ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ( exo ) BAKE A WISH - KAIHUN ft. EXO

    ลำดับตอนที่ #8 : 07 : จุ้บหนึ่งครั้ง = บราวนี่หนึ่งชิ้น

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.13K
      26
      12 ต.ค. 58







     

    CHAPTER 7

     

     

     

     



     

     

     - CUT -

     

              

    - - - - - - - - - -

     

     

    ป้ายประกาศ 'closed' ที่แขวนอยู่หน้าร้านในเช้าวันเสาร์ ทำให้ใครหลายคนเดินคอตกและบอกตัวเองว่าค่อยมาใหม่วันหลัง ยังไงเชฟคิมก็ยังไม่ปิดร้านหนีไปไหน เพียงแค่วันนี้หยุดฉุกเฉินก็เท่านั้นแหละ .. หลายคนรู้ว่าเมื่อวานเป็นวันเกิดของคิมเจสัน ชายวัยกลางคนผู้โด่งดังในเรื่องอัธยาศัยดีแถมใจกว้างในละแวกนี้ เลยแวะมาอวยพรวันเกิดให้ตั้งแต่เช้าเมื่อวานกันไปบ้างแล้ว

     

                “...”

                เสียงเดือดของซุปดังเตือนสติให้หันไปมองน้ำเดือดในหม้อเล็ก ก่อนเจ้าของกายสีน้ำผึ้งหรือพ่อครัวประจำบ้านจะใส่ส่วนผสมเครื่องปรุงที่เหลือลงไปตามขั้นตอน .. ยามร่างกายเตือนตัวเองให้ลุกขึ้นตรงเวลาโดยไม่ต้องพึ่งนาฬิกาปลุก ก็เตรียมอาบน้ำแต่งตัวทำอาหารรอใครบางคนกินแบบทุกเช้า แต่แทนที่จะได้ขโมยจุ้บเด็กที่กำลังหลับปุ๋ยอยู่ในก้อนผ้าห่มราวกับจะขอเป็นมอร์นิ่งคิส หัวใจของคิมจงอินแทบร่วงหล่นลงพื้นเมื่อมือหนาสัมผัสโดนร่างกายบอบบางของคนเป็นน้องแล้วพบว่าอุณหภูมิที่มือของเขาแตะโดนแก้มใสนั้น .. มันสูงพอๆกับหม้อซุปที่เขากำลังต้มอยู่ตอนนี้

    เซฮุนป่วย ..

                ไม่ปล่อยให้ความสงสัยก่อตัวขึ้นอยู่นาน เมื่อจู่ๆโทรศัพท์เครื่องเล็กก็ดังขึ้นเรียกสติคนที่กำลังตกใจไม่น้อยจนแทบจะอุ้มน้องไปโรงพยาบาลมันซะเดี๋ยวนั้น .. และก็ต้องกลืนน้ำลายเหนียวลงคอเมื่อรู้ว่าปลายสายที่โทรมาคือใคร

                คิมจงอินไม่คิดปิดบังเพื่อนสนิทของพ่ออย่างคุณน้าชินฮเยว่าปาร์ตี้วันเกิดพ่อเมื่อคืน เขาให้น้องกินไวน์ไป(มาก)กว่าสี่แก้ว โทษว่าเป็นความผิดของตนที่ไม่คิดว่าน้องจะเมา เพียงเพราะเห็นเจ้าตัวยังมีอาการดีๆ แค่ไม่ค่อยพูด บวกกับนิสัยพูดน้อยของเซฮุนแล้ว จงอินก็ไม่นึกสงสัยจนปล่อยปะละเลยให้มันบานปลายไปถึงขั้นที่น้องเมาเข้าจนได้ จะไม่เล่าแล้วกันว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น มีหวังคุณน้าคงได้เอาตัวลูกชายคนเล็กกลับเกาหลีแน่นอน

    เขาไม่เคยกลัวหรือประหม่าขนาดนี้มาก่อน กลัวเหลือเกินว่าน้องจะป่วยเพราะตน ไม่ใช่แค่ไวน์ เพราะเมื่อคืนเขาอาจจะฝืนให้น้องทำแบบนั้นก็ได้ ทว่าสุ้มเสียงไพเราะของโอชินฮเยยามเธอหัวเราะกลับดังขึ้นอย่างเอ็นดูเมื่อได้ยินลูกชายเพื่อนสนิทกล่าวขอโทษขอโพยซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนี้ ทั้งที่จริงแล้วเธอไม่ได้นึกโกรธเคืองอะไรเลยแม้แต่น้อย มีแต่อยากจะดุเจ้าคนเล็กของตัวเอง ที่ดื้อเงียบกับพี่เขา จนต้องมาล้มป่วยเพราะอาการของคนเมาแปลกๆอย่างลูกชายของเธอเนี่ยแหละ .. พอเห็นว่าคุณน้าไม่ได้ต่อว่าอย่างที่คิดเอาไว้ หัวใจของคิมจงอินก็เลยพองโตขึ้นมาบ้าง และก็ได้รู้บางอย่างในตัวโอเซฮุนขึ้นมาอีกนิดหน่อย ..ว่าความจริงแล้ว..

     

    เวลาคนเล็กเมาน่ะชอบเงียบ แล้วก็จะทำให้ทุกคนหลงเชื่อว่ายังกินได้อีกเยอะ ทั้งที่จริงน่ะไปตั้งแต่แก้วที่สองแล้วลูก

     

              แต่พอตอนเช้าน้องจะเป็นไข้ ขึ้นอยู่ที่ว่ากินมากหรือกินน้อย

     

                ได้ยินแบบนั้นก็กระจ่างแจ่มแจ้ง ไม่รู้จะดุจะลงโทษอย่างไรดี ที่แท้ก็ร้ายตาใส ความจริงปรากฏยามที่โอชินฮเยหรือคุณแม่ผู้รู้ทุกเรื่องของเด็กดื้ออย่างเซฮุนได้บอกกับเขาเต็มสองหูเนี่ยแหละ .. ก็อยากจะถามคุณน้ากลับไปเหมือนกันล่ะหน่า ว่านอกจากเซฮุนจะไม่พูดตอนเมาแล้ว น้องยังมีอาการอาฟเตอร์ดรังค์อย่างเช่น ออดอ้อน ยั่วยวน อะไรแบบนั้นหรือเปล่าครับ : D

     

                ตื่นแล้วเหรอ.. เอ่ยถามคนในก้อนผ้าห่ม หลังจากที่เปิดประตูยกถาดอาหารเช้าขึ้นมาถึงข้างบน พอดีกับที่ใครบางคนโผล่หน้าออกมาจากผ้าห่มเหลือแค่ดวงตากระพริบปริบๆมองเขาอยู่บนเตียง

     

                ดีขึ้นหรือเปล่า พี่เอาแผ่นเจลแปะไว้ให้หายไปไหนแล้ว?”

     

                อยู่นี่ครับ..

                เสียงแหบจนอยากจะดึงเข้ามากอดอีกครั้ง เห็นน้องเป็นแบบนี้ก็อยากจะโทษตัวเองเป็นรอบที่ล้าน ไม่น่าใจอ่อนให้น้องกินไปขนาดนั้นเลย ฤทธิ์แอลกอฮอล์คงจะกัดหลอดเสียงจนเป็นแบบนี้ สำหรับคนไม่เคยกินหนักๆอย่างโอเซฮุน มันค่อนข้างสาหัสเอาการเลยเหอะ

                เดินเข้าไปหาพร้อมถาดอาหาร ก่อนจะวางไว้บนโต๊ะทำงานใกล้กับเตียงเล็ก กระดานวาดรูปที่ยังวาดค้างไว้รอให้เจ้าของผลงานมาทำต่อให้เสร็จ แต่ดูจากสภาพแล้ว คงจะไม่มีแรงลุกขึ้นมาจับดินสอตอนนี้หรอก

     

                พี่ไค เซฮุนขอโทษ

     

                หืม ขอโทษอะไรครับ

                เลิกคิ้วมองแล้วหย่อนตัวลงนั่งข้างคนป่วยที่ยังอยู่ในก้อนผ้าห่มนั้นเหมือนเดิม เซฮุนไม่ได้ดูซีดเซียวเพียงแค่มีไข้ขึ้น ก็ยังดีกว่ามีอาการข้างเคียงอื่นๆตามมา ให้กินข้าวกินยาเช็ดตัวให้แบบที่คุณน้าบอกคงจะดีขึ้นในไม่ช้านี้

     

                ที่เซฮุนแอบกินตอนพี่ไคไม่อยู่..

                สุ้มเสียงแหบพร่าเอ่ยคำสารภาพ ทว่ามันกลับทำให้คนฟังเผลอหลุดยิ้มออกมาอย่างบอกไม่ถูก จงอินไม่ได้ตอบในทันที รอดูว่าน้องจะพูดอะไรต่ออีกไหม แอบเห็นใบหน้าที่เริ่มจะเบะแบบนั้นก็ยิ่งได้ใจขึ้นมาอีกหน่อย

     

                ...” : (

     

    แค่นั้นเหรอ ?” : )

     

                “...อื้อ” (. _ .)

                น้องพยักหน้าหงึกหงักสองสามที ซุกซ่อนใบหน้าน่ารักเอาไว้ไม่กล้าโผล่ออกมาจากผ้าห่ม .. ใบหน้าหล่อเลื่อนเข้าไปถามใกล้ เป็นจังหวะเดียวกับที่หัวใจของใครบางคนเต้นดังขึ้นเรื่อยๆ

     

                “พี่หมายถึง..”

     

                “...”

     

                เราจำได้แค่นั้นเองเหรอ” : )

     

                “...”

                คราวนี้คนถูกถามกลับนิ่งเงียบ ฤทธิ์ไข้ที่เริ่มเบาลง แทนที่ด้วยความร้อนอีกครั้งจนเซฮุนอยากจะล้มตัวไปนอนมันเสียตอนนี้ ทำไมต้องจ้องหน้าเขาแบบนั้นด้วย พี่ไคชอบยิ้ม แล้วเวลายิ้ม เขาก็จะเขิน ไม่รู้หรือไงกัน ว่ารอยยิ้มมันแทบจะฆ่าคนๆนึงได้เชียวนะ

     

                เมื่อคืนน่ะ..

     

                “!!”

                ไม่ทันที่จะพูดให้จบประโยค ว่าเมื่อคืนเด็กแถวนี้ทำอะไรไว้บ้าง มือบางๆก็รีบพุ่งมาปิดปากเขาเสียสนิท ก็เห็นว่าน้องพอจะมีสติจำเหตุการณ์ได้ เลยอยากจะถามถึง อีกเรื่องนึงไม่ได้หรอกหรืออย่างไรกัน .. น้องส่ายหัวรัว ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ยามรู้ว่าคนเป็นพี่จะพูดถึงเรื่องอย่างว่า แน่นอนว่าฤทธิ์ของเหล้าไม่ได้ทำให้โอเซฮุนขาดสติเกินกว่าที่จะไม่รู้เรื่องหรือจำอะไรไม่ได้เลย อย่างน้อยก็เป็นเสื้อผ้าที่จำได้แม่นว่าเมื่อคืนเขาไม่ได้ใส่ชุดนี้ แต่ตอนเช้ามันกลับเป็นอีกชุดนึงไปแล้ว

     

                ซ..เซฮุนหิวแล้วครับพอจนมุมก็เปลี่ยนเรื่อง ก้มหน้าก้มตาไม่ยอมสบตาเขา แล้วเจ้าของกายสีน้ำผึ้งจะไปทำอะไรได้ นอกจากหันไปยกถาดซุปร้อนๆมารอป้อนคนป่วยตามคำขอ

                คุณน้าบอกว่าเซฮุนชอบซุปสาหร่าย และต้องใส่เต้าหู้ให้น้องเยอะๆ เจ้าตัวถึงจะยอมกินเยอะกว่าปกติ เพราะฉะนั้นคนป่วยที่กินน้อยอยู่เป็นทุนเดิมแล้ว เขาเลยเลือกจะเอาของโปรดมาใส่มากกว่าเดิมเพื่อหลอกล่อให้คนตัวผอมกินเยอะที่สุดเท่าที่จะกินได้

     

                เมื่อเช้าแม่เราโทรมา

     

                คุณแม่บอกว่าอะไรครับ

     

                บอกว่าเซฮุนดื้อไง

     

                ง่ะ..” เซฮุนทำหน้างอ “ถ้าอยู่ที่บ้าน คุณแม่ต้องดุเซฮุนแน่ๆ

     

                อยู่ที่นี่พี่ก็จะดุ

                หรี่ตามองแล้วยื่นช้อนไปจ่อปากบางชมพู ก่อนอีกฝ่ายจะอ้าปากรับข้าวกับซุปร้อนๆไปเคี้ยวแก้มตุ้ยแถมบุ้ยหน้าใส่เขา มือหนาเลื่อนไปเสยผมหน้าม้าที่ยาวปิดตาออกให้ เห็นเม็ดเหงื่อเริ่มผุดขึ้นบนใบหน้าสวย คงเป็นสัญญาณเตือนว่าไข้เริ่มลดลงแล้ว

                ขึ้นชื่อว่าเป็นแม่ ย่อมรู้ใจลูกที่เลี้ยงมาเองกับมือ ถือเป็นคราวดีที่คุณน้าโทรมาและเขาเป็นคนรับ .. ซุปสาหร่ายใส่เต้าหู้เยอะๆมันทำให้เด็กกินน้อยกลับกินเยอะขึ้นมาตามที่คาดหวังเอาไว้ เขาแอบตักข้าวเยอะกว่าปกติ และเซฮุนก็กินได้เรื่อยๆจนเกือบจะหมดในอีกไม่กี่คำ

     

                “พี่เชฟไค ~”

     

                “ว่าไงครับคุณนักชิมเขยิบเข้ามาใกล้ แล้วดึงผ้าห่มของตัวเองออกไปไว้ข้างตัว เอาหัวพิงต้นแขนอีกคนจนสัมผัสได้ถึงร่างกายอุ่นๆที่ยังไม่หายป่วยดี จงอินยิ้ม มองเด็กที่จู่ๆก็เข้ามาออดอ้อนเขาจนต้องหยุดป้อนไปชั่วคราว

     

    "เสียงแหบแบบนี้สงสัยจะร้องเจี๊ยบๆให้พี่ฟังไม่ได้แล้วมั้ง"

     พูดพลางยกมือขึ้นไปลูบกลุ่มผมนุ่มเบาๆ ปล่อยให้คนตัวขาวทำแบบนั้นจนพอใจ ก่อนจะได้ยินเสียงพึมพำออกมาจากริมฝีปากบาง เบาพอที่จะได้ยินกันแค่สองคน ตามด้วยสัมผัสนุ่มนิ่มราวกับมาชเมลโล่ที่ประทับลงข้างแก้มในรวดเดียว .. แต่ถ้าถามว่าอะไรที่นุ่ม หวาน และน่ากินกว่ามาชเมลโล่น่ะเหรอ..

     

                'จุ้บ ~'

     

                คงจะเป็นริมฝีปากสีชมพูของคุณ : )

     

    "ป่วยแบบนี้คงวาดรูปต่อไม่ไหว..”

    “แต่ถ้าอยากกินคุณบราวนี่ ขอมัดจำด้วยสิ่งนี้ก่อนได้ใช่ไหมครับคุณไค" (' - ')

     

     

    และกฎข้อใหม่ในวันนี้ ..

    จุ้บหนึ่งครั้ง = บราวนี่หนึ่งชิ้น

     

     

    - - - - - - - - - -

     

     

    แด่กลางดึกที่ฝนตก ..

    แด่ท้องฟ้าที่มืดสนิท

    แด่คุณ.. ที่เข้ามาทำลายความเหงา : )

     

    สี่ทุ่มสิบสองนาที อากาศเย็นเนื่องจากเม็ดฝนที่ตกลงมาโดยไม่มีท่าทีจะหยุดจะหย่อนราวกับอัดอั้นมานาน แต่สำหรับคนที่อยู่ในห้องอุ่นๆกับผ้านวมผืนหนา คงไม่ต้องใส่เสื้อกันหนาวให้อึดอัด แน่นอนล่ะ คนอย่างแบคฮยอนไม่ใช่คนขี้หนาวอะไรอยู่แล้ว แถมมีขนมเพิ่มไขมันอย่างมันฝรั่งถุงโตไซส์แฟมิลี บ่งบอกว่าคืนนี้..ยังอยู่ได้อีกยาว!

    แบคฮยอนเปิดดูรายการเพลงเกาหลีที่อุตส่าห์ไปขอเปิดช่องมาจนได้ คิดถึงภาษาบ้านเกิดตัวเองเหลือเกิน เพลงเคป๊อปในตอนนี้ กำลังโด่งดังขึ้นกว่าเมื่อก่อน และเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย หลายค่ายดังขยันกันปั้นศิลปินหน้าใหม่มางัดกันอย่างไม่มีใครยอมใคร

     

    "โอ้โห กูไม่ได้กลับเกาหลีนาน พัฒนามาถึงขั้นนี้แล้วเหรอวะ" T v T

    กลัวใจจริงๆครับ ยามเห็นน้องสาวหน้าขาวปากแดงคนนั้นนุ่งสั้นรัดแน่นแล้วมันทำพี่ขนลุกเหลือเกิน หน้าตามันก็สวยอยู่หรอกคุณ แต่สวยอย่างเดียวไม่พอไง เสื้อผ้าที่ใส่กัน ทำเอาผมนี่ใจหวิวไปด้วยโดยเฉพาะตอนเต้นแหกแข้งแหกขาแบบนั้น นี่ก็ผู้ชายเว้ย แอบใจเต้นบ้างไรบ้าง(?) อยากจะเอามือไปปิดให้จริงๆ .. เออ! เมื่อก่อนมีความคิดที่อยากจะไปสมัครเป็นเมเนเจอร์ของค่ายหนึ่งตอนเรียนจบป.ตรีใหม่ๆอยู่ด้วยแหละ แต่นิสัยโก๊ะๆแบบนี้คงจัดการอะไรให้ใครเขาไม่ค่อยได้ ทางที่ดีควรจัดการกับชีวิตตัวเองก่อน แถมไอ่สายที่ผมเรียนมามันก็ไม่ค่อยบันเทิงสักเท่าไหร่ด้วยดิ ก็นะ..เรียนจบใหม่ๆยังมึนกับชีวิตมหาลัยอยู่ พอถึงเวลาหางาน ก็ยังเป็นช่วงอาฟเตอร์มึนมั้ง = _ =

    อืม..สุดท้ายก็ต้องมาเรียนต่อโทที่นี่จนได้ล่ะ แน่นอนว่างานที่จะทำหลังจากจบโท ก็ยังไม่ได้คิดอีกเหมือนเดิม ม๊าบอกว่าบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของเพื่อนม๊าจองตัวผมไปทำงานด้วยแหละ แต่ยังไม่มีอารมณ์นั้นเลยเว้ย ผมเกลียดการนั่งอยู่ในออฟฟิศมากให้ตายเหอะ พอมาอยู่นี่ถึงได้หางานทำแบบฟรีสไตล์ เอาความรู้ในหัวเกี่ยวกับตัวเลขมานั่งนับขนมแล้วก็เป็นแคชเชียร์ให้ร้านลุงเจสัน แม่งโคตรอินดี้ ..

     

    '1 message'

     

    เสียงแจ้งเตือนข้อความดังขึ้น ก่อนแบคฮยอนจะละสายตาจากน้องอึ๋มคนนั้นแล้วหันไปสนใจโทรศัพท์มือถือที่วางแหมะเพราะชาร์ตแบตอยู่ข้างๆ รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าหวานตอนเห็นว่าเจ้าของข้อความนั้นเป็นใคร .. อันที่จริงก็รอเขาตอบอยู่นั่นแหละ ทีวีนี่ก็เปิดเพราะไม่มีไรทำไปงั้น(?)

     

    Chanyeol: นอนหรือยังครับ?

    Baekhyun: นอนแล้วครับ นี่คือข้อความตอบกลับอัตโนมัติ

     

    พิมพ์กวนๆกลับไปก่อนจะยกขาขึ้นมานั่งท่าขัดสมาธิ มืออีกข้างก็หยิบขนมใส่ปากไม่เลิก ถุงขนาดนี้ผมกินสามวันหมด บางทีก็กลัวตัวเองว่ะ เหมือนไปอดอยากมาจากไหน แต่ม๊าบอกเองว่าให้กินเยอะๆ อยู่นี่ห้ามอดห้ามลด เออ..ละพอกลับไปเจอกันนะ เรียกผมว่าหมูตอนงี้ ผมนี่ขึ้นเลยครับ (น้ำหนักขึ้น)

     

    Chanyeol: เสียดายจังครับ

    Chanyeol: แบคฮยอนนอนแล้ว..คืนนี้ผมคงมาเสียเที่ยว

     

    อ่านข้อความเดิมอยู่ซ้ำๆสามรอบถ้วน ก่อนจะกรอกตามองไปมาอย่างใช้ความคิด ที่คุณปาร์คชานยอลเขาพิมพ์มาแบบนั้นหมายความว่าอะไร น้องแบ้กไม่เข้าใจจริงๆฮะ เป็นคนสมองช้ากับเรื่องแบบนี้ม๊ากมาก

     

    Chanyeol: ออกมาตรงระเบียงหน่อยสิครับ : )

     

                ชัด ..

     

                ใช้เวลาอยู่หลายวิกว่าสมองจะสั่งการให้ตัวเองลุกจากโซฟาตัวนิ่ม สาวสวยบนหน้าจอทีวีไม่อาจเรียกความสนใจของบยอนแบคฮยอนได้เหมือนก่อนหน้านี้ ประโยคดังกล่าวทำให้หัวใจที่เต้นรัวเวลาคุยกับเขาอยู่แล้ว ดังกระหน่ำกว่าเดิมเมื่อรู้ว่าปาร์คชานยอล .. มาหาเขาถึงหอ

                เดินออกไปนอกระเบียงตามที่อีกฝ่ายบอกอย่างไม่รีรอ ข้างนอกฝนยังตกราวกับเทน้ำเทท่า ในใจก็รีบร้อนชวนให้เป็นห่วงว่าชานยอลมาอย่างไร ก่อนจะรีบชะโงกหน้าไปมองหาผู้ชายตัวสูงคนนั้น ห้องของเขาอยู่ชั้นสาม ไม่ได้สูงจนจะมองถนนด้านล่างไม่เห็น ขมวดคิ้วชั่งใจเตรียมกดโทรออกถามว่าอีกคนอยู่ที่ไหนกันแน่ ทว่าสายตากับสะดุดเข้ากับสิ่งมีชีวิตตัวสูงในเสื้อคลุมสีเข้มที่เขาชอบใส่ และร่มคันสีดำสนิทอยู่ข้างต้นไม้

     

                “รอ - แปป - นึง - นะ - คุณ!

                เอามือป้องปากแล้วตะโกนสู้เสียงฝนพอให้คนข้างล่างได้ยิน ก่อนจะหายเข้าไปในห้องอีกครั้ง มองหาร่มสักคัน แล้วก็รีบวิ่งลงไปชั้นล่างให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ คุณลุงเฝ้าหอเลยทักเขาว่าจะออกไปหาของกินตอนกลางคืนอีกแล้วเหรอ แบคฮยอนปฏิเสธ อมยิ้มจนแก้มแทบแตก ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที..จากตึกสามชั้น = _ =

     

                “รอ..เอ่อ นานไหม”

     

                “ผมยังไม่ทันกระพริบตาเลยครับ” ชานยอลแกล้งแซว “คุณออกมาทำไม โดนละอองฝนเปล่าๆ”

     

                “ก็มารับคุณ..”

     

    “ผมก็กำลังจะไปหาอยู่นี่ไง” ตอบกลับยิ้มๆแล้วมองคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ใต้ร่มสีฟ้าอ่อน แบคฮยอนพาเขาเดินเข้าไปหลบฝน ใบหน้าของอีกฝ่ายเหมือนกำลังจะถามออกมาว่า ทำไมถึงมาหาเขาที่นี่ตอนนี้ และนั่นคือสิ่งที่ชานยอลกำลังจะสารภาพออกมา

     

    “คุณมาที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่”

     

    “ก็ประมาณยี่สิบนาทีที่แล้วครับ..” ชานยอลตอบ “..อันที่จริง”

     

    “...”

     

    “บ้านผมไฟดับน่ะ..” ^^;;;

     

    “ห้ะ!!” สาบานว่าเสียงฝนมันดังมากจริงๆนะคุณ แต่คงดังสู้เสียงแบคฮยอนเมื่อสักครู่นี้ไม่ได้ = _ =

     

    “แล้วทำไมเพิ่งมาบอกผมตอนนี้เล่า!

     

    “ผมกลัวว่าคุณกำลังจะนอน แต่เห็นว่ายังไม่ปิดไฟซะที เลยตัดสินใจทักไป..” แบคฮยอนจิ๊ปากขัดใจ มองหน้าอีกคนด้วยอารมณ์ที่อยากจะหยิกต้นแขนเสียให้เขียวช้ำ ถึงจะมีร่มคอยบังฝน แต่ตกหนักแถมลมแรงขนาดนี้ ละอองฝนและลมเย็นๆมันก็ทำให้ป่วยได้เหมือนกันเหอะ!

     

    “คุณนี่..” แบคฮยอนฟึดฟัด “จริงๆเลย!

    เพิ่งจะรู้สึกว่าอีกฝ่ายทำตัวเหมือนแม่ที่ดุลูกเรื่องกลับบ้านช้าในคืนฝนตกก็วันนี้ สุ้มเสียงหวานบอกให้เขาขึ้นไปบนห้องของตัวเองก่อน แล้วค่อยว่ากันอีกที แบคฮยอนถามว่ากินอะไรมาหรือยัง ก็ได้แต่ส่ายหัวตอบไปตามความจริง วันนี้เป็นวันที่เลิกงานดึก เลยไม่ได้นัดเจอกันแบบทุกวัน จะหาอะไรกินเสียหน่อยก็ดันมาฝนตกจนคิดว่าจะกลับไปทำอาหารกินเองที่บ้าน ใครจะรู้..ว่าฝนจะตกหนักถึงขั้นไฟดับทั้งหลัง ไม่สิ..ทั้งหมู่บ้าน = _ =

     

    “รบกวนหรือเปล่าครับ”

     

                “ไม่เลย แต่ผมยังโกรธคุณเรื่องนั้นไม่หายจริงๆอ่ะ ให้ตายเหอะ” = 3 =

     

                “อะไรกัน..โกรธที่ผมยืนอยู่ยี่สิบนาทีโดยไม่บอกคุณว่ามาหาน่ะเหรอ” ชานยอลอมยิ้ม

     

                “รู้แล้วยังจะถาม!

     

                “คุณเป็นห่วง ?”

     

                “ก็..ใช่”

     

    “น่ารักจัง” : )

                แม่ม! หยุดเลยนะหยุดเลย หยุดอยู่ตรงนั้นแหละปาร์คชานยอล จำเป็นต้องยื่นหน้ามาพูดประโยคนั้นใส่กันขนาดนี้เชียวเหรอไง แล้วทำไมต้องยิ้ม รอยยิ้มของคุณมันกำลังทำให้ผมหายใจไม่ออก ไม่รู้เหรอ..

                แบคฮยอนเม้มปาก พยายามหันหน้าหนีแต่ก็ไม่พ้นสายตาของผู้ชายคนนั้น กว่าจะหาทางออกได้ก็ต้องขอบคุณตู้เย็นที่อยู่ใกล้ตัว จัดการเปิดมันออกมาโชว์ของกินที่ตุนไว้เต็มตู้ ให้เลือกจนตาลายไปเลยว่าอยากกินอะไร .. เรื่องเอาตัวรอด(ไม่ให้เขินเขา)นี่ขอให้บอก = w =b

     

                “ห..หิวไม่ใช่เหรอคุณ อยากกินอะไรล่ะ” ตอบด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก แล้วเก๊กหน้าขรึมใส่ราวกับไม่รู้สึกรู้สากับคำพูดนั้นของชายตัวสูง .. เรื่องนี้จะหลุดถึงหูแม่ไม่ได้เด็ดขาด ว่าแบ้กพาผู้ชายเข้าห้องแล้ว - 0 -

     

                “กินอะไรก็ได้ครับ”

                เออ..ก็อยากจะถามพี่เขาออกไปเหมือนกันว่าไอเมนูที่ชื่อ อะไรก็ได้มันอยู่ไหนวะ ว่าแล้วก็มองหาซะหน่อย แหม่ ; _ ;

     

                “เอางี้ คุณไปนั่งรอ สิบนาทีพร้อมเสิร์ฟเลย” (‘ - ‘b)

                ทำหน้ามั่นอกมั่นใจ แล้วดันแผ่นหลังอีกคนให้ไปนั่งที่โซฟารอเขาหน้าทีวี ตามด้วยคำพูดติดตลกว่าให้ปาร์คชานยอลนั่งดูน้องอึ๋มในรายการอินกิกาโยที่เปิดอยู่ไปก่อน แถมยังพูดทิ้งท้ายว่าวงสาวๆเดบิวต์เยอะมาก น่ารักจนอยากกลับเกาหลีไปตอนนี้เลย ชานยอลอมยิ้มบาง บางเสียจนคิดว่าอีกฝ่ายคงจะไม่สังเกตเห็นรอยยิ้มนั้นหรอก .. รอยยิ้มที่มาพร้อมกับประโยคคำถามในใจของชายตัวสูง ..

     

    ใครมันจะไปน่ารักเท่าคนช่างพูดอย่างคุณกัน : )

     

                .

                .

     

                TBC

     

     

    - - - - - - - - - -

     

    จู่ๆก็อยากกินคุณบราวนี่ ♥
    ปล.ฉาก CUT บนไบโอทวิตเราเลยค่ะ
    ขอบคุณที่หลงเข้ามาอ่านจนถึงตอนนี้น้า (. _ .)

    #ฟิคเบคอะวิช

     

     

    CR.SHL
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×