เส้นทางที่เลือกได้ - เส้นทางที่เลือกได้ นิยาย เส้นทางที่เลือกได้ : Dek-D.com - Writer

    เส้นทางที่เลือกได้

    ชีวิตที่ผ่านไปนั้นเพื่อเขา แต่ตอไป...

    ผู้เข้าชมรวม

    115

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    115

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  14 ม.ค. 50 / 22:38 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

                                  ดาวบนท้องฟ้าแข่งกันทอแสงสว่างสุกใส พระจันทร์เต็มดวงส่องแสงที่สว่างยิ่งกว่า ด้วยหมู่ดาราแลดวงแขทำให้ท้องฟ้าในยามราตรีของคืนนี้ดูอบอุ่นและรื่นรมย์ แต่ความรื่นรมย์นี้ยิ่งตอกย้ำความโดดเดี่ยวและอ้างว้างของเธอ มาริสายืนนิ่งอยู่บนท่าเรือไม้ที่ยังใช้การได้หากแต่ดูเก่าเพราะสีที่เริ่มถลอก กระแสลมชายทะเลพัดอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยผ่านร่างของหญิงสาวจนเสื้อของเธอถูกพัดให้แนบกับลำตัว ผ้าพันคอที่ถูกพันไว้กับลำคออย่างบรรจงลู่ไปตามลม นอกจากจะทำให้เสื้อผ้าพลิ้วไหว กระแสลมยังพาเอาความหนาวเย็นผ่านร่างของเธออย่างไม่หยุดหย่อน ความหนาวนี้อาจไม่สะทบสะท้านร่างกายของเธอแต่กลับแทรกเข้าไปในความรู้สึกที่โศกเศร้าของเธอ วันนี้ ด้วยหัวใจที่บอบช้ำ เธอมาที่นี้เพียงเพื่อบอกเขาถึงอนาคตที่เธอได้ตัดสินใจ เพราะเขาคือ มารุต คนที่เธอมอบหัวใจให้ตลอดเวลากว่าห้าปี

                      บนท่าเรือที่ถูกทาด้วยสีน้ำตาลอ่อนที่สดใส เสียงของคลื่นสัดเข้าสู่ฝั่งฟังดูไพเราะและไม่น่าเบื่อราวกับเสียงดนตรีคลาสสิก ชายหญิงวัยรุ่นคู่หนึ่งยืนอยู่ใต้หมู่ดาวที่สว่างไสวและดวงจันทร์ที่เปล่งแสงอย่างเป็นมิตร ทั้งคู่ยืนเคียงกันแต่ไม่ถึงกับแนบชิด อย่างไรเสียห่างเพียงเท่านี้ก็ได้รับไออุ่นของกันและกันจนไม่รู้สึกถึงความเย็นที่กระแสลมพามาสัมผัสผิวกาย มาริสาเด็กสาววัยสิบเจ็ดปีเงยหน้ามองเพื่อนชายวัยสิบแปดของเธอ ดวงตาของเขาที่กำลองมองหมู่ดาวช่างอ่อนหวานและเป็นประกายทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก มันทำให้เธอได้แต่มองและยิ้มอย่างเป็นสุข มารุตรู้สึกได้ถึงการจ้องมองที่นิ่มนวลจึงละสายตาจากดวงดาวและหันมามองเพื่อนสาว

                      "มีอะไรรึ" เขาเอ่ยถามอย่างอ่อนโยน

                      "ไม่มีอะไรหรอก" มาริสาตอบพร้อมกับรอยยิ้มซึ้งอันที่จริงมันไม่เคยจางหายไปจากใบหน้าของเธอ

                      "รอยยิ้มของสา ทำให้เรามีความสุขตลอดเลยนะ รู้รึเปล่า"  

                      "จริงเหรอรุต" สาตอบกลับด้วยความอาย "เราว่ารอยยิ้มของเราก็คงทำให้รุตมีความสุขได้พอๆกับแววตาของรุตที่ทำให้เรามีความสุขนั้นแหละ"

                      "สา เราชอบสานะ" มารุตพูดพร้อมกับก้มหน้าของตนเพื่อให้พ้นจากสายตาของมาริสา

                      "เราก็เหมือนกันรุต" มาริสาตอบกลับ ทำให้มารุตเงยหน้าขึ้นมามองเธออีกครั้ง

                      "เราคบกันได้ไหม สา"

                  "รุต พวกเรายังอยู่ม.ปลายกันอยู่เลยนะ เราว่ามันไม่สมควร เราเป็นเพื่อนกันอย่างนี้ต่อไป ไม่ดีกว่าหรือ แล้วสักวันเราจะตอบรับรุตเอง"

                      "แล้วเวลาที่เหมาะสมของสา คือตอนไหนละ"

                      "รุตสัญญาไหมละ ว่ารุตจะรัก และเป็นเพื่อนที่แสนดีของเราอย่างนี้ตลอดไป"

                      "สัญญาสิสา ขอเพียงสาไม่มอบใจของสาให้กับคนอื่น"

                      สัญญาคำเดียวของรุตตราตรึงในหัวใจของสา เพียงคำเดียวทำให้เสียงคลื่นที่ดังอยู่เนืองๆฟังดูคล้ายกับเสียงบทเพลงของนกคีรีบูน คำเดียวที่ทำให้เธอมั่นใจว่าคนที่เคียงข้างเธออยู่ตรงนี้จะเคียงข้างเธอตลอดไป เฉกเช่นที่เขาคอยปกป้องทั้งร่างกายและจิตใจของเธอเสมอมาตั้งแต่เริ่มรู้จักกัน ทั้งคู่ได้รู้จักกันในวันแรกของการเปิดเทอมของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ครั้งนั้นมาริสารู้สึกเพียงว่า มารุตเป็นเพื่อนใหม่นิสัยดี และเป็นผู้ชายที่มีดวงตาที่สวยเป็นประกายต่างจากคนอื่นๆ เมื่อเวลาผ่านไป มารุตเป็นเพื่อนที่เรียกได้ว่าเป็น "เพื่อนสนิท" เขาดูแลมาริสาอย่างใกล้ชิดเสมอ เป็นทั้งเพื่อน ที่ปรึกษา และเป็นผู้ที่ให้กำลังใจ และคงไม่ต่างกันสาก็เป็นแทบทุกอย่างของรุตในชีวิต ม.ปลาย ทั้งคู่ช่วยกันเรียน ช่วยกันทำงาน และช่วยกันทบทวนหนังสือ ทำให้คะแนนของทั้งสองจึงออกมาดีเสมอ นานวันแม้ว่าจะหินอันแข็งแกร่งถ้าโดนน้ำหยดใส่ทุกวันยังมีวันผุกร่อน แล้วประสาอะไรกับหัวใจอันบอบบางของเด็กสาววัยรุ่นอย่างสาที่มีมารุตมาคอยเอาใจใส่  มีหรือจะไม่หวั่นไหว มาริสาเริ่มมอบหัวใจของเธอให้กับเขามากขึ้น มากขึ้นทุกวัน แต่เธอยังไม่กล้าที่จะเอ่ยถึงความจริงข้อนั้น ด้วยว่าวัยที่ยังไม่เหมาะสม มีความกลัวในใจของผู้หญิงสามัญที่เกรงว่าเขาไม่ได้รัก หรือไม่ได้ชอบเราจริง กลัวว่าความรู้สึกที่คิดว่าเขามีให้เป็นเพียงความรูสึกของเราพียงฝ่ายเดียว และที่สำคัญที่สุด คือ รุตเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของเธอ หากบอกความจริงแล้วรุตมิอาจยอมรับความรู้สึกนี้ของเธอได้ เธออาจจะนั้นต้องเสียเพื่อนรัก และหมดโอกาสที่จะอยู่ใกล้ๆ เผ้ามองดวงตาที่เป็นประกายคู่นั้น ดังนั้นเธอจึงเลือกเพียงเก็บความรู้สึกนี้ไว้ในใจจนเมื่อวันใดที่เธอพร้อม หรือเขาได้แสดงออกให้เธอมั่นใจ เมื่อนั้นเธอจะสารภาพกับเขา และในที่สุดวันที่รอคอยก็มาถึง ในช่วงวันของการมาเที่ยวริมทะเลก่อนเขาบอกเธอว่ารัก และเธอก็มิได้ปฏิเสธในความรักนั้น วันนั้นทั้งคู่ยืนเคียงข้างกันใต้แสงดาว และมารุตได้มอบคำสัญญาของเขาให้มาริสา เมื่อจบชั้นมัธยมปลายมารุตเข้าเรียนต่อในคณะวิทยาศาสตร์สารสนเทศ สาขาคอมพิวเตอร์กราฟิก มาริสาก็เช่นกัน เธอตัดสินใจเข้าเรียนต่อในคณะเดียวกันกับมารุตเพื่อที่จะได้อยู่กับเขา อยู่เคียงข้างกัน แม้ว่าที่ผ่านมา มาริสาตั้งใจจะเรียนต่อเกี่ยวกับชีววิทยา แต่ความคิดของเธอตอนนี้ ความฝันของเธอมิอาจเดินหน้า หากขาดมารุตและเธอเองก็มีพื้นฐานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ที่ดีเพียงพอ เธอคิดว่ามารุตจะสามารถพาเธอไปสู่อนาคตที่สดใสอย่างแน่นอน ชีวิตในมหาวิทยาลัยที่เปิดกว้างมากขึ้น มีผู้คนที่หลากหลายมากขึ้น โลกแห่งความจริงชัดเจนมากขึ้น แต่ความรักที่ทั้งคู่มีให้กันยังคงหนักแน่น ไม่หวั่นไหว มารุตทำคะแนนได้ดีมาก และเป็นที่รักของเพื่อนใหม่ทุกคน ส่วนมาริสาก็ทำคะแนนได้ดีเช่นกัน ลำพังเธอคนเดียวคงมิอาจทำได้ แต่เพราะเธอมีมารุตที่ช่วยเหลือยู่เสมอ หากมีวันหยุด ทั้งคู่ก็จะไปเที่ยวทะเล ระลึกถึงบรรยากาศริมทะเลของวันแรกที่ทั้งคู่เผยความในใจ ปีที่หนึ่งของมหาวิทยาลัยผ่านไปอย่างรื่นรมย์ ทั้งคู่ก้าวสู่ชั้นปีที่สอง เนื้อหาที่เรียนและกิจกรรมเริ่มถาโถมเข้ามา มารุตเนื่องด้วยผลงานที่โดดเด่นจากปีหนึ่ง เขาจึงได้รับเรื่องให้เป็นพ่องานในหลายๆงาน เป็นที่ยอมรับจากเพื่อนๆในคณะ เหตุนี้ทำให้เวลาระหว่างมารุตกับมาริสาลดน้อยลง นานๆครั้งทั้งคู่จะได้อยู่ด้วยกัน บทเรียนยากขึ้นทุกวัน สังคมของมารุตก็กว้างขึ้นทุกวันเช่นกัน แม้จะมีพื้นฐานที่ดี หากแต่ความถนัดของมาริสาไม่ใช่คอมพิวเตอร์กราฟิก เมื่อมารุตไม่มีเวลาให้เธอ การเรียนก็ยิ่งแย่และสร้างความกดดันให้มาริสา พยายามเท่าใดก็มิอาจเอาชนะได้  มารุตเริ่มหายหน้าหายตาไป มีเพื่อนกลุ่มใหม่ มีผู้หญิงหลายคนรายล้อม และพร้อมที่จะให้เขาได้ทุกอย่าง มีข่าวออกมามากมายเกี่ยวกับมารุตและหญิงอื่น มาริสาไม่อาจทราบความจริงว่าเป็นเช่นไร แต่เธอก็เริ่มหมดกำลังใจที่จะเรียนต่อ และหมดความหวังในตัวมารุต คำสัญญานั้นคงไม่มีค่าอะไรเหลือแล้ว มาริสาลองหาทุนทางชีววิทยาจากอินเตอร์เน็ต และได้ข้อมูลของทุนไปเรียนต่อที่แคนนาดา เธอตัดสินใจ พอกันทีสำหรับเส้นทางของชีวิตที่ฝากไว้กับใครเพียงคนหนึ่ง กับใครคนที่ทำให้ตนหลงผิด พอแล้วสำหรับเส้นทางที่เดินตามความฝันในรักแท้ของเด็กสาว เวลาเกือบสองปีที่เธอไม่เลือกเรียนในสาขาชีววิทยาที่เธอถนัด วิชาที่สามารถทำให้ชีวิตของเธอมีอนาคตที่ภาคภูมิ เมื่อคิดได้ คงไม่สายเกินไปที่เธอจะเปลี่ยนแปลงเพื่อชีวิตของเธอ แม้จะรักเขา แต่ชีวิตของเราย่อมสำคัญกว่า คิดแล้วเธอก็สมัครขอทุนทันที สัปดาห์ต่อมา ผลการขอทันก็ประกาศ มาริสาได้รับทุนไปเรียนต่อในสาขาเทคโนโลยีชีวภาพที่ประเทศแคนนาดา เธอลาออกจากมหาวิทยาลัยโดยไม่ได้บอกใครล่วงหน้า ผู้ที่รู้คงมีเพียงตัวเธอและครอบครัว วันพรุ่งนี้ เธอจะต้องขึ้นเครื่องไปแคนนาดาแล้ว และแน่นอน มารุตยังไม่รู้เรื่อง ก่อนไปมาริสาจึงตัดสินใจโทรหามารุต เพื่อที่จะพบเขาเป็นครั้งสุดท้าย

                      "สวัสดีสา มีอะไรรึเปล่า เดี๋ยวเราต้องรีบไปหาเพื่อน"

                      "รุต เดี๋ยวนี้เราไม่ค่อยได้เจอกันเลยนะ รุตไม่ได้โทรหาเรา แล้วเราโทรไป รุตก็ไม่เคยรับเลย"

                      "สา ฟังนะ สาก็เห็นว่าเรามีงานเยอะมากเลย เราเลยไม่ค่อยมีเวลา"

                      "แต่รุตมีเวลาให้กับผู้หญิงคนอื่นๆ ใช่ไหมหละ ตามข่าวพวกนั้น เราไม่ได้ตาบอดนะ" อารมณ์ของหญิงสาวเริ่มเดือดดาล "เราไม่อยากทนฟังข่าวพวกนั้นแล้วรุต"

                      "สา สาเชื่อข่าวพวกนั้นหรือ สาไว้ใจเราหน่อยสิ เราเคยสัญญากับสาไว้แล้วนะ"

                      "ยังจำได้อยู่หรือ คำสัญญานั้นนะ เราว่าพักหลังรุตไม่ได้ทำตามเลย ปกติ เราเองไม่เคยรบกวนเวลาส่วนตัวของรุต เรารู้ว่ารุตต้องเป็นตัวของตัวเอง เราเคารพข้อนั้น แต่ในขณะเดี่ยวกันรุตก็ไม่ได้สนใจเราเลย แล้วยังมาบอกอีกว่ายังรักษาสัญญาที่จะดูแลเรา อยู่เคียงข้างเราได้ยังไง"

                  "สา เราขอโทษ คือ เรา เราผิดไปแล้ว สาเรายังรักสานะ เรารักสาคนเดียวเสมอ"

                      "ตอนนี้เราไม่อยากฟังอะไร แต่รุตเราอยากเจอรุตนะ คืนนี้มาเจอกันที่ท่าเรือริมทะเลได้ไหม"

                  "วันอื่นได้ไหมสา"

                      "ทำไมละ"

                  "เรามีนัดไปงานวันเกิดของเพื่อน"

                  "เรารอได้รุต รุตออกมาสักพักไม่ได้หรือ กรุงเทพพัทยาไม่ได้ใช้เวลานานเลย"

                  "แต่สาต้องรอนานนะ เราไม่อยากสาต้องรอ"

                  "แล้วแต่รุตละกันนะ เราอยากโทรมาบอกแค่นี้แหละ เราไม่กวนเวลารุตแล้วละ บาย" มาริสาวางสายแทบจะในทันที ไม่ฟังว่ารุตจะพูดอะไรต่อไป

                  มาริสามาถึงท่าเรือริมทะเลในเวลาเย็น ลมพัดเอื่อยๆ สายตามองไล่ไปยังส่วนต่างๆของสถานที่ ที่ซึ่งเคยเปลี่ยมไปด้วยความรักครั้งเก่า ยิ่งเห็นยิ่งเศร้าใจ หลังจากเดินสำรวจไปเรื่อยๆ ความมืดของยามราตรีก็เริ่มคืบคลานเข้ามาปกครบบรรยากาศโดยรอบ เขาจะมาไหม คือสิ่งเดียวที่อยู่ในความคิดของเธอ

                      ดาวบนท้องฟ้าแข่งกันทอแสงสว่างสุกใส พระจันทร์เต็มดวงส่องแสงที่สว่างยิ่งกว่า ด้วยหมู่ดาราแลดวงแขทำให้ท้องฟ้าในยามราตรีของคืนนี้ดูอบอุ่นและรื่นรมย์ แต่ความรื่นรมย์นี้ยิ่งตอกย้ำความโดดเดี่ยวและอ้างว้างของเธอ มาริสายืนนิ่งอยู่บนท่าเรือไม้ที่ยังใช้การได้หากแต่ดูเก่าเพราะสีที่เริ่มถลอก กระแสลมชายทะเลพัดอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยผ่านร่างของหญิงสาวจนเสื้อของเธอถูกพัดให้แนบกับลำตัว ผ้าพันคอที่ถูกพันไว้กับลำคออย่างบรรจงลู่ไปตามลม นอกจากจะทำให้เสื้อผ้าพลิ้วไหว กระแสลมยังพาเอาความหนาวเย็นผ่านร่างของเธออย่างไม่หยุดหย่อน ความหนาวนี้อาจไม่สะทบสะท้านร่างกายของเธอแต่กลับแทรกเข้าไปในความรู้สึกที่โศกเศร้าของเธอ บัดนี้รอยยิ้มที่ไม่เคยจางหายได้ลาจากเธอไปแล้ว มีเพียงความเศร้าหมองที่อยู่ในดวงตา เธอเหม่อลอยมองไปยังดวงดาวที่อยู่บนฟ้า มันดูสดใสเหมือนกับหัวเราะเยอะเย้ยเธอ

                      "สา" เมียงของนิรุตดังมาจากข้างหลัง

                      "รุต ในที่สุดรุตก็มา" สาคิดว่าเธอน่าจะดีใจที่รุตมาหาเธอในวันนี้ แต่ก็ไม่เป็นเช่นนั้นยังไม่มีรอยยิ้มและความรู้สึกเบิกบานเกิดขึ้นในหัวใจ

                      "สามีอะไรอยากคุยกับรุตหรือ ถึงได้ชวนมาที่นี้"

                  "รุต เราก็แค่อยากจะบอกขอบคุณ สำหรับวันเวลาที่ผ่านมา และขอบคุณที่ทำให้เราได้รู้จักชีวิต" มาริสากล่าวก่อนที่จะหันกลับมาเผชิญหน้ากับรุต แววตาคู่นั้นยังเป็นประกายเช่นเดิม หากแต่ความอ่อนหวานที่เคยมองเธออย่างทะนุถนอมได้หายไป

                      "สา เราไม่เข้าใจที่สาพูดเลย" สายิ้มเล็กน้อยก่อนจะกล่าวต่อไป

                      "เราลาออกจากคณะแล้วละรุต เรากำลังจะไปเรียน Bio Tech ที่แคนนาดา พอกันทีสำหรับเส้นทางที่เราตามรุตไป เรารู้แล้วว่ารุตไม่อาจสามารถรักษาสัญญาที่ให้กับเราไว้ และเราขอเลือกชีวิตและอนาคตของเรา"

                  "สา สาจะบอกเราว่า สาจะไปแล้วเหรอ"

                      "ใช่รุต เราจะไปแคนนาดาในวันพรุ่งนี้"

                      "สาไม่ไปไม่ได้หรือ เราขอโทษ เรายังรักสามากๆเลยนะ เราจะให้เวลาแก่สามากขึ้น"

                      "ไม่หรอกรุต เราไม่ขอเสียเวลาชีวิตอีกแล้ว" สาพูดก่อนที่จะเดินจากไป

                      บนเครื่องบินเที่ยวที่มุ่งหน้าสู่ประเทศแคนนาดา มาริสาเอนตัวพิงเก้าอี้โดยสารที่นั่งสบาย ความสุขเกิดขึ้นใจเมื่อเธอได้สลัดความหลงผิดที่เกาะในหัวใจ บัดนี้ รอยยิ้มกลับมาบนใบหน้าของเธอและพร้อมที่จะเริ่มชีวิตใหม่

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×