ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ( exo ) Classic Scene #คลาสสิคซีน - KAIHUN CHANBAEK

    ลำดับตอนที่ #8 : scene 06 : เด็กสามขวบของคุณเจตน์ภพ

    • อัปเดตล่าสุด 27 ก.ค. 59






    06

     

      

     

    “เกาะแน่นๆเลยนะครับพี่เซฮุน!”

    นับเป็นเวลาร่วมอาทิตย์ที่จักรยานสีเหลืองคันโปรดของศิรภัทรหรือคุณโนรันที่เจ้าตัวตั้งชื่อให้ถูกนำออกมาใช้งานอีกครั้ง ก่อนหน้านั้นพี่ช้างเป็นคนพามันไปซ่อมให้ที่ร้านและเก็บรักษาไว้อย่างดีรอคุณหนูเล็กหายแล้วพามันออกไปเที่ยวเล่น .. ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง

    เขากับน้องเล็กพากันขี่จักรยานออกมาซื้อเค้กหน้าหมู่บ้าน เป็นร้านคาเฟ่เล็กๆที่เจ้าของร้านเองก็เป็นคนที่อาศัยอยู่หมู่บ้านเดียวกันกับเรา คุณน้าเจ้าของร้านจำพวกเขาได้จนยกให้เป็นลูกค้าประจำ มาคินกับน้าภาชอบกินเค้กแครอท ส่วนศิรภัทรชอบทุกอย่างที่เป็นช็อกโกแลตกับสตรอเบอร์รี่ ทว่ายามจะซื้อไปฝากใครบางคนที่วันนี้ออกไปทำงานแต่เช้ากลับคิดเมนูไม่ออกเพราะคุณกลางไม่ชอบของหวานเสียเท่าไหร่ จนสุดท้ายก็ได้ชีสเค้กชาเขียวซิกเนเจอร์ของร้านที่คุณน้าเขาแนะนำมาลองดูเผื่อว่าเขาคนนั้นจะติดใจ

     

    “พี่เซฮุนเรียนจะจบแล้ว มาร์คยังไม่ได้เข้ามหาลัยเลยครับ เห้อ”

    ได้ยินแบบนั้นคนฟังก็หลุดขำ จริงอย่างที่น้องบอกเพราะเหลืออีกไม่กี่หน่วยกิตก็จะเป็นบัณฑิตเต็มตัวเนื่องจากตนเรียนเก็บไวกว่าคนอื่นๆ ส่วนเจ้าเล็กกำลังจะเข้ามหาลัยในอีกสองปีข้างหน้า น้องเก่งด้านภาษา แต่ก็มีใจรักดนตรี ชอบมาบ่นให้เขาฟังอยู่เรื่อยว่าไม่รู้จะเอาดีด้านไหนกันแน่

     

    “ต้องตั้งใจเรียนนะรู้ไหม ถ้าสอบติด น้าภาจะได้หมดห่วง”

     

    “มีอัดฉีดไหมครับ”

     

    “จากพี่เหรอ”

     

    “ครับ!”

     

    “แล้วเราอยากได้อะไรล่ะ หื้อ?”

     

    “อยากให้พี่เซฮุนอยู่กับมาร์คไปนานๆ” หันมายักคิ้วใส่คนเป็นพี่ที่นั่งซ้อนท้าย เห็นแบบนั้นจึงเอื้อมมือไปดึงแก้มแรงๆให้หายหมั่นเขี้ยวไปที ช่างพูดช่างออดอ้อนเขาที่หนึ่ง แล้วแบบนี้มีหรือว่าคนอย่างศิรภัทรจะไม่รักไม่เอ็นดู

     

    “พี่ก็ไม่ได้ไปไหนสักหน่อยนี่~

     

    “ก็พี่เซฮุนบอกว่าอยากไปต่อโทเมืองนอก พี่จะทิ้งมาร์ค..”

     

    “ง่ะ แค่คิดไว้เฉยๆหรอก” (. _ .) พอได้ยินประโยคตัดพ้อปนน้อยใจแบบนั้นเลยรีบหาเหตุผลมาง้อน้องชายคนเล็กแทบจะทันที อันที่จริงเขาก็กำลังคิดเรื่องอนาคตอยู่เหมือนกันว่าจะไปในทิศทางไหน จะทำงานเลย หรือต่อโทแบบที่ใครหลายคนแนะนำ

    จักรยานคันสีเหลืองเลี้ยวเข้าประตูรั้ว บ้านหลังใหญ่มีน้ำพลุประดับตกแต่งไม่ต่างจากในละคร จนบางครั้งก็คิดว่ามันใหญ่เหลือเกินสำหรับคนตัวเล็กๆอย่างศิรภัทร คราวแรกที่เขาเข้ามาในบ้านหลังนี้ กว่าจะเดินให้ถูกว่าทางไหนเป็นทางไหน ห้องนี้เป็นห้องอะไรก็ต้องปรับตัวให้คุ้นชิ้นอยู่นานเลยทีเดียว

     

    “นั่นรถพี่กลางนี่ครับ” มาคินพูดขึ้นหลังจากสังเกตเห็นรถคุ้นตาจอดอยู่ในโรงรถบ่งบอกว่าคนเป็นพี่คงจะกลับมาถึงแล้ว เซฮุนชะโงกหน้ามอง และเขาจำรถคันนั้นของคุณกลางได้ดี

    เดินเข้ามาในบ้านพร้อมถุงเค้กที่หิ้วมาทั้งสองมือจนพี่ๆคนใช้รีบเข้ามาช่วยถือ ที่ซื้อมาเยอะขนาดนี้นั่นเพราะว่าเจ้าตัวซื้อมาเผื่อคนในบ้านทุกคนนั่นแหละ

     

    “ถุงนี้ของป้าไพรแล้วก็พี่ๆนะครับ เซฮุนซื้อมาฝากทุกคนเลย”

     

    “ขอบคุณนะคะคุณหนูเล็ก ซื้อมาซะเยอะแยะเลย มาค่ะ เดี๋ยวพี่จอยเอาไปใส่จานแล้วไปเสิร์ฟให้นะคะ” เธอพูดพลางรับถุงเค้กทั้งหมดจากมือของคุณหนูเล็กประจำบ้านออกมาถือไว้แทน ก่อนจะเดินเข้าครัวไปจัดเตรียมใส่จานพร้อมเสิร์ฟให้ทาน ก็เพราะน่ารักเสียขนาดนี้มีหรือว่าคนในบ้านจะไม่รักไม่หลง ขนาดบางคนที่เพิ่งเข้ามาอยู่รับใช้ได้ไม่นานก็หลงรักคุณหนูเซฮุนไปเสียหมด

    เดินออกไปที่สวนเล็กๆข้างสระน้ำหลังบ้าน หนังสือหลายเล่มกองรวมกันเอาไว้ทั้งของศิรภัทรที่กำลังจะสอบปลายภาค และมาคินเองก็เช่นกัน น้องเรียนนานาชาติ เพราะฉะนั้นเลยมีช่วงเวลาปิดและเปิดภาคเรียนพร้อมกับระดับมหาลัยอย่างเขา บ่อยครั้งที่พากันมาอ่านหนังสืออยู่ริมสระน้ำอย่างเช่นวันนี้ เพราะมันสงบและบรรยากาศก็เย็นสบาย ดีกว่าอ่านเงียบๆอยู่ในห้องคนเดียวเป็นไหนๆ

     

    “อ้าว พี่กลาง~ วันนี้กลับไว๊ไว” หันไปมองคนมาใหม่ที่กำลังเดินมาทางนี้ เจตน์ภพทำหน้าเอือมใส่น้องชายคนเล็กที่เอ่ยแซวปนแซะเขาด้วยประโยคดังกล่าว ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตัวว่าง

     

    “พี่จะกลับไวแล้วมันแปลกมากเหรอไง”

     

    “เอ้า ก็นึกว่าไปหาสาวที่ไหนซะอีก”

    ยักไหล่กวนๆก่อนจะหลบให้พี่จอยเสิร์ฟเค้กให้บนโต๊ะ แล้วเจ้าตัวก็พร้อมจะตักเข้าปากทันทีอย่างไม่รอใคร เซฮุนยิ้มแห้งๆ ได้ยินประโยคนั้นของเจ้าเล็กก็พาลให้คิดว่าคุณกลางเองก็เป็นนักดื่มนักเที่ยวใช่ย่อย แน่นอนว่าอาชีพดารานักแสดงก็ต้องเจอคนมากหน้าหลายตาอยู่แล้ว แถมหน้าตาก็หล่อปานนี้ ไม่แปลกที่จะมีผู้หญิงสวยๆหลายคนมาเข้าหา

     

    “ออกไปซื้อเค้กข้างนอกกันมาเหรอ”

     

    “อื้อ ครับ” ศิรภัทรตอบ

     

    “ขาเพิ่งหายแล้วยังจะทำซ่า..”

     

    “มาร์คขับต่างหาก ห้ามว่าพี่เซฮุนนะ” เป็นเสียงของมาคินที่ออกปากปกป้องพี่ชายตัวเล็กของตน ก็จะไม่บอกหรอกว่าขาไปพี่เซฮุนขับ ส่วนขากลับก็แค่สลับกันขับกลับมาเท่านั้นเอง

     

    “ขี้เกียจอ่านแล้วอ่ะ ไปเอากีตาร์มาเล่นดีกว่า”

    กระทั่งน้องชายคนเล็กลุกออกจากโต๊ะไป จึงเหลือเพียงคนสองคนที่นั่งอยู่ด้วยกัน เซฮุนหยิบช้อนเล็กมาตัดเค้กเข้าปาก ช่วงนี้เขากำลังติดช็อกโก้บานาน่า สั่งเมนูเดิมมาสามวันติดแล้ว รสชาติขมๆของดาร์คช็อกโกแลต ตัดกับกล้วยหวานๆนี่มันใช่เล่นที่ไหน คนรักของหวานก็ต้องพ่ายด้วยกันทั้งนั้นแหละ

     

    “คุณกลางกินอะไรมาหรือยัง ถ้ายัง..เราซื้อเค้กมาฝาก” (' - ')

     

    “ขอบใจ เดี๋ยวฉันค่อยกินพรุ่งนี้กับกาแฟ ไม่ชอบกินเปล่าๆ มันเลี่ยน”

     

    “คุณกลางไม่ชอบของหวานนี่เนอะ..”

     

    “ใครจะเหมือนนาย กินเก่งจนจะอ้วนเป็นหมู”

    น้องยู่หน้า ไม่คิดเถียงนั่นเพราะตนชอบกินของหวานจริงๆ แถมช่วงนี้กินเก่งเป็นพิเศษคงเพราะใช้พลังงานไปกับการทำโปรเจคใหญ่และอ่านหนังสือสอบไปหมด เลยต้องมาเติมเอาเยอะๆ ขืนปล่อยให้ซูบผอมไปแบบช่วงต้นปีคงจะโดนน้าภาจับขุนเอาอีกระรอบ และถึงตอนนี้จะดูมีน้ำมีนวลขึ้น มีแก้มป่องๆให้น่าบีบขึ้น แต่ใช่ว่าจะดูอ้วนอย่างที่เขาว่า ยังไงก็ยังเป็นเด็กตัวผอมที่กินเก่งเท่าไหร่ก็ไม่อ้วนขึ้นอยู่ดี

     

    “ขาเราหายดีแล้ว..เราขับคุณโนรันไปมหาลัยได้แล้วใช่ไหม?

     

    “ไม่ได้ มันอันตราย”

     

    “แต่ว่า..”

     

    “จักรยานคันเล็กแค่นั้น รถคันใหญ่มันไม่มาสนใจหรอก เกิดเป็นอะไรขึ้นมา ฉันไม่อยากให้แม่ต้องเป็นห่วงจนจะเป็นลมแบบวันนั้นอีก”

     

    ...

    โดนร่ายยาวด้วยเหตุผลที่ทำให้คนฟังเถียงไม่ออก ถนนในเมืองกรุงไม่ได้โล่งพอจะขับขี่ได้สะดวกสบายเหมือนต่างจังหวัด และแน่นอนว่าไม่ว่าที่ไหน เวลาไหน อุบัติเหตุมันสามารถเกิดขึ้นได้ทุกครั้ง ถ้าเลือกได้..เขาเองก็ไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนั้นมันเกิดขึ้นเลยสักนิด

     

    “แล้วคุณกลาง..เป็นห่วงเราแบบคุณน้าหรือเปล่า”

    ไม่รู้อะไรเหมือนกันที่ดลใจให้เด็กคนนี้ส่งสุ้มเสียงเล็กถามออกมาด้วยประโยคแบบนั้น ท่ามกลางความเงียบมีคนสองคนกำลังใช้สายตามองกันแทนคำพูด กระทั่งเจ้าของใบหน้าหล่อเป็นฝ่ายตอบคำถามนั้นของเขา พร้อมนิ้วที่ยื่นมาจิ้มหน้าผากเด็กที่กำลังนิ่งค้างไปกับคำตอบของผู้ชายคนนี้..

     

    “ก็เพราะว่าห่วง ถึงยังต้องคอยดูแลเด็กสามขวบอย่างนายอยู่นี่ไง”

     

    แล้วคุณรู้อะไรไหม..ว่าไม่บ่อยนักหรอกที่คนอย่างเจตน์ภพ จะยิ้มออกมาแบบนั้น ยิ้มที่ทำให้ศิรภัทรคนนี้ นึกย้อนไปถึงคำถามของใครบางคนที่ว่า 'เซฮุนมีคนที่ชอบแล้วหรือยัง'

     

     

    ในวันนี้ .. เขาเองก็คงจะมีคำตอบอยู่ในใจแล้วล่ะมั้ง : )

     

     

     

    - - - - - - - - - -

     

     

     

                ในที่สุดก็เดินมาถึงวันที่พริษฐ์ต้องหยิบชุดสูทตัวเก่าในรอบหลายปีที่ผ่านมาออกมาใส่อีกครั้งจนได้ ด้วยความที่ไม่อยากมากเรื่องมากความสุดท้ายก็ยอมใส่สูทตัวเดิมแบบที่เพื่อนสนิทใบหน้าหล่อปนหวานบอกเขาว่าชุดนี้มันก็ไม่ได้แย่อะไร ติดออกจะน่ารัก(?) แม้งานนี้จะคาดหวังให้สาวๆมาติดบ้างก็เถอะ .. อย่างไรก็ตาม กว่าจะออกจากบ้านมาได้ คนเป็นแม่ก็จัดการแต่งองค์ทรงเครื่องราวกับเขาจะไปแต่งงานเสียเองอะไรอย่างนั้น กลัวจะเสียหน้าลูกชายคนเล็กของตระกูล เพชรภูวนันท์ ล่ะมั้ง กว่าจะออกกันมาได้ก็ปาเข้าไปเกือบงานเริ่ม

    หัวใจเต้นรัวด้วยความตื่นเต้น พร้อมกับมือบางชื้นเหงื่อจนต้องคอยลูบมันเข้ากับกางเกงอยู่บ่อยๆ สายตานับร้อยนับพันจดจ้องมาทางเวทีอย่างคาดหวัง ทีมงานกำลังเซ็ทเครื่องดนตรีและทำการซาวด์เช็คเพื่อรอให้นักร้องรับเชิญที่เป็นถึงเพื่อนสนิทของเจ้าสาวในงานแต่งขึ้นมาร้องเพลง โดยมีเชนรพีเล่นกีตาร์คู่กันกับเขา

     

                “มึง ตื่นเต้นว่ะ”

                เงยหน้าพูดกับเพื่อน ไม่กล้าโผล่หน้าออกไปทางเวที ไม่บ่อยครั้งนักหรอกที่เขาจะมาร้องเพลงต่อหน้าสาธารณะที่มีผู้ชมมากมายขนาดนี้ ถึงส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อนๆที่เคยเห็นหน้าค่าตากันมาตอนสมัยเรียนบ้าง แต่มันก็อดเขินไม่ได้อยู่ดี

     

                “คิดซะว่าร้องเพลงในห้องอัดกูนะ”

                ดูเอาไปเปรียบเทียบเข้าเหอะ สตูดิโอเล็กๆที่มีแค่เขากับมันอยู่สองคนแบบนั้นมันจะมีใครให้อาย ถอนหายใจแรงๆแล้วกำมือตัวเองแน่นๆ ทว่ากลับถูกคนตัวสูงกว่าคว้ามือไปจับเอาไว้ ความหนาและใหญ่ของมืออีกฝ่ายพอที่จะกอบกุมมือของเขาเอาไว้ได้อย่างพอดิบพอดี .. นี่คือวิธีคลายความตื่นเต้นของเชนรพีอย่างนั้นเหรอ

     

                “เอาล่ะครับ ตอนนี้นักร้องและเครื่องเสียงของเราพร้อมเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะครับ

    “เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา .. ขอเสียงปรบมือให้กับเชนเบด้วยครับ!

     

                พิธีก่อนของงานที่รับหน้าที่โดยเป็นเพื่อนของฝั่งเจ้าสาวเช่นเดียวกันกับพริษฐ์ กล่าวออกไมค์ก่อนคนตัวสูงจะเป็นฝ่ายก้าวขาขึ้นไปเป็นคนแรกพร้อมโค้งให้แขกตามมารยาท พริษฐ์หันไปทางเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่โต๊ะหน้าสุด รอยยิ้มของเธอทำให้เขามีกำลังใจขึ้นมาทันที คิดเสียว่าวันนี้เป็นวันสำคัญที่สุดในชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งควรจะมี เพื่อนสนิทอย่างเขาก็ขอส่งมอบเพลงรักให้คู่บ่าวสาวเพื่อแสดงความยินดีก็แล้วกัน

                หันไปมองทางเพื่อนสนิทตัวสูงที่ก้มลงเช็คสายกีตาร์ตัวโปรดของตนที่ลงทุนแบกมาด้วยเพราะมันชินมือและถนัดที่สุด เพลงที่เลือกมาเป็นเพลงที่เขาทั้งสองเห็นพ้องต้องกันว่ามันเหมาะและควรค่าแก่การจะมอบให้คู่รักคู่นี้ .. การแต่งงานไม่ใช่เรื่องง่าย และมันเป็นความฝันที่ยิ่งใหญ่ของใครหลายคนกับการจะมีใครสักคนที่ยืนเคียงข้างเราไปจนแก่ เพราะเราต่างก็เป็นคนที่โชคดี..ที่มีกันและกัน

     

    Do you hear me, I'm talking to you

    Across the water across the deep blue ocean

    Under the open sky, oh my, baby I'm trying

     

                ส่งเสียงทุ้มเป็นเอกลักษณ์ผ่านไมค์พร้อมกับมือที่เล่นกีตาร์ไปด้วยท่าทางสบายๆ เชนเป็นฝ่ายร้องท่อนแรก เสียงปรบมือและเสียงกรี๊ดก็พร้อมจะดังขึ้นอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงของผู้ชายคนนี้

     

    Boy I hear you in my dreams

    I feel your whisper across the sea

    I keep you with me in my heart

    You make it easier when life gets hard..

     

                ท่อนที่สองแน่นอนว่ามันเป็นท่อนของผู้หญิง เสียงหวานๆของผู้ชายอย่างพริษฐ์ร้องรับสลับกับคนข้างๆได้จนคนฟังเคลิบเคลิ้มไปกับเสียงเสียงนั้นอีกครั้ง น้ำเสียงแหบพร่าแต่หนักแน่นของคนๆนี้พอที่จะหยุดใครหลายคนให้หันมาสนใจเขาได้ไม่ยาก

     

    I'm lucky I'm in love with my best friend

    Lucky to have been where I have been

    Lucky to be coming home again..

    Oh oh oh oh oh oh oh oh

    They don't know how long it takes

    Waiting for a love like this

    Every time we say goodbye

    I wish we had one more kiss

    I'll wait for you I promise you, I will..

     

    ผมนั้นโชคดีเหลือเกินที่ได้มารักกับเพื่อนรัก โชคดีที่ได้มาอยู่ในที่ที่ผมอยู่มาตลอด โชคดีที่ได้กลับสู่บ้านอีกครั้ง เขาไม่รู้กันหรอกว่ามันใช้เวลานานแค่ไหนที่รอความรักแบบนี้ ทุกๆครั้งที่เราบอกลากัน ผมหวังว่าเราจะได้จูบกันอีกสักครั้ง ผมจะรอเพียงคุณ .. ผมสัญญา

    เนื้อเพลงที่มีความหมายลึกซึ้งไม่อาจทำให้คนสองคนละสายตาไปจากกัน ไม่บ่อยนักที่น้ำตาของคนเราจะไหลให้กับความสุขที่มากล้นดั่งเช่นเวลานี้ ชายหนุ่มก้มลงจูบหญิงสาวผู้ซึ่งเป็นที่รักท่ามกลางสายตาผู้คนที่ล้วนแล้วแต่มาแสดงความยินดีในความรักครั้งนี้ เราสาบานต่อพระเจ้าว่าเราจะดูแลกันและกันให้นานที่สุด..และดีที่สุด

     ไม่เพียงแต่คนสองคนที่มีความสุขที่สุดในวันนี้ หากแต่ใครสักคนเองก็กำลังจดจ้องใบหน้าของ เพื่อนสนิทด้วยแววตาที่ไม่มีใครอาจเข้าใจ และแทนที่จะพูดคำใดๆออกมา เราทั้งคู่กับปล่อยให้สายตาเป็นผู้ส่งสารไปพร้อมกับบทเพลงนี้เรียบร้อยแล้ว..

                มีคนเคยบอกเอาไว้ว่า การร้องเพลงเพลงหนึ่งให้เพราะ คือการที่เข้าใจบทเพลงและความหมายของมันให้ไม่น้อยไปกว่าท่วงทำนอง เช่นเดียวกับการร้องเพลงรักในเวลาแบบนี้ เราเองก็ควรจะรู้สึกว่า รัก ไปพร้อมกับมันไม่ใช่หรอกเหรอ : )

     

     

     

    - - - - - - - - - -

     

     

     

    ออกอัลบั้มเมื่อไหร่บอกกูนะเว้ย สัญญาว่าจะเกาะมึงดังแน่นอน” - เพื่อนคนที่ 1

     

    ถุ้ย! กูก็นึกว่าจะพูดดี” - เพื่อนคนที่ 2

     

    ออกอะไรล่ะ กูก็แค่ร้องอัดลงยูทูปกับเชนมันเล่นๆแค่นั้นแหละ” - เบ

     

    นี่ร้องเล่นๆของมึงเหรอ เมื่อกี๊กูเห็นนั่งอินจนนึกว่าจะแต่งเป็นคู่ที่สองแล้ว!” - เพื่อนคนที่ 1

    เป็นเสียงของกลุ่มแก๊งเพื่อนสนิทสมัยมหาวิยาลัยดังขึ้นรอบโต๊ะอาหารในงานปาร์ตี้หลังเสร็จสิ้นพิธีการ ถึงคราวที่กลุ่มวัยรุ่นทั้งเพื่อนเจ้าสาวและเจ้าบ่าวจะได้ดื่มฉลองร่วมแสดงความยินดีในครั้งนี้ หรือบางทีก็อาจจะสนองนี้ดพวกมันเอง เนื่องจากไม่ได้รวมตัวกันครบหมู่ครบพวกมานาน ดูท่าแล้วอาจจะอยู่ยาวยันเขาเก็บโต๊ะ ยังไงที่นี่ก็เป็นโรงแรมอยู่แล้ว จะเมาทั้งทีก็ไม่เสียหาย คนไม่แข็งพอก็เปิดห้องนอนที่นี่มันเลยแล้วกัน

     

    กิจการสองผัวเมียเป็นไงบ้างวะเพื่อนคนหนึ่งพูดขึ้นพร้อมกอดคอคนตัวเล็กที่นั่งจิบน้ำอัดลมแทนจะเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบบคนอื่น ไม่ใช่ว่าเขาคอไม่แข็ง แต่เผื่อว่าเพื่อนสนิทของตนอยากจะดื่มขึ้นมา ขากลับเขาจะได้ขับแทนอีกฝ่ายได้

     

    ก็ดี มีลูกค้าเรื่อยๆ สักพักคงได้ทุนคืนแล้วว่ะพริษฐ์ตอบ พลางชะโงกหน้ามองทางออกไปยังห้องน้ำที่เชนลุกไปเข้าเมื่อราวๆสิบห้านาทีที่แล้ว

    ตั้งแต่เริ่มเปิดร้านบิงซูสาขาสยามใจกลางเมืองของกรุงเทพฯ กระแสตอบรับค่อนข้างดีเนื่องจากบิงซูหรือน้ำแข็งใสสัญชาติเกาหลีที่ว่านั่นเป็นของหวานยอดฮิตในหมู่วัยรุ่นไปจนถึงวัยทำงาน ยิ่งโดยเฉพาะอากาศร้อนๆที่อยู่คู่ประเทศไทยของเราแบบนี้แล้ว คนส่วนใหญ่จึงต้องหาของหวานเย็นดับร้อนกันบ้าง และแน่นอนว่าการจะเรียกลูกค้าได้มากๆแบบนี้ ก็ต้องลงทุนใช้วัตถุดิบเกรดดีและซื้อที่ที่คนพลุกพล่านเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวด้วย

     

    เดี๋ยวกูมา

     

    "แหม มีความเป็นห่วงเป็นใย"

    ทำท่าจะลุกออกมาจากโต๊ะท่ามกลางเพื่อนฝูงที่กำลังนั่งคุยสารพัดเรื่อง ไม่วายเลยโดนเพื่อนสนิทคนเดียวกับที่ถามเขาเรื่องกิจการร้านของหวานเอ่ยแซวด้วยใบหน้ากวนประสาท ตั้งแต่เขาสนิทกับเชนจนตัวติดกันแม้จะอยู่กันคนละคณะ มันก็ชอบเรียกว่าคู่ผัวเมียมาจนชิน แรกๆก็ด่าอยู่บ้าง แต่พอระลึกได้ว่าด่าไปก็เปล่าประโยชน์เพราะมันไม่หยุดเรียก จึงต้องปล่อยผ่านอย่างที่เห็น

    เดินออกไปทางประตูหลังทางเดียวกับที่เจ้าของกายสูงหายไป หันซ้ายหันขวามองหาห้องน้ำก่อนจะเดินเลี้ยวซ้ายเมื่อเห็นป้ายสัญลักษณ์ ก็จะไม่อะไรหรอก ถ้าเชนรพีบอกกับเขาว่าแค่จะมาล้างมือล้างหน้าเฉยๆ แต่มันเกือบยี่สิบนาทีแบบนี้คนอย่างพริษฐ์มันเลยอดเป็นห่วงไม่ได้ แถมอีกฝ่ายยังฝากมือถือไว้กับเขา เรื่องโทรตามก็คงตัดทิ้งไปได้เลย

     

    "..." เดินเข้าไปในห้องน้ำไม่เห็นใครคงเพราะแขกเริ่มทยอยกันกลับบ้าน คงจะมีก็แต่วัยรุ่นและคนสนิทของเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่ยังอยู่สังสรรค์กันต่อ

     

     

    "เชน?" ความเงียบจึงทำให้พริษฐ์ส่งเสียงออกไป ก่อนจะเดินอ้อมไปอีกทางเนื่องจากห้องน้ำมีสองฝั่ง

     

    "เบ.." ถอนหายใจโล่งอกเมื่อเห็นเพื่อนสนิทตัวสูงยื่นอยู่หน้ากระจก คราวนี้อีกฝ่ายขานรับแล้วมองมาทางเข้า

     

    "มึงเป็นอะไรหรือเปล่าวะ? หายไปตั้งนาน" มองสภาพอีกคนที่ดูแปลกไป เชนรพีกระพริบตาถี่ หรี่ตามองเขาเหมือนกับคนสายตามีปัญหา พริษฐ์ขมวดคิ้วแล้วหยุดอยู่ตรงหน้าอีกฝ่าย

     

    "..เบใช่ไหม" ใบหน้าหล่อเลื่อนเข้ามาใกล้ๆพร้อมกับหรี่ตามอง นั่นยิ่งทำให้เขาแปลกใจว่าเดินมาใกล้ขนาดนี้แล้วยังจะถามอะไรอีก

     

    "เออสิวะ" พริษฐ์ขมวดคิ้ว "มึงอย่าบอกนะ..?"

     

    "ก็กูแค่จะล้างหน้า.." เชนพูดเบาๆ

     

    "..."

     

    "แล้วมันก็หลุดหายไปไหนไม่รู้.."

    และนั่นคือคำตอบที่มาพร้อมกับรอยยิ้มแห้งๆของคนตัวสูง เชนรพียกมือขึ้นมาเกาท้ายทอย ก่อนคนฟังจะถอนหายใจออกมายาวๆ ดูจากสภาพเมื่อกี๊นี้ก็ไม่ต้องบอกว่ามันที่ว่าหมายถึงอะไรพริษฐ์เองก็คงจะพอเข้าใจ .. ครับ เชนรพีสายตาสั้นพันสอง คุณได้ยินไม่ผิดหรอก และแน่นอนว่าเมื่อไหร่ที่มันทำคอนแทคเลนส์หายอย่างเช่นตอนนี้ ความหายนะจะเกิดขึ้นทันที

     

    "เบ..กูมองไม่เห็นอะไรเลย"

     

    "อือ รู้แล้ว" ถอนหายใจพร้อมส่ายหน้า ก็ในเมื่อบอกว่าหลุดหายไปตอนล้างหน้า มันก็คงจะไหลไปพร้อมกับน้ำนั่นแหละ

     

    "..."

    มือบางยื่นมือไปคว้าข้อมือหนาของเพื่อนสนิทไว้ ถึงเขาจะไม่เคยสัมผัสอาการสายตาสั้นที่มากถึงพันสองอย่างอีกฝ่าย แต่ก็พอจะรู้ว่าเมื่อไหร่ที่ถอดแว่นหรือคอนแทคเลนส์ขึ้นมา ก็ไม่ต่างกับการลืมตาในน้ำ ซึ่งแน่นอนว่าการจะมองเห็นใบหน้าคนๆนึงได้ชัดเจน มันก็ต้องใกล้พอ..

     

    "จับมือกูไว้นะ"

    เขย่งตัวพูดใกล้ๆใบหน้าของเพื่อนสนิท ดูเหมือนว่าการตอบสนองของเชนรพีจะช้ากว่าปกติ จึงส่งผลให้เจ้าของใบหน้าหล่อปนหวานนิ่งค้างไปเล็กน้อย เขาไม่อาจเห็นใบหน้าเพื่อนได้ชัดเจนเท่าที่ควร แต่เสียงที่ดังขึ้นใกล้ๆและลมหายใจที่เผลอเป่ารดแก้ม ก็พอจะทำให้รู้ว่าเราอยู่ใกล้กันแค่นี้

     

    “ทีนี้เห็นหน้ากูหรือยัง”

     

    “...”

     

    “ถ้ายังไม่เห็นอีก กูจะเข้าไปใกล้กว่...อื้อ..”

     

    สิ่งที่ชัดเจนที่สุดโดยไม่ต้องพึ่งแว่นสายตาหรือคอนแทคเลนส์น่ะเหรอ .. คงจะเป็นตอนที่เขาตัดสินใจปิดกลีบปากนุ่มนั้นด้วยตัวเขาเองแบบที่ทำอยู่ล่ะมั้ง

     

    แค่นี้ก็ชัดแล้ว..ว่าปากนุ่มๆหวานๆแบบนี้ มีแค่พริษฐ์คนเดียว : )

     

     

     

    - - - - - - - - - -

     

     

     

    "น้องเซฮุนต้องดื่มนะคะ ไม่งั้นพวกพี่เสียใจแย่เลย"

    เสียงของรุ่นพี่ผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับแก้วน้ำสีอำพัน เธอหย่อนตัวนั่งลงข้างๆและยื่นมือมาดึงแก้มคนตัวผอมอย่างเอ็นดู รอบๆมีเสียงยุแหย่และคอยเชียร์ให้รุ่นน้องหน้าตาน่ารักขวัญใจคนในชมรมอย่างเซฮุนดื่มเหล้าที่รุ่นพี่เป็นคนผสมให้เอง .. ก็จะอะไรเสียอีก ถ้ารู้ว่าร้านอาหารที่ทางชมรมบอกว่าจะพามาเลี้ยงจะเป็นร้านนั่งดื่มแบบนี้ เขาคงขอตัวกลับไปนานแล้ว

    ก่อนหน้านั้นศิรภัทรเองขออนุญาตคุณกลางว่าทางชมรมที่มหาลัยของตนมีงานเลี้ยงกระชับความสัมพันธ์ระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้อง ถ้าไม่เข้าร่วมก็อาจจะดูเสียมารยาท และเพราะมีครีมกับเครปมาด้วยก็เลยพามาด้วยกันหมดอย่างที่เห็น เจตน์ภพเองก็ติดถ่ายหนัง คงจะไปปฏิเสธอะไรไม่ได้ สุดท้ายเลยฝากฝังให้สองแฝดขนมดูแล และจะให้นายช้างมารับแทนตนถึงที่

     

    "นิดเดียวได้ไหมครับ.."

     

    "โถ่ หมดแก้วเลยสิครับคนดี พี่ๆอุตส่าห์ตั้งใจชงให้น้องนางฟ้าของพวกพี่เลยนะ"

     

    "ฮิ้ววววววว"

    รุ่นพี่ผู้ชายในชมรมคนหนึ่งพูดขึ้น มือบางถูกจับให้ไปรับแก้วเอาไว้จนเซฮุนต้องยอมถืออย่างช่วยไม่ได้ จะหันไปขอตัวช่วย สองแฝดครีมกับเครปก็พากันไปเข้าห้องน้ำ ทิ้งให้เขาอยู่ลำพังกับกลุ่มรุ่นพี่แทน .. คนตัวผอมทำหน้าลังเล ใช่ว่าเขาจะไม่เคยกินแต่ถ้าคนที่บ้านรู้ก็คงจะไม่ดีเท่าไหร่ ยิ่งโดยเฉพาะคุณกลาง รายนั้นคงจะไม่พอใจอย่างไม่ต้องเดา เพราะก่อนหน้านั้นถูกห้ามไว้เรียบร้อยแล้วว่าห้ามดื่มเหล้า

     

    ทว่า..

     

    "นั่นแหละครับคนสวย"

    แค่แก้วเดียวก็คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง .. เพราะคิดอย่างนี้จึงยอมจิบทีละนิด รสชาติขมๆที่ตนไม่ค่อยชอบทำให้ใบหน้าสวยเหยเกเล็กน้อยแต่ก็พยายามกระดกให้หมดรวดเดียวจะได้จบๆ เสียงเชียร์ดังขึ้นเพราะน้องเริ่มกระดกไปทีเดียวจนเกือบจะหมดแก้ว

     

    "เห้ยมึง น้องดูท่าจะติดใจ ชงมาอีกแก้วดิ๊!"

     

    "ม..ไม่เอาแล้วครับ แก้วเดียวพอแล้ว"

     

    "หน่า~ พวกพี่เลี้ยงทั้งทีนะครับ"

     

    "น้องไม่ชอบก็ไม่ต้องบังคับสิวะ"

    ไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อ เสียงที่สามของชายคนหนึ่งก็ดังขึ้นจากทางด้านหลัง ก่อนใครคนนั้นจะทิ้งตัวนั่งลงข้างคนตัวผอม ทำเอาพวกที่เหลือต้องสละที่ข้างๆให้คนที่มาใหม่อย่างช่วยไม่ได้ ประธานชมรมหน้าตาดีที่ใครๆต่างก็เกรงขาม แถมยังรับจ๊อบเป็นนายแบบอิสระ แน่นอนว่าในรั้วมหาลัยก็คงไม่มีใครไม่รู้จักผู้ชายคนนี้

     

    "เซฮุนอยากดื่มอะไรครับ น้ำผลไม้ดีไหม?" คนถูกถามอ้ำอึ้ง ก่อนจะตอบออกมาเบาๆ

     

    "ก็ได้ครับพี่เจ"

     

    "งั้นเดี๋ยวพี่ไปสั่งน้ำส้มปั่นให้นะครับ"

    ศิรภัทรพยักหน้าพร้อมยิ้มน้อยๆ คราวนี้ไม่มีใครกล้าขัด ก็ในเมื่อประธานชมรมเขาจะจัดการเอง พวกกลุ่มลิงทะโมนก็ได้แต่หน้าจ๋อยไปอย่างที่เห็น มีเสียงๆหนึ่งของรุ่นพี่ดังขึ้นแซวยามอีกฝ่ายจะลุกไปสั่งน้ำผลไม้ให้คนตัวเล็กว่า 'กับคนนี้แตะต้องไม่ได้เลยนะ' นั่นเพราะใครในที่นี้ต่างก็รู้ว่าถ้าประธานชมรมอย่างเจ้าของกายสูงคนดังกล่าวได้ สนใจใครขึ้นมาแล้ว มันหน้าไหนก็ห้ามมาแตะต้อง

     

    "โทษทีนะยัยหมวย พี่เครปปวดท้องน่ะ" ทำท่าจะหันไปมองหาเพื่อนสนิทที่หายไปเข้าห้องน้ำกันอยู่นาน สองแฝดก็เดินกลับมาพอดิบพอดี ศิรภัทรส่ายหน้าเป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไร พลางยกมือขึ้นดูนาฬิกาบอกเวลาเกือบสี่ทุ่ม คุณกลางบอกกับเขาว่าห้ามกลับเกินห้าทุ่ม และพี่ช้างจะเป็นคนมารับถึงที่เนื่องจากคนเป็นพี่อาจจะติดถ่ายหนังยาวจนดึก

     

    “ฮั่นแหน่ นายดื่มกับเขาด้วยเหรอ” ครีมแซวหลังจากเห็นแก้วเปล่าตรงหน้าเพื่อน แน่ใจก็ตอนที่หยิบมาดมจึงได้รู้ว่าเป็นเหล้า

     

    “ก็พวกนายไม่อยู่ช่วยเรา” (. _ .)

     

    “เอาหน่า ฝึกไว้น่ะดีแล้ว จะได้ไม่ถูกมอมนะยัยหมวย”

     

    “ทำมาพูดดี เราน่ะคออ่อนกว่าเพื่อนเลยเหอะ”

     

    “พี่เครปนั่นแหละ! แก้วเดียวก็แก้มแดงเป็นมะเขือเทศ!

    มองสองพี่น้องฝาแฝดถกเถียง ก่อนเจ้าครีมจะหยิบแก้วของตนมากระดกประชดประชันใส่คนเป็นพี่อย่างน่ารัก เซฮุนมองตามแล้วหัวเราะ เห็นแบบนี้สองคนนั้นก็ใช่ย่อย ถึงวันนี้จะผสมโค้กกินเล่นจางๆตามพิธี แต่อย่าให้พูดถึงคราววันเกิดเขาปีก่อนเลย เจ้าครีมเมาจนกลับบ้านไม่ได้ต้องมานอนค้างห้องเขาแทน

     

    "มาแล้วครับเซฮุน" ไม่นานนักน้ำส้มปั่นที่สั่งก็มาถึงพร้อมกับรุ่นพี่ตัวสูงคนเดิม ดูเหมือนครีมกับเครปจะตกใจไม่เบาที่ประธานชมรมอย่าง 'พี่เจ' จะเดินมาทางนี้

     

    "ขอบคุณครับพี่เจ"

    เอ่ยขอบคุณแล้วยื่นมือไปรับแก้วไว้ ครีมกับเครปยิ้มแซวน้อยๆ หล่อระดับนายแบบแถมยังเป็นประธานชมรมขนาดนี้ไม่ให้เขินยังไงไหว ยอมรับว่าเจ้าครีมก็แอบปลื้มพี่เขาตั้งแต่แรกนั่นแหละ ถึงได้ชวนกันมาที่ร้าน ใครจะรู้ว่าชมรมช่วยเหลือสังคมอย่างจิตอาสาจะมีประธานชมรมเป็นคนหน้าตาดีพอๆกับจิตใจ(?) ที่ไม่ใช่เด็กเรียนแว่นหนาๆหัวฟูๆบ้ากิจกรรมแบบที่ใครคิดไว้ เห็นแบบนี้น้องครีมใจสั่น!

     

    "อิจฉา!"

     

    "อิจฉาอะไรเล่าครีม" (. _ .)

     

    "นายนี่ซื่อบื้อจริงๆเลย! เป็นเรานะ..ฮึ่ย!"

     

    "ง่ะ..ก็เรา.."

    ทำท่าจะพูดออกไปแต่หันไปมองทางรุ่นพี่คนดังกล่าวที่อยู่ไม่ห่างจากตนเท่าไหร่ อยากจะพูดออกไปเต็มปากเต็มคำว่า 'ก็ไม่ได้ชอบ' ก็ดูจะทำร้ายน้ำใจกันเกินไปหน่อย แถมในมือก็ยังถือน้ำส้มปั่นที่พี่เขาอุตส่าห์สั่งมาให้ถึงที่แบบนี้อีก

     

    "ว่าแต่ คุณกลางของเซฮุนไม่มารับเหรอ?" เครปถามขึ้นด้วยความสงสัย

     

    "อื้อ คงจะถ่ายหนังอยู่ พี่ช้างจะมารับเราแทน"

    เจตน์ภพไม่ได้ตอบข้อความของเขาตั้งแต่ช่วงเย็นที่ผ่านมา สิ่งสุดท้ายที่พิมพ์ไปคือการบอกว่าถึงร้านที่ชมรมจะพามาแล้ว เขาเองก็ไม่อยากรบกวนการทำงานอีกฝ่าย และแน่นอนว่าเราก็ไม่ได้เป็นอะไรกันถึงขั้นจะให้โทรไปรายงานในทุกๆเรื่อง แค่รู้สึกว่าพอใครคนนั้นหายไป มันเลยทำให้ต้องนึกถึงใบหน้าและน้ำเสียงดุๆนั่นอยู่เรื่อย .. หรืออาจจะเรียกว่าคิดถึงก็คงไม่ผิดแปลกนักหรอกมั้ง

    ท่ามกลางเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะของกลุ่มวัยรุ่น สายตาของใครบางคนกลับจดจ้องไปที่ใบหน้าสวยด้วยรอยยิ้มมุมปาก ทุกๆการกระทำของศิรภัทรตกอยู่ในกรอบสายตาของชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ไม่ห่างราวกับจะนับถอยหลังให้ถึงช่วงเวลาที่ตนรอคอยเสียที

    และศิรภัทรก็ยังคงเป็นศิรภัทรอยู่วันยันค่ำ เพราะการมองโลกในแง่ดีเกินไป จึงไม่คิดว่าการ 'หวังดีประสงค์ร้าย' ของคนๆหนึ่งจะนำพาซึ่งความเลวร้ายที่ตนอาจนึกไม่ถึง .. ดูเหมือนความผิดปกติมันจะตอบสนองออกมาไวจนทำให้ ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อเริ่มจะออกอาการขึ้นมาอยู่กลายๆ

     

    "ครีม ร้อนไหม" เหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นบนใบหน้า เรียวคิ้วสวยขมวดเข้าหากันเพราะจู่ๆก็รู้สึกร้อนขึ้นมาเสียอย่างนั้น

     

    "หนาวจะตาย เนอะพี่เครป" เซฮุนไม่ได้ตอบอะไร อาการกระสับกระส่ายทำให้เจ้าตัวเริ่มอยู่ไม่สุข มือบางยกมือขึ้นมากุมหัวพยายามไล่ความรู้สึกแปลกๆออกไปแต่มันกลับยิ่งเพิ่มให้หนักหน่วงขึ้นกว่าเดิม

     

    "ยัยหมวย เป็นอะไรหรือเปล่า?" ครีมก้มหน้าถามเพื่อนที่จู่ๆก็มีอาการแปลกๆ มาถามเขาว่าร้อนไหมทั้งที่แอร์ก็เป่ามาทางนี้อยู่ตลอด ผิดกับเขากับเครปที่หนาวกันอยู่สองคน คนถูกถามส่ายหน้า และไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาหาเขา

     

    "เราไม่รู้.."

     

    "เมาหรือเปล่าเนี่ย?" เครปจับใบหน้าของเพื่อนให้เงยขึ้น แก้มทั้งสองข้างซับสีเลือด พร้อมเม็ดเหงื่อที่เริ่มผุดขึ้นเพราะความร้อน ถึงจะเห็นไม่ชัดแต่ก็พอรู้ว่าอาการของเพื่อนนั้นผิดปกติคล้ายจะเมาก็ไม่เชิง

     

    "เราไปห้องน้ำก่อนนะ"

     

    "ให้ไปเป็นเพื่อนไหม?"

     

    "ม..ไม่เป็นไร เราโอเค"

    พยายามตอบออกมาด้วยน้ำเสียงปกติ แล้วลุกออกจากที่นั่งท่ามกลางความงุนงงของทั้งสอง แต่เพราะเพื่อนเป็นคนบอกว่าจะไปด้วยตนเองก็เลยทำได้แค่นั่งรออยู่ที่เดิม .. ภาพตรงหน้าเริ่มพล่ามัว แต่ก็ยังไม่ทำลายการมองเห็นถึงขั้นมองไม่ออกว่าป้ายห้องน้ำชายไปทางไหน เขาไม่รู้ว่าความรู้สึกแบบนี้มันคืออะไร รู้แค่ว่าคงจะนั่งอยู่ตรงนั้นต่อไปไม่ได้แล้ว..

    เปิดน้ำล้างหน้าเผื่อว่าความเย็นจะช่วยบรรเทาความร้อนนี้ วินาทีแรกที่น้ำแตะโดนผิวก็ทำให้รู้สึกดีขึ้นอยู่บ้างหรอก แต่หลังจากนั้นความร้อนมันกลับยิ่งเพิ่มทวีคูณ ศิรภัทรกำมือแน่น หายใจหอบอย่างไม่เคยเป็น อยากถอดเสื้อผ้าทั้งหมดออกมาตรงนี้ แต่ก็ต้องหักห้ามใจตัวเองไว้ รวมถึงความรู้สึกแปลกๆเหล่านั้นที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทำให้เขาอยากปลดปล่อยมันออกมาให้ความทรมานเหล่านั้นมันหายไปซะ

     

    "พ..พี่เจ"

    และก่อนที่จะใช้เวลาสงบสติอารมณ์ตัวเอง ปัดไล่ความคิดนั้นออกไปจากหัว ใครบางคนกลับเข้ามาในห้องน้ำได้ในเวลาเหมาะสมเสียเหลือเกิน

     

    "ว่าไงครับเด็กดี" ใบหน้าเปื้อนยิ้มทำให้ศิรภัทรรู้สึกไม่มั่นใจว่าอีกฝ่ายจะปลอดภัยต่อตนเอง เขาตัดสินใจก้าวเท้าถอยหลังเมื่อขายาวก้าวเข้ามาใกล้ กระทั่ง..

     

    "พี่เจจะทำอะไรครับ..อื้อ! ป..ปล่อยผมนะ!"

    เอ่ยร้องให้คนช่วยแต่ก็ต้องถูกมือหนาปิดปากเอาไว้เสียสนิทและดันให้ติดกับแพงห้องน้ำเข้าอย่างจัง เสียงดนตรีที่เปิดอยู่ภายนอกคงทำให้ไม่มีใครได้ยินเขาที่ร้องเรียกอยู่ในนี้ รวมถึงประตูที่ถูกล็อคอย่างแน่นหนา แน่นอนว่ามันจะไม่มีใครเข้ามาขัดเวลาที่คนอย่างนายแบบคราบเทพบุตรของใครหลายคนรอมานานได้อีกเช่นกัน

               

    "ไร้เดียงสาแบบเรา.."

     

    "..."

     

    "มันถึงได้ง่ายๆแบบนี้นี่เอง หึ"

     

     

     

                .

                .

     

     

     

                TBC

     

     

     

    - - - - - - - - - -

     

    ชัดขนาดนี้ไม่ต้องถามแล้วว่าน้องโดนอะไร ฮือ พี่กลางวิ่งค่ะ วิ่งเท่านั้นนนนนนนนนนนน T O T
    ไม่อยากจะสปอยต่อหน้าเลยค่ะ ครุคริครุคริ (ตบมะ ตบเถอะค่ะ บางทีก็หมั่นไส้ตัวเอง 555555555)
    ปล.บางพาร์ทอาจจะเอื่อยเฉื่อยไปบ้าง เป็นเพราะเราอยากจะปูพื้นเรื่อง กลัวจะมาตกหล่นดีเทลทีหลัง และอยากให้ความรักดำเนินแบบค่อยเป็นค่อยไปค่ะ หวังว่าจะไม่ทิ้งน้องนมผงกับคุณกลางไปไหนก่อนน้า ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ เริ้บ

    กำลังใจสำคัญมาก! ฮึบ! >_<

     

    #คลาสสิคซีน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×