คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : scene 03 : หรือความเกรี้ยวกราดขั้นไว้บางๆเพราะกลัวเสียฟอร์ม
03
กลิ่นของโรงพยาบาลเป็นกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์สำหรับศิรภัทรตั้งแต่เขาถูกพามาหาหมอสมัยตนยังวัยเยาว์ ซึ่งแน่นอนว่าคงไม่มีใครอยากมาที่นี่กันบ่อยๆนัก นั่นเป็นเพราะมองไปทางไหนก็เจอแต่คนเจ็บคนป่วยหรือแม้กระทั่งตัวเขาเองที่นั่งอยู่บนรถเข็นในเวลานี้
ข้างๆเป็นพี่ชายคนโตของตระกูลเทวบดินทร์ หรือพี่จุนพัฒน์ที่รับหน้าที่ดูแลเขาเรื่องอาการบาดเจ็บที่ขา ถือเป็นโชคดีที่มาทันเวลาพี่ชายยังไม่เลิกเวร อย่างน้อยเจตน์ภพก็จะได้หมดห่วงไปบ้างว่าเด็กคนนี้จะปลอดภัยเพราะมีพี่ใหญ่ดูแลเป็นอย่างดี
“เส้นเอ็นอักเสบ แต่ไม่ถึงขั้นรุนแรงมาก ถ้าจะให้ดีช่วงนี้ก็งดใช้แรงที่หัวเข่าขวานะครับ”
“กี่วันถึงจะหายเหรอครับ”
“สักสิบวันเราก็กลับมาซนได้แล้ว”
พูดพร้อมยีผมปลอบใจคนเจ็บ ทว่าเจ้าของใบหน้าขาวกับทำหน้าบูดบึ้งหลังจากรู้ว่าตนเองคงต้องหยุดขี่จักรยานคันโปรด จุนพัฒน์ยิ้มขำก่อนจะหันไปทางคนที่กอดอกมองข้างๆ แปลกใจอยู่นิดหน่อยที่คนพามาเป็นน้องชายคนกลางของตน นึกว่าจะมัวแต่ถ่ายละครจนไม่มีเวลา แต่นั่นก็เพราะว่าเมื่อวันก่อนเป็นฉากสุดท้ายของละครที่เจตน์ภพต้องถ่ายพอดี ซึ่งที่เขาไปดื่มหนักกับมาได้เมื่อคืนก็เพราะมัวไปฉลองปิดกองกันนั่นแหละ
“แม่ยังไม่รู้สินะ”
“ครับ ไม่งั้นคงได้พากันมาทั้งบ้าน”
“ช่วงนี้ฝนตกถนนลื่นอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อยมาก วันหลังเราต้องระวังมากกว่านี้นะครับ” คุณหมอหนุ่มยิ้ม “อย่าลืมทานยาตามที่พี่สั่ง และทายาที่แผลจนกว่าจะหายนะครับ ไม่งั้นถ้าไม่ดีขึ้นจะต้องโดนฉีดยาอีกเข็มพี่ไม่รู้ด้วยนะ”
“แต่ไม่ฉีดที่ก้นแล้วได้ไหมครับ” (. _ .)
“จะเอาเข็มใหญ่กว่าเดิมอีก”
“พี่ใหญ่อ่า” : (
ยู่หน้ายู่ตาใส่คนแกล้งขู่อย่างน่ารัก ก็เพราะเป็นเสียอย่างนี้คนมองอย่างเจตน์ภพเลยเผลอหลุดยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนหน้านี้พี่ใหญ่จัดการเอ็กซเรย์และตรวจให้ครบทุกจุด ศิรภัทรก็ทำตามอย่างดีแม้จะทุกครั้งจะขอให้เขาเข้าไปด้วย น้องไม่ชอบโรงพยาบาล และคงกลัวว่าตนจะถูกพาไปทำอะไรเหมือนที่ผู้ใหญ่แกล้งหลอกเด็กว่าหกล้มแล้วคุณหมอจะพาไปตัดขา แววตาใส่ซื่อกับใบหน้างอง้ำของศิรภัทรก็คงไม่ต่างกัน แม้กระทั่งตอนฉีดยาที่พยาบาลจำเป็นต้องปิดผ้าม่าน เขาจึงได้แต่ยืนรออยู่ด้านนอก น้องไม่ร้อง หน้าบูดนิดหน่อยเพราะตอนหลังเริ่มปวด ซึ่งนั่นก็น่ารักดี .. แค่นิดหน่อยเท่านั้นแหละน่า
“ดูแลน้องด้วยนะกลาง”
“สรุปว่าผมเป็นน้องพี่หรือยัยเด็กนมผงกันแน่?”
“ยังเรียกชื่อนี้อีกเหรอ” คนเป็นพี่ขำ “เอาล่ะ ขับกลับดีๆล่ะรู้ไหม”
“ครับ”
ตอบรับยิ้มๆแล้วก็แยกกันออกมาโดยพี่ชายหมุนตัวกลับไปห้องตรวจของตนเองต่อ จุนพัฒน์ยังต้องอยู่เวรต่ออีกนิดหน่อยเพราะมีคนไข้นัดไว้ว่าจะมาตรวจดูอาการวันนี้ สายตาคมหันมามองข้างๆ จากที่กำลังยิ้มจึงแกล้งเปลี่ยนสีหน้าเป็นเรียบนิ่งแบบเดิมไม่ให้หลุดมาดคุณกลางคนขรึมให้เด็กมันได้ใจ แล้วเดินข้างๆวีลแชร์ของคนขาเป๋ที่มีบุรุษพยาบาลคอยเข็นไปส่งถึงรถ
"ไม่ต้องขี่จักรยานคันนั้นแล้ว เข้าใจหรือเปล่า?"
"แค่สิบวัน เรารอไหว"
"ตลอดไปเลยต่างหาก"
“ไมได้นะครับ!” ศิรภัทรรีบเถียง
“เกิดล้มขึ้นมาแล้วจะให้ฉันพามาที่นี่อีกรอบเหรอไง”
“คุณกลางไม่ต้องพาเรามาก็ได้นี่ เราก็แค่เส้นเอ็นอักเสบ” ยังคงกอดอกเถียงสุดชีวิตด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้วพร้อมช้อนดวงหน้ามองหลังจากย้ายเข้าไปนั่งในรถ ไม่ยอมเด็ดขาด ยังไงเขาก็จะไม่มีวันทอดทิ้งคุณโนรันเด็ดขาด เพราะนั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่พ่อวรรษให้ไว้กับเขา
“แล้วเส้นเอ็นอักเสบมันหายง่ายเหมือนยุงกัดไหม”
“ก็..”
“หยุดพูดแล้วนั่งเฉยๆซะ ยัยนมผง”
“เราไม่ใช่นมผง เราไม่ได้มีกลิ่นแบบตอนนั้นแล้ว คุณกลางมั่ว”
ศิรภัทรเบ้ปากเป็นรูปตัววีคว่ำ นึกย้อนไปถึงสมัยตนเป็นเด็กๆ พี่ชายพูดน้อยข้างๆคนนี้ตั้งฉายาให้เขาว่า ‘เด็กนมผง’ เพราะน้องตัวขาวเหมือนน้ำนม เห็นว่าได้เชื้อจากคุณอึนแชมาแรงมาก ส่วนที่ต้องเรียกแบบนั้นก็เพราะว่าอยู่ใกล้ทีไร เขาได้กลิ่นหอมๆติดจมูกไม่ต่างอะไรกับนมผงของเด็กอ่อน ผสมแป้งเด็กไปเสียทุกครั้ง
“งั้นหรอ..?” และคราวนี้เองก็เช่นกัน ยามเจ้าของใบหน้าหล่อแกล้งเลื่อนตัวเข้าไปใกล้ กระซิบถามอย่างแผ่วเบาด้วยใบหน้าเรียบเฉย แต่คราวนี้ทำไมเขาถึงได้รู้สึกว่าคุณกลางกำลังยิ้มมุมปากอยู่อย่างไรอย่างนั้น .. ไม่มีคำตอบจากคนถูกถามหากแต่ร่างกายของศิรภัทรกำลังแข็งทื่อไปแล้วโดยสิ้นเชิง
“แล้วทำไมตอนนี้ฉันยังได้กลิ่นนั้นอยู่ล่ะ..”
“...”
“กลิ่นนมผงของนาย”
ยามเห็นร่างเล็กที่ทำอะไรไม่ถูกก็กระตุกยิ้มออกมาเบาๆ นั่งหลังตรงชิดเบาะรถจนแทบจะแทรกตัวหายไปกับมัน หลับตาปี๋เพราะกลัวว่าเจ้าของกายสีน้ำผึ้งจะทำอะไรตน กระทั่งได้ยินเสียงหัวเราะดังหึในลำคอ ถึงยอมเปิดตาขึ้นมามองว่าตนยังปลอดภัยอยู่ แต่ที่กำลังไม่ปลอดภัยอยู่ในตอนนี้ คือก้อนเนื้อในอกด้านซ้ายที่มันเต้นถี่รัวจนกลัวว่าจะระเบิดออกมาในสักครั้ง
อาจเป็นเพราะเขาเป็นใครสักคนที่มีผลต่อการเต้นของหัวใจ..
- - - - - - - - - -
“แบบนี้โอเคไหม หรือยังแปลกๆอยู่”
สุ้มเสียงทุ้มต่ำดังขึ้นถามเพื่อนสนิทตัวเล็กหลังจากง่วนอยู่กับการมิกซ์เพลงที่ตนเองนั่งแต่งเล่นๆเป็นงานอดิเรกภายในห้องสี่เหลี่ยมเล็ก เชนรพีเก็บเงินซื้อเครื่องดนตรีเองตั้งแต่สมัยเรียน เริ่มต้นจากกีตาร์โปร่งธรรมดา กีตาร์ไฟฟ้า คีย์บอร์ด เปียโน และสารพัดอุปกรณ์ทำเพลงไปจนถึงขั้นมีสตูดิโอเล็กๆเป็นของตัวเองในบ้าน นอกจากการเป็นเจ้าของร้านบิงซูร่วมหุ้นกับเพื่อนสนิทแล้ว .. ดนตรีก็เป็นชีวิตเขาเช่นกัน
“ไหนเปิดอีกรอบ” พริษฐ์เอี้ยวเนื้อเอี้ยวตัวเข้าไปหาหลังจากถูกถาม ทั้งที่คนตัวสูงเองก็ไม่ได้เปิดเพลงเบาขนาดนั้น แต่มันกำลังกวน สักพักก็กลับมานั่งปกติแล้วพยักหน้าสองสามทีพร้อมยกนิ้วให้เป็นเชิงบอกว่าสุดยอด
“อันที่จริงมึงควรไปเป็นโปรดิวเซอร์ ไม่ก็พวกนักแต่งเพลงของค่ายใหญ่ๆอะไรแบบนั้นไปเลยว่ะ นี่พูดจริงจังนะ”
ถ้าไม่พูดถึงก็คงไม่ได้ ว่านอกจากพี่เชนพี่เบจะร่วมหุ้นกันเป็นเจ้าของร้านบิงซูที่สาววายชิปกันจะเป็นจะตายแล้ว สองคนนี้ยังมีมีแชนแนลในยูทูปที่มีคนติดตามหลักแสนในนามของยูสเซอร์ studio614 เลขดังกล่าวก็มาจากความชอบของทั้งสองฝ่าย.. คลิปเพลงคัฟเวอร์ All of me ของคุณจอห์นเลเจนด์ร้องโดยพี่เชน มียอดคนเข้าชมกว่าหนึ่งล้าน ไหนจะเพลงอื่นๆที่เพื่อนตัวเล็กร้องแล้วเชนรพีเป็นคนเล่นดนตรีให้อีก ซึ่งนั่นก็ทำให้มีนักทำเพลงชื่อดังทั้งหลายติดต่อเข้ามาไม่น้อย โดยเฉพาะเจ้าของกายสูงที่ดูท่าจะไปได้ไกลกับด้านดนตรี แต่ก็นั่นแหละ..ปฏิเสธเขาไปทุกราย นั่นเพราะเขายังไม่พร้อมจะไปอยู่ในจุดนั้น
“ไม่เอาอ่ะ ชอบแบบนี้มากกว่า” เชนยักไหล่ “เดี๋ยวไม่มีใครอยู่ทำเพลงให้มึงร้อง” ^^
ก่อนจะหันมาพูดด้วยเหตุผลชวนอ้วกแล้วยิ้มใส่กวนๆทั้งที่ยังกอดกีตาร์ตัวโปรดของตนเองอยู่ เบผลักหัวจนอีกฝ่ายตัวเซไปหนึ่งทีแล้วหันไปสนใจกับหน้าจอคอมขนาดใหญ่ที่เปิดเกมค้างไว้ .. เหตุผลที่มานอนค้างบ้านเพื่อนสนิทในคืนนี้ไม่ใช่อะไรอื่นไกล มาอัดเพลงร้องคู่กับมันไว้ลงยูทูปให้แฟนคลับหายคิดถึง(?) ก็ทำตัวแฟนกันเสียขนาดนี้ไม่รู้เหรอไงว่าพวกขี้ชิปมันเยอะ ?
"เมาส์พังคราวนี้มึงต้องซื้อให้กูใหม่นะเบคอน" พอเห็นว่าเพื่อนสนิทกำลังคลิกเมาส์อย่างเมามัน อีกมือก็รัวคีย์บอร์ดไม่ยั้งเลยหันไปมองด้วยสายตาดุๆ แต่แล้วคนอย่างพริษฐ์มันฟังใครเสียที่ไหน ตามองจอคอม มีสองข้างก็พร้อมใจกันรัวไม่ยั้ง
"โอ้ย! มึงจะพูดทำไมเนี่ย มันค้างเลย!" กระทั่งจู่ๆหน้าจอคอมก็ค้างไปชั่วขณะ เสียงเล็กเลยหันมาโวยวายใส่ราวกับเขาเป็นคนผิด เจ้าของห้องจึงลุกขึ้นมาดูอาการลูกรักที่เพื่อนสนิทบอกว่ามันน็อคไปแล้ว
"โวยวาย"
"โอ๊ย.." ยกมือขึ้นเขกหัวเพื่อนรักไปหนึ่งทีโทษฐานเสียงดังในยามวิกาล ถึงสตูดิโอเล็กๆในบ้านเขามันจะเก็บเสียงได้ดีอยู่แล้วก็เถอะ แต่มาส่งเสียงเป็นเด็กขี้บ่นใส่คนอย่างพี่เชนแบบนี้ก็ต้องถูกทำโทษ
"..."
แล้วทุกอย่างก็ถูกแทนที่ด้วยความเงียบยามมืออุ่นหนาของคนตัวสูงกว่าที่กำลังยืนคร่อมอยู่หลังเก้าอี้ ประกบทับมือเล็กที่วางอยู่บนเมาส์ก่อนจะค่อยๆเลื่อนดูว่ามันค้างเพราะอะไร หัวทุยๆของคนที่นั่งชนกับแผ่นอกของคนที่จู่ๆก็โน้มตัวลงมาชิดเขา นิ้วยาวกดทับนิ้วเล็ก คลิกอะไรไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งพริษฐ์เองก็ไม่ได้ทันสนใจ และเพราะคำพูดคำด่าก่อนหน้านั้นมันกลืนหายลงคอไปทั้งหมดแล้ว..ตอนที่เราอยู่ด้วยกันในสภาพแบบนี้
"ไหน ไม่เห็นค้างเลย"
คอมไม่ค้าง แต่เด็กขี้โวยวายที่นั่งเล่นเกมอยู่กำลังค้างไปแล้วอย่างสมบูรณ์แบบ รู้ตัวอีกทีหน้าจอก็กลับมาเล่นได้ใหม่ ซึ่งแน่นอนว่าพริษฐ์เองก็แพ้เกมนั้นไปแล้ว.. เขาเกลียดเวลาหน้าจอมันเยาะเย้ยว่า 'DEFEAT' ที่แปลว่าความพ่ายแพ้ แล้วเขาก็เกลียดเข้าไปใหญ่ถ้าตัวเองจะมาแพ้ทั้งในเกมและชีวิตจริงโดยฝีมือของเชนรพี
“โมโหหรอ..”
“...”
“หน้าแดงใหญ่เลย” : )
- - - - - - - - - -
เป็นเช้าวันหยุดอีกหนึ่งในเวลาสิบโมงเศษๆที่มีแสงแดดอ่อนๆอยู่บ้าง แต่คล้ายว่าบ่ายนี้ฝนตั้งท่าจะตกเพราะเมฆเริ่มทึบตามนักพยากรณ์อากาศบอกไว้ ประตูห้องนอนเปิดออกมาพร้อมกายผอมในชุดอยู่บ้าน ก่อนสายตาจะสบเข้ากับใครอีกคนที่เดินออกมาจากห้องนอนซึ่งอยู่ถัดไปสองห้อง ไม่มีใครเป็นฝ่ายเริ่มทักทายก่อน เว้นก็แต่สายตาเรียบนิ่งคู่เดิมจ้องมาที่เขาและทำให้ศิรภัทรต้องเสมองไปทางอื่น
“ตั้งแต่พรุ่งนี้ ถ้านายจะออกไปไหนต้องให้พี่ช้างไปรับไปส่ง” เสียงทุ้มดังขึ้นหยุดขาเล็กที่กำลังเกาะราวบันไดลงไปอย่างทุลักทุเล เจตน์ภพบอกเขาไว้ก่อนหน้านั้น รวมถึงเรื่องที่สั่งให้หยุดใช้จักรยานคันโปรดของตนด้วย
“อื้อ เรารู้แล้ว..” (. _ .)
“ส่วนตอนจะกลับจากมหาลัย ฉันจะเป็นคนไปรับเอง”
“หือ? จะมารับเราเหรอ คุณกลางมีงานเยอะไม่ใช่เหรอ” ได้ยินแบบนั้นจึงขมวดคิ้ว พร้อมเอียงคอมองอย่างรอคำตอบ
“ก็ตอนนี้ถ่ายละครเสร็จแล้ว ถ้าวันไหนติดงานจะให้นายช้างไปรับเหมือนเดิม”
“แต่ว่า..”
“ตกลงตามนี้”
ยังไม่ทันจะได้อ้าปากเถียงอีกฝ่ายก็ตกลงไปคนเดียวเสร็จสรรพ และนั่นถือเป็นอันว่าจบบทสนทนาสำหรับเขาและเจ้าของกายสีน้ำผึ้ง พอหมดโอกาสเถียงก็ทำได้แค่บ่นงุ้งงิ้งเบาๆอยู่กับตัวเอง โทษใครไม่ได้ก็โทษเส้นเอ็นที่มันเจ็บนั่นแหละ จะแค่ถลอกนิดหน่อยไม่ได้เหรอไง ต้องมาเจ็บหนักจนลำบากถึงขั้นต้องมีคนไปรับไปส่งทุกที่แบบนี้ และเพราะเขารู้ว่าถ้าเมื่อใดที่เจตน์ภพมารับตนถึงที่มหาลัยแล้ว เขาจะหมดโอกาสไปเที่ยวหรือแม้กระทั่งการนั่งเล่นนั่งคุยกับเพื่อนต่อหลังเลิกเรียนทันที
“พี่เซฮุนเป็นยังไงบ้างครับ!”
หย่อนตัวนั่งลงที่โต๊ะอาหารฝั่งตรงข้ามกับเจ้าของกายสีน้ำผึ้ง ก่อนเสียงของเจ้าเล็กจะดังขึ้นทันทียามเห็นพี่เซฮุนของตนลงมาข้างล่าง มาคินลุกขึ้นย้ายตำแหน่งมานั่งข้างพี่ชายตัวเล็กแทนพี่ชายคนกลาง ส่งเสียงบ่นว่าทำไมไม่ให้มาร์คไปช่วยพยุง สร้างความหมั่นอกหมั่นไส้ให้กับเจตน์ภพจนเขาได้แต่ทำหน้าเอือมไปที รักเหลือเกิน รักกว่าพี่ชายตัวเองซะอีก นั่งข้างเขาอยู่ดีๆก็ย้ายไปนั่งข้างยัยนมผงเสียอย่างนั้น
“อ้าว ลงมาพร้อมกันพอดีเลย ขาเป็นยังไงบ้างคะ ไหนขอน้าดูหน่อยเร็ว” นั่งลงได้สักพัก คุณหญิงรัมภาก็เดินออกมาจากครัว เธอลงมือเข้าครัวแต่เช้าเพราะอยากทำอาหารให้ลูกๆทานในวันหยุดสุดสัปดาห์
“ยังเจ็บอยู่ครับน้าภา แต่ยาของพี่หมอดีมากๆเลย”
“มาร์คเห็นยาพี่เซฮุนแล้วแม่ เยอะเป็นกองเลยอ่ะ สงสาร” มาคินส่ายหน้า
“เห้อ แล้วดูเข้าสิ ผิวสวยๆเป็นรอยหมดเลยคนดื้อของน้า” พูดแล้วก็อดไม่ได้ที่จะจับไม้จับมือศิรภัทรมาดูอีกรอบแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจทุกครั้งที่เห็น เมื่อวานตอนได้รับสายจากป้าไพรว่าคุณหนูเล็กของเธอได้รับอุบัติเหตุก็แทบลมจับ กระวีกระวาดกลับบ้านทันที แต่พอรู้ว่าเจตน์ภพเป็นคนพาน้องไปโรงพยาบาลก็เลยหายห่วงขึ้นมาหน่อย
“คนซุ่มซ่ามก็แบบนี้แหละครับ”
เป็นเสียงของลูกชายคนกลางที่ดังขึ้นแทรกบทสนทนาอย่างตั้งใจ แต่เจ้าตัวกลับทำหน้าทำตาเป็นเชิงว่าไม่รู้ไม่สน ก้มหน้าอ่านหนังสือพิมพ์ต่อก่อนจะยกกาแฟขึ้นมาจิบรอคนใช้ตักข้าวให้ รัมภาหันไปเอ็ดลูกชายเบาๆที่ไปว่าน้องแบบนั้น แล้วคนซุ่มซ่ามอย่างศิรภัทรจะไปทำอะไรได้ เขาเคยเถียงอะไรคนนั้นได้ที่ไหน นอกจากจะมีคนช่วยปกป้องอย่างคุณน้ากับเจ้ามาร์ค
“พี่หมอบอกว่าแค่สิบวันก็หายแล้วครับ” (‘ - ‘)
“เพราะฉะนั้น ระหว่างนี้เราต้องทำตามที่พี่จุนบอกนะครับคนดื้อ”
"ครับผม!" ตอบรับพลางยกยิ้มขึ้นตาหยีอย่างน่ารักชวนให้คนมองหยิกแก้มไปหนึ่งทีก่อนจะเริ่มรับประทานอาหารเช้าโดยที่เจ้ามาคินก็เอาอกเอาใจพี่ตัวเล็ก คอยตักอาหารให้ช้อนโตๆ โดยเฉพาะกุ้งที่พี่เซฮุนชอบกว่าอย่างอื่น
“มาคินคนนี้จะดูแลพี่เซฮุนเอง!”
“เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะไอ่แสบ วันนี้หยุดอยู่บ้านก็ไปอ่านหนังสือ อย่าให้แม่ต้องบ่นกับเกรดเราอีก” เสียงทุ้มต่ำร่ายยาว ทำเอาคนเป็นแม่ที่นั่งอยู่หัวโต๊ะขำกับลูกชายสองคน คนหนึ่งโตทำงานหาเงินเองได้ ส่วนอีกคนยังไม่เข้ามหาลัย เกรดเทอมก่อนที่ร่วงไปนิดหน่อยทำเอาเด็กชายหน้าเจื่อน โดนแม่ดุไปหลายวันเพราะมันคือวิชาภาษาไทยที่เป็นภาษาบ้านเกิดตัวเองแท้ๆ
“ปีหน้าก็จบแล้ว หนูอยากไปเรียนโทต่อด้านนี้ที่เมืองนอกไหมคะ” หันมาถามคนตัวเล็กที่นั่งก้มหน้าก้มตากินข้าว
“อ่า..” เซฮุนทำหน้านึก “ก็คิดอยู่นะครับ” (‘ - ‘)
“ไม่เอา ไม่ให้พี่เซฮุนไป” เจ้ามาร์ครีบขัด ไม่วายคนเป็นแม่เลยใช้สายตาดุ
“น้าเห็นผลงานหนูแล้ว ดีไซน์เนอร์ที่ไหนก็ต้องตกใจ”
“ง่ะ~ ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ แต่เซฮุนว่าจะสอบทุนไป ไม่อยากรบกวนคุณน้ากับคุณอา”
“รบกวนอะไรกัน หืม? ถ้าหนูทำในสิ่งที่อยากทำและทำได้ดีแบบนี้แล้ว ครอบครัวเราก็พร้อมสนับสนุนนะคะ” เธอยิ้ม “คุณอึนแชและคุณวรรษจะต้องภูมิใจในตัวหนู”
ตั้งแต่ศิรภัทรเข้ามาในบ้านหลังนี้ ครอบครัวเทวบดินทร์ก็พร้อมจะส่งเสียเลี้ยงดูสนับสนุนราวกับเป็นลูกหลานแท้ๆโดยไม่คิดขัดในสิ่งที่เจ้าตัวชอบ การออกแบบดีไซน์เสื้อผ้าเป็นพรสวรรค์ที่ติดตัวศิรภัทรมาตั้งแต่วัยเยาว์ เริ่มจากการวาดรูปคนเป็นก้าง หัวเป็นวงกลม เสื้อและกางเกงที่เป็นเหลี่ยมๆ กระทั่งพัฒนาฝีมือเรื่อยมา จนเรียนต่อด้านนี้ในระดับมหาวิทยาลัย เคยส่งผลงานเข้าประกวดก็ได้รางวัลติดไม้ติดมือมาไม่น้อย จนรัมภาเองเห็นแววว่าหลานจะไปได้ไกล ถึงคราวที่ใกล้จบ ถ้าศิรภัทรอยากเรียนโทต่อต่างประเทศก็พร้อมสนับสนุน
“ขอบคุณนะครับคุณน้า..”
“อย่าลืมสิ ว่าหนูก็เหมือนลูกน้าอีกคนนะคะ” ยิ้มอย่างเอ็นดูแล้วยกมือขึ้นไปลูบหัว
“ครับ..เซฮุนจะตัดชุดให้ทุกคนในบ้านเลย” พูดพร้อมยิ้มตาหยีแล้วหันไปทางป้าไพรที่คอยเติมข้าวเติมน้ำอยู่ด้านหลัง “ให้ป้าไพร แล้วก็พี่ๆคนอื่นด้วยนะครับ!”
“โถ่ ป้าไม่กล้าใส่ชุดแพงๆหรอกค่ะคุณหนู”
เธอขำแล้วมองอย่างเอ็นดู ทว่าอีกหนึ่งเสียงที่เงียบไปดูเหมือนว่าคงจะเป็นคุณชายคนกลางที่ได้แต่ฟังอยู่เงียบๆแต่ไม่ออกความเห็นใดๆทั้งนั้น เขาลอบสายตามองใบหน้าเปื้อนยิ้ม ศิรภัทรดูมีความสุขทุกครั้งที่พูดถึงเรื่องเสื้อผ้าที่ตนออกแบบ เขาเคยเห็นผลงานของน้องไม่บ่อยนักนั่นอาจจะเพราะมัวแต่ถ่ายงาน ถ่ายแบบจนไม่มีเวลามานั่งชื่นชม
เหลือเวลาอีกหนึ่งปีก่อนที่ศิรภัทรจะเรียนจบปริญญาตรี แล้วถ้าอีกฝ่ายจะตัดสินใจไปเรียนต่อถึงต่างประเทศจริงๆขึ้นมาแล้ว เขาเองก็ควรจะดีใจกับน้อง และบางทีอาจจะดีต่อตัวเองที่ตัดภาระไปหนึ่งคนในบ้านที่ต้องดูแล จะเจ็บจะป่วยก็ไม่ต้องพาไปโรงพยาบาลแบบเมื่อวานนี้อีก
แล้วทำไมเจตน์ภพถึงได้รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาด้วยก็ไม่รู้..
- - - - - - - - - -
“ยัยหมวย! วันนี้ไปเดินเล่นตลาดนัดหลังมหาลัยกันไหม”
“เอ่อ คือว่าเรา..”
“โอ้ะลืมไป นายเจ็บขา” สรรพนาม ‘ยัยหมวย’ ถูกเรียกโดยเจ้าของเสียงคุ้นหูที่ดังมาก่อนเจ้าตัวจะเดินมาถึง ครีมนั่งลงข้างๆเพื่อนสนิทลูกครึ่งเกาหลี ตามด้วยเครปที่เดินถือขนมตามมาอีกที
“เราไม่ได้เจ็บขนาดเดินไม่ได้สักหน่อยครีม” เซฮุนเบ้ปาก “แต่ว่าวันนี้..”
“คุณพระเอกจะมารับ?” (‘ - ‘)
ไม่พูดเปล่าคณินธรยังขยับตัวเอาไหล่มาชนเขาเป็นเชิงแกล้งเพื่อนตัวขาว เห็นแบบนั้นจึงไม่ตอบคำถามแล้วหันไปหยิบเฟรนฟรายทอดถ้วยละสิบบาทที่เครปซื้อมาเข้าปากไปหนึ่งชิ้น ก็ถ้าจะเดาออกกันขนาดนี้แล้วจะให้เขาพูดอีกทำไมเล่า
“ดีจังเลยน้า~ เจ็บขาก็มีคนมารับถึงที่”
“ดีตรงไหนเล่า เราอดอยู่กับนายสองคนนะ”
“นี่ยัยหมวย ไม่เห็นหรอว่ามีแต่คนตามกรี๊ดคุณพระเอกนั่นตั้งเยอะแยะ นายได้รับสิทธิพิเศษนั้นอยู่ ไม่รู้ตัวเหรอไง”
หรี่ตามองไปหนึ่งทีแล้วแย่งเฟรนฟรายของแฝดพี่ที่จิ้มซอสพร้อมเข้าปากมาใส่ปากตัวเองแทน สุดท้ายเลยถูกคณัสธรคนพี่เอาซอสมะเขือเทศป้ายจมูกไปหนึ่งที เซฮุนได้แต่ก้มหน้าก้มตาสนใจกับงานออกแบบชุดของตนต่อพลางทบทวนประโยคก่อนหน้านั้นที่เพื่อนสนิทตัวเล็กพูดกับเขา เวลาอยู่กับเจตน์ภพแล้วเขาต้องกลายเป็นเด็กที่เหมือนกำลังถูกคุมความประพฤติแบบนั้นเนี่ยนะ..ไม่เห็นจะได้รับสิทธิพิเศษตรงไหนเลย : (
“เออใช่ ตอนบ่ายเจอเพื่อนในเซคอังกฤษคนนั้นที่ชอบมาคุยกับเซฮุนด้วย” (‘ - ‘) เครปเอ่ยขึ้นหลังจากนึกอยู่นานว่าจะพูดอะไร
“หืม คนไหนอ่ะครีม ?”
“ก็คนนั้นไง~” เอาแต่พูดว่าคนนั้นแต่เจ้าตัวก็ยังนึกชื่อไม่ออก “เขามาชวนเราสองคนคุยใหญ่”
“แต่น้องว่านายนั่นกำลังตีสนิทเราสองคนเพื่อจะได้เข้าหาเซฮุน พี่ไม่รู้สึกหรอ” เป็นครีมที่แย้งขึ้นมาทันทีหลังจากรู้ว่านายนั่นที่ว่าหมายถึงใคร คงจะเป็นเซฮุนคนเดียวที่ยังนึกทั้งหน้าทั้งชื่อใครอีกคนที่กำลังพูดถึงอยู่ไม่ออก จะบอกว่าคนตัวขาวเนื้อหอมก็คงไม่แปลก ใจดี ยิ้มสยามแบบนี้เป็นใครก็เข้าหาด้วยกันทั้งนั้นแหละ
“พอรู้ว่าเซฮุนจักรยานล้ม เขาจะมาหาเซฮุนถึงที่เลยนะ แต่เหมือนจะติดธุระด่วนเลยฝากมาบอกว่าให้นายหายไวๆ..เขาแลดูเป็นห่วงมากเลยอ่ะ”
“พี่ไม่น่าไปเล่าให้นายนั่นฟังเลยอ่ะ!” ครีมโวยวาย
“อ้าว! ก็เขาถามถึงเพื่อน พี่ก็เลยเล่านี่ ผิดตรงไหน” ศิรภัทรทำหน้าอึ้งๆหลังจากฟังจบ ก่อนจะยกมือห้ามสองพี่น้องฝาแฝดให้หยุดตีกัน เขาทำหน้านึกและเหมือนจะจำได้ลางๆว่าเป็นใคร
“งั้น..ถ้าเจออีกรอบชี้ให้เราดูนะ เราจะได้ขอบคุณเขา”
"นี่ก็อีกคน" พอพูดจบ คนที่รู้ทันคนอย่างครีมก็ได้แต่ถอนหายใจพลางมองบนไปหนึ่งรอบ หวงเพื่อนน่ะใช่ แต่คนมีเซนส์เรื่องการคบคนอย่างคณินธร เรดาร์มันจับได้ว่านายคนนั้นไม่น่าไว้ใจยังไงชอบกล แล้วดูศิรภัทรเข้าสิ ก็เป็นเสียอย่างนี้ มันน่าหยิกให้แขนเขียวสักทีสองทีแข่งกับรอยแผลจักรยานล้มเลยเป็นไง
‘1 message’
“...”
เสียงเตือนข้อความดังขึ้นก่อนเจ้าของโทรศัพท์จะเปิดมันดู เขาวางไว้กับตัวราวกับกำลังรอใครสักคนอยู่ กระทั่งเปิดดูจึงปรากฏข้อความที่เดาไม่ผิดว่าเป็นคนๆนั้นส่งมา ประโยคสั้นๆแต่ได้ใจความ ผิดกับเขาที่มักจะชอบพิมพ์อีโมติคอนต่อท้ายไม่ให้ดูห้วนจนเกินไป
‘ถึงแล้ว’
แค่นั้นจริงๆ = _ =
“เราต้องไปแล้ว”
“มาแล้วเหรอ!” ครีมทำตาโตพลางมองนาฬิกาข้อมือบ่งบอกว่าเข้มสั้นยังชี้ไม่ถึงเลขห้า เวลาปกติศิรภัทรจะนั่งทำงานใต้ตึกคณะ อยู่คุยกับพวกเขาก่อนจึงค่อยกลับบ้านพร้อมกันโดยบางครั้งเซฮุนก็ขี่จักรยานมาเอง หรือไม่พี่ช้างก็จะมารับ
“เดี๋ยวเราเดินไปส่ง”
“แค่นี้เอง เขาอยู่หน้าตึก”
"เกิดนายสะดุดบันไดหน้าตึกแข้งขาหักไปอีกข้างจะทำยังไงเล่า ยิ่งเด๋อๆอยู่"
"ไม่ขนาดนั้นสักหน่อยครีม" (; - ; )
กระชับสายกระเป๋าก่อนจะเดินออกจากตึกโดยมีเพื่อนสนิทสองฝาแฝดเดินตามมาส่งถึงที่ รถคันสีดำสนิทจอดอยู่ริมฟุตบาทที่ติดกับตึกคณะ ฟิล์มสีทึบทำให้ไม่เห็นใครบางคนที่นั่งอยู่ในนั้น กระทั่งคนตัวขาวหยุดอยู่ข้างประตู จึงหันมาเตรียมตัวบอกลาเพื่อน
"คุณพระเอกเขาจะไม่ลงมาเปิดประตูให้หน่อยเหรอ ทีตอนในละครยังทำเลยอ่ะ"
"ครีม!" เป็นเสียงของแฝดคนพี่ที่รีบเรียกชื่อน้องให้หยุดพูดหลังจากเห็นว่ากระจกถูกลดลงมาตั้งแต่เมื่อไหร่เขาก็แทบไม่ทันสังเกต สายตาคมจ้องมองมาทางนี้ ใบหน้าเรียบเฉยทำให้สองพี่น้องหยุดนิ่ง เครปเป็นฝ่ายส่งยิ้ม(แห้งๆ)ให้ก่อน ส่วนเจ้าครีมทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้หันไปมองนกมองไม้เสียอย่างนั้น .. คุณกลางก็เป็นเสียอย่างนี้ เจอกี่รอบก็คุยกันไม่กี่ประโยค ทำตัวนิ่งๆแบบนั้นมันเท่ตรงไหนกัน!
"ลากันเสร็จแล้วก็ขึ้นรถมาสิ"
"ดุจังเลย"
"ครีม! ชู่วว!" หันไปเอ็ดน้องอีกรอบเพราะเจ้าครีมพูดไม่หยุด ศิรภัทรหน้างอ ไม่รู้จะทำอย่างไรจึงได้แต่หันไปบอกลาเพื่อนแล้วทำตามคำสั่งโดยการย้ายตนเองเข้าไปในรถ
"ขอบคุณที่เดินมาส่งยัยขาเป๋นะแฝดขนม"
ทว่าครั้งนี้ทั้งครีมและเครปแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเองว่าคนอย่างนายเจตน์ภพจะพูดคำนั้นออกมาแถมยังส่งยิ้มน้อยๆที่หาได้ยากมาให้ ผิดกับคราวก่อนโน้นที่เดินทำหน้าตาเกรี้ยวกราดมาลากแขนเพื่อนเขากลับบ้านไปโดยไม่พูดไม่จา
กระจกเลื่อนขึ้นปิดพร้อมๆกับล้อที่หมุนออกจากบริเวณ เซฮุนยื่นมือไปทาบกระจกแล้วบ๊ายบายเพื่อนอีกครั้ง ก่อนจะดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดเอาไว้ เสียงเพลงสากลดังขึ้นคลอเบาๆไม่ให้บรรยากาศมันเงียบจนเกินไป คราวนี้คุณกลางของเขาอารมณ์ดีหรืออย่างไรถึงได้เปิดเพลงฟังทั้งที่ปกติก็ไม่เคยจะเปิด ทำเอาเขานั่งตัวเกร็งเพราะความเงียบไปเสียทุกครั้ง
"คุณกลาง นี่เพลงอะไรเหรอ ~" เอ่ยสุ้มเสียงน่ารักออกมาถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น โยกหัวน้อยๆเพราะดนตรีมันสนุกติดหูดี คนถูกถามหันมามอง แต่ก็ต้องกลั้นขำเอาไว้เพราะยัยเด็กนมผงคนนั้นกำลังสั่นหัวดิ๊กๆเป็นลูกแมว
"เพลงเก่าแบบนี้ เด็กๆอย่างนายไม่รู้จักหรอก" เจตน์ภพยักไหล่กวนๆ
"งั้นแสดงว่าคุณกลางแก่แล้วสินะ" (‘ - ‘)
"เซฮุน"
"ครับ" (' - '?)
"..." (- _ -)
ยังจะมีหน้ามาขานรับ แล้วจะต้องทำหน้าตาใสซื่อเอียงคอมองเขาขนาดนั้นเลยเหรอไง เจตน์ภพได้แต่ทำหน้าเอือม พยายามควบคุมอารมณ์ไม่ให้หันไปต่อล้อต่อเถียงเพราะรู้ว่ายังไงเด็กคนนี้ก็พร้อมจะอ้าปากเถียงกลับอยู่แล้ว และเพราะเขายังคงไม่ยอมตอบว่าเป็นเพลงอะไร คราวนี้อีกฝ่ายเลยหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา กดเปิดอะไรสักอย่างก่อนจะนำไปจ่อใกล้ๆลำโพง
"Come and get your love!"
นั่นไง ไปหามาจนได้
"เราไม่ง้อคุณกลางก็ได้ เพราะเรามีแอพ" พูดพร้อมชูให้ดูด้วยใบหน้ารื่นเริงบันเทิงใจ
"แล้วใครให้ง้อ เพราะยังไงฉันก็จะไม่บอก"
"ใจร้ายจัง" (' - ')
"พูดมาก"
"บนโลกนี้ไม่มีใครพูดน้อยเท่าคุณกลางแล้วต่างหาก"
"ศิรภัทร"
"ง่ะ อย่าดุเรา.." (. _ .)
ให้ตายเหอะ แถวนี้มีทุ่งหญ้าสูงๆที่พอจะอำพลางสายตาผู้คนไหม เขาจะลากเด็กคนนี้ไปทิ้งไว้กลางป่า จับใส่กล่องใหญ่ๆให้เหมือนลูกแมวเพิ่งคลอดแต่ไม่มีคนอยากเลี้ยงเลยเป็นไง.. ได้แต่ถอนหายใจแล้วแกล้งเปิดเสียงเพลงดังๆให้กระหึ่มไปทั่วรถ พอที่จะกลบเสียงเจื้อยแจ้วของเด็กที่พูดไม่หยุดแถมเถียงเก่งเป็นต่อยหอย เท่านั้นศิรภัทรก็พร้อมจะยกมือขึ้นมาปิดหู โวยวายเป็นเด็กๆแล้วยื่นมือมาเบาเสียง แต่เขาก็เพิ่มระดับเสียงให้ดังต่อ โดยที่คราวนี้คนตัวขาวได้แต่นั่งนิ่งๆ เพราะเจ้าของกายสีน้ำผึ้งหันไปใช้สายตาดุๆว่าถ้ายังกล้ามาลดเสียงอีกรอบ เจอดีแน่ ..
เขาก็แค่อยากกลบเกลื่อนเสียงช่างพูดของเด็กคนนั้นที่มันชอบมาก่อกวนก้อนเนื้อในอกอยู่เรื่อย..
.
.
TBC
- - - - - - - - - -
จบตอนนี้ก็ได้แต่แซว..ไม่รู้ว่าหงุดหงิดหรือกลัวเสียฟอร์มกันแน่
กลั้นยิ้มกลั้นขำเข้าไปเถอะ คุณกลางนี่มันคุณกลางจริงๆเลย ‘ - ‘
กลับมาฟังเพลงที่เปิดในรถคุณกลางอีกรอบ เพราะตอนน้องถ่ายปก Lucky one แอบได้ยินสตาฟเปิดคลอไปด้วย ลองฟังดูนะคะ ว่าทำไมน้องถึงโยกหัวดุ๊กดิ๊ก >_< https://youtu.be/nkr77jE5GFY
สุดท้ายนี้ ฝาก OPV ฟิคคลาสสิคซีนด้วยนะคะ งานดราม่า งานละครช่องสาม ฮ่าา
ขอบคุณคุณฟิกฝ่ายตัดต่อวีดีโอค่า @gamanspace ♥
( https://youtu.be/m7i7dHcqBiY )
#คลาสสิคซีน
ความคิดเห็น