ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fall to the deep of my mind พระเจ้าครับขอผมรักเธอที!

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 ปริศนา

    • อัปเดตล่าสุด 18 ต.ค. 56


    บทที่ 1 : ปริศนา

     

                “เฮือก!” หญิงสาวคนหนึ่งสะดุ้งตื่นจากฝันร้ายเดิมๆ ที่เคยเจอมานับครั้งไม่ถ้วนอย่างหดหู่ มันคือฝันร้ายหรือว่าเป็นเสี้ยวหนึ่งในความทรงจำของเธอกันแน่….

                “รอบที่เท่าไหร่แล้วนะ” เธอพึมพำถามตัวเองเบาๆ พร้อมกับลุกไปยืนอยู่ตรงระเบียงของห้องเพื่อรับอากาศยามเช้าตรู่

                “ตื่นเช้าจัง” ร่างสูงที่ยืนอยู่ด่านล่างเอ่ยทักทายหญิงสาวพร้อมรอยยิ้มที่อ่อนโยน

                “พี่ก็เหมือนกันนะคะ เอ่อ... พี่...” หญิงสาวอึกอักเพราะจำชื่อของพี่ชายตัวเองไม่ได้

                “โถ่ กลับมาอยู่บ้านเกือบอาทิตย์นึงแล้วยังจำชื่อพี่ไม่ได้อีกหรอครับ” พี่ชายของหญิงสาวแกล้งทำหน้าสลด

                “ขอโทษนะคะ” หญิงสาวก้มหน้าอย่างรู้สึกผิด

                “ไม่เป็นไรหรอก พี่ไม่ได้คิดมาก ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปก็ได้ พี่ชื่อฟรอสต์นะครับ อย่าลืมอีกล่ะ” ชายหนุ่มยิ้มอย่างอ่อนโยนอีกครั้ง

                “ค่ะ” หญิงสาวตอบรับแล้วรีบเดินเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว

     

                10.00 am.

     

                สวัสดีค่ะ ฉันชื่อ นาร์ซิส ชื่อเล่นชื่อว่า ซิส ฉันย้ายออกมาจากโรงพยาบาล E ตั้งแต่วันจันทร์ที่แล้ว ย้ายออกมาอยู่กับครอบครัว แมคซิมิเลี่ยน ครอบครัวของฉัน ... แต่ว่าฉันความจำเสื่อมค่ะ จำอะไรไม่ได้เลย ไม่ได้เลยจริงๆ สิ่งเดียวที่ฉันจำได้ก็คือชื่อของตัวเองค่ะ ฉันรู้สึกอยากจะให้พระเจ้าลงโทษจัง ทั้งที่ครอบครัวแมคซิมิเลี่ยนเป็นครอบครัวของฉัน แต่ฉันกลับไม่รู้สึกผูกพันกับพวกเขาสักนิด ฉันรู้สึกเหมือนโลกนี้มีแต่คนแปลกหน้า แม้แต่ครอบครัวของตัวเองยังไม่รู้จัก มันน่าหดหู่นะคะ

                “ซิส เหม่ออะไรอยู่จ้ะ ทานข้าวสิลูก”  คุณแม่เอ่ยเตือนฉัน เมื่อท่านสังเกตว่าฉันเอาแต่นั่งนิ่ง

                “ค่ะ” ฉันยิ้มเจื่อนๆแล้วตักข้าวขึ้นมา แม้อาหารจะรสชาติอร่อยแค่ไหน แต่พอเอาเข้าจริงๆฉันกลับรู้สึกไม่อยากทานมันเลย ไม่สักนิด...

                “....อิ่มแล้วค่ะ” ฉันพึมพำเบาๆแล้วรวบช้อนส้อมไว้ ทั้งๆที่เพิ่งทานไปได้ไม่กี่คำ

                “วันนี้อาหารไม่อร่อยรึไง” คุณพ่อพูดเสียงเข้มพร้อมท่าทางไม่พอใจ

                “ลูกเขาเพิ่งกลับมาจากโรงพยาบาลนะคุณ อย่ากดดันแกสิ” คุณแม่หันไปดุคุณพ่อ

                “เหอะ” คุณพ่อเลยทำได้แต่ส่งเสียงไม่พอใจ

                “ขึ้นห้องไปเถอะลูก คุณพ่อเขาแค่เป็นคนขี้โมโห” คุณแม่ท่านอธิบายด้วยเสียงนุ่มนวล

                “ค่ะ” ฉันพยักหน้าเบาๆ แล้วเดินออกมาจากห้องทานอาหาร

     

                บนห้อง

                “เฮ้อออออ” ฉันถอนหายใจยาวเหยียดแล้วทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างเหนื่อยใจแล้วหลับตาลง

                ตึก ตึก ตึก ตึกเสียงฝีเท้าวิ่งดังสะท้อนไปทั่วอุโมงค์มืดๆ

                นังแม่มด! จับมัน!’ เสียวตะโกนโหวกเหวกดังมาพร้อมกับแสงไฟจากคบเพลิงอันสว่างจ้า

                กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดเสียงกรีดร้องจากหญิงสาวที่ถูกตามล่าดังขึ้นเมื่อตัวเธอถูกจับได้โดยหนึ่งในเหล่าฝูงชน

                เผามันเลย เผามันตรงนี้เลย!’ เสียงหนึ่งดังขึ้นมา

                หุบปาก! ฉันไม่ใช่แม่มดสักหน่อยนะเสียงอันเกรี้ยวกราดดังออกมาจากปากของผู้ถูกตามล่า

                เผามัน เผามันจากหนึ่ง กลายเป็นสอง และสาม และสี่ และเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

                กรี๊ดดดดดดดดดดดด ก็บอกว่าไม่ใช่ไง!!!’ หญิงสาวสะบัดตัวให้หลุดการจับกุมแล้ววิ่งหนีต่อไปอย่างสุดชีวิต

                จนหญิงสาวคนนั้นวิ่งมาจนถึงปลายอุโมงค์ เธอโผล่ขึ้นมาแล้วก็ต้องตกใจ ที่นี่คือหมู่บ้านของฝูงชนที่ตามล่าเธอนั่นเอง แต่มันกลับเงียบเชียบอย่างประหลาด...

    ท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บ ท่ามกลางความเวิ้งว้างและสิ้นหวัง ท่างกลางไอหมอกสีขุ่น ท่ามกลางทางเดินอันเปล่าเปลี่ยว และท่ามกลางทุกสิ่งทุกอย่างอันเงียบเชียบ

     มีเสียงกระทบของรองเท้าหนังสีดำกับทางเดินเป็นจังหวะ…..

    เมืองแห่งนี้... ร้างเสียแล้วหรือ ทำไมถึงมีเพียงเธอเดินอยู่คนเดียวในเมืออันว่างเปล่าเช่นนี้ เพราะเหตุใด เธอจึงอยู่ที่นี่ล่ะ

    ความหวาดกลัวค่อยๆเกาะกินจิตใจของหญิงสาว ทำไมเมืองนี้จึงมืดมน ทำไมเมืองนี้จึงว่างเปล่า ทำไมเมืองแห่งนี้จึงเงียบเหงา เธอก็ไม่สามารถตอบคำถามที่รุมเร้าจิตใจตอนนี้ได้

    เธอจำไม่ได้จริงหรือ ว่าสาเหตุที่ทำให้เมืองทั้งเมืองเป็นแบบนี้

    .... คือตัวของเธอเอง!

    หญิงสาวรีบก้าวเท้าเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนเธอเดินมาถึงบ้านของเธอ เธอคอยๆ เปิดประตูเข้าไปอย่างเงียบเชียบ

    ทุกอย่างยังคงเป็นปกติ ไม่มีสิ่งของสิ่งใดเสียหาย...

    มีเพียงสิ่งเดียวที่หายไปคือ มนุษย์ที่อาศัยอยู่ที่นี่

    พวกเขาหายไปไหนน่ะ....

     

    “เฮือก!!!” ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้ง นี่เผลอหลับไปสินะ

    “ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด” เสียงโทรศัพท์ของฉันดังขึ้น ใครโทรมา? ทำไมถึงไม่ขึ้นเป็นตัวเลขหรือชื่อล่ะ

    “สวัสดีค่ะ นาร์ซิสพูด” ฉันเดินไปหยิบโทรศัพท์มากดรับแล้วกรอกเสียงลงไป

    “.....” ไม่มีเสียงตอบมาจากปลายสายเลย

    “เฮ้ มีคนพูดมั้ยคะ” ฉันกรอกเสียงลงไปอีกครั้ง

    “หวีดดดด หวิว” มีเพียงเสียงลมกรีดร้องดังกลับมา

    “คุณคะ”

    “ตึก ตึก ตึก” เสียงฝีเท้าดังก้องผ่านเข้ามาในโทรศัพท์

    “...” ฉันเงี่ยหูฟังอีกครั้ง

    “ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก” จากที่เดินธรรมดากลายเป็นวิ่ง

    “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!” แล้วก็เป็นเสียงกรี๊ดเดียวกับในความฝันฉันพร้อมกับสายที่ตัดไป

    !...นี่มันอะไรกัน” ฉันโยนโทรศัพท์ไปบนเตียงอย่างตกใจ

    “ตือดึง!” แต่แล้วไม่นานนักเสียงเตือนข้อความก็เด้งขึ้น

    “หือ!” ฉันถึงกับผงะ นั่นมันรูปฉัน รูปฉันผูกคอตายในบ้าน!

    ….บ้านที่เห็นในฝัน!!!

    นะ... นี่มันเรื่องอะไรเนี้ย” ฉันจ้องไปที่รูปในมือถือของตัวเอง ล้อเล่นงั้นหรอ?

    “ตือดึง! ตือดึง! ตือดึง! ตือดึง!” แล้วข้อความก็เด้งขึ้นมา เป็นรูปภาพอีกสี่รูป รูปเกี่ยวกับความฝัน ... รูปหมู่บ้านร้าง รูปอุโมงค์นั่น รูปป้ายบางอย่าง และสุดท้าย

    แผนที่...!

    -------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    เน่า ดอง ค้าง ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี แต่ช่วงนี้ไม่มีอารมณ์แต่งเรื่องเก่าเลย อยากแต่งอะไรใหม่ๆบ้าง 555555555555555


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×