ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ( exo ) Classic Scene #คลาสสิคซีน - KAIHUN CHANBAEK

    ลำดับตอนที่ #11 : scene 09 : โปรดอย่าน่ารักแบบนี้กับใครที่ไม่ใช่ผม

    • อัปเดตล่าสุด 29 ส.ค. 59







    09

     

     

     

    "No matter where you go, you know you're not alone.."

     

    "I'm only one call away. I'll be there to save the day."

     

    "Superman got nothing on me.. I'm only one call away~"

     

    บทเพลงรักโรแมนติคความหมายน่ารักของนักร้องหนุ่มฝั่งตะวันตกที่สร้างผลงานจนเป็นที่โด่งดังไปทั่วโลกอย่าง Charlie Puth คนเดียวกับเจ้าของเพลงฮิตติดหูอย่าง See you again เช่นเดียวกับเพลง One call away ที่นักร้อง Cover หลายคนเลือกที่จะร้องเพลงนี้ ไม่ต่างอะไรจากเจ้าของเสียงหวานนุ่มเป็นเอกลักษณ์ดังกล่าว งานนี้พริษฐ์ก็เลยทั้งร้องทั้งเล่นเปียโนด้วยตนเอง ส่วนเพื่อนสนิทตัวสูงทำหน้าที่มิกซ์เพลงและตัดต่อให้เพื่อนำไปลงแชนแนลของตนกับเพื่อนแทน

     

    “ไงล่ะนาย ผมพอจะเป็นซุปเปอร์แมนแบบพี่ชาร์ลีเขาได้ยัง”

     

    “ซุปเปอร์หมูอ่ะได้เป็นแน่นอน” ได้ยินแบบนั้นจึงหันไปมองตาขวางด้วยความหมั่นไส้ระดับสิบ ก็อยากจะเป็นคนหุ่นดีแต่ขนมแม่งอร่อยมากว่ะคุณ ทำไงดีอ่ะ เป็นคนหลงรักทุกอย่างที่อร่อย (บางทีไม่อร่อยก็กิน)

     

    “เขยิบหน่อยดิ๊” สะกิดเพื่อนที่กำลังนั่งมิกซ์เพลงของตัวเองในคอมพิวเตอร์เลยอยากจะลองฟังดูบ้าง เห็นแบบนั้นเชนรพีเลยทำท่าจะขยับเก้าอี้ให้ ทว่าใครอีกคนกลับทำอย่างอื่นตัดหน้าเขาก่อนนี่สิ

     

    “...”

    พริษฐ์ทิ้งตัวนั่งลงบนตักของเพื่อนสนิท ไร้ซึ่งคำขออนุญาตแถมไม่สนใจด้วยว่าอีกฝ่ายจะบ่นว่าหนักหรือเปล่า ก็แค่ขี้เกียจลากเก้าอี้มานั่งหลายๆตัวให้ยุ่งยาก นั่งตรงนี้มันจะเป็นอะไรไป แล้วด้วยความที่เชนรพีก็สูงปานนั้น ส่วนพริษฐ์ก็ตัวเล็กปานนี้ เลยไม่ได้บังหน้าจอที่เขากำลังทำงานอยู่สักเท่าไหร่ ส่วนที่ว่าถนัดหรือเปล่า นั่นก็คงเป็นความสามารถของผู้ชายคนนี้ที่ต้องรับมือและห้ามบ่น

     

    “มึง ตรงนี้ทำยังไงอ่ะ”

     

    “...”

     

    “เมื่อไหร่จะสอนกูทำบ้าง พูดไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว”

     

    “...”

     

    “เฮ้นาย ฟังผมอยู่ป่าววะ”

     

    “หื้อ” เมื่อไม่ได้รับปฏิกิริยาตอบรับจากเพื่อนสนิทจึงหันมาหาพร้อมขมวดคิ้วใส่อย่างเอาเรื่อง เชนรพีถึงได้เลิกตามองยามได้ยินเสียงเล็กเรียกสติของเขาให้กลับคืนหลังจากเผลอจ้องมองไปกับความน่ารักดุ๊กดิ๊กที่นั่งอยู่บนตักตนเองนานไปหน่อย

     

    “เออ..อยากเรียนเมื่อไหร่ล่ะ”

     

                “ตอนนี้” (‘ - ‘)

     

                “งั้นรอกูทำเสร็จก่อน โอเคไหม”

    พยักหน้าหงึกหงักแล้วยอมนั่งเฉยๆจ้องมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ ก็ไม่รู้ว่าเชนรพีไปเอาความสามารถพิเศษตรงนี้มาจากไหน ถึงได้เอื้อมมือมากดโน่นกดนี่ด้วยท่าทางปกติ ไม่ได้แสดงออกว่าอึดอัดอะไร กระทั่งคางของเขาเกยอยู่บนไหล่ของเพื่อนสนิทตัวเล็กเพื่อการมองเห็นหน้าจอที่ชัดเจนมากกว่าเดิม วินาทีนั้นแหละที่พริษฐ์เริ่มตัวแข็งทื่อ เพิ่งจะมาสำเหนียกเอาตอนนี้ว่าไม่น่าหลวมตัวไปออดอ้อนโดยการนั่งตักมันเลย

     

                “อย่าดิ้น”

     

                “ฮึ่ย..อึดอัด”

                แกล้งทำท่าฟึดฟัดบ่นออกมาด้วยน้ำเสียงอู้อี้ การสอดมือเข้ามาใต้เอวก็ไม่ต่างอะไรกับการสวมกอดจากทางด้านหลังเลยสักนิด ซึ่งแน่นอนว่าเชนรพีกำลังทำแบบนั้น แผ่นหลังของเขาแนบชิดกับแผ่นอกของเพื่อนสนิท กลัวเหลือเกินว่าการที่เราใกล้กันแบบนี้มันจะทำอีกฝ่ายสัมผัสถึงความรู้สึกภายในที่พริษฐ์คนนี้พยายามอย่างมาก..ไม่ให้แสดงมันออกมาเกินควร

     

                “เชน..จั๊กจี้”

     

                “จั๊กจี้อะไร?”

     

                “มึงเป่าลมใส่คอกู” (. _ .)

     

                “แล้วคิดว่ากูไม่รู้สึกบ้างหรอ”

     

                “อ..อะไร..”

     

                “ที่นั่งทับลงมาเนี่ย..ไม่รู้เหรอว่ากูใส่แค่บ๊อกเซอร์ตัวเดียวนะ”

                ทันทีที่ได้ยินแบบนั้นก็แทบเด้งตัวขึ้นจากตักแต่กลับโดนรั้งเอาไว้ให้นั่งด้วยกันอยู่ท่าเดิม ในเมื่อเป็นฝ่ายมาทำตัวน่ารักออดอ้อนกับเขาก่อนก็ไม่มีสิทธิ์เรียกร้องหากคราวนี้จะเป็นตาเขาบ้างที่จะเอาคืน และเชนรพีก็แค่แหย่เล่นนิดหน่อย เพื่อนสนิทตัวเล็กก็พร้อมจะเชื่อว่าเขาใส่แค่บ๊อกเซอร์ตัวเดียวจริงๆ .. มันอาจจะเป็นปกติของผู้ชายด้วยกัน แต่การไปสัมผัสโดนมันแล้วเกิดพลาดพลั้งไปปลุก(?)ขึ้นมา คงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำให้สงบ

     

    “ผอมลงเหรอ” แกล้งสอดฝ่ามือเข้าไปใต้เสื้อยืดตัวบาง ลูบไล้หน้าท้องที่ผอมลงไปไม่น้อย คนบนตักก็พร้อมจะสะดุ้งจนตัวโยนเมื่อถูกมือหนาสัมผัสบริเวณดังกล่าว ไม่พอเท่านั้นยังแกล้งเป่าลมหายใจอุ่นร้อนใส่ใบหูเล็กราวกับจะแกล้งให้จนมุม แค่นี้พริษฐ์ก็ขนลุกขนชันไปทั้งอยู่อยู่แล้ว

     

    “อือ~! พอแล้ว”

    ไม่ให้คำตอบแต่กลับดิ้นหนีฝ่ามือซุกซนที่มันชักจะเหิมเกริมเต็มทน กระทั่งทนไม่ไหวจึงทั้งดิ้นทั้งโวยวาย คนตัวสูงถึงได้ปล่อยไปอย่างช่วยไม่ได้ เชนรพีก็เป็นเสียอย่างนี้..รอยยิ้มมุมปากที่แต่งแต้มบนใบหน้าหล่นปนหวานของคนนั้นๆมันน่าหมั่นไส้ขนาดไหน ก็คงจะพอๆกับเสียงทุ้มที่ดังหัวเราะหึหึในลำคอของอีกฝ่ายนั่นแหละ

    มาทำให้จนมุม มาทำให้หนีไม่รอด แล้วพริษฐ์คนนี้จะไปทำอะไรได้ ยอมรับว่าเขาเองยังคงคิดมากกับจูบในคืนนั้น แล้วก็ยิ่งคิดมากขึ้นไปอีกกับคำพูดที่มันมักจะมีผลต่อความรู้สึกของตนเองมากขึ้นเรื่อยๆ เขาไม่รู้ว่าที่ตนถูกจูบ มันเป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบ ความสับสน ความสนุก ความอยากลอง หรือรู้สึกอยากมอบจูบนั้นให้จริงๆ..

     

    ชอบมึงนะ ชอบมึงมากๆเลยว่ะ

     

    แต่แล้วยังไง ถ้าไม่ใช่เพราะอยากจะรักษาระยะห่างของคำว่าเพื่อน ระยะห่างที่จะทำให้เราทั้งคู่ปลอดภัย ก็คงจะทำทุกอย่างแบบที่ใจต้องการไปนานแล้ว .. และถ้าอะไรมันง่ายไปซะทุกอย่างแบบที่อยากให้เป็น ก็คงไม่มีวันที่ท้องฟ้าของใครมืดครึ้มหรอก คุณว่างั้นไหม ?

     

    คนข้างๆมึงนี่ใครอ่ะ เอ่ยถามหลังจากเดินสำรวจห้องของเพื่อนระหว่างรออีกฝ่ายตัดเพลงให้ตามประสาคนอยู่ไม่สุข ก่อนสายตาจะสะดุดเข้ากับกรอบรูปเล็กๆที่วางตั้งโชว์ไว้บนตู้ไม้ลิ้นชักเก็บของ พริษฐ์ก้มลงมองชัดๆ เด็กหญิงตัวอ้วนที่กำลังตักไอศครีมเข้าปากโดยไม่สนใจว่ากล้องจะถ่ายอยู่หรือเปล่าทำให้เรียวคิ้วขมวดขึ้นอย่างสงสัยเพราะไม่คุ้นหน้าคุ้นตามาก่อน

     

    เจ๊ไง

     

    ห้ะ?”

     

    จำไม่ได้เหรอเชนหัวเราะ ก่อนจะมองหน้าเพื่อนที่กำลังอึ้งกับภาพในวัยเด็กของพี่สาว หรือ 'เจ๊ชาร์ม' ที่บัดนี้สวยจนได้ผัวฝรั่งไปแล้วนั่นแหละ เขาก้มลงมองซ้ำๆราวกับไม่เชื่อสายตา แต่ก็ต้องยอมรับว่าเมื่อมองดูดีๆอีกครั้ง ก็หน้าไม่ต่างอะไรกับไอ้เด็กหูกางข้างๆเลย

     

    “หูมึงก็ใหญ่ไม่เปลี่ยนเลยเนอะ” ก็คงจะพอๆกับนิสัยดื้อรั้นของใครแถวนี้นั่นแหละที่ไม่เคยลดลงเสียบ้างเลย อยากจะพูดออกไปแบบนั้นแต่ก็ปล่อยให้อีกฝ่ายแกล้งแหย่แกล้งแซวเรื่องใบหูอันโดดเด่นตั้งแต่เกิดของตนไปพร้อมกับทำท่าทางล้อเลียน

    พริษฐ์ใช้เวลาเพลิดเพลินไปกับกรอบรูปและของสะสมที่วางโชว์อยู่บนโต๊ะ เพิ่งจะมาสังเกตเห็นและสนใจเอาตอนนี้ บางรูปก็เคยเห็นสมัยตอนที่มาค้างบ้านมันบ่อยๆ บางรูปก็ไม่เคยเห็น สุ้มเสียงน่ารักก็คอยหัวเราะคิกคักได้ให้ได้ยินสม่ำเสมอ พูดเจื้อยแจ้วบรรยายภาพในวัยเด็กของเพื่อนสนิทไม่หยุด เฝ้าถามว่าที่นี่ที่ไหน ที่โน่นที่ไหน จนต้องคอยหันมาตอบอยู่เรื่อย

     

    "..."

    กระทั่งจู่ๆเสียงดังกล่าวของคนช่างพูดกลับเงียบไป คงจะพอดีกับที่คนมือบอนเผลอไปเปิดลิ้นชักเพราะมัวแต่เพลิดเพลินกับการสำรวจโน่นนี่ในห้องเพื่อนไม่เลิก และเพราะเชนรพีไม่เคยมีความลับต่อเขา ถึงได้กล้าเปิดมันออกมาเพียงแค่อยากหาอัลบั้มรูปเก่าๆออกมาดูเล่น .. แต่ใครจะรู้ว่ารูปถ่ายที่เขาพบเจอในนั้น มันจะทำให้ก้อนเนื้อที่กำลังเต้นของพริษฐ์ กระตุกวูบราวกับมีใครมาบีบเอาไว้เสียขนาดนี้

    รูปถ่ายสองใบกับคนสองคน ใบหน้าแนบชิดของผู้หญิงคนหนึ่งและใครอีกคนที่คุ้นตา ไม่อาจทำให้เขาหายใจติดขัดเท่ากับแหวนเงินวงเล็กที่วางทับรูปภาพเหล่านั้นไว้ ย้ำเตือนให้รู้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาคืออะไร .. ใช่ ทำไมพริษฐ์คนนี้จะไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นสำคัญกับเชนรพีอย่างไร แล้วก็คงจะสำคัญมาก ถึงขั้นที่ต่อให้เวลาผ่านไปนานแค่ไหน ก็ยังเก็บคนๆนั้นเอาไว้ในใจเสมอ

                ใช้เวลาครู่หนึ่ง ก่อนจะปิดลิ้นชักลงเช่นเดิม สูดหายใจเข้าลึกๆทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น พร้อมให้กำลังใจตัวเองว่าไอ้เบลูกแม่บัวคนนี้น่ะเก่งจะตายไป จะไม่มีการฝุ่นเข้าตาอะไรทั้งสิ้น

     

    “เบ”

     

    “ห..ห้ะ?”

     

    “เป็นอะไร เรียกหลายรอบแล้ว”

     

    “อ่อ เหรอวะ”

     

    “แล้วทำไมตาแดง” สะอึกไปเล็กน้อยราวกับคุณครูสมัยประถมจับได้ว่าซ่อนขนมไว้ในลิ้นชัก เพียงแต่ตอนวัยยี่สิบสี่แบบนี้มันร้ายแรงกว่าก็เท่านั้นเอง

     

    “คือ..”

     

    “...??”

     

    “ฝุ่นเข้าตาว่ะ ขอไปเข้าห้องน้ำแปปนึง”

     

     

    เหี้ยเหอะ U _ U !

     

     

     

    - - - - - - - - - -

     

     

     

    ทรุดกายผอมนั่งลงบนเก้าอี้ที่ถูกจัดไว้ให้สำหรับ คนสำคัญของคุณพระเอก ก่อนจะไล่สายตามองการทำงานของทีมงานและเจ้าหน้าที่ในกองถ่ายที่ถูกพาให้มาอยู่ด้วยกันตั้งแต่ช่วงสาย ขนมนมเนยถูกเสิร์ฟให้จนล้นหลามราวกับเขาเป็นนักแสดงเสียเอง ทั้งที่ศิรภัทรไม่ได้มีแม้แต่ส่วนเกี่ยวข้องในการถ่ายทำในครั้งนี้เลยด้วยซ้ำ ก็แค่เป็นเด็กที่ติดสอยห้อยตามคุณพระเอกเขามา นั่งรอเวลาเลิกกองเพราะวันนี้ไม่ต้องใช้เวลามากมายในการถ่ายทำเหมือนฉากอื่นๆ ซึ่งคนเป็นพี่บอกเอาไว้ว่า หลังถ่ายเสร็จแล้วจะพาไปเยี่ยมพ่อกับแม่ .. ตั้งแต่เหตุการณ์ในวันนั้น เจตน์ภพก็แค่ไม่อยากปล่อยให้เด็กคนนี้อยู่ห่างตัวอีก

     

    น้องเซฮุน วันนี้มาคุมคุณพระเอกเขาเหรอคะ เงยดวงหน้าน่ารักขึ้นมองยามเสียงเล็กของใครบางคนดังขึ้นเป็นคำถามแทนที่จะเป็นคำทักทายทั่วไป พี่สาวคนสวยหรือพี่เกรซทีมงานฝ่ายเสื้อผ้าหน้าผมคนเดียวกับที่เขาเคยเจอตอนไปสตูดิโอถ่ายแบบคราวก่อน บังเอิญมาทำงานให้กับกองถ่ายละครนี้ด้วยเช่นกัน

     

    คุณไคบอกให้มารอน่ะครับศิรภัทรหัวเราะแห้งๆ ก็ถ้าจะให้ตอบตามตรงคงต้องพูดว่า 'มาให้ถูกคุม' เสียมากกว่า

     

    “เหงาหรือเปล่าจ๊ะ ถ้าอยากได้อะไรบอกพี่นะ”

     

    “ไม่เป็นไรครับพี่เกรซ นั่งรอตรงนี้สบายมาก” ยกยิ้มจนตาหยีแบบที่ชอบทำ แค่เป็นคนนอกแล้วได้เข้ามาเฝ้าดูการถ่ายทำของกองละครที่มีแต่ดาราและเหล่าทีมงานมืออาชีพมากหน้าหลายตาขนาดนี้แล้ว เขาเองก็ยิ่งไม่อยากจะลุกไปไหนเลยด้วยซ้ำ กลัวว่าตนจะเผลอทำตัวซุ่มซ่าม เดินสะดุดสายไฟที่ระโยงระยางเหล่านั้นขึ้นมา งานนี้คงได้ซวยทั้งเขาทั้งหน้าตาของคนที่พามาเป็นแน่ ฉะนั้นการนั่งนิ่งๆอยู่ตรงนี้เป็นสิ่งที่ดีที่สุดของคนอย่างศิรภัทรแล้วล่ะ

     

    “มีคนเขาทาบทามพี่ให้มาถามเราด้วย ว่าอยากจะลองไปแคสติ้งละครหรือถ่ายแบบดูบ้างไหม”

     

    “หือ? ผมเหรอครับ?” หันนิ้วชี้มาทางตนเองราวกับจะย้ำประโยคดังกล่าวอีกครั้งว่าสิ่งที่ตนได้ยินไม่ได้ผิดเพี้ยนไป

     

    “แหม หน้าตาน่ารักแถมหุ่นดีขนาดนี้ มีแต่คนเขาแย่งค่ะ” เธอพูดปนขำ “ติดก็ตรงที่ไม่มีใครกล้าคุยกับเราตรงๆเพราะ..คุณเจตน์ภพ” เว้นระยะไปช่วงหนึ่งก่อนจะพูดชื่อนั้นออกมาตามหลัง ใช่ว่าคนในวงการจะไม่ตั้งข้อสังเกต โดยเฉพาะสื่อที่ชอบ ใส่ใจเรื่องส่วนตัวของชาวบ้าน มีหรือว่าจะไม่รู้ว่าพระเอกหนุ่มอย่างเจตน์ภพพาเด็กที่เป็นเหมือนลูกบุญธรรมของตระกูลเทวบดินทร์มาอยู่ที่คอนโดของตนได้สักระยะหนึ่งแล้ว

     

    “เอาเป็นว่าถ้าเราสนใจ ติดต่อพี่ได้เสมอเลยนะคะ”

     

    “แต่ว่า..ผมไม่รู้เรื่องการแสดงเลยนะครับ” (. _ .)

     

    “โถ่ ของแบบนี้มันฝึกกันได้จ้ะ” เธอยิ้ม “ลองเอาไปคิดดูก่อนนะคะน้องเซฮุน”

    ได้ยินแบบนั้นจึงพยักหน้ารับก่อนคนอายุมากกว่าจะยื่นมือมาดึงแก้มอย่างเอ็นดู แล้วจึงเดินออกไปทำงานของเธอเองต่อ ศิรภัทรมองตามไปพร้อมกับความแปลกใจว่าคุณเจตน์ภพหรือคุณกลางของตนมีอิทธิพลต่อบุคคลเหล่านั้นถึงขนาดที่ไม่กล้ามาคุยกับเขาโดยตรงเชียวหรือ

    ความสามารถทางด้านการแสดงก็แทบจะไม่มี แค่เป็นเพียงคู่ซ้อมบทชั่วคราวให้คุณพระเอกกับบทพูดเพียงไม่กี่ประโยค ศิรภัทรคนนี้ก็เหมือนจะขาดใจตายอยู่รอมร่อ ทั้งๆที่ไม่มีผู้ชมเหมือนละครเวทีที่เขาเคยแสดงสมัยมัธยม แต่อาการเคอะเขินมันมีมากกว่านั้นเป็นเท่าตัว หรือเป็นเพราะยืนอยู่ต่อหน้าให้ผู้ชายอย่างคุณกลางจดจ้องเขาด้วยสายตาแบบนั้นกันแน่ สายตาที่เหมือนว่าศิรภัทรจะพ่ายแพ้ลงเมื่อไหร่ก็ได้ .. เพียงแค่นึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนก่อน ความร้อนก็พร้อมจะรวมตัวกันมาอยู่ที่พวงแก้มทั้งสองข้างอีกครั้ง ใครจะรู้ว่าแค่ฉากงอนง้อกันตามประสาคู่รักที่นักแสดงมืออาชีพคงเล่นได้สบายๆ จะลามมานอกบทแบบที่อีกฝ่ายทำกับเขาได้ขนาดนี้

     

                “...” กระทั่งถึงเวลาที่พระเอกอย่างเจตน์ภพกำลังจะเข้าฉากสุดท้ายของวันนี้ เป็นฉากเดียวกับที่ศิรภัทรเป็นคนซ้อมบทนั้นให้ จู่ๆคนที่นั่งมองอยู่ห่างๆก็รู้สึกได้ถึงอาการหายใจติดขัดขึ้นมาแปลกๆเพียงเห็นว่าคนเป็นพี่กำลังซ้อมบทกับผู้หญิงคนนั้นอยู่นอกฉากโดยมีผู้กำกับคอยให้คำแนะนำเรื่องมุมกล้อง และอารมณ์ในการสื่อสารกับคนดูให้รับรู้ถึงการแสดงความรักที่นานๆจะเกิดขึ้นดังเช่นฉากนี้

    นางเอกเรื่องนี้สวยเหลือเกิน และแน่นอนว่าพระเอกในวงการแทบจะทุกคนอยากจะอยู่ในตำแหน่งเดียวกันกับเจตน์ภพ แม้จะรู้และเข้าใจดีว่าการจะเป็นนักแสดงคงหนีไม่พ้นฉากดังกล่าว และอาจจะต้องเจอมากกว่านี้หรือที่ใครๆนิยามมันว่า ฉากเลิฟซีนทว่ามันกลับทำให้ใครบางคนรู้สึกหงุดหงิดเล็กๆจนไม่อยากเงยหน้าขึ้นไปมองเลยสักนิด เพียงเพราะคุณกลางก็แค่กำลังจะแสดงฉากจูบที่เขาเป็นคนซ้อมให้เมื่อคืน..ก็เท่านั้น (งั้นเหรอ)

     

    นางเอก: “แล้วทำไมถึงยังเสี่ยงชีวิตไปช่วยคนอื่นอีก..”

    พระเอก: “คุณเชื่อใจผมหรือเปล่า”

    นางเอก: (มองหน้า)

    พระเอก: “ตรงนี้น่ะ..มันเต้นเพื่อคุณอยู่ ไม่รู้เหรอครับ?”

     

                ยามอีกฝ่ายจับมือคู่นั้นของหญิงสาวขึ้นมาทาบไว้ที่อก ทุกการกระทำและความอ่อนโยนซึ่งศิรภัทรเป็นคนได้มันไปเสียหมดเมื่อคืนนี้ กลับเพิ่งมาย้ำว่าตนเป็นเพียงคู่ซ้อมชั่วคราว ส่งผลให้คนมองเบ้ปากขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว ไม่ชอบใจ ไม่พอใจ อยากจะลุกออกไปตรงนี้แต่คุณกลางสั่งว่าห้ามไปไหน และให้นั่งรอจนกว่าเขาจะกลับมาหา .. ก็แล้วคุณเวลาจะช่วยเดินเร็วกว่าวันอื่นๆเลยไม่ได้เหรอไงกัน : (

     

    พระเอก: “แล้วทำไมถึงยังคิดว่าผมไม่รักคุณ หื้ม”

    พระเอก: “หรือว่าคุณไม่รัก..”

    นางเอก: “อย่าพูดคำนั้นออกมานะคะ”

     

                แกล้งขยับปากมุบมิบไม่มีเสียงราวกับจะล้อเลียนบทพูดดังกล่าวที่เขาก็เคยพูดประโยคนั้นออกไป แน่นอนว่าศิรภัทรจำได้แม่นว่าฉากต่อไปที่จะตามมาคือฉากอะไร เขาหยิบโทรศัพท์มือถือ ก้มลงกดเลื่อนหน้าจอไปมาเพียงเพราะไม่อยากจะเงยหน้าไปมอง ตัดสินใจกดเข้าแอพพลิเคชั่นเกมที่กำลังฮอตฮิตอย่าง PokemonGO เผื่อว่ามันจะทำให้เขาไปสนใจกับเจ้าโปเกม่อนทั้งหลายที่ไม่ใช่การมองคุณผู้ชายใจร้ายคนนั้นกับคุณผู้หญิงสาวสวยอีกคนที่กำลังจะจูบกันต่อหน้าต่อตา

                เปิดเข้าแอพพลิเคชั่นได้ไม่นาน โทรศัพท์มือถือก็สั่นเตือนว่าเทรนเนอร์ตัวน้อยคนนี้เจอเจ้าโปเกม่อนเข้าเสียแล้ว ศิรภัทรไม่รู้หรอกว่ามันคือตัวอะไร และมีชื่อเรียกว่าอะไร แต่รอยยิ้มที่กระตุกขึ้นบนใบหน้าสวยอย่างร้ายกาจ(?) ก็ตอนที่มันไปบังเอิญอยู่ในจุดที่ต้องโยนโปเกบอลเพื่อจับเจ้าตัวประหลาดตัวนั้น ซึ่งเป็นตำแหน่งเดียวกับที่สองคู่รักในบทละครกำลังยืนอยู่พอดี

     

                นี่แหนะ : (

                สไลด์นิ้วมือเพื่อเป็นการโยนโปเกบอลจับเจ้าโปเกม่อน เป็นองศาเดียวกับที่โยนไปโดนคุณคนสวยในฉากได้อย่างแม่นยำ แถมยังพอดีกับตอนที่เจ้าของกายสีน้ำผึ้งกำลังโน้มหน้าเข้าไปใกล้ ทำท่าจะจุมพิตริมฝีปากเคลือบลิปสติกสีสวยอยู่รอมร่อ

     

                อยากกลับบ้าน !

                คุณกลางคนไม่ดี คุณกลางคนใจร้าย จะพาเขามาด้วยทำไมกันในเมื่อจะเล่นบทจูบได้สมจริงสมจังต่อหน้าต่อตากันขนาดนี้ คิดแล้วก็ได้หงุดหงิดอยู่กับตัวเอง แถมมีแววว่าจะต้องง้อตัวเอง ก็ใช่น่ะสิ เราไม่ได้เป็นอะไรกันเสียหน่อย แค่คิดจะพูดคำว่า หวง ออกมาให้เต็มปากยังยากเลยด้วยซ้ำ

                ใช่..เขาหวง แต่ศิรภัทรคนนี้จะทำอะไรได้นอกจากอยู่ในที่ของตัวเอง และก็คงจะไม่เข้าไปดึงคุณกลางกลับมาแล้วงอแงใส่ว่า กลับบ้านกับเราเดี๋ยวนี้ให้ดูเหมือนเป็นเด็กเอาแต่ใจแบบนั้นหรอก สุดท้ายก็ทำได้แค่นั่งอยู่เฉยๆ ภาวนาให้เล่นเทคเดียวผ่าน ขออย่าให้มีเทคที่สอง สาม สี่อีกเลย

     

     

     

    - - - - - - - - - -

     

     

     

    แสงไฟจากโต๊ะทำงานส่องสว่างพอให้มองเห็นภาพวาดออกแบบที่เจ้าของผลงานกำลังลงมือทำอย่างตั้งใจ พร้อมด้วยใครอีกคนที่คอยจดจ้องเจ้าของดวงหน้าน่ารักนั้นก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงที่ว่างข้างๆเมื่อเห็นว่าน้องกำลังทำงานอยู่ .. ตั้งแต่กลับมาถึงห้องเราก็คุยกันไม่กี่คำ น้องอาบน้ำและเอาเวลาไปสนใจผลงานออกแบบเสื้อผ้าอยู่ร่วมชั่วโมง จนเขาออกมาจากห้องน้ำก็ยังไม่ขยับไปไหน

    ก่อนหน้านั้นเจ้าของกายสีน้ำผึ้งพาน้องไปหาคุณลุงกับคุณป้าที่หลุมศพ น้องถือดอกไม้ไปแบบทุกครั้ง พูดเจื้อยแจ้วเล่าโน่นเล่านี่ ซึ่งเจตน์ภพเองก็กลายเป็นคนฟังไปด้วย น้องดูสดใสผิดกับคนอื่นที่มักจะทำหน้าตาเศร้าหมองเวลามาเคารพศพบุคคลที่สูญเสียไป รอยยิ้มพร้อมจะแต่งแต้มอยู่บนใบหน้านั้นตลอดเวลาตั้งแต่มาถึงยันจากลา ราวกับคุณพ่อและคุณแม่น้องไม่เคยจากไปไหนไกลเลยสักนิด .. สิ่งหนึ่งที่ทำให้เจตน์ภพคิดอยู่เสมอ นั่นคือศิรภัทรเป็นเด็กอ่อนโยนและอ่อนไหวเกินกว่าจะให้ใครมารังแก

     

    “ชอบมากเลยเหรอ”

     

    “อื้ม ครับ!

     

    “แล้วอยากไปเรียนต่อที่อื่นหรือเปล่า” เอ่ยเสียงทุ้มถามออกมาเบาๆ ทว่าอีกฝ่ายไม่ได้ตอบกลับมาในทันที ก่อนมือบางจะวางแท่งสีลงพร้อมก้มลองมองผลงานที่ตนลงมือทำอย่างตั้งใจ แล้วหันหน้าไปมองคนเป็นพี่

     

    “แล้วคุณกลางอยากให้เราไปหรือเปล่า” แต่ใครจะรู้ว่าเด็กช่างพูดที่นอกจากจะไม่ตอบคำถามของเขาแล้ว ยังถามกลับมาด้วยรอยยิ้มแบบนั้นอีก จะไม่พูดออกไปหรอกว่าไม่อยาก แต่จะให้รู้สึกเองว่าเหตุผลที่พามาอยู่ที่นี่ นอกเหนือจากคำว่าเป็นห่วงแล้ว ก็คงเป็นเพราะอยากให้น้องอยู่ในกรอบสายตาและใกล้ตัวเขาเสมอ

     

    “เด๋อๆแบบนี้ไปอยู่ที่อื่นคนเดียวไม่ได้หรอก” และสำหรับคนซึนอย่างเจตน์ภพแล้ว นั่นก็คงจะเป็นคำขยายความของประโยคที่ว่า ห้ามไปไหนทั้งนั้น

     

    “ไว้เราจะตัดชุดให้คุณกลางใส่นะ”

    เงยหน้าขึ้นมายิ้มตาหยีแข่งกับพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวที่ลอยประดับท้องฟ้าอยู่นอกหน้าต่าง ก็เป็นเสียอย่างนี้..น่ารักทั้งคำพูดและหน้าตา มาออดมาอ้อนใส่จนทำให้คนอย่างเจตน์ภพต้องเผยรอยยิ้มอบอุ่นเหล่านั้นออกมาจนได้ เผลอจดจ้องสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆตรงหน้านานเกินควร จนมันไปทำให้ก้อนเนื้อไม่รักดีขยันสั่นไหวอยู่ในอกไม่รู้กี่ครั้งกี่หนแล้ว

    เมื่อเวลาล่วงเลยใกล้จะเข้าเช้าวันใหม่ คนตัวผอมเลยปิดหนังสือ ปิดสมุด วางมือจากการทำงานทุกอย่างตามคำสั่งของคนเป็นพี่เนื่องจากพรุ่งนี้ตนมีสอบแต่เช้า ผิดกับตอนที่อยู่บ้านใหญ่ ป้าไพรมาไล่เท่าไหร่ก็ไม่ยอมนอน ให้เหตุผลว่าใกล้จบแล้ว ใกล้เสร็จแล้ว แต่พอมาอยู่ที่นี่ก็พร้อมจะเชื่อฟังคุณกลางไปเสียหมด ดูเป็นคนซื่อแต่กลับดื้อเงียบแถมยังอยู่ลึกเกินกว่าจะคาดถึงในบางทีเสียด้วยซ้ำ

     

    “มีคนอยากให้เราไปแคสติ้งละคร..” ส่งเสียงใสพูดท่ามกลางความมืดที่มีแสงสว่างจากโคมไฟอันน้อยนิดเมื่อนึกเรื่องที่อยากจะเล่าให้อีกคนฟังออก

     

    “เราก็เลย..”

     

    “ไม่ได้”

    แต่เพียงจะพูดว่า เราก็เลยลองเก็บมาคิดดูคนเป็นพี่กลับสวนกลับมาแบบนั้นเสียก่อน คำพูดที่เหลือหลังจากนั้นก็เลยกลืนหายลงคอไปเสียหมด น้องกระพริบตาปริบๆ จ้องมองใบหน้าหล่อที่กำลังหลับตาอยู่อย่างนั้นราวกับจะถามหาเหตุผล

     

    “ทำไมล่ะครับ คุณกลางก็เป็นนักแสดง แถมยังเล่นฉากจูบได้เลยนี่”

     

    “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉากจูบ หื้ม” คราวนี้คนเป็นพี่ลืมตา ก่อนจะหันมามองทางเด็กที่ทำท่าเหมือนมีอะไรในใจแต่ไม่ยอมพูดออกมาตรงๆ ศิรภัทรที่ไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไรเลยควานหาผ้าห่มขึ้นมาปิดให้เหลือแต่ดวงตาของตนเอง

     

    “ระ..เราก็แค่ยกตัวอย่าง” โกหกอีกแล้ว เป็นเด็กไม่น่ารักอีกแล้ว ทั้งที่รู้ว่าสิ่งที่พูดกับสิ่งที่อยู่ภายในใจมันขัดกันชัดๆ แต่กลับไม่กล้าพูดออกมาเพียงเพราะกลัวว่าเหตุผลของเขามันจะงี่เง่าเกินไป..เหตุผลที่ว่า เราไม่ชอบให้คุณไปจูบเขาเลย แม้มันจะเป็นงานก็เถอะ แต่เราหวงคุณนี่หน่า’ : (

     

    “คุณกลาง ~

     

    “อืม..” ขานรับเบาๆในลำคอ ยามเสียงใสของเด็กที่ไม่รู้จักหลับจักนอนดังขึ้นอีกครั้ง

     

    “เราอยากได้กำลังใจ~” พลิกตัวไปหาเด็กที่เงยหน้ามองตาแป๋วจากอีกฝั่งหนึ่งของที่นอน เผยให้เห็นสิ่งมีชีวิตที่กำลังออดอ้อนและไม่มีทีท่าว่าจะหลับถ้ายังไม่ได้ในสิ่งที่ตนขอ .. เรานอนเตียงเดียวกัน ถึงเตียงจะกว้างแต่มันก็ไม่ได้มากพอที่ระยะห่างของคนสองคนจะเหลือมากมายอะไรนัก

     

    “...”

    เช่นเดียวกับในตอนนี้ที่ท่อนแขนแข็งแรงกำลังทำหน้าที่ของมันโดยการรั้งกายบอบบางให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอด ศิรภัทรคนซื่อที่ไม่ทันคนโดยเฉพาะกับคุณกลางก็ได้แต่แปลกใจในการกระทำของอีกฝ่าย รู้ตัวอีกทีก็เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของคนเป็นพี่เรียบร้อยแล้ว .. นี่คือวิธีให้กำลังใจของคุณกลางเหรองั้น

     

    “..แบบนี้เหรอครับ” เอ่ยสุ้มเสียงน่ารักถามออกมาอย่างอู้อี้ เปล่าเลย..ไม่ใช่วิธีการอะไรทั้งนั้น ก็แค่อยากกอดให้หายเหนื่อย อยากดึงมาใกล้ตัว อยากฉวยโอกาสสูดดมความหอมของน้องก็เท่านั้น

     

    “คุณกลาง..”

     

    “อะไรอีก หื้ม”

     

    “อืม..” ลากเสียงยาวๆอย่างครุ่นคิด ยอมรับว่าภาพเมื่อตอนกลางวันยังส่งผลให้หายใจติดขัดอยู่แปลกๆ แม้จะรู้ดีว่านั่นคืองาน คือสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ แล้วเขาเองก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะรู้สึกอะไรทั้งนั้น แต่มันก็ปฏิเสธไม่ได้หรอก ว่าไม่อยากเห็น ไม่มองได้ไหม ไม่เอาแบบนี้แล้วได้หรือเปล่า

     

    “มีฉากจูบอีกไหมครับ” สุดท้ายก็รวบรวมความกล้าถามออกมาจนได้ในที่สุด ความเงียบจึงเกิดขึ้นอีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้นานพอให้คนรอหวั่นใจ

     

    “ไม่มีแล้ว”

     

    “จริงหรอครับ! ดีจัง อ่า..เราหมายถึง คุณกลางจูบได้ดีนะ”

    แล้วคิดเหรอว่าคนอย่างเจตน์ภพจะดูไม่ออก จะไม่รู้ว่าน้องคิดอะไร รู้สึกอย่างไร หรือกำลังไม่พอใจอะไรอยู่ ที่เดินสะบัดบั้นท้ายเข้าไปนั่งกอดอกในรถไม่พูดไม่จาอยู่ราวๆหลายนาทีตอนเลิกกอง ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุผลนั้นมันจะเป็นอย่างไรไปได้อีก

    แต่ศิรภัทรก็ยังคงเป็นศิรภัทร อ้างไปโน่นแถไปนี่ทั้งที่ใจจริงก็อยากจะพูดออกไปดังๆว่า 'เราไม่ชอบ' ไม่ชอบที่เห็นคุณกลางจูบคนอื่น ไม่ชอบที่เห็นว่าคุณกลางทำแบบนั้นกับคนอื่นแบบที่ทำกับเขา ไม่ชอบรอยยิ้มที่แจกให้ใครต่อใครเรี่ยราดเอาเสียเลย .. น้องกำลังหึง และมันเป็นวิธีที่จะบอกว่า เราหึงคุณนะแบบอ้อมๆได้อย่างน่ารักมากด้วย

     

    “ปกติเป็นคนขยันพูดตลอดเวลาเลยเหรอ”

     

    “ก็คุณกลางไม่ชอบพูด เราก็เลยอยากพูดให้คุณกลางฟัง” (‘ - ‘)

     

    “แต่ตอนนี้นอนได้แล้ว”

     

    งั้น..ลูบหัวเราหน่อยได้ไหมช้อนใบหน้าขาวจัดขึ้นมามองอย่างออดอ้อน ทั้งที่เป็นเพียงประโยคขอร้องแต่เหมือนกับมือคู่นี้มันถูกสั่งให้เลื่อนขึ้นไปทำหน้าที่โดยอัตโนมัติ ก่อนจะกดจูบลงบนหน้าผากให้น้องหลับตา เจ้าตัวดีในอ้อมกอดก็พร้อมจะนอนนิ่งๆอย่างเชื่อฟัง ตอนเด็กๆที่น้องเพิ่งย้ายมาอยู่ด้วยใหม่ๆ ด้วยความที่ยังคิดถึงพ่อกับแม่และแปลกถิ่นแปลกที่น้องก็เลยนอนร้องไห้ทุกคืน คุณรัมภาผู้ซึ่งเป็นแม่แท้ๆของเขาจึงต้องไปนอนเฝ้าและลูบหัวให้น้องจนหลับสนิททุกครั้ง เขาเคยคิดว่าเด็กคนนี้จะมาขโมยความรักของแม่ที่มีต่อลูกชายอย่างตนไป .. แต่น่าแปลกที่ตอนนี้ศิรภัทรก็ขโมยสิ่งนั้นของเขาไปเช่นกัน

     

    ไม่ต้องไปน่ารักแบบนี้กับใคร เข้าใจหรือเปล่า?”

     

                “...”

     

    ยกเว้นพี่กลาง...พี่กลางคนเดียว

     

     

                .

                .

     

     

                TBC

     

     

    - - - - - - - - - -

     

     

    ด้วยความที่น้องถูกคุณผู้ปกครองจับไปนั่งเฝ้านั่งรอถึงกองถ่าย แต่ดั๊นนนน ไปเจอฉากที่มันแทงใจเหลือเกิน เราก็เลยอยากจะตั้งชื่อตอนว่าในทีแรกว่า ไม่เล่นแล้ว จะกลับบ้าน๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕
    ปล. โปรดให้กำลังใจน้องเบด้วยค่ะ พี่เชนเขาไม่ยอมทำความสะอาดห้อง ก็เลย #ฝุ่นเข้าตาหนักมาก #นะคะ

    #คลาสสิคซีน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×