คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 4
“แฮ่ก ๆ คงไม่ตามมาแล้วมั้ง”
เสียงทุ้มพูดปนหอบ ก่อนจะทรุดลงข้าง ๆ เขาที่เหนื่อยจนพูดไม่ออกแล้วในเวลานี้
“ว่าแต่นายวิ่งตามฉันมาทำไมน่ะ”
...ไอ้นี่นิ...
มีนถลึงตาใส่ร่างสูงข้าง ๆ แทนคำตอบ ช่างพูดมาได้ว่าเขาวิ่งตามมันมา ประทานโทษเหอะ!...คนเขายืนดูหนังสืออย่างสันติ มีแต่ไอ้บ้านี่เท่านั้นแหล่ะที่สิ้นคิดฉุดเขามาร่วมวงจรชีวิตต้องสู้กับมันด้วย
...ไม่พาไปออกทีวีด้วยเลยล่ะจะได้ครบสูตร ไอ้บ้าเอ้ย!...
ต้องเรียกว่า วิ่งหนีจนหมดสภาพ มีนมองเสื้อนักเรียนที่เปียกเหงื่อไปทั้งตัวไม่เหลือคราบนักเรียนดีเด่นอย่างตอนก่อนจะเดินออกจากโรงเรียน..ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่าก่อนวิ่งอัญเชิญหลวงพ่อโกยหนีไปพร้อมกับมัน
“แล้วไอ้เวรสิ้นคิดตัวไหนมันฉุดแขนฉันให้วิ่งตามมาวะ โคตรอยากจะรู้ตัวจริง ๆ เลย”
มีนตอกกลับยาว ๆ ใส่ร่างสูงทันทีที่ออกซิเจนในปอดเพียงพอ ก่อนจะถูกอีกฝ่ายกระทำการฉุดแขนของเขาอีกครั้งเพื่อหลบพวกที่วิ่งไล่ทันจนใกล้จะถึงบริเวณที่เขากับไอ้รองประธานฯเฮงซวยแอบอยู่
...นี่มันวันซวยของเขาแท้ ๆ ...
มองออกไปด้วยสายตาสี่ดวง สองคู่ อาวุธครบมือเท่าที่จะสรรหามาได้ทำให้พวกเขาต้องขยับเท้าถอยหลบโดยอาศัยมุมมืดของซอกตึกบังตัวอย่างช้า ๆ และเบียดตัวเข้าหากันยิ่งกว่าเดิมจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่ายที่รดต้นคอ...ใกล้ซะจนจะได้เสียเป็นผัวเมียอยู่รอมร่อเมื่อหนึ่งในนั้นสาวเท้าเข้ามาใกล้
“เจอมั้ยวะ”
ชายร่างหนาตัวสูง ๆ ที่คาดว่าจะเป็นพี่ใหญ่ตะโกนถามลูกน้องที่ยังยืนส่องหาพวกเขาไปมา
“ไม่เจอลูกพี่ แมร่งวิ่งไวชิบ ยังกะหายตัวได้อย่างไงอย่างนั้นแหน่ะ”
“อย่าให้กูเจอตัวนะเมิงไอ้หน้าหล่อ แมร่งจะจัดให้ไม่เลี้ยงเลยเชียว” พูดจบคนที่เป็นพี่ใหญ่ก็เรียกลูกน้องที่อยู่แถวนั้นกลับไป
“เฮ้อ! ไปได้ซะก็ดี”
ร่างสูงที่เปียกโชกด้วยเหงื่อทิ้งตัวพิงเข้ากับกำแพงข้าง ๆ(??)อย่างโล่งอก ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ตฤณรู้สึกว่าความหน้าตาดีของตัวเองเป็นพิษ ก่อนหน้านี้เขากำลังเดินเที่ยวกับน้องแนนเด็กคอนแวนต์อยู่ดี ๆ ก็พลันต้องวิ่งหนีเพราะโดนตามล่าจากพวกบ้าที่ไหนก็ไม่รู้ที่จู่ ๆ ก็กล่าวหาว่า คนหล่ออย่างเขาหว่านเสน่ห์ใส่แฟนมัน
ไอ้พวกเชี่ยเอ้ย...แม้แต่จะยิ้มเขาก็ไม่คิดจะยกมุมปากให้ผู้หญิงคราวป้าเลยสักกะติ๊ด
...เกือบตายคราวนี้ เล่นเอาเขาภูมิใจความหล่อของตัวเองไม่ลง...
“จะยืนพิงอีกนานมั้ยห๊ะ!”
เสียงหวานที่ดังขึ้นจากกำแพงข้าง ๆ ตัวช่วยเรียกสติของเขาให้กลับมาสู่เหตุการณ์ปัจจุบัน ดวงตากลมโตฉายแววดุจัดเหมือนเดิมไม่มีผิดเพี้ยนทำเอาตฤณที่เงยหน้าขึ้นมาจากกำแพง(??) ต้องสะดุ้งโหยง หัวใจหล่นตุบตับไปอยู่แทบเท้า
ก็ไอ้ที่เขาคิดว่าเป็นกำแพงนุ่ม ๆ มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ น่าพิง ความจริงแล้วมันเป็นอย่างนั้นซะเมื่อไหร่
...แม่ครับ สวดคืนแรกตฤณขอกะท้อนลอยแก้วเป็นของหวานตบท้ายนะครับ...
“โอ้ย!!”
ยังไม่ทันจะได้บอกรายการของคาวกับแม่ กำแพงนุ่ม ๆ มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ น่าพิงของเขาก็ประเคนหัวของเขาออกไปกระแทกกับมุมตึกด้านหนึ่งทันที...นั่นมันมุมเหลี่ยมเลยนะคุณน้อง
“อูยยย...ผลักมาได้ หัวคนนะไม่ใช่หัวหมา” มือหนาถูกยกขึ้นมากุมหน้าผากด้านที่โดนคนใจร้ายโขกกับมุมตึกเข้าให้อย่างแรง ก่อนจะทรุดลงกับพื้นไปซีเมนต์
“อ้าวเหรอ เห็นหยาบ ๆ นึกว่าขนหมาซะอีก”
ตฤณเงยหน้ามองคู่กรณีที่ตอบกลับหน้าตายอย่างโมโห ริมฝีปากบางสวยนั่นเผยแววสะใจอย่างคิดไม่จะปิดบัง
“พูดให้มันดี ๆ หน่อย ฉันน่ะรุ่นพี่นายนะ” น้ำเสียงทุ้มเข้มขึ้นด้วยรู้สึกโกรธขึ้นมาบ้าง หากแต่มันคงไม่มีผลกับคนที่ถนัดแผ่รังสีสังหารมาเกือบตลอดชีวิต(!!) ร่างสูงโปร่งที่ผอมบางกว่าเขายังคงปรายตามองมาอย่างไร้ความรู้สึก
...ไม่น่ารักเอาซะเลย...
ความเจ็บปวดจากการถูกโขกเข้ากับเหลี่ยมของตึกอย่างกะทันหันส่งผลให้เจ้าชายเพลย์บอยอันดับหนึ่งตาพร่ามัวไปชั่วขณะ รู้สึกมึนจนลุกไม่ขึ้น “นี่!”
“นี่!” เสียงจากคนข้างล่างเรียกให้คนที่กำลังจะเดินออกไปต้องหันกลับมามองอีก
“เรียกทำไม” คิ้วเรียวสวยเลิกขึ้นติดรำคาญ “กระเป๋าฉันไม่ได้ว่างขนาดมีอาหารหมาอย่างร้านเพ็ทช็อปให้นายกินหรอกนะ”
...ปากร้ายเป็นที่หนึ่ง...
ตฤณพ่นระบายลมเสีย ๆ พรืดอย่างหงุดหงิดกับคำตอบของคนตรงหน้า ถ้าไม่ติดว่าเจ็บจนลุกไม่ขึ้นแล้วละก็ เขาก็ไม่คิดที่จะเอ่ยปากกับแฝดนรกคนพี่เด็ดขาด
“ทำร้ายคนอื่นแล้วคิดจะหนีรึไง” แน่นอนว่าประโยคแรกก็ขอกัดให้สมกับที่กล่าวหาว่า หนุ่มหล่อ ๆ อย่างเขาเป็นหมาหน่อยเถอะ “ฉันเจ็บ...ลุกไม่ขึ้น...ช่วยพยุงหน่อย”
“ฉันไม่ใช่เจ้าหน้าที่สถานสงเคราะห์”
“นายนี่มัน!” ตฤณกัดฟันกรอด “ขนาดนักบุญเขายังคิดช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยากเลยด้วยซ้ำ”
คำพูดประโยคหลังของเจ้าชายเพลย์บอยทำให้แผ่นหลังของมีนที่กำลังจะหันกลับออกไปชะงักลง เด็กหนุ่มหันกลับมามองเขาอีกครั้ง ก่อนจะยื่นใบหน้าขาวจัดเข้ามาใกล้อย่างจงใจ ริมฝีปากบางสีชมพูสวยแย้มยิ้มบางชวนให้หัวใจเต้นนิด ๆ
“อ้อ...พวกคนตกยาก”
รอยยิ้มเทพธิดาเริ่มประกายรังสีแปร่ง ๆ หากแต่ก่อนที่เขาจะทันได้คำนวณการกระจายรังสีที่เคลื่อนที่ด้วยลำอิเล็กตรอนอย่างในสูตรสมการที่ได้เรียนมา มือเรียวสวยก็ยื่นเข้ามาใกล้ ๆ กับใบหน้าของเขาที่ห่างออกไปแค่คืบ แล้วก็...
ป้าบ!!!
...เทพธิดาตีนหนัก มันมือหนักด้วยครับท่านผู้ชม...
ตฤณมองเจ้าของมือประทุษร้ายที่ก้าวออกไปพ้นมุมตึกตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ขณะที่หน่วยเล็กที่สุดของอะตอมกำลังวนเวียนผ่านประสาทรับรู้จนบังเกิดเห็นภาพจักรวาลทับซ้อนในหมู่กองขยะใกล้เคียงอย่างสุดแค้น
“แต่เสียใจด้วยนะ...เผอิญฉันเป็นผู้กำกับเวทีไม่ใช่นักบุญ”
TO BE CONTINUE >>
***ตอบคอมเมนต์ดีกว่า คิคิ
ถึงคุณ niceboy
ขิมสิที่ต้องเป็นคนขอบคุณนะ -*- มาอ่านและคอมเมนต์ให้ขิมทั้งที จะมาขอบคุณคนแต่งทำไมกันล่ะเนี่ย
ดีใจค่ะที่คุณ niceboy ชอบ แล้วมาอ่านเรื่องนี้อีกนะคะ ^^
ถึงคุณ akira_ked_sa
ดีจังที่ชอบเรื่องนี้ค่ะ ขิมก็ว่า ตฤณคงจะแข็งแรงขึ้นแน่ ๆ แต่ต่อม Y นี่ขิมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะ
ผลิตภูมิคุ้มกันขึ้นมารึเปล่า เห็นท่าจะหมดอายุคุ้มกันแล้วล่ะค่ะ 55+ แต่ถึงตฤณจะคางเหลือง
คุณ akira_ked_sa ก็คงจะรับไว้ดูแลให้หน่อยใช่มั้ยอ่ะคะ
ถึงคุณแกงส้ม : ขอบคุณที่ชอบเรื่องนี่นะคะ แล้วขิมจะมาอัพเรื่อย ๆ ค่า
ถึงคุณลูกกวาดสีส้ม : ถ้าไม่วิ่งเข้าหาเรื่องก็ไม่ใช่พระเอกตัวจริงน่ะสิค่ะ อิอิ
ถึงคุณเลิฟโรมานซ์ : สงสัยว่าตฤณคงได้กลิ่นกะท้อนแล้วล่ะค่ะ ส่วนเนื้อนี่ไม่แน่ใจว่าเสร็จมีนหรือว่าขิม
กันแน่ (เอาเป็นว่าคราวหน้าขอให้ส่งมาสามชุดพร้อม ๆ กันนะคะ จะได้ไม่ต้องแย่งกัน 55+)
ความคิดเห็น