ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ซารางเฮโยรักวุ่นวายยัยตัวร้ายกับนายตัวแสบ

    ลำดับตอนที่ #1 : บุพเพอาละวาด

    • อัปเดตล่าสุด 14 ม.ค. 51


    ตอนที่ 1.  บุพเพอาละวาด
        

                โว้ยอะไรเนี่ยใกล้จะเปิดเทอมแล้วการบ้านยังไม่เสร็จเลย  งานในบริษัทก็ค้าง ปัดโถ่อะไรจะกรรมชำกรรมซัดอย่างนี้ฟ่ะ
     ครับผมขอแนะนำตัวผมชื่อเชน ธนากร  นิลนพไพสกุล เป็นหลานชายค่ายเทปชื่อดังของประเทศไทย ผมอาศัยอยู่กับป้าตั้งแต่พ่อแม่ผมประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตกขณะบินกลับจากอังกฤษ  ช่วงนั้นผมเรียนอยู่เกรด2 จำเรื่องราวได้ไม่ค่อยมากนัก แต่ก็ช่างมันเถอะครับมันผ่านไปนานมากแล้ว ตอนนี้ผมอายุ 18 แล้วนี่ครับ
         การทำงานของผมก็ไปช่วยที่บริษัทฟังว่าร้องเสียงดีหรือเปล่า ผ่านไม่ผ่านคล้ายๆกับโปรดิวเซอร์นะครับ แต่ผมรู้สึกว่าทำไมวันนี้บริษัทเงียบเหลือเกิน
    “จ๊ะเอ๋ เชนมานั่งทำอะไรอยู่นี่จ๊ะ”
    อ้าวนึกว่าใครที่แท้พี่เจน(สาวประเภท2)นี่เอง เป็นพนักงานประจำบริษัทของผมมาตั้งแต่ผมอายุ10ขวบ ดูแลผมแล้วก็เป็นโปรดิวเซอร์ด้วยครับ ผมเลยนับถือพี่เค้าเป็นพิเศษครับ พี่เค้าเหมือนแม่(หรือพ่อหว่า?)คนที่ 2 ของผมเลยทีเดียวครับ
    “อ้าวพี่เจนนี่หวัดดีครับ”ผมทำความเคารพพี่เจนนี่ก่อนจะยกถ้วยกาแฟขึ้นมาจิบเบาๆและช้าๆ เพื่อคลายความเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานมาบ้าง
    “จ๊ะ ไม่ไปดูนักร้องใหม่เหรอจ๊ะ”พี่เจนนี่เดินมาตบไหล่ผมเบาๆ อย่างเอ็นดู ก็แหง่ล่ะ ผมมันหล่อ555+
    “นักร้องใหม่...ใครเหรอครับพี่”
    ผมมองหน้าพี่เจนนี่อย่างงงๆ นักร้องใหม่ใครว่ะ ไม่เห็นรู้เรื่องเลย อย่าบอกนะว่าเป็นเพราะคุณป้าอีกแล้ว ที่เห็นใครถูกชะตาหน่อย ก็ไปเรียกเขามาให้ ออดิชั่น ซะงั้น คุณป้าผมนี่ก็ไม่ปรึกษาอะไรผมเลย นี่เห็นผมเป็นตัวอะไรเนี่ย
    “ก็หนูแป้งจี่ไงจ๊ะ ไม่มีใครบอกเหรอ” ผมทำหน้างงอีกครั้ง แป้งจี่ไหนหว่า ชื่อยังกับคู่กัดผมสมัยเด็กๆที่มีเรื่องชกต่อยกันประจำ เป็นเด็กผู้หญิงอะไรแตะต่อยได้ยังกับผู้ชาย
    “ไม่นี่ครับ แต่ชื่อคุ้นๆนะ”ผมบอกพี่เจนนี่พร้อมกับเกาหัว แกร่ก ๆไปมา ใครหว่า? นึกอย่างไงก็นึกไม่ออก หรือว่าจะเป็นยัยเด็กนั้นจริงๆ
    “เดี๋ยวไปเห็นเองก็รู้เองล่ะจ๊ะ ปะเดี๋ยวพี่พาไป” พี่เจนดึงมือของผมให้ลุกจากเก้าอี้แต่ผมก็ยังรั้งไว้อยู่ก็เพราะผมยังดื่มกาแฟไม่หมดนี่นา พี่เจนหันกลับมาทำหน้าเหมือนนางยักษ์ยังไงยังงั้น จนในที่สุดผมก็ต้องจนใจยอมลุกตามไป จนได้รอให้กินหมดก่อนไม่ได้หรือไง
    “ครับ”
    จากนั้นผมก็เดินตามพี่เจนไปจนถึง เท็นชั้นฮอล ภายในงานมีผู้สื่อข่าวเต็มไปหมด พอผมเปิดประตูเข้าไปในงานจาก ที่มีเสียงดังโหวกเหวกก็กลับกลายเป็นเงียบสนิท  อะไรกันครับผมหล่อขนาดนั้นเลยเหรอ หลังจากนั้นผู้สื่อข่าวก็กรูกันเข้ามาเต็มไปหมด ทั้งถ่ายรูป ทั้งสัมภาษณ์  ไม่รู้จะอะไรกันหนักกันหนาเป็นอย่างงี้ทุกทีคิดว่าผมเป็นดงแฮหรือลีทึกกันแน่นะ( ฉันว่าแกเป็นซองมินดีกว่าเพราะฉันชอบ )ไม่เข้าใจชีวิต เฮ้อ... เซ็งเลย
            ตอนนี้ผมกำลังเข้าไปนั่งที่ประจำของผมก็คือตรงหน้าสุด สายตาของผมจับจ้องไปที่เวทีเพื่อรอการปรากฏตัวของนักร้องใหม่ ใครกันน๊า
            เสียงดนตรีเริ่มดังขึ้นพร้อมกับเสียงตบมือของเหล่านักข่าวดังอยู่สนั่น บนเวทีเริ่มฉายจอLCD สปอร์ตไลท์เริ่มฉายไปตรงทางออก แล้วก็ปรากฏหญิงสาวยืนเก๊กอยู่
    “สวัสดีค่ะ สวัสดีทุกท่านเลยนะค่ะ” เสียงยัยนักร้องใหม่พูดอยู่บนเวที ฟังๆดูก็รู้เลยว่ายัยนั้นมันทำเสียงแอ๊บแบ๋ว เห็นแล้วหน้าหมั่นไส้ชะมัด ไม่ถูกชะตาเอาเสียงเลย
    “นั่นนะเหรอยายแป้งจี่หน้าตาก็คล้ายๆขวัญ (อุสามณีนะ) งั้นๆเอง”สงสัยผมพูดแรงไปแฮะ ดูสิสายตาทุกคู่จดจ้องมาที่ผมหมด ถ้าเกิดยัยนี่ดังขึ้นมา แล้วมีแฟนคลับ ผมจะกล้ายเป็นห่อหมกไหมเนี่ยครับ
    “นี่เชนอย่าพูดเสียงดังสิ” พี่เจนนี่สะกิดขาผมเบาๆ อะไรพี่ผมแค่พูดตามความจริงเท่านี้ต้องดุกันด้วย ปัดโถ่เข้าข้างกันเข้าไปนะ พี่เจนก็ด้วยยังไม่ถึงห้านาทีพี่เจนก็ไปเป็นพวกยัยนั้นซะแล้ว
    “ครับพี่เจน” ผมพูดแค่นั้นก่อนที่จะส่งสายตาอาฆาตไปบนเวที หน๋อย...ยัยแป้งจี่เธอทำให้ฉันเป็นเป้าสายตาของประชาชี จงจำไว้ถ้าเธอลงมาจากเวทีเมื่อไหร่เธอเสร็จฉันแน่ ฉันจะไม่ปล่อยเธอให้อยู่รอดจนถึงสองเดือนหรอก
    ฉันจะรอวันนั้นวันที่ฉันจะให้เธอได้เป็นเป้าสายตาแบบฉันบ้าง
    “วันนี้นะคะแป้งก็รู้สึกดีใจมาก” ยัยนั้นยังคงทำหน้าละลื่นอยู่อย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวเลย ฉันอยากจะจับเธอมาทำห่อหมกซะจริงเลย
    “แต่ฉันเซ็ง” ผมเอามือค้ำคางไว้ ก่อนที่โลกทั้งใบเริ่มมัวลงมัวลงนี่ผมเป็นไรเนี่ย
    “เรามาฟังเพลงนี้กันเลยดีกว่าคะ เพลงสิ่งที่ดีที่สุดเชิญฟังเลยคะ” ยัยนั้นยังไม่รู้ตัวอีกว่าเพลงของเธอมันชวนให้ง่วงซะขนาดไหน ถ้าเกิดขายออกไปแล้วมีคนฟังในรถล่ะจะเกิดอะไรขึ้นลองคิดดูสิครับ^_^ รับรองเพลงนี้มันไม่รุ่งแน่ๆ ฟันธง โชะ...~~
             เธออยากฟังไหมฉันมีอะไรอยากจะบอก
     ที่เธอเคยถามเฝ้าถามกันเรื่อยมา........
            ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่สิ่งที่ผมรู้ตอนนี้ก็คือ เสียงเพลงของยัยนั้น ทำไหมมันโหยหวนชวนให้ง่วงอย่างนี้
    หลับดีกว่าเรา ไม่สนล่ะนักข่งนักข่าวนอนลูกเดียว คร่อก ~ ~
            ไม่รู้ว่าผมหลับไปนานเท่าไหร่แล้ว แต่รู้อย่าเดียวตอนนี้ผมกำลังฝันดี ผมฝันว่าได้ไปดินเนอร์กับ ลีอา ดีซอน
    ไปช็อปปิ้งกับพอลล่า ไปโตโยต้ากับ WONDER GIRLS แต่ฝันผมก็ต้องสลายเมื่อรู้สึกมีแรงสั่นสะเทือน4.5 ริกเตอร์เกิดขึ้น
    “นี่นายตื่นๆ มานอนตรงนี้ได้ไง” ผมรู้สึกมีแรงสั่นสะเทือนแรงขึ้นแรงขึ้นเรื่อยๆจนทำให้ผมที่นอนอยู่บนเก้าอี้ตกลงมานอนกองอยู่บนพื้น ‘โอ๊ยเจ็บ’
    “นี่ยัยนักร้องใหม่มาบงการชั้นได้ไงห๋า เขย่าแรงๆถ้าเกิดฉันตกเก้าอี้มาคอหักตายเธอจะมีเงินชดใช้ฉันไหม ยัยเผือก” ผมลุกขึ้นได้ผมก็ต่อว่ายัยนั้นทันที ไม่สนใจแล้วว่าผมจะเจ็บก้นซะขนานไหน กำลังฝันดีมาปลุกอย่านี้เดียวเจอ....
    “ก็เห็นนายนอนหลับเป็นตายก็เลยปลุกนะสิ” ยัยนั้นทำท่าทางเหมือนจะสำนึกผิด แต่อย่าหวังเลยว่าผมจะใจอ่อนง่ายๆนะ (มั้ง) แต่ว่าก็แค่ปลุกทำไมผมต้องโกรธอย่างนั้นด้วยนะ
            ผมรวบรวมสติและอารมณ์ทุกอย่างไว้แล้ว ผมก็เก๊กท่าทีคิดว่าตัวเองหล่อที่สุดออกไป
    “เหรอ....ขอบใจนะยายกล้วยตาก” พอผมพูดเสร็จผมก็หันหลังให้ยัยนั้นแล้วก็กำลังจะเดินไปทีประตูทันที แต่ยังไม่ทันได้ก้าวไปถึงห้าก้าวก็มีแรงดึงดูด ดึงผมให้ยืนอยู่กับที่ ทำไมนะแถวนี้มีสนามแม่เหล็กเหรอ
    “ว่าใครกล้วยตากนะนายไม้จิ้มฟัน”เสียงตระโกนตามหลังมาเจื้อแจ้ว ทำให้ผมกับหลังหันไปมองอย่างอัตโนมัติ ยัยนั้นทำท่าทางมองนั้นมองนี่อย่างไม่สนใจผม
    “หน่อยยัยซาลาเป่าไส้หมู นี่มันบ้านชั้นนะ” ผมแสดงตัวเป็นเจ้าของทันที เผื่อยัยนี่จะได้รู้ว่ากำลังคุยกับใครอยู่ ให้มันได้อย่างนี้สิยัยนั้นทำท่านึกคิดอะไรบางอย่างคงจะนึกออกแล้วสินะว่าผมเป็นใคร
    “นายเป็นยามเหรอ” อยากถามจริงว่ายัยนี่ใช้สมองส่วนไหนคิดส่วนซ้ายหรือส่วนขวา ไม่หน้าเชื่อว่าจะติ๊งต๊องได้ขนานนี้ ไม่ดูเลยสถานการณ์อย่างนี้ยังจะมาเล่นมุกอีก ตลกอนุบาลจริงๆ
    “ยามบ้านเธอนะสิแต่งตัวยังกับกอล์ฟไมค์” ผมทำท่าทางที่ตัวเองคิดว่าเหมือนกอล์ฟไมค์มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ยัยนั้นถึงกับอึ้งไปสักพัก ก็มันแน่อยู่แล้วผมหล่อ ฮ่า ฮ่า ฮ่า นี่ผมไม่หลงตัวเองใช่ไหม
    “แหวะ อย่างนายก็ได้แค่ไมค์ ภิรมณ์พรเท่านั้นแหละ”ใครก็ได้ดูสิฮ่ะ ยัยนี่มันทำลายจิตใจผม ฮือๆๆผมอยากจะร้องไห้ใช้ตาไหนดูฟ่ะ....(ตอบ.ตาตุ่ม)
    ใครก็ได้ไปฟ้องคุณปวีณาให้ที (ไอ้บ้า)v_v
    “นี่ยัยแป้ง อย่างเธอนะเป็นได้แค่จินตหราเท่านั้นแหละ ฉันไม่อยากจะพูดกับคนที่ไม่เข้าใจภาษาคนหรอกนะ ไปล่ะ”พอพูดจบผมก็เผ่นทันที ดูยัยนั้นแล้วผมคิดว่าหล่อนกำลังจะยกเก้าอี้มาฟาดหัวผมนะ ใครจะยืนอยู่ให้เป็นเป่านิ่งละ หาเรื่องเจ็บตัวอีกแล้ว
    “ฝากไว้ก่อนนะนายไม้จิ้มฟัน” จริงๆด้วย ยัยนั้นยกเก้าอี้ขึ้นมาจริงๆ แต่พอหันหน้ามาผมก็ไปยืนอยู่หน้าประตูแล้วแล้ว คิดจะเล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับสุดหล่ออย่างผม ฮ่า ฮ่า ฮ่า จ้างให้ก็ตามไม่ทัน แบร่ๆๆ(มันแลบลิ้น)
    “ได้ มาเอาคืนเร็วๆด้วยล่ะ” ผมตระโกนกลับไปอย่างผู้ชัยชนะ ยัยนั้นยืนดิ้นปั้ดๆอย่างโกรธแค้น
    555+ สะใจจริงๆครับ ผมชนะ ยัยนักร้องใหม่หนึ่งแต้มหลังจากที่เกิดศึกปะทะน้ำลายกันยกใหญ่ ว่าแต่ตอนนี้กี่ทุ่มแล้วเนี่ยกลับห้องไปนอนดีกว่า เออลืมบอกไปห้องของผมน่ะอยู่ชั้นบนสุดของบริษัทล่ะครับ เลยไม่ค่อยได้ออกไปทำอะไรอยู่ข้างนอกเลยแต่ก็ดีนะครับข้างบริษัทเป็นเอเชี่ยนWorldพอดีเลยประหยัดค่าน้ำมัน (งกว่างั้น)
       วันนี้พอแค่นี้แหละครับ แต่ทำไมหน้ายัยนั้นถึงลอยอยู่ในสมองผมนะ ไม่เข้าใจแต่ก็ช่างมันเถอะนอนดีกว่าเรา
    คิดไปก็ไม่ได้ตังค์ เฮ้อ....
        อากาศยามเช้ามันช่างเย็นสบายอะไรอย่างนี้ ผมละไม่อย่างจะตื่นขึ้นมาจากที่นอนสักเท่าไหร่ อยากจะนอนต่อให้มันถึงพรุ่งนี้เลยก็ดี
      “ก๊อก ก๊อก ก๊อก เชนตื่นได้แล้วลูก”
      ผมไม่อยากตื่นกี่โมงแล้วครับเนี่ย เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นและเร็วขึ้นเรื่อยๆ ทำไมนะเหรอ อืม....ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน
    “เชนลูกตื่นได้แล้วนะ เนี่ยมันจะเที่ยงแล้วนะลูก” เสียงคุณป้าดังขึ้น ดังขึ้นเรื่อยๆจนผมทนไม่ได้ ยังไงคงต้องตื่นแล้วละครับ คุณป้าเล่นเคาะประตูไม่เลิกถึงนอนไปผมก็ไม่หลับอยู่ดี
    “คร๊าบ (ขี้เกียจสุดๆ)” ผมลุกขึ้นบิดเอวไปมา ตามเสียงเพลงที่คุณป้าเปิด มันเป็นเพลงตั้งแต่ตอนที่ผมตัวเล็ก ผมจำได้ว่าคุณแม่มักจะเปิดเพลงนี้ให้ผมฟังเสมอตั้งแต่ตอนที่ผมยังอยู่โรงเรียนอนุบาล จนคุณพ่อคุณแม่เสียไป ผมก็ได้มาฟังเพลงนี้กับคุณป้าสองคน เพลงชื่อว่า...จำไม่ได้แล้วครับ
    “รีบไปอาบน้ำอาบท่าซะนะแล้วมาทานข้าว”
    เห็นไหมครับป้าของผมใจดีแค่ไหน พูดถึงป้าผมก็หน้าสงสารเหมือนกันนะ ป้าไม่มีสามี ไม่มีลูก ผมเลยเท่ากับว่าเป็นลูกของป้าคนหนึ่งเหมือนกัน แถมมรดกด้วยทั้งหมดตกเป็นของผมแต่เพียงผู้เดียวฮ่าๆๆ (ชั่วร้ายสุดๆ)
             และที่สำคัญถ้าผมได้ขึ้นเป็นประธานบริษัท ผมจะไล่ยัยแป้งกระป๋องตรางูออกจากบริษัทคนแรกเลย  คอยดูสิ
    “ป้าครับผมมาแล้ว”ผมวิ่งออกมาจากห้องนอน เข้ามาห้องอาหารขืนมาช้าอาหารหมดผมคงได้กินบะหมี่ถ้วยแน่ เพราะคุณป้าจะเป็นคนตรงเวลา ถ้าไปเรียกแล้วยังไม่มาภายในสิบนาทีล่ะก็....อดกิน
    “รีบทานข้าว แล้วลงไปกับป้านะจ๊ะ” คุณป้าเดินมาลูบหัวผมก่อนที่จะกลับไปนั่งที่ประจำตัวเอง และทุกๆวันป้าจะต้องมีเรื่องมาเซอร์ไพร์ผม
    “ป้าทำไมยิ้มแบบนั้นหล่ะครับ แสดงว่าต้องเกิดเรื่องดีๆใช่ไหม”ผมมองหน้าป้า ดูเหมือนว่าวันนี้ป้าจะมีความสุขจังเลยนะ ยิ้มจนแก้มปริเชียว
    “เดี๋ยวลงไปก็รู้เองแหละ”วันนี้ป้าแปลกแฮะ ปกติก็จะบอกให้รู้เลยแต่วันนี้ทำไมถึงเก็บไว้เป็นความลับนะ หรือว่าลีอา ดีซอนมาเยี่ยมบริษัทเรา
    “คร๊าบ”
    อะไรเนี่ยวันนี้มันก็แปลกๆอีกแล้วนะ ป้าก็แปลกๆ แต่ก็ช่างมันเถอะคงไม่เกิดเรื่องร้ายๆขึ้นใช่ไหมคนเขียน(มั่ง)
    ผมตั้งความหวังว่าผมลงไปผมคงได้เจอกับลีอา ดีซอนแน่ๆ
         หลังจากที่ผมรับประทานอาหารเสร็จแล้ว ผมก็เดินตามคุณป้าสุดสวยลงมาชั้นล่างแล้วมุ่งตรงไปที่ห้องออร์ดิชั่น พอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งเต้นอยู่ ดูท่าทางแล้วน่าจะเป็นยัยแป้งจี่นะ หว้าหมดหวังแล้วเรา
    “หนูแป้งจ๊ะ” คุณป้าเข้าไปทักเป็นคนแรก พร้อมกับรอยยิ้มที่แสนจะดึงดูดของคุณป้า คุณป้าของผมท่านเป็นคนอารมณ์ดี ยิ้มดึงดูดใจชายแต่ทำไมป้าถึงไม่มีแฟนก็ไม่รู้
    “อ้าว สวัสดีค่ะท่าน” ยัยนี่ก็มรรยาทดีนะแต่เสียอย่างเดียว ปากร้ายชะมัดเลย ถ้าพูดดีกับผมตั้งแต่แรกผมจะปั้นให้เป็นนักร้องดังในเอเชียเลยเอา
    “จ๊ะ วันนี้ฉันจะมาแนะนำผู้ดูแลเธอนะนี่ไงเชนหลานชายฉัน” คุณป้าชี้นิ้วมาทางผม ก่อนที่จะกวักมือเรียกให้เข้าไปใกล้ๆ
    “สวัส...นี่นายเองเหรอนึกว่าใคร”ยัยซาลาเปาทำหน้ายังกับผมเป็นผีอย่างงั้นแหละ ตกใจใหญ่เชียว คงรู้แล้วสินะว่าผมเป็นใคร ก็ผมเป็น....
    “แล้วนึกว่าฉันเป็น ฮีซอลหรือไง” ผมยิ้มเยาะเย้ยยัยซาลาเปานั้น สมแล้วที่กล้าต่อว่าผมมันต้องเจอมุขต่อไปเดียวเข็ด
    “นี่นายกัดฉันแต่เช้าเลยนะนายไม้จิ้มฟัน”กัดได้ไงผมไม่ใช่หมา ผมเคยบอกหรือยังครับว่าผมเป็นคนหล่อ นี่ผมพูดชัดแล้วใช่ไหมเนี่ย
    “แล้วทำไม ยัยแป้งกระป๋องฮอล ฉันไม่ใช่หมานะที่จะกัดเธอได้นะ ว่าแต่เธอนะโดนปลดเชือกออกแล้วเหรอถึงมากัดฉันอยู่ได้”ให้มันได้อย่างนี้สิครับ ยัยนั้นถึงกับทำหน้าบู้แก้มป่องเหมือนเด็กน้อยอมฮอลยังไงยังงั้น ไม่ใช่ว่าผมชอบนะครับแต่ผมอุบาทตาเสียมากกว่า
    “เอาเถอะจ๊ะพอได้แล้วป้าขอละ” คุณป้าเริ่มทำท่าขึงขังเอาจริงขึ้นมา จนเราทั้งสองหยุดต่อล่อต่อเถียงกัน
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×