ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Sweet heart...แบบว่ารักไม่ได้ตั้งใจ (yaoi)

    ลำดับตอนที่ #14 : ตอนที่ 13

    • อัปเดตล่าสุด 23 ก.ย. 51












                “อยู่ทานขนมด้วยกันก่อนนะจ้ะ”


                “ขอบคุณครับ  ไม่เป็นไรครับ”


                ตฤณนั่งมองแม่ของตัวเองที่กำลังยื้อลูกชายคนโปรด(ที่เพิ่งแต่งตั้งสถาปนาให้เป็นเมื่อสองสามนาทีก่อน) ให้อยู่ต่อด้วยกันอย่างอดหมั่นไส้ขึ้นมาไม่ได้


              ...เก่า ๆ มันเป็นสนิม  ใหม่ ๆ หน้าตาจุ๋มจิ๋ม...เฮอะ!  ถ้าใครไม่เคยเห็นคนหล่อตกกระป๋องก็มาดูได้แถวนี้  แบบว่า..หน้าตาดีสุด ๆ ชิ!!...


                หลังจากที่เขาและสองแฝดถึงร้านขายยาปภาณว่องวานิช  คุณน้าผู้หญิงก็บงการให้มีนช่วยขับรถของเขาที่ขอฝากจอดไว้หน้าร้านคุณลูกค้าคนสุดท้ายมาส่งเขาให้ถึงบ้านโดยไม่ได้ดูหน้าลูกชายของตัวเองเลยว่า เต็มใจจะเป็นฆาตกรแค่ไหนเมื่อได้ยินชื่อเหยื่อ(!?)ผ่านค้อน ทั่งและโกลน กระทบส่วนประสาทรับรู้  และแน่นอนว่า คนรับคำสั่งก็ทำหน้าที่ได้อย่างไม่มีผิดพลาดโดยการขับรถพาเขาซิ่งผ่ามฤตยู...ผ่ากฏจราจรที่รัฐออกบทบัญญัติ...ผ่าชุมชนเด็กแว้นท์และสก๊อยท์เกิร์ล...และผ่าอะไรต่อมิอะไรที่เจ้าตัวพึงพอใจจะผ่าได้  ไม่เว้นแม้แต่ดงหมาดุที่เขาเห็นลิบ ๆ ทางหางตาด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย


                ...สาบานได้ว่า ถึงคราวหน้าเขาจะป่วยจนมีอาการโคม่าลุกไม่ได้ขนาดไหน  เขาก็จะไม่มีวันให้คนตรงหน้าได้แตะพวงมาลัยรถอีกเป็นอันขาด


                ย่นย่อระยะเวลาในการเดินทางไปถึงบ้านเขาจากครึ่งชั่วโมงไวเสียอย่างกับครึ่งนาที...นี่ถ้าเปลี่ยนเป็นแข่งบนสนามแรซซิ่ง  กระพริบตาเดียวคงได้เห็นชื่อมีน เมธารักษ์ติดแถบบนของสกอร์บอร์ด


              ...เด็กอะไร  เร้าใจได้ทุกโมงยามจริง ๆ พับผ่าสิ!!...


                แต่ว่านั่นไม่ใช่ประเด็น...ประเด็นจริง ๆ ตอนนี้มันอยู่ที่แม่ของเขาดันถูกใจใบหน้าหวาน ๆ กับร่างบาง ๆ เข้าเสียจนเกาะหนูมีนของแม่หนึบ  ไม่ยอมปล่อยให้ลูกเขาได้กลับบ้านกลับช่องไปหาพ่อแม่เนี่ยสิ


                “งั้นดื่มน้ำก่อนไปสักแก้วนะจ้ะหนูมีน  แม่มีน้ำส้มเย็นเจี๊ยบชื่นใจอยู่ในตู้เย็นแหน่ะ”


                “เอ่อ...แต่ว่า...” ใบหน้าหวานชวนมองชักปั้นยาก  ไหล่บางสองข้างถูกคุณแม่(ที่เพิ่งสถาปนาตัวเองขึ้นหมาด ๆ เช่นกัน)จับไว้แน่นไม่ยอมปล่อย


                “ฉลองศรัทธาคุณแม่ดีเด่นแห่งปีเถอะครับน้องมีน  คุณอริศราจะได้ดีใจ...โอ้ย!!” ตฤณร้องเสียงหลงเมื่อคุณอริศรา เจ้าของรางวัลแม่ดีเด่นหยิกหมับเข้าให้ที่แขนด้วยรู้ดีว่าเจ้าลูกชายกำลังประชดเธออยู่  “โธ่..แม่ก็...หยิกผมทำไมเนี่ย”


                “ก็หยิกให้เจ็บนะซียะเจ้าลูกชาย” คุณอริศรายังใจดีเคาะมะเหงกใส่เจิมลงไปให้ “มาล้อแม่อย่างนี้ใช้ได้ที่ไหน  หนูมีนอย่าเอาอย่างพี่เขานะลูก”


                ว่าจบก็หันไปลูบหัวปลอบประโลมหนูมีนของแม่อีกครั้งหนึ่ง


                ...เห็นแล้วใช่มั้ยล่ะว่า เก่า ๆ มันเป็นสนิม  ใหม่ ๆ หน้าตาจุ๋มจิ๋ม  หมั่นไส้!...


                ดวงตากลมโตของคนหน้าตาจุ๋มจิ๋มมองมาที่เขาอย่างเย้ย ๆ ราวกับจะบอกว่าทีใครทีมัน  แน่ล่ะครับ...ในเมื่อขวัญใจของบ้านปภาณว่องวานิชกลายเป็นตฤณภพไม่ใช่เมธารักษ์  เพราะงั้นเลยไม่แปลก(แต่น่าเจ็บใจ...แม่นะแม่)ที่ขวัญใจของบ้านดำริอัศวโชติรวมไปถึงร้านอริศราเฟลาเวอร์จะกลายเป็นของเมธารักษ์โดยสมบูรณ์  


    ตั้งแต่ได้พบเจอกับมีน  เขารู้สึกว่า ตัวเองจะสะกดคำว่าเสียศูนย์เก่งพอ ๆ กับเสียเชิงชายที่เพิ่งสะกดได้เมื่อหลายชั่วโมงก่อนหน้า...


    ...แจ่มชัดในทุกอณูของตัวอักษรไทยไปถึงรากต้นกำเนิดกันเลยทีเดียว...


    “ตฤณ...ไปเอาน้ำส้มมาให้น้องเค้าหน่อยสิ” จากสูงสุดสู่สามัญ...เมื่อเจ้าชายพลัดตกบัลลังก์กลายมาเป็นเบ๊เฉพาะกิจให้คุณแม่ได้จิกใช้เพื่อคุณลูกคนใหม่


    “พี่ตฤณครับ” เสียงหนูมีนของแม่ที่เรียกชื่อเขาไว้อ่อนหวานเสียจนน่าสงสัย  


    “ครับ?” ...ต้องพูดดีเป็นศรีแก่ปาก เพราะคุณอริศราจ้องลูกชายตาเขม็ง


    “ยกมาสามแก้วดีกว่าครับจะได้ดื่มด้วยกัน”


    ...นั่นปะไรล่ะ  เด็ดยิ่งกว่าได้เลขวัดดังซะอีก...


    “หนูมีนนี่น่ารักจริง ๆ เลย  มีใจห่วงแม่กับพี่ตฤณอีก...รีบไปยกมาเร็ว ๆ สิยะเจ้าลูกชาย  แม่แช่ไว้อยู่ในตู้เย็นน่ะ”


    ตฤณมองแม่ที่ตกหลุมคนน่ารักเข้าจังเบ้อเร่อ...เขาเองก็คงเกือบจะเห็นด้วยถ้าไม่เพราะรู้ทันเจ้าของรอยยิ้มที่กำลังแสยะมาให้เบ๊อย่างเขาอย่างสะใจ  อ่านะ..ยกมาสามแก้วจะได้ดื่มด้วยกัน...ถ้างั้นไปช่วยพี่ยกมาดีกว่ามั้ยครับคุณหนูมีนผู้แสนจะโอบอ้อมอารี


    ...ฮึ่ย!!!...


     

    @@@


     

    “ขอบใจที่มาส่ง” 


    เสียงทุ้มแสดงความขอบคุณอย่างเสียไม่ได้ของร่างสูงที่ยืนกอดอกพิงรั้วสีขาวเตี้ย ๆ ทำให้มีนอดหันไปโต้ตอบอย่างคนมีน้ำใจไม่ได้เช่นกัน


    “คิดว่า ทำทานน่ะ”


    “นายนี่มัน...กวนประสาทชัด ๆ ” ใบหน้าของเจ้าชายอันดับหนึ่งแสดงความหงุดหงิดเมื่อได้ยินคำตอบของเขาแล้วก็เงียบไป  หากแต่ก่อนที่เขาจะชักเท้าหนีคนตรงหน้าออกไปโบกรถแท็กซี่กลับบ้าน  น้ำเสียงทุ้มที่แฝงด้วยอะไรบางอย่างที่มีนไม่แน่ใจก็ดึงให้ต้องหันหน้ากลับมา


    “ได้ข่าวว่าไม่ได้นอนมาหลายวัน...”


    “แล้วไง?” คิ้วเรียวสวยเลิกขึ้น  แต่ก็ไม่ได้แปลกใจมากไปกว่าการที่คนตรงหน้าหยิบยกประโยคนี้ขึ้นมาพูดกับเขาเพราะต้นตอของข้อมูลคงไม่พ้นแม่น้องสาวฝาแฝดตัวดี  แต่ว่า...


    ...จะพูดทำไม...


    “น้องนายเค้าเป็นห่วงนายมาก  เรื่องงานโรงเรียนอาทิตย์หน้าฉันช่วยพูดกับอาจารย์ให้มั้ยล่ะ”


    ความช่วยเหลือที่มาจากคนไม่ชอบหน้าทำให้มีนรู้สึกแปลก ๆ ในความคิดของเขามันบอกได้คำเดียวว่า หมอนี่ต้องเพี้ยนไปแล้ว หรือถ้าไม่เพี้ยน...เจ้าตัวคงมีแผนสูงมาแบบเหนือเมฆเพื่อแก้แค้นเขา


    “ไม่จำเป็น” มีนตอบสวนกลับไปโดยไม่เสียเวลาคิด


    ความรู้สึกที่เขาสัมผัสได้เหมือนจะบอกว่า คนตรงหน้าไม่เหมือนเดิม...ไม่เหมือนเดิมทั้งสายตา  น้ำเสียง และความรู้สึก  ประสบการณ์ที่มีนได้จากการเป็นผู้กำกับเวทีมาหลายครั้งไม่ได้ช่วยให้อ่านคนตรงหน้าออกเลยสักนิด


    ...อ่านไม่ออก...


    ...หรือเป็นเพราะ...เขาไม่อยากอ่านเอง...


    “เลิกมายุ่งกับฉันได้แล้ว...ฉันไม่ชอบขี้หน้านาย  และหวังว่านายเองคงจะฉลาดพอที่จะสะกดแล้วก็เข้าใจความหมายมัน” 


    มีนตอบปัดบรรยากาศที่ไม่น่าไว้วางใจในความรู้สึกให้ออกห่าง  แน่นอนว่าคำพูดทุกคำเขาหมายความตามนั้น...เมื่อไม่ชอบอะไรก็อยู่ห่าง ๆ มันไว้จะดีกว่า  แต่ดูเหมือนว่าร่างสูงตรงหน้าจะโง่เกินความคาดหมาย  สายตายียวนกวนประสาทที่เขาเกลียดนักถึงได้ดูดุดันให้ความรู้สึกสั่นไหวในใจอย่างประหลาด


    ...กลัว?...งั้นเหรอ?...


    “เผอิญฉันไม่ได้เป็นนักเรียนดีเด่นแบบใครบางคนซะด้วยสิ”  ว่าแล้วไหมล่ะ...โง่เกินความคาดหมาย


    “นายจะพูดอะไร  นั่นก็เป็นเรื่องของนายไม่เกี่ยวกับฉัน” มีนกดเสียงพูดให้เย็นกว่าเก่า “ขอเตือนไว้ว่าความอดทนของเมธารักษ์ต่ำกว่าที่นายคิดเยอะ  อย่าล้ำเส้นให้ฉันต้องหันอีกด้านโดยไม่จำเป็น”


    อีกด้าน...ที่เขาอุปโลกน์ขึ้นมาเฉย ๆ เพื่อหวังขู่ให้ใครก็ตามที่มายุ่งกับเขาได้ถอยร่นกลับไป  แน่ล่ะว่า...มันเคยได้ผล  ทั้งสีหน้า แววตา และน้ำเสียงที่เย็นชาน่ากลัวบ่งบอกยี่ห้อเมธารักษ์ได้เป็นอย่างดี  แต่ทว่า...


    ...มันไม่ได้ผลกับรองประธานนักเรียนที่ชื่อ ตฤณภพ...ที่ดูจะรู้เท่าทันกันอย่างกับปีศาจ...


    ...หมอนี่มันปีศาจชัด ๆ ...


    “นายจะบอกให้ฉันเข้าทางด้านหลังนายใช่มั้ย” ใบหน้าคมที่อยู่ห่างออกไปยื่นเข้ามาชิดห่างไปไม่ถึงคืบ  ริมฝีปากหยักยกยิ้มกว้างอย่างขำ ๆ “ชักอยากจะให้นายหันอีกด้านมาไว ๆ แล้วสิ” 


    ...อะ...ไอ้!...


    ภาษาชนเผ่าไหนก็ไม่สามารถยกมาบรรยายความหน้าด้านหน้าทนของคนตรงหน้าได้เลยสักนิด  ริมฝีปากบางเม้มแน่นอย่างเสียรู้ตฤณจนหาคำด่ากลับไม่ทัน  ทำให้ได้แต่สั่นไปทั้งตัวด้วยความแค้นใจ


    “อย่ากลัวไปเลยนะครับ  พี่สัญญาว่า จะทำเบา ๆ ไม่ให้น้องมีนรู้สึกเจ็บ”


    มือหนาที่ลูบแผ่นหลังขึ้นลงอย่างเบา ๆ ราวกับจะปลอบให้อาการสั่นหายไปทำเอามีนอ้าปากค้าง  ยิ่งรวมกับไอ้คำพูดที่บอกว่า จะทำเบา ๆ ไม่ให้เขาเจ็บนี่อีก  อะ...ไอ้....


    ...โอ้ย!  ไม่รู้จะด่าไอ้คนตรงหน้านี่ว่าอะไรดีโว้ย!!!...


    แต่ก่อนที่เขาจะเลือกสรรคำด่าที่เหมาะสมได้  ไอ้รองประธานฯเฮงซวยที่เฮงซวยสำหรับเขามาตั้งแต่ต้นก็ขยับเข้ามาประชิดแนบสนิทแบบไม่ทันให้รู้ตัว  สองแขนแข็งแรงตามแบบนักกีฬาออกแรงกอดรัดรั้งตัวเขาอย่างสบาย ๆ จนเขาไม่สามารถจะดันหรือผลักออกไปได้อย่างทุกที


    “ปล่อย!” 


    มีนออกคำสั่งเสียงดังพลางดิ้นรนหนักเมื่อใบหน้าคมโน้มเข้ามาอย่างหวังแกล้งให้ได้อาย  ซึ่งก็คงจะสมใจอีกฝ่ายเมื่อใบหน้าขาวร้อนผ่าวปรากฏชมพูระเรื่ออยู่จาง ๆ  ด้วยความสูงที่ไล่เลี่ยกันโดยที่เขาเป็นรองอยู่เพียงนิดไม่อาจทำให้ก้มหน้าหลบสายตาที่ส่งผ่านความรู้สึกบางอย่างออกมาได้


    ...ไม่อยากอ่าน...


    ผลั่ก!!!  ไวเท่าความคิด...ที่ไม่ใช่มือ  แต่เป็นเท้าของคนที่ได้ฉายาลับ ๆ ว่า เทพธิดาตีนหนักก็พลันสำเร็จโทษปีศาจจอมลวนลามให้กระเด็นออกห่าง


    “ไอ้โรคจิต!” หลังจากคลำหาเสียงของตัวเองมานาน  มีนก็สามารถเปิดปากด่าคนตรงหน้าได้สมใจ “ไอ้วิปริต...ไอ้ปีศาจลามก  ไอ้ปีศาจจอมลวนลาม  ไอ้....ไอ้...”


    คนที่เพิ่งได้ชื่อใหม่ที่ฟังยังไงก็ไม่ใช่เจ้าชายหัวเราะออกมากับคำด่าที่เขาหยิบยกขึ้นมาประเคนให้  ใบหน้าหล่อเหลายังคงประดับรอยยิ้มกว้างส่งมาให้จนเขาอยากจะเดินหนีกลับบ้านให้รู้แล้วรู้รอดถ้าไม่ติดว่า ไอ้ปลาหมึกผสมตีนตุ๊กแกที่เขายังไม่ทันได้ประเคนต่อยังคงจับมือทั้งสองข้างของเขาไว้อย่างเหนียวแน่น


    ...ขนาดโดนเขาถีบออกไปไกล  แต่มันยังไวระดับเทพเข้ามาคว้าข้อมือเขาได้หน้าตาเฉย  แล้วอย่างนี้จะหาคำไหนมาด่ามันดีล่ะเนี่ย...


    หัวสมองที่เคยประมวลแต่เลขคำนวณและภาษาพยายามค้นหาทฤษฎีบททางวิทยาศาสตร์ว่าด้วยกฏของแรงข้อไหนก็ได้ที่จะทำให้มากพอที่จะดันแรงเสียดทานที่ต้านแรงดึงและแรงผลักของเขาเสียเหลือเกินให้ออกไป


    นี่เขาพลาดตั้งแต่ตั้งตัวแปร  หรือพลาดตั้งแต่จับภาษามาแต่งประโยคอุปโลกน์เมื่อครู่


    ...จะเซอร์ไอแซค นิวตันหรือคุณหลวง พระยาที่ไหนก็ได้  มาช่วยเขาให้ออกไปพ้น ๆ จากไอ้บ้านี่สักที...

     



    TO BE CONTINUE >>



    ***มาอัพแล้วเน้อพี่น้องมิตรรักแฟนขิมทั้งหลาย 55+
          (แอบหายไปโต๋เต๋หลายวัน อิอิ) ขอบคุณคอมเมนต์ที่ส่งมาให้นะคะ
          ตอนนี้ขิมกำลังซุ่มตอบอยู่ (เอ๊ะ! ทำไมต้องซุ่ม) จะพยายามตอบให้
          หมดค่า  คงจะต่อจากที่เคยได้ตอบค้างไว้นั่นแหล่ะค่ะ
          ขอบคุณที่ยังติดตามเรื่องนี้กันอยู่นะคะ  เดี๋ยวช่วงค่ำคืนดึกดื่นสักนิด
          ขิมจะมาอัพอีกตอนให้เข้ากับบรรยาศเนื้อเรื่องค่า ^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×