ลำดับตอนที่ #7
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : หัวใจไม่ฟังเหตุผล
ตอนที่7 หัวใจไม่ฟังเหตุผล
“คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ อีกสองวันกลับบ้านได้เลย”
คนหมอคนเดิมที่รักษาแป้งเมื่อสามวันก่อนเดินออกมาจากห้องไอซียู ค่อยโล่งใจหน่อยตอนแรกผมนึกว่าแป้งจะเป็นอะไรไปซะแล้ว เพราะผมนั้นแหละที่พาแป้งมาหาหมอช้า ตอนแบกมาก็พาล้มตั้งหลายที ผมเนี่ยมันแย่จริงๆเลยนะ ไม่สามารถดูแลแป้งได้ตามที่สัญญาไว้ตั้งแต่แรก
แป้งฉันขอโทษนะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นฉันจะอยู่เคียงข้างเธอเสมอ ฉันสัญญาด้วยศักดิ์ศรีของ วอนดงฮัน...
ในที่สุดก็ครบกำหนดสองวันตามที่หมอบอก เราทั้งหมดจึงมารับแป้งเพื่อกลับเข้ากรุงเทพอีกกี่วันก็วันเปิดตัวอัลบั้มแล้ว เพราะพี่เจนส่งเทปให้เค้าไปจัดการอัดแผ่นเตรียมส่งขาย และออนแอร์ทางทีวีบ้านเราแล้ว เหลือแต่เปิดรอบสื่อมวลชนเท่านั้นก็จะเป็นอย่างเป็นทางการ คุณป้าก็หน้าจะเลื่อนวันไปข้างหน้าอีกหนึ่งสัปดาห์นะก็รู้ว่าแป้งจะหายไม่ทันแต่ก็ยังไม่เลื่อนวันอีก และถ้าไม่เป็นเพราะนายเยเย่นั้นเราก็คงจะไม่เจ็บตัวกันอย่างนี้เหรอ
“แป้งไหวไหมค่อยๆขึ้นรถนะ เจ้ามินจุงอยู่นิ้งๆสิอย่าขยับเดียวชนเอวแป้งเหรอ”
“ไม่เป็นไรเหรอเชน มินจุงมันไม่ดื้ออยู่แล้วปล่อยมันเถอะ”
“อืมถ้าเธอต้องการฉันจะจัดให้”
ในที่สุดก็มาถึงบริษัท ผมเห็นคนจำนวนหนึ่งมายืนรออยู่หน้าบริษัทนั้นเค้ามารอใครนะ...เออสงสัยเป็นพวกบ้านักร้องสินะ คงจะมารอ กอล์ฟไมค์ละสินะ รถตู้ของผมค่อยๆเลื่อนเข้าไปจอดอยู่หน้าประตูทางเข้าบริษัท เมื่อคนขับรถวิ่งลงไปเปิดประตูให้ผมลงเสียงกรี๊ดก็ดังกระหึ่มอยู่ข้างๆสองหู แต่ก็ไม่มีใครเข้าใกล้ตัวผม และเมื่อยัยแป้งลงมาก็มีเสียงกรี๊ดอีกเช่นกันแต่น้อยกว่าผมนิดหนึ่ง นี่สรุปใครเป็นนักร้องกันแน่ผมหรือแป้ง
“พี่เชนนนนนนนนน พี่แป้งงงงงงงง กรี๊ด.........ดดดดด”
ไม่ไหวแล้วครับ สงสัยถ้ายืนอยู่ตรงนี้นานๆคงได้เป็นโรคแก้วหูอักเสบเป็นแน่ แล้วนี่คนเหล่านี้รู้ได้ไงว่าผมจะกลับวันนี้ อ๋อ...คงจะเป็นพี่เจนอีกละสินะ มิหน้าถึงกลับมาจากทะเลก่อนผม
“แป้งเป็นไงบ้าง แล้วเจ้ามินจุงละอยู่ไหน”
“บ๊อก บ๊อก” เจ้ามินจุงนี่แสนรู้จริงๆ เวลาผมไปไหนมันก็จะไปตามตลอด วิ่งไปด้วยเสมอ นี่แหละเจ้ามินจุงตัวนี้ผมจะเอามันไปเล่นหนังเรื่อTHE DOG ผู้พิทักษ์โลก
“น่ารักจังนะแก เจ้าหมาน้อยมิน”
“แป้งเอาของไปเก็บก่อนเถอะอย่าเพิ่งเล่นกับมัน เราจะได้รีบไปหาคุณป้ากัน”
“อืม” พอผมเอาของไปเก็บผมก็ลงมานั่งรอแป้งที่ห้องประชุมพร้อมกับคุณป้า พี่เจนและพี่ๆทีมงานทั้งหลายรวมทั้งเจ้ามินจุงด้วย หลังจากนั้นอีกสักหน่อยแป้งก็เข้ามา จึงเริ่มประชุมกันเลย
“วันนี้เราจะมาประชุมเรื่องอัลบั้มสองของหนูแป้งจี่ครามนี้จะให้ออกอัลบั้มสามคน ขอแนะนำนักร้องใหม่คุณเยเย่คะ” ฮ่ะ...ไอ้เยเย่นี่เราจะต้องทำงานร่วมกับไอ้นี่จริงเหรอ ไอ้นี่มันจะฆ่าเรานะถ้าเกิดมาร่วมทำงานด้วยกันมีหวังตายกันไปข้างแน่
“ป้าฮะเอามันมาทำไม ไอ้เย่นี่มันจะฆ่าผมและแป้งนะครับ”
“เอาเถอะจะเชน หลานเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าจ๊ะ เยเย่นี่เค้าเป็นคนดีนะจ๊ะหลานว่าเค้าอย่างนี้ได้ไง” มันเป็นคนดีก็ต่อหน้าป้าเท่านั้นแหละครับ ต่อหน้าพวกผมมันก็ ฉันนะเยซองโว้ย อยู่นั้นแหละ (ส่วนแกก็ดงแฮใช่ไหม)
“แต่มัน...”
“เชน”
“ครับ” ถ้าป้าไม่ทำเสียงแข็งใส่ผม ผมจะต้องไล่ไอ้นี่ออกให้ได้ มันดีตรงไหนถึงได้มาเป็นนักร้องค่ายผม
“เออป้าครับแล้วอีกคนหนึ่งละครับ” พอผมพูดจบแค่นั้นทุกคนก็หันมามองผมเป็นสายตาเดียวกัน นี่ผมพูดอะไรผิดไปหรือเปล่าเนี่ย
“เชนไงจ๊ะ ใช่ชื่ออัลบั้มว่าแฮงบกCPY แปลว่าความสุขของเชนแป้งแล้วก็เยเย่ไงจ๊ะ”
“แล้วมีใครเห็นด้วยอีกไหมครับ” พอผมพูดจบก็มีแค่ ผมและแป้งเท่านั้นที่ไม่ยกมือ ไอ้เยเย่สงสัยมันอยากเป็นมากดูมันทำเกินหน้าเกินตาคิดว่าคนอื่นจะไม่เห็นมือมันหรือไง ยกซะ แถมเจ้ามินจุงมันยังปีนไปนั่งบนโต๊ะแถมยกเท้าหน้าให้อีกต่างหาก เห็นด้วยกับเขาหรือไงไอ้มินจุง
“เอาละจะ แปลว่าตกลงกันใช่ไหมจ๊ะ ถ้างั้นวันนี้ก็พอแค่นี้แหละพรุ่งนี้ก็วันเปิดตัวอัลบั้มของแป้งแล้ว อย่าให้มีอะไรผิดพลาดนะ เดี๋ยวจะเสียชื่อบริษัทของเราหมด”
“ค่ะ” พรุ่งนี้แล้วสินะที่จะเป็นงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการ แล้วก็จะได้ขายซีดี ตื่นเต้นชะมัด แต่ก็หน้าเป็นห่วงยัยแป้งอยู่เหมือนกันแผลยังไม่ค่อยหายดีสักเท่าไหร่ก็จะต้องทำงานอีกแล้ว ถ้าเกิดแผลฉีกอีกมันจะยุ่งยากเข้าไปใหญ่ผมกลัวเท่านี้แหละ แถมไอ้เยเย่มันก็ยังไม่สำนึกอีกยังมาเสนอหน้าให้เห็นอีก ถ้าเป็นผม ผมจะไม่มาปรากฏตัวให้เห็นเลย มันช่างหน้าด้านสิ้นดีจริงๆ
พอประชุมเสร็จทุกคนก็ออกมาจากห้องยกเว้นผม แป้ง แล้วก็ไอ้เยเย่นั่งจ้องหน้ากันอยู่ อะไรกันวะ จะหาเรื่องกันอีกหรือยังไงฮะ ยิ่งคิดมันก็ยิ่งปวดสมอง ไอ้เยเย่มันทำหน้านิ่งเฉยยังกับมันไม่ผิด
“นี่ไอ้เย่ ฉันถามแกจริงเฮอะ ว่าแกนะจะเอามีดมาแทงฉันทำไม”
“ไม่มีอะไร ฉันแค่ไม่ชอบขี้หน้าแกเท่านั้น”
“แล้วแกถึงกับจะฆ่าฉันเลยเหรอ”
“เออ...แล้วมีอีกอย่างหนึ่ง ฉันนะไม่ชอบที่แกมาหาว่าฉันเนี่ยเหมือน อี๊ด โปงลางสะออน” มันเจ็บใจแค่นี้เนี่ยนะถึงกลับจะฆ่า จะแกงกันเลยที่เดียว ก็ดูหน้ามันสิเหมือนมากเลย
“หยุดเลยทั้งสองคนทะเลาะกันอยู่ได้” ทำไม ยัยซาลาเปาเธอก็เข้าข้างไอ้เย่เพื่อนเธอใช่ไหม หน๋อย...รักเพื่อนดีนักไปอยู่ด้วยกันเลยไป
“ทำไม เธอเกี่ยวอะไรด้วย”
“มันก็ไม่เกี่ยวแต่เยเย่เค้าเป็นเพื่อนฉันนี่นา”
“เพื่อนที่คิดจะฆ่าเพื่อนนี่นะ เธอยังนับถือมันเป็นเพื่อนอยู่อีกเหรอ”
“มันก็ใช่อยู่ แต่ว่า...”
แต่ว่าเธอทิ้งมันไม่ลงใช่ไหม ฉันหน้าจะเจอเธอก่อนที่ไอ้เย่มันเจอ เธอจะได้เข้าข้างฉันบ้างก็เท่านั้น
พอพูดจบผมก็ลุกออกไปจากห้องทันที นี่นะเหรอคนที่ผมไว้ใจกลับกลายไปเข้าข้างคนอื่น อ๋อใช่ผมรักเค้าอยู่ฝ่ายเดียวหนะสินะ
วันรุ่งขึ้นผมตื่นแต่เช้า เพื่อจะไปเช็คห้องที่จัดงานเปิดตัวว่าเสร็จเรียบร้อยหรือไม่ พอไปถึงผมก็พบแป้งและไอ้เย่ยืนอยู่ก่อนแล้ว สงสัยจะตื่นเต้นมากนะสิ ผมจึงเดินเข้าไปใกล้ๆเธอ อยากจะถามเธอว่าเหนื่อยไหม แต่ก็ถามไม่ได้เพราะไอ้เยเย่มันยืนทำหน้าบึ้งใส่ผมอยู่ข้างๆ
“หวัดดีเชน วันนี้ตื่นแต่เช้าเชียวนะ”
“อืม หวัดดีครับ”
“แป้งเดี๋ยวเย่ไปก่อนนะ อยู่แถวนี้แล้วรู้สึกเหม็นเน่ายังไงชอบกล” ไอ้เย่แกว่าฉันเป็นคนตายหรือไงฮะ แกนั้นแหละที่ไม่อาบน้ำมาสองวันแล้ว ฉันรู้นะโว้ย
“ก็ดีกว่าคนไม่อาบน้ำหรอก”
“ไปดีกว่า อากาศไม่ค่อยดีเหม็นๆโว้ย” พอพูดจบไอ้เย่มันก็เดินออกไปจากตรงนั้นทันที สงสัยชาตินี้เราคงทำดีด้วยกันไม่ได้ มันนี่หัดเป็นกอขอคอเสียจริง
ผมเดินไปเดินมาสำรวจบนเวทีและอุปกรณ์ทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทาง เช็คทุกอย่างทีมี ส่วนแป้งก็ไปแต่งตัว พอผมลงมาจากเวที คุณป้าก็เดินเข้ามาในงานพอดี
“เชนจ๊ะทำไมยังไม่แต่งตัว”
“แต่งตัวทำไมครับ” ผมถามคุณป้าที่กำลังอุ้มเจ้ามินจุงอยู่
“หลานจะต้องขึ้นไปบนเวทีกับแป้งด้วย ในฐานะพระเอกเอ็มวี” ห๋า...พระเอกเอ็มวี ทำไมต้องขึ้นไปด้วยละ ทีงานของคนอื่น ยังไม่เห็นขึ้นเลย ทำไมผมต้องขึ้นด้วยละครับ
“ป้าครับ ผมไม่ขึ้นได้ไหมครับ”
“ขอโทษนะจ๊ะเชน ป้าโปรโมทไปเรียบร้อยแล้ว” อีกแล้วนะครับป้า ไม่ปรึกษาผมอีกแล้ว ทำไมป้าถึงชอบทำอะไรก่อนแล้วค่อยมาบอกผมอยู่เรื่อยเลย
“อ้าว งั้นผมก็ซวยนะสิ”
“เอาเถอะจะ ยังไงหลานก็ต้องขึ้นนะเห็นแกหน้าป้าสักครั้งเถอะนะ”
“ครับป้า ผมจะทำ”
พอผมรับปากปุ๊บ คุณป้าก็ดีดนิ้วดังเปราะ แล้วพี่เจนและทีมงานประมาณสี่ห้าคนก็เดินเข้ามาลากผมเข้าไปห้องแต่งตัวหลังเวทีทันที พี่เจนผลักผมลงบนเก้าอี้ จากนั้นไม่รู้กี่มือต่อกี่มือรุมแต่งหน้าทำผมให้กับผม มันเสร็จเร็วมากจนผมไม่ทันได้ตั้งตัว
เมื่อผมเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ นักสื่อข่าวแล้วก็แฟนคลับบางส่วนเริ่มมากันแล้ว ผมก็เตรียมอ่านบทที่พี่เจนเอามาให้อ่านว่าต้องทำยังไงบ้าง จนคนเริ่มมาเต็มหมดแล้วก็มีเสียงประกาศจากพิธีกรดังขึ้นมา
“ณ บัดนี้ ท่านจะได้พบกับนักร้องคนใหม่ที่จะมาเขย่าวงการบันเทิงในบ้านเราอีกครั้ง ขอเชิญพบกับ สาวน้อยสุดเซ็กซี่ แป้งจี่ หนึ่งนภาค่ะ”
“สวัสดีค้าาาาาาา สวัสดีทุกคนนะคะ วันนี้แป้งก็ตื่นเต้นเป็นพิเศษที่ได้พบทุกคนที่นี่ เอาละคะเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา แป้งก็จะขอมอบเพลงนี้ให้กลับคนที่กำลังมีความรักอยู่นะคะ เพลง....”
เมื่อเสียงดนตรีเริ่มขึ้น เสียงร้องกรี๊ดจากแฟนเพลงที่อยู่ในนั้นกรี๊ดสนั่น พี่เจนเดินมาบอกผมว่าถ้าแป้งร้องเพลงนี้จบ ผมจะต้องออกไป ไมรู้ว่าผมคิดถูกหรือคิดผิดนะที่มาเป็นพระเอกเอ็มวี ถ้าเกิดผมดังขึ้นมาผมคงจะไม่ได้ไปเดินตามห้างแล้วแน่ๆเลยครับ
“ค่า...เพลงนี้ก็จบลงไปแล้วนะคะ ต่อไปขอเชิญทุกท่านพบกับพระเอกเอ็มวีของเรา นายเชนธนดลเชิญพบกับเค้าได้เลยคะ” ทีผมต้องออกไปแล้วครับรู้สึกเสียวแป๊บไปทั้งตัว หายใจเข้า หายใจออก เฮ้อ...~~
“สวัสดีครับ ผมเชนนะฮะ เป็นพระเอกเอ็มวีเพลงของแป้งครับ วันนี้ผมรับหน้าที่เป็นพิธีกรนะครับ”
ในที่สุดงานก็เลิกสักที แต่พวกแฟนคลับบางคนก็ยังไม่กลับรอขอลายเซ็นของแป้ง ตอนนี้ผมแอบอยู่หลังเวทีเพราะไม่กล้าสู่หน้าแฟนคลับ เพราะเมื่อกี้นี้แฟนคลับจำนวนหนึ่งคุยกันว่า ผมนะหล่อหน้าก็คล้ายนักร้องเกาหลีวงSJที่ชื่อดงแฮ ถ้าออกมาละก็จะกักตัวไว้ไม่ยอมให้กลับเลย
เวลาผ่านไปสิบห้านาทีแฟนคลับก็ยังไม่สลายกับบ้าน ไม่รู้ว่าแป้งคุยอะไรกับแฟนคลับคุยแล้วก็หันหน้ามาทางผม พร้อมกับกวักมือเรียกให้ผมเข้าไปหา
“เชน เชนมานี่หน่อย”
“อะไรเล่า ไม่ไป”
“มานี่เร็ว” แป้งทำหน้าท่าทางขึงขังใส่ผม ในที่สุดผมก็ต้องจำยอมเดินไปหา เสียงกรี๊ดจากม็อบชนกลุ่มน้อยดังเจื้อแจ้ว แสบแก้วหูยิ่ง พร้อมกับวิ่งเฮเข้ามาหาผม
“พี่เชน พี่เชนนนนนนนนนน”
“ครับ น้องๆช่วยอยู่นิ่งๆด้วยนะครับ”
แต่แล้วก็มีแฟนคลับคนหนึ่งถือตุ๊กตาลิงมายืนให้ผมกับแผ่นกระดาษอะไรสักอย่าง ผมจ้องดูกระแผ่นนั้นสักพัก แต่ไม่ได้อ่านมองดูแค่จ่าหน้าซองก็รู้ว่าเป็นภาษาเกาหลี ผมยื้นมือไปรับตุ๊กตาจากน้องเค้า
“ขอบคุณนะครับ” ผมมองหน้าเด็กหญิงคนนั้นดูท่าทางเธอจะไม่ใช่คนไทยนะ เพราะน้ำเสียงท่าทางของเค้าพูดไม่ชัดสักเท่าไหร่ ผมก็แจกลายเซ็นไปเลื้อยๆพร้อมกับถ่ายรูปกับแฟนคลับต่างๆ เด็กผู้หญิงคนเมื่อกี้ก็เดินเข้ามาอีกครั้งพร้อมกับพูดบางสิ่งบางอย่างที่ผมปลื้มมากๆ
“พี่เชน หน้าเหมือนทงแฮเลย” ว้าว...พูดไทยได้ด้วยแต่ไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ แต่น้องเค้าตาถึงหน้าดู
“ขอบคุณนะครับ น้องนี่ตาถึงจริงๆเลย”
กริ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด......
เสียงกรี๊ดดังยาวมาจากทางประตูหน้าดังขึ้น ทีแรกผมก็นึกว่าเค้ากรี๊ดนักร้องคนไหน แต่พอมองไปดูกลับเป็นไอ้เยเย่โยโย่อะไรนั้น มันจะมาทำไมครับเนี่ย พวกแฟนคลับที่ยืนข้างผมหายเรียบเหลือแต่น้องที่ให้ตุ๊กตาลิงกับแฟนคลับสองสามคน นอกนั้นไปกองกับไอ้เยเย่หมด
ผมมองหน้าแฟนคลับอย่างงงก่อนที่จะเอ่ยปากขอบคุณเค้าไปที่ยังยืนเป็นเพื่อนเราแล้วก็ขอตัวเข้าไปหลังเวที ปล่อยให้แฟนคลับไปรุมล้อมไอ้เย่มันคนเดียว
เมื่อเข้าไปหลังเวทีแป้งก็ถึงกับทรุดลงโซฟาตัวใหญ่ที่ตั้งในห้องแต่งหน้า มันก็หน้าเหนื่อยเหมือนกันนะแหละ
ก็ทั้งวันมัวแต่จัดงานไม่มีเวลาพักหายใจเลย พอดีพี่เจนเดินมาพร้อมกับถือม้วนวีดีโอที่อัดในวันนี้มาเปิดให้พวกผมดู
“น้องเชนน้องแป้งจ๊ะ พี่ว่าวันนี้น้องทั้งสองคนทำได้ดีทีเดียว ดูสิไม่ทันจะได้ออกอัลบั้มถึงสัปดาห์หนึ่งก็ดันมีแฟนคลับซะแล้ว”
“ก็เป็นเพราะพี่เจนนั้นแหละครับ ที่ทำให้งานในวันนี้สำเร็จด้วยดี ถ้าขาดใครคนใดคนหนึ่งไป ผมว่างานนี้ออกมาคงแย่แน่ๆเลยล่ะครับ”
“น้องเชนก็ปากหวานจังเลยนะ” ครับขอบคุณ แต่ผมว่าวันนี้พี่เจนออกจะหน้าบานเป็นพิเศษนะ ดูสิยิ้มจนปากจะฉีกถึงหูอยู่แล้ว ดีใจขนาดนั้นเชียว
หลังจากเลิกงานแล้วผมก็ขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว ลงมาที่ห้องออร์ดิชั่นของแป้ง พอดีแป้งยังไม่กลับผมเลยชวนแป้งไปเช็คCDว่าวางขายหรือยังที่เอเชี่ยนWORLD ก่อนเลยเป็นที่แรก
ตอนแรกผมและแป้งว่าจะพลางตัวไป แต่ผมว่าคนยังคงจำไม่ได้หรอกมั้ง สงสัยพวกผมยังไม่ดัง
แต่เมื่อไปถึงกลับพบว่าที่ร้านขายCDมีรูปโปรสเตอร์รูปแป้งเต็มไปหมด แถมในห้างก็ยังเปิดเพลงนี้อีก อะไรมันจะเร็วขนาดนั้น
ผมเดินสำรวจไปเรื่อยๆโดยที่ไม่สนใจสายตาคนรอบข้างว่ามองอย่างไร จนกระทั่งแป้งเค้าสะกิดผม ผมจึงหันหน้าไปมองแป้งอย่างรวดเร็ว
“มีอะไรอีกเล่า”
“นายดูสิ เรามาอย่างนี้คนรอบข้างเค้าเริ่มชักจะสงสัยแล้วนะว่าเป็นนักร้อง ฉันยังไม่ได้ลบหน้าลบผมเลยนะ ฉันว่า...เรากลับกันเถอะ”
“เออนั้นสินะ มาเดินอยู่อย่างนี้มันคงสะดุดตาไม่เบา เรากลับกันเถอะ”
พอพูดจบแค่นั้นผมและแป้งก็รีบบึ้งออกมาจากห้างทันที แต่ยังไม่ทันได้ถึงหน้าประตูก็มีเสียงตระโกนตามหลังมาว่า...
“เฮ้ย นั้นเชนกลับแป้งนี่หว่า นักร้องวุ้ยนะร้อง” เท่านั้นแหละครับ สายตาทุกคู่ก็จับจ้องมาที่ผมและแป้ง เราสองคนมองหน้ากันแล้วพยักหน้าคล้ายๆกับส่งซิกว่าเราจะรอช้าอยู่ใย รีบหนีกันเถอะจากนั้นเราสองคนก็รีบจ้ำขาน้อยๆให้ออกจากห้างโดยเร็ว โดยมีพวกวัยรุ่นจำนวนหลายคนวิ่งตามมาไม่น้อย
เมื่อออกมาจากห้างผมและแป้งก็รีบวิ่งเข้าบริษัททันที โดยมีพวกวัยรุ่นตามมาติดๆ ระยะทางจากห้างและบริษัทก็ห่างพอสมควร กว่าจะวิ่งไปถึงก็ต้องใช้เวลานานนิดหน่อย จึงทำให้เราทั้งสองหนีไม่พ่นแฟนๆ
“พี่เชนนนนนนนนนน พี่เชน” เสียงร้องจากแฟนคลับจำนวนหนึ่งที่กำลังเพิ่มมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยจนเราทั้งสองแยกกันออกเป็นสองกลุ่ม
“แป้ง...แป้งอยู่ไหนนะ” ผมพยายามมองหาแป้งแต่ก็ไม่พบ พบเพียงแต่แฟนคลับที่ยืนรอมตัวผม ทั้งจับทั้งลูบอยู่หน้าผมนั้นแหละ ไม่รู้อะไรกันนักกันหนา
“เชนฉันอยู่นี่” เอะนั่นมันเสียงแป้งนี่นา ผมมองตามเสียงนั้นไปก็พบแป้งไปยืนรออยู่หน้าบริษัทอย่างปลอดภัยก่อนผมซะแล้วไว้จริงๆมิหน้าหาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ ปล่อยให้ผมโดยรุมตั้งนาน แล้วนี่ผมจะหนียังไงเนี่ย เออนึกออกแล้วละครับ คงต้องไปขอยืมมุขของใครบางคนมาเล่นหน่อย
“เฮ้ยนั้นจูจีฮุนมานี่หว่า” ผมชี้มือเข้าไปในห้าง แล้วท่าทางทุกคนก็คงจะเชื่อแฮะ มองตามไปหมดเลย แล้วผมจะยืนงี่เง้าอยู่ทำไมละครับวิ่งเลยสิ
“เฮ้ยพวกเราพี่เชนหนีไปแล้ววะ ตามไปเร็ว”
ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ไม่ต้องตกใจครับเสียงว๊ากนั่นมันของผมเอง เสียงร้องของผมดังลั่นยาวเป็นสายไปตามทางข้างถนนที่ผมวิ่งไป เพราะว่าอะไรนะเหรอครับ ก็พวกแฟนคลับนะสิ ครับวิ่งไล่ผมแบบไม่ธรรมดา พวกเค้าทั้งยกของที่อยู่ในมือจะปาใส่ผม ผมว่าพวกนั้นคงเป็นแฟนคลับจูจีฮุนแน่ๆเลยถึงได้โกรธแค้นผมอย่างนี้ ขอโทษครับคราวหลังผมจะไม่เล่นมุขนี้อีกแล้วครับ
“หยุดนะพี่เชนนนนนนนนนน” เสียงร้องเรียกให้ผมหยุดวิ่งจากแฟนคลับที่วิ่งตามผมมาดังอยู่เป็นครั้งคราว เรื่องอะไรครับที่ผมจะหยุด ถ้าผมหยุดผมก็ได้ตายกันพอดี
“เชนเร็วหน่อย” ฝ่ายยัยแป้งก็รับกวักมือให้ผมวิ่งไปเร็วๆ เออจะถึงแล้วรอก่อน
ในที่สุดผมก็วิ่งเข้ามาในบริษัทได้ เฮ้อผมเข้าใจดารานักร้องรุ่นพี่เขาแล้วละว่าทำไมถึงได้กลัวนักกลัวหนากับการที่โดนแฟนคลับไล่ตาม ซึ่งวันนี้มันก็ได้มาเกิดกับผมเอง สยองคราวหลังไม่ไปแล้ว
ส่วนพวกแฟนคลับที่วิ่งตามผมมาตอนนี้กำลังยืนเป็นม็อบกลุ่มน้อยอยู่หน้าบริษัท ส่งเสียงเอะอะโว้ยวายให้ผมและแป้งออกไปหาใหญ่เลย อะไรกัน ผมดังขนาดนั้นเชียวเหรอ
สักพักคุณป้าก็เดินมาที่หน้าประตูเพื่อดูสถานการณ์ เหล่าสาวกแฟนคลับก็ยังไม่กลับแม้แต่อย่างน้อย แถมมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมเป็นสองเท่าด้วยซ้ำ
ฝ่ายคุณป้าก็ไม่มีอาการตกใจเลยด้วยซ้ำ แถมยังยิ้มดีใจใหญ่เลย ที่กะไว้ว่าผมและแป้งจะต้องดังแน่นอน มันก็ใช่อยู่ที่ผมกับแป้งจะดัง แต่นั้นไม่ใช่ปัญหา ปัญหามันอยู่ที่ว่าผมและแป้งจะสามารถไปเดินเล่นแบบชาวบ้านชาวช่องได้อีกหรือไม่เท่านั้นเอง
เวลาผ่านไปสองชั่วโมง เหล่าแฟนคลับก็ยังไม่ลดจำนวนลงแต่อย่างไร แต่อย่างห่วงเลยอีกสักพักก็กลับแล้ว มันก็เหมือนกับนักร้องใหม่ทุกคนนั้นแหละ แรกๆก็จะมีแฟนคลับมาก แต่พอหลังๆไปก็ลดลงไปเอง
ตอนนี้ผมกำลังนั่งโบกมือบ้ายบายให้แฟนคลับเป็นละลอกๆ คุณป้าบอกผมว่าถ้าจะเป็นดารานักร้องให้นานก็อย่าทำตัวเองให้หยิ่งพยามยิ้มให้ทุกคนที่เราเดินผ่าน ทุกคนถึงจะรักเราและจะเป็นแฟนคลับเรานานๆยกตัวอย่างเช่นพวกSUPER JUNIOR ที่ผมชื่นชอบ เค้าทุกคนเป็นกันเองมากๆให้ผมยืมตังค์ด้วยนะ
“เชนลูก ไปหาเจนเค้าหน่อยไป เห็นเดินตามหาทั่วบริษัทแล้ว”
“ครับป้า แล้วพี่เจนอยู่ไหน”
“ห้องออร์จะ”
“แป้งป่ะ”
มีเรื่องอะไรอีกนะ ถึงได้ตามหาผม มันคงจะเป็นงานด่วนมากๆแน่ๆเลย ผมรีบไปดีกว่าเดี๋ยวโดนดุเอา
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก”
“เข้ามาจ๊ะ”
“สวัสดีครับพี่เจนเจอกันรอบสอง อ้าวเจ้ามินจุงแกก็อยู่นี่ด้วยเหรอ”
“บ๊อก บ๊อก” สงสัยมันคงจะบอกว่าครับแน่ๆเลย
“มีอะไรครับ” ผมนั่งลงที่โซฟา
“หนูแป้งกับหนูเชน พี่มีเรื่องจะบอกคือว่าปีนี้ แป้งมีคิวแน่นเอียดที่จะต้องทำงาน เราต้องฟิดซ้อมนะรู้ไหม”
“งานของแป้งเหรอค่ะ ว้าว...หน้าตื่นเต้นจัง” แป้งทำหน้าท่าทางดีอกดีใจ แต่เธอนะไม่รู้หรอกว่าฉันจะเปิดเทอมแล้ว การบ้านไม่รู้ว่าเสร็จหรือยังเลย
“แต่เสียใจเธอต้องไปทำงานคนเดียว เพราะฉันนะจะเปิดเทอมแล้ว”
“ว้า...ถ้างั้นฉันคงเหงาแย่นะสิ เอาอย่างนี้เวลาเลิกเรียนนายก็มาหาฉันสิตกลงไหม”
“ก็ได้ถ้างั้นเธอต้องช่วยฉันทำการบ้านนะ”
“ได้เลยไปเอามาไป”
“แล้วพี่เจนละครับ จะช่วยเชนทำหรือเปล่า” ผมทำหน้าอ้อนสุดขีดเท่าที่จะทำได้ อ้อนให้พี่เจนใจอ่อนการบ้านจะได้เสร็จเร็วๆ
“ก็ได้จะ น้องเชนอ้อนแบบนี้พี่เจนนี่ก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงแล้ว”
“ขอบคุณครับงั้นผมไปเอาการบ้านลงมาก่อนนะ”
พอพูดจบ ผมก็รีบวิ่งออกจากห้องไปขึ้นลิฟต์ทันที พอลิฟต์เปิดก็พบหญิงหนึ่งชายหนึ่งกำลังยืนคุยกันอยู่ พวกเค้าคือไอ้เยเย่และแยมน้องสาวผมนั้นเอง
“เฮ้ย มาด้วยกันได้ไงเนี่ย” ผมถาม ทั้งสองคนมองหน้ากัน ก่อนที่ไอ้เยเย่มันจะตอบออกมาว่า
“เราเป็นแฟนกันน่ะ” ห๋า...ว่าไงนะแยมกับไอ้เย่เป็นแฟนกัน เป็นไปได้ยังไง... ไม่ได้สองคนนี้จะรักกันไม่ได้ผมต้องขัดขวาง
“แยม...อย่าไปคบกับมันนะ” ผมดึงแยมออกมาจากไอ้เย่
“ทำไมเราจะคบกันไม่ได้” แยมจ้องหน้าผมเขม้นยังกับรอคำตอบหรือไม่ก็คิดจะตบผม
“เธอยังเด็กนะแยม เชื่อพี่เหอะ”
“ควรรักมันไม่จำกัดอายุหรอกนะพี่เชน เพียงแต่พี่ยังอคติกับมัน มันก็จะอคติกับพี่” มาอคติอะไรพี่นะเกลียดไอ้เย่นี่ต่างหาก คิดจะจับปลาสองมือสินะ ทั้งแป้งทั้งแยมเลย
“แยมแน่ใจแล้วเหรอว่าไอ้เยเย่นี่มันเป็นคนดี แยมยังรู้จักมันไม่ดีแล้วจะคบกับมันอยู่เหรอ”
“ถึงเราจะคบกันได้แค่สองสัปดาห์ แต่หนูก็แน่ใจแล้วคะว่าเค้าเป็นคนดี” คนดีที่คิดจะฆ่าคนอื่นนะเหรอ ชิ...
“ยังไงก็ช่าง พี่จะไม่ยอมให้แยมกับไอ้นี่คบกัน จำเอาไว้นะ”
พอพูดจบผมก็ผลักไอ้เยเย่ให้ออกมาจากลิฟต์ แล้วผมก็เข้าไปแทน ไอ้เยเย่ถ้าแกคิดจะจับน้องสาวฉัน แกตายแน่!!! ผมคิดในใจ
พอดีลิฟต์ขึ้นมาถึงห้องผม ผมก็รีบไปเอาการบ้านแล้วลงไปหาแป้งและพี่เจนข้างล่าง
“มาแล้วคร๊าบ บ”
“เชนช้าจังทำอะไรอยู่เหรอ”
“พอดีเข้าห้องน้ำนะ”
“อ๋อ...แล้วไป นึกว่าไปทะเลาะกับใครมาอีก” นี่ทุกคนเห็นผมเป็นคนอย่างนั้นเหรอเนี่ย แต่จะคิดยังไงผมก็ไม่รู้สึกหรอก เวลาผ่านไปสองชั่วโมง การบ้านทั้งหมดก็เสร็จ กว่าจะเสร็จก็ใช้เวลาพอสมควร ตอนนี้ก็สองทุ่มแล้วข้าวก็ยังไม่ได้กิน
จ๊อกกกกกกกกกกก(เสียงท้องร้อง)
“แป้งพี่เจนเราไปกินข้าวกันเถอะ”
“ก็ดีเหมือนกัน” แป้ง/พี่เจน
ตอนนี้ผมอยู่บนห้องครับพึ่งไปรับประทานอาหารกับพี่เจนและแป้งมา หนังท้องตึงหนังตาก็หย่อน เลยขอตัวขึ้นมาก่อน วันนี้มันเหนื่อยจริงๆไหนจะต้องหนีแฟนคลับ ทำการบ้าน แล้วก็เรื่องที่แยมและไอ้เย่คบกันอีก ผมไม่หน้าปล่อยน้องให้เอาแต่ใจตัวเองเลย ผมคิดผิดจริงๆ
ฉันเข้มแข็งไม่พอที่ฉันจะคิดกับเธอเหมือนเดิม เพราะในความรู้สึกที่มีมันเกินเพื่อนไป (เสียงริงโทน)
ใครโทรเข้ามานะตอนนี้ เอ่อยิ่งเหนื่อยอยู่ เบอร์ก็แปลกด้วยไม่ได้เมมไว้ เบอร์ใครหว่า
“HELLOครับ”
“เชนลูกนี่พ่อเอง” ฮ่ะ อะไรนะ พ่อเหรอ...ผีหลอกแน่ๆไม่ใช่หรอกพ่อผมนะตายไปตั้งนานแล้ว
“สงสัยผิดเชนแล้วมั้งครับ”
“ไม่ใช่ เชนนั้นแหละลูก ฟังพ่อดีๆนะพ่อยังไม่ตาย ตอนนี้พ่ออยู่ต่างประเทศ พ่อทำงานเป็นคนสร้างหุ่นยนต์อัลรอยขององศ์กรลับแห่งหนึ่ง ฟังพ่อนะ ลูกจะต้องไม่บอกเรื่องพ่อมีชีวิตอยู่ให้ป้ารู้”
“พ่อ แล้วแม่ละครับ”
“แม่เค้าเสียแล้วลูก เชนไม่สงสัยบ้างหรอที่หาศพแม่พบแต่หาศพพ่อไม่พบนะ เอ่อเชนลูก ถ้าลูกเปิดเผยเรื่องที่พ่อเป็นคนสร้างหุ่นยนต์ขององค์กรลับ ลูกอาจจะโดนพวกมันฆ่าอย่างที่มันฆ่าแม่ของลูกก็ได้นะ”
“อ้าว...แล้วแม่ไม่ได้ตายเพราะอุบัติเหตุเครื่องบินตกหรอครับพ่อ”
“ไม่ใช่ลูก พวกมันว่าระเบิดไว้ที่หลังเครื่องบิน พอดีพ่อรู้ พ่อเลยให้แม่เค้าใส่เครื่องกันสเก็ตไฟระเบิด แต่เหตุการณ์กลับพลิกพลัน พวกนั้นมันดันติดระเบิดไว้กลับเครื่องกันสเก็ตไฟของแม่ แม่ของลูกถอดไม่ทันจึงทำให้เป็นอย่างนั้น พ่อก็ใส่เหมือนกันแต่ตัวนั้นไม่ได้ติดระเบิด มันจึงทำให้พ่อรอดมาได้จนถึงวันนี้ ตอนแรกพ่อก็ว่าจะกลับมาหาเชน แต่ดันโดนพวกมันจับได้ซะก่อนว่ารอดและรู้ว่าพ่อเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ชอบประดิษฐ์หุ่นยนต์มันจึงจับพ่อไป”
“แล้วพ่ออยู่ไหนครับตอนนี้”
“พ่อบอกไม่ได้ลูก อีกไม่นานพ่อก็คงจะได้กลับ พวกมันเริ่มจะเชื่อใจพ่อแล้ว เอ่อแค่นี้ก่อนนะพวกมันมาแล้วลูก”
ตู๊ด....ตู๊ด........................ตู๊ด
คุณพ่อ...คุณพ่อยังไม่ตายจริงๆ อีกไม่นานสินะผมก็คงจะได้พบพ่อ พ่อครับผมจะรอ ส่วนแม่ แม่ไม่ต้องห่วงเชนนะครับ เชนจะตั้งใจเรียนตั้งใจทำงานให้ดีที่สุด
วันรุ่งขึ้นผมตื่นแต่เช้า ทำกิจวัตรประจำวันและไปเข้าฟิตเน็ตตามเคย นึกถึงเรื่องเมื่อคืนมันก็หน้าใจหายอยู่เหมือนกันนะ จู่ๆพ่อก็โพล่มาบอกว่าตัวเองยังไม่ตายแถมยังเป็นคนสร้างหุ่นยนต์อีก แต่ทำไมต้องเก็บเป็นความลับด้วยละ แค่สร้างหุ่นยนต์เท่านั้นเองนิ
“เชน...เชนเป็นอะไรหรือเปล่าเหม่อเชียว” คุณป้าเดินมาสะกิดผม
“เปล่าครับ ผมสบายดี”
“แน่นะ วันนี้ก็มีงานไปออกรายการอีกนะลูก”
“ไหวครับผมรับลอง”
พอได้เวลาที่จะต้องไปทำงาน พี่เจนก็เดินเข้ามาเรียกให้ขึ้น วันนี้ออกกำลังกายเพลินไปหน่อยก็เลยไม่ได้อาบน้ำ ขึ้นรถไปทำงานเลย พอผมกำลังจะก้าวขึ้นรถก็มีเสียงทักมาจากข้างหลัง
“สวัสดีค่ะ” ผมค่อยๆหันหน้าไปตามเสียงเล็กๆของคนนั้น ปรากฏว่าเป็นผู้หญิงผิวขาวสูงเกือบจะเท่าผมรูปร่างทุกอย่างดีไปหมด
“เออสวัสดีครับคุณ...”
“วอนยองฮวาค่ะ เรียกสั้นๆยองฮวายินดีที่ได้รู้จัก” ชื่อเหมือนกับไม่ใช่คนไทยเลย มิหน้าละหน้าออกหมวยๆ
“เป็นคนเกาหลีเหรอครับ”
“คะ ฉันพึ่งมาจากเกาหลีคะ” เดาถูกเฮอะ อยากลองคุยภาษาเกาหลีด้วยจังแต่กลัวพูดผิด
“พูดไทยชัดจังนะครับ”
“เออพอดีแม่เป็นคนไทยคะ” ว่าแล้วพูดไทยชัดอย่างนี้ไม่พ่อก็แม่ล่ะที่เป็นคนไทย
“ผมต้องไปก่อนแล้วนะครับหวังว่าเราคงจะได้ผมกันอีก”
“เช่นกันค่ะ” เค้าก้มหัวทำความเคารพผม ผมก็เลยก้มตอบกลับไปมันเป็นมรรยาทของฝั่งทางเกาหลีเค้านะครับ ผมว่ามันหน้าจะแปลว่า คัมซา คัมซามั้ง (แปลว่าขอบคุณ)
เมื่อผมเข้าไปนั่งในรถ สายตาของแป้งก็เริ่มมีไฟลุกขึ้นมาแวววับที่หางตา ส่วนพี่เจนและคนอื่นๆก็ทำหน้ากันอย่างอิจฉาตาแดง
“เป็นอะไรกันครับทุกคน” ผมถอยเข้าไปนั่งชิดกับหน้าต่าง
“อิจฉานายจังเชนที่ได้คุยกับผู้หญิงสวยขนาดนั้น” ไอ้เยเย่โพล่หัวจากเบาะหลังมาคุยกลับผม ไอ้เยเย่มันขึ้นมาตอนไหนวะเนี่ย
“เออ...เขาเป็นคนเกาหลีนะ เดินเข้ามาทักฉัน ก็เพราะนึกว่าฉันเป็นดงแฮ”
“แหวะจะอ้วกแตก”แป้ง/พี่เจนนี่/ไอ้เย่
“นี่มาพูดพร้อมกันแบบนี้ ผมอายนะเนี่ย”
“ยังไม่เลิกหลงตัวเองอีกเหรอไอ้เชนแกนี่มันหลงตัวเองจริงๆเลย” ไอ้เยเย่มันเอามือขึ้นกอดอกแล้วหันหน้ามองไปนอกหน้าต่าง
“ก็ยังดีกว่าแกหรอกไอ้เยเย่แกนะว่าแต่ตัวเองเป็นเยซองหน้าไม่อาย”
“หรือมันไม่จริง”ผมกับไอ้เย่พูดพร้อมกัน
“ทำไมแกต้องพูดตามฉันด้วยวะไอ้เชน” ไอ้เยเย่แกคิดว่าฉันอยากจะพูดตามแกหรือไง แกนั้นแหละที่เป็นคนพูดตามฉันนะ
เมื่อเรามาถึงสตูของรายการ ก็พบพวกแฟนคลับถือป้ายชูชื่อพวกเราอยู่ในนั้นแล้วประมาณสองร้อยคน เห็นไหมครับผมดังแค่ไหน หล่อด้วย ฮ่าฮ่าฮ่า
“ต่อไปทุกท่านจะได้พบกับสามศิลปินหน้าใหม่ในชื่อย่อว่าCPYเชิญชมเลยครับ” พิธีกรประกาศเสียงรั้นสตูดิโอ แฟนคลับจำนวนนับร้อยกริ๊ดเสียงสนั่น เสียงดนตรีเริ่มดังขึ้นเราสามคนเดินออกมาจากหลังเวที
“สวัสดีครับ/ค่ะ” จากนั้นเราสามคนก็เต้นกันสุดฤทธิ์สุดเดช เต้นกันไปร้องเพลงของแป้งไป พวกแฟนคลับทุกคนพากันงงใหญ่เลยว่าทำไมอัลบั้มที่ขายมีแป้งร้องคนเดียวแต่ตอนนี้มีร้องสามคน
“สวัสดีครับ สวัสดีอีกรอบนะครับวันนี้พวกเราสามคนดีใจมากเลยที่ได้มาออกรายการนี้นะครับ” พอแนะนำตัวเสร็จพิธีกรสาวก็เดินออกมาจากหลังเวที เพื่อนแนะนำพวกเราอีกครั้งจากนั้นก็เริ่มถามคำถาม เกี่ยวกับการรวมตัวของพวก
“อันที่จริง พวกเราสามคนมาจากคนละที่เลยครับ ผมเชนเป็นเด็กที่บริษัทอยู่แล้ว ส่วนแป้งคุณป้าก็พึ่งไปพบตัวมาเมื่อสามเดือนก่อน และเยเย่คนล่าสุดพึ่งมาครับ” ผมอธิบายตามความเข้าใจของผมให้กับพิธีกรสาวฟัง และคำถามต่อไปก็คือ แต่ละคนอายุเท่าไหร่ส่วนสูงเท่าไหร่
“ครับเริ่มจากเยเย่ก่อนนะครับ เยเย่สูงหนึ่งร้อยแปดสิบสองครับ แป้งสูงร้อยหกสิบห้า ส่วนผมเชนสูงร้อยแปดสิบห้า อายุสิบแปดเท่ากันหมดครับ”
“คำถามต่อไปนะคะ จากที่ว่าได้ยินข่าวมา ตอนไปถ่ายมิวสิควีดีโอที่ทะเล คุณแป้งโดนคนรอบทำร้ายจริงหรือเปล่าคะ” เอาล่ะครับงานนี้จะตอบอย่างไงดี ใครเป็นคนปล่อยข่าววะเนี่ย ถ้าจับได้จะฆ่าให้ตายคามือเลย
“เปล่าหรอค่ะ แค่เดินไปสะดุดกับก้อนหินแล้วล้มหัวฟาดพื้นเท่านั้นเองคะไม่มีอะไรมาก” แป้งเธอทำได้เยี่ยมมากกับการตอบคำถาม ถ้าเกิดไปบอกความจริงละก็เรื่องใหญ่แน่
“กับคำถามต่อไปให้คุณเยเย่ตอบนะคะ มีคนกล่าวหาคุณว่า คุณหน้าเหมือนเยซองคุณจะยอมรับไหมคะ” ใครคิดคำถามวะเนี่ย ช่างไปสรรค์หาซะจริง อยากเห็นหน้าคนคิดคำถามจังเลย...
“ครับก็อย่างที่ว่ากันนั้นแหละครับ ถ้าผมหน้าไม่เหมือนก็คงไม่มีใครพูดถึงหรอกครับ” กล้าตอบเนอะ ช่างไม่อายปากจริงๆ อย่าเขามานั่งใกล้ฉันนะฉันอายคนไปไกลๆไป
“ค่ะ ต่อไปนะคะคำถามนี้สำหรับคุณเชน คุณเชนคะแฟนคลับฝากคำถามให้มาถามคะว่า ทำไมคุณเชนชอบทำท่าทางเหมือนกับตัวเองเป็นศิลปินเกาหลีค่ะ”
“ผมนี่เหรอฮ่ะเหมือนศิลปินเกาหลี คงไม่หรอกมั้งครับพวกคุณอาจจะคิดไปเองก็ได้ นี่มันคือนิสัยส่วนตัวของผมนะครับ”
“ค่ะ แล้วคุณจะยอมรับกับฉายาที่แฟนคลับตั้งให้ไหมคะ ว่าเจ้าชายแห่งแดนโสม”
“เออ...ก็คงต้องยอมรับแล้วครับ แฟนคลับตั้งให้ขนาดนี้ไม่รับได้ไง ขอบคุณนะครับ” ผมยกมือไหว้ขอบคุณแฟนคลับที่อยู่ในสตู เรียกเสียงกรี๊ดสนั่นอีกครั้งหนึ่ง ส่วนไอ้เยเยก็มองหน้าผมอย่างไม่พอใจ ทำไมว่ะหน้าอย่างฉันเนี่ยมีแฟนคลับไม่ได้เลยใช่ไหม
“วันนี้นะค่ะรายการของเราก็หมดเวลาลงแล้ว ขอขอบคุณนักร้องวงCPY นะคะขอบคุณคะ”
ในที่สุดรายการก็จบลงเราสามคนก็ลงไปถ่ายรูปร่วมกับแฟนคลับประมาณสิบนาทีอยู่ข้างล่างของเวที ก่อนจะถูกดึงตัวให้กลับไปขึ้นรถที่จอดอยู่ด้านหลังสตู ขณะนั่งอยู่ในรถเราสามคนก็พูดคุยกันถึงเรื่องงานที่ได้ออกรายการชิ้นแรกว่าเป็นแบบไหน ไอ้เยเย่มันพูดไม่หยุดปากจริงเลยแย่งพูดทุกคำ มันคงจะดีใจมากสินะที่มีคนทักมันว่าเหมือนเยซอง แต่มันก็สู้ผมไม่ได้หรอก ผมนะเจ้าชายแดนโสมโว้ย
เมื่อรถแล่นมาถึงบริษัทผมก็ต้องแปลกใจเมื่อพบกับผู้หญิงคนที่เจอเมื่อตอนเช้ายืนพิงเสาอยู่ที่เดิม นี่เค้ายังไม่กลับบ้านอีกเหรอเนี่ย มายืนรอตั้งแต่เช้าจรดเย็นเลย อึดชะมัด
“นี่...เธอยังไม่กลับบ้านอีกเหรอ” ผมเดินเข้าไปทักเธอ ดูท่าทางเธอเหมือนกับหลับๆตื่นๆอยู่เลย
“อ้าวนายมาแล้วเหรอ ฉันกำลังรอนายอยู่เลย” เธอใช้มือทั้งสองขยี้ตาให้ซาจากความงงงวย
“เธอรอฉันเหรอเนี่ย”
“ก็ใช่นะสิฉันรอนาย นึกว่าวันนี้จะไม่กลับมาซะอีก เกือบฉันกลับบ้านไปแล้วไหมละ”
“แล้วเธอมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมละครับ”
“เรื่องนี้เห็นทีมันจะคุยตรงนี้ไม่ได้ เราไปหาที่เงียบๆคุยกันเถอะ”
“เดี๋ยวก่อนสิ ชื่อเธอฉันยังไม่รู้จักเลยนะ”
“เออน่าตามมาก่อน เดี๋ยวนายก็รู้เอง” หญิงสาวผู้นี้ช่างกล้าหาญจริงๆเลย ดึงหรือจะใช้คำว่าลากก็ได้ พาผมไปที่ห้องเก็บของชั้นใต้ถุน
“มะบอกมามีอะไรจะคุยกับฉัน”
“นี่ดูนี่แล้วนายจะรู้ว่าฉันเป็นใคร” หญิงสาวใช้มือล้วงเข้าไปในกระเป๋า แล้วหยิบสิ่งของบางอย่างขึ้นมา มันคือสร้อยคอรูปผีเสื้อที่ผมให้เป็นของขวัญวันเกิดกับแม่ตอนผมอายุได้ห้าขวบ ผมจำได้
“นี่คุณเอาสร้อยนี้มาจากไหน” ผมจ้องหน้าหญิงสาวอย่างไม่ละสายตา หญิงสาวก้มหน้าลง แล้วค้นหาอะไรบ้างอย่างอีกครั้ง คราวนี้มันคือมีด นี่เธอคิดจะทำอะไรของเธอนะ
“เชนดูนี่แล้วลูกจะเข้าใจทุกอย่าง” หญิงสาวถือมีดเข้ามาเสียบที่ท้องผม นี่เค้าหลอกผมมาฆ่าเหรอเนี่ย ไม่ช้าตาผมก็เริ่มพล่ามัว ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าเริ่มสลั่วลงทุกทีๆ หญิงสาวคนนั้นรีบมาประคองตัวผม
“เชนถ้าลูกเห็นภาพข้างหน้านั้น ลูกจะเข้าใจเองว่าเกิดอะไรขึ้น หลับตาเถอะนะคนดีของแม่หลับซะ แล้วเราจะได้ไปอยู่ด้วยกันสามคนพ่อ แม่ ลูก” เมื่อสินคำพูดนั้น ภาพข้างหน้าก็หายวับไป สักครู่แสงสว่างสีขาวจ้าขึ้นมา ตอนแรกสายตาของผมไม่สามารถปรับสภาพให้มองเห็นภาพข้างหน้าได้ เพราะอยู่ในที่มืดแล้วมาอยู่ในที่สว่าง สักพักก็ปรากฏเป็นห้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่และมีห้องย่อยเป็นเหมือนกับเป็นห้องแล็บสำหรับทดลองอะไรบางอย่าง
“คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ อีกสองวันกลับบ้านได้เลย”
คนหมอคนเดิมที่รักษาแป้งเมื่อสามวันก่อนเดินออกมาจากห้องไอซียู ค่อยโล่งใจหน่อยตอนแรกผมนึกว่าแป้งจะเป็นอะไรไปซะแล้ว เพราะผมนั้นแหละที่พาแป้งมาหาหมอช้า ตอนแบกมาก็พาล้มตั้งหลายที ผมเนี่ยมันแย่จริงๆเลยนะ ไม่สามารถดูแลแป้งได้ตามที่สัญญาไว้ตั้งแต่แรก
แป้งฉันขอโทษนะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นฉันจะอยู่เคียงข้างเธอเสมอ ฉันสัญญาด้วยศักดิ์ศรีของ วอนดงฮัน...
ในที่สุดก็ครบกำหนดสองวันตามที่หมอบอก เราทั้งหมดจึงมารับแป้งเพื่อกลับเข้ากรุงเทพอีกกี่วันก็วันเปิดตัวอัลบั้มแล้ว เพราะพี่เจนส่งเทปให้เค้าไปจัดการอัดแผ่นเตรียมส่งขาย และออนแอร์ทางทีวีบ้านเราแล้ว เหลือแต่เปิดรอบสื่อมวลชนเท่านั้นก็จะเป็นอย่างเป็นทางการ คุณป้าก็หน้าจะเลื่อนวันไปข้างหน้าอีกหนึ่งสัปดาห์นะก็รู้ว่าแป้งจะหายไม่ทันแต่ก็ยังไม่เลื่อนวันอีก และถ้าไม่เป็นเพราะนายเยเย่นั้นเราก็คงจะไม่เจ็บตัวกันอย่างนี้เหรอ
“แป้งไหวไหมค่อยๆขึ้นรถนะ เจ้ามินจุงอยู่นิ้งๆสิอย่าขยับเดียวชนเอวแป้งเหรอ”
“ไม่เป็นไรเหรอเชน มินจุงมันไม่ดื้ออยู่แล้วปล่อยมันเถอะ”
“อืมถ้าเธอต้องการฉันจะจัดให้”
ในที่สุดก็มาถึงบริษัท ผมเห็นคนจำนวนหนึ่งมายืนรออยู่หน้าบริษัทนั้นเค้ามารอใครนะ...เออสงสัยเป็นพวกบ้านักร้องสินะ คงจะมารอ กอล์ฟไมค์ละสินะ รถตู้ของผมค่อยๆเลื่อนเข้าไปจอดอยู่หน้าประตูทางเข้าบริษัท เมื่อคนขับรถวิ่งลงไปเปิดประตูให้ผมลงเสียงกรี๊ดก็ดังกระหึ่มอยู่ข้างๆสองหู แต่ก็ไม่มีใครเข้าใกล้ตัวผม และเมื่อยัยแป้งลงมาก็มีเสียงกรี๊ดอีกเช่นกันแต่น้อยกว่าผมนิดหนึ่ง นี่สรุปใครเป็นนักร้องกันแน่ผมหรือแป้ง
“พี่เชนนนนนนนนน พี่แป้งงงงงงงง กรี๊ด.........ดดดดด”
ไม่ไหวแล้วครับ สงสัยถ้ายืนอยู่ตรงนี้นานๆคงได้เป็นโรคแก้วหูอักเสบเป็นแน่ แล้วนี่คนเหล่านี้รู้ได้ไงว่าผมจะกลับวันนี้ อ๋อ...คงจะเป็นพี่เจนอีกละสินะ มิหน้าถึงกลับมาจากทะเลก่อนผม
“แป้งเป็นไงบ้าง แล้วเจ้ามินจุงละอยู่ไหน”
“บ๊อก บ๊อก” เจ้ามินจุงนี่แสนรู้จริงๆ เวลาผมไปไหนมันก็จะไปตามตลอด วิ่งไปด้วยเสมอ นี่แหละเจ้ามินจุงตัวนี้ผมจะเอามันไปเล่นหนังเรื่อTHE DOG ผู้พิทักษ์โลก
“น่ารักจังนะแก เจ้าหมาน้อยมิน”
“แป้งเอาของไปเก็บก่อนเถอะอย่าเพิ่งเล่นกับมัน เราจะได้รีบไปหาคุณป้ากัน”
“อืม” พอผมเอาของไปเก็บผมก็ลงมานั่งรอแป้งที่ห้องประชุมพร้อมกับคุณป้า พี่เจนและพี่ๆทีมงานทั้งหลายรวมทั้งเจ้ามินจุงด้วย หลังจากนั้นอีกสักหน่อยแป้งก็เข้ามา จึงเริ่มประชุมกันเลย
“วันนี้เราจะมาประชุมเรื่องอัลบั้มสองของหนูแป้งจี่ครามนี้จะให้ออกอัลบั้มสามคน ขอแนะนำนักร้องใหม่คุณเยเย่คะ” ฮ่ะ...ไอ้เยเย่นี่เราจะต้องทำงานร่วมกับไอ้นี่จริงเหรอ ไอ้นี่มันจะฆ่าเรานะถ้าเกิดมาร่วมทำงานด้วยกันมีหวังตายกันไปข้างแน่
“ป้าฮะเอามันมาทำไม ไอ้เย่นี่มันจะฆ่าผมและแป้งนะครับ”
“เอาเถอะจะเชน หลานเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าจ๊ะ เยเย่นี่เค้าเป็นคนดีนะจ๊ะหลานว่าเค้าอย่างนี้ได้ไง” มันเป็นคนดีก็ต่อหน้าป้าเท่านั้นแหละครับ ต่อหน้าพวกผมมันก็ ฉันนะเยซองโว้ย อยู่นั้นแหละ (ส่วนแกก็ดงแฮใช่ไหม)
“แต่มัน...”
“เชน”
“ครับ” ถ้าป้าไม่ทำเสียงแข็งใส่ผม ผมจะต้องไล่ไอ้นี่ออกให้ได้ มันดีตรงไหนถึงได้มาเป็นนักร้องค่ายผม
“เออป้าครับแล้วอีกคนหนึ่งละครับ” พอผมพูดจบแค่นั้นทุกคนก็หันมามองผมเป็นสายตาเดียวกัน นี่ผมพูดอะไรผิดไปหรือเปล่าเนี่ย
“เชนไงจ๊ะ ใช่ชื่ออัลบั้มว่าแฮงบกCPY แปลว่าความสุขของเชนแป้งแล้วก็เยเย่ไงจ๊ะ”
“แล้วมีใครเห็นด้วยอีกไหมครับ” พอผมพูดจบก็มีแค่ ผมและแป้งเท่านั้นที่ไม่ยกมือ ไอ้เยเย่สงสัยมันอยากเป็นมากดูมันทำเกินหน้าเกินตาคิดว่าคนอื่นจะไม่เห็นมือมันหรือไง ยกซะ แถมเจ้ามินจุงมันยังปีนไปนั่งบนโต๊ะแถมยกเท้าหน้าให้อีกต่างหาก เห็นด้วยกับเขาหรือไงไอ้มินจุง
“เอาละจะ แปลว่าตกลงกันใช่ไหมจ๊ะ ถ้างั้นวันนี้ก็พอแค่นี้แหละพรุ่งนี้ก็วันเปิดตัวอัลบั้มของแป้งแล้ว อย่าให้มีอะไรผิดพลาดนะ เดี๋ยวจะเสียชื่อบริษัทของเราหมด”
“ค่ะ” พรุ่งนี้แล้วสินะที่จะเป็นงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการ แล้วก็จะได้ขายซีดี ตื่นเต้นชะมัด แต่ก็หน้าเป็นห่วงยัยแป้งอยู่เหมือนกันแผลยังไม่ค่อยหายดีสักเท่าไหร่ก็จะต้องทำงานอีกแล้ว ถ้าเกิดแผลฉีกอีกมันจะยุ่งยากเข้าไปใหญ่ผมกลัวเท่านี้แหละ แถมไอ้เยเย่มันก็ยังไม่สำนึกอีกยังมาเสนอหน้าให้เห็นอีก ถ้าเป็นผม ผมจะไม่มาปรากฏตัวให้เห็นเลย มันช่างหน้าด้านสิ้นดีจริงๆ
พอประชุมเสร็จทุกคนก็ออกมาจากห้องยกเว้นผม แป้ง แล้วก็ไอ้เยเย่นั่งจ้องหน้ากันอยู่ อะไรกันวะ จะหาเรื่องกันอีกหรือยังไงฮะ ยิ่งคิดมันก็ยิ่งปวดสมอง ไอ้เยเย่มันทำหน้านิ่งเฉยยังกับมันไม่ผิด
“นี่ไอ้เย่ ฉันถามแกจริงเฮอะ ว่าแกนะจะเอามีดมาแทงฉันทำไม”
“ไม่มีอะไร ฉันแค่ไม่ชอบขี้หน้าแกเท่านั้น”
“แล้วแกถึงกับจะฆ่าฉันเลยเหรอ”
“เออ...แล้วมีอีกอย่างหนึ่ง ฉันนะไม่ชอบที่แกมาหาว่าฉันเนี่ยเหมือน อี๊ด โปงลางสะออน” มันเจ็บใจแค่นี้เนี่ยนะถึงกลับจะฆ่า จะแกงกันเลยที่เดียว ก็ดูหน้ามันสิเหมือนมากเลย
“หยุดเลยทั้งสองคนทะเลาะกันอยู่ได้” ทำไม ยัยซาลาเปาเธอก็เข้าข้างไอ้เย่เพื่อนเธอใช่ไหม หน๋อย...รักเพื่อนดีนักไปอยู่ด้วยกันเลยไป
“ทำไม เธอเกี่ยวอะไรด้วย”
“มันก็ไม่เกี่ยวแต่เยเย่เค้าเป็นเพื่อนฉันนี่นา”
“เพื่อนที่คิดจะฆ่าเพื่อนนี่นะ เธอยังนับถือมันเป็นเพื่อนอยู่อีกเหรอ”
“มันก็ใช่อยู่ แต่ว่า...”
แต่ว่าเธอทิ้งมันไม่ลงใช่ไหม ฉันหน้าจะเจอเธอก่อนที่ไอ้เย่มันเจอ เธอจะได้เข้าข้างฉันบ้างก็เท่านั้น
พอพูดจบผมก็ลุกออกไปจากห้องทันที นี่นะเหรอคนที่ผมไว้ใจกลับกลายไปเข้าข้างคนอื่น อ๋อใช่ผมรักเค้าอยู่ฝ่ายเดียวหนะสินะ
วันรุ่งขึ้นผมตื่นแต่เช้า เพื่อจะไปเช็คห้องที่จัดงานเปิดตัวว่าเสร็จเรียบร้อยหรือไม่ พอไปถึงผมก็พบแป้งและไอ้เย่ยืนอยู่ก่อนแล้ว สงสัยจะตื่นเต้นมากนะสิ ผมจึงเดินเข้าไปใกล้ๆเธอ อยากจะถามเธอว่าเหนื่อยไหม แต่ก็ถามไม่ได้เพราะไอ้เยเย่มันยืนทำหน้าบึ้งใส่ผมอยู่ข้างๆ
“หวัดดีเชน วันนี้ตื่นแต่เช้าเชียวนะ”
“อืม หวัดดีครับ”
“แป้งเดี๋ยวเย่ไปก่อนนะ อยู่แถวนี้แล้วรู้สึกเหม็นเน่ายังไงชอบกล” ไอ้เย่แกว่าฉันเป็นคนตายหรือไงฮะ แกนั้นแหละที่ไม่อาบน้ำมาสองวันแล้ว ฉันรู้นะโว้ย
“ก็ดีกว่าคนไม่อาบน้ำหรอก”
“ไปดีกว่า อากาศไม่ค่อยดีเหม็นๆโว้ย” พอพูดจบไอ้เย่มันก็เดินออกไปจากตรงนั้นทันที สงสัยชาตินี้เราคงทำดีด้วยกันไม่ได้ มันนี่หัดเป็นกอขอคอเสียจริง
ผมเดินไปเดินมาสำรวจบนเวทีและอุปกรณ์ทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทาง เช็คทุกอย่างทีมี ส่วนแป้งก็ไปแต่งตัว พอผมลงมาจากเวที คุณป้าก็เดินเข้ามาในงานพอดี
“เชนจ๊ะทำไมยังไม่แต่งตัว”
“แต่งตัวทำไมครับ” ผมถามคุณป้าที่กำลังอุ้มเจ้ามินจุงอยู่
“หลานจะต้องขึ้นไปบนเวทีกับแป้งด้วย ในฐานะพระเอกเอ็มวี” ห๋า...พระเอกเอ็มวี ทำไมต้องขึ้นไปด้วยละ ทีงานของคนอื่น ยังไม่เห็นขึ้นเลย ทำไมผมต้องขึ้นด้วยละครับ
“ป้าครับ ผมไม่ขึ้นได้ไหมครับ”
“ขอโทษนะจ๊ะเชน ป้าโปรโมทไปเรียบร้อยแล้ว” อีกแล้วนะครับป้า ไม่ปรึกษาผมอีกแล้ว ทำไมป้าถึงชอบทำอะไรก่อนแล้วค่อยมาบอกผมอยู่เรื่อยเลย
“อ้าว งั้นผมก็ซวยนะสิ”
“เอาเถอะจะ ยังไงหลานก็ต้องขึ้นนะเห็นแกหน้าป้าสักครั้งเถอะนะ”
“ครับป้า ผมจะทำ”
พอผมรับปากปุ๊บ คุณป้าก็ดีดนิ้วดังเปราะ แล้วพี่เจนและทีมงานประมาณสี่ห้าคนก็เดินเข้ามาลากผมเข้าไปห้องแต่งตัวหลังเวทีทันที พี่เจนผลักผมลงบนเก้าอี้ จากนั้นไม่รู้กี่มือต่อกี่มือรุมแต่งหน้าทำผมให้กับผม มันเสร็จเร็วมากจนผมไม่ทันได้ตั้งตัว
เมื่อผมเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ นักสื่อข่าวแล้วก็แฟนคลับบางส่วนเริ่มมากันแล้ว ผมก็เตรียมอ่านบทที่พี่เจนเอามาให้อ่านว่าต้องทำยังไงบ้าง จนคนเริ่มมาเต็มหมดแล้วก็มีเสียงประกาศจากพิธีกรดังขึ้นมา
“ณ บัดนี้ ท่านจะได้พบกับนักร้องคนใหม่ที่จะมาเขย่าวงการบันเทิงในบ้านเราอีกครั้ง ขอเชิญพบกับ สาวน้อยสุดเซ็กซี่ แป้งจี่ หนึ่งนภาค่ะ”
“สวัสดีค้าาาาาาา สวัสดีทุกคนนะคะ วันนี้แป้งก็ตื่นเต้นเป็นพิเศษที่ได้พบทุกคนที่นี่ เอาละคะเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา แป้งก็จะขอมอบเพลงนี้ให้กลับคนที่กำลังมีความรักอยู่นะคะ เพลง....”
เมื่อเสียงดนตรีเริ่มขึ้น เสียงร้องกรี๊ดจากแฟนเพลงที่อยู่ในนั้นกรี๊ดสนั่น พี่เจนเดินมาบอกผมว่าถ้าแป้งร้องเพลงนี้จบ ผมจะต้องออกไป ไมรู้ว่าผมคิดถูกหรือคิดผิดนะที่มาเป็นพระเอกเอ็มวี ถ้าเกิดผมดังขึ้นมาผมคงจะไม่ได้ไปเดินตามห้างแล้วแน่ๆเลยครับ
“ค่า...เพลงนี้ก็จบลงไปแล้วนะคะ ต่อไปขอเชิญทุกท่านพบกับพระเอกเอ็มวีของเรา นายเชนธนดลเชิญพบกับเค้าได้เลยคะ” ทีผมต้องออกไปแล้วครับรู้สึกเสียวแป๊บไปทั้งตัว หายใจเข้า หายใจออก เฮ้อ...~~
“สวัสดีครับ ผมเชนนะฮะ เป็นพระเอกเอ็มวีเพลงของแป้งครับ วันนี้ผมรับหน้าที่เป็นพิธีกรนะครับ”
ในที่สุดงานก็เลิกสักที แต่พวกแฟนคลับบางคนก็ยังไม่กลับรอขอลายเซ็นของแป้ง ตอนนี้ผมแอบอยู่หลังเวทีเพราะไม่กล้าสู่หน้าแฟนคลับ เพราะเมื่อกี้นี้แฟนคลับจำนวนหนึ่งคุยกันว่า ผมนะหล่อหน้าก็คล้ายนักร้องเกาหลีวงSJที่ชื่อดงแฮ ถ้าออกมาละก็จะกักตัวไว้ไม่ยอมให้กลับเลย
เวลาผ่านไปสิบห้านาทีแฟนคลับก็ยังไม่สลายกับบ้าน ไม่รู้ว่าแป้งคุยอะไรกับแฟนคลับคุยแล้วก็หันหน้ามาทางผม พร้อมกับกวักมือเรียกให้ผมเข้าไปหา
“เชน เชนมานี่หน่อย”
“อะไรเล่า ไม่ไป”
“มานี่เร็ว” แป้งทำหน้าท่าทางขึงขังใส่ผม ในที่สุดผมก็ต้องจำยอมเดินไปหา เสียงกรี๊ดจากม็อบชนกลุ่มน้อยดังเจื้อแจ้ว แสบแก้วหูยิ่ง พร้อมกับวิ่งเฮเข้ามาหาผม
“พี่เชน พี่เชนนนนนนนนนน”
“ครับ น้องๆช่วยอยู่นิ่งๆด้วยนะครับ”
แต่แล้วก็มีแฟนคลับคนหนึ่งถือตุ๊กตาลิงมายืนให้ผมกับแผ่นกระดาษอะไรสักอย่าง ผมจ้องดูกระแผ่นนั้นสักพัก แต่ไม่ได้อ่านมองดูแค่จ่าหน้าซองก็รู้ว่าเป็นภาษาเกาหลี ผมยื้นมือไปรับตุ๊กตาจากน้องเค้า
“ขอบคุณนะครับ” ผมมองหน้าเด็กหญิงคนนั้นดูท่าทางเธอจะไม่ใช่คนไทยนะ เพราะน้ำเสียงท่าทางของเค้าพูดไม่ชัดสักเท่าไหร่ ผมก็แจกลายเซ็นไปเลื้อยๆพร้อมกับถ่ายรูปกับแฟนคลับต่างๆ เด็กผู้หญิงคนเมื่อกี้ก็เดินเข้ามาอีกครั้งพร้อมกับพูดบางสิ่งบางอย่างที่ผมปลื้มมากๆ
“พี่เชน หน้าเหมือนทงแฮเลย” ว้าว...พูดไทยได้ด้วยแต่ไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ แต่น้องเค้าตาถึงหน้าดู
“ขอบคุณนะครับ น้องนี่ตาถึงจริงๆเลย”
กริ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด......
เสียงกรี๊ดดังยาวมาจากทางประตูหน้าดังขึ้น ทีแรกผมก็นึกว่าเค้ากรี๊ดนักร้องคนไหน แต่พอมองไปดูกลับเป็นไอ้เยเย่โยโย่อะไรนั้น มันจะมาทำไมครับเนี่ย พวกแฟนคลับที่ยืนข้างผมหายเรียบเหลือแต่น้องที่ให้ตุ๊กตาลิงกับแฟนคลับสองสามคน นอกนั้นไปกองกับไอ้เยเย่หมด
ผมมองหน้าแฟนคลับอย่างงงก่อนที่จะเอ่ยปากขอบคุณเค้าไปที่ยังยืนเป็นเพื่อนเราแล้วก็ขอตัวเข้าไปหลังเวที ปล่อยให้แฟนคลับไปรุมล้อมไอ้เย่มันคนเดียว
เมื่อเข้าไปหลังเวทีแป้งก็ถึงกับทรุดลงโซฟาตัวใหญ่ที่ตั้งในห้องแต่งหน้า มันก็หน้าเหนื่อยเหมือนกันนะแหละ
ก็ทั้งวันมัวแต่จัดงานไม่มีเวลาพักหายใจเลย พอดีพี่เจนเดินมาพร้อมกับถือม้วนวีดีโอที่อัดในวันนี้มาเปิดให้พวกผมดู
“น้องเชนน้องแป้งจ๊ะ พี่ว่าวันนี้น้องทั้งสองคนทำได้ดีทีเดียว ดูสิไม่ทันจะได้ออกอัลบั้มถึงสัปดาห์หนึ่งก็ดันมีแฟนคลับซะแล้ว”
“ก็เป็นเพราะพี่เจนนั้นแหละครับ ที่ทำให้งานในวันนี้สำเร็จด้วยดี ถ้าขาดใครคนใดคนหนึ่งไป ผมว่างานนี้ออกมาคงแย่แน่ๆเลยล่ะครับ”
“น้องเชนก็ปากหวานจังเลยนะ” ครับขอบคุณ แต่ผมว่าวันนี้พี่เจนออกจะหน้าบานเป็นพิเศษนะ ดูสิยิ้มจนปากจะฉีกถึงหูอยู่แล้ว ดีใจขนาดนั้นเชียว
หลังจากเลิกงานแล้วผมก็ขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว ลงมาที่ห้องออร์ดิชั่นของแป้ง พอดีแป้งยังไม่กลับผมเลยชวนแป้งไปเช็คCDว่าวางขายหรือยังที่เอเชี่ยนWORLD ก่อนเลยเป็นที่แรก
ตอนแรกผมและแป้งว่าจะพลางตัวไป แต่ผมว่าคนยังคงจำไม่ได้หรอกมั้ง สงสัยพวกผมยังไม่ดัง
แต่เมื่อไปถึงกลับพบว่าที่ร้านขายCDมีรูปโปรสเตอร์รูปแป้งเต็มไปหมด แถมในห้างก็ยังเปิดเพลงนี้อีก อะไรมันจะเร็วขนาดนั้น
ผมเดินสำรวจไปเรื่อยๆโดยที่ไม่สนใจสายตาคนรอบข้างว่ามองอย่างไร จนกระทั่งแป้งเค้าสะกิดผม ผมจึงหันหน้าไปมองแป้งอย่างรวดเร็ว
“มีอะไรอีกเล่า”
“นายดูสิ เรามาอย่างนี้คนรอบข้างเค้าเริ่มชักจะสงสัยแล้วนะว่าเป็นนักร้อง ฉันยังไม่ได้ลบหน้าลบผมเลยนะ ฉันว่า...เรากลับกันเถอะ”
“เออนั้นสินะ มาเดินอยู่อย่างนี้มันคงสะดุดตาไม่เบา เรากลับกันเถอะ”
พอพูดจบแค่นั้นผมและแป้งก็รีบบึ้งออกมาจากห้างทันที แต่ยังไม่ทันได้ถึงหน้าประตูก็มีเสียงตระโกนตามหลังมาว่า...
“เฮ้ย นั้นเชนกลับแป้งนี่หว่า นักร้องวุ้ยนะร้อง” เท่านั้นแหละครับ สายตาทุกคู่ก็จับจ้องมาที่ผมและแป้ง เราสองคนมองหน้ากันแล้วพยักหน้าคล้ายๆกับส่งซิกว่าเราจะรอช้าอยู่ใย รีบหนีกันเถอะจากนั้นเราสองคนก็รีบจ้ำขาน้อยๆให้ออกจากห้างโดยเร็ว โดยมีพวกวัยรุ่นจำนวนหลายคนวิ่งตามมาไม่น้อย
เมื่อออกมาจากห้างผมและแป้งก็รีบวิ่งเข้าบริษัททันที โดยมีพวกวัยรุ่นตามมาติดๆ ระยะทางจากห้างและบริษัทก็ห่างพอสมควร กว่าจะวิ่งไปถึงก็ต้องใช้เวลานานนิดหน่อย จึงทำให้เราทั้งสองหนีไม่พ่นแฟนๆ
“พี่เชนนนนนนนนนน พี่เชน” เสียงร้องจากแฟนคลับจำนวนหนึ่งที่กำลังเพิ่มมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยจนเราทั้งสองแยกกันออกเป็นสองกลุ่ม
“แป้ง...แป้งอยู่ไหนนะ” ผมพยายามมองหาแป้งแต่ก็ไม่พบ พบเพียงแต่แฟนคลับที่ยืนรอมตัวผม ทั้งจับทั้งลูบอยู่หน้าผมนั้นแหละ ไม่รู้อะไรกันนักกันหนา
“เชนฉันอยู่นี่” เอะนั่นมันเสียงแป้งนี่นา ผมมองตามเสียงนั้นไปก็พบแป้งไปยืนรออยู่หน้าบริษัทอย่างปลอดภัยก่อนผมซะแล้วไว้จริงๆมิหน้าหาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ ปล่อยให้ผมโดยรุมตั้งนาน แล้วนี่ผมจะหนียังไงเนี่ย เออนึกออกแล้วละครับ คงต้องไปขอยืมมุขของใครบางคนมาเล่นหน่อย
“เฮ้ยนั้นจูจีฮุนมานี่หว่า” ผมชี้มือเข้าไปในห้าง แล้วท่าทางทุกคนก็คงจะเชื่อแฮะ มองตามไปหมดเลย แล้วผมจะยืนงี่เง้าอยู่ทำไมละครับวิ่งเลยสิ
“เฮ้ยพวกเราพี่เชนหนีไปแล้ววะ ตามไปเร็ว”
ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ไม่ต้องตกใจครับเสียงว๊ากนั่นมันของผมเอง เสียงร้องของผมดังลั่นยาวเป็นสายไปตามทางข้างถนนที่ผมวิ่งไป เพราะว่าอะไรนะเหรอครับ ก็พวกแฟนคลับนะสิ ครับวิ่งไล่ผมแบบไม่ธรรมดา พวกเค้าทั้งยกของที่อยู่ในมือจะปาใส่ผม ผมว่าพวกนั้นคงเป็นแฟนคลับจูจีฮุนแน่ๆเลยถึงได้โกรธแค้นผมอย่างนี้ ขอโทษครับคราวหลังผมจะไม่เล่นมุขนี้อีกแล้วครับ
“หยุดนะพี่เชนนนนนนนนนน” เสียงร้องเรียกให้ผมหยุดวิ่งจากแฟนคลับที่วิ่งตามผมมาดังอยู่เป็นครั้งคราว เรื่องอะไรครับที่ผมจะหยุด ถ้าผมหยุดผมก็ได้ตายกันพอดี
“เชนเร็วหน่อย” ฝ่ายยัยแป้งก็รับกวักมือให้ผมวิ่งไปเร็วๆ เออจะถึงแล้วรอก่อน
ในที่สุดผมก็วิ่งเข้ามาในบริษัทได้ เฮ้อผมเข้าใจดารานักร้องรุ่นพี่เขาแล้วละว่าทำไมถึงได้กลัวนักกลัวหนากับการที่โดนแฟนคลับไล่ตาม ซึ่งวันนี้มันก็ได้มาเกิดกับผมเอง สยองคราวหลังไม่ไปแล้ว
ส่วนพวกแฟนคลับที่วิ่งตามผมมาตอนนี้กำลังยืนเป็นม็อบกลุ่มน้อยอยู่หน้าบริษัท ส่งเสียงเอะอะโว้ยวายให้ผมและแป้งออกไปหาใหญ่เลย อะไรกัน ผมดังขนาดนั้นเชียวเหรอ
สักพักคุณป้าก็เดินมาที่หน้าประตูเพื่อดูสถานการณ์ เหล่าสาวกแฟนคลับก็ยังไม่กลับแม้แต่อย่างน้อย แถมมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมเป็นสองเท่าด้วยซ้ำ
ฝ่ายคุณป้าก็ไม่มีอาการตกใจเลยด้วยซ้ำ แถมยังยิ้มดีใจใหญ่เลย ที่กะไว้ว่าผมและแป้งจะต้องดังแน่นอน มันก็ใช่อยู่ที่ผมกับแป้งจะดัง แต่นั้นไม่ใช่ปัญหา ปัญหามันอยู่ที่ว่าผมและแป้งจะสามารถไปเดินเล่นแบบชาวบ้านชาวช่องได้อีกหรือไม่เท่านั้นเอง
เวลาผ่านไปสองชั่วโมง เหล่าแฟนคลับก็ยังไม่ลดจำนวนลงแต่อย่างไร แต่อย่างห่วงเลยอีกสักพักก็กลับแล้ว มันก็เหมือนกับนักร้องใหม่ทุกคนนั้นแหละ แรกๆก็จะมีแฟนคลับมาก แต่พอหลังๆไปก็ลดลงไปเอง
ตอนนี้ผมกำลังนั่งโบกมือบ้ายบายให้แฟนคลับเป็นละลอกๆ คุณป้าบอกผมว่าถ้าจะเป็นดารานักร้องให้นานก็อย่าทำตัวเองให้หยิ่งพยามยิ้มให้ทุกคนที่เราเดินผ่าน ทุกคนถึงจะรักเราและจะเป็นแฟนคลับเรานานๆยกตัวอย่างเช่นพวกSUPER JUNIOR ที่ผมชื่นชอบ เค้าทุกคนเป็นกันเองมากๆให้ผมยืมตังค์ด้วยนะ
“เชนลูก ไปหาเจนเค้าหน่อยไป เห็นเดินตามหาทั่วบริษัทแล้ว”
“ครับป้า แล้วพี่เจนอยู่ไหน”
“ห้องออร์จะ”
“แป้งป่ะ”
มีเรื่องอะไรอีกนะ ถึงได้ตามหาผม มันคงจะเป็นงานด่วนมากๆแน่ๆเลย ผมรีบไปดีกว่าเดี๋ยวโดนดุเอา
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก”
“เข้ามาจ๊ะ”
“สวัสดีครับพี่เจนเจอกันรอบสอง อ้าวเจ้ามินจุงแกก็อยู่นี่ด้วยเหรอ”
“บ๊อก บ๊อก” สงสัยมันคงจะบอกว่าครับแน่ๆเลย
“มีอะไรครับ” ผมนั่งลงที่โซฟา
“หนูแป้งกับหนูเชน พี่มีเรื่องจะบอกคือว่าปีนี้ แป้งมีคิวแน่นเอียดที่จะต้องทำงาน เราต้องฟิดซ้อมนะรู้ไหม”
“งานของแป้งเหรอค่ะ ว้าว...หน้าตื่นเต้นจัง” แป้งทำหน้าท่าทางดีอกดีใจ แต่เธอนะไม่รู้หรอกว่าฉันจะเปิดเทอมแล้ว การบ้านไม่รู้ว่าเสร็จหรือยังเลย
“แต่เสียใจเธอต้องไปทำงานคนเดียว เพราะฉันนะจะเปิดเทอมแล้ว”
“ว้า...ถ้างั้นฉันคงเหงาแย่นะสิ เอาอย่างนี้เวลาเลิกเรียนนายก็มาหาฉันสิตกลงไหม”
“ก็ได้ถ้างั้นเธอต้องช่วยฉันทำการบ้านนะ”
“ได้เลยไปเอามาไป”
“แล้วพี่เจนละครับ จะช่วยเชนทำหรือเปล่า” ผมทำหน้าอ้อนสุดขีดเท่าที่จะทำได้ อ้อนให้พี่เจนใจอ่อนการบ้านจะได้เสร็จเร็วๆ
“ก็ได้จะ น้องเชนอ้อนแบบนี้พี่เจนนี่ก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงแล้ว”
“ขอบคุณครับงั้นผมไปเอาการบ้านลงมาก่อนนะ”
พอพูดจบ ผมก็รีบวิ่งออกจากห้องไปขึ้นลิฟต์ทันที พอลิฟต์เปิดก็พบหญิงหนึ่งชายหนึ่งกำลังยืนคุยกันอยู่ พวกเค้าคือไอ้เยเย่และแยมน้องสาวผมนั้นเอง
“เฮ้ย มาด้วยกันได้ไงเนี่ย” ผมถาม ทั้งสองคนมองหน้ากัน ก่อนที่ไอ้เยเย่มันจะตอบออกมาว่า
“เราเป็นแฟนกันน่ะ” ห๋า...ว่าไงนะแยมกับไอ้เย่เป็นแฟนกัน เป็นไปได้ยังไง... ไม่ได้สองคนนี้จะรักกันไม่ได้ผมต้องขัดขวาง
“แยม...อย่าไปคบกับมันนะ” ผมดึงแยมออกมาจากไอ้เย่
“ทำไมเราจะคบกันไม่ได้” แยมจ้องหน้าผมเขม้นยังกับรอคำตอบหรือไม่ก็คิดจะตบผม
“เธอยังเด็กนะแยม เชื่อพี่เหอะ”
“ควรรักมันไม่จำกัดอายุหรอกนะพี่เชน เพียงแต่พี่ยังอคติกับมัน มันก็จะอคติกับพี่” มาอคติอะไรพี่นะเกลียดไอ้เย่นี่ต่างหาก คิดจะจับปลาสองมือสินะ ทั้งแป้งทั้งแยมเลย
“แยมแน่ใจแล้วเหรอว่าไอ้เยเย่นี่มันเป็นคนดี แยมยังรู้จักมันไม่ดีแล้วจะคบกับมันอยู่เหรอ”
“ถึงเราจะคบกันได้แค่สองสัปดาห์ แต่หนูก็แน่ใจแล้วคะว่าเค้าเป็นคนดี” คนดีที่คิดจะฆ่าคนอื่นนะเหรอ ชิ...
“ยังไงก็ช่าง พี่จะไม่ยอมให้แยมกับไอ้นี่คบกัน จำเอาไว้นะ”
พอพูดจบผมก็ผลักไอ้เยเย่ให้ออกมาจากลิฟต์ แล้วผมก็เข้าไปแทน ไอ้เยเย่ถ้าแกคิดจะจับน้องสาวฉัน แกตายแน่!!! ผมคิดในใจ
พอดีลิฟต์ขึ้นมาถึงห้องผม ผมก็รีบไปเอาการบ้านแล้วลงไปหาแป้งและพี่เจนข้างล่าง
“มาแล้วคร๊าบ บ”
“เชนช้าจังทำอะไรอยู่เหรอ”
“พอดีเข้าห้องน้ำนะ”
“อ๋อ...แล้วไป นึกว่าไปทะเลาะกับใครมาอีก” นี่ทุกคนเห็นผมเป็นคนอย่างนั้นเหรอเนี่ย แต่จะคิดยังไงผมก็ไม่รู้สึกหรอก เวลาผ่านไปสองชั่วโมง การบ้านทั้งหมดก็เสร็จ กว่าจะเสร็จก็ใช้เวลาพอสมควร ตอนนี้ก็สองทุ่มแล้วข้าวก็ยังไม่ได้กิน
จ๊อกกกกกกกกกกก(เสียงท้องร้อง)
“แป้งพี่เจนเราไปกินข้าวกันเถอะ”
“ก็ดีเหมือนกัน” แป้ง/พี่เจน
ตอนนี้ผมอยู่บนห้องครับพึ่งไปรับประทานอาหารกับพี่เจนและแป้งมา หนังท้องตึงหนังตาก็หย่อน เลยขอตัวขึ้นมาก่อน วันนี้มันเหนื่อยจริงๆไหนจะต้องหนีแฟนคลับ ทำการบ้าน แล้วก็เรื่องที่แยมและไอ้เย่คบกันอีก ผมไม่หน้าปล่อยน้องให้เอาแต่ใจตัวเองเลย ผมคิดผิดจริงๆ
ฉันเข้มแข็งไม่พอที่ฉันจะคิดกับเธอเหมือนเดิม เพราะในความรู้สึกที่มีมันเกินเพื่อนไป (เสียงริงโทน)
ใครโทรเข้ามานะตอนนี้ เอ่อยิ่งเหนื่อยอยู่ เบอร์ก็แปลกด้วยไม่ได้เมมไว้ เบอร์ใครหว่า
“HELLOครับ”
“เชนลูกนี่พ่อเอง” ฮ่ะ อะไรนะ พ่อเหรอ...ผีหลอกแน่ๆไม่ใช่หรอกพ่อผมนะตายไปตั้งนานแล้ว
“สงสัยผิดเชนแล้วมั้งครับ”
“ไม่ใช่ เชนนั้นแหละลูก ฟังพ่อดีๆนะพ่อยังไม่ตาย ตอนนี้พ่ออยู่ต่างประเทศ พ่อทำงานเป็นคนสร้างหุ่นยนต์อัลรอยขององศ์กรลับแห่งหนึ่ง ฟังพ่อนะ ลูกจะต้องไม่บอกเรื่องพ่อมีชีวิตอยู่ให้ป้ารู้”
“พ่อ แล้วแม่ละครับ”
“แม่เค้าเสียแล้วลูก เชนไม่สงสัยบ้างหรอที่หาศพแม่พบแต่หาศพพ่อไม่พบนะ เอ่อเชนลูก ถ้าลูกเปิดเผยเรื่องที่พ่อเป็นคนสร้างหุ่นยนต์ขององค์กรลับ ลูกอาจจะโดนพวกมันฆ่าอย่างที่มันฆ่าแม่ของลูกก็ได้นะ”
“อ้าว...แล้วแม่ไม่ได้ตายเพราะอุบัติเหตุเครื่องบินตกหรอครับพ่อ”
“ไม่ใช่ลูก พวกมันว่าระเบิดไว้ที่หลังเครื่องบิน พอดีพ่อรู้ พ่อเลยให้แม่เค้าใส่เครื่องกันสเก็ตไฟระเบิด แต่เหตุการณ์กลับพลิกพลัน พวกนั้นมันดันติดระเบิดไว้กลับเครื่องกันสเก็ตไฟของแม่ แม่ของลูกถอดไม่ทันจึงทำให้เป็นอย่างนั้น พ่อก็ใส่เหมือนกันแต่ตัวนั้นไม่ได้ติดระเบิด มันจึงทำให้พ่อรอดมาได้จนถึงวันนี้ ตอนแรกพ่อก็ว่าจะกลับมาหาเชน แต่ดันโดนพวกมันจับได้ซะก่อนว่ารอดและรู้ว่าพ่อเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ชอบประดิษฐ์หุ่นยนต์มันจึงจับพ่อไป”
“แล้วพ่ออยู่ไหนครับตอนนี้”
“พ่อบอกไม่ได้ลูก อีกไม่นานพ่อก็คงจะได้กลับ พวกมันเริ่มจะเชื่อใจพ่อแล้ว เอ่อแค่นี้ก่อนนะพวกมันมาแล้วลูก”
ตู๊ด....ตู๊ด........................ตู๊ด
คุณพ่อ...คุณพ่อยังไม่ตายจริงๆ อีกไม่นานสินะผมก็คงจะได้พบพ่อ พ่อครับผมจะรอ ส่วนแม่ แม่ไม่ต้องห่วงเชนนะครับ เชนจะตั้งใจเรียนตั้งใจทำงานให้ดีที่สุด
วันรุ่งขึ้นผมตื่นแต่เช้า ทำกิจวัตรประจำวันและไปเข้าฟิตเน็ตตามเคย นึกถึงเรื่องเมื่อคืนมันก็หน้าใจหายอยู่เหมือนกันนะ จู่ๆพ่อก็โพล่มาบอกว่าตัวเองยังไม่ตายแถมยังเป็นคนสร้างหุ่นยนต์อีก แต่ทำไมต้องเก็บเป็นความลับด้วยละ แค่สร้างหุ่นยนต์เท่านั้นเองนิ
“เชน...เชนเป็นอะไรหรือเปล่าเหม่อเชียว” คุณป้าเดินมาสะกิดผม
“เปล่าครับ ผมสบายดี”
“แน่นะ วันนี้ก็มีงานไปออกรายการอีกนะลูก”
“ไหวครับผมรับลอง”
พอได้เวลาที่จะต้องไปทำงาน พี่เจนก็เดินเข้ามาเรียกให้ขึ้น วันนี้ออกกำลังกายเพลินไปหน่อยก็เลยไม่ได้อาบน้ำ ขึ้นรถไปทำงานเลย พอผมกำลังจะก้าวขึ้นรถก็มีเสียงทักมาจากข้างหลัง
“สวัสดีค่ะ” ผมค่อยๆหันหน้าไปตามเสียงเล็กๆของคนนั้น ปรากฏว่าเป็นผู้หญิงผิวขาวสูงเกือบจะเท่าผมรูปร่างทุกอย่างดีไปหมด
“เออสวัสดีครับคุณ...”
“วอนยองฮวาค่ะ เรียกสั้นๆยองฮวายินดีที่ได้รู้จัก” ชื่อเหมือนกับไม่ใช่คนไทยเลย มิหน้าละหน้าออกหมวยๆ
“เป็นคนเกาหลีเหรอครับ”
“คะ ฉันพึ่งมาจากเกาหลีคะ” เดาถูกเฮอะ อยากลองคุยภาษาเกาหลีด้วยจังแต่กลัวพูดผิด
“พูดไทยชัดจังนะครับ”
“เออพอดีแม่เป็นคนไทยคะ” ว่าแล้วพูดไทยชัดอย่างนี้ไม่พ่อก็แม่ล่ะที่เป็นคนไทย
“ผมต้องไปก่อนแล้วนะครับหวังว่าเราคงจะได้ผมกันอีก”
“เช่นกันค่ะ” เค้าก้มหัวทำความเคารพผม ผมก็เลยก้มตอบกลับไปมันเป็นมรรยาทของฝั่งทางเกาหลีเค้านะครับ ผมว่ามันหน้าจะแปลว่า คัมซา คัมซามั้ง (แปลว่าขอบคุณ)
เมื่อผมเข้าไปนั่งในรถ สายตาของแป้งก็เริ่มมีไฟลุกขึ้นมาแวววับที่หางตา ส่วนพี่เจนและคนอื่นๆก็ทำหน้ากันอย่างอิจฉาตาแดง
“เป็นอะไรกันครับทุกคน” ผมถอยเข้าไปนั่งชิดกับหน้าต่าง
“อิจฉานายจังเชนที่ได้คุยกับผู้หญิงสวยขนาดนั้น” ไอ้เยเย่โพล่หัวจากเบาะหลังมาคุยกลับผม ไอ้เยเย่มันขึ้นมาตอนไหนวะเนี่ย
“เออ...เขาเป็นคนเกาหลีนะ เดินเข้ามาทักฉัน ก็เพราะนึกว่าฉันเป็นดงแฮ”
“แหวะจะอ้วกแตก”แป้ง/พี่เจนนี่/ไอ้เย่
“นี่มาพูดพร้อมกันแบบนี้ ผมอายนะเนี่ย”
“ยังไม่เลิกหลงตัวเองอีกเหรอไอ้เชนแกนี่มันหลงตัวเองจริงๆเลย” ไอ้เยเย่มันเอามือขึ้นกอดอกแล้วหันหน้ามองไปนอกหน้าต่าง
“ก็ยังดีกว่าแกหรอกไอ้เยเย่แกนะว่าแต่ตัวเองเป็นเยซองหน้าไม่อาย”
“หรือมันไม่จริง”ผมกับไอ้เย่พูดพร้อมกัน
“ทำไมแกต้องพูดตามฉันด้วยวะไอ้เชน” ไอ้เยเย่แกคิดว่าฉันอยากจะพูดตามแกหรือไง แกนั้นแหละที่เป็นคนพูดตามฉันนะ
เมื่อเรามาถึงสตูของรายการ ก็พบพวกแฟนคลับถือป้ายชูชื่อพวกเราอยู่ในนั้นแล้วประมาณสองร้อยคน เห็นไหมครับผมดังแค่ไหน หล่อด้วย ฮ่าฮ่าฮ่า
“ต่อไปทุกท่านจะได้พบกับสามศิลปินหน้าใหม่ในชื่อย่อว่าCPYเชิญชมเลยครับ” พิธีกรประกาศเสียงรั้นสตูดิโอ แฟนคลับจำนวนนับร้อยกริ๊ดเสียงสนั่น เสียงดนตรีเริ่มดังขึ้นเราสามคนเดินออกมาจากหลังเวที
“สวัสดีครับ/ค่ะ” จากนั้นเราสามคนก็เต้นกันสุดฤทธิ์สุดเดช เต้นกันไปร้องเพลงของแป้งไป พวกแฟนคลับทุกคนพากันงงใหญ่เลยว่าทำไมอัลบั้มที่ขายมีแป้งร้องคนเดียวแต่ตอนนี้มีร้องสามคน
“สวัสดีครับ สวัสดีอีกรอบนะครับวันนี้พวกเราสามคนดีใจมากเลยที่ได้มาออกรายการนี้นะครับ” พอแนะนำตัวเสร็จพิธีกรสาวก็เดินออกมาจากหลังเวที เพื่อนแนะนำพวกเราอีกครั้งจากนั้นก็เริ่มถามคำถาม เกี่ยวกับการรวมตัวของพวก
“อันที่จริง พวกเราสามคนมาจากคนละที่เลยครับ ผมเชนเป็นเด็กที่บริษัทอยู่แล้ว ส่วนแป้งคุณป้าก็พึ่งไปพบตัวมาเมื่อสามเดือนก่อน และเยเย่คนล่าสุดพึ่งมาครับ” ผมอธิบายตามความเข้าใจของผมให้กับพิธีกรสาวฟัง และคำถามต่อไปก็คือ แต่ละคนอายุเท่าไหร่ส่วนสูงเท่าไหร่
“ครับเริ่มจากเยเย่ก่อนนะครับ เยเย่สูงหนึ่งร้อยแปดสิบสองครับ แป้งสูงร้อยหกสิบห้า ส่วนผมเชนสูงร้อยแปดสิบห้า อายุสิบแปดเท่ากันหมดครับ”
“คำถามต่อไปนะคะ จากที่ว่าได้ยินข่าวมา ตอนไปถ่ายมิวสิควีดีโอที่ทะเล คุณแป้งโดนคนรอบทำร้ายจริงหรือเปล่าคะ” เอาล่ะครับงานนี้จะตอบอย่างไงดี ใครเป็นคนปล่อยข่าววะเนี่ย ถ้าจับได้จะฆ่าให้ตายคามือเลย
“เปล่าหรอค่ะ แค่เดินไปสะดุดกับก้อนหินแล้วล้มหัวฟาดพื้นเท่านั้นเองคะไม่มีอะไรมาก” แป้งเธอทำได้เยี่ยมมากกับการตอบคำถาม ถ้าเกิดไปบอกความจริงละก็เรื่องใหญ่แน่
“กับคำถามต่อไปให้คุณเยเย่ตอบนะคะ มีคนกล่าวหาคุณว่า คุณหน้าเหมือนเยซองคุณจะยอมรับไหมคะ” ใครคิดคำถามวะเนี่ย ช่างไปสรรค์หาซะจริง อยากเห็นหน้าคนคิดคำถามจังเลย...
“ครับก็อย่างที่ว่ากันนั้นแหละครับ ถ้าผมหน้าไม่เหมือนก็คงไม่มีใครพูดถึงหรอกครับ” กล้าตอบเนอะ ช่างไม่อายปากจริงๆ อย่าเขามานั่งใกล้ฉันนะฉันอายคนไปไกลๆไป
“ค่ะ ต่อไปนะคะคำถามนี้สำหรับคุณเชน คุณเชนคะแฟนคลับฝากคำถามให้มาถามคะว่า ทำไมคุณเชนชอบทำท่าทางเหมือนกับตัวเองเป็นศิลปินเกาหลีค่ะ”
“ผมนี่เหรอฮ่ะเหมือนศิลปินเกาหลี คงไม่หรอกมั้งครับพวกคุณอาจจะคิดไปเองก็ได้ นี่มันคือนิสัยส่วนตัวของผมนะครับ”
“ค่ะ แล้วคุณจะยอมรับกับฉายาที่แฟนคลับตั้งให้ไหมคะ ว่าเจ้าชายแห่งแดนโสม”
“เออ...ก็คงต้องยอมรับแล้วครับ แฟนคลับตั้งให้ขนาดนี้ไม่รับได้ไง ขอบคุณนะครับ” ผมยกมือไหว้ขอบคุณแฟนคลับที่อยู่ในสตู เรียกเสียงกรี๊ดสนั่นอีกครั้งหนึ่ง ส่วนไอ้เยเยก็มองหน้าผมอย่างไม่พอใจ ทำไมว่ะหน้าอย่างฉันเนี่ยมีแฟนคลับไม่ได้เลยใช่ไหม
“วันนี้นะค่ะรายการของเราก็หมดเวลาลงแล้ว ขอขอบคุณนักร้องวงCPY นะคะขอบคุณคะ”
ในที่สุดรายการก็จบลงเราสามคนก็ลงไปถ่ายรูปร่วมกับแฟนคลับประมาณสิบนาทีอยู่ข้างล่างของเวที ก่อนจะถูกดึงตัวให้กลับไปขึ้นรถที่จอดอยู่ด้านหลังสตู ขณะนั่งอยู่ในรถเราสามคนก็พูดคุยกันถึงเรื่องงานที่ได้ออกรายการชิ้นแรกว่าเป็นแบบไหน ไอ้เยเย่มันพูดไม่หยุดปากจริงเลยแย่งพูดทุกคำ มันคงจะดีใจมากสินะที่มีคนทักมันว่าเหมือนเยซอง แต่มันก็สู้ผมไม่ได้หรอก ผมนะเจ้าชายแดนโสมโว้ย
เมื่อรถแล่นมาถึงบริษัทผมก็ต้องแปลกใจเมื่อพบกับผู้หญิงคนที่เจอเมื่อตอนเช้ายืนพิงเสาอยู่ที่เดิม นี่เค้ายังไม่กลับบ้านอีกเหรอเนี่ย มายืนรอตั้งแต่เช้าจรดเย็นเลย อึดชะมัด
“นี่...เธอยังไม่กลับบ้านอีกเหรอ” ผมเดินเข้าไปทักเธอ ดูท่าทางเธอเหมือนกับหลับๆตื่นๆอยู่เลย
“อ้าวนายมาแล้วเหรอ ฉันกำลังรอนายอยู่เลย” เธอใช้มือทั้งสองขยี้ตาให้ซาจากความงงงวย
“เธอรอฉันเหรอเนี่ย”
“ก็ใช่นะสิฉันรอนาย นึกว่าวันนี้จะไม่กลับมาซะอีก เกือบฉันกลับบ้านไปแล้วไหมละ”
“แล้วเธอมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมละครับ”
“เรื่องนี้เห็นทีมันจะคุยตรงนี้ไม่ได้ เราไปหาที่เงียบๆคุยกันเถอะ”
“เดี๋ยวก่อนสิ ชื่อเธอฉันยังไม่รู้จักเลยนะ”
“เออน่าตามมาก่อน เดี๋ยวนายก็รู้เอง” หญิงสาวผู้นี้ช่างกล้าหาญจริงๆเลย ดึงหรือจะใช้คำว่าลากก็ได้ พาผมไปที่ห้องเก็บของชั้นใต้ถุน
“มะบอกมามีอะไรจะคุยกับฉัน”
“นี่ดูนี่แล้วนายจะรู้ว่าฉันเป็นใคร” หญิงสาวใช้มือล้วงเข้าไปในกระเป๋า แล้วหยิบสิ่งของบางอย่างขึ้นมา มันคือสร้อยคอรูปผีเสื้อที่ผมให้เป็นของขวัญวันเกิดกับแม่ตอนผมอายุได้ห้าขวบ ผมจำได้
“นี่คุณเอาสร้อยนี้มาจากไหน” ผมจ้องหน้าหญิงสาวอย่างไม่ละสายตา หญิงสาวก้มหน้าลง แล้วค้นหาอะไรบ้างอย่างอีกครั้ง คราวนี้มันคือมีด นี่เธอคิดจะทำอะไรของเธอนะ
“เชนดูนี่แล้วลูกจะเข้าใจทุกอย่าง” หญิงสาวถือมีดเข้ามาเสียบที่ท้องผม นี่เค้าหลอกผมมาฆ่าเหรอเนี่ย ไม่ช้าตาผมก็เริ่มพล่ามัว ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าเริ่มสลั่วลงทุกทีๆ หญิงสาวคนนั้นรีบมาประคองตัวผม
“เชนถ้าลูกเห็นภาพข้างหน้านั้น ลูกจะเข้าใจเองว่าเกิดอะไรขึ้น หลับตาเถอะนะคนดีของแม่หลับซะ แล้วเราจะได้ไปอยู่ด้วยกันสามคนพ่อ แม่ ลูก” เมื่อสินคำพูดนั้น ภาพข้างหน้าก็หายวับไป สักครู่แสงสว่างสีขาวจ้าขึ้นมา ตอนแรกสายตาของผมไม่สามารถปรับสภาพให้มองเห็นภาพข้างหน้าได้ เพราะอยู่ในที่มืดแล้วมาอยู่ในที่สว่าง สักพักก็ปรากฏเป็นห้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่และมีห้องย่อยเป็นเหมือนกับเป็นห้องแล็บสำหรับทดลองอะไรบางอย่าง
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น