ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ( exo ) BAKE A WISH - KAIHUN ft. EXO

    ลำดับตอนที่ #5 : 04 : ดาวบนท้องฟ้า สวยน้อยกว่าคุณเสมอ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.52K
      33
      20 ก.ย. 58







     

    CHAPTER 4

     

     


     

     

    ในขณะที่โลกกว้าง ก็ยังคงความกลมเอาไว้เสียจนเดินไปทางไหน ก็เหมือนว่ามันจะหมุนให้คนที่ไม่ได้เจอกันกว่าสิบปี ได้กลับมาเจอกันได้อีกครั้ง .. โอเซฮุนในวัยเก้าขวบ เติบโตเป็นโอเซฮุนในวัยสิบเก้า เป็นเวลาสิบปีที่เขากับ 'คิมมินซอก' แยกจากกันด้วยเหตุผลบางประการของผู้ใหญ่และการทำงานที่ต้องย้ายถิ่นฐาน แต่ไม่ว่าจะด้วยอะไรก็ตาม เด็กอายุเท่านั้นจะสนใจอะไรนอกจากความเศร้าและเสียดายที่เพื่อนรักตั้งแต่อนุบาลยันป.สามอย่างมินซอกต้องบอกลากันไปไกล วันเวลาพาทุกคนให้เจอกับการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ยิ่งโตขึ้นก็มีสิ่งให้รับผิดชอบมากขึ้น และมันคงไม่แปลกที่เพื่อนสนิททั้งสองจะขาดการติดต่อกันไปนานขนาดนี้ แต่ถ้าถามว่าเขาเคยลืมไหม .. ไม่เลย : )

     

    "มินซอกเปลี่ยนไปเยอะเลยอ่ะ" (' - ')

     

    "ไม่ใช่หมูตอนแบบตอนเด็กๆแล้วด้วย"

     

    "ผอมๆแบบนี้เราก็ไม่มีก้อนไขมันให้กอดอุ่นๆแล้วน่ะสิ"

     

    "คิดว่าเจอกันอีกทีเซฮุนจะอ้วนขึ้นบ้าง..กินข้าววันละกี่มื้ออ่ะถาม"

     

    "ก็..กินปกตินะ"

     

    "เหรอ" (- _ -)

     

    "อือ" (. _ .)

     

    "ไอ้ฮุนผ้าเช็ดหน้าเอ๊ย"

     

    "หยุดเรียกเราแบบนั้นซะทีมินซอกอ่า.."

                ความลับหนึ่งข้อของเด็กคนนี้ คือการที่ติดผ้าเช็ดหน้า และจะพกใส่กระเป๋าเสื้อตัวเองทุกครั้งจนเพื่อนผู้ชายด้วยกันล้อจนเป็นฉายาดังกล่าวที่อีกฝ่ายเรียกเขาก่อนหน้านี้ 'ฮุนผ้าเช็ดหน้า' ไม่ว่าได้ยินเมื่อไหร่ หรือที่ไหน ก็ยังรู้สึกว่ามันน่าอายทุกครั้ง ถึงจะติดผ้าเช็ดหน้าจริงอย่างที่ถูกล้อ แต่ตอนนี้เขาก็ไม่ได้ติดขนาดนั้นเสียหน่อย ก็แค่พกเป็นบางครั้งเวลาออกจากบ้าน เจอฝุ่นเจอควันก็ต้องป้องกันไว้ก่อนไม่ใช่หรอกเหรอไง และถ้าจะโทษว่าเป็นเพราะใคร คงจะไม่พ้นคุณแม่แสนอนามัยอย่างโอชินฮเย

     

                "มินซอกเรียนดนตรี ?" ถามออกมาเพราะเห็นกระเป๋าไวโอลินที่อีกฝ่ายสะพายมาด้วยตั้งแต่แรก

     

    "เราเคยชอบอย่างอื่นด้วยเหรอ" คนถูกถามตอบขำๆ

     

    "ก็แค่ถามดู เผื่อว่าจะเปลี่ยนใจไปเรียนหมอแบบที่คุณหม่าม๊าของมินซอกอยากให้เป็นไง" เซฮุนพูดขำๆ นึกถึงคุณหม่าม๊าของเพื่อนสนิทสุดโหดก็พาลให้คิดถึงไปด้วย นานแล้วที่เขาไม่ได้ไปเยี่ยมเยียนหรืออยู่เล่นที่บ้านมินซอกจนบางทีก็ต้องค้างกันที่โน่น คุณป้าใจดี ถึงจะโหดและชอบดุมินซอกให้เขาเห็นอยู่เรื่อย แต่นั่นก็เป็นเพราะอีกฝ่ายดื้อนั่นแหละ

     

    "พูดแบบนี้มีโกรธนะ"

     

    "ท..ทำไมอ่ะ" (. _ .)

     

    "ลืมเลข 0 ในใบคะแนนวิชาวิทยาศาสตร์ของเราไปแล้วเหรอ" (- _ -)

     

    "แห่ะ..จริงด้วย"

    ยิ้มแห้งๆพลางนึกย้อนไปถึงอดีต ก็จริงอย่างที่เพื่อนว่า คิมมินซอกน่ะเหรอ.. เวลาสอบวิทยาศาสตร์ทีไร ถ้าคะแนนเต็มสิบก็ไม่เคยได้เกินห้า หนักสุดก็ตอนที่ได้ศูนย์ จนหม่าม๊าดุแทบตาย ร้องห่มร้องไห้กับเพื่อนสนิทอย่างเขาแถมเอาผ้าเช็ดหน้าที่เขาพกติดตัวไปสั่งน้ำมูกอีก เห็นไหม เห็นข้อดีของน้องฮุนผ้าเช็ดหน้าหรือยังล่ะ ..

     

    "นี่ก็ชอบวาดรูปตั้งแต่เล็กจนโต กะไว้แล้วว่าไม่พ้นอาร์คิเทค"

     

    "ไว้เราจะวาดมินซอกมาให้นะ"

     

    "ต้องไปนั่งเป็นหุ่นให้ป่ะ.."

     

    "ไม่ต้องอ่ะ เดี๋ยวเราวาดมินซอกตอนเด็กๆให้ เราจำได้"

     

    "ไม่ต้องเลย!" มองค้อนแล้วเบ้ปากใส่ ถ้าให้วาดเขาเวอร์ชั่นหมูตอนนั่นน่ะ ยอมเป็นหุ่นนั่งเฉยๆเป็นชั่วโมงจะดีกว่า  - _ -

    นาฬิกาบอกเวลาแปดโมงเศษ บ่งบอกว่ายังเหลือเวลาพูดคุยกับเพื่อนสนิทได้พอสมควร มหาลัยที่นี่เข้าเรียนเก้าโมง และมินซอกก็ยังคงจิบกาแฟชิวๆอยู่ตรงหน้าเขา ส่วนเซฮุนกินโกโก้ร้อนแทน ก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้ว่าในกระเป๋าใบเล็กของตัวเอง ไม่ได้ใส่มาแค่หนังสือเรียน

     

    "เอ้อ..เราอยากให้มินซอกชิมนี่"

     

    "ทำมากินเองเหรอ" มองกล่องพลาสติกสีขาว ก่อนจะถูกเปิดออกมาเป็นแซนด์วิชหน้าตาน่ากิน เซฮุนส่ายหน้า เอาแต่ยิ้มจนเพื่อนสนิทขมวดคิ้วสงสัย

     

    "มินซอกก็รู้ว่าเราเข้าครัวได้ที่ไหน.."

     

    "เออแฮะ" ทักษะวิชาการงานอาชีพฯเมื่อสมัยประถม ไม่อยากจะนึกสภาพโอเซฮุนในตอนนั้น ยังจำได้ดีว่ารสชาติเค้กข้าวก้อนนั้นของเพื่อนสนิทมันเป็นยังไง แน่นอนว่ามันลงไปอยู่ในถังขยะไม่เกินสามวิหลังจากเข้าปากคิมมินซอกไป - _ -

                ย้อนกลับไปตอนเช้า หลังจากที่เร่งแต่งตัวเพราะเกรงว่าจราจรจะติดขัด และกลัวคุณอาที่จะไปส่งเขาต้องรอนาน เด็กตัวผอมเลยไม่ได้นึกถึงมื้อเช้าที่สำคัญกว่าทุกมื้อ พอดื่มนมที่คุณอาเตรียมไว้ให้ ก็ตั้งท่าจะออกเพราะกลัวว่าจะไปสาย ทว่ายังมีอีกหนึ่งบุคคลที่กำลังจะเริ่มทำขนมของเช้าวันนี้ ตื่นลงมาก่อนเขาก่อนหน้านั้นอยู่แล้ว .. ไม่รู้เหมือนกันว่าคิมจงอินเอาเวลาไปทำแซนด์วิชแฮมชีสชิ้นนี้มาจากไหน ใช้เวลาที่พ่อออกไปเตรียมรถเรียกเขาเข้าไปหา ย้ำนักย้ำหนาว่ามื้อเช้าสำคัญมาก ถ้าลืมกินจะเอาแรงที่ไหนไปเรียน สารพัดที่ถูกคนเป็นพี่ดุแต่เช้า แต่ก็อดยิ้มไม่ได้เลย นั่งมองนั่งกอดกล่องแซนด์วิชก้อนโตชิ้นนั้นเอาไว้จนถึงมหาลัย แล้วเก็บใส่กระเป๋าเอาไว้จนถึงตอนนี้

     

    “อย่าบอกนะว่ามาอยู่นี่ไม่กี่วันก็มีแฟนทำแซนด์วิชมาให้กินซะละ”

     

                “ไม่ใช่นะมินซอก!” เซฮุนรีบแย้ง “พี่ไคไม่ใช่แฟน”

     

                “ใครนะ”

     

                “เอ่อ..พี่ไค..โฮสท์ของเรา” (‘ – ‘) ถ้าเป็นคนอื่นคงจะทำหน้าเอือมใส่แล้วถามกลับไปว่า คนที่พูดมาเนี่ย ทำอย่างกับเขารู้จักเสียอย่างนั้นแหละ ถ้าไม่ติดว่าชื่อนั้นมันคุ้นหูเป็นพิเศษ

     

                “มินซอก พี่โทรไปทำไมเราไม่รับสาย ?”

     

    ทีนี้รู้ละ .. ว่าเคยได้ยินชื่อนั้นมาจากไหน = _ =

     

     

    - - - - - - - - - -

     

    “สรุปแล้วน้องเซฮุนกับแฟนกูเขารู้จักกัน ละครชิบ”

     

                “ไม่เห็นแปลก”

     

                “อะไร?”

     

                “ขนาดโลกยังหมุนคนอย่างมึงมาเจอกูได้เลย”

     

                “ปากดีแล้วเชฟ เดี๋ยวก็แทงด้วยขนมปัง”

     

                “ต้องแกล้งตายไหมวะ”

     

                “ก็ดี เดี๋ยวกูโทรเรียกรถพยาบาล ถุ้ย”

                เล่นเอง ด่าเอง รับมุขเองกันอยู่ในครัว แล้วก็ปิดท้ายด้วยการส่ายหน้าอย่างเอือมระอากันทั้งคู่ จงอินใช้ผ้าเช็ดโต๊ะที่เปื้อนผงแป้งจากการทำขนมไปก่อนหน้านี้ วันนี้ทำขนมล็อตสุดท้ายเสร็จเร็วกว่าเดิม เลยมีเวลาพัก และต่อปากต่อคำกับเพื่อนที่พักหลังจะขยันมาหาบ่อยขึ้น ก่อนหน้านั้นมันพาเซฮุนมาส่ง ถือโอกาสพาเด็กหรือแฟนมันที่คบอยู่มาเปิดตัว เนื่องจากบังเอิญเป็นเพื่อนกับเซฮุน โลกกลมอย่างที่ว่าจริงๆนั่นแหละ แต่ก็ถือว่าดี..เวลาเซฮุนอยู่ที่มหาลัย จะได้หมดห่วงไปบ้าง โก๊ะๆแบบนั้นกลัวเหลือเกินว่าเจ้าตัวเล็กจะยังไม่ชินกับที่นี่ มึนจนถูกฝรั่งกุ๊ยมันหลอกเข้าน่ะไม่ดีแน่

     

                “มึงจะเอาขนมกลับไปกินหรือเปล่า”

     

                “บอกไม่เอา พ่อมึงก็ให้กูไปกินฟรีอยู่ดีอ่ะ”

     

                “เออ” จงอินยิ้มขำ “ขอบคุณที่มาส่งเซฮุน”

     

                “คนกันเอง แฟนเพื่อนก็เหมือนแฟนเรา”

     

                “อะไรนะครับมินซอก” แกล้งชะโงกหน้าออกไปราวกับว่าบุคคลที่สามเดินมาจริงๆ และนั่นก็ทำให้คนอย่างลู่หานหันหลังไปแทบจะทันที ส่ายหน้าเอือมๆกับสันดานผู้ชายแท้ๆอย่างมัน จนถึงตอนนี้ก็ยังแซวเรื่องน้องไม่เลิก = _ =

     

                “เซฮุนน่ารักดี”

     

                “อืม”

     

                “ที่พูดเนี่ยไม่ได้กวนตีน .. แต่ถ้าไม่รีบทำอะไรระวังหมาคาบไปแดก”

                ยักไหล่อย่างกวนอารมณ์แล้วหยิบชูครีมที่เพื่อนสนิททำเหลือไว้งับไปทีครึ่งชิ้น ถึงจะเจอกันกี่ทีก็ด่ากันทุกรอบ แต่เรื่องรสชาติขนมของมัน ด่าไม่ลงจริงๆ หยิบกินได้ทีละหลายๆชิ้นโดยไม่รู้สึกเลี่ยนเหมือนที่อื่นเลย

     

                “แล้วไง” จงอินมองหน้า ลู่หานเลยทำหน้าเอือมกลับไปที ติดว่าปากมันกำลังกินขนมอร่อยๆอยู่หรอก (ไม่ได้เห็นแก่กินเลยแม้แต่น้อย) ไม่งั้นก็จะด่าไอ้เพื่อนสนิทคนนี้เสียหน่อย มึงมันฟอร์มจัด!’ มีนางฟ้าตัวน้อยๆอยู่ด้วยขนาดนี้แล้วจะรออะไร ปากแข็งอย่างโน้นอย่างนี้ แต่ตาก็มองน้องตลอด ทว่าสารพัดคำด่าที่เตรียมจะหลุดออกมาจากปากของลู่หานกลับกลืนลงท้องไปพร้อมขนมเสียหมด .. เมื่อประโยคต่อมา ทำให้เขาแทบไม่เชื่อหูตัวเองว่ามันจะหลุดออกจากปากของคิมจงอิน

     

                “เซฮุนไม่ใช่ของข้างทางที่หมาจะคาบไปแดกง่ายๆ”

     

     

    - - - - - - - - -

     

     

    หากจูบของผมมันสามารถไล่ปีศาจในฝันร้ายของคุณได้ จงอย่าโกรธที่ผมทำลงไป

    ผมเป็นเพียงเป็นอัศวินปลายแถวที่แค่จะปกป้องเจ้าหญิงอย่างคุณ..ก็เท่านั้น

     

     

                โทรศัพท์มือถือเครื่องใหญ่วางแน่นิ่งลงกับเตียงอย่างจำใจ พร้อมกับหยาดน้ำใสจากดวงตาคู่สวยไหลอาบแก้มทั้งสองข้างอย่างไม่ใยดี ดวงหน้าที่เคยน่ารัก ที่เคยเปื้อนแต่รอยยิ้ม กลับกลายเป็นดวงตาที่แดงและบวมช้ำจากการร้องไห้อย่างหนัก .. เสียงสะอื้นภายในห้องสี่เหลี่ยมเล็ก คงจะเป็นสิ่งที่น่าหดหู่ที่สุดในตอนนี้

                ไม่คิดไม่ฝันว่าแค่จากบ้านมาได้ไม่ถึงเดือน ก็ได้รับข่าวร้ายจากครอบครัวเสียแล้ว และมันก็ยิ่งแย่ไปกว่าเดิมเมื่อคนที่อยู่ห่างไกลอย่างเขาไม่มีโอกาสทำอะไรได้สักอย่างนอกจากกรอกเสียงผ่านโทรศัพท์อย่างคนเป็นบ้า เฝ้าถามย้ำว่าไม่จริงใช่ไหม แต่ในเมื่อความจริงเป็นสิ่งที่หนีไม่ได้ .. การร้องไห้ออกมาก็เลยเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับโอเซฮุนในตอนนี้

     

                “...”

                ปลายเท้าก้าวออกจากพื้นห้อง ปิดประตูลงอย่างแนบสนิท ก้าวขาเดินไปห้องข้างๆหรือห้องของใครอีกคนที่มีแสงสว่างรอดออกมา บ่งบอกให้รู้ว่าเจ้าของห้องยังไม่นอน แต่ถึงจะนอน เขาก็คงจะเสียมารยาทเคาะประตูบานนั้นอยู่ดี เพราะโอเซฮุนในตอนนี้ ไม่สามารถควบคุมสติตัวเองให้อยู่เฉยๆต่อไปได้อีกแล้ว

                ยกมือขึ้นเคาะประตูด้วยแรงทั้งหมดที่มี พยายามกลั้นเสียงสะอื้นแต่ก็ทำได้ยากจนต้องปล่อยให้ร้องออกมาอย่างนั้น พอดีกับที่บานประตูเล็กเปิดออกมาพร้อมกับเจ้าของกายสีน้ำผึ้งคนเดิม .. หากจะถามว่าคิมจงอินตกใจมากแค่ไหน มันก็เหมือนกับการถูกผลักให้หล่นจากตึกสูง ยามเห็นใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา พร้อมกับเสียงสะอื้นไห้โดยที่กายผอมไม่พูดอะไรสักคำแบบนั้น

     

    น้องร้องไห้ ..

     

    "พี่ไค.."

    เรียกชื่อเขาออกมาแล้วโผเข้ากอดอย่างไม่รีรอ ดวงตาบวมช้ำมองทุกสิ่งรอบตัวพร่ามัวแม้กระทั่งใบหน้าของคนเป็นพี่ คนถูกกอดได้แต่ยืนอยู่นิ่งๆ ทำได้มากที่สุดก็ลูบผมน้องเบาๆเป็นการปลอบให้คนที่กำลังสะอื้นอยู่ที่อกคิดว่ายังมีเขาที่ยืนอยู่ตรงนี้ โดยไม่คิดถามน้องว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะถ้ามันเป็นการย้ำความรู้สึกแย่ๆที่น้องไม่พร้อมจะเล่า เขาก็จะเป็นฝ่ายรอฟัง

     

    "คุณพ่อ ฮึก..เข้าไอซียูครับ.."

    เงยหน้าพูดทั้งน้ำตาราวกับรู้ว่าคนเป็นพี่จะถามว่าเขาเป็นอะไร ที่มาที่ทำให้โอเซฮุนร้องไห้หนักและแทบจะทรุดลงกับพื้นเมื่อทราบข่าวจากทางบ้านว่าอาการหัวใจของพ่อกำเริบหนักอีกครั้งจนต้องเข้าห้องไอซียู .. โอเซฮุนทำได้เพียงแค่ถามไถ่อาการของพ่อซ้ำไปซ้ำมาอย่างคนไร้สติ เพียงแค่ต้องการฟังว่าคุณพ่อสบายดี โอชินฮเยก็ได้แต่โกหกว่าคุณพ่อปลอดภัย ทั้งๆที่อยู่ในขีดอันตราย ไม่อยากให้ลูกที่อยู่ไกลจะเสียขวัญ เพราะรู้ดีว่าเซฮุนจะเป็นอย่างไรเมื่อได้ทราบข่าว จะไม่บอกเลยก็ไม่ได้ จะบอกทั้งหมด คนเล็กของคุณแม่คงไม่เป็นอันทำอะไร เธอพยายามกลั้นเสียงร้องไห้ ไม่ให้ลูกต้องคิดมาก ถึงจะต้องโกหก แต่เธอเชื่อว่าทุกอย่างจะดีขึ้นหลังจากนั้น และสามีของเธอจะต้องไม่เป็นอะไรอย่างที่บอกกับลูกไปจริงๆ

     

    "คุณพ่อจะต้องหายนะครับ คุณพ่อจะไม่เป็นอะไรนะ" ลูบกลุ่มผมสีเข้มอย่างเบามือ เพราะเขาเองก็คงทำได้แค่นี้ มองหน้าน้องแล้วหัวใจก็แทบสลาย ทั้งๆที่โอเซฮุนในตอนที่ยิ้มและมีความสุข รอยยิ้มของน้องหวานยิ่งกว่าขนมที่เขาทำมาทุกชิ้นเสียอีก แต่พอมองน้องในตอนนี้ กลับสงสารจนไม่อยากจะปล่อยกอดออกไปเลย เซฮุนร้องไห้เหมือนคนจะขาดใจ เลยพาลให้คนมองใจจะขาดไปเหมือนกัน

     

    "เซฮุน..เห็นดาวตรงนั้นไหม” พาเดินไปที่หน้าต่าง ชี้ดาวดวงที่ส่องสว่างที่สุดให้ดูแล้วน้องก็พยักหน้าไปพร้อมๆกับน้ำตาที่หยดลงบนแขนของเขา

     

    "รู้ไหม..ต่อให้เราอยู่ที่ไหนก็ตาม เราก็จะเห็นดาวดวงนั้นเสมอ"

     

    "..."

     

    "คุณพ่อของเซฮุน ก็จะเห็นดาวดวงนี้ .. ดวงเดียวกับเซฮุน"

    กระซิบเบาๆและนั่นก็พอจะทำให้เสียงสะอื้นของคนที่ร้องไห้หนักแผ่วเบาลงบ้าง ยามกายผอมสั่นในอ้อมกอด ก็ยิ่งอยากจะกอดแน่นๆ และมันก็ทำให้รู้ว่าโอเซฮุนที่ตัวเล็กแค่นี้ ไม่ควรปล่อยหรือทิ้งขว้างไว้คนเดียวเลย

     

    "ซ..เซฮุน..อยากให้คุณพ่อเห็นดาวดวงเดียวกับเซฮุนครับ"

    บังคับเสียงไม่ให้สะอื้นจนพูดได้เป็นประโยค หลังจากที่ก่อนหน้านั้นพยายามจะพูดแต่ก็พูดไม่รู้เรื่อง .. จงอินยิ้มบางๆ คิดหาอะไรสักอย่างที่พอจะบั่นทอนความเศร้านี้ออกไปได้บ้าง ถึงแม้ว่ามันจะยาก และคนที่ไม่ได้เจอกับตัวอย่างเขาคงไม่เข้าใจดีเท่ากับตัวเซฮุนเองก็ตาม แต่เขาเชื่อ ว่าถ้าคุณพ่อของน้องรู้ ท่านเองก็คงเสียใจไม่ต่างกันที่ต้องทำให้ลูกรักและคนอื่นๆเป็นห่วงแบบนี้

     

    ที่นี่..ฮึก จะมีดาวเยอะไหมครับ

    และสุ้มเสียงเล็กก็เงยหน้าขึ้นถามอีกครั้ง เซฮุนมองออกไปข้างนอกหน้าต่าง เงยหน้ามองท้องฟ้าที่มีเพียงแสงจันทร์ กับดาวประจำเมืองที่พอจะส่องสว่างให้เห็นอยู่บ้าง ส่วนดวงอื่นๆก็ให้แสงน้อยจนแทบจะมองไม่เห็นได้ด้วยตาเปล่าเลย

     

    ในเมืองไม่ค่อยเห็นหรอก เราอยากเห็นเยอะๆเหรอ"

     

    ค..ครับเซฮุนพยักหน้า กลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ หากแต่คนมองกลับกระตุกยิ้มอย่างเอ็นดู มองหาอะไรบางอย่างที่พอจะทดแทนดวงดาวสวยๆบนท้องฟ้าแล้วก็ได้กระดาษเก่าๆแถวนั้นออกมาหนึ่งแผ่น

    ถึงสุ้มเสียงของคนน่ารักจะถามออกมาว่าเขากำลังจะทำอะไร ทว่าคิมจงอินกลับไม่ตอบคำถามของน้องในตอนนี้ พอดีกับที่ฉีกกระดาษแผ่นนั้นออกมาได้อย่างตรงเฉียบหลังจากพับเป็นรอยกรีดแหลม จนได้เป็นกระดาษขนาดความกว้างประมาณหนึ่งเซ็น ส่วนความยาวก็เท่าเอสี่แนวตั้งที่เขาหยิบมา

    คิมจงอินเป็นผู้ชายที่มีนิสัยความเป็นผู้ชายสูงไม่ต่างกับคนอื่น ถ้าไม่นับเรื่องเข้าครัว และแน่นอนว่าการนั่ง พับดาวแบบนี้ เจ้าของกายสีน้ำผึ้งก็ไม่คิดจะเสียเวลากับมันเลยแม้แต่น้อย หากแต่เวลานี้เขากลับรู้สึกอยากจะทำมันออกมาให้ดีที่สุด ให้พอกับการทำขนม .. จากเศษกระดาษกลายเป็นดาวดวงเล็กเหมือนที่ใครๆต่างพับเก็บไว้ในขวดโหล ถึงมันจะไม่ระยิบระยับสวยงามน่าเก็บ กระดาษก็เป็นเพียงสีขาว ไม่สวยหรือมีรวดลายน่ารักน่ามอง ทว่าเขาก็ตั้งใจทำออกมาให้เป็นรูปร่างห้าแฉกอย่างที่ดีที่สุดแล้ว

    เซฮุนมองการกระทำนั้นโดยที่ตัวเองลืมร้องไห้ไปเสียสนิท เสียงสะอื้นหายไป แต่ในใจก็ยังคงคิดเป็นห่วงคนเป็นพ่อ ทว่าเวลานี้ พี่ไคกลับทำให้เขาจ้องอยู่กับมันจนกระทั่งสิ่งที่เรียกว่า 'ดาว' ถูกยื่นมาตรงหน้า

     

    "มีตั้งห้าดวงแล้วนะ เซฮุนอยากได้อีกไหมครับจงอินยิ้ม "ถ้าอยากได้เดี๋ยวพี่จะตัดกระดาษแล้วพับให้อีก ดีไหม?"

    เอ่ยถามคนเป็นน้องที่ก้มลงมองดาวในมือตัวเองหลังจากรับมาจากเขา ไม่มีสุ้มเสียงน่ารักที่เคยส่งเสียงเจื้อยแจ้วดังให้ได้ยิน จนเริ่มอยากฟังน้องบ่นงุ้งงิ้งข้างหูเป็นลูกเจี๊ยบอีก เขารู้ว่าน้องกำลังเสียใจ และก็ไม่คิดเซ้าซี้บังคับให้น้องพูดหรือทำอย่างโน้นอย่างนี้ที่ต้องการ เพียงแค่ได้ยืนอยู่ตรงนี้ ทำให้รู้ว่ายังมีพี่ไคของเซฮุนยืนอยู่ข้างๆทั้งคนตรงนี้ก็พอแล้ว

     

    ดาวกระดาษของผม คงสวยสู้ดวงดาวที่ยืนอยู่ต่อหน้าผมคนนี้ไม่ได้

     

    “เซฮุน..”

     

    พี่ไคครับ.. ไม่เงยหน้าขึ้นมาแต่ก็เรียกชื่อคนเป็นพี่ ใช้หลังมือขึ้นมาปาดน้ำตาแล้วกำดาวทั้งห้าดวงในมือไว้แน่น.. ยามเสียงของน้องเรียกชื่อเขา ไม่มีครั้งไหนที่ก้อนเนื้อไม่รักดีก้อนนี้มันจะไม่เต้นรัว กระตุกสั่นรอฟังสิ่งที่น้องจะพูดทุกครั้งไป

     

    "เซฮุนขออยู่กับพี่ไคได้ไหม.."

    และนั่นคือประโยคสุดท้ายก่อนที่คนตัวผอมจะซุกหน้าลงบนอกแล้วกอดเขาแน่นอีกครั้ง คิมจงอินไม่สนใจว่าเสื้อตัวเองจะเปียกไปด้วยน้ำตาแค่ไหน ได้กอด ได้ปลอบก็พอแล้ว

    เพราะเขาไม่คิดจะปฏิเสธตั้งแต่แรกเลยประครองกายบอบบางมาที่เตียง น้องก็กอดเขาแน่นไม่ยอมปล่อยจนต้องกระซิบว่าให้เซฮุนนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นไปมหาลัย และถ้าเอาแต่ร้องไห้จะกลายเป็นเซฮุนเองที่ป่วย จะตื่นมาฟังข่าวดีของคุณพ่อไหวได้อย่างไร ได้ยินแบบนั้นคนตัวผอมเลยยอมทำตามอย่างไม่นึกขัด .. จัดการห่มผ้าให้เสียดิบดี แต่ก็ถูกเด็กน่ารักส่งเสียงน่ารักเหมือนหน้าตานั้นถามย้ำอีกรอบว่าจะนอนกับเซฮุนไหม โดยที่ไม่รู้ตัวเสียเลยว่ามาถึงเตียงขนาดนี้แล้วจะให้พี่ไปไหนได้

     

    "..."

    ได้แต่ลูบกลุ่มผมอย่างเบามือให้คนที่ตาบวมจากการร้องไห้ได้หลับเสียก่อน เขาถึงจะนอนตาม ใครมันจะอดเป็นห่วงได้ เกิดอยากร้องขึ้นมาอีกจะทำอย่างไร แล้วดูนั่น พอเขาเอามือออกหน่อยก็คงคิดว่าจะหนีไป ลืมตามามองจนต้องคอยลูบอย่างไม่ละมืออยู่อย่างนั้นให้แน่ใจว่าน้องหลับสนิทแล้ว

    จ้องมองใบหน้าและดวงตาที่มีรอยช้ำแดงก็นึกสงสาร อยากจะจูบปลอบแต่ทำได้เพียงแค่ลูบเบาๆราวกับจะให้มันหายไปในตอนนี้ โอเซฮุนในสภาพที่ร้องไห้หนักขนาดนี้มันบีบหัวใจเขาได้ดีจริงๆ พรุ่งนี้ตื่นมา คิมเจสันคงจะโวยวายว่าทำไมปล่อยให้น้องร้องไห้ตาบวม ดุน้องเหรอ รังแกน้องหรือเปล่า อย่างโน้นอย่างนี้ สารพัดที่พอจะเดาออกกับนิสัยวัยรุ่น(เหลือน้อย)ใจร้อนของพ่อ ก่อนที่จะรู้ความจริงว่าทำไมเซฮุนถึงร้องไห้ด้วยซ้ำ

    น้องยังกำดาวที่เขาพับให้เอาไว้ในมือ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่ามีความจำเป็นอะไรถึงขั้นที่ต้องพับดาวให้เด็กซื่อๆสักคนแบบนี้ เพียงแค่เด็กคนนั้นเอ่ยสั้นๆว่า 'อยากเห็นดาวบนท้องฟ้าเยอะๆ' ในใจอยากจะตอบกลับไปว่า 'พี่หาดาวบนท้องฟ้ามาให้เราไม่ได้ แล้วพี่ก็พาเราไปดูท้องฟ้าที่มีดาวเยอะๆในตอนนี้ไม่ได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้น พี่ทำได้แค่พับดาวจากเศษกระดาษเล็กๆเหล่านี้ให้เซฮุนแทน'

     

    "..."

    จับจ้องใบหน้าสวย มองใกล้ๆให้แน่ใจว่าน้องหลับจริงๆ ก่อนที่ใบหน้าคมจะตัดสินใจเลื่อนเข้าไปหา และจบลงด้วยการสัมผัสเบาๆที่หน้าผาก ขับกล่อมน้องด้วยจุมพิตของตัวเอง ที่พอจะไล่ฝันร้ายเหล่านี้ออกไปได้บ้าง .. ยามมองใบหน้าใกล้ๆมันก็ยากต่อการห้ามใจตัวเอง พร่ำบอกว่าพอแล้ว ไม่เอาแล้ว แต่มันก็ยากเหลือเกินที่จะผละออกมา เลยเลือกที่จะมองใกล้ๆอยู่อย่างนี้ ใช้เวลาเก็บรายละเอียดบนใบหน้าเด็กที่ชื่อโอเซฮุนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

    แต่ทุกอย่างมันกลับพาให้เขาเลยไปไกลจนกว่าจะหันหลังกลับ กลายเป็นคนเห็นแก่ตัวจอมฉวยโอกาสให้ริมฝีปากมันจูบแผ่วเบาที่เปลือกตาคู่สวย เฝ้าบอกตัวเองว่าแค่จะทำให้น้องหายตาบวม จูบซับน้ำตาให้ก็เพียงเท่านั้น แต่ใบหน้ากับเลื่อนต่ำไล่ลงมาอยู่ปลายจมูก แล้วไล่มาหยุดที่ริมฝีปากสีเชอร์รี่ของคนตัวผอม..จ้องอยู่นาน แล้วหลับตาข่มใจว่าไม่อยากทำแบบนี้กับนน้องเลย .. แต่คุณรู้ไหม ว่าสิ่งที่ง่ายกว่าการห้ามตัวเองคืออะไร

     

    "อื้อ.."

     

    คือการที่ลงมือทำมันไปแล้ว : )

     

     

    - - - - - - - - - -

     

     

    What happened! ไค! ทำไมน้องตาบวมขนาดนี้”

    เดาผิดเสียที่ไหนว่าเมื่อคิมเจสันมาถึงที่ร้านในตอนเช้า และได้เห็นเด็กตัวผอมที่ร้องไห้ยันหลับไปเมื่อคืน คงจะโวยวายหนักจนไม่มีโอกาสได้พูด .. คิมจงอินส่ายหน้าเอือมๆปนขำ แล้วหันไปเตรียมของในครัวเพื่อทำขนม ก่อนคนเป็นพ่อจะจูงแขนน้องมาที่ครัวจนได้

     

                “พ่อเบาๆ น้องเจ็บเท้าอยู่”

     

                “What?! ทำน้องเป็นแผลจนร้องไห้ขนาดนี้เลยเหรอ”

     

                “ลุง calm down ก่อนคร้าบ listen to your son ก่อนๆ” (- _ -) เป็นแบคฮยอนที่เข้ามาแทรกบทสนทนาหลังจากที่ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายอยู่ในครัวของพ่อลูกตามเคย วันนี้เด็กป.โทอย่างเขามีเรียนช่วงบ่าย เลยได้มาช่วยที่ร้านช่วงเช้า และก็คงจะโชคดีที่ได้มาช่วยสงบศึกในเช้าวันนี้ของพ่อลูกตระกูลคิมด้วย

     

                “ค..คุณอาครับ ไม่ใช่-”

     

                “เซฮุนบอกอาซิครับ ไอ้ไคมันทำอะไรเรา หื้ม?”

                หันมาหาคนตัวเล็กที่ตัวเองเป็นฝ่ายลากมาถึงในครัว จงอินไม่ได้พูดอะไร เพราะรู้ดีว่าอ้าปากพูด พ่อก็โวยวายสวนเขาหมดทุกคำอยู่ดี ดูขนาดเซฮุนเอาแล้วกัน ยังไม่ทันได้อธิบายอะไรเลย ห้าสิบสามก็ห้าสิบสามเถอะ พี่แกยังคิดว่าตัวเองเป็นวัยรุ่นใจร้อนเสมอ = _ =

     

                “เซฮุนร้องไห้เพราะคุณพ่อเข้าไอซียูครับ” (. _ .)

     

                “วอทเดอะ...”

     

                “แต่ตอนนี้คุณพ่อปลอดภัยดีแล้วนะครับคุณอา” เซฮุนตอบ “คุณแม่เพิ่งโทรมาบอกเมื่อเช้า” (. _ .)

                ทีนี้น่ะทำมาเป็นเงียบ จงอินได้แต่ยักไหล่ มองหน้าคนเป็นพ่อที่ยืนอึ้งขำๆ แล้วหยิบแป้งกับส่วนผสมอื่นๆออกมาเตรียมทำขนมในเช้าวันนี้ต่อไป คิมเจสันก็เป็นเสียอย่างนี้ พ่อขยันทำเรื่องหน้าแตกจากความใจร้อนของตัวเองได้เสมอ ส่วนเขาคงได้นิสัยใจเย็นมาจากแม่ .. ถ้าคิมจงอินเป็นผู้ชายใจร้อนขึ้นมาเสียหน่อย คงเข้าครัวทำขนมที่ต้องใช้ความประณีตแบบนี้ไม่ได้หรอก

                ตอนเช้าน้องสะดุ้งตื่นขึ้นมารับโทรศัพท์ และก็เป็นข่าวดีเมื่อคุณน้าชินฮเยโทรมาบอกว่าคุณพ่อของเซฮุนพ้นขีดอันตราย และนอนพักอยู่ที่ห้องปกติแล้ว น้องกอดเขาแน่น ถึงใบหน้าจะดูออกว่าเพิ่งผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักแต่ก็ดีกว่าเมื่อคืนที่เขาแทบใจสลายไปตามๆกัน

     

                “รับมื้อเช้าเป็นอะไรดีครับคุณหนู”

                แกล้งพูดยิ้มๆแล้วมองคนตัวผอมที่ยังไม่เดินตามคนอื่นๆออกไปจากครัว อมยิ้มแล้วเดินอ้อมมาหาเขาเสียอย่างนั้น เป็นปกติที่คิมจงอินจะเป็นคนทำอาหารให้คนทั้งบ้านกินแต่เช้า และวันนี้ก็คงจะเป็นแซนด์วิชง่ายๆ ให้น้องพกไปมหาลัยเช่นเคย

     

                “เซฮุนไม่หิว..”

     

                “แต่ข้าวเช้า ไม่กินไม่ได้นะครับน้องดื้อ”

     

                “ง่ะ..ไม่ดื้อครับ”

     

    “เมื่อคืนเอาแรงไปร้องไห้ตั้งเยอะแล้ว จะมาบอกว่าไม่หิวได้ยังไง” จงอินพูดยิ้มๆ “ถ้าดื้อพี่ไม่ให้นอนกอดแบบเมื่อคืนอีกนะ”

     

    “ง่า พี่ไค” : (

    อย่าให้พูดถึงเจ้าตัวแสบที่นอนกอดเขาเป็นลิงเมื่อคืนเลย ขยับตัวนิดหน่อยก็คงคิดว่าเขาจะหนีไปไหนเลยยิ่งกอดแน่นกว่าเดิม คิมจงอินไม่ได้อึดอัดหรือนอนไม่สบายไปกว่าเดิมนักหรอก มีตัวนุ่มนิ่มมาให้กอดทั้งคนคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม ก็แค่กลัวใจตัวเอง ว่าจะจับน้องฟัดทั้งที่ยังหลับอยู่แบบนั้นนั่นแหละ

     

    “เท้าหายเจ็บหรือยังครับ” เซฮุนพยักหน้า

     

    “เพราะว่าพี่ไคทำแผลให้ก็เลยหายเร็ว~

     

                “แล้วถ้าพี่ไม่ทำให้ก็ยังไม่หายใช่ไหม”

     

                “ไม่ใช่~

     

                “ใช่น่ะสิ”

     

                “ไม่ใช่ ไม่ใช่~

                ส่งเสียงเจื้อยแจ้วร้องเจี๊ยบๆจนอยากจะยกมือขึ้นมาบีบจมูกแรงๆมันเสียที ริมฝีปากสีแดงๆที่เขาแอบขโมยจุ้บไปเมื่อคืน ทำให้คนอย่างคิมจงอินอยากจะจุ้บมันเสียอีกทีตอนนี้ แต่ลืมไปว่า ตอนนั้นน้องหลับอยู่ และตอนนี้น้องยืนอยู่ต่อหน้า จะทำแบบนั้นก็คงไม่ได้แล้ว

                เงยหน้าไปบอกน้องว่าให้ไปดื่มนมรอเขาข้างนอก เดี๋ยวจะทำมื้อเช้าออกไปให้ ทว่าคนตัวผอมกลับส่ายหัว ตอบกลับมาว่าจะอยู่ตรงนี้กับพี่ไค รอทำให้เสร็จแล้วค่อยไป วันนี้เกิดคึกอะไรถึงได้มาปั่นป่วนหัวใจทำตัวน่ารักอยู่ในครัวตั้งแต่เช้า ผิดกับเมื่อคืนลิบลับ พอรู้ว่าคุณพ่อไม่เป็นอันตรายแล้วก็อารมณ์ดีใหญ่ แต่ถ้าเลือกได้ เขาก็ชอบน้องตอนที่ยิ้มร่าเริงแบบนี้มากกว่าตอนที่ร้องไห้จนจะขาดใจแบบเมื่อคืน

     

                “กินให้หมดนะครับ ถ้าเหลือกลับมาน้องดื้อโดนแน่ๆ”

     

                “พี่ไคไม่ทำเซฮุนหรอก”

     

                “รู้ได้ยังไงว่าพี่จะไม่ทำ..”

                ยื่นหน้าไปใกล้ๆให้น้องถอยหนีแต่โอเซฮุนกลับอยู่ที่เดิม ไม่นึกเกรงกลัวเจ้าของใบหน้าหล่อคนนี้เสียเลย ว่าอีกนิดเดียว จมูกโด่งๆของพี่ไคก็จะแตะโดนแก้มใสๆน่าฟัดของตนอยู่แล้ว

                กระตุกยิ้มบางบนใบหน้าสวยได้รูป ยามคนเป็นพี่หยุดมองเขาในระยะใกล้ ไม่ได้สนใจคนด้านนอกว่าจะมีใครมองเข้ามา เพราะมั่นใจว่าพ่อกับพี่แบคฮยอนคงยุ่งอยู่กับการจัดหน้าร้าน ..เซฮุนตาสีน้ำตาล ยิ่งมองใกล้ๆก็ยิ่งสวย โดยไม่ต้องพึ่งคอนแทคเลนส์สีๆแบบที่คนอื่นชอบใส่กัน น้องมองเขาตาไม่กระพริบ และเขาก็ไม่อยากจะกระพริบตาเวลาที่มองเด็กน่ารักตรงหน้าในตอนนี้ โอเซฮุนเป็นคนแรกที่ทำให้ผู้ชายที่รักการทำขนมเสียยิ่งกว่าอะไรวางมือจากมันมาสนใจเขาได้

                และคุณรู้อะไรไหม ว่าเด็กคนนี้มีความร้ายกาจอยู่หนึ่งข้อ ..

     

                “ถ้าพี่ไคทำ..”

     

                “...”

     

                “..ก็ทำแบบเมื่อคืนนะครับ”

                พูดจบแล้วก็หลุดยิ้ม กลายเป็นคิมจงอินที่ใช้เวลาราวๆห้าวิกว่าจะไตร่ตรองกับคำพูดเหล่านั้นว่าหมายถึงอะไร และก็ได้รู้ความร้ายลึกของน้องขึ้นมาจนได้ โดนจับได้เสียแล้วสินะ รอยยิ้มร้ายๆแบบนั้นก็ยิ่งย้ำให้รู้ว่าน้องคงไม่ได้หลับตั้งแต่แรกหรอก รู้ไปเสียหมดตั้งแต่เขาจูบหน้าผาก จนกระทั่งจูบปากน้องตอนหลับ .. ไม่คิดหนีหรือแก้ตัวเพราะตนตั้งใจจะทำแบบนั้นตั้งแต่แรกโดยที่ยังมีสติครบถ้วน หากแต่กลับแปลกใจว่าทำไมโอเซฮุนถึงไม่โกรธ ไม่ต่อว่าเขาที่แตะต้องลูกชายคนเล็กของคุณน้าโอชินฮเยได้ง่ายๆ

     

                แต่มาถึงขั้นนี้ .. คงไม่ต้องรอให้กินแซนด์วิชเหลือแล้วมั้ง ถึงจะ ทำโทษได้

     

                “ร้ายนัก..”

     

                “ถ้าไม่แกล้งหลับ..พี่ไคจะทำแบบนั้นเหรอครับ” (‘ – ‘)

     

                “เซฮุน เดี๋ยวเถอะ”

     

                จุ้บ

     

                “รอข้างนอกนะครับเชฟ” (‘ – ‘)

               

     

    และพจนานุกรมของผม ก็มีคำศัพท์เพิ่มอีกหนึ่งคำ

    โอเซฮุน (คำนาม) - น่ารัก น่ารัก และน่ารัก

    : )

     

     

     

                TBC

     

     

     

    - - - - - - - - - -

     

    จุ้บ

    เสียงนั้น เกิดจากริมฝีปากกระทบกับตรงไหนน้า ..
    #
    ฟิคเบคอะวิช

    CR.SHL
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×