ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Sweet heart...แบบว่ารักไม่ได้ตั้งใจ (yaoi)

    ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 4

    • อัปเดตล่าสุด 4 ก.ย. 51








     

              “แฮ่ก ๆ คงไม่ตามมาแล้วมั้ง” 



    เสียงทุ้มพูดปนหอบ  ก่อนจะทรุดลงข้าง ๆ เขาที่เหนื่อยจนพูดไม่ออกแล้วในเวลานี้



    “ว่าแต่นายวิ่งตามฉันมาทำไมน่ะ”



    ...ไอ้นี่นิ...



    มีนถลึงตาใส่ร่างสูงข้าง ๆ แทนคำตอบ  ช่างพูดมาได้ว่าเขาวิ่งตามมันมา  ประทานโทษเหอะ!...คนเขายืนดูหนังสืออย่างสันติ  มีแต่ไอ้บ้านี่เท่านั้นแหล่ะที่สิ้นคิดฉุดเขามาร่วมวงจรชีวิตต้องสู้กับมันด้วย



    ...ไม่พาไปออกทีวีด้วยเลยล่ะจะได้ครบสูตร ไอ้บ้าเอ้ย!...



    ต้องเรียกว่า วิ่งหนีจนหมดสภาพ  มีนมองเสื้อนักเรียนที่เปียกเหงื่อไปทั้งตัวไม่เหลือคราบนักเรียนดีเด่นอย่างตอนก่อนจะเดินออกจากโรงเรียน..ไม่ใช่สิ  ต้องบอกว่าก่อนวิ่งอัญเชิญหลวงพ่อโกยหนีไปพร้อมกับมัน



    “แล้วไอ้เวรสิ้นคิดตัวไหนมันฉุดแขนฉันให้วิ่งตามมาวะ  โคตรอยากจะรู้ตัวจริง ๆ เลย” 



    มีนตอกกลับยาว ๆ ใส่ร่างสูงทันทีที่ออกซิเจนในปอดเพียงพอ  ก่อนจะถูกอีกฝ่ายกระทำการฉุดแขนของเขาอีกครั้งเพื่อหลบพวกที่วิ่งไล่ทันจนใกล้จะถึงบริเวณที่เขากับไอ้รองประธานฯเฮงซวยแอบอยู่  



    ...นี่มันวันซวยของเขาแท้ ๆ ...



    มองออกไปด้วยสายตาสี่ดวง สองคู่  อาวุธครบมือเท่าที่จะสรรหามาได้ทำให้พวกเขาต้องขยับเท้าถอยหลบโดยอาศัยมุมมืดของซอกตึกบังตัวอย่างช้า ๆ และเบียดตัวเข้าหากันยิ่งกว่าเดิมจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่ายที่รดต้นคอ...ใกล้ซะจนจะได้เสียเป็นผัวเมียอยู่รอมร่อเมื่อหนึ่งในนั้นสาวเท้าเข้ามาใกล้



    “เจอมั้ยวะ” 



    ชายร่างหนาตัวสูง ๆ ที่คาดว่าจะเป็นพี่ใหญ่ตะโกนถามลูกน้องที่ยังยืนส่องหาพวกเขาไปมา



    “ไม่เจอลูกพี่  แมร่งวิ่งไวชิบ  ยังกะหายตัวได้อย่างไงอย่างนั้นแหน่ะ”



    “อย่าให้กูเจอตัวนะเมิงไอ้หน้าหล่อ  แมร่งจะจัดให้ไม่เลี้ยงเลยเชียว” พูดจบคนที่เป็นพี่ใหญ่ก็เรียกลูกน้องที่อยู่แถวนั้นกลับไป



    “เฮ้อ! ไปได้ซะก็ดี”



    ร่างสูงที่เปียกโชกด้วยเหงื่อทิ้งตัวพิงเข้ากับกำแพงข้าง ๆ(??)อย่างโล่งอก  ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ตฤณรู้สึกว่าความหน้าตาดีของตัวเองเป็นพิษ  ก่อนหน้านี้เขากำลังเดินเที่ยวกับน้องแนนเด็กคอนแวนต์อยู่ดี ๆ ก็พลันต้องวิ่งหนีเพราะโดนตามล่าจากพวกบ้าที่ไหนก็ไม่รู้ที่จู่ ๆ ก็กล่าวหาว่า คนหล่ออย่างเขาหว่านเสน่ห์ใส่แฟนมัน  



    ไอ้พวกเชี่ยเอ้ย...แม้แต่จะยิ้มเขาก็ไม่คิดจะยกมุมปากให้ผู้หญิงคราวป้าเลยสักกะติ๊ด



    ...เกือบตายคราวนี้  เล่นเอาเขาภูมิใจความหล่อของตัวเองไม่ลง...



    “จะยืนพิงอีกนานมั้ยห๊ะ!” 



    เสียงหวานที่ดังขึ้นจากกำแพงข้าง ๆ ตัวช่วยเรียกสติของเขาให้กลับมาสู่เหตุการณ์ปัจจุบัน  ดวงตากลมโตฉายแววดุจัดเหมือนเดิมไม่มีผิดเพี้ยนทำเอาตฤณที่เงยหน้าขึ้นมาจากกำแพง(??) ต้องสะดุ้งโหยง  หัวใจหล่นตุบตับไปอยู่แทบเท้า



    ก็ไอ้ที่เขาคิดว่าเป็นกำแพงนุ่ม ๆ มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ น่าพิง  ความจริงแล้วมันเป็นอย่างนั้นซะเมื่อไหร่



    ...แม่ครับ  สวดคืนแรกตฤณขอกะท้อนลอยแก้วเป็นของหวานตบท้ายนะครับ...



    “โอ้ย!!” 



    ยังไม่ทันจะได้บอกรายการของคาวกับแม่  กำแพงนุ่ม ๆ มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ น่าพิงของเขาก็ประเคนหัวของเขาออกไปกระแทกกับมุมตึกด้านหนึ่งทันที...นั่นมันมุมเหลี่ยมเลยนะคุณน้อง



    “อูยยย...ผลักมาได้  หัวคนนะไม่ใช่หัวหมา” มือหนาถูกยกขึ้นมากุมหน้าผากด้านที่โดนคนใจร้ายโขกกับมุมตึกเข้าให้อย่างแรง  ก่อนจะทรุดลงกับพื้นไปซีเมนต์



    “อ้าวเหรอ  เห็นหยาบ ๆ นึกว่าขนหมาซะอีก”



    ตฤณเงยหน้ามองคู่กรณีที่ตอบกลับหน้าตายอย่างโมโห  ริมฝีปากบางสวยนั่นเผยแววสะใจอย่างคิดไม่จะปิดบัง



    “พูดให้มันดี ๆ หน่อย  ฉันน่ะรุ่นพี่นายนะ” น้ำเสียงทุ้มเข้มขึ้นด้วยรู้สึกโกรธขึ้นมาบ้าง  หากแต่มันคงไม่มีผลกับคนที่ถนัดแผ่รังสีสังหารมาเกือบตลอดชีวิต(!!)  ร่างสูงโปร่งที่ผอมบางกว่าเขายังคงปรายตามองมาอย่างไร้ความรู้สึก



    ...ไม่น่ารักเอาซะเลย...



    ความเจ็บปวดจากการถูกโขกเข้ากับเหลี่ยมของตึกอย่างกะทันหันส่งผลให้เจ้าชายเพลย์บอยอันดับหนึ่งตาพร่ามัวไปชั่วขณะ  รู้สึกมึนจนลุกไม่ขึ้น “นี่!



    “นี่!” เสียงจากคนข้างล่างเรียกให้คนที่กำลังจะเดินออกไปต้องหันกลับมามองอีก



    “เรียกทำไม” คิ้วเรียวสวยเลิกขึ้นติดรำคาญ “กระเป๋าฉันไม่ได้ว่างขนาดมีอาหารหมาอย่างร้านเพ็ทช็อปให้นายกินหรอกนะ”



    ...ปากร้ายเป็นที่หนึ่ง...



    ตฤณพ่นระบายลมเสีย ๆ พรืดอย่างหงุดหงิดกับคำตอบของคนตรงหน้า  ถ้าไม่ติดว่าเจ็บจนลุกไม่ขึ้นแล้วละก็  เขาก็ไม่คิดที่จะเอ่ยปากกับแฝดนรกคนพี่เด็ดขาด



    “ทำร้ายคนอื่นแล้วคิดจะหนีรึไง” แน่นอนว่าประโยคแรกก็ขอกัดให้สมกับที่กล่าวหาว่า หนุ่มหล่อ ๆ อย่างเขาเป็นหมาหน่อยเถอะ “ฉันเจ็บ...ลุกไม่ขึ้น...ช่วยพยุงหน่อย”



    “ฉันไม่ใช่เจ้าหน้าที่สถานสงเคราะห์”



    “นายนี่มัน!” ตฤณกัดฟันกรอด “ขนาดนักบุญเขายังคิดช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยากเลยด้วยซ้ำ”



    คำพูดประโยคหลังของเจ้าชายเพลย์บอยทำให้แผ่นหลังของมีนที่กำลังจะหันกลับออกไปชะงักลง  เด็กหนุ่มหันกลับมามองเขาอีกครั้ง  ก่อนจะยื่นใบหน้าขาวจัดเข้ามาใกล้อย่างจงใจ  ริมฝีปากบางสีชมพูสวยแย้มยิ้มบางชวนให้หัวใจเต้นนิด ๆ



    “อ้อ...พวกคนตกยาก” 



    รอยยิ้มเทพธิดาเริ่มประกายรังสีแปร่ง ๆ หากแต่ก่อนที่เขาจะทันได้คำนวณการกระจายรังสีที่เคลื่อนที่ด้วยลำอิเล็กตรอนอย่างในสูตรสมการที่ได้เรียนมา  มือเรียวสวยก็ยื่นเข้ามาใกล้ ๆ กับใบหน้าของเขาที่ห่างออกไปแค่คืบ  แล้วก็...



    ป้าบ!!!



    ...เทพธิดาตีนหนัก  มันมือหนักด้วยครับท่านผู้ชม...



    ตฤณมองเจ้าของมือประทุษร้ายที่ก้าวออกไปพ้นมุมตึกตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ขณะที่หน่วยเล็กที่สุดของอะตอมกำลังวนเวียนผ่านประสาทรับรู้จนบังเกิดเห็นภาพจักรวาลทับซ้อนในหมู่กองขยะใกล้เคียงอย่างสุดแค้น



    “แต่เสียใจด้วยนะ...เผอิญฉันเป็นผู้กำกับเวทีไม่ใช่นักบุญ”  






    TO BE CONTINUE >>

    ***ตอบคอมเมนต์ดีกว่า คิคิ


    ถึงคุณ niceboy

    ขิมสิที่ต้องเป็นคนขอบคุณนะ -*- มาอ่านและคอมเมนต์ให้ขิมทั้งที จะมาขอบคุณคนแต่งทำไมกันล่ะเนี่ย
    ดีใจค่ะที่คุณ niceboy ชอบ  แล้วมาอ่านเรื่องนี้อีกนะคะ ^^


    ถึงคุณ akira_ked_sa

    ดีจังที่ชอบเรื่องนี้ค่ะ ขิมก็ว่า ตฤณคงจะแข็งแรงขึ้นแน่ ๆ แต่ต่อม Y นี่ขิมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะ
    ผลิตภูมิคุ้มกันขึ้นมารึเปล่า  เห็นท่าจะหมดอายุคุ้มกันแล้วล่ะค่ะ 55+ แต่ถึงตฤณจะคางเหลือง
    คุณ akira_ked_sa ก็คงจะรับไว้ดูแลให้หน่อยใช่มั้ยอ่ะคะ


    ถึงคุณแกงส้ม : ขอบคุณที่ชอบเรื่องนี่นะคะ  แล้วขิมจะมาอัพเรื่อย ๆ ค่า


    ถึงคุณลูกกวาดสีส้ม : ถ้าไม่วิ่งเข้าหาเรื่องก็ไม่ใช่พระเอกตัวจริงน่ะสิค่ะ อิอิ


    ถึงคุณเลิฟโรมานซ์ : สงสัยว่าตฤณคงได้กลิ่นกะท้อนแล้วล่ะค่ะ  ส่วนเนื้อนี่ไม่แน่ใจว่าเสร็จมีนหรือว่าขิม
                                 กันแน่ (เอาเป็นว่าคราวหน้าขอให้ส่งมาสามชุดพร้อม ๆ กันนะคะ จะได้ไม่ต้องแย่งกัน 55+)




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×