ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ซารางเฮโยรักวุ่นวายยัยตัวร้ายกับนายตัวแสบ

    ลำดับตอนที่ #6 : คู่ปรับตัวฉกาจ

    • อัปเดตล่าสุด 14 ม.ค. 51


    ตอนที่  6     คู่ปรับตัวฉกาจ    
          โอ๊ยปวดหัวจัง ผมอยู่ที่ไหนเนี่ย เอ่อใช่สิเราอยู่โรงพยาบาลนี่นา แป้งละ แป้งเป็นไงบ้าง ผมกระโดดลงจากเตียง ดึงสายน้ำเกลือออกจากแขน แป้ง...ฉันจะไปหาเธอรอก่อนนะ
    “คุณพยาบาลครับคนไข้ที่ชื่อหนึ่งนภาอยู่ห้องไหนครับ”
    “อยู่ห้อง502คะ เลี้ยวซ้ายแล้วตรงไปเลยนะค่ะ”
    “ขอบคุณครับ”
         พอรู้ว่าแป้งอยู่ห้องไหนผมก็รีบวิ่งไปทันที เมื่อมาถึงผมมาหยุดอยู่หน้าห้อง ผมก็เห็นไอ้หมอนั้นที่ไปหาแป้งที่บริษัทกำลังคุยกับแป้งอย่างสนุกสนานแล้วก็ป้อยยาให้แป้งกิน นี่นะเหรอเพื่อน...
         ไอ้หน้าจืดนายนำหน้าฉันไปก่อนเสมอ ค่อยดูและกันนายกับฉันใครจะได้ยัยแป้งไปเป็นแฟน ตั้งแต่วันนี้ฉันจะทำให้ยัยแป้งได้รู้ว่าใครกันแน่จะเหนือกว่ากันฉันหือไอ้หน้าจืด
          พอพูดจบผมก็เดินกลับไปที่ห้องของผม พอดีพี่เจนและทีมงานมารอก่อนแล้ว
    “น้องเชนไปไหนมาจ๊ะ หายปวดหัวแล้วเหรอ” พี่เจนรีบวิ่งเข้ามาประคองผมให้ไปนั่งบนเตียง
    “หายแล้วครับ เมื่อกี้ไปหาของกินมานะ” ผมต้องขอโทษพี่เจนด้วยที่ผมโกหก ถ้าผมบอกว่าผมไปเยี่ยมแป้งทุกคนต้องรู้แน่ว่าผมชอบแป้งตอนนี้งั้นเก็บไว้เป็นความรับก่อน
    “ทำไมไม่บอกพี่ละจ๊ะพี่จะได้ซื้อมาให้”
    “ไม่เป็นไรครับ ผมหายแล้วออกจากโรงพยาบาลได้เลย”
    “งั้นเชนเก็บของนะ เดี๋ยวพี่ไปรับแป้งก่อนเจอกันหน้าเคาเตอร์โรงพยาบาลนะ”
    “ครับ”
          ผมเก็บของเปลี่ยนเสื้อผ้า ลงไปนั่งรอพี่เจนอยู่ข้างล่างตามที่พี่เจนสั่ง พอลงมาถึงก็พบแป้งจี่กับไอ้หน้าจืดนั่งอยู่ก่อนแล้ว ผมเลยเอากระเป๋าไปวางไว้ข้างยัยแป้งแล้วนั่งลงข้างเธอ หลังจากเงียบอยู่นานยัยแป้งก็พูดขึ้นมาให้หายจากความกดดันที่มีอยู่รอบข้าง
    “เชนนี่เยเย่ เยเย่นี่เชนนี่รู้จักกันไว้ซะ” แป้งลุกขึ้นจับมือเราสองคนให้จับมือกัน แต่ยังไม่ทันจะสัมผัสผมก็ชักมือกลับทันที เมื่อไอ้หน้าจืดเห็นเชนนั้นมันก็ลุกขึ้นมาว่าผม
    “นี่นายรังเกียจฉันมากขนาดนั้นเลยเหรอ ฉันไปทำอะไรให้แกวะ แกถึงจ้องฉันตั้งแต่อยู่บริษัทแล้ว”
    “ใช่สิ ฉันมันเป็นพวกรังเกียจสังคม เห็นใครดีกว่าไม่ได้เข้าใจไหมไอ้โยโย่” ผมลุกขึ้นบ้าง แต่คราวนี้ผมว่ามันคงจะไม่ใช่เรื่องเล็กๆแล้วละครับ เพราะสายตาทุกคู่ที่อยู่ในบริเวณนั้นจับจ้องมาที่เราสองคนอย่างกับจะยุให้เราสองคนทะเลาะกัน
    “ฉันชื่อเยเย่ ไม่ใช่โยโย่ ส่วนนายนะไอ้เชนนายหัดดูตัวเองซะบ้างสภาพของนายตอนนี้เหมือนคนตายฟื้นคืนชีพอย่างนั้นแหละ จะมีแรงอะไรมาสู้กับฉันได้ ฉันถามทีเถอะที่นายหลงตัวเองว่านายเหมือนดงแฮนะ นายเอาส่วนไหนดู ขนาดฉันเหมือนเยซองฉันยังไม่เปล่าประกาศให้ชาวบ้านรู้เลย อย่างนายก็แค่ไอ้พวกหลงตัวเอง แป้งเค้าเล่าทุกอย่างให้ฉันฟังหมดแล้ว” แป้งนะเหรอเล่าทุกอย่างให้เค้าฟังแต่ทำไมเราถึงไม่รู้จักไอ้โยโย่เลย
    “ไม่จริงหรอกแป้งเค้าไม่เผาฉันแน่ ใช่ไหมแป้ง”
    “เชนฉันขอโทษนะ ฉันบอกเรื่องทุกอย่างให้เยเย่ฟังหมดแล้วละ” หน๋อย...ยัยแป้งทำกันได้เพียงนี้เราไม่รู้จุดอ่อนของมันเลยแต่มันดันมาล้อจุดอ่อนของเราได้ ว่าไม่เหมือนดงแฮ แต่เอะเมื่อกี้มันบอกว่าอะไรนะเยซอง เยซอง…
    อ๋อ...มันบอกว่ามันเหมือนเยซองนี่แหละจุดอ่อนมัน
    “แกนะก็เหมือนกันใช้อะไรดูว่าเหมือนเยซอง ขนาดอี๊ดโปงลางสะออนไม่รู้จะเป็นได้หรือเปล่า ยังมีหน้ามาบอกว่าตัวเองเหมือนเยซองหน้าไม่อาย”
    “เฮ้ย...พูดอย่างนี้ก็สวยสิวะ” พอสิ้นคำพูดไอ้หมอนั้นก็ยื้นกำปั้นมาอย่างแรงใส่เข้าที่เบ้าตาของผมอย่างจัง
    “แกไอ้เลว” พอผมตั้งสติได้ผมก็ชกมันเข้าไปที่คางเต็มๆ เยเย่ถึงกลับล้มลงไปนอนกองอยู่กับพื้น เก่งนักใช่ไหม ผัวะ...ผมเตะซ้ำเข้าไปที่กลางตัวของมันจนมันไม่สามารถลุกขึ้นได้
    “จำเอาไว้อย่ามาถือใหญ่กับฉันถ้าแกไม่อยากเจ็บตัวอีกละก็ จำเอาไว้ฉันนี่แหละฝาแฝดดงแฮชื่อวอนดงฮัน จำไว้”
          จากนั้นผมก็เดินไปลากกระเป๋าพร้อมกับยัยแป้งขึ้นไปนั่งรอพี่เจนที่รถ ส่วนพี่ๆทีมงานต่างคนก็ต่างลากสำภาระขึ้นรถตามหลัง
           ผมนั่งรอพี่เจนอยู่ในรถได้ประมาณสิบนาทีดูเหมือนว่าแป้งจะทำท่าลงจากรถอีก สงสัยจะไปหาไอ้โยโย่เยเย่อะไรนั้นมั้ง
    “แป้งเธอจะไปไหนนะ”
    “ฉันจะไปหาเยเย่”
    “ถ้าเธอไปงานถ่ายเอ็มวีจะไม่เสร็จนะ”
    “แล้วใครบอกให้นายไปต่อยเค้าละ”
    “...” ถึงกับพูดไม่ออกครับว่าผมโกรธอะไรเค้าถึงได้ใส่อารมณ์ออกไปซะขนาดนั้น พอดีพี่เจนเดินมาก่อนแป้งก็เลยไม่ได้ลงไปจากรถ พอทุกคนขึ้นรถเสร็จก็เดินทางกลับไปที่โรงแรมก่อนเพื่อเตรียมถ่ายเอ็มวีต่อ เจ้าหมาน้อยมินจุงก็ดีใจใหญ่เลยที่เห็นแป้งอีกครั้งสงสัยมันคิดว่าแป้งเป็นแม่แล้วผมเป็น...ช่างเถอะ
    “แป้งเจ้านี่มันชื่อมินจุงนะ หมาที่เธอช่วยไว้ไง”
    “ตัวนี้เหรอ หน้ารักขึ้นเยอะเลยนิ” แป้งอุ้มลูกหมาขึ้นมาดูหน้าตา เจ้ามินจุงก็ดีใจใหญ่เชียวส่ายหางใหญ่เลย
    “แล้วนายเจอมันได้ยังไง”
    “อ๋อ...มันไปเรียกฉันให้ไปช่วยเธอนะ”
    “ว้าว...ขนาดนั้นเลยเหรอแสนรู้นะเนี่ย”
    “เพราะงี้ไงฉันถึงไปรับมันมาเลี้ยง”
          ในที่สุดสภาพในรถตอนนี้ก็กลับมาครึกครื้นดังเดิม เพราะมีเจ้ามินจุงอยู่ด้วยแท้ๆถึงทำให้ทุกคนมีความสุขได้ขนาดนี้ สมแล้วที่เป็นหมาของผม ทั้งฉลาด แสนรู้ เหมือนเจ้านายไม่มีผิดเลย มินจุงเอ๊ย...

      เมื่อรถเคลื่อนมาถึงโรงแรม พี่ๆทีมงานก็เลยบอกให้รีบเอาของไปเก็บที่ห้องแล้วลงมาถ่ายต่อ เดี๋ยวจะไม่เสร็จตามกำหนด ซึ่งผมและแป้งก็ต้องยอมรับโดยดีห้ามท้อ ห้ามบ่นกับงาน ผมพอจะเข้าใจแล้วว่าดารานักร้องทั้งหลายทำไมเค้าทำหน้าเบื่อหน่ายนัก ซึ่งตอนนี้ผมก็พอจะเข้าใจแล้วเพราะสิ่งที่กล่าวมานี้มันเกิดขึ้นกับผมเองทั้งหมด
      เมื่อกล้องพร้อม ไฟพร้อมนายแบบนางแบบพร้อม เค้าก็เริ่มถ่ายกันเลย เป็นดาราเนี่ยลำบากจริงๆกว่าจะถ่ายได้แต่ละฉากต้องใช้เวลาชะมัด
    “เอาละจะน้องเชน ฉากต่อไปให้น้องจับมือกันเดินไปริมทะเลแล้วน้องเชนก็บอกรักน้องแป้งนะจ๊ะ”
    “เอ่อ...บอกรักด้วยเหรอครับพี่”
    “จ๊ะ มีอะไรเหรอ”
    “เปล่าครับ”
    “งั้นเริ่มกันเลยนะ กล้องพร้อมไหม ไฟพร้อมไหม...”
       นี่อาจจะเป็นโอกาสดีก็ได้ที่ผมจะได้บอกรักแป้ง เอาวะ เพื่องานและอนาคตของเรา เราต้องทำให้ได้
    พอคิดแค่นั้นผมก็ไปลากยัยแป้งไปประจำที่ที่พี่เจนบอกไว้ เมื่อผู้กำกับสั่งเริ่ม ผมก็ค่อยเดินไปริมชายหาดตามที่พี่เจนสั่ง พอถึงจุดที่ผมจะบอกรัก ผมก็จับมือแป้งขึ้นมา
    “แป้ง ฉันรักเธอ”
    “0///0”
    “คัด...น้องเชนทำหน้าได้อารมณ์มากเลยดูสิน้องแป้งเค้าเขินใหญ่แล้ว”
          นี่แป้งเขินเหรอ หรือว่า...แป้งเค้าก็ชอบผมเหมือนกัน งั้นคืนนี้ผมจะบอกแป้งให้เค้ารู้กันไปเลยว่าผมรักแป้ง ผมรักแป้งงงง และที่พูดมามันก็เป็นเรื่องจริงทั้งหมด
           พอถ่ายเอ็มวีเสร็จก็ค่ำพอดี พรุ่งนี้ผมก็จะต้องกลับบริษัทแล้ว จึงต้องจัดการเก็บอุปกรณ์ต่างๆขึ้นรถไว้ก่อน ตื่นขึ้นมาจะได้กลับเลย อ่านั้นแป้งเดินมาพอดีเลย เอาละ อิล อี ซัม (1 2 3)
    “แป้งเธอว่างหรือเปล่า พอจะมีเวลาไปเดินเล่นกับฉันได้หรือเปล่า”
    “ได้สิ ว่างอยู่พอดีปะไปกันเลย”
    “อืม”
         สายลมพัดแผ่วเบาๆอากาศกำลังเย็นสบาย แสงของดวงจันทร์วันเพ็ญส่องแสงจ้าบนท้องฟ้าไม่มีเมฆบัง ทำให้มองเห็นดวงจันทร์ได้ชัด เราสองคนเดินไปริมชายหาดไปเรื่อยๆ บ้างก็คุยกันเรื่องเจ้ามินจุงอย่างโน้นอย่างนี้ คุยเรื่องดาราคนโน้นคนนี้แล้วก็คุยเรื่องที่เราเจอกันตอนแรก
    “เชนนายว่าไหม ตอนแรกเราไม่หน้าทะเลาะกันเลยเนอะ ถ้าเราดีด้วยกันแบบนี้ตั้งแต่แรกเราคงเป็นเพื่อนที่ดีด้วยกันได้นะ นายว่าไหม”
    “เพื่อนเหรอ...เธอว่าเราเป็นเพื่อนกันเหรอ”
    “ก็ใช่นะสิ นายคือเพื่อนฉัน” ว๊า...เพื่อนเหรอ แต่ไม่เป็นไรเป็นเพื่อนแล้วค่อยขยับไปเป็นแฟน
    “ดีจังเลยนะ ที่ฉันมีเพื่อนอย่างเธอนะแป้ง”
    “จ้า พ่อหนุ่มดงแฮ”
         เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก ผมกำลังเล่นกับแป้งดีๆก็มีผู้ชายสามคนเดินเข้ามาชนกับไหล่ของผม อะไรเนี่ยที่เดินมีตั้งกว้างมาเดินชนกันทำไมวะ นี่มันหาเรื่องนี่หว่า
    “เออของโทษครับ คุณใช่คุณเชนหรือเปล่า” ผู้ชายคนที่ชนไหล่ผมเงยหน้าถามผมที่กำลังงงว่ามันเกิดอะไรกันแน่ แต่พูดดีอย่างนี้ด้วยไม่หาเรื่องดีกว่า
    “ครับใช่ครับผมนี่แหละเชน”
    “มีคนฝากของมาให้คุณครับ ย๊ากกกกกกกกก.............จึ้กกกกก” มีผู้ชายอีกคนทำท่าล้วงกระเป๋ากางเกง แล้วก็ดึงมีดออกมาจากกระเป๋าวิ่งตรงมาที่ผมทันที แต่แป้งก็มากระโดดรับมีดแทนผม
    “นี่ไงละของฝากจากคุณเยเย่ เข้าฝากมาบอกอีกว่าอย่าอวดดีนักไม่งั้นจะเจออีก ไปพวกเรากลับ ผิดคนแต่ไม่เป็นไรโว้ย” ไอ้บ้าอยู่ดีๆไม่ว่าดี มาก่อความเดือดร้อนให้ชาวบ้านชาวช่องเค้า อย่าให้ฉันเจอแกนะไอ้เยเย่ไม่งั้นแกตาย
    “โอ๊ย...” เสียงร้องครวญครางจากแป้งดังก้องในสมองผม ทำไมแป้งต้องมากระโดดรับมีดแทนผมด้วย แต่ดีนะแผลของแป้งแค่เฉียดๆข้างเอวเท่านั้น
    “แป้งๆ ฉันจะพาเธอไปหาหมอนะรอก่อน” ผมแบกแป้งขึ้นหลัง แล้วพยายามวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ กลับไปโรงแรม แป้งรอก่อนนะฉันจะไม่ให้เธอเป็นอันตรายอีก

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×