ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ( exo ) BAKE A WISH - KAIHUN ft. EXO

    ลำดับตอนที่ #9 : 08 : 's ใช้เมื่อแสดงความเป็นเจ้าของ

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.9K
      26
      19 ต.ค. 58








     

    CHAPTER 8

     

     
     

     

     

                หากบนโลกนี้เหมือนเมืองแห่งเทพนิยาย คุณท้องฟ้าคงจะโมโหร้ายเอาการ ขยันร้องโครมครามพาให้ใครบางคนสะดุ้งอยู่เรื่อยๆอย่างไม่ใยดี แน่นอนว่าค่ำคืนที่ฝนตก ฟ้าร้อง แถมไฟดับยังไม่จบเท่านั้น .. ภายในแก้วเซรามิคสีขาว บรรจุชาร้อนพอที่จะทำให้ร่างกายอุ่นขึ้นจากความหนาวที่ก่อตัวกันมากกว่าเดิมเรื่อยๆ มือบางส่งแก้วชาร้อนให้กับเจ้าของกายสูง แล้วทิ้งตัวนั่งลงข้างๆที่มีอีกฝ่ายนั่งรออยู่แล้ว

     

                “มีทบอลผมอร่อยใช่ป่ะคุณ

     

                “ครับชานยอลตอบยิ้มๆ ไม่คิดว่าคุณจะทำเป็น

     

                “โถ่ มาอยู่ตัวคนเดียวแบบนี้ก็ต้องทำเป็นสิคุณ ไม่งั้นใครจะทำให้กินยักไหล่แล้วทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ หยิบมันฝรั่งทอดกรอบใส่ปากตัวเองเช่นเคย บอกแล้วว่าถุงใหญ่เท่าหมอนแบบนี้ผมก็กินหมดภายในไม่กี่วันเหอะ!

                ไอร้อนของชาระเหยขึ้นมาพร้อมกับกลิ่นหอมๆ ก่อนริมฝีปากจะพ่นลมเป่าเบาๆให้จิบได้ง่ายกว่าเดิมและไม่ลวกปากตัวเองไปเสียก่อน เป็นแบคฮยอนอีกนั่นแหละ ที่ดึงดันจะชงชาร้อนแก้วนี้ให้กับเขา สุดท้ายก็เลยต้องดื่มให้ดูไม่ทำร้ายน้ำใจของคนน่ารัก (ถึงแม้จะเกรงใจจนแทบแย่)

     

                “คุณไม่ได้กลับเกาหลีมานานเท่าไหร่แล้วหัวข้อสนทนาเริ่มต้นใหม่โดยคนเดิม ความสามารถอย่างหนึ่งของแบคฮยอนคือ..ไม่ว่าความเงียบจะก่อตัวขึ้นขนาดไหน เขาจะเป็นคนทำลายมันเอง ในเมื่อเจ้าตัวขยันหาเรื่องมาเปิดประเด็นคุยได้เสมอ

     

                “เกือบปีแล้วล่ะครับ ที่จริงก็กลับไปปีละครั้ง

     

                “ไม่คิดถึงบ้านเหรอ ผมกลับปีละตั้งสองครั้งหรือมากกว่านั้นพูดพลางนึกถึงใบหน้าของคนในครอบครัวไปด้วย จะว่าไปตั้งแต่เปิดเทอมมายังไม่ได้โทรหาหม่าม๊าสุดที่รักเลยเหอะ และรายโน้นก็ไม่ได้โทรมาด้วย สงสัยมัวเม้ามอยกับสมาคมคุณป้าแม่บ้าน ไม่ก็..นับเลข (เดากันได้ใช่ป่ะคุณ) - _ -b

     

                “เป็นเพราะแบคฮยอนยังติดบ้านมากกว่าผมน่ะสิ

     

                “ไม่เห็นเกี่ยวเลย!ชานยอลหัวเราะ เบี่ยงตัวหลบยามอีกคนยกมือขึ้นมาผลักแขนเขาแต่ก็ไม่พ้น

     

                “เอายังไงต่อดี

                พูดพร้อมมองออกไปนอกหน้าต่าง ด้วยความที่นครซานฟรานมันล้อมรอบด้วยอ่าวทะเล คงจะไม่แปลกที่เวลาฝนตกแล้วลมจะแรงขนาดนี้ มรสุมมาทีเกาะเสาบ้านให้แน่นเถอะคุณ เห้อ .. คุณท้องฟ้านะคุณท้องฟ้า ทะเลาะกับใครมากัน อัดอั้นนักหรอที่ไม่ได้ตกมาเกือบอาทิตย์ พอวันนี้ก็จัดหนักจัดเต็มอย่างไม่ลืมหูลืมตา ชั้นหนึ่งกับชั้นสองสบายดีกันไหมวะ น้ำท่วมถึงอกยัง ; _ ;

     

                “เดี๋ยวก็คงจะหยุดแล้วล่ะ..มั้งครับ

     

                “หยุดอะไรล่ะคุณ นี่หน้าฝนนะแบคฮยอนเบ้หน้าไปที ที่ผมถามก็คือ..

     

                “...??”

     

                “คุณโอเคไหม ถ้า เอ่อ..จะอยู่ที่นี่ก่อนคนพูดอ้ำอึ้ง ผมหมายถึงนอนที่นี่ไปก่อนอะไรแบบนี้..

                แล้วก็ต้องยกมือขึ้นมาเกาท้ายทอยแก้เก้ออย่างช่วยไม่ได้ เกลียดตัวเองตอนนี้จริงๆ ไอ่นิสัยขาดความมั่นใจเวลาคุยกับเขาเนี่ย ทำไมต้องทำตัวโก๊ะหน้ามึนและอึนใส่ปาร์คชานยอลที่กำลังยิ้มอย่างมีเลศนัยอยู่ตอนนี้ - _ -

     

                “เอาจริงๆ..ใครจะยอมปล่อยให้คุณกลับไปคนเดียว อีกอย่างนะ กลับไปถึงไฟจะติดหรือเปล่าก็ไม่รู้..

     

                “...”

     

                “โอเค คือผมเป็นห่วงคุณไง

     

                “...”

     

    ละ..เลิกมองแบบนั้นได้ยัง” (; _ ;)

                ไม่มีใครรู้ว่าปาร์คชานยอลกำลังมองบยอนแบคฮยอนแบบไหนนอกจากคนที่ถูกมองเอง เผลอจิกมือตัวเองแน่นจนจู่ๆมือหนาของใครอีกคนก็คว้าเข้าไปกุมกันเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย กลายเป็นสุ้มเสียงเล็กที่พูดคนเดียวเรื่อยมา แบคฮยอนไม่รู้มาก่อนว่าตัวเองจะตัวสั่นเพราะอาการประหม่า แทนที่จะสั่นเพราะอากาศหนาวๆแบบนี้

     

                “ไม่เจ็บเหรอไง หื้ม..

                พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มระดับเดิมตามสไตล์ของคุณเจ้าหน้าที่กงสุล ชานยอลไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่าการกุมมือคู่นั้นไว้เบาๆ แบคฮยอนบอกกับเขาว่าไม่ใช่คนขี้หนาว แต่ทำไมรู้สึกว่ามือคู่นี้มันเย็นกว่าเขาเสียอีก

     

                “ชานยอล

                คนถูกเรียกเงยหน้าขึ้นมาแทนการขานรับคนตัวเล็ก เขาไม่ได้ส่งเสียงพูดอะไรตอบกลับไป และปล่อยให้เสียงของสายฝนดำเนินไปอย่างที่มันจะเป็น ราวกับจะรอให้อีกฝ่ายพร้อมที่จะพูดอะไรสักอย่างกับเขา แบคฮยอนเม้มปากครุ่นคิดอย่างชั่งใจแล้วเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเจ้าของรอยยิ้มนั้น..

     

                “รู้ใช่ไหมว่าผมน่ะ..

     

                “...”

     

    ชอบคุณ

                ตัดสินใจสารภาพออกมาอย่างไม่อ้อมค้อม ไม่มีเหตุผลที่จะต้องปิดบังความรู้สึกตัวเองกับคนๆนี้อีกต่อไป ชานยอลไม่ได้ปล่อยมือของเขาออก ยังคงจับเอาไว้ และดูเหมือนว่าจะแน่นกว่าเดิม

     

                “ผมไม่รู้ว่าคุณพูดแบบนั้นเพราะคุณรู้อยู่แล้วว่าผมรู้สึกกับคุณแบบไหน..

                “หรือคุณแค่ล้อผมเล่น บอกผมตอนนี้เลยก็ได้ ผมไม่โกรธ

                “ผมคิดมากว่ะ คิดมากจริงๆ ถึงจะรู้สึกดีที่คุณบอกว่าจะ...จีบ

                “แต่ในใจมันก็กลัวว่าผมจะไม่ใช่แบบที่คุณหวัง..

                “แล้วผมก็ไม่รู้ว่าคุณจริงจังแค่ไหน ก็เท่านั้น..

     

                ตัดสินใจพูดในสิ่งที่ค้างคาเอาไว้อยู่นาน แบคฮยอนเป็นคนร่าเริงมาก มากถึงมากที่สุด เพราะฉะนั้นมันยิ่งยากมากกับการที่จะเจาะลึกเข้าไปค้นในใจของเด็กผู้ชายคนนี้ว่าเขาคิดอย่างไร และนั่นคือความคิดมากมาตลอดหลายวันที่ผ่านมาตั้งแต่ชานยอลพูดกับเขาแบบนั้น .. ทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาได้อธิบายไปหมดแล้ว พอกลับมานั่งคิดดูอีกที เขาน่ะเหรอที่จะเหมาะสมและคู่ควรให้คนอย่างปาร์คชานยอลคิดแบบเดียวกัน แบบที่จะไม่ทำให้ชานยอลผิดหวังที่ได้ตัดสินใจขยับเข้ามาหากันแบบนี้ บางทีการขีดเส้นเอาไว้ มันอาจจะดีต่อเราทั้งสองคน และดีตลอดไปแบบที่ไม่มีใครต้องเสียใจ

                ไม่มีเสียงทุ้มต่ำของชายคนนั้นดังออกมา ราวกับคุณท้องฟ้ากลั่นแกล้ง เพราะฝนที่เคยตกลงมาอย่างกระหน่ำ จู่ๆก็มาเบาลงไปเสียดื้อๆ สร้างความกดดันที่มีมากอยู่แล้วให้มากขึ้นกว่าเดิมจนไม่รู้ว่าที่ตัดสินใจพูดออกไปแบบนั้นแล้ว .. ชานยอลจะปล่อยมือที่กุมกันเอาไว้ออกไปไหม

     

                “...”

                และคำตอบก็คือปล่อย .. ชานยอลปล่อยมือของเขาออกเพื่อทำอะไรที่มากกว่านั้นโดยการจับเรียวคางให้เงยขึ้น แทนที่ด้วยสัมผัสแผ่วเบาที่ริมฝีปากอุ่นร้อน รู้สึกได้ถึงอาการสะดุ้งจากการตกใจของคนที่ถูก จูบเลยค้างไว้อยู่อย่างนั้น ไม่มีการรุกล้ำและล่วงเกินไปมากกว่านี้

                กดย้ำเบาๆให้รู้ว่าเขาจูบอย่างตั้งใจ ไม่ได้ขาดสติ หรือเพียงแค่เผลอใจกับบรรยากาศที่มีอยู่แค่สองคน เพราะต่อให้เป็นที่ที่มีคนมากมาย เขาก็จะทำแบบนั้น .. ใบหน้าหล่อผละออกมา มองริมฝีปากแดงๆที่ไม่ได้ขออนุญาตเจ้าของแต่ดันมาพรากจูบของอีกฝ่ายไปเสียง่ายๆ เขายิ้ม มองใบหน้าของคนที่ดูจะตกใจกับการกระทำดังกล่าวโดยที่ไม่พูดอะไรสักคำ ในเมื่อคำตอบของปาร์คชานยอล มันอยู่ในจูบนั้นแล้ว..

     

                ถ้าจูบของผมจริงใจ ก็ให้รู้ว่าผมจริงจัง

     

    : )

     

     

    - - - - - - - - - -

     

     

                ถือเป็นคราวดีที่คนป่วยอย่างโอเซฮุนฟื้นตัวเร็วกว่าที่คิดไว้กว่าเดิมตั้งสองวัน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะซุปสาหร่ายที่ใส่เต้าหู้เยอะๆของคิมจงอินมันช่วยได้ดีกว่ายาลดไข้ หรือเป็นเพราะอ้อมกอดอุ่นๆที่เจ้าลูกเจี๊ยบออดอ้อนให้นอนกอดทั้งคืนกันนะ เด็กดื้อถึงกลับมาซนได้เป็นปกติแล้ว

                แอบมองเด็กสองคนที่กำลังคุยกันอยู่หน้าร้าน และแบคฮยอนที่เดินป้วนเปี้ยนตื่นเต้นแทนเซฮุนที่ได้เพื่อนใหม่เป็นเด็กญี่ปุ่นอย่าง ยูตะถือเป็นคราวดีของเด็กป.โทที่จะได้ฝึกสกีลภาษาญี่ปุ่นที่เคยเรียนมาบ้าง ตอนแรกเซฮุนบอกว่าจะพามินซอกมาด้วย แต่อีกฝ่ายติดซ้อมดนตรีก็เลยมีแค่เพื่อนใหม่ที่เจ้าตัวพามากินขนมที่ร้านกันสองคนแทน

     

                “มองไม่เลิกเลยนะ

                นั่นไม่ใช่เสียงของลู่หาน ที่มักจะแซวเขาด้วยประโยคแบบนี้ หากแต่เป็นคิมเจสัน พ่อแท้ๆของเขาเองนั่นแหละที่เดินเข้ามาหาถึงในครัว ปล่อยให้แบคฮยอนดูหน้าร้าน เพราะเห็นว่ายังไม่มีลูกค้าเยอะนัก

     

                “อะไรครับ

     

                “รู้อยู่แก่ใจแล้วยังจะมาย้อนถามฉันอีกเจสันพูดติดตลก เห็นช่วงนี้แกอารมณ์ดีแปลกๆตั้งแต่เริ่มสนิทกับน้อง

                หรี่ตามองลูกชายของตนแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เพราะรู้อยู่แล้วว่าจงอินก็คงจะเข้าใจในสิ่งที่เขากำลังจะหมายถึงนั่นแหละ เจ้าของกายสีน้ำผึ้งยังคงเตรียมแป้งสำหรับทำคุ้กกี้ ออเดอร์พิเศษของลูกค้าที่สั่งให้ทำไปส่งช่วงหัวค่ำในวันนี้

     

                “รู้ไหมว่าเซฮุนวาดรูปอะไรให้ฉันเป็นของขวัญ ?” ได้ยินแบบนั้นเลยเงยหน้าขึ้นไปมองคนเป็นพ่อแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย

     

                “ร้าน ?” ตอบออกไปด้วยความไม่แน่ใจ เพราะเห็นว่าเจ้าของผลงานเรียนทางด้านนี้ เรื่องวาดบ้านหนึ่งหลัง หรือร้านขนมของเขาคงเป็นงานถนัดอยู่แล้วล่ะมั้ง ทว่าคำตอบมันกลับไม่ใช่แบบนั้นน่ะสิ

     

                “ช่วยตอบอะไรที่มันลึกซึ้งอย่างเช่น..เจ้าของร้านหน่อยจะได้ไหมไอ้ลูกชาย

                พ่อตอบพลางกอดอกมองเขากวนๆและจงอินก็นิ่งไปชั่วขณะ เจ้าของร้านที่ว่านั่นไม่ใช่คนที่ยืนมองเขาอยู่ตอนนี้ คิมเจสันไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของร้าน ในเมื่อคนที่คิดจะสร้างร้านนี้ขึ้นมาด้วยกันไม่ใช่เขา .. หากแต่เป็น เธอเธอที่อยู่ในกรอบรูปกรอบนั้น .. คิมจีมิน

                จงอินเงยหน้า มองออกไปทางหน้าร้านที่มีใครบางคนนั่งอยู่ บนโต๊ะตัวนั้นมีดอกคาร์เนชั่นสีชมพูหรือที่เราแทนคนเป็นแม่เอาไว้ให้ระลึกถึงเสมอ ส่วนโอเซฮุนคงจะเป็นสีขาวที่แทนความบริสุทธิ์และอ่อนโยนแบบที่น้องเป็น มันเป็นสิ่งที่ดูเข้ากันอย่างบอกไม่ถูก

     

    เซฮุนเป็นเด็กน่ารักที่ผมบรรยายออกมาไม่ได้..

    เจสันยิ้ม เขารู้ว่าลูกชายของเขาคนนี้มักจะพูดอะไรที่แปลความหมายได้ยากเสมอ แต่การที่ยิ้มไปด้วยพูดไปด้วย คงไม่ต้องเดาว่าไอ้ลูกชายมันคงจะหลงน้องหนักเอาการ .. เคยถามอยู่ครั้งหนึ่งตอนที่จงอินตัดสินใจเรียนด้านทำขนมว่าทำไมถึงชอบนัก คนถูกถามก็ตอบมาแค่ว่า มันบรรยายออกมาไม่ได้หรอกคำเปรียบเทียบของเชฟคิมช่างละเอียดอ่อนและลึกซึ้งเกินกว่าใครจะคาดเดา : )

     

                “ชอบ ?”

     

    “...”

     

                “...”

     

                พ่อจะถามในสิ่งที่พ่อรู้อยู่แล้วทำไมครับ..

     

    นี่แหละ ที่เขาเรียกว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น .. เพราะมันยอกย้อนได้เหมือนมาก : )

     

     

    - - - - - - - - - -

     

     

    "เซฮุนออกมาไกลๆเตาครับ มันร้อน"

    เสียงทุ้มดังขึ้นจากด้านหลัง เรียกคนตัวผอมที่จ้องมองเตาอบด้วยแววตาตื่นเต้น ภายในนั้นมีคุณคุกกี้อยู่เต็มไปหมด ความร้อนทำให้แป้งเริ่มฟูและขยายตัว ส่งกลิ่นหอมออกมาชวนให้ท้องร้องไปตามๆกัน .. พอเห็นว่าเด็กช่างถามมานั่งมองเขาในครัวอยู่ก่อนหน้านี้ เลยจับมาทำด้วยกันเสียเลย สั่งให้หยิบนู่นหยิบนี่ให้ น้องก็ดูสนุกราวกับเด็กที่ได้ของเล่นใหม่ มากสุดก็คงเป็นการช่วยเขาปั้นแป้งคุกกี้ นั่นแหละคือเหตุผลที่ว่าทำไมเจ้าตัวถึงได้เฝ้ามองผลงานตัวเองอยู่หน้าเตาเสียขนาดนั้น

     

    "พี่ไค อันนี้เรียกว่าอะไรครับ"

     

    "ผงฟูครับ"

     

    "อันนี้ล่ะครับ"

     

    "ไอซิ่ง~"

     

    "ทำไมเหมือนกันเลยอ่า ถ้าเซฮุนหยิบผิดต้องตายแน่ๆครับ"

    หลุดขำกับคำพูดของเด็กตัวขาวที่ยอมเดินมานั่งใกล้ๆเขาเพื่อรอคุกกี้ของคุณลูกค้าที่กำลังอบอยู่ในเตา ส่งเสียงน่ารักถามโน่นถามนี่ไม่หยุด แต่ทำไมเขาถึงชอบฟังนักก็ไม่รู้ จะให้เซฮุนอยู่ถามไปทั้งคืนจนเจ้าตัวหลับไปเลยก็ยังได้

     

    "นั่นมันน้องดื้อไง" พูดพร้อมบีบจมูกไปที "เด็กโก๊ะๆชอบทำอะไรโก๊ะๆ เมื่อกี๊ใครหยิบเกลือมาแทนน้ำตาลให้พี่ครับ?"

     

    ซะ..เซฮุนแค่มองผิด" (. _ .)

     

    "เหรอ ไม่ใช่ว่ายังแยกไม่ออกเหรอไง"

     

    "ง่า ไม่ใช่นะครับ!"

    ปฏิเสธเสียงใสแล้วยู่หน้ายู่จมูกใส่ ไม่คิดเลยว่าท่าทางแบบนั้นมันยิ่งดูน่ารัก พาลให้เรียวนิ้วยาวยื่นไปเขี่ยแก้มอีกคนเล่น น้องผิวเนียน ผิวนุ่มเหมือนน้ำนม เชื่อแล้วว่าคุณน้าเลี้ยงมาอย่างดี ขาวๆน่าฟัดแบบนี้จะให้เขาอยู่เฉยไปได้อย่างไรกัน

    จงอินเดินไปหยิบอะไรบางอย่างข้างนอกครัว ทิ้งให้คนขี้สงสัยมองตามเขาก่อนเจ้าของกายสีน้ำผึ้งจะกลับมานั่งที่เดิม ตบตักตัวเองเป็นสัญญาณเตือนให้เจ้าตัวเล็กย้ายก้นมานั่งเก้าอี้ตัวใหม่ที่มีตัวเดียวในโลก ถึงจะแข็งไปหน่อย แต่ก็นุ่มกว่าเก้าอี้ไม้ที่น้องนั่งอยู่แล้วกัน : )

     

    "ขอมือหน่อยครับลูกเจี๊ยบ"

     

    "ทำอะไรครับ" (' - ')

     

    "จะตัดเล็บให้ครับ คืนนั้นใครไม่รู้ทั้งข่วนทั้งจิกพี่ซะ.."

     

    "ฮือ พี่ไค มะ..ไม่พูด!" (. _ .) แทบจะหันไปเอามือปิดปากคนเป็นพี่ ยามพูดถึง 'เรื่องนั้น' อีกครั้ง แต่ก็โดนมือหนาๆของจงอินจับมากุมไว้ในมือของตัวเองเสียก่อน .. สองแขนสอดใต้เอว เอาคางเกยไหล่เล็กพอที่จะให้มองเห็นมือสวยๆ แล้วไล่ตัดตั้งแต่นิ้วโป้งข้างซ้ายก่อน เว้นเล็บไว้เล็กน้อยไม่ให้ตัดกินเกินไปจนน้องเจ็บ ก็ถือซะว่าใช้เวลานี้รอคุณคุกกี้ในตู้อบแล้วกันเนอะ

     

    "พี่ไคมือเบาเหมือนหม่าม๊าเลยครับ ~"

     

    "ไม่เจ็บใช่ไหมครับ" เซฮุนส่ายหน้า

     

    "พี่เซโฮเคยตัดให้เซฮุนตอนเด็กๆ เลือดออกเลย" เบ้ปากทันทีเมื่อนึกถึงกรรไกรตัดเล็บคมๆที่ตัดเข้าเนื้อตัวเองในตอนนั้น "หลังจากนั้นก็ไม่ให้พี่ชายทำเลยครับ" : (

     

    "แล้วพี่ทำให้ได้หรือเปล่านะ.." พูดใกล้ๆหูแล้วแอบฉกฉวยโอกาส เอาจมูกโด่งๆของตนไปแตะข้างแก้มอย่างจงใจไปหนึ่งที

     

    "ก..ก็พี่ไคมือเบา" หดคอหนียามลมหายใจของคนเป็นพี่แกล้งเป่ารดที่ต้นคอของตน เห็นแบบนั้นจงอินเลยหยุดแกล้ง กลัวว่าถ้าน้องดิ้นแรงกว่านี้เขาจะเผลอตัดไปโดนเนื้อเข้า มีหวังคราวนี้เซฮุนคงได้เปลี่ยนคำพูด ไม่ให้เขาจับน้องตัดเล็บแบบนี้อีกแน่นอน

     

    'ติ๊ง!'

     

    เสียงสัญญาณเตือนของเตาอบ ดังขึ้นพอดีกับที่จงอินตัดเล็บให้อีกคนจนครบสิบนิ้ว ถึงเวลาที่คุณคุกกี้พร้อมจะออกมาภายนอกแล้ว จงอินสวมถุงมือ เปิดเตาแล้วหยิบถาดขนมออกมาวางไว้กลางโต๊ะ กลิ่นหอมมาพร้อมกับควันอุ่นๆที่บ่งบอกว่าสุกได้ที่ และเชฟมืออาชีพก็ตั้งเวลาได้เป๊ะไม่ขาดไม่เกิน ไม่สุกจนไหม้ ไม่ดิบจนเยิ้ม พักไว้อย่างนั้นรอให้แข็งตัว พร้อมที่จะจัดใส่กล่องสวยๆ แล้วส่งให้คุณลูกค้าในคืนนี้

     

     

    - - - - - - - - - -

     

     

    ให้คุณนั้นเป็นดวงจันทร์ ส่วนผมจะเป็นดวงดาว

    เฝ้ามองคุณอยู่ข้างๆ และโอบกอดกันทุกคืน : )

     

     

    เสียงขีดเขียนของดินสอดังขึ้นอยู่ข้างหูบ่งบอกว่าใครบางคนไม่ได้ไกลตัวเขาไปไหน พอๆกับเสียงกระดาษที่ถูกเปิดไปหน้าถัดไปอยู่เป็นระยะ ก็คงจะบอกเจ้าของกายผอมได้เหมือนกันว่าใครอีกคนไม่ได้อ่านหนังสือจนหลับไปเสียก่อน .. โอเซฮุนนั่งขัดสมาธิ ตั้งอกตั้งใจทำงานอยู่บนโต๊ะญี่ปุ่นที่ลากออกมากลางห้อง และข้างๆเป็นเจ้าของกายสีน้ำผึ้ง กับหนังสือหนึ่งเล่มในมือ

     

    "พี่ไค หมดแล้ว ~"

    หากแต่ภายในห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ก็ไม่ได้เงียบจนเกินไปยามสุ้มเสียงใสเอ่ยดังขึ้นอยู่เป็นระยะ พร้อมกับอ้าปากให้คนที่กำลังนั่งอ่านหนังสือหยิบคุกกี้ในจานที่วางอยู่ข้างโต๊ะป้อนใส่ปากเขาตามที่ตกลงกันไว้ .. คิดถึงหนึ่งครั้ง กินคุกกี้หนึ่งชิ้นหมดจานนี่ก็คงไม่พอหรอกมั้ง : )

     

    "เซฮุนวาดถึงไหนแล้วครับ"

     

    "เท่านี้เองครับ” ยืดตัวออกมานั่งหลังตรงๆให้คนเป็นพี่ดูหลังจากก้มลงไปวาดเสียจนหน้าแทบชิด

     

    “คืนนี้ยังไม่เสร็จหรอกครับ แต่จะทำให้ได้มากที่สุด" ตอบเสร็จก็อ้าปากรับคุกกี้ที่เขาทำไว้ต่างหากเมื่อเย็นนี้ไปครึ่งชิ้น คนเป็นพี่เลยรอป้อนชิ้นที่เหลือ แต่สำหรับเด็กรักขนมอย่างโอเซฮุน ป้อนทีหายราวกับสายไหมที่ละลายในปาก ใช้เวลาไม่นานน้องก็งับไปพร้อมกับนิ้วเขานั่นแหละ

     

    "แหนะ..แล้วนั่นใช่คุกกี้ไหมน่ะหื้อ"

    หรี่ตามองเด็กที่รู้อยู่แก่ใจว่าตนงับโดนนิ้วเขา ถามก็ไม่ตอบแถมยังก้มหน้ากลับไปทำงานเหมือนเดิม เคี้ยวแก้มตุ้ยราวกับลูกเจี๊ยบที่ถูกป้อนอาหาร โดยไม่สนใจเลยว่าคนมองจะรู้สึกแบบไหน .. หมั่นเขี้ยวนัก อยากจะบีบเจ้าเนื้อนุ่มๆสีเชอร์รี่นั้นให้เข็ดแล้วปิดท้ายด้วยการจูบให้บวมช้ำมันเดี๋ยวนี้

     

    "เสื้อพี่ไคหอม” (‘ - ‘)

     

    “หือ หอมเหรอ?” เซฮุนพยักหน้า "ไม่ได้ซักมากี่วันแล้วรู้ไหม"

     

    “แต่ก็หอมอยู่ดี..”

    ก้มลงมองเสื้อยีนส์ของคนพี่ที่ใส่อยู่ราวกับเป็นเจ้าของ จงอินเลยหลุดยิ้ม วันก่อนฝนตก เซฮุนก็นั่งทำงานอยู่ข้างๆเหมือนวันนี้เนี่ยแหละ พอเห็นน้องหนาวเพราะฝนตกทั้งคืนใครจะปล่อยให้เจ้าลูกเจี๊ยบนั่งสั่นจนป่วยไปอีกรอบ เลยถอดเสื้อตัวเก่งที่ใส่อยู่ให้น้องใส่มันซะเลย ดีกว่าลากผ้าห่มมาขัดขวางการทำงานให้เกะกะ อันที่จริงเซฮุนก็ยึดเสื้อตัวนี้มาตั้งสามวันแล้ว..

     

    “เพราะว่ามีกลิ่นพี่ไค ~

                แล้วจำเป็นต้องพูดจาให้น่ารักเหมือนหน้าตาขนาดนั้นเลยเหรอไงกัน ยิ่งใส่แว่นตอนทำงานแบบนี้ก็ยิ่งน่าหมั่นเขี้ยว กระพริบตาปริบๆมองเขาผ่านกรอบแว่น จนอดจะแกล้งไม่ได้เลยผลักหัวน้องเบาๆจนเซไปอีกทาง .. เซฮุนสายตาสั้นประมาณ 1.5 ไม่มากถึงขั้นต้องพกแว่นหรือใส่คอนแทคตลอดเวลา ทว่าพอถึงเวลาที่ต้องทำงานละเอียดอย่างการเขียนแบบแล้ว น้องเลยต้องใส่แว่นทุกครั้งเป็นอาราเล่น้อยแบบนี้นั่นแหละ

     

    "วาดรูปนั้นนานไหม" มองภาพที่ตั้งอยู่ข้างหน้าต่าง เป็นรูปหยดน้ำค้างจากต้นไม้ที่เหมือนจนคิดว่านั่นอาจจะเป็นหยดน้ำที่ติดอยู่บนกระดาษจริงๆ คนถูกถามทำหน้าครุ่นคิด ก่อนจะยกมือขึ้นมานับนิ้วเป็นเด็กๆ

     

    "หนึ่งชั่วโมงครับ!"

     

    "อื้อหือ แล้วก็ยกมือขึ้นมานับซะ.." ส่ายหน้าขำๆกับเด็กคนนี้ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง น้องขยันทำให้เขายิ้ม ทำให้เขาหัวเราะได้ตลอด ก็ไม่รู้ว่ามีอะไรให้ขำหรอก แต่ถ้าคุณได้อยู่กับใครสักคนที่มองหน้าเขาแล้วมีความสุข ทุกอย่างมันจะเป็นเรื่องไม่มีเหตุผลขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้ .. และเช่นเคย น้องทำให้คนรักการอ่านยามว่างอย่างคิมจงอินวางหนังสือนั้นลงไปโดยไม่รู้ตัวอีกแล้ว

     

    "แต่ถ้าให้พี่วาดเซฮุนนะ .. ห้านาทีเสร็จ พร้อมลงสีเลยด้วย"

     

    "หือ ทำได้ยังไงครับ" นี่ก็อีกคน ลืมสนใจงานบนโต๊ะแล้วทำหน้าสนอกสนใจคนเป็นพี่ ไม่ลืมที่จะอ้าปากรอรับขนมชิ้นต่อไป

     

    "ลูกเจี๊ยบก็ตัวกลมๆ ปากแหลมๆ ขาก็ขีดเป็นก้างเอา ลงสีก็แค่สีเหลืองสีเดียวไปเลย เนอะ?" พูดพร้อมจิ้มนิ้วตามไปทุกส่วน เอวบ้าง แก้มบาง จมูกบ้างจนพอใจ ก่อนคนฟังจะทำหน้างอใส่เขาไปตามระเบียบทันทีที่ถูกเปรียบเปรยว่าตัวเองเป็นเจ้าขนปุยสีเหลืองแบบนั้น

     

    "พี่ไคอ่า มั่ว..!"

     

    "มั่วอะไรเล่า เนี่ย..วาดจมูกโด่งๆของน้องดื้อก่อนเลย"

     

    "งั้นพี่ไคก็เป็นหมาป่า เพราะพี่ไคชอบดุ"

     

    “หมาป่าดุตรงไหนกัน”

     

    “ดุแบบนี้ ~

    ยื่นนิ้วเล็กๆของตัวเองไปจิ้มแก้มคนเป็นพี่ ราวกับจะชี้ว่าคนๆนี้น่ะเป็นเจ้าหมาป่าแสนร้ายกาจ สายตาคมที่เรียบนิ่งและดูดุดันในวันแรกที่เจอกันยังทำให้เขาจำได้ดีจนถึงตอนนี้ ส่วนหมาป่าที่พอเห็นว่ามีเนื้อขาวๆมาล่อที่ปาก ใครจะปล่อยไปง่ายๆ แกล้งงับนิ้วเด็กดื้อเป็นการเอาคืนจนน้องสะดุ้งไปที

     

    “งั้นก็ต้องโดนหมาป่าจับกินแล้วมั้ง"

    พูดจบก็จัดการดึงคนตัวผอมเข้ามาในอ้อมกอด จับให้น้องนั่งซ้อนตักตัวเองแล้วฝังจมูกลงที่ข้างแก้มนุ่มสีขาวอมชมพู ฟัดเนื้อนิ่มเบาๆแต่คงจะแรงกว่าปกติเพราะวันนี้เซฮุนน่ากัดน่างับน่าขยุ้มไปเสียหมด ถ้าจะคิดว่าเป็นหมาป่า ก็จะเรียกวิญญาณหมาป่าในตัวออกมาเสียตั้งแต่ตอนนี้เลยเป็นไง

     

                “ง่า จั๊กจี้!

                ดิ้นดุ๊กดิ๊กในอ้อมแขนยามคนพี่แกล้งจับเอวแล้วฝังจมูกลงที่ลำคอขาว ความจริงแล้วคนได้เปรียบเสียเปรียบก็รู้ๆกันอยู่ว่าเป็นใคร เงยหน้าขึ้นมาถอดแว่นให้น้องเพราะเกรงว่าจะดิ้นจนแว่นไปกระแทกดั้งโด่งๆของเด็กดื้อจนหมดสนุกไปซะก่อน หลังจากนี้ก็ง่ายต่อการลวนลาม(?)เด็กที่ขยันก่อกวนอารมณ์เขาจนต้องวางหนังสือ หรือจะเป็นเพราะคิมจงอินมันตบะแตกเองก็ช่างเถอะ มีเด็กน่ารักอยู่ใกล้ตัว ก็อยากตักตวงให้เต็มที่

     

                “พ..พี่ไค เซฮุนจะกินขนม”

                ความร้อนที่ใบหน้าสั่งให้ทำอะไรสักอย่างแก้อาการเคอะเขินของตัวเอง เลยตัดสินใจพูดออกมาอย่างไม่รู้เรื่องเอาเสียเลยว่าตอนนี้มันใช่เวลาที่คิมจงอินจะมาป้อนคุกกี้เขาเสียที่ไหน น้องยื่นมือไปจะคว้ามากิน คนเป็นพี่ก็แกล้งรั้งเอวเอาไว้ไม่ให้ไป แล้วใช้มือสอดเข้าไปใต้เสื้อ แกล้งลูบหน้าท้องบางเบาๆให้คนในอ้อมกอดสะดุ้งเล่น

     

                “ไม่ให้กิน..”

                ไล่ริมฝีปากมาคลอเคลียอยู่ที่ใบหู งับมันเบาๆ ก่อนจะเลื่อนลงมาที่ลำคอ พาลให้นึกไปถึงคืนนั้นที่น้องมีรอยเต็มไปหมดก็เพราะฝีมือของเขา แต่คราวนี้จะไม่ทำแบบนั้นแล้วก็ได้ ไม่อยากให้เซฮุนเสี่ยงกับการตอบคำถามของคนขี้จับผิดอย่างพี่แบคฮยอนหรือแม้กระทั่งไอ้ลู่หานไปจนถึงคนเป็นพ่อที่มักจะถามไถ่หลานรักตลอดเวลาว่าเซฮุนเจ็บป่วยตรงไหนหรือเปล่า โชคดีเท่าไหร่ที่คราวนั้นมันอยู่ด้านใน แต่ครั้งนี้ถ้าเขาทำ เซฮุนคงไม่ตอบว่ายุงกัดตามละครหลังข่าวหรอก กลัวว่าจะเป็นอย่างอื่นที่คาดไม่ถึงเพราะความซื่อของน้องนั่นแหละ

     

                “ฮ่าๆ ไม่แกล้งแล้ว” อมยิ้มขำแล้วผละตัวออกมาปล่อยให้คนตัวผอมเป็นอิสระ หยิบขนมมาใกล้ตัวให้น้อง แต่แล้วตอนนี้เซฮุนจะไปกินอะไรลง พี่ไคก็เป็นเสียอย่างนี้ ทำให้แก้มของเขามันเห่อร้อนอยู่เรื่อย!

     

                “หมดแล้ว..เซฮุนหิวเหรอ”

                มองสองชิ้นสุดท้ายที่อยู่ในจานและคิดว่าไม่อีกนานก็จะหมดตามกันไป ก้มหน้าถามคนที่ยังนั่งซ้อนตักตัวเองอยู่ที่เดิม น้องก็ได้แต่กระพริบตาปริบๆเป็นคำตอบ วันนี้มาแปลก สงสัยจะอยู่ทำงานดึกแล้วใช้พลังงานหมดไปกับการเขียนแบบที่เจ้าตัวนั่งทำมาหลายชั่วโมง

     

    “กินมาการองไหม”

     

                “เซฮุนไม่ชอบมาการอง” (. _ .) ตอบทันทีที่อีกฝ่ายพูดถึงขนมดังกล่าว

     

                “ไม่ชอบมาการองหรือว่าไม่ชอบคนให้ หื้ม”

                คราวนี้ไม่ตอบ หันหน้าหนีเขาไปทางอื่น แล้วคนโดนงอนก็รู้งาน กระชับวงแขนกว้างที่กอดเอวเอาไว้แน่นขึ้นเฝ้ามองใบหน้าที่งอง้ำใส่เขาจากข้างๆแล้วแอบยิ้มอยู่คนเดียว .. ก็จะอะไรเสียอีก เมื่อตอนหัวค่ำที่ไปส่งคุกกี้ให้คุณลูกค้าบ้านหนึ่ง ใครจะรู้ว่าคุณแหม่มผมทองอายุวัยนูน่าคนนั้นจะดูหลงรักเชฟคิมเสียขนาดที่มีขนมมาฝากโดยให้เหตุผลว่า ฉันทำมาให้คุณชิมค่ะประโยคต่อจากนั้นโอเซฮุนก็ไม่คิดจะฟังต่อแล้ว แค่ได้ยินเสียงพึมพำที่พอจะจับใจความได้ว่า เธอจะทำมาให้พี่ไคชิมเพราะอยากจะรู้ว่าฝีมือเธอพอไปวัดไปวาได้หรือเปล่า แล้วยังไงล่ะ โอเซฮุนก็แค่รู้สึกไม่อยากเป็นคนชิมขึ้นมาเท่านั้นแหละ ก็เขาไม่ชอบ(คนทำ)มาการองนี่หน่า (‘ - ‘)

     

                “เอ้า เซฮุนหิวไม่ใช่เหรอ”

     

                “เซฮุนง่วงแล้วครับ จะไปนอนแล้ว..”

     

                “ตาใสๆแบบนี้เนี่ยนะง่วง น้องดื้อโกหกพี่ไม่นอนกอดนะ ?”

     

                “ฮื่อ..ปล่อยครับ เซฮุนจะไปทำงาน”

     

                “สรุปว่าจะไปนอนหรือจะไปทำงาน ?”

     

                “พี่ไค!: (

                รู้ว่าน้องงอนก็ยังจะแกล้ง มันน่านัก แล้วคนอย่างโอเซฮุนจะไปทำอะไร นั่งอยู่ในอ้อมกอดพี่เขาแบบนี้ก็ไม่รอดหรอก โดนหอมแก้มไปทีแล้วคนเป็นพี่ก็ยิ้มไม่หยุดอยู่นั่น สุดท้ายเลยหยิบอะไรบางอย่างออกมาใช้ในการ ง้อเพราะคิดว่ามันได้ผลมากแน่นอน

     

                “นี่..”

     

                “...”

     

                “พี่มีนมช็อคโกแลตที่น้องดื้อชอบด้วย”

                กระซิบข้างหูแล้วยื่นกล่องนมช็อคโกแลตไปข้างหน้า หลอกล่อเด็กขี้งอนด้วยของโปรดและเซฮุนก็เหมือนจะหันมาเล็กน้อย

               

                “เด็กขี้หวง”

                แกล้งพูดใกล้ๆแล้วเอาจมูกทิ่มแก้มไปอีกทีด้วยความหมั่นเขี้ยว ก่อนคนขี้หวงจะยอมหันมามองหน้ากัน จงอินอมยิ้มมุมปาก เห็นแบบนั้นเลยเจาะกล่องนมให้แล้วเอาไปจ่อปาก น้องก็อ้าปากงับหลอดไปกินอย่างเชื่อฟัง ดูดรัวอย่างเด็กที่วิ่งเล่นจนเหนื่อยแล้วได้ของอร่อยอะไรอย่างนั้น

                แผ่นหลังก็เอนตัวพิงคนเป็นพี่อย่างสบายอกสบายใจ งานที่กองอยู่บนโต๊ะถูกเจ้าของผลงานลืมทิ้งมันไว้อย่างนั้น ยังไงอาจารย์ก็ไม่ได้ให้ส่งในเร็ววันนี้ ขอเห็นแก่ตัวกอดเซฮุนเอาไว้แบบนี้ทั้งคืนเลยแล้วกัน : )

                ดูดจนเกือบหมดกล่อง ก่อนมือเรียวเล็กจะยื่นไปหยิบโพสอิทสำหรับโน้ตไว้เตือนความจำเด็กขี้ลืม ตามด้วยปากกาที่อยู่ใกล้มือ น้องคว้ามาขีดเขียนอะไรบางอย่างอยู่สักพัก จนกระทั่งจู่ๆก็ดึงมันออกมา แล้วเอาไปติดที่หน้าอกด้านซ้ายของคนเป็นพี่ ตามด้วยสุ้มเสียงน่ารักที่ดังขึ้นอู้อี้พอให้คนฟังที่ชื่อคิมจงอินได้ยินมันแค่คนเดียว

     

                โพสอิทใบนั้นเขียนว่า .. ‘s

     

                “ก็พี่ไคเป็นของเซฮุน..”

     

               

     

     

                .

                .

     

                TBC


     

    - - - - - - - - - -

    อยากให้ใครเป็นของเราเขียน 's ไปแปะเขาเลยค่ะ ♥
    55555555555555555555555555555555555
    ปล.ฝากบอทเด็กๆด้วยนะคะ ไว้เวลาคิดถึงตอนฟิคไม่อัพ #เอ๊ะ ' - 'b
    @
    bakexkai - พี่เชฟไค
    @
    bakexsehun - น้องดื้อ

    #ฟิคเบคอะวิช

    CR.SHL
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×