ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] Fan-Puen ll Krislay x Lulay

    ลำดับตอนที่ #2 : [01] ll FIC + FAN-PUEN

    • อัปเดตล่าสุด 27 ก.ค. 57





                “งื้อ! พี่ลู่หานผมจะทำงานนะ อย่าเพิ่งกวนกันสิฮะ”

                “ชิงทำงานนานเกินไปแล้วนะ เมื่อไหร่จะเสร็จสักทีล่ะคะ”

                “ก็ถ้าไม่มีลูกลิงมาเกาะหนึบผมไว้แบบนี้ อีกไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็คงจะเสร็จแล้วล่ะฮะ”

                คนที่ถูกเรียกว่าลูกลิงเงยหน้าขึ้นจากหัวไหล่เล็ก หันมองเสี้ยวหน้าคนรักที่กำลังตีสีหน้าดุใส่เขาอยู่ แทนที่จะปล่อยออกแสดงอาการหวาดกลัวกับสีหน้ากระต่ายแกล้งโกรธนั่น แต่ลู่หานกับเลือกที่จะมองเมินมันเสีย สองแขนยาวตวัดโอบรัดเอวบอบบางของแฟนตัวขาวให้แน่นมากขึ้น กดปลายจมูกโด่งลงข้างแก้มใสอย่างแรงจนกระต่ายตัวจ้อยส่งค้อนขวับมาให้

                “พี่ลู่หาน! คนอื่นอยู่เยอะแยะนะฮะ!!

                “คนอื่นเยอะแยะที่ไหนกัน ที่นั่งๆนี่พี่ก็เห็นมีแค่ไอคริสคนเดียวเท่านั้นเองนะ” ลอยหน้าลอยตาตอบ จนไปสะกิดต่อมหมั้นไส้ของกระต่ายขาวเข้า อี้ชิงยกศอกกระดุ้งใส่หน้าท้องคนขี้แกล้งจนอีกคนที่ไม่ทันระวังเด้งตัวผละจากเขาออกไปแทบไม่ทัน

                “ก็นั่นแหละฮะ! พี่คริสอยู่ด้วยไง ทำอะไรหัดอายสายตาคนอื่นบ้างสิ”

                “โถ่ ชิงก็..” ลากเสียงยาวทำท่าจะขยับเข้าไปโอบรอบเอวบางนั้นอีกครั้ง แต่ติดอยู่ตรงกำปั้นน้อยๆที่กระต่ายตัวขาวยกขึ้นมาขู่

    ลู่หานแสร้งตีหน้าเศร้าแล้วยอมขยับถอยหลังทิ้งระยะห่างจากเจ้าตัวออกมาประมาณสามก้าว ไม่ได้กลัวว่าอี้ชิงจะต่อยเขาหรอกนะ แรงแค่นั้นยืนนิ่งๆให้ต่อยสักสิบหมัดยังไม่สะท้านหน้าเขาเลย แต่ที่ยอมถอยออกมาง่ายๆเพราะกลัวว่าคนตัวเล็กจะงอนเสียมากกว่า

                “ผมไม่เล่นแล้วนะฮะ ถ้างานเสร็จไม่ทันขึ้นมานะผมจะโทษพี่”

                “ชิง..”

                “ออกไปนั่งกับพี่คริสข้างนอกเลยนะ! แล้วก็ห้ามเข้ามากวนอะไรผมอีกด้วย ถ้าพี่ลู่หานยังไม่ยอมเชื่อฟังกัน ผมจะงอน!

                ก็บอกแล้วว่าลู่หานกลัวแฟนตัวขาวงอนมากกว่ากลัวไอ้หน้าตากระต่ายแกล้งโกรธนั่น สองขายาวพาร่างตัวเองหันหลังเดินออกจากห้องนอนของแฟนตัวขาวทันที แต่ก่อนไปก็ไม่วายจะหันไปแสร้งทำหน้าเศร้าใจใส่ เพื่ออี้ชิงจะเห็นใจแล้วยอมให้เขานั่งให้กำลังแฟนในนี้..

                แต่นอกจากไอ้หน้าตากระต่ายแกล้งโกรธนั่นกับกำปั้นเล็กๆที่ยกขึ้นมาขู่เขาแล้ว ลู่หานก็สัมผัสกับความหมายอะไรอย่างอื่นไม่ได้อีกเลย จำต้องเดินคอตกออกจากห้องไป เห็นทีงานชิ้นนี้คงสำคัญและเร่งรีบจริงๆ แผนตีหน้าเศร้าเรียกร้องความสนใจที่เคยใช้กับอี้ชิงได้ดีทุกครั้งคราวนี้ถึงไม่ได้ผล

                “เป็นอะไรของมึง ทำหน้าอย่างกับพวกเด็กมีปัญหา”

                ตวัดสายตาไปให้ไอ้คนที่มันนั่งยืดยาวอยู่หน้าโทรทัศน์ขวับหนึ่ง ก่อนจะถอดหายใจออกมาอย่างเซ็งๆ แล้วทิ้งตัวลงนั่งขัดสมาธิบนโซฟาที่มีร่างสูงของคริสนั่งอยู่ก่อนแล้ว

                “แฟนไม่ยอมให้นั่งเฝ้า เซ็ง!

    “ไร้สาระ” หมอนอิงข้างกายคืออุปกรณ์ทำร้ายร่างกายเพื่อนตัวสูง ลู่หานคว้ามันมาไว้ในมืออย่างรวดเร็วก่อนจะจัดการตระบันใส่หน้าไอ้เพื่อนกวนประสาทที่นั่งตีหน้านิ่งอยู่ข้างๆ

    ตีไปตีมาได้สักพักก็หยุดนิ่งหอบตัวโยน ตวัดสายตามองอีกคนที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม ไม่สะทกสะท้าน ไม่โวยวาย ไม่หือไม่อืออะไรกับเขา ลู่หานจิ๊ปากไม่พอใจก่อนจะฟาดครั้งสุดท้ายลงไปสุดแรง และก็ได้ผล.. เมื่อไอคนที่ตอนแรกสายตาจับจ้องอยู่แต่กับภาพเกมส์การแข่งขันบาสเกตบอลภายในจอสี่เหลี่ยมตรงหน้าตวัดสายตากลับมามองเขา

    “ปัญญาอ่อน”

    “ไอ้คริส! นี่มึงด่ากูสองรอบแล้วนะ!!

    เจ้าของชื่อในประโยคทำเพียงแค่กรอกสายตาขึ้นมองเพดาน.. แน่ใจว่าอายุ 23 ไม่ใช่ 3 ขวบ! นี่ถ้าให้เขาเดาคงจะไปงอแงอะไรใส่อี้ชิงแล้วถูกไล่ตะเพิดออกมาสินะ

    “ทำหน้าแบบนี้คงด่ากูในใจอยู่สิ ไอ้ห่.า!!

    “เปล่าด่ามึงหรอก แต่กูกำลังสมเพชต่างหากล่ะ” ส่ายหน้าก่อนจะหันไปมองจอบาสเกตบอลอีกครั้ง ไม่ได้สนใจอะไรมากมายหรอกแค่ต้องการจะหาสื่ออะไรยึดเหนี่ยวความสนใจไว้ ไม่ให้ตัวเองไปใส่ใจกับเรื่องที่ลู่หานกำลังจะเล่ามากนัก

    “มึง..”

    อยู่ๆก็มาเรียกกันเสียงค่อย.. คริสได้ยินเสียงลู่หานถอดหายใจ สังเกตจากหางตาเห็นเพื่อนสนิทเอนหลังพิงผนักโซฟา ยกมือขึ้นกอดอก สีหน้าไม่ค่อยดีนัก มันก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้

    “มีอะไรจะพูดก็รีบพูด กูรู้ว่ามึงไม่ได้เซ็งแค่เรื่องที่โดนน้องไล่ออกมา”

    “วันนี้วันครบรอบ 2 ปี ที่กูคบกับอี้ชิง..”

    “...”

    “แต่ดูเหมือนว่าน้องจะจำมันไม่ได้อีกตามเคย”

    นัยน์ตาคมวาดมองหน้าเพื่อนสนิท ไม่บ่อยนักหรอกที่คนนิสัยเหมือนเด็ก 3 ขวบ อย่างลู่หานจะมีท่าทางแบบนี้ มือแกร่งเอื้อมตบบ่าเพื่อนเบาๆ คำว่าอีกตามเคยที่มันพูดออกมา น้ำเสียงคล้ายจะเคยชินกับมัน แต่คริสก็รู้ว่าจริงๆ เพื่อนของเขาไม่ได้รู้สึกเหมือนน้ำเสียงสักนิด

    “บางทีตอนนี้น้องอาจจะยังเครียดเรื่องงาน รอให้น้องทำงานเสร็จก่อนดีกว่านะ”

    “อี้ชิงไม่เคยจำวันสำคัญอะไรได้ มึงจำตอนงานวันเกิดกูเมื่อเดือนที่แล้วได้ไหม ขนาดกูถือเค้กไปจ่อต่อหน้าน้องแล้วนะ น้องยังนึกไม่ออกเลย”

    “เอาน่ามึง มึงก็รู้นี่ว่าอี้ชิงขี้ลืมจะตาย”

    “แต่ถ้าเรื่องมันสำคัญบางทีมันก็ไม่สมควรลืมป่ะวะ”

    เมื่อลู่หานพูดออกมาแบบนั้น คริสเองก็หมดคำพูดไปโดยปริยาย ร่างสูงคล้ายจะกลายร่างเป็นเครื่องรับฟังความขุ่นหมองข้องใจของเพื่อนสนิท นั่งฟังลู่หานบ่นเรื่องนู้นเรื่องนี้เกี่ยวกับอี้ชิงให้ฟังเงียบๆ เขาไม่ได้นึกรำคาญอะไรเพื่อนสนิท กลับกันเขากับชอบใจ.. ชอบที่จะนั่งฟังเรื่องของจางอี้ชิง

    เด็กผู้ชายตัวขาว น่ารัก สดใส คนนั้นที่ทำให้เขาตกหลุมรักได้ตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน ความน่ารัก สดใส และกิริยาของอีกคน ทำให้คริสเผลอเปิดหัวใจที่ตายด้านของตัวเองรับกระต่ายน้อยตัวขาวเข้ามาเต็มหัวใจ คล้ายต้นไม้แห้งเฉาได้รับการบำรุงจากน้ำและอาหาร แต่แล้ว.. พอเริ่มเติบโตได้เต็มที่ก็ถูกต้นไม้ต้นข้างๆแยกความสนใจไปหมด

    น้ำและอาหารถูกหันไปให้กับต้นไม้ต้นข้างๆ ปล่อยป่ะละเลยเขาไว้ให้กลับมาเหี่ยวเฉาอีกครั้ง นานหลายคราถึงจะหันกลับมาสนใจแต่เขาก็ยังเลือกที่จะอยู่ที่เดิม เพื่อจะได้รับน้ำและอาหารต่อชีวิตตัวเองให้เติบโตอีกครั้ง ถึงแม้สิ่งที่ได้รับจะเป็นเพียงเศษละอองของน้ำและอาหารก็ตามที

    “กูว่าครั้งนี้กูจะไม่บอกอี้ชิงแล้วล่ะว่าวันนี้เป็นวันสำคัญอะไร ถ้าน้องจำได้ก็ดีไป แต่ถ้าน้องจำไม่ได้ก็ปล่อยให้มันผ่านไปเฉยๆเลย”

    “บางทีน้องอาจจะยุ่งเรื่องอื่นอยู่ก็ได้นะ ให้เวลาน้องก่อนสิ”

    “กูให้เวลาอี้ชิงได้ทั้งชีวิตไอคริส กูรอเขาได้จนลมหายใจสุดท้ายของกู แต่บางทีแม่.งกูก็เหนื่อยใจป่ะวะ กูผิดหรอไอ้เหี้.ยที่กูน้อยใจอ่ะ กี่ครั้งๆกันแล้ววะที่อี้ชิงลืมวันสำคัญของเราน่ะ”

    “...”

    “น้องไม่เคยกระตือรือร้นอะไรเลย ทุกอย่าง ทุกวัน ทุกเทศกาลสำคัญ มันเหมือนกูตื้นเต้นอยู่คนเดียว โดยที่น้องไม่มารับรู้อะไรเลย”

    “มึงนี่ทำตัวเหมือนพวกผู้หญิงที่ชอบน้อยใจแฟนที่ลืมวันสำคัญเลยนะ”

    คริสรู้ว่าไม่ใช่เวลาเล่นและลู่หานไม่ได้อยู่ในโหมดที่จะเล่นด้วยได้กับคำพูดกวนประสาทๆ แบบนี้ได้ แต่เขาก็ไม่รู้จะทำยังไง เขาไม่รู้ว่าตัวเองควรจะปลอบเพื่อนสนิทยังไง หรือบางที.. คริสก็ไม่คิดที่จะปลอบตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

    “สัส! กูจริงจัง”

    “มึงมาโหมดดาร์กๆแบบนี้ บอกตามตรงกูไม่ค่อยชินเลยว่ะ”

    “มึงก็ลองมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้บ้างสิ จะได้รู้ว่ามันโคตรจะเสียความรู้สึกเลย”

    ฝ่ามือข้างหนึ่งที่ถือรีโมททีวีอยู่เผลอกำแน่นอย่างลืมตัว นัยน์ตาคมกริบดูดุดันหันมองเสี้ยวหน้าของเพื่อนสนิท ก่อนริมฝีปากหนาจะเอือนเอ่ยประโยคบางอย่างออกไปอย่างที่ตัวเองก็ไม่ทันได้ตั้งตัว

    “งั้น.. ก็เลิกกันซะสิ”

    “...”

    “ถ้าการกระทำของน้องดูเหมือนไม่ให้ความสนใจมึงแบบนั้น ทำไมไม่เลิกกันไปซะล่ะ”

    “มึงพูดอะไร”

    “...” นั่นสิ เขากำลังพูดอะไร

    “มึงก็รู้ไม่ใช่หรอว่ากูรักอี้ชิงมากขนาดไหน ให้ตายยังไงกูก็ไม่มีวันเลิกกับน้อง ต่อให้น้องต้องการจะเลิกกับกู กูขอบอกไว้เลยกูก็ไม่มีทางยอม”

    “...”

    “ใครที่มันกล้าคิดที่จะแย่งอี้ชิงไปจากกู กูไม่ปล่อยให้มันใช้ชีวิตอย่างสงบสุขแน่!

    นั่นสินะ.. เขานี่ก็พูดออกไปได้นะว่าให้สองคนนี้เลิกกัน ลืมไปเสียสนิทเลยว่าลู่หานรักจางอี้ชิงมากขนาดไหน

     

     
     

     .
     

                “เฮ้อ.. ในที่สุดก็เสร็จสักที”

                เสียงหวานใสพึมพำกับตัวเองเบาๆ ขณะที่ตวัดปลายดินสอลงบนผ้าใบสีขาวจุดสุดท้ายสำเร็จ แก้วตาใสสำรวจผลงานตัวเองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเผยรอยยิ้มสดใสที่บวกพร้อมมาด้วยรอยบุ๋มลงข้างแก้มใส ไม่เสียแรงที่เสียเวลากับผลงานชิ้นนี้อยู่ตั้งหลายชั่วโมง หวังว่าเกรดการเรียนวิชาศิลปะเทอมนี้ของเขาจะออกมาเป็นที่น่าพอใจและไม่น่าเกลียดมากเหมือนเทอมที่แล้วนะ

                พูดไปแล้วอย่าไปบอกใครเชียว ว่าจางอี้ชิงปีหนึ่งคณะสถาปัตยกรรมติด F วิชา Drawing น่าขายหน้าตายเลย

                กระต่ายตัวขาวยืนสำรวจง่ายตัวเองต่ออีกสักพักก่อนจะหันหลังเดินกลับมาเข้ามาในห้องนอน โดยปล่อยให้งานวาดตั้งตระหง่านอยู่ตรงริมระเบียงอย่างนั้น มือเล็กล้วงหยิบสมานโฟนเครื่องหรูที่นอนแอ้งแม้งอยู่ในกระเป๋าหนังสือขึ้นมาต่อสายตรงไปหาเพื่อนในคณะที่สัญญากันเอาไว้ว่าเย็นนี้จะออกไปส่งงานอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยด้วยกัน

                ถือสายรออยู่พักหนึ่งแต่ก็ยังไร้วี่แววว่าจะมีคนรับสาย คนตัวเล็กยู่หน้าลงก่อนจะลดสมานโฟนมาหยุดตรงหน้า บ่นอุบอิบไม่ได้ศัพท์ก่อนจะทำท่าจะกดวางสายลง แต่ก็ต้องชะงักมือไว้เมื่อปลายสายที่คิดว่าไม่รับสายกันกลับกดรับ

    “ฮัลโหลจงอิน”

                “(อื้ออ อี้ชิงหรอ..)” ฟังจากน้ำเสียงเดาได้เลยว่าอีกคนกำลังนอนอยู่ อี้ชิงเท้าเอวฉับ ทำสีหน้าดุคล้ายว่าปลายสายมายืนอยู่ตรงหน้าตัวเอง

                “จงอินนี่นายหลับหรอ! แล้วงานที่จะไปส่งกับเราวันนี้ล่ะ เสร็จหรือยัง!!

                “(เสร็จแล้วๆ เราเพิ่งทำเสร็จเลยคิดว่าจะมานอนพักเอาแรงซะหน่อย แต่นอนไปได้ไม่กี่นาทีนายก็โทรเข้ามาเนี่ย)”

                “งั้นดีเลย เดี๋ยวเราเอางานไปส่งอาจารย์กันเลยเนอะ เพื่อจะแก้ตรงไหนบ้างจะได้แก้เลย” เอ่ยชวนอย่างกระตือรือร้น หนีบสมานโฟนไว้ระหว่างหัวไหล่และใบหูพลางหันหลังเดินออกมาม้วนๆ เอาไว้เตรียมตัวออกเดินทาง

                “(นอนก่อนอีกนิดไม่ได้หรอ นี่เพิ่งจะบ่ายตรงเองนะ)”

                “ไม่ได้! ตื่นเดี๋ยวนี้เลยนะจงอิน เราให้เวลา 10 นาที ก่อนจะมาเจอกันที่ร้านกาแฟหน้าหมู่บ้าน ห้ามสาย ห้ามเรท ถ้าใช้เวลาเกินเราจะแช่งให้จงอินติด F

                “(โห้ย! จางอี้ชิงเล่นแรงไปนะ ติด F เลยหรอ)”

    เหมือนอี้ชิงจะได้ยินเสียงซาวน์เอฟเฟ็กต์คนกระเด้งตัวขึ้นจากเตียง แต่ใครจะสนล่ะ.. กระต่ายตัวขาวกำชับกับเพื่อนอีกครั้งก่อนจะกดวางสายไป วางกระดาษ Drawing ไว้บนเตียงอย่างเบามือก่อนจะวิ่งปรือเข้าห้องน้ำไป 10 นาทีในการอาบน้ำแต่งตัวและเดินออกไปหน้าปากซอยบ้านนี่มันไม่ใช่เล่นๆเลยนะ!

                อี้ชิงใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำในการอาบน้ำแต่งตัวอยู่ประมาณ 5 นาทีนิดๆ กระต่ายตัวขาวเดินตัวหอมฟลุ้งออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดเสื้อสเวกเตอร์สีขาวเรียบตัวเก่งกับกางเกงยีนส์เข้ารูปสีดำ รวบผลงานที่ต้องนำไปส่งอาจารย์ขึ้นด้วยมือเดียว ก่อนจะพาร่างตัวเองเดินไปเปิดประตูห้อง

    “อ่ะ! พี่คริส ผมตกใจหมดเลย” แต่สิ่งแรกที่เห็นเมื่อเปิดประตูออกมากลับกลายเป็นร่างทะมึนของพี่ชายตัวสูง

                “จะออกไปข้างนอกหรอครับ ไปไหนน่ะ?”

                “ออกไปส่งงานอาจารย์ฮะ”

    ฉีกยิ้มหวานให้ทีหนึ่งทำท่าจะเดินเลี่ยงไปอีกทาง เวลาเหลือในการเดินไปหน้าปากซอยอีกประมาณ 3 นาทีได้ ไม่น่าเลยจางอี้ชิง ไม่น่าไปเล่นอะไรกับจงอินแบบนั้นเลย.. กระต่ายตัวขาวลุกลี้ลุกลนอยู่คนเดียวจนคนที่ยืนมองอยู่แต่แรกนึกขำในใจ

                “เหมือนจะรีบมากเลยนะ”

                “หื้ม?.. อ่อฮะ! รีบมากๆเลยล่ะฮะ เหลือเวลาอีกไม่ถึง 3 นาทีแล้วว” และถ้ามัวแต่นั่งลงผูกเชือกรองเท้าคงต้องไม่ทันเวลาเป็นแน่ อี้ชิงตัดสินใจคว้ารองเท้าแตะที่ไม่ค่อยได้ใส่บ่อยนักออกมาจากตู้ ดึงถุงเท้าที่ใส่อยู่ก่อนหน้าออกเขวี้ยงทิ้งไปอย่างไม่ใยดี สวมรองเท้าแตะให้เรียบร้อยก่อนจะตั้งท่าเตรียมตัวจะออกวิ่ง แต่ทว่าแรงรั้งจากฝ่ามือใหญ่ของใครอีกคนที่ยืนมองอยู่แต่แรกก็ดึงข้อศอกเล็กเอาไว้เสียก่อน

                “พี่ไปส่งนะ”

                “ไม่เป็นไรฮะ ผมไปแค่หน้าปากซอยเอง ลำบากพี่เปล่าๆนะ”

                “พี่เต็มใจครับ ไปเถอะ รีบไม่ใช่หรอ” ไม่รอคำตอบจากปากกระต่ายตัวขาว ถือวิสาสะเอื้อมคว้าเอาสมบัติมากมายในสองมือคนตัวเล็กขึ้นมาถือไว้เองเสียหมด เปิดประตูบ้านเดินนำออกไปยัง BM คันหรูที่จอดนิ่งอยู่ที่ลานจอดรถหน้าบ้าน

                “พี่คริสฮะเดี๋ยวผมไปเองก็ได้นะ ผมเกรงใจ”

                “พี่บอกแล้วไงว่าพี่เต็มใจ เร็ว! ขึ้นรถ เดี๋ยวพี่พาไปมหาลัยเลย พอดีตอนนี้ว่างๆ อยู่ด้วยพี่ไม่มีอะไรต้องทำ เที่ยวพาเราไปขับรถเล่นสักหน่อยดีกว่า”

                เปิดประตูต้อนรับกระต่ายตัวขาวที่ยังยืนทำหน้าลังเลใจอยู่ตรงหน้า คริสไม่ได้เร่งรัดการตัดสินใจของอี้ชิง เขารออี้ชิงได้เสมอแหละไม่ว่าจะนานขนาดไหน เขาปล่อยให้น้องก้มลงมองนาฬิกาข้อมือเรือนเล็กที่แขนผอมสลับกับมองหน้าเขาอยู่สักครู่ ก่อนจะยิ้มกว้างเมื่อเห็นน้องมุดกายเข้าไปในรถ

                “ซิ่งเลยฮะพี่คริส ซิ่งเลย! อีกไม่เกิน 2 นาทีต้องถึงหน้าปากซอยหมู่บ้านนะฮะ!

     

    .



    .

     

                “พี่คริส!

                ร่างสูงที่กำลังนั่งมองนกมองไม้ไปเรื่อยเปื่อยสะดุ้งเฮือกยามที่ถูกสองมือเล็กตะปบเข้าที่หัวไหล่ทั้งสองข้างพร้อมกับน้ำเสียงสดใสที่ตะโกนอยู่ข้างใบหู ไม่ผิดแน่.. คนที่กล้าเล่นกับผู้ชายเงียบๆแบบเขาอย่างนี้มีคนเดียวเป็นแน่

    “รอนานไหมฮะ พอดีผมคุยกับอาจารย์ท่านเพลินไปหน่อย”

    หันหน้ากับมาเผชิญหน้ากับกระต่ายตัวขาวที่ยืนฉีกยิ้มหวานอยู่ตรงหน้า เขาจะตอบคำถามน้องว่ายังไงดี.. 3 ชั่วโมงที่เขานั่งรอน้องอยู่คนเดียวแบบนี้ทันเรียกว่านานไหมนะ

    “นั่งอยู่ตรงนี้มันเงียบดี พี่เลยไม่คิดว่ามันนานเท่าไหร่”

    “โห่! ตอบอย่างพระเอก ฮ่าฮ่าฮ่า”

    แล้วกระต่ายน้อยก็หัวเราะตาหยี ถ้าเป็นเวลาปกติคริสคงหัวเราตามน้องไปแล้ว แต่ตอนนี้ร่างสูงมีเพียงแค่รอยยิ้มบางเบาตอบกลับไป ไม่ได้อยู่กับอี้ชิงแค่สองคน.. เขาจะทำอะไรให้มันดูแปลกนิสัยของเขาไม่ได้ คริสเป็นคนดังคนหนึ่งในมหาลัย ทุกคนต่างรู้จักนิสัยเขาดี

    ไม่ค่อยยิ้ม นิ่งเงียบ เย็นชา เข้าถึงยาก มีโลกส่วนตัวสูง.. แล้วอยู่ๆจะมานั่งหัวเราะกับคำพูดของเด็กจางอี้ชิงปีหนึ่งที่ก็ไม่ได้ตลกอะไรมากมายบอกเลยว่าถ้ามีคนมาเป็นต้องมองว่าแปลก

    “หิวไหม? ยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้านี่”

    “พี่พูดขึ้นมาผมก็รู้สึกหิวเลย ฮ่าฮ่า ไปสิฮะ ไปๆ ไปหาอะไรกินกัน จงอินไปกินด้วยกันนะ” กระต่ายตัวขาวหันไปถามเด็กตาปรือข้างกาย คริสก็มองตามสายตาน้อง

    “ไม่อ่ะ ไม่หิว อยากนอน กลับก่อนนะ ลาก่อนครับรุ่นพี่ ไปนะอี้ชิง”

    แล้วเด็กตาปรือที่เขาเดาว่าคงจะชื่อจงอินก็หันหลังเดินออกไป อี้ชิงเหลียวหลังมองตามยู่หน้าลงเล็กน้อยก่อนจะหันกลับมามองพี่ชายตัวสูง

    “ไปกินกันสองคนก็ได้ฮะ อุตส่าห์ชวนไปด้วยกันดันปฏิเสธซะนี่ นิสัยไม่ดีเลยคิมจงอิน!

    คริสยิ้มขำกับนิสัยของอีกคน คว้ากระเป๋าหนังสือน้องมาถือด้วยตัวเองก่อนจะรีบเร่งเท้าของตัวเองตรงไปยังลานจอดรถให้เร็วที่สุด ไม่ได้สนใจว่าน้องจะก้าวตามทันหรือไม่ เวลานี้ถ้าช้าไปอีกนิดเดียวอี้ชิงอาจจะได้เจอกับใครอีกคนแน่.. ใครอีกคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนของกระต่ายตัวขาว      

     

                

              






     








    TO BE CONTINUED



    .
    .
    มาดูกันนะคะว่าพี่คริสจะอดทนเก็บความรู้สึกที่มีต่อกระต่ายตัวขาวได้นานแค่ไหนกัน ^^

    ไม่เม้นต์วานติดแท็ก #ficfanpuen ไม่แท็กวานกดโหวต
    -Kimpla-
     

    SQWEEZ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×