ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สงครามผนึกเทพปีศาจ

    ลำดับตอนที่ #1 : หายนะ?

    • อัปเดตล่าสุด 28 ม.ค. 54


     

          ช่วงเวลาบ่ายที่อากาศแสนร้อนของวันหนึ่ง ทีมขุดซากโบราณสถานของมหาวิทยาลัยสว่างจิต ได้พากันเดินทางไปจังหวัดหนึ่ง ซึ่งชื่อว่าลพบุรี(แล้วจะเรียกว่าจังหวัดหนึ่งทำไม-*-)  หลังจากที่มีผู้ประสงค์ดีแจ้งมาว่ามียอดปราสาทโผล่ขึ้นมาจากดินหลังจากที่เขาจะขุดบ่อบาดาลสร้างหมู่บ้าน หลังจากการตรวจสอบของทางมหาลัยน่าจะเป็นประวัติศาสตร์ช่วงหนึ่งที่หายสาปสูญไปในช่วง2300ปีก่อน พอตรวจสอบได้เรื่องกันแล้วจึงส่งทีมสำรวจมาตรวจสอบอย่างละเอียดในครั้งนี้ ทุกคนถึงจุดหมายปลายทางต่างก็แยกย้ายกันตั้งเต้นท์และสำรวจพื้นที่
         


           บริเวณที่จะมาทำงานในครั้งนี้เป็นบริเวณทุ่งหญ้าโล่งกว้าง ห่างออกไปไม่ถึง5กิโลเมตรเป็นภูเขาสูง บรรยากาศดี โชคดีเหลือเกินที่เจ้าของที่ดินเกิดเสียดายของที่บรรพบุรุษสร้างไว้ ไม่งั้นคงทำลายทิ้งตอนที่คิดจะสร้างหมู่บ้านแล้ว 
        


          ขณะที่กำลังง่วนอยู่กับงานของตัวเองกันนั้น   ก็มีลุงแก่ๆคนหนึ่งคนหนึ่งเดินกระย่องกระแย่งเข้ามาทักทายท๊อป
                    
        

                   "สวัดดีพ่อหนุ่ม"      คุณลุงเปิดบทสนทนากับท๊อปซึงกำลังกางเต้นท์อยู่
                  
       

                   "มีอะไรครับคุณลุง" ท๊อปหันกลับไปตอบคุณลุงด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม



                   "มาทำอะไรกันหล่ะพ่อหนุ่ม" 

                  

                   "เราเป็นทีมสำรวจซากโบราณสถานของมหาลัยจงจิตครับ"


                  
                   "คิดจะมาขุดสิ่งนั้นใช่มั้ย" คุณลุงหันหน้าไปมองปราสาทที่โผล่มาเพียงยอด แล้วเริ่มชักสีหน้าวิตกขึ้นมา



                   "ครับผม" 



                    "บางสิ่งบางอย่างนะพ่อหนุ่ม มันอยู่ของมันดีๆอยู่แล้ว จะต้องไปเอามันขึ้นมาทำไม"

                    ชายแก่พูดเสียงสั่นๆเหมือนหวาดกลัวบางสิ่งบางอย่าง



                   "คือว่านะครับ ผมจะอธิบายให้ฟัง..." ยังไม่ทันที่ท๊อปจะพูดจบ คุณลุงก็แทรกขึ้นมาก่อน



                  "ไม่ต้องหรอกพ่อหนุ่ม ถ้าจะบอกว่าเพื่อศึกษาเรื่องราวของบรรพบุรุษเราในอดีต"


                   "ครับ นั่นแหละคืองานของพวกผม"



                   "แต่พ่อหนุมคงไม่รู้หรอกว่านครยังกาหลา เป็นนครต้องสาป" เมื่อเอ่ยชื่อนครกาหลาขึ้นมา คุณลุงก็เหมือนกล้วอะไรบางสิ่งอีกครั้ง 



                   "เรื่องนั้นผมคิดว่าผมศึกษามาพอสมควรแล้วครับ ถ้ามันมีจริงนะครับ ป่านนี้คงของเสื่อมไปหมดแล้วครับ"      ข้อมูลที่ท๊อปได้รู้คือ นครยังกาหลาเป็นเมืองต้องสาป ที่หายสาปสูญจากหน้าจารึกประวัติศาสตร์ไปแล้ว 



                    "ตามใจนะพ่อหนุม ลุงถือว่ามาเตือนแล้ว"    เมื่อพูดจบคุณลุงก็ทำท่าว่าจะเดินกลับ 



                    " เดี๋ยวก่อนครับ ว่าแต่คุณลุงชื่ออะไรครับ คุยมาตั้งนานยังไม่รู้จักกันเลย"    


                    "ลุงชื่อมั่น เป็นผู้ใหญ่บ้านของที่นี่"
     


                    "ส่วนผมชื่อทอปนะครับ ยินดีที่รู้จักครับ"



                    "ลุงกลับบ้านแล้วนะพ่อหนุ่ม ยังไงก็ขอให้ระวังตัวด้วย"



                    "ขอบคุณในความหวังดีนะครับ ลุงมั่น"     
                  


                     เมื่อลุงมั่นกลับไปได้เพียงอึดใจ  ต้นก็รีบตรงเข้ามาถามท๊อปด้วยความอยากรู้อยากเห็นทันที
                 


                    "พี่ทอปๆ ลุงคนนั้นมาคุยอะไรกับพี่"



                    "ลุงมั่นแกมาเตือนเรื่องคำสาปของนครยังกาหลา"



                    "แล้วพี่ทอปคิดว่ามันเป็นเรื่องจริงไหมครับ"
     


                     "ไม่มีหรอกคำสาปอะไรนั่นอ่ะ เราทำงานแบบนี้มาหลายปีแล้วนะ ยังจะกลัวอีกเหรอไอ้ของแบบนี้  แล้วเราก็แค่ยืนยันการมีตัวตนของพวกเขา และก็แค่ดูว่าคนสมัยก่อนเขาใช้ชีวิตกันยังไง ไม่ได้มาขุดสมบัติไปขายสักหน่อย"
          


                    "แต่เท่าที่เห็นนะ พี่ก็น่าจะรู้นี่นาว่าไม่น่าจะมีนครจมลงมาได้ทั้งนครแบบนี้ และเท่าที่ศึกษามา ช่วงเวลานั้นนครยังกาหลาขาดการติดต่อไปเฉยๆ"
          


                    "มันก็ใช่ แต่มันจะมีเหรอไอ้ศาสตร์ที่เรียกว่าแมก (mag.มาจากmagic) แล้วจะยังมีเรื่องคำสาปโรลมาร์ค ที่กล่าวเหตุของการล่มสลายแบบแปลกๆ และยังพาดพิงถึงผู้ที่มาเรียกพาราโบล่าขึ้นมาจากหลุม ซึ่งมันก็คงหมายถึงพวกเรานี่ล่ะ บอกตรงๆพี่ไม่เชื่อหรอก"


                   เมื่อฝังทฤษฎีของรุ่นน้องลงกรุไปแล้วทอปก็เดินหนีไปสำรวจพื้นที่โดยรอบของสิ่งที่ลุงมั่นหวาดกลัวต่อ
            


                     3อาทิตย์ต่อมา...  ( ไวเหมือนโกหก^^ )



                     งานขุดคืบหน้าไปเกือบ90เปอเซนต์แล้ว ทอปเดินเข้ามาหาต้น ที่กำลังทำท่าเหมือนจะอู้มานั่งเล่นเกมโทรศัพท์อยู่




                     "ต้นๆ พี่มีอะไรจะให้ดู เห็นว่างจัดเลยนะ มานั่งเล่นเกมโทรศัพท์เนี่ย"  



                   หายไปได้สัก15นาที ทอปก็กลับออกมาพร้อมแผ่นหินขนาดพอๆกับสมุดหนึ่ง บนแผ่นหินมีอักขระโบราณที่ต้นเองก็พอเคยผ่านหูผ่านตามาบ้าง เมื่อเห็นต้นจึงตื่นเต้นจน
    เก็บอาการไม่อยู่ ท๊อปเห็นท่าทางของรุ่นน้องจึงอดที่จะขำไม่ได้

               
      
                   "นี่ไงต้น พี่มีงานดีๆมาให้เราทำ พี่รู้ว่าแกถนัด มันเป็นตัวอักขระโบราณ มันเลือนรางมากๆ อาจเป็นมุขเสี่ยวๆของชาวยังกาหลาก็ได้ พี่ไม่ถนัดงานแบบนี้ ยังไงก็ฝากด้วยนะ มีอะไรเด็ดๆบอกพี่บ้างนะ"

                

                     "โห! ไม่ค่อยเอาเปรียบเลยนะ ยังไม่รู้เลยด้วยว่ามันคืออะไร บางทีอาจเป็นนวลนางเวอร์ชั่นยังกาหลาก็ได้นะ ฮ่าๆๆ " ถึงปากจะพูดอย่างนั้น แต่้ต้นก็รับแผ่นหินมาแล้วเรียบร้อย
              


                      "จะเป็นอะไรก็ช่างมันเถอะ แต่ตอนนี้ท้องชักเริ่มร้องแล้ว เราไปหาข้าวกินกันนะ" ทอปชวนต้นไปกินข้าว เพราะเห็นว่าตอนนี้หลังเที่ยงมานานพอสมควรแล้ว 
                     


                     "ก็ดี ผมก็ชักหิวๆแล้วเหมือนกัน ว่าแต่นี่มันกี่โมงแล้วล่ะ"   ต้นยกนาฬิกาของตนขึ้นมาดู 
               

          
                     "โห!! นี่ตั่งบ่าย2ครึ่งแล้ว ทำงานกันจนลืมเวลาเลย แต่ที่นี่เป็นสถานที่ๆน่าค้นหามากๆอีกที่หนึ่งเลยนะพี่ทอป"
                     


                    "เออ มีของแปลกๆเพียบเลยว่ะ เสียดายของที่อยู่ข้างล่าง น่าจะออกมาอวดโฉมให้พวกเราเห็นไวกว่านี้"



                    "ผมก็ว่างั้นแหละคับ" ต้นตอบ
                     


                   "วันนี้ผมไม่ลงมาแล้วนะ ขี้เกียจอ่า ผมเอาไอ้แผ่นเมื่อตะกี้ไปทำข้างบนนะ คงไม่ว่ากันนะพี่ท๊อป"
                   

     
                   "ว่า" ทอปสวนต้นทันควัน
                   

     
                   "ถึงว่าผมก็จะทำ" ต้นเถียงพร้อมทำหน้าทะเล่นใส่ท๊อป
                  

      
                   "แล้วจะมาถามทำไมวะเนี่ย" 
                 

     
                   "อิอิ"  ><   ทอปขี้เกียจสาวความยาวต่อจึงไม่พูดอะไรอีก
                


                   หลังจากกินข้าวเสร็จ ต้นก็ไปขลุกอยู่กับแผ่นหินที่เอาขึ้นมาด้วยกว่า3ชั่วโมง แล้วต้นก็ออกมาจากเต้นท์ด้วยสีหน้าที่แสนจะตื่นเต้น 
              

     
                 "ทุกคน!!! ศาสตร์แห่งแมกมันมีจริงๆนะ เชื่อผมเถอะ"
            

      
                 "เลอะเทอะว่ะ!" ท๊อปเถียงรุ่นน้อง ซึ่งทุกคนในทีมก็มีความเห็นที่ตรงกับท๊อป จะมีบางคนที่หันมาสนใจบ้าง แต่พอเห็นหน้าของคนที่มาพูดเป็นเพียงรุ่นน้องจึงไม่ได้สนใจนัก
               


                 "ถ้ามันมีจริงๆก็แสดงให้ดูเลย" ทอปท้าทายรุ่นน้อง
              

     
                 "ได้เลย    คนที่ไม่ใช่แฟน ทำแทนทุกเรื่องไม่ได้ ขอเอ่ยนามเทพผู้คุ้มครองนครยังกาหลา"  ถึงมันจะแปลกๆไปบ้าง แต่นี่คือคาถาที่ออกมาจากปากของต้น
               


                 ทันใดนั้นก็มีสัตว์อสูรสีเขียวรูปร่างคล้ายกบสูงประมาณ3เมตร โผล่ออกมาจากรอยแยกแห่งมิติ ที่พึ่งจะมีหลังจากต้นร่ายคาถาเสร็จ



                  "หงึ่ม มม วาส์  หงึ่ม มมม" สัตว์อสูรคำราม
              

        
                  "หนีเร็ว พวกเรา" ต้นตะโกนบอกเพื่อนๆให้วิ่งหนีสุดชีวิต เมื่อแน่ใจว่าสิ่งที่ออกมา  ไม่ประสงค์ดีกับพวกตนอย่างแน่นอน            
            

          
                 เหวอ! กร๊อบ บบบ!        มันเอาแขนอันสกปรกกระชากคนที่อยู่ไกล้ที่สุดลอยละลิ่วเข้าสู้ปากตนเอง ด้วยความเร็วอันน่าตกใจ จนผู้ถูกคร่าชีวิตไปเมื่อครู่ไม่ทันได้เจ็บมากนัก


                 "โอ้ย ยย!! ช่วยด้วย ยยย!!"   การขอความช่วยเหลือไร้การตอบรับ  จังหวะนี้ทุกคนเอาแต่วิ่งหนีสุดชีวิต ไม่มีแม้แต่จะเหลียวหลังกลับมามองผู้โชคร้าย




                  "กรี๊ด ดดดด!!"   สาวบางคนเมื่อเห็นเพื่อนร่วมทีมโดนกินเข้าไปถึงกับร้องออกมาอย่างหวาดกลัว บางคนถึงกับสลบ ซึ่งหมายถึงว่าจะไม่ได้ตื่นมาอีกครั้งแน่นอน



                  "หงึ่ม มมส์"    มันไม่หยุดแค่นั้น มันวิ่งไล่ฆ่าผู้คนต่ออย่างสนุกสนาน เหมือนกับว่า เป็นการปลดปล่อยจากความน่าเบื่อที่ต้องถูกผนึกมาอย่างยาวนาน



                  " ตุ๊บ! ฉึก กก! กร๊อบ บบ!"  มันวิ่งชน และเขมือบคนเข้าไปทีละคนๆ



                  ต้น ซึ่งอยู่ด้านหลังของสัตว์อสูร ยืนมองเพื่อนๆโดยที่ตนไม่สามารถทำอะไรได้เลย  ไม่สิ ไม่กล้ามากกว่า         
         

             
                  แน่นอนคนหัดใช้แมกอย่างต้นไม่สามารถควบคุมสัตว์อสูรได้อย่างแน่นอน ดังนั้นคนในทีมสำรวจทั้งหมดยกเว้นต้นจึงตกเป็นอาหารเย็นของมันในวันนั้น 



                 เสียงร้องโหยหวลของบรรดาทีมขุดสำรวจดังไปถึงในหมู่บ้าน ลุงมั่นยืนรับลม ดวงตาเหม่อมองดวงจันทร์เหมือนกำลังนึกถึงอดีตบางอย่าง



                 "ข้าเตือนพวกเอ็งแล้วนะ" ลุงมั่นพูดเบาๆกับตัวเอง
                  

               
            
                       

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×