คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : scene 07 : หากฉากนี้ของผมกับคุณกลายเป็นหนัง เด็กห้ามดู
07
‘คุณพระเอก! ช่วยด้วยครับ ยัยหมวยหายไปไหนไม่รู้!’
‘ผมไปตามที่ห้องน้ำแต่ไม่เจอครับ ฮืออ โทรศัพท์ก็ไม่ได้เอาไป ผมเลยรีบโทรหาคุณพระเอก คุณต้องรีบมานะครับ!’
เสียงดังกล่าวยังคงดังก้องอยู่ในหัวหลังจากได้รับโทรศัพท์จากเบอร์ศิรภัทรแต่กลับไม่ใช่เจ้าของเครื่องที่คุยสายกับเขา เจตน์ภพแทบไม่ฟังอะไรเลยหลังจากนั้น เขาพยายามตั้งสติและกรอกเสียงถามออกไปอีกครั้งว่าร้านที่น้องไปมันอยู่ที่ไหน ความคิดที่จะกลับไปนอนคอนโดพักผ่อนให้สบายใจหายไปเสียสนิท ฝ่าเท้าเหยียบคันเร่งมุ่งตรงไปยังที่หมายอย่างไม่คาดคิด และขอบคุณพระเจ้าที่ร้านนั้นมันไม่ได้ห่างจากถนนที่เขากำลังขับกลับไปคอนโดของตนเอง ถนนโล่งๆยามค่ำคืนทำให้ชายหนุ่มไม่รักษาระดับความเร็วอีกต่อไป ทำอย่างไรก็ได้ให้ตนไปถึงที่นั่นโดยเร็ว
ไม่รู้ทำไมก้อนเนื้อด้านซ้ายมันถึงได้ร้อนรุ่มไปทั่วทั้งอก จะโกรธก็โกรธไม่ลงเพราะความเป็นห่วงมันมีมากกว่าอะไรทั้งหมด ก็เพราะเป็นอย่างนี้เขาถึงไม่อยากให้มาตั้งแต่แรก ซื่อบื้อแถมดื้อเงียบปานนั้นจะให้คนอย่างเจตน์ภพวางใจได้อย่างไรว่าน้องจะดูแลตัวเองได้อย่างที่รับปาก .. หากแต่ตอนนี้ขอเพียงศิรภัทรปลอดภัย อย่าได้เป็นอะไรก็พอแล้ว
"..."
ตัดสินใจจอดรถหน้าร้านทั้งที่มันเป็นที่ห้ามจอด เขาไม่สนใจเสียงเรียกของพนักงานรักษาความปลอดภัยหรือเสียงของใครทั้งสิ้น เดินฝ่าเด็กโบกรถโดยไม่สนว่าจะไล่ให้เขาไปจอดที่อื่นหรือไม่ ในหัวของเขาตอนนี้มีแต่ศิรภัทรเต็มไปหมด
"ทางนี้ครับ!"
คณัสธรยกมือขึ้นเรียกเมื่อเห็นเจ้าของกายสีน้ำผึ้งมาถึงหน้าร้าน ส่วนคณินธรแฝดน้องกำลังไปตามตัวเพื่อนอีกครั้งเผื่อว่าจะพบ เขาถามรุ่นพี่คนอื่นๆทว่ากลับไม่มีใครให้คำตอบได้เพราะนั่งอยู่ด้วยกันทั้งหมด คงจะมีแต่พนักงานร้านที่พอจะเป็นหูเป็นตาให้ได้เท่านั้น
"ครั้งสุดท้ายน้องไปไหน"
"ไปห้องน้ำครับ! บอกว่าจะไปคนเดียว ครีมเลยไม่ได้ตามไปด้วย แต่.."
"แต่อะไร?!"
"ซ..เซฮุนท่าทางแปลกๆ บอกว่าร้อน แล้วก็หน้าแดงๆเหมือนคนเมาครับ" เด็กหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก "ละ..หลังจากนั้นผมเลยให้ครีมโทรหาคุณ" เครปทำหน้าจะร้องไห้ ก่อนแฝดน้องจะวิ่งกลับมาทางนี้ด้วยใบหน้าไม่ต่างกัน แค่นั้นก็พอจะรู้คำตอบดีว่าตนยังหาเพื่อนตัวขาวไม่พบ ทว่า ..
"มะ..เมื่อกี๊พี่พนักงานบอกว่าเห็นผู้ชายคนนึงพาผู้ชายอีกคนออกไปหลังร้านครับ!"
ครีมพูดขึ้นด้วยเสียงหอบ แต่ไม่ทันจะพูดได้จบดี เจตน์ภพกลับไม่รีรอจะเสียเวลาอยู่ตรงนี้ต่อไป เขาไม่สนใจเสียงที่ดังขึ้นไล่หลัง ทำอย่างไรก็ได้ให้ขาทั้งสองข้างมันพาตัวเองไปสถานที่ดังกล่าวให้เร็วที่สุด
แฝดพี่แฝดน้องวิ่งตามมาติดๆ ไม่รู้ว่าผู้ชายสองคนที่ว่านั่นใช่เพื่อนของตนหรือเปล่า ถ้าใช่ แล้วอีกคนหนึ่งเป็นใคร แน่นอนว่าทั้งสองเองก็คงคิดไม่ถึงว่าคนๆนั้นจะใช้เวลาที่ทุกคนกำลังสังสรรค์กันอยู่ แอบตามเพื่อนสนิทของตนไปถึงห้องน้ำและฉวยโอกาสทำสิ่งชั่วๆกับศิรภัทร
"..."
ท่ามกลางความชุลมุนวุ่นวายของกลุ่มนักศึกษาที่มาฉลองกันตามประสารุ่นพี่รุ่นน้อง ใครบางคนใช้เวลานี้ฉวยโอกาสเพื่อจะได้ในสิ่งที่ตนต้องการ รอยยิ้มมุมปากปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อสมกับที่เป็นนายแบบ จดจ้องใบหน้าสวยตรงหน้าที่กำลังหมดแรงหลังจากถูกหมัดอัดเข้าที่ช่องท้องอย่างแรงจนจุก
ในเมื่อขัดขืนก็ต้องโดนเข้าแบบนี้ และห้องน้ำในร้านมันก็ไม่อำนวยเสียเท่าไหร่หากเขาจะจัดการกับนางฟ้าตัวน้อยๆให้เป็นไปอย่างราบรื่น โรงแรมแถวนี้หาได้ไม่ยากนักหรอก และแน่นอนว่า 'ยา' ที่ใส่ลงไปในแก้วน้ำผลไม้แก้วนั้นจนหมดซอง..มันก็พอจะปลุกให้ใครบางคน 'ตื่น' ได้ไม่ยาก
"ตาเยิ้มขนาดนี้ เซฮุนจะไม่ดื้อกับพี่แล้วใช่ไหมครับ"
"อืออ..พ..พี่เจ"
"หืม? ต้องการพี่แล้วใช่หรือเปล่า"
"อ..อย่า"
เลื่อนใบหน้าเข้าไปพูดใกล้ๆแก้มเนียนใสซับสีเลือด ก่อนจะใช้จมูกโด่งคลอเคลียที่ใบหน้าจนอีกฝ่ายหันหน้าหนีอย่างรังเกียจ ความร้อนในร่างกายทำให้เหงื่อไหล่จนซึมออกมาจากเสื้อ และมันเป็นภาพที่ชายหนุ่มคาดหวังว่าจะได้เห็นมานานแสนนาน
และเพราะคงจะรอให้ถึงโรงแรมไม่ไหว มือหนาเลยเลื่อนไปจัดการกับกระดุมเม็ดเล็ก ปลดลงมาทีละนิดจนเผยให้เห็นผิวขาวๆที่ใครต่างก็อยากจะเป็นเจ้าของ สติที่หลงเหลืออยู่ของศิรภัทรย้ำเตือนว่าคนๆนี้กำลังจะทำร้ายตน แม้อารมณ์กับความรู้สึกแปลกๆที่มีในตัวจะเพิ่มขึ้นทุกวินาที เขาขยับตัวหนี แต่ก็คงไม่พ้นมือของชายตรงหน้า จึงถูกกระชากให้เข้าไปใกล้และพร้อมจะจูบปิดริมฝีปากที่ทำท่าจะร้องขอให้คนช่วยซะสิ้นเรื่องสิ้นราว ทว่า..
"..!!"
'ปึก'
'ผลัก!'
เสียงสองเสียงดังขึ้นไล่กันจนไม่รู้ว่าเสียงไหนเป็นเสียงไหน แต่แน่นอนว่าจู่ๆคนที่นั่งอยู่ฝั่งคนขับ ก็ถูกลากให้ออกจากรถและลงไปกองกับพื้นเรียบร้อยด้วยหมัดเพียงหมัดเดียวของใครบางคนที่เข้ามาขัดจังหวะได้อย่างพอดิบพอดี
"มึงนี่เองหรอวะ!"
"เชี่ย..พ..พี่ไค"
'ผลัก!'
ชายหนุ่มลงไปต่อยใบหน้านั้นอีกครั้งจนเต็มแรง คราวนี้เลือดสีแดงสดไหลเลอะมุมปาก เจตน์ภพกระชากคอเสื้อให้เงยขึ้นมามองหน้าเขาชัดๆด้วยความโมโห
"มึงไสหัวกลับที่มึงไปซะ"
'ปั้ก!'
"พ..พอแล้วครับคุณไค!"
เป็นเครปที่เข้ามาห้ามหลังจากหมัดที่สามปล่อยเข้าใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างแรงจนคราวนี้คนถูกต่อยลุกขึ้นไม่ไหว สองแฝดวิ่งตามมาห้ามเขากันติดๆ เกรงว่าถ้าหนักกว่านี้จะเป็นเรื่องใหญ่เพราะเจ้าของกายสีน้ำผึ้งเองเป็นถึงดาราดัง มันคงไม่ดีแน่ถ้าจะมีคนพบเห็นว่าอีกฝ่ายมีเรื่องทะเลาะวิวาทแบบนี้ คงไม่ต้องอธิบายอะไรมากก็พอจะรู้ว่ารุ่นพี่คนดังกล่าวที่คณินธรเคยปลื้มทำเรื่องเลวทรามอะไรไว้ หากไม่มีคนเห็น หรือถ้าเขาช้ากว่านี้ มันคงพาเพื่อนสนิทของตนออกไปที่ไหนต่อไหน
เจตน์ภพเปิดประตูฝั่งข้างคนขับก่อนจะเจอเข้ากับคนตัวเล็กที่นอนกระสับกระส่ายอย่างคนไร้สติอยู่บนเบาะ น้องทำหน้าจะร้องไห้ กระดุมที่ถูกปลดยิ่งทำให้เขาอยากลงไปซัดมันอีกระรอบให้แหลกคามือ
"เซฮุน เซฮุน.."
"อ..อือ.."
"ไม่เป็นไรนะ อยู่ตรงนี้แล้ว"
กอดปลอบแล้วค่อยๆจูบลงที่กลุ่มผม ก่อนจะช้อนตัวอุ้มออกมาจากตรงนั้น ครีมกับเครปเข้ามาดูเพื่อนด้วยความเป็นห่วงไม่แพ้กัน พอเห็นสภาพคนตัวขาวก็แทบจะร้องไห้ที่เซฮุนกลายเป็นอย่างนี้ ต่างโทษตัวเองว่าเป็นความผิดของตนที่ไม่ยอมตามเพื่อนไปตั้งแต่แรก
เจตน์ภพพยักหน้าเป็นเชิงบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง น้องอยู่ในมือเขาแล้ว และทั้งสองก็เชื่อว่าคุณกลางของเพื่อนตนจะดูแลได้ ขายาวเลยก้าวออกมาจากบริเวณ มุ่งไปยังรถตัวเองที่จอดอยู่ที่เดิม พร้อมกระซิบบอกน้องว่าเราจะกลับบ้านกัน
"..."
ค่อยๆวางกายบอบบางให้นอนอยู่เบาะข้างคนขับ ก่อนล้อจะหมุนออกจะบริเวณ พร้อมด้วยใบหน้าหล่อคมที่คอยมองน้องตลอดทาง หันไปเห็นสภาพของอีกฝ่ายความโกรธมันหายไปเสียปลิดทิ้ง กลายเป็นว่าโมโหตัวเองเสียมากกว่าที่เกือบเข้าไปไม่ทันเวลา ไม่อยากจะคิดถึงภาพหลังจากนั้นเลยด้วยซ้ำ
และมันจะไม่อะไรเลย ถ้าไอ้นรกคนดังกล่าวไม่ดันมาเป็นรุ่นน้องที่เคยร่วมงานเดินแบบกับเขา เป็นถึงเด็กในสังกัดของนักปั้นนักดันที่เขารู้จักในวงการ เจอกันบ่อยครั้งที่สตูดิโอถ่ายแบบ คิดไม่ถึงว่ามันจะเลวทรามต่ำช้าถึงขนาดนี้ น้อยคนที่จะเป็นศัตรูกับคนอย่างเจตน์ภพ และแน่นอนว่าใครหน้าไหนที่มันเลือกจะเป็นแบบนั้นกับเขาขึ้นมาแล้ว อย่าหวังว่าผู้ชายคนนี้แม้แต่จะเห็นใจ
“อือ..ค..คุณไค~” ส่งเสียงแหบพร่าเรียกชื่อคนเป็นพี่ท่ามกลางความเงียบ เจตน์ภพก็พร้อมจะหันไปหา ก่อนจะถามออกไปด้วยความกังวล
“ไหวหรือเปล่า เซฮุน..”
ขมวดคิ้วมองอีกฝ่ายด้วยใบหน้าเคร่งเครียด ศิรภัทรไม่ควรที่จะถูกคนสกปรกที่ไหนมาแตะต้องแม้แต่ปลายเล็บ ยามใบหน้าน่ารักที่เคยเปื้อนรอยยิ้มมันกลายเป็นแบบนี้ เขายิ่งไม่ชอบใจ และอยากจะสั่งสอนมันคนนั้นให้หลาบจำว่าอย่าได้มาแตะต้องคนๆนี้อีก
“เซฮุน..?” น้องไม่ตอบ ทว่าขยับตัวเข้ามาใกล้พร้อมด้วยมือที่ปัดป่ายและพยายามดึงเสื้อของเขา โชคดีที่เจตน์ภพไม่ได้ขับเร็วมาก จึงยังพอประครองพวงมาลัยไปได้เรื่อยๆ
“..อือ..”
“ซ..เซฮุน เดี๋ยว..ฉันขับรถอยู่”
“อือ เราอยาก..อยาก..” สุดท้ายเมื่อประครองรถให้ขับต่อไปไม่ไหวเพราะน้องเริ่มออกแรงดึงเขาเข้าไปหาด้วยแรงที่มากกว่าเดิม จึงตัดสินใจหักเลี้ยวพวงมาลัยจอดข้างทาง เขาจับตัวน้องให้มองหน้ากัน แต่ใบหน้าเรียวกลับหดหนีและพยายามจู่โจมเข้ามาไม่หยุดหย่อน
“ร..เราอยากจูบคุณกลาง”
ปรือตามองด้วยสายตาที่เจตน์ภพเองก็ไม่เข้าใจ ประครองใบหน้าสวยได้รูปเอาไว้เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายทำอย่างที่ต้องการ ดูก็รู้ว่าน้องไม่หลงเหลือซึ่งสติ ใบหน้าแดงก่ำและเหงื่อที่ผุดออกมาทั้งที่แอร์ก็เปิดจ่อ สภาพแบบนั้นมันใช่ศิรภัทรคนเดิมเสียที่ไหน
“รู้ตัวหรือเปล่าว่าพูดอะไรออกมา”
“ค..คุณ...”
“เซ..”
“อื้อ”
เด็กดื้อวัยยี่สิบสอง กำลังแสดงความเอาแต่ใจกับชายหนุ่มวัยยี่สิบห้าอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน น้องจูบเขาราวกับคนที่โหยหาทั้งที่ทำมันไม่เป็น พยายามกดย้ำเข้าไปอย่างทุลักทุเล ทว่าสุดท้ายแล้วเจตน์ภพก็เป็นคนควบคุมบทจูบนี้แทนจนได้ แม้จะตกใจปนไม่เข้าใจ แต่ก็พอจะรู้ว่าน้องกำลังถูกสิ่งชั่วๆของคนชั่วๆครอบงำความรู้สึกเหล่านั้นและกำลังแสดงออกมาให้เขาเห็นอย่างที่เป็น
“เซฮุน..”
“ค..คุณ..กลาง..ฮึก..”
“ศิรภัทร..มองหน้าพี่”
เขายอมผละออกมาไม่ให้ทุกอย่างมันไหลไปไกลกว่านี้ จับใบหน้าน้องให้เงยขึ้นมามองกัน น้ำใสๆที่คลออยู่บนขอบตาทั้งสองข้างก็พร้อมจะไหลออกมาเพียงเพราะความทรมาน เสียงสั่นคลอพูดซ้ำๆเอาแต่พร่ำเรียกชื่อ คุณกลาง คุณกลาง อย่างไม่ขาดสาย เจ้าของสรรพนามก็ได้แต่อดกลั้นความรู้สึก ยับยั้งชั่งใจเพราะรู้ว่าถ้ายอมปล่อยให้มันเป็นแบบนั้น มันจะไม่ดีกับตัวอีกฝ่าย
ตัดสินใจจับล็อคไว้กับเข็มขัดนิรภัทร แม้จะช่วยได้ไม่มากแต่ก็พอจะทำให้คนตัวผอมนั่งอยู่กับที่ เขาจับมือน้องไว้ไม่ปล่อย ออกรถอีกครั้งเพื่อให้ไปถึงคอนโดของตนโดยเร็ว คอยลอบมองคนข้างๆที่อยู่ไม่สุข กระสับกระส่ายเพราะความทรมาน เสียงหายใจหอบยังคงดังขึ้นเตือนสติให้ผู้ชายคนนี้ทำอย่างไรก็ได้ให้ไปถึงคอนโดโดยเร็วเสียที
- - - - - - - - - -
ด้วยความที่ถนนโล่งเพราะตกดึก เจตน์ภพใช้เวลาราวยี่สิบนาทีในการพากายผอมมาถึงคอนโดของตน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่สนิทสนมกับเขา วิ่งกรูเข้ามาช่วยเหลือหลังจากเห็นว่าเจ้าของกายสีน้ำผึ้งกำลังอุ้มใครบางคนออกมาจากรถด้วยท่าทางร้อนรน และขอบคุณที่ตนพาน้องมาถึงห้องได้อย่างปลอดภัย แม้ระหว่างทางอาการของอีกฝ่ายจะเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆจนต้องคอยจับมือเอาไว้ไม่ปล่อยก็ตาม
ค่อยๆวางร่างไร้สติลงบนเตียงนอน เลื่อนมือขึ้นไปลูบกลุ่มผมสีเข้มแล้วปัดผมที่ปรกหน้าผากออกอย่างเบามือ จะให้นอนไปทั้งอย่างนี้ก็คงจะไม่สบายตัว ความร้อนจากฤทธิ์ยาทำให้เหงื่อไหลจนเต็มแผ่นหลังและใบหน้า สุดท้ายเลยต้องจัดการเช็ดตัวให้น้อง ถึงจะไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้แต่ก็พอรู้ว่าเขาต้องรอให้พิษมันออกจากร่างกายผ่านทางเหงื่อนั่นแหละ
"..." ไล่มองใบหน้าสวยได้รูปที่เคยเปื้อนยิ้ม ไม่มีเสียงเจื้อยแจ้วคอยบ่นจู้จี้หรือแม้แต่จะเป็นฝ่ายชวนคุยเขาอย่างที่เป็นประจำ มือหนาค่อยๆเลื่อนไปปลดกระดุมออกทีละเม็ดจนกระทั่งเม็ดสุดท้ายเพื่อทำการเช็ดตัวให้คนที่หลับใหลอย่างอ่อนล้า น้องขยับตัวเล็กน้อย เขาจึงเบามือลงแล้วเริ่มซับไปตามใบหน้าและลำคอ
สายตาหยุดอยู่ที่กางเกงพร้อมชะงักมือไว้อย่างชั่งใจ ใช่ว่าเขาเองจะไม่รู้สึกยามที่สายตามันเผลอจ้องมองเรือนร่างของคนตรงหน้า แม้จะเป็นผู้ชายด้วยกัน แต่กลับรู้สึกว่ามันช่างยากเหลือเกินกับการที่ต้องมองร่างกายของน้องไปทุกสัดส่วนโดยห้ามไม่ให้ตัวเองรู้สึกอะไรเลยแบบนี้
“อ..”
แต่ก็นั่นแหละ ยามเขาแตะเพียงขอบกางเกงเสียงเล็กก็พร้อมจะดังขึ้นอู้อี้จนจับไม่ได้ความ น้องเริ่มขยับตัวไปมาจนเขาต้องหยุดมือ ก้มลงมองหน้าคนที่สะลึมสะลือ ไม่รู้ว่าไปรบกวนการนอนหรือเพราะมือหนักไปหรือเปล่าถึงได้ทำท่าจะตื่นอยู่รอมร่อ
“..!!”
ทว่าไม่ทันที่จะได้ขยับตัวไปไหน เจ้าของกายสูงโปร่งกลับถูกรั้งให้เข้าไปกอดอย่างไม่ทันตั้งตัว เจตน์ภพตกใจเล็กน้อยและพยายามผละออกมามองหน้าทว่าน้องไม่ยอมให้ทำแบบนั้น
“ฮ..อือ..ก..ได้ไหม..”
“เซฮุน..?”
“คุณกลาง..อือ..กอด..กอดเราได้ไหม”
ส่งเสียงแหบพร่าดังขึ้นข้างหู คนฟังก็พร้อมจะเงียบเสียงลงและใครอีกคนก็ออกแรงอย่างเอาแต่ใจราวกับว่าไม่อยากจะผละออกจากเขาไปไหน ขยับตัวเลื่อนไปมองใบหน้าน่ารัก ดูเหมือนว่าฤทธิ์ยามันยังไม่หมดถึงได้เป็นแบบนี้
“ฮื่อ ~”
“นายกำลังทำให้ฉัน..”
เจตน์ภพเงียบเสียงไปแค่นั้นแต่สายตากลับจดจ้องที่ริมฝีปากอวบอิ่ม คนอายุมากกว่ากำลังอยู่ในท่าคร่อมกายบอบบางอยู่ด้านบ่น ท่าล่อแหลมเช่นนี้ และระยะห่างที่เหลืออันน้อยนิด กำลังทำให้กำแพงความอดกลั้นของผู้ชายคนนี้มันเปราะบางพร้อมจะพังทลายลงมาได้ไม่ยากเลย เขาส่ายหัวไล่ความคิดนั้นออกไป ก่อนจะค่อยๆช้อนตัวน้องขึ้นมา ในเมื่อเช็ดตัวให้เฉยๆแล้วไม่ยอม ก็คงต้องเลือกวิธีจับไปอาบน้ำให้หายร้อนมันเสียเลย
“ไม่..”
“เซฮุน” แต่แล้วยังไง ในเมื่อเด็กคนนี้ไม่ยอม รั้งตัวเองเอาไว้ไม่ให้คนเป็นพี่อุ้มออกไปจากเตียงได้สำเร็จจนต้องค้างไว้ท่าเดิม แถมท่อนแขนเล็กทั้งสองข้างก็ยังคงเกี่ยวคอของเขาเอาไว้ไม่ยอมหลุดออกจากกัน
“..อื้อ..ไม่”
“ทำไมดื้อ”
วินาทีนี้เองที่เจตน์ภพไม่รู้ว่าที่น้องแสดงออกมาแบบนี้ มันเป็นเพราะยา หรือเป็นเพราะความดื้อที่อยู่ลึกๆในตัวของเด็กคนนี้กันแน่ เอ่ยเสียงทุ้มดุอย่างไรก็ไม่มีทีท่าว่าจะยอมปล่อย แล้วในเมื่อมันจะเป็นอย่างนี้..เขาก็คงต้องใช้วิธีขั้นสุด
“นายกำลังทำให้ฉันไม่มีทางเลือก..รู้ไหม”
เลื่อนมองใบหน้าสวยใกล้ๆ เผื่อว่าน้องจะมีสติและปฏิเสธให้ผู้ชายคนนี้หยุดตัวเองได้บ้าง ทว่าศิรภัทรกำลังทำให้เขาหมดทางเลือก ท่อนบนที่เพิ่งทำการเช็ดตัวให้เสร็จจึงไร้ซึ่งเสื้อผ้าที่เคยใส่ มองหน้าอย่างชั่งใจเพราะรู้ว่ามันไม่ดีหากจะปล่อยให้มันเกิดขึ้น
“อ..อืม..”
แต่ในเมื่อมันมาถึงขั้นนี้และน้องเองก็คงจะไม่หยุดเอาแต่ใจกับเขา สุดท้ายจึงตัดสินใจปิดกลีบปากนุ่มนั้นลงซะ สุ้มเสียงเล็กก็พร้อมจะกลืนหายไปในลำคอ พร้อมกับดวงตาที่หลับลงอีกครั้ง ท่อนแขนแข็งแรงยันไว้กับพื้นที่ว่างของเตียงนอน ไม่ให้น้ำหนักกดทับกายบอบบางที่อยู่ใต้ร่างจนเกินไป เรียวลิ้นอุ่นไล่ฉกชิมความหวานก่อนจะกดย้ำเข้าไปทีละนิด มีเพียงเสียงอู้อี้ดังขึ้นให้ได้ยินราวกับร้องประท้วงขออากาศจนต้องผละออกมาให้น้องหายใจ แล้วจึงประกบจูบลงไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า
- CUT -
- - - - - - - - - -
‘คนไข้สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกตินะคะ แต่อย่าให้ฝาครอบตาหลุด ห้ามแกะ ห้ามเกา และห้ามโดนน้ำเด็ดขาด’
คำสั่งของจักษุแพทย์เจ้าของไข้ของเชนรพี ผู้ป่วยสายตาสั้นติดลบสิบสองดังก้องขึ้นในหัวย้ำเตือนให้ฝ่ามือหนาที่กำลังจะเลื่อนขึ้นไปเกาทว่าก็ต้องหยุดยั้งเอาไว้เสียก่อน ข้างๆมีเพื่อนสนิทตัวเล็กคอยนำทางเขาหลังจากทำหน้าที่ขับรถมาส่งถึงที่บ้านตามคำสัญญา มีเพียงรูเล็กๆทำให้สายตาพอจะมองเห็นสิ่งภายนอกอยู่บ้างแต่ก็ไม่ชัดเจนเท่าไหร่ เพียงแค่เสร็จสิ้นการผ่าตัดไปได้ไม่ถึงชั่วโมง เจ้าของใบหน้าหล่อปนหวานคนนี้ก็รู้สึกรำคาญขึ้นมาเสียแล้ว
“เป็นไง ไม่เห็นน่ากลัวเลย”
“โถ่พ่อ ตอนยิงเลเซอร์ผมคิดว่าตาจะบอดแล้ว”
“ให้มันน้อยๆหน่อย อายุปาเข้าไปเท่าไหร่แล้วไอ้ลูกคนนี้”
“งอแงเนอะพ่อเนอะ”
พริษฐ์แกล้งเย้าแหย่เยาะเย้ยด้วยท่าทางกวนประสาท คนไข้ตัวสูงก็สู้อะไรอีกฝ่ายไม่ได้เนื่องจากสภาพตอนนี้เดินให้ไม่ชนอะไรก็ถือว่าเก่งแล้ว การมองผ่านรูเล็กๆมันใช่เรื่องง่ายเสียที่ไหน รำคาญจนอยากจะแกะฝาครอบตาออกแทบตายแต่ก็ต้องอดทนทำตามที่หมอบอกไว้
ตั้งแต่เหตุการณ์คอนแทคหลุดหาย ณ งานแต่งงานของเพื่อนวันก่อนโน้น พริษฐ์เลยขับรถไปส่งเพื่อนสนิทตัวสูงแทนถึงที่บ้าน แถมคนตัวสูงก็เกือบจะซวยซ้ำสองเพราะมองไม่เห็นจนสะดุดล้มหน้าบ้านแต่คนตัวเล็กกว่าคว้าไว้ได้ทัน แน่นอนว่าทุกคนพร้อมใจไล่คนดื้ออย่างเชนรพีไปทำเลสิค มันนั่งทำใจอยู่นานเพราะไม่กล้า ที่ไม่ทำแล้วปล่อยยื้อจนสายตาสั้นขนาดนี้ก็เพราะกลัว ยิ่งเห็นข่าวหมอทำพลาดจนตาบอดก็ยิ่งกลัว หลอนอยู่สองสามวันจนกระทั่งพริษฐ์ไปลากออกมาจากบ้าน บอกว่าจะเป็นฝ่ายพาไปและกลับมาส่งถึงที่ มันถึงได้ยอม อย่าให้เล่าถึงตอนก่อนจะเข้าห้องผ่าตัดเชียว พี่เชนคนหล่อของทุกคนไม่ต่างอะไรกับเด็กห้าขวบที่กำลังจะถูกจับฉีดยาอะไรเทือกนั้นเลยคุณ
“หิวไหม”
“อือ”
“อยากกินข้าวผัดฝีมือกูอีกป่ะ” เบยักคิ้ว ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆเตียงที่เดินพาเพื่อนซึ่งกลายเป็นผู้ป่วยห้าขวบไปแล้วมาส่งถึงห้องนอน
“กูท้องเสียซ้ำสองแน่ๆ”
“เออ งั้นนอนหิวตายไปเลยแล้วกัน หากินเองนะ” ผลักตัวอีกคนแรงๆไปทีด้วยความหมั่นไส้ ที่เคยทำให้คราวโน้นก็แค่พลาดทำน้ำปลาหกลงไปนี่หว่า ใครจะรู้ว่าฝามันดันปิดไม่สนิท พยายามตักออกแล้วแต่สุดท้ายก็ไปไม่รอด รสชาติเลยออกมาแบบที่ต้องจำใจเททิ้งกันทั้งคู่
เจ้าของใบหน้าหล่อปนหวานไม่ได้พูดอะไรออกมาหลังจากนั้น มองหน้าเพื่อนผ่านรูเล็กๆแล้วก็ได้แต่ยิ้ม หมอสั่งให้เขากลับมาพักสายตาโดยการนอนหลับสักสองสามชั่วโมง หรือถ้าไม่ง่วง ก็ให้กินยานอนหลับอ่อนๆจะได้พักยาวข้ามวันไปเลยก็ได้ สายตาจะได้ไม่ต้องทำงานหนัก .. แต่หมอคงไม่รู้ว่าผู้ป่วยสายตาสั้นคนนี้น่ะดื้อเอาเรื่อง
“ไหนบอกว่าจะจับมือไง”
เป็นเสียงทุ้มต่ำดังขึ้น ก่อนจะคว้าข้อแขนเล็กเอาไว้จนอีกฝ่ายหันไปมองพร้อมหลุดยิ้มกับประโยคงอแงดังกล่าวของเพื่อนสนิท คงเป็นเพราะดันไปให้สัญญาเอาไว้ว่าระหว่างที่พักฟื้นหลังทำเลสิคเสร็จ จะคอยอยู่ข้างๆเป็นเท้าเดินนำแทนมัน จูงมือไม่ปล่อยเลยเป็นไง
“ขนาดนี้แล้ว..ใส่กุญแจมือเอาไว้เลยดีไหมวะ” พูดติดตลกแล้วหันหน้าเข้าไปหา เขามองหน้าเพื่อนและอีกฝ่ายเองก็คงกำลังมองหน้าเขา แย่หน่อยก็ตรงที่คราวนี้คนที่เป็นฝ่ายไม่ได้เห็นดวงตาแสนอบอุ่นคู่นั้นคือพริษฐ์
ยังคงจับมือเอาไว้ให้อีกคนแน่ใจว่าเขาจะไม่ไปไหนไกล ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราดูแลกันและกันยามเจ็บป่วย แต่การจับมือเอาไว้ไม่ปล่อยแบบนี้มันก็เพิ่งจะเกิดขึ้น ซึ่งอาจจะรู้สึกแปลกๆอยู่บ้างนั่นก็เพราะก้อนเนื้อไม่รักดีก้อนนี้มันขยันทำงานผิดปกติเสียเหลือเกิน
“เชน” จู่ๆภาพในคืนก่อนก็ย้อนกลับเข้ามาในหัว เขาไม่รู้ว่าเพื่อนสนิทคนนี้คิดอะไรอยู่ถึงได้จูบตน แม้จะไม่มีการรุกล้ำไปมากกว่าเพียงแตะเบาๆให้รู้สึก แต่ก็อดเก็บมานอนคิดไม่ได้อยู่ดี..กระทั่งในตอนนี้เองก็เช่นกัน
“หืม ?”
“เปล่า” สุดท้ายก็ต้องกลืนคำพูดทั้งหมดหายไป ไม่อยากถาม ไม่อยากรู้เหตุผล พริษฐ์คนดื้อก็ยังคงเป็นพริษฐ์คนดื้อ เถียงอยู่กับตัวเองแล้วก็แพ้ใจตัวเองทั้งที่ยังไม่รู้คำตอบเลยด้วยซ้ำแต่กลับกลัวมันก่อนเสียแล้ว
“จะถามว่าทำไมคืนนั้นกูถึงจูบมึงหรือเปล่า..”
“...”
แล้วมีหรือว่าคนอย่างเชนรพีจะรู้ไม่ทันเพื่อนที่คบกันมานานขนาดนี้ ไม่ต้องอ้าปากก็พอจะรู้ว่าประโยคถัดมาอีกฝ่ายจะพูดว่าอะไร เขาเตรียมคำตอบเอาไว้เสมอตั้งแต่ตัดสินใจทำแบบนั้นกับเพื่อนสนิท ในทีแรกก็ไม่ได้คิดว่าจะทำหรอก แต่พอสมองมันสั่งให้หยุด..กลับพ่ายแพ้ต่อหัวใจที่กระทำไปก่อนหน้านั้นแล้ว
“เพราะถ้าเป็นมึง”
“...”
“กูรู้ว่ามึงจะไม่หนี”
สายตาสั้นพันสองมันแย่เกินกว่าจะอธิบายเป็นคำพูด เพราะถ้าคนที่ไม่ได้สัมผัสถึงมันก็จะไม่มีทางรู้ว่าโลกที่เคยแจ่มชัดแต่พอขาดตัวช่วยมองไปมันก็ไม่ต่างอะไรกับคนตาบอด อาจจะดูเหมือนเป็นวิธีเผด็จการไปหน่อยกับการจะพิสูจน์ว่าคนตรงหน้านั้นใช่เพื่อนตัวเองหรือเปล่า ซึ่งเชนรพีเองก็รู้ตั้งแต่แรกนั่นแหละ ร่างแบบนี้ ตัวเล็กเท่านี้ กลิ่นน้ำหอมประจำตัวกลิ่นนี้ หลับตายังรู้ว่าเป็นใคร .. ก็แค่เล่นตัวนิดหน่อยให้อีกคนขยับเข้ามาใกล้กันอีกสักนิด เผื่อว่าเขาจะได้เอาแต่ใจแล้วมันก็ได้ผลเมื่อยามริมฝีปากของเราแตะโดนกัน พริษฐ์ก็ไม่ได้ขยับออกไปไหนเลยตั้งแต่วินาทีนั้น..
“รู้ไหมว่าต่อให้กูหลับตา..”
“...”
“มึงจะเป็นคนที่กูเห็นชัดเจนเสมอ”
.
.
TBC
- - - - - - - - - -
ตอนแรกเขียนไว้ยาวกว่านี้ แต่ถ้าใส่อีกมันเหมือนตอนธรรมดาสองตอนเลยค่ะ ฮาา เลยให้จบที่ฉากของเชนเบก็แล้วกันเนาะ
เตือนแล้วนะคะ ว่าคุณกลางเขาร้าย >_< งานนี้ต้องโทษคนวางยา โทษน้องที่ดื้อ หรือโทษพี่กลางดีคะ
ปล.อ่านฉากคัทได้ที่ลิงค์บนไบโอทวิตเรา หรือแทคฟิคได้เลยน้า ♥
#คลาสสิคซีน
ความคิดเห็น