คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : scene 04 : ไข่เจียวไหม้ของคุณชายเจตน์ภพ
04
สายตาคู่สวยไล่มองอ่านป้ายประกาศเชิญชวนนักศึกษาปริญญาตรี ที่อยากจะศึกษาต่อในระดับปริญญาโท สาขาวิชาการออกแบบสิ่งทอกับมหาวิทยาลัยชื่อดังติดอันดับของประเทศอังกฤษ ศิรภัทรยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปเก็บไว้เพื่อนำไปค้นหาข้อมูลการสมัครต่อ ก่อนจะไล่มองกิจกรรมอื่นๆที่ทางคณะนำมาแปะไว้บนบอร์ดใหญ่ใต้ตึก
“เซฮุน ?”
เสียงของใครบางคนดังขึ้นจากทางด้านหลัง หยุดสายตาที่กำลังให้ความสนใจกับกิจกรรมต่างๆบนป้ายประกาศ ก่อนเซฮุนจะหันไปมองตามเสียงเรียก ใครคนนั้นทำหน้าไม่ค่อยมั่นใจเพียงเพราะเห็นคนตัวผอมจากทางด้านหลัง ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างโล่งออกเมื่อคนที่ตนเรียกเป็นคนเดียวกับเจ้าของชื่อจริงๆ
“อ่า..”
“พีทเอง”
กระทั่งใบหน้าคุ้นตาคล้ายว่าเจอกันที่ไหนมาก่อนปรากฏสู่กรอบสายตาคู่สวย ศิรภัทรร้องอ๋อออกมาเบาๆ พลางชี้นิ้วทำท่าประกอบว่าผู้ชายดังกล่าวเป็นเพื่อนในเซคของตน
“เราเรียนอังกฤษเซคเดียวกัน”
“จำได้ด้วย”
“ก็เอ่อ..พีทชอบชวนเราคุย” เขายิ้ม ก่อนจะหัวเราะออกมาจนตาเป็นรูปครึ่งเสี้ยวพระจันทร์ ชวนให้คนมองยิ้มตามอย่างอดไม่ได้ จะรู้ตัวหรือเปล่าว่ารอยยิ้มตาหยีแบบนั้นมันกำลังส่งผลต่อคนที่ยืนอยู่ตรงนี้
“นี่ไง ตอนนี้ก็จำได้แล้วนะ” : )
“อื้ม!”
“แล้วเพื่อนแฝดของเซฮุนไม่มาเหรอ” พีทถาม
“เพิ่งแยกกันไปเมื่อ..อืม..” ยกมือขึ้นมองนาฬิกา “ห้านาทีที่แล้ว” (‘ - ‘)
พูดจบเท่านั้นก็ถูกอีกฝ่ายหัวเราะออกมาเบาๆจนเจ้าตัวยู่หน้าสงสัย ท่าทางตอนยกมือขึ้นมามองนาฬิกาเพื่อบอกเวลาตรงเป๊ะ แถมชูทั้งห้านิ้วประกอบการอธิบายกำลังทำให้อีกฝ่ายอดเอ็นดูไม่ไหว ก็มีแต่ศิรภัทรเท่านั้นแหละที่ไม่รู้ตัวว่าที่เขาถามเพราะแค่อยากจะชวนคุยให้บทสนทนามันยืดยาว เผื่อว่าเราจะสนิทกันมากขึ้นก็เท่านั้น
“เซฮุนเนี่ย..น่ารักดีเนอะ” ก็เพราะน่ารักน่าเข้าหาอย่างนี้ จะมีคนคอยชื่นชมเรื่อยๆก็ไม่แปลก หากแต่เจ้าตัวก็ยังไม่ชินกับคำชมเหล่านั้นได้เสียที จึงทำได้เพียงกระพริบตาปริบๆ อ้ำอึ้งอยากจะเปลี่ยนเรื่องคุยแต่กลับนึกหัวข้อไม่ออก หัวช้า ไม่ทันคนเขาเสียเลย
“ไม่น่ารักหรอก” (. _ .)
“เหรอ? คนจีบเซฮุนเยอะจะตาย ถ้ารวมเราด้วยอีกคนแถวคงยาวน่าดู” ชายหนุ่มยิ้มมุมปาก จดจ้องใบหน้าที่กำลังหนีสายตาคนมองอย่างเขาก่อนจะแกล้งกอดอกมองต่อไม่หยุด
“ร..เราว่าเราขึ้นไปเรียนดีกว่า!” สุดท้ายการหนีคือทางออกที่ดีที่สุดสำหรับคนตัวขาว ทว่าเจ้าของเสียงทุ้มกลับหยิบยื่นความช่วยเหลือโดยการจะเดินไปส่งเขาถึงห้องเรียนเนื่องจากตนกำลังขาเจ็บ ยามจะอ้าปากปฏิเสธแต่กลับถูกอ้างเหตุผลว่าถ้าสะดุดล้มอะไรขึ้นมาใครจะช่วย แม้อาการจะดีขึ้นมากเพราะได้ยาของพี่หมอดีก็เถอะ
ศิรภัทรไม่เคยรู้ว่าตนกำลังถูกจีบ แม้จะมีใครเข้ามามากมายแต่เจ้าตัวกลับไม่สนใจเรื่องนั้นเลยแม้แต่น้อย บางครั้งก็โดนเจ้าครีมบ่นจนหูช้าเรื่องเป็นคนซื่อบื้อชักช้าไม่ทันการ ให้ระวังตัวไว้เสียบ้างเดี๋ยวจะโดนหลอกไปทำอะไรมิดีมิร้ายโดยไม่รู้ตัวเข้าสักวัน ได้ยินแบบนั้นก็กลัวอยู่หรอก และเขาเองก็ไม่ได้เชื่อคนง่ายไปเสียทุกเรื่องขนาดนั้น ทว่าในเวลาแบบนี้ การมีเพื่อนที่ดีสักคน ก็ควรรักษามิตรภาพเอาไว้ไม่ใช่หรอกเหรอ..
แต่สำหรับใครอีกคนนั้น แน่นอนว่าเขาต้องการมันมากกว่าความเป็นเพื่อน ..
“เราเพิ่งรู้ว่าพีทเรียนอินทีเรีย..”
“น่าน้อยใจนะเนี่ย ขนาดเรายังรู้เลยว่าเซฮุนเรียนแฟชั่น”
“โถ่..ก็พีทไม่เคยบอกเรานี่หน่า” (. _ .)
“ฮ่าๆ ยอมแล้ว” เขาหัวเราะให้กับใบหน้างอง้ำที่รีบหยิบหาเหตุผลมาพูด ก่อนทั้งสองจะหยุดอยู่ทางเดินหน้าห้องเรียนของคนตัวผอม เจ้าตัวชะโงกหน้ามองห้องที่มีนักเรียนมานั่งรอก่อนเวลาสอนกันไม่ถึงสิบคนจึงหยุดคุยต่อ
“ขอบคุณนะพีท” เอ่ยขอบคุณตามด้วยยิ้มออกมาแบบทุกครั้ง คนตัวสูงกว่าส่ายหน้าเป็นเชิงบ่งบอกว่าไม่ใช่เรื่องลำบากอะไรของตน กลับเต็มใจที่ได้เดินมาส่งถึงที่เลยต่างหาก เซฮุนทำท่าจะหมุนตัวเพื่อเข้าไปในห้องเรียน ทว่าเสียงๆเดิมกลับหยุดเขาเอาไว้อีกครั้ง
“เซฮุน..” ชายหนุ่มไม่ได้พูดออกมาในทันที เรียกความสงสัยให้คนตัวขาวมองอย่างรอคำตอบ
“หือ?”
“...”
“งานครบรอบคณะที่จะถึง..มาดูเราร้องเพลงไหม?”
จนถึงตอนนี้ศิรภัทรก็ยังไม่รู้ว่าเจ้าของกายสูงที่ตนกำลังชวนตนไปดูคอนเสิร์ตเนื่องในโอกาสครบรอบของคณะ จะเป็นถึงนักร้องนำแบนด์ดังของมหาลัยที่มีคนรู้จักไม่น้อย เป็นปกติก็คงจะรีบตอบรับ แต่คราวนี้เขาไม่กล้ารับปากออกไปในทันที นั่นเพราะรู้ว่าตนจะต้องกลับบ้านไวกว่าปกติยิ่งโดยเฉพาะช่วงนี้ที่คุณกลางจะเป็นฝ่ายมารับทุกเย็น แม้อีกฝ่ายจะยื่นข้อเสนอว่าถ้างานเลิกดึก จะขับรถมาส่งถึงที่บ้านก็ตาม..
“เรา..”
“...”
“เราจะให้คำตอบอีกทีนะ”
- - - - - - - - - -
“จะบอกได้หรือยังว่าน้องเซฮุนอยู่ไหน ถ้าไม่บอกพี่จะ-”
“จะอะไร! คุณคนแปลกหน้า!”
เสียงเล็กของคณินธรต่อล้อต่อเถียงกับชายคนแปลกหน้าเป็นเวลากว่ายี่สิบนาที ชายหนุ่มกอดอกถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ก่อนจะเปลี่ยนเป็นท้าวเอวมองคนที่ตัวเล็กกว่ากำลังมองเขาตาเขม็งไม่แพ้กัน สาบานว่าถ้าไม่ใช่ธุระโกงการอะไรที่ไอ้ไคมันสั่ง กูไม่มายืนเถียงกับเด็กมหาลัยตัวกระจ้อยร่อยแบบนี้หรอกโว้ย!
“คิดว่าผมกลัวหรอ!”
ยังไม่ทันจะอ้าปากพูดอะไรต่อก็ถูกเสียงเล็กเจื้อยแจ้วนั่นสวนกลับมาตั้งรับเสียแล้ว ก็จะอะไรเสียอีก แค่เขามาตามหาน้องเซฮุนของไอ้พระเอกที่มหาลัยเพราะโดนใช้(?)ให้มารับแทนเนื่องจากมันติดถ่ายแบบ กว่าจะเสร็จก็คงดึกคงค่ำ ส่วนคนขับรถที่บ้านก็ดันไปรับน้องชายคนเล็กที่โรงเรียน คนซวยก็เลยตกมาอยู่ที่กล้าหาญนี่ไง
“พี่ไม่มีเวลามาเถียงกับเปี๊ยกหรอกนะ”
“เราก็ไม่มีเวลามาคุยกับคนแปลกหน้าอย่างคุณเหมือนกัน! ล..แล้วก็ห้ามเรียกว่าเปี๊ยกด้วย!” (- ^ -) ยู่หน้ายู่ตาอย่างเอาเรื่อง กอดอกมองคนที่อ้างว่าเป็นผู้จัดการส่วนตัวของนายเจตน์ภพ จะมารับศิรภัทรเพื่อนรักของเขาแทนคุณพระเอก แล้วจะให้คนเป็นห่วงเพื่อนอย่างคณินธรไว้ใจได้อย่างไรทั้งที่หลักฐานก็ไม่มี
“พี่จะถามอีกครั้ง ว่าเพื่อนเราอยู่ไหน”
“เราจะรู้ได้ไงว่าคุณไม่ใช่มิจฉาชีพ!”
“ได้..”
พยักหน้าพร้อมยกยิ้มขึ้นมุมปาก ก่อนจะเดินออกไปอีกทางทำเอาคนตัวเล็กกว่าหันขวับตามแทบจะไม่ทัน ไม่มีความจำเป็นใดๆที่เขาจะต้องหยิบหาหลักฐานหรือถึงขั้นต้องโทรไปหาไอ้พระเอกให้มันเฟสไทม์มาว่านี่แหละตัวจริงเสียงจริง โดยให้ช่วยยืนยันว่าไอ้ที่ยืนโด่อยู่ตรงนี้ก็เป็นผู้จัดการของมันจริงๆ
ขายาวมุ่งหน้าขึ้นไปยังตึกคณะ มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยยืนคุมอยู่หน้าประตูทางเข้า ได้ยินเสียงเล็กตะโกนไล่หลังว่าจะฟ้องพี่รปภ. เอาเลย ถ้าจะฟ้องร้องเขาหาว่าเป็นคนแปลกหน้าจะมาลักพาตัวไปทีนี้ก็จะได้รู้กันว่าคนอย่างกล้าหาญไม่ใช่เด็กเมื่อวานซืน
“คุณผ่านเราไปได้ คุณก็ไม่รู้อยู่ดีว่าเพื่อนเราอยู่ไหน!” มองร่างโปร่งที่กำลังมองหาเพื่อนสนิทของตน แต่โชคดีที่ยัยหมวยยังไม่ลงมาจากห้องเรียน ไม่อย่างนั้นก็คงจะโดนคนแปลกหน้าคนนี้มาลักพาตัวไปแหงๆ ไม่ยอมเด็ดขาด! ถึงจะเหลือแค่เขาคนเดียวเพราะวันนี้พี่เครปติดซ้อมละครก็เถอะ ครีมคนนี้จะปกป้องเซฮุนเอง!
“คุณครับ ถ้าจะขึ้นตึกต้องแลกบัตรก่อนนะครับ!”
“จับเลยครับพี่ เขาเป็นมิจฉาชีพจะมาหลอกจับเพื่อนผม” (‘ - ‘)
เป็นเสียงของพนักงานรักษาความปลอดภัยที่เดินตรงดิ่งมาแต่ไกลยามเห็นชายในชุดนอกเครื่องแบบนักศึกษาเดินเข้ามาสุ่มสี่สุ่มห้าและทำท่าจะขึ้นลิฟท์ ไม่วายเจ้าตัวเปี๊ยกที่ว่านั่นก็ตามมาสมทบ ใส่ร้ายป้ายสีหาว่าเขาเป็นพวกอย่างว่า กล้าหาญทำหน้าเอือม ล้วงมือเข้าไปหยิบกระเป๋าสตางค์หวังจะโชว์บัตรประชาชนให้ดู ทว่ายามเสียงสัญญาณลิฟท์ดังขึ้นเมื่อถึงชั้นหนึ่ง ประตูลิฟท์จึงค่อยๆเปิดออก พร้อมกับใครบางคนที่เดินออกมาได้ในเวลาประจวบเหมาะช่วยชีวิตกล้าหาญคนนี้ไว้ได้อย่างหวุดหวิด ไม่ต้องมายืนต่อล้อต่อเถียงกับเจ้าเปี๊ยกและรปภ.ที่คอยจู้จี้
“พี่หาญ! มาได้ยังไงครับ?”
- - - - - - - - - -
ท่ามกลางสตูดิโอที่เต็มไปด้วยบรรดาทีมงานจำนวนหนึ่ง ไม่ได้เยอะจนน่าอึดอัดและไม่ได้น้อยจนเงียบเหงา เรียกได้ว่าคึกคักชวนให้การทำงานในวันนี้ไม่น่าเบื่อจนเกินไป ชายหนุ่มรูปร่างดีกับใบหน้าและสีผิวที่ดูโดดเด่น หรือดาราหนุ่มสุดฮอตประจำวงการบันเทิงอย่างเจตน์ภพ เทวบดินทร์ ที่ใครหลายคนเรียกว่า 'ไค' ถูกเลือกให้ขึ้นปกนิตยสารชื่อดังหัวนอกคู่กับนายแบบซึ่งก็เป็นเพื่อนสนิทในวงการคนหนึ่งของเจตน์ภพเช่นกัน
"คราวหลังไม่ต้องให้พี่ไปรับแล้วนะ แม่งเอ้ย เหนื่อยชิบ"
"น้องดื้อเหรอพี่?"
"เปล่าโว้ย แต่กูต้องมายืนเถียงกับไอ้ตัวเล็กเพื่อนน้องเขา หาว่ากูเป็นมิจฉาชีพจะมาหลอกน้อง ถ้าไม่ติดว่ามึงทำงานอยู่กูจะเฟสไทม์ดูให้หน้าแตกไปเลย"
กล้าหาญร่ายยาวอย่างหัวเสีย ก่อนคนฟังจะหลุดขำ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนที่พี่ผู้จัดการส่วนตัวของเขาพูดถึงอยู่เป็นใคร นอกจากเจ้ามาคินที่ทั้งหวงและห่วงศิรภัทรเกินหน้าเกินตา ก็คงจะเป็นเจ้าครีมแฝดน้องของเครปนั่นแหละ คนเป็นพี่เล่าต่อว่าถ้าเซฮุนไม่ลงจากลิฟท์มาจ๊ะเอ๋พอดี ก็คงโดนลากออกจากมหาลัยเพราะถูกใส่ร้ายว่าเป็นมิจฉาชีพไปแล้วมั้ง
หันไปมองทางคนตัวผอมที่นั่งรอเขาอยู่หลังกล้อง มีทีมงานผู้หญิงเดินเข้าไปชวนคุย ยื่นน้ำยื่นขนมให้กินก็หายห่วง อันที่จริงจะให้พี่หาญพาไปส่งถึงที่บ้านเลยก็ได้ แต่ระยะทางจากบ้านกับสตูดิโอมันไม่ใช่น้อยๆ เขาเองก็ไม่อยากรบกวนอีกฝ่ายมากนัก แค่นี้ก็เป็นธุระให้มากแล้ว
"น้องเซฮุนลองกินนี่ดูนะคะ อร่อยมาก"
"อ่า~ ขนมเต็มไปหมดเลย เซฮุนกินไม่หมดแล้วครับ"
"กินไม่หมดก็เอากลับบ้านได้นะจ๊ะ ยังมีอีกเยอะเลย"
"ข..ขอบคุณมากนะครับ" (. _ .)
สุดท้ายก็ยอมรับบราวนี่ชิ้นเล็กในกล่องมาไว้ในมือ ทั้งที่ขนมที่รับมาก่อนหน้านี้ยังไม่หมดเลยเสียด้วยซ้ำ ตั้งแต่มาถึงสตูดิโอเขาก็ถูกดูแลอย่างดี จะปฏิเสธก็กลัวจะเสียน้ำใจ จะรับมาอีกก็เกรงใจ แต่สุดท้ายก็ไม่อาจหนีความเรียกร้องของท้องน้อยๆที่มันส่งเสียงประท้วง แถมกว่าจะเลิกกองก็คงยันดึกยันดื่นแบบที่พี่หาญบอกไว้ จะรอให้ถึงเวลานั้นคงไม่ไหวแน่
ศิรภัทรไม่รู้หรอกว่าทำไมถึงต้องพามาที่นี่ สั่งให้เขานั่งรอทั้งที่เจ้าตัวเองก็ไม่ได้เดินมาสนใจ นอกเสียจากส่งสายตานิ่งๆมองมาเป็นครั้งคราว แต่แทนที่จะตั้งคำถามหรือถามหาเหตุผลของมัน กลับกลายเป็นว่าเอาแต่จดจ้องเจ้าของร่างสูงโปร่งท่ามกลางแสงไฟที่ดูโดดเด่นอย่างไม่อาจละสายตา
คุณกลางดูดีเหลือเกิน ในวันนี้ศิรภัทรเองไม่อาจปฏิเสธใบหน้าที่ถูกเครื่องสำอางแต่งเติม และเสื้อผ้าที่ดูเข้ากันกับผู้ชายคนนั้นอย่างหาที่ติไม่ได้ ซึ่งมันดันไปส่งผลต่อก้อนเนื้อหัวใจที่ไม่รักดี เต้นกระดอนอยู่ในอกจนบางครั้งก็อยากควักออกมาสั่งสอนให้หลาบจำ ว่าอย่าได้เผลอไผลไปกับคนๆนั้นเสียนัก
"น้องเซฮุน"
เป็นเสียงของใครสักคนที่ดังขึ้นทำลายอาการเหม่อของกายบอบบางให้ละสายตาออกจากเจ้าของกายสีน้ำผึ้งให้หันไปมองตามเสียงเรียก ชายดูดีในชุดคล้ายกันกับคุณไคส่งยิ้มอย่างเป็นมิตรและถือวิสาสะนั่งลงข้างเขา
"พี่ชื่อทอยนะ เป็นเพื่อนไคมัน"
"อ๋า..สวัสดีครับ"
"เห็นไคมันเคยพูดถึงอยู่ เพิ่งจะได้เห็นตัวจริงแฮะ" เขาพูดยิ้มๆ
"มารอมันเหรอ?"
"ครับ"
"นานน่าดูเลยล่ะ เหลืออีกตั้งหลายฉาก ไอ้ไคนี่มันทรมานเด็กชัดๆ"
"ไม่หรอกครับ เซฮุนวาดรูปรอก็ได้~" พูดพร้อมชูรูปเล่มคอเลคชั่นเสื้อผ้าที่เขาชอบออกแบบยามว่างให้อีกฝ่ายดู ลายดินสอลากขึ้นจางๆไร้ซึ่งการลงสีใดๆ หากแต่กลับทำให้คนมองเบิกตากว้างเมื่อได้เห็นผลงานชิ้นนั้น
"โห! ฝีมือใช้ได้เลยนะเนี่ย!"
"จริงเหรอครับ" (' - ')
"มาก..สไตลิสวันนี้ต้องอายน้อง" ชายหนุ่มพูดติดตลก พลางชูนิ้วโป้งบ่งบอกว่าชุดที่ศิรภัทรออกแบบสุดยอดมาก ก่อนจะขออีกฝ่ายดูผลงานอื่นๆต่อที่ลงสีเสร็จสมบูรณ์แบบ และนั่นยิ่งทำให้คนอย่าง ทอย 'ธวัช' ให้ความสนใจไม่น้อย
"..."
ซึ่งการกระทำทั้งหมดตกอยู่ในกรอบสายตาของใครอีกคนโดยเรียบร้อยแล้ว ใบหน้าที่ใกล้จนเกินเหตุอย่างไม่ได้ตั้งใจทำให้เจตน์ภพละสายตาหลุดโฟกัสออกมาจากกล้อง ช่างภาพเผลอเรียกชื่อจนเขาต้องหันมามองเลนส์อีกครั้ง สีหน้าที่เปลี่ยนไปผิดกับก่อนหน้านี้ ทำให้ต้องถูกถ่ายใหม่หลายชัตเตอร์กว่าจะเสร็จสิ้นคิวของตนเอง
กระทั่งเจตน์ภพเดินออกมาจากฉาก ไม่สนช่างแต่งหน้าที่รอซับเหงื่อหรือจะเติมหน้าให้เขา แต่ขายาวกลับเดินฝ่าออกไปโดยบอกว่าขอตัวสักครู่หนึ่ง
"อ้าว เสร็จแล้วหรอวะ"
"อืม"
"กำลังคุยกับน้องสนุกเลย" ทอยแกล้งทำสีหน้าผิดหวัง ก่อนจะส่งสมุดภาพคืนให้คนอายุน้อยกว่า ทำท่าจะลุกขึ้น แต่ไม่วายก็ส่งยิ้มเจ้าชู้ตามประสาก่อนจะชูโทรศัพท์มือถือพร้อมบอกว่า 'ไว้คุยกันในไลน์' เท่านั้นเจตน์ภพก็พร้อมจะตากระตุกหูผึ่งขึ้นมาทันที
"น้องน่ารักชิบหายเลยว่ะ"
ไม่พอเท่านั้น ยามจะเดินผ่านเขาเข้าไปในฉากเพื่อเข้าคิวถ่ายของตัวเอง ยังจะกระซิบด้วยประโยคกวนอวัยวะเบื้องล่างเขาเสียเหลือเกิน ทำไมจะไม่รู้ว่านิสัยของไอ้เพื่อนสนิทคนดังกล่าวมันขี้เต๊าะขนาดไหน ฟาดนางแบบไปทั้งวงการแล้วมั้ง
"ให้ไลน์มันไปทำไม?" ส่งเสียงทุ้มต่ำออกมา ส่งผลให้ใบหน้าน่ารักเงยขึ้นมามองด้วยคำถามว่ากำลังคุยกับเขาอยู่งั้นเหรอ
"ก็พี่เขาขอ" (' - ')
"ศิรภัทร" พอตอบออกไปกวนๆแบบนั้น คนเป็นพี่ก็พร้อมจะส่งเสียงดุออกมาทันที
"ก..ก็เขาชอบงานที่เราออกแบบ เขาเลยอยากดูอีก" (. _ .)
"หมายความว่าถ้าเป็นคนอื่น ก็จะให้เรี่ยราดแบบนี้เหรอไง"
"เปล่าสักหน่อย ก็เราเห็นว่าเขาเป็นเพื่อนคุณกลาง.."
ยู่หน้ายู่ตาหยิบหาเหตุผลออกมาทักท้วง ก่อนจะได้ยินเสียงถอนหายใจของคนที่กำลังกอดอกจ้องมองเขาอยู่ พอเห็นในระยะใกล้ๆแบบนี้ก็ยิ่งทำให้ใบหน้ามันร้อนวูบขึ้นมาแปลกๆ .. เป็นเจตน์ภพที่เงียบไป ไม่ได้ต่อล้อต่อเถียงกับเด็กช่างพูดที่พร้อมจะหยิบหาเหตุผลมาอ้างให้ชนะเขาเสมอ
"คุณกลางหวงเราล่ะสิ"
"ถ้ายังไม่หยุดพูดมากฉันจะ-"
"จะไล่เรากลับบ้านหรอ เอาสิ เราคิดถึงคลาวด์จะแย่แล้ว" (' - ')
"..." (- _ -)
ได้แต่กลั้นอารมณ์เอาไว้ไม่ให้รู้สึกอยากจะจับเด็กคนนี้ไปทิ้งไว้ข้างทางมากกว่านี้ แล้วดูหน้าตาระรื่นแบบนั้นเข้าเหอะ เขาล่ะไม่ชอบดวงตาหยีๆที่เปรี่ยมไปด้วยชัยชนะแบบนั้นเสียเลย เพราะมันยิ่งย้ำว่าคนแพ้คือเจตน์ภพโดยแน่แท้แล้ว
ไม่รู้ว่าคิดถูกหรือคิดผิดที่ไหว้วานพี่หาญให้ไปรับน้องมารอที่นี่ เขาเริ่มรู้สึกว่าตนเองพลาดตั้งแต่คนกายผอมปรากฏเข้ามาให้เห็นอยู่ในกรอบสายตา ชวนให้สมาธิของคนที่มักจะตั้งใจทำงานเสมอมันหลุดลอยหายไป ยิ่งโดยเฉพาะก่อนหน้านั้นที่เพื่อนสนิทอย่างธวัชเข้าไปสนิทสนมใกล้ชิดกับน้องจนจู่ๆก็ไม่ชอบใจขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ รู้ตัวอีกทีก็พาลให้สองขามันย่ำเข้าไปหาอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น..ทั้งที่เขาจะไม่สนใจเลยก็ได้ ปล่อยให้นั่งรอแบบนั้นไปจนเสร็จงานเลยก็ได้ แล้วทำไมถึงต้องเป็นห่วงเป็นใย ฝากทีมงานทุกคนว่าให้ดูแลน้อง อย่าปล่อยให้น้องหิว อย่าปล่อยให้น้องหนาว
"คุณกลาง" ทำท่าจะเดินออกไปเพราะไม่อยากอยู่ต่อให้เสียฟอร์มคนที่ไม่ชอบแพ้อย่างเขา ทว่าเสียงๆเดิมกลับหยุดกายโปร่งไว้ที่เดิม ไม่มีเสียงตอบรับ แต่กลับกลายเป็นมือหนาถูกจับให้แบออกอยู่เบื้องหน้า
"เราเห็นคุณกลางดูเหนื่อยๆ.."
"..."
"เราให้"
"..."
ลูกอมรสนมของโปรดของศิรภัทร ถูกยัดใส่มือหนาโดยที่เจ้าตัวไม่ทันได้ปฏิเสธ ดูเหมือนอีกฝ่ายจะอึ้งไปนิดหน่อยที่จู่ๆน้องก็จับมือเข้าไปใกล้ แล้วยังจะมารู้ดีอีกว่าภายใต้ใบหน้าหล่อคมของเจตน์ภพคนนี้มันกำลังเหนื่อยอยู่
"อืม.." ตอบรับเพียงสั้นๆ ไม่มีคำขอบคุณตามแบบฉบับผู้ชายซึนๆอย่างคุณกลาง ทว่าศิรภัทรก็พร้อมจะยิ้มยกยิ้มตาหยีจนเป็นรูปคล้ายครึ่งเสี้ยวพระจันทร์ เขาไม่รู้หรอกว่าไอ้แค่ลูกอมเม็ดเล็กๆที่อมแปปเดียวก็ละลายหายไปจนไม่รู้สึกว่ามันจะช่วยให้หายเหนื่อยตรงไหน แล้วก็ไม่รู้เหมือนกันว่าที่จู่ๆก็รู้สึกอยากยิ้มออกมาแต่ต้องกลั้นไว้แบบนี้มันเป็นเพราะลูกอมรสนมทำให้หายเหนื่อย หรือเพราะเด็กนมผงคนนี้กันแน่
คำถามคือ .. คนเราจะเพิกเฉยกับความน่ารักนุ่มนวลดั่งนมรสหวานของคนๆหนึ่งได้นานแค่ไหน ?
- - - - - - - - - -
เพลงสากลยุคเก่าเปิดดังคลอเบาๆในรถยนตร์คันหรู อุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศที่เย็นเฉียบทำให้มือหนาเลื่อนไปลดแอร์ให้เบาลง ก่อนจะหันไปมองทางใครอีกคนที่หมดฤทธิ์หลับคาเบาะโดยมีเสื้อตัวนอกของเขาคลุมทับอยู่ ไม่มีเสียงเจื้อยแจ้วคอยบ่นคอยเถียงหรือคอยเป็นฝ่ายชวนคุยเขาแบบที่เคย นาฬิกาบอกเวลาใกล้จะห้าทุ่ม คงไม่ต้องบอกว่าก่อนหน้านั้นงัวเงียขนาดไหนถึงได้ผล็อยหลับไปแบบนี้
"เซฮุน" ส่งเสียงเรียกเบาๆยามล้อหยุดหมุนจอดถึงที่หมาย ทว่าไร้การตอบรับจากคนที่กำลังหลับใหล จนเจตน์ภพต้องเรียกออกมาอีกครั้ง คราวนี้เจ้าตัวงัวเงีย ส่งเสียงร้อง 'อื้อ' ตอบกลับเบาๆโดยที่เจ้าของกายสีน้ำผึ้งเองก็ไม่รู้ว่าน้องรู้ตัวแล้วหรือกำลังงอแงเพราะไปรบกวนการนอน
ตัดสินใจลงจากรถแล้วเดินอ้อมมาฝั่งข้างคนขับ เปิดประตูออกน้องจึงขยับตัวเพราะคงจะไปทำเสียงดังให้ได้ยินเข้า มีการคิ้วขมวดใส่ทั้งที่ยังหลับตาแสดงด้านดื้อๆให้เขาเห็นโดยเจ้าตัวเองก็คงไม่รู้ตัว ยืนมองอยู่สักระยะให้แน่ใจว่าคงเดินไปเองไม่ไหว เลยตัดสินใจจะเข้าไปอุ้มเจ้าตัวดีออกมา แต่ทว่า..
"อือ~ หนูอยากกินข้าวไข่เจียวกุ้งของพ่อวรรษ"
"..."
ได้ยินเท่านั้นเจตน์ภพเลยหยุดการกระทำทุกอย่างแล้วผละออกมามองหน้าเจ้าของเสียงดังกล่าว พึมพำอยู่ข้างหูแต่ตายังปิดสนิท ทีนี้เลยมั่นใจแล้วว่าน้องละเมอโดยแน่แท้ เขาหลุดขำ ก่อนหน้านั้นคงกินแต่ขนมไม่ยอมกินข้าวแล้วมันจะไปอิ่มอะไร ดูเอาแล้วกันว่าถึงขนาดที่เก็บเอาไปฝันจนละเมอคงไม่ต้องบอกว่าหิวขนาดไหน
"พ่อ..หนู.."
"รู้แล้ว.." สุดท้ายเลยจำต้องสวมร่างคนเป็นพ่อแทนลุงวรรษ ต้องออดอ้อนขนาดไหนถึงเรียกแทนตัวเองด้วยสรรพนามแบบนั้นได้ สมัยเด็กๆที่เคยเจอคุณศรัณย์วรรษหรือคุณพ่อของน้อง ก็เคยแอบได้ยินน้องเรียกแทนตัวเองแบบนั้นอยู่บ้างตอนอยู่กับคุณลุงสองต่อสอง แต่ไม่คิดว่าพอได้ยินกับตัวเองเข้าจังๆแบบนี้มันก็ทำให้ก้อนเนื้อในอกเต้นเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน
คราวนี้โน้มตัวลงไปช้อนร่างบอบบางขึ้นมา แต่เหมือนศิรภัทรจะรู้ตัวและตื่นเข้าจริงๆเลยลืมตาขึ้นมามองเขา ใบหน้าที่อยู่ในระยะประชิดทำให้ลมหายใจของเราทั้งคู่เป่ารดใส่กันและกันอย่างไม่ได้ตั้งใจ และเขาเองก็ไม่ควรปล่อยให้ตัวเองอยู่ในระยะห่างอันน้อยนิดขนาดนี้..
"ค..คุณกลาง" น้องตกใจเล็กน้อย ค้างไปชั่วขณะเพราะมัวแต่เผลอมองใบหน้าอีกฝ่ายในระยะใกล้ กลิ่นหอมอ่อนๆเหมือนนมผงกับแป้งเด็กลอยแตะจมูกอีกครั้ง กระทั่งรู้สึกตัวจริงปล่อยกายผอมให้นั่งบนเบาะเหมือนเดิม
"ก็เห็นว่าหลับ.." เจตน์ภพยักไหล่แล้วหันไปมองทางอื่น
"คุณกลางก็เลยจะอุ้มเราเหรอ.."
"ไม่อุ้มหรอก ตัวหนัก"
"แต่เมื่อกี๊.."
"ดึกแล้ว ฉันง่วง" เสียงทุ้มรีบแทรก "รีบออกมาจากรถเร็วเข้า"
เพราะกลัวว่าจะเสียฟอร์มเข้าให้เลยรีบพูดขัดขึ้นมาเสียก่อน ศิรภัทรก็ทำตาม หอบหิ้วกระเป๋าใบเล็กของตนออกมากอดเอาไว้แนบอก ขาที่ยังไม่หายดีเลยทุลักทุเลนิดหน่อย กระทั่งสถานที่แปลกตาปรากฏให้เจ้าตัวเห็น บ่งบอกว่าที่นี่ไม่ใช่บ้านหลังใหญ่ที่เขาอยู่ เสียงเล็กก็พร้อมอ้าปากถามทันที
"คุณกลางพาเรามาที่ไหน"
“ทำไม? กลัวจะพามาขายเหรอ”
“ง่ะ~” (. _ .)
“ตัวแค่นี้ขายไม่ออกหรอก” หันไปไล่สายตามองแล้วแกล้งยิ้มมุมปาก "คอนโดฉันเอง"
"แล้วทำไมไม่กลับบ้านเราล่ะครับ" เซฮุนเดินตามพลางเอียงคอมองอย่างสงสัย ก่อนหน้านั้นเขาโทรบอกแม่เรียบร้อยแล้วว่าวันนี้จะไม่กลับบ้านและจะให้น้องนอนค้างที่คอนโดของตน เนื่องจากเลิกงานดึกและกลัวว่าอาการเหนื่อยล้าที่มีอยู่จะลำบากในการขับรถกลับบ้านตอนกลางคืน และเพราะคอนโดของเจตน์ภพอยู่ใกล้สตูดิโอพอดี เลยตัดสินใจพาน้องมาค้างที่นี่เสียเลย
"มันไกล..กว่าจะขับกลับถึงบ้านไม่ต้องนอนกันพอดี" คนเป็นพี่ตอบ "นอนที่นี่ไปก่อน ตอนเช้าจะให้ช้างเอาเสื้อผ้ามาให้"
พยักหน้าเข้าใจแล้วเดินตามต๊อกแต๊กอยู่ข้างๆเจ้าของกายสีน้ำผึ้ง ถึงแม้จะรู้ว่าคนเป็นพี่มีคอนโดแต่ก็ไม่เคยรู้ว่าที่ไหน รู้แค่ว่าถ้าวันไหนคุณกลางไม่กลับบ้าน นั่นแสดงว่าอีกฝ่ายคงค้างที่คอนโด แน่นอนว่ามันเป็นครั้งแรกที่ศิรภัทรมาที่นี่โดยที่เจ้าตัวเองก็แปลกใจอยู่เหมือนกันว่าทำไมคุณกลางของเขาถึงได้พามาค้างด้วยง่ายๆ
ไม่มีใครพูดอะไรต่อจากนั้น มีเพียงคนเจ็บขาหนึ่งคนที่เดินช้ากว่าปกติ และคนสบายดีที่ก็ไม่ได้เดินเร็วไปกว่ากันนัก อาจเป็นเพราะเจ้าของกายสีน้ำผึ้งเพียงแค่อยากจะลดจังหวะการก้าวเท้าของตัวเอง เพื่อรอใครอีกคนให้ระยะห่างของเราทั้งคู่ ไม่ไกลกันจนเกินไป..
- - - - - - - - - -
สาบานว่าถ้าไม่จำเป็น หรือเพราะสงสารเด็กตาใสที่นั่งจ้องเขาด้วยใบหน้าเหมือนลูกแมวถูกทอดทิ้ง ไม่ได้กินข้าวกินน้ำมาหลายวันแบบนี้ เจตน์ภพคนนี้จะไม่มีวันลุกขึ้นมาเข้าครัวเป็นอันขาด
กระทะร้อนได้ที่พร้อมที่จะใส่น้ำมันลงไปบนนั้น ข้างๆมีไข่ที่ถูกตีพร้อมกับเนื้อกุ้งที่ถูกฟีซไว้ในตู้เย็นรอให้เจ้าของห้องมาจัดการ แต่นานๆทีเขาจะได้มีโอกาสลงมือทำอาหารเอง ถึงได้บอกว่าถ้าไม่จำเป็นก็จะเลี่ยงสุดชีวิต นั่นเป็นเพราะฝีมือการเข้าครัวของคุณชายกลางแห่งตระกูลเทวบดินทร์ห่วยแตกถึงขั้นให้ฟรียังโกรธ..
แต่สำหรับเมนูไข่เจียวกุ้ง มันไม่ได้ยากขนาดนั้น ... หรอกใช่ไหม(วะ) ?
มองไข่ในกระทะที่ใส่ลงไปสักพัก พลิกๆกลับๆอยู่สองสามทีจนมันเริ่มจะเป็นรูปเป็นร่าง ยกสองมือขึ้นท้าวเอวอย่างครุ่นคิดว่าขั้นตอนต่อไปต้องเตรียมอะไร ก่อนจะรีบก้าวเท้าไปหยิบจานแล้วตักข้าวใส่ให้พอประมาณมารอไว้ วินาทีนั้นแหละ ที่เจ้าของการสีน้ำผึ้งสำเหนียกตัวเองแล้วว่า...
“เชี่ย ไข่ไหม้..”
สบถกับตัวเองเบาๆเมื่อพลิกไข่กลับอีกด้านแต่ต้องเจอกับสีที่ผิดแปลกไปจากด้านบน ใบหน้าหล่อที่เคยฉายอยู่บนโทรทัศน์ เผยให้เห็นว่าตนกำลังตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ก่อนสติจะกลับคืนเตือนเขาให้รีบปิดแก๊สซะ ไม่อย่างนั้นมันคงไม่ใช่ไข่อย่างเดียวแน่ที่ไหม้ .. ไม่คิดไม่ฝันว่าเผลอแค่แปปเดียว ความบรรลัยจะมาเยือนขนาดนี้ = _ =
“จะกินได้ไหมวะ..”
มองสภาพไข่ที่โปะอยู่บนจานข้าว ด้านที่เขาโชว์อยู่มันก็โอเคอยู่หรอก แต่อย่าให้พลิกกลับไปอีกด้านเลย.. แล้วความซวยในวันนี้คือมันเป็นไข่ฟองสุดท้ายที่อยู่ในตู้เย็น จะทำอย่างอื่นก็ไม่ได้เพราะความรู้มีแค่นี้ แล้วเด็กนมผงนั่นก็ดูท่าจะรักกุ้งกว่าอะไรทั้งหมดด้วยสิ
“เสร็จแล้วเหรอครับ” (‘ - ‘) ยังไม่ทันจะเดินออกจากครัว คนตัวผอมก็เดินเข้ามาหาตามกลิ่น สองมือถือจานเอาไว้ก่อนจะเบี่ยงตัวหลบเมื่อน้องทำท่าจะขอดู
“ยัง..ยังไม่เสร็จ!” คนเป็นพี่รีบห้าม “เออ..ที่จริงก็เสร็จแล้ว แต่..”
“มีอะไรเหรอ ขอเราดู..”
“เดี๋ยว! คือ..”
“คือ..?” (‘ - ‘?) จ้องตาแป๋วอย่างรอคำตอบ แล้วไอ้เด็กง่วงคนก่อนหน้านี้มันหายไปไหน
“ถามจริงนะ หิวมากไหม”
“...” เซฮุนพยักหน้าสามที
“สัญญาได้ไหมว่าถ้ากินเข้าไปแล้วรู้สึกแปลกๆเมื่อไหร่ ต้องคายนะ? ทิ้งไปเลยก็ได้ไม่โกรธ”
“...” พยักหน้าอีกรอบ
“อ่ะ..”
เมนูวันนี้ขอเสนอ .. ไข่เจียวไหม้ ของคุณชายเจตน์ภพ = _ =
ทำใจอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจวางจานลงบนโต๊ะกินข้าว โดยที่คนหิวก็ไม่ได้รู้สึกรู้สาหรือสงสัยอะไรเลยว่าทำไมเขาถึงถามแบบนั้น น้องดูท่าจะหิวมาก ถึงขั้นละเมอใส่แบบนั้นคงไม่ธรรมดา สุดท้ายเลยมารู้ทีหลังว่าลุงวรรษชอบทำข้าวไข่เจียวกุ้งใส่กล่องไปโรงเรียนให้น้องบ่อยๆ เลยกลายเป็นเมนูโปรดของอีกฝ่ายมาจนถึงตอนนี้..
แต่อาจจะเลิกชอบไปตลอดชีวิตเลยก็ได้ถ้าเจอจานนี้ - _ -
“อื้ออ! อร่อย!”
“ห้ะ..” หูฝาดป่ะวะ
“คุณกลาง เราอยากได้ซอสมะเขือเทศ” (' - ')b
“อ่า..” เจตน์ภพทำหน้าอึ้งๆ “งั้นรอแปปนึง”
ก่อนจะเดินไปหยิบซอสมะเขือเทศมาให้ทั้งขวด น้องรีบรับไปเปิดแล้วเทลงบนไข่เจียวไหม้ที่เจ้าตัวหลุดปากบอกว่า ‘อร่อย’ ได้เต็มปากเต็มคำ เขาคิดว่าตนเองอาจจะหูฝาด แต่ถ้าใครได้เห็นสภาพของเด็กหิวโซที่ตักเข้าปากคำโตแล้วเคี้ยวแก้มตุ้ยอยู่ต่อหน้าต่อตาแบบนี้ .. คงต้องกลับคำพูด
“ถ้าเรามาอีก..”
“...”
“ทำให้เรากินอีกนะ”
เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าประโยคดังกล่าวมันคลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นประโยคคำสั่ง เจตน์ภพหลุดขำ ไล่มองใบหน้าที่กำลังเอร็ดอร่อยกับไข่เจียวกุ้งไหม้ๆ ก่อนจะยกมือขึ้นไปเช็ดตำแหน่งที่เปื้อนซอสสีแดง ไม่รู้กินอย่างไรถึงได้เลอะมาถึงแก้มเป็นเด็กสามขวบ แต่น้องกลับยังเคี้ยวไม่หยุดแล้วยังจะมาทำแก้มพองแก้มกลมใส่เขาอีก ..
“ถ้าอยากกินบ่อยๆ..”
“...”
“ก็ต้องมาอยู่กับฉันที่นี่”
.
.
TBC
- - - - - - - - - -
นึกชื่อตอนไม่ออกจริงๆ ยาวไว้ก่อน ฮ่าาาาาาาาา
หิวไข่เจียวกุ้งกันไหมคะ ? 55555555555555555
ขอตัวไปทานข้าว U-U;;;;;;
ปล. อัพเดทตัวละครเพิ่มเติม (ชื่อ+รูป) คลิก
#คลาสสิคซีน
ดูวนไปค่ะ ♥ ( https://youtu.be/m7i7dHcqBiY )
ความคิดเห็น