คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : ตอนที่ 13
“อยู่ทานขนมด้วยกันก่อนนะจ้ะ”
“ขอบคุณครับ ไม่เป็นไรครับ”
ตฤณนั่งมองแม่ของตัวเองที่กำลังยื้อลูกชายคนโปรด(ที่เพิ่งแต่งตั้งสถาปนาให้เป็นเมื่อสองสามนาทีก่อน) ให้อยู่ต่อด้วยกันอย่างอดหมั่นไส้ขึ้นมาไม่ได้
...เก่า ๆ มันเป็นสนิม ใหม่ ๆ หน้าตาจุ๋มจิ๋ม...เฮอะ! ถ้าใครไม่เคยเห็นคนหล่อตกกระป๋องก็มาดูได้แถวนี้ แบบว่า..หน้าตาดีสุด ๆ ชิ!!...
หลังจากที่เขาและสองแฝดถึงร้านขายยาปภาณว่องวานิช คุณน้าผู้หญิงก็บงการให้มีนช่วยขับรถของเขาที่ขอฝากจอดไว้หน้าร้านคุณลูกค้าคนสุดท้ายมาส่งเขาให้ถึงบ้านโดยไม่ได้ดูหน้าลูกชายของตัวเองเลยว่า เต็มใจจะเป็นฆาตกรแค่ไหนเมื่อได้ยินชื่อเหยื่อ(!?)ผ่านค้อน ทั่งและโกลน กระทบส่วนประสาทรับรู้ และแน่นอนว่า คนรับคำสั่งก็ทำหน้าที่ได้อย่างไม่มีผิดพลาดโดยการขับรถพาเขาซิ่งผ่ามฤตยู...ผ่ากฏจราจรที่รัฐออกบทบัญญัติ...ผ่าชุมชนเด็กแว้นท์และสก๊อยท์เกิร์ล...และผ่าอะไรต่อมิอะไรที่เจ้าตัวพึงพอใจจะผ่าได้ ไม่เว้นแม้แต่ดงหมาดุที่เขาเห็นลิบ ๆ ทางหางตาด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย
...สาบานได้ว่า ถึงคราวหน้าเขาจะป่วยจนมีอาการโคม่าลุกไม่ได้ขนาดไหน เขาก็จะไม่มีวันให้คนตรงหน้าได้แตะพวงมาลัยรถอีกเป็นอันขาด
ย่นย่อระยะเวลาในการเดินทางไปถึงบ้านเขาจากครึ่งชั่วโมงไวเสียอย่างกับครึ่งนาที...นี่ถ้าเปลี่ยนเป็นแข่งบนสนามแรซซิ่ง กระพริบตาเดียวคงได้เห็นชื่อมีน เมธารักษ์ติดแถบบนของสกอร์บอร์ด
...เด็กอะไร เร้าใจได้ทุกโมงยามจริง ๆ พับผ่าสิ!!...
แต่ว่านั่นไม่ใช่ประเด็น...ประเด็นจริง ๆ ตอนนี้มันอยู่ที่แม่ของเขาดันถูกใจใบหน้าหวาน ๆ กับร่างบาง ๆ เข้าเสียจนเกาะหนูมีนของแม่หนึบ ไม่ยอมปล่อยให้ลูกเขาได้กลับบ้านกลับช่องไปหาพ่อแม่เนี่ยสิ
“งั้นดื่มน้ำก่อนไปสักแก้วนะจ้ะหนูมีน แม่มีน้ำส้มเย็นเจี๊ยบชื่นใจอยู่ในตู้เย็นแหน่ะ”
“เอ่อ...แต่ว่า...” ใบหน้าหวานชวนมองชักปั้นยาก ไหล่บางสองข้างถูกคุณแม่(ที่เพิ่งสถาปนาตัวเองขึ้นหมาด ๆ เช่นกัน)จับไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
“ฉลองศรัทธาคุณแม่ดีเด่นแห่งปีเถอะครับน้องมีน คุณอริศราจะได้ดีใจ...โอ้ย!!” ตฤณร้องเสียงหลงเมื่อคุณอริศรา เจ้าของรางวัลแม่ดีเด่นหยิกหมับเข้าให้ที่แขนด้วยรู้ดีว่าเจ้าลูกชายกำลังประชดเธออยู่ “โธ่..แม่ก็...หยิกผมทำไมเนี่ย”
“ก็หยิกให้เจ็บนะซียะเจ้าลูกชาย” คุณอริศรายังใจดีเคาะมะเหงกใส่เจิมลงไปให้ “มาล้อแม่อย่างนี้ใช้ได้ที่ไหน หนูมีนอย่าเอาอย่างพี่เขานะลูก”
ว่าจบก็หันไปลูบหัวปลอบประโลมหนูมีนของแม่อีกครั้งหนึ่ง
...เห็นแล้วใช่มั้ยล่ะว่า เก่า ๆ มันเป็นสนิม ใหม่ ๆ หน้าตาจุ๋มจิ๋ม หมั่นไส้!...
ดวงตากลมโตของคนหน้าตาจุ๋มจิ๋มมองมาที่เขาอย่างเย้ย ๆ ราวกับจะบอกว่าทีใครทีมัน แน่ล่ะครับ...ในเมื่อขวัญใจของบ้านปภาณว่องวานิชกลายเป็นตฤณภพไม่ใช่เมธารักษ์ เพราะงั้นเลยไม่แปลก(แต่น่าเจ็บใจ...แม่นะแม่)ที่ขวัญใจของบ้านดำริอัศวโชติรวมไปถึงร้านอริศราเฟลาเวอร์จะกลายเป็นของเมธารักษ์โดยสมบูรณ์
ตั้งแต่ได้พบเจอกับมีน เขารู้สึกว่า ตัวเองจะสะกดคำว่าเสียศูนย์เก่งพอ ๆ กับเสียเชิงชายที่เพิ่งสะกดได้เมื่อหลายชั่วโมงก่อนหน้า...
...แจ่มชัดในทุกอณูของตัวอักษรไทยไปถึงรากต้นกำเนิดกันเลยทีเดียว...
“ตฤณ...ไปเอาน้ำส้มมาให้น้องเค้าหน่อยสิ” จากสูงสุดสู่สามัญ...เมื่อเจ้าชายพลัดตกบัลลังก์กลายมาเป็นเบ๊เฉพาะกิจให้คุณแม่ได้จิกใช้เพื่อคุณลูกคนใหม่
“พี่ตฤณครับ” เสียงหนูมีนของแม่ที่เรียกชื่อเขาไว้อ่อนหวานเสียจนน่าสงสัย
“ครับ?” ...ต้องพูดดีเป็นศรีแก่ปาก เพราะคุณอริศราจ้องลูกชายตาเขม็ง
“ยกมาสามแก้วดีกว่าครับจะได้ดื่มด้วยกัน”
...นั่นปะไรล่ะ เด็ดยิ่งกว่าได้เลขวัดดังซะอีก...
“หนูมีนนี่น่ารักจริง ๆ เลย มีใจห่วงแม่กับพี่ตฤณอีก...รีบไปยกมาเร็ว ๆ สิยะเจ้าลูกชาย แม่แช่ไว้อยู่ในตู้เย็นน่ะ”
ตฤณมองแม่ที่ตกหลุมคนน่ารักเข้าจังเบ้อเร่อ...เขาเองก็คงเกือบจะเห็นด้วยถ้าไม่เพราะรู้ทันเจ้าของรอยยิ้มที่กำลังแสยะมาให้เบ๊อย่างเขาอย่างสะใจ อ่านะ..ยกมาสามแก้วจะได้ดื่มด้วยกัน...ถ้างั้นไปช่วยพี่ยกมาดีกว่ามั้ยครับคุณหนูมีนผู้แสนจะโอบอ้อมอารี
...ฮึ่ย!!!...
@@@
“ขอบใจที่มาส่ง”
เสียงทุ้มแสดงความขอบคุณอย่างเสียไม่ได้ของร่างสูงที่ยืนกอดอกพิงรั้วสีขาวเตี้ย ๆ ทำให้มีนอดหันไปโต้ตอบอย่างคนมีน้ำใจไม่ได้เช่นกัน
“คิดว่า ทำทานน่ะ”
“นายนี่มัน...กวนประสาทชัด ๆ ” ใบหน้าของเจ้าชายอันดับหนึ่งแสดงความหงุดหงิดเมื่อได้ยินคำตอบของเขาแล้วก็เงียบไป หากแต่ก่อนที่เขาจะชักเท้าหนีคนตรงหน้าออกไปโบกรถแท็กซี่กลับบ้าน น้ำเสียงทุ้มที่แฝงด้วยอะไรบางอย่างที่มีนไม่แน่ใจก็ดึงให้ต้องหันหน้ากลับมา
“ได้ข่าวว่าไม่ได้นอนมาหลายวัน...”
“แล้วไง?” คิ้วเรียวสวยเลิกขึ้น แต่ก็ไม่ได้แปลกใจมากไปกว่าการที่คนตรงหน้าหยิบยกประโยคนี้ขึ้นมาพูดกับเขาเพราะต้นตอของข้อมูลคงไม่พ้นแม่น้องสาวฝาแฝดตัวดี แต่ว่า...
...จะพูดทำไม...
“น้องนายเค้าเป็นห่วงนายมาก เรื่องงานโรงเรียนอาทิตย์หน้าฉันช่วยพูดกับอาจารย์ให้มั้ยล่ะ”
ความช่วยเหลือที่มาจากคนไม่ชอบหน้าทำให้มีนรู้สึกแปลก ๆ ในความคิดของเขามันบอกได้คำเดียวว่า หมอนี่ต้องเพี้ยนไปแล้ว หรือถ้าไม่เพี้ยน...เจ้าตัวคงมีแผนสูงมาแบบเหนือเมฆเพื่อแก้แค้นเขา
“ไม่จำเป็น” มีนตอบสวนกลับไปโดยไม่เสียเวลาคิด
ความรู้สึกที่เขาสัมผัสได้เหมือนจะบอกว่า คนตรงหน้าไม่เหมือนเดิม...ไม่เหมือนเดิมทั้งสายตา น้ำเสียง และความรู้สึก ประสบการณ์ที่มีนได้จากการเป็นผู้กำกับเวทีมาหลายครั้งไม่ได้ช่วยให้อ่านคนตรงหน้าออกเลยสักนิด
...อ่านไม่ออก...
...หรือเป็นเพราะ...เขาไม่อยากอ่านเอง...
“เลิกมายุ่งกับฉันได้แล้ว...ฉันไม่ชอบขี้หน้านาย และหวังว่านายเองคงจะฉลาดพอที่จะสะกดแล้วก็เข้าใจความหมายมัน”
มีนตอบปัดบรรยากาศที่ไม่น่าไว้วางใจในความรู้สึกให้ออกห่าง แน่นอนว่าคำพูดทุกคำเขาหมายความตามนั้น...เมื่อไม่ชอบอะไรก็อยู่ห่าง ๆ มันไว้จะดีกว่า แต่ดูเหมือนว่าร่างสูงตรงหน้าจะโง่เกินความคาดหมาย สายตายียวนกวนประสาทที่เขาเกลียดนักถึงได้ดูดุดันให้ความรู้สึกสั่นไหวในใจอย่างประหลาด
...กลัว?...งั้นเหรอ?...
“เผอิญฉันไม่ได้เป็นนักเรียนดีเด่นแบบใครบางคนซะด้วยสิ” ว่าแล้วไหมล่ะ...โง่เกินความคาดหมาย
“นายจะพูดอะไร นั่นก็เป็นเรื่องของนายไม่เกี่ยวกับฉัน” มีนกดเสียงพูดให้เย็นกว่าเก่า “ขอเตือนไว้ว่าความอดทนของเมธารักษ์ต่ำกว่าที่นายคิดเยอะ อย่าล้ำเส้นให้ฉันต้องหันอีกด้านโดยไม่จำเป็น”
อีกด้าน...ที่เขาอุปโลกน์ขึ้นมาเฉย ๆ เพื่อหวังขู่ให้ใครก็ตามที่มายุ่งกับเขาได้ถอยร่นกลับไป แน่ล่ะว่า...มันเคยได้ผล ทั้งสีหน้า แววตา และน้ำเสียงที่เย็นชาน่ากลัวบ่งบอกยี่ห้อเมธารักษ์ได้เป็นอย่างดี แต่ทว่า...
...มันไม่ได้ผลกับรองประธานนักเรียนที่ชื่อ ตฤณภพ...ที่ดูจะรู้เท่าทันกันอย่างกับปีศาจ...
...หมอนี่มันปีศาจชัด ๆ ...
“นายจะบอกให้ฉันเข้าทางด้านหลังนายใช่มั้ย” ใบหน้าคมที่อยู่ห่างออกไปยื่นเข้ามาชิดห่างไปไม่ถึงคืบ ริมฝีปากหยักยกยิ้มกว้างอย่างขำ ๆ “ชักอยากจะให้นายหันอีกด้านมาไว ๆ แล้วสิ”
...อะ...ไอ้!...
ภาษาชนเผ่าไหนก็ไม่สามารถยกมาบรรยายความหน้าด้านหน้าทนของคนตรงหน้าได้เลยสักนิด ริมฝีปากบางเม้มแน่นอย่างเสียรู้ตฤณจนหาคำด่ากลับไม่ทัน ทำให้ได้แต่สั่นไปทั้งตัวด้วยความแค้นใจ
“อย่ากลัวไปเลยนะครับ พี่สัญญาว่า จะทำเบา ๆ ไม่ให้น้องมีนรู้สึกเจ็บ”
มือหนาที่ลูบแผ่นหลังขึ้นลงอย่างเบา ๆ ราวกับจะปลอบให้อาการสั่นหายไปทำเอามีนอ้าปากค้าง ยิ่งรวมกับไอ้คำพูดที่บอกว่า จะทำเบา ๆ ไม่ให้เขาเจ็บนี่อีก อะ...ไอ้....
...โอ้ย! ไม่รู้จะด่าไอ้คนตรงหน้านี่ว่าอะไรดีโว้ย!!!...
แต่ก่อนที่เขาจะเลือกสรรคำด่าที่เหมาะสมได้ ไอ้รองประธานฯเฮงซวยที่เฮงซวยสำหรับเขามาตั้งแต่ต้นก็ขยับเข้ามาประชิดแนบสนิทแบบไม่ทันให้รู้ตัว สองแขนแข็งแรงตามแบบนักกีฬาออกแรงกอดรัดรั้งตัวเขาอย่างสบาย ๆ จนเขาไม่สามารถจะดันหรือผลักออกไปได้อย่างทุกที
“ปล่อย!”
มีนออกคำสั่งเสียงดังพลางดิ้นรนหนักเมื่อใบหน้าคมโน้มเข้ามาอย่างหวังแกล้งให้ได้อาย ซึ่งก็คงจะสมใจอีกฝ่ายเมื่อใบหน้าขาวร้อนผ่าวปรากฏชมพูระเรื่ออยู่จาง ๆ ด้วยความสูงที่ไล่เลี่ยกันโดยที่เขาเป็นรองอยู่เพียงนิดไม่อาจทำให้ก้มหน้าหลบสายตาที่ส่งผ่านความรู้สึกบางอย่างออกมาได้
...ไม่อยากอ่าน...
ผลั่ก!!! ไวเท่าความคิด...ที่ไม่ใช่มือ แต่เป็นเท้าของคนที่ได้ฉายาลับ ๆ ว่า เทพธิดาตีนหนักก็พลันสำเร็จโทษปีศาจจอมลวนลามให้กระเด็นออกห่าง
“ไอ้โรคจิต!” หลังจากคลำหาเสียงของตัวเองมานาน มีนก็สามารถเปิดปากด่าคนตรงหน้าได้สมใจ “ไอ้วิปริต...ไอ้ปีศาจลามก ไอ้ปีศาจจอมลวนลาม ไอ้....ไอ้...”
คนที่เพิ่งได้ชื่อใหม่ที่ฟังยังไงก็ไม่ใช่เจ้าชายหัวเราะออกมากับคำด่าที่เขาหยิบยกขึ้นมาประเคนให้ ใบหน้าหล่อเหลายังคงประดับรอยยิ้มกว้างส่งมาให้จนเขาอยากจะเดินหนีกลับบ้านให้รู้แล้วรู้รอดถ้าไม่ติดว่า ไอ้ปลาหมึกผสมตีนตุ๊กแกที่เขายังไม่ทันได้ประเคนต่อยังคงจับมือทั้งสองข้างของเขาไว้อย่างเหนียวแน่น
...ขนาดโดนเขาถีบออกไปไกล แต่มันยังไวระดับเทพเข้ามาคว้าข้อมือเขาได้หน้าตาเฉย แล้วอย่างนี้จะหาคำไหนมาด่ามันดีล่ะเนี่ย...
หัวสมองที่เคยประมวลแต่เลขคำนวณและภาษาพยายามค้นหาทฤษฎีบททางวิทยาศาสตร์ว่าด้วยกฏของแรงข้อไหนก็ได้ที่จะทำให้มากพอที่จะดันแรงเสียดทานที่ต้านแรงดึงและแรงผลักของเขาเสียเหลือเกินให้ออกไป
นี่เขาพลาดตั้งแต่ตั้งตัวแปร หรือพลาดตั้งแต่จับภาษามาแต่งประโยคอุปโลกน์เมื่อครู่
...จะเซอร์ไอแซค นิวตันหรือคุณหลวง พระยาที่ไหนก็ได้ มาช่วยเขาให้ออกไปพ้น ๆ จากไอ้บ้านี่สักที...
TO BE CONTINUE >>
***มาอัพแล้วเน้อพี่น้องมิตรรักแฟนขิมทั้งหลาย 55+
(แอบหายไปโต๋เต๋หลายวัน อิอิ) ขอบคุณคอมเมนต์ที่ส่งมาให้นะคะ
ตอนนี้ขิมกำลังซุ่มตอบอยู่ (เอ๊ะ! ทำไมต้องซุ่ม) จะพยายามตอบให้
หมดค่า คงจะต่อจากที่เคยได้ตอบค้างไว้นั่นแหล่ะค่ะ
ขอบคุณที่ยังติดตามเรื่องนี้กันอยู่นะคะ เดี๋ยวช่วงค่ำคืนดึกดื่นสักนิด
ขิมจะมาอัพอีกตอนให้เข้ากับบรรยาศเนื้อเรื่องค่า ^^
ความคิดเห็น