้งหมด
แล้วทำไมยังมีมาแค่สองคนวะ?
อีกครั้งที่จุนซูต้องเงยหน้าขึ้นมา หากแต่คราวนี้ร่างเล็กทำหน้าแปลกๆที่แจจุงตีความได้ว่ากำลังพยายามกลั้นหัวเราะ
“ความจริงเรานัดกับตอนบ่าย 3 นะ แต่นี่เพิ่งจะบ่าย 2 ครึ่งเอง นายฟังเวลานัดผิดรึเปล่า?”
“บ่าย 3? “แจจุงทวนเสียงหลง ขณะที่จุนซูพยักหน้าหงึกหงักรับ
อะ....ไอ้ยูชอน ไหนมันบอกว่านัดตอนบ่าย 2
คิดแล้วแจจุงก็ต้องพยายามนั่งนับ 1-100 ในใจอย่างอดทน จนเมื่อกระดิ่งหน้าร้านดังขึ้น พร้อมๆกับที่ร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มอีกคนก้าวเข้าหากแต่เขาก็ไม่สนใจ
“อ๊า....ชางมินมาแล้ว ทางนี้ๆ”เสียงของจุนซูพร้อมท่าทางโบกไม้โบกมือทำให้เขาต้องหันมองตาม
“อ้าว พวกพี่มากันแล้วเหรอ”ร่างสูงเกินมาตรฐานเอ่ยทักอย่างร่าเริงก่อนเดินตรงมาพวกเขา
ชิม ชางมิน ชายหนุ่มหน้าตาดีเจ้าของร่างสูงโปร่งคนนี้ แจจุงรู้จักผ่านยูชอน ในฐานะน้องรหัสของไอ้ปาร์ค รุ่นน้องของยูชอนคนนี้เรียนดีอย่างเหลือเชื่อ จนกลายเป็นดาวเด่นของคณะศิลปกรรมศาสตร์เอกการละครไปโดยปริยาย ด้วยสมองที่ยอดเยี่ยมและความฮาร์ดคอร์ที่เลื่องลือ
“ว่าแต่ ไม่น่าเชื่อนะว่าพี่แจจุงจะยอมตกลงมาเล่นเนี่ย ผมนึกว่าพี่เกลียดเทพนิยายซะอีก”คำถามง่ายๆหลังจากสั่งเครื่องดื่มเสร็จที่ดังขึ้น ทำเอาจุนซูหันมามองอย่างสนใจกับข้อมูลใหม่ที่ไม่เคยรู้ ขณะที่คนถูกถามยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ.....
แน่นอนว่า แค่เที่ยวด้วยกันไม่กี่ครั้ง ไอ้คุณเพื่อนปาร์คก็จัดการทำให้เขาและชางมินสนิทกันราวเป็นพี่น้องรหัสกันเสียเอง และนั่นก็หมายความว่าชางมินรู้ว่าเขาเกลียดเทพนิยายขนาดไหน....
“นายไม่ชอบเทพนิยาย?”จุนซูถามเสียงสูง
“อย่าใช้คำว่าไม่ชอบเลยฮะ ต้องคำว่า ‘เกลียด’ เลย”แจจุงแยกเขี้ยวใส่รุ่นน้องที่ตอบแทนเขา
“ทำไมล่ะ”
“อย่าถามเลยพี่จุนซู.....ขนาดผมถามเป็นพันรอบพี่แจจุงยังไม่บอกเลย”หมอนอิงข้างมือแจจุงลอยวืดผ่านอากาศเฉียดหน้าชางมินไม่กี่มิลลิเมตร หากแต่เจ้าตัวยังหัวเราะลั่น ก่อนถามซ้ำคำถามแรกอีกครั้ง
“ว่าแต่.........ทำไมถึงยอมมาล่ะครับ” คำถามที่แจจุงนิ่งไปสักพัก หากแต่ยังไม่ทันได้ตอบ เสียงกระดิ่งประตูหน้าร้านก็ดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมๆกับที่ร่างสูง 2 ร่างก้าวเข้ามาเรียกให้ทั้ง 3 คนหันไปมอง แจจุงนิ่วหน้าโดยไม่รู้ตัวเมื่อเห็นร่างสูงที่เดินเข้ามาพร้อมกับเพื่อนสนิทของตัวเอง
จอง ยุนโฮ...........คำตอบที่ชางมินต้องการ
เหตุผลที่เขาตกลงยอมรับมาแสดงนำในหนังสั้นเรื่องนี้!
* * *
TBC 50%
^^ เป็น 50% ที่ยาวมากจริงๆ 55 ติชมได้นะคะ อ้อ....แล้วขออนุญาตเปลี่ยนชื่อเรื่องด้วยค่ะ เพราะมันเป็นmixเทพนิยายทุกเรื่องมารวมกัน ^^ แล้วก็ตัวเด่นก็เป็นดงบังเต็มตัวค่ะ คาดว่าคงมีวงอื่นมาเป็นตัวประกอบอีกนิดหน่อย......
* * *
ร่างสูงสมส่วนที่กำลังยืนอธิบายแผนงานคร่าวๆของโปรเจคละครสั้นนั้นเป็นที่สนใจอย่างมากของทุกคนในร้านกาแฟแห่งนี้ ทั้งทีมงานและคนอื่นๆที่อยู่บริเวณใกล้เคียงต่างก็จับจ้องมายังร่างสูงที่ยืนพูดอยู่ หากแต่แจจุงกลับปล่อยให้เสียงนุ้มทุ้มต่ำที่อธิบายเกี่ยวกับโครงเรื่องและวิธีการถ่ายทำทะลุเข้าออกหูทั้ง 2 ข้างอย่างไม่ใส่ใจ ดวงตาคู่โตของชายหนุ่มจับจ้องไปที่เงาในกระจกของคนพูดอย่างเหม่อลอย
จอง ยุนโฮ............ดาวเด่นแห่งคณะนิเทศศาสตร์ ชายหนุ่มที่เขาได้ยินและรู้จักมานานตั้งแต่เข้าปีหนึ่ง ไม่ใช่จากยูชอน หากแต่เป็นสาวๆทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่รุ่นพี่รุ่นน้องและแม้กระทั่งอาจารย์ต่างเฝ้าพูดถึง.........ไม่ใช่เพราะหน้าตาที่หล่อเหลาราวเทพบุตร หากแต่เป็นนิสัยต่างหาก ที่ทำให้จอง ยุนโฮเป็นชายหนุ่มที่สาวๆกว่าครึ่งมหาวิทยาลัยหลงรัก ยุนโฮเป็นคนที่ขึ้นชื่อในเรื่องความมีน้ำใจ สุภาพ อ่อนน้อม รวมทั้งการตั้งใจเรียนและไม่มีประวัติเสื่อมเสีย ทำให้แม้กระทั่งผู้ชายหลายคนในมหาลัยก็ยังนับถือยุนโฮ
ยกเว้น แจจุง!
“อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิครับ “เสียงของชางมินที่ดังขึ้นเรียกให้แจจุงหยุดความคิดทุกอย่างแล้วหันไปมอง ก่อนเลิกคิ้วเป็นเชิงสงสัยให้รุ่นน้องที่ก้มจิบเครื่องดื่มในมือก่อนตอบ “พี่ทำหน้าอย่างกับจะไปขย้ำพี่ยุนโฮอย่างนั้นแหละ -o-“
“ตอนนี้ฉันอยากขย้ำแกมากกว่า....“เขาสวนเข้าให้เสียงดังอย่างลืมตัว ก่อนชะงัก เมื่อรู้ว่าทุกสายตาในร้านจับจ้องมายังตนเอง
สงสัยเสียงดังไปหน่อย......
“ขอโทษๆ ต่อเลย....”ชายหนุ่มหันไปขอโทษขอโพยพร้อมโพกมือเป็นเชิงให้ผู้กำกับคนเก่งพูดต่อ ก่อนยกมือชี้หน้าคาดโทษรุ่นน้องตัวแสบที่แอบหัวเราะแบบไม่มีเสียง แล้วหันขวับไปอีกด้านเมื่อรู้สึกได้ว่ามีคนมองมา แจจุงเม้มปากก่อนหันหน้าหนีสายตาของยุนโฮ
ให้ตายเหอะ.....เขาเกลียดสายตาแบบนี้ที่สุด
แจจุงรู้ตัวดีว่าทำไมเขาถึงได้ ‘เขม่น’ พ่อยอดชายคนนี้นัก ถ้าจะมีสิ่งไหนของยุนโฮที่ไม่เข้าตาเขามากที่สุด สิ่งนั้นก็คงจะเป็นสายตา.....
สายตาของยุนโฮที่มองเขาตั้งแต่ครั้งแรก มันพราวระยับและชวนให้แจจุงรู้สึกแปลกๆ มันเป็นความรู้สึกที่ทำให้เขาหงุดหงิด
รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเหยื่อที่กำลังโดนจ้องมอง.....ให้ตายสิ!
“เอิ่ม....อย่าว่างั้นว่างี้เลยนะ ไอ้คุณเพื่อนแจที่เคารพ”เสียงของยูชอนที่ดังขึ้นทำให้แจจุงหลุดจากพวัง คิ้วเรียวขมวดเมื่อมองเพื่อนสนิทที่มานั่งข้างเขาเมื่อไรก็ไม่รู้ ก่อนกวาดสายตาไปรอบๆ ถึงได้รู้ว่าทีมงานคนอื่นกำลังคุยกันอยู่ แสดงว่าการอภิปรายโดยผู้กำกับสุดฮอตได้สิ้นสุดลงแล้ว
“อะไรล่ะ”
“จากการที่เป็นเพื่อนกันมานาน ฉันถึงได้รู้ว่าไอ้คำพูดของยุนโฮเมื่อกี้มันไม่ได้เข้าหูแกเลย เพราะฉะนั้นขอความกรุณาฟังฉันพูดอีกสักนิดนะ ยังไงซะแกก็เป็นนักแสดงนำนะเว้ย”
“ว่ามาดิ”แจจุงขัดอารัมบทที่แสนยืดยาวของผู้เป็นเพื่อนอย่างเซ็งๆ
“คืองี้...”ยูชอนลากเสียงยาว “สุดยอดหนังสั้นของฉันจะเป็นการดัดแปลงเทพนิยายต่างๆ........”
“สรุปคือแกกำลังจะทำลายความฝันอันงดงามวัยเด็ก” ชายหนุ่มขัดอย่างกวนๆ อารมณ์ที่ขุ่นมัวค่อยๆดีขึ้นเมื่อได้ระบายไปหาคนอื่น
“- -* ขอความกรุณาเพื่อนแจนั่งหุบปากแล้วฟังเงียบๆครับ....... คืองี้ เรื่องนี้เนี่ย เป็นโปรเจคที่ทำเพื่อส่งอาจารย์ชิ้นสุดท้าย ของฉัน จุนซู แล้วก็ยุนโฮ “
“มิน่าๆ ได้แต่คนดีๆมาร่วมงาน แกเลยไม่ต้องทำอะไรเลย”
ปาร์ค ยูชอนหลับตาอย่างพยายามข่มอารมณ์กับอาการกวนตีนของผู้เป็นเพื่อน ก่อนพูดต่ออย่างไม่สนใจ “นักแสดงหลักจะมี 2 คน คือแก แล้วอีกคนคือ ลี เฮียวอิน ดาวคณะฉัน ”
“นี่แกไปหลอกล่อดาวคณะแกยังไงวะ อย่าบอกนะว่ามอมยาแล้วจับเซ็นสัญญาว่าจะแสดง”
“ โว๊ยยยยย ไอ้บ้า นั่งฟังเงียบๆได้มั๊ยวะ ”ยูชอนโวยวายอย่างหงุดหงิด คิ้วเรียวขมวดมุ่น ดวงตาคู่ไม่โตนักเหลือบมองแจจุงอย่างตัดสินใจว่าจะทำยังไงกับมันดี ก่อนตะโกนเรียกบุคคลที่ 3 เสียงดังลั่น “ ยุนโฮ ยุนโฮ ไอ้ยุนโฮคร้าบบบ มานี่หน่อยดิ”
“เฮ้ย!” แจจุงร้อง “เรียกมันมาทำไม” หากแต่ผู้เป็นเพื่อนยังคงไม่สนใจ ยูชอนยังคงเรียกยุนโฮ ก่อนยิ้มกว้างเมื่อผู้กำกับเดินมาหา
“มีอะไรยูชอน”
“ขอความกรุณาอธิบายเรื่องย่อให้คุณนักแสดงนำอีกครั้งนะ มันอาจจะกวนตีนแกนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวฉันจะไปคุยกับจุนซูเรื่องบทก่อน” แจจุงอ้าปากค้างมองผู้เป็นเพื่อน ที่เมื่อพูดจบก็ลอยละลิ่วไปหาคนเขียนบททันที ทิ้งเขาไว้กับบรรยากาศแปลกๆ.....กับ ยุนโฮ กับสายตาพราวระยับแปลกๆนั่น
รวมทั้งกับคำพูดแปลกๆของยูชอนที่เคยพูดไว้เมื่อตอนขอร้องให้เขามาแสดง
“สรุปว่าเมื่อกี้ไม่ได้ฟังใช่มั๊ย” ยุนโฮถามเบาๆคล้ายชวนคุย หากแต่คนตัวเล็กกว่ากลับพยักหน้าอย่างขอไปที
ไอ้เพื่อนปาร์ค......อย่าให้ถึงทีนะโว๊ยยย
“อีกแล้ว....”
“อะไร”แจจุงถามเสียงย้อนห้วนๆ
“ก็นายชอบทำหน้าเหมือนโลกนี้เต็มไปด้วยความหงุดหงิดอย่างไงอย่างงั้น” ยุนโฮตอบพร้อมรอยยิ้มบางๆที่ดูแล้วสว่างไสว คำตอบพร้อมรอยยิ้มที่ทำเอาคนตัวเล็กกว่าแยกเขี้ยวงุด ก่อนก้มหน้าลงอย่างรวบรวมสมาธิ
ตึก ตึก ตึก
ขณะนี้เวลานี้ 16.30 คิม แจจุงคนนี้กำลังจะฆ่าตัวตาย เพราะเผลอใจเต้นกับรอยยิ้มของคนตรงหน้า
พระเจ้า! เขาใจเต้นกับผู้ชาย!!!!!
“เป็นอะไรรึเปล่า?” เสียงของยุนโฮที่ดังขึ้นทำเอาเขาสะดุ้ง ก่อนรีบตอบ
“เปล่าๆ เรื่องย่อล่ะ รีบเล่ามาสิ”แจจุงปัดความรู้สึกแปลกๆออกไป พยายามเรียกอาการเขม่นยุนโฮกลับมาอีกครั้ง ดวงตาคู่โตถลึงใส่คนตรงหน้าอย่างหงุดหงิดเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ
“เรื่องนี้มันจะเริ่มเรื่องด้วยเรื่องของหนูน้อยหมวกแดง ......” เหมือนจะกลัวแจจุงหงุดหงิดไปมากกว่านี้รึเปล่าไม่รู้ ยุนโฮจึงค่อยๆเล่าเรื่องย่อออกมา
“เด็กสาวคนหนึ่งได้รับคำสั่งจากคุณแม่ให้นำตะกร้าใส่อาหารไปให้คุณยาย แต่ว่าหนทางที่จะไปนั้นคือป่าใหญ่ที่เต็มไปด้วยอันตราย แม่จึงสั่งให้เธอรีบเดินทาง ห้ามเถลไถล........”
“ฟังแล้วไม่เห็นต่างจากต้นฉบับตรงไหน”แจจุงขัด “แล้วสรุปว่าฉันจะเล่นเป็นใคร?”
“อย่าเพิ่งใจร้อนสิ “ยุนโฮบ่น ถึงกระนั้นแจจุงก็สังเกตให้ได้ว่าเขาแอบยิ้ม
“ในตระกร้าของหล่อนนั้นนอกจากอาหารแล้วยังจะมีดอกไม้อีกหนึ่งดอก ที่เป็นดอกไม้วิเศษ ซึ่งแม่กำชับว่าถ้าเจอหมาป่าให้รีบเอาออกมาทันที เด็กสาวรับคำคุณแม่ จากนั้นก็ออกเดินทาง ในป่านั้นเธอเผลอลืมคำสั่งของแม่ และหลงทาง เธอหลงไปเจออะไรหลายอย่างที่ทำให้เธอเดินทางช้าลง ไม่ว่าจะเป็นบ้านขนมหวาน ต้นไม้ที่มีหนามแหลมคม แม่น้ำที่มีฟองคลื่น นอกจากนั้นเธอยังเจอบ้านของคนที่มีคนตัวเล็กอาศัยอยู่ รวมทั้งพบหญิงสาวสวมรองเท้าแก้วที่มาเดินเล่นในป่าเหมือนกัน และในที่สุด........เธอก็พบชายหนุ่มคนหนึ่ง....”
“เดี๋ยวนะ เดี๋ยวนะ...”แจจุงขัดขึ้นมาอีกครั้ง “อย่าบอกนะว่าที่ว่ารวมเทพนิยายน่ะ หมายถึง บ้านขนมหวานจากฮันเซลกับเกรเธล บ้านของคนตัวเล็กจาก สโนไวท์ และหญิงสาวสวมรองเท้าแก้วก็คือซินเดอเรลล่า.....?” ยุนโฮพยักหน้ารับคำพูดของแจจุง หากแต่ร่างบางยังคงเอ่ยขึ้นอย่างสงสัยต่อไปอีก “ว่าแต่...ฉันไม่เข้าใจเรื่องอื่นน่ะ มันเกี่ยวกับเทพนิยายตรงไหน? แล้วไม่มีหมาป่ารึไง? “
รอยยิ้มของคนตรงหน้ากว้างขึ้นเมื่อฟังคำถามจากคนเจ้าปัญหาจบ “ ก็ต้นไม้ที่มีหนามแหลมคมมาจากเรื่อง เจ้าหญิงนิทรา ส่วนแม่น้ำนั้นมาจากเรื่องเจ้าหญิงเงือกน้อยไง” หากแต่คนถามยังคงนั่งทำตาปริบๆอย่างไม่เข้าใจอยู่ดี
“แล้วสรุปว่าฉันแสดงเป็นนายพราน?”แจจุงถาม ชายหนุ่มนั่งคิ้วขมวด เขายังไม่เข้าอยู่ดีว่าทำยังไงหนูน้อยหมวกแดงถึงจะมาเป็นเพื่อนของซินเดอเรลล่าได้
หรือว่าหมาป่าปลอมตัวเป็นซินเดอเรลล่า?!?
“เปล่า......”ยุนโฮว่า ก่อนเอ่ยต่อหน้าตาเฉย “นายแสดงเป็นหนูน้อยหมวกแดงต่างหาก”
* * *
TBC
ความคิดเห็น