คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1
“เฮ้ย!”
พลั่ก!!!
“ฉันบอกนายแล้ว” โต้งหันมาบอกเพื่อนรักด้วยน้ำเสียงเนือย ๆ พร้อมกับส่งสายตาประมาณว่า...แกไม่เชื่อที่ฉันพูดเอง
ดวงตากลมโตสีดำสนิทจ้องมองมายังคนชื่อโต้งและชายหนุ่มร่างสูงอีกคนที่เพิ่งผลักร่างของเขาให้ล้มลงไปกับพื้นเย็นจัดอย่างไม่พอใจ ริมฝีปากบางชมพูสวยเม้มเข้าหากันนิด ๆ อย่างกรุ่นโกรธ ก่อนจะเอาสองมือยันพื้นให้ลุกขึ้นแล้วยกฝ่าเท้าน้อย ๆ ขึ้นมาประเคนตัวต้นเหตุของเรื่องกลับทันใด
โครม!!! เพล้ง!!! เคร้ง!!! ตูม!!!
“...อาเมน”
เป็นเสียงของโต้งอีกครั้งที่เอ่ยไว้อาลัยให้แก่เพื่อนรักและทรัพย์สินต่าง ๆ ในห้องคณะกรรมการนักเรียนเมื่อมองเห็นสภาพดูไม่จืดทั้งคนและสิ่งของ โต๊ะไม้ตัวหนาล้มคว่ำอย่างไม่เป็นท่าโดยมีร่างของซากอะไรสักอย่างที่คาดว่าจะเป็นเพื่อนของเขาถูกทาบทับด้วยกองแฟ้มเอกสารจำนวนมากอยู่
“อย่ามายุ่งกับฉันอีก...จำเอาไว้!”
เจ้าของฝ่าเท้าประกาศลั่นอย่างโมโหสุดขีด ก่อนจะหันหลังย่ำเท้าตึงตังเสียงดังออกไปจากห้องคณะกรรมการนักเรียน
...เท้าหนักจริง ๆ พ่อคุณ...
โต้งมองตามร่างสูงโปร่งที่สูงไล่เลี่ยกับพวกเขาอย่างให้ความเห็น เคยได้ยินแต่กิตติศัพท์มาเสียนานก็เพิ่งมาประจักษ์กับตาตัวเองนี่แหละว่า คนที่เดินจากไปแรงเท้าผิดมนุษย์มนาจริง ๆ สมแล้วที่ได้ฉายาลับ ๆ ว่า เทพธิดา ตี-น หนัก
“จะให้จองศาลาไหนวะ”
โต้งหันไปถามเพื่อนรักที่ทำหน้าเหยเกอย่างเจ็บปวดพลางลุกขึ้นมาอย่างทุลักทุเล
“ยังไม่ตายโว้ย” ตฤณแยกเขี้ยวใส่โต้ง “แล้วจะยืนอยู่ตรงนั้นอีกนานไหมวะไอ้ท่านประธาน น้ำใจอ่ะ...มีมั๊ย”
“คร้าบ ๆ ทราบแล้วครับไอ้ท่านรอง”
โต้งส่ายหน้าให้กับตฤณที่นั่งหน้าบูดผูกใจเจ็บให้กับร่างสูงโปร่งที่ยันเจ้าตัวเสียกระเด็นหมดมาดท่านรองประธานนักเรียนผู้สง่างาม งานนี้จะโทษคนถีบก็ไม่ได้ในเมื่อเพื่อนรักของเขาดันโง่ไม่ถูกที่ถูกทางจับตัวมาผิดคนเอาซะเฉย ๆ แถมจะจับมาก็ไม่จับมาดี ๆ เหมือนชาวบ้านชาวช่องเขา ท่านรองประธานฯตฤณเล่นอุ้มเทพธิดาตีนหนักต่อสายตาคนทั้งโรงเรียนพร้อมทั้งหอมแก้มขู่
...แค่ถีบเดียวมันคงจะน้อยไป
“คนอะไรตัวก็เล็กแต่แรงเยอะชะมัดเลย” ตฤณนอนแผ่หรากับโซฟานุ่มที่มุมพักผ่อน มือข้างหนึ่งกุมท้องที่ยังคงจุกไม่หายเพราะแรงเท้าของใครบางคน
“ก็นายเนี่ยน้า...ดันทำอะไรไม่ดูตาม้าตาเรือเองนี่นา”
“ใครมันจะไปรู้เล่า แต่งตัวแบบนั้นฉันก็นึกว่าเป็นยัยนั่นสิ”
ตฤณเถียงข้าง ๆ คู ๆ ก็ใครจะรู้ว่า คนที่เขาจับตัวมาเป็นจะแฝดพี่ของคู่อริจอมแสบของเขา หน้าตาก็โขกกันมาเหมือนยังกับแกะ แถมเจ้าตัวยังอยู่ในชุดผู้หญิงอีกต่างหากถึงแม้จะไม่ใช่ชุดนักเรียนหญิงก็เหอะ แต่ใครเห็นต่างก็ต้องเข้าใจผิดเหมือนเขานั่นแหล่ะ
“เขาแยกออกกันทั้งโรงเรียน มีแต่แกคนเดียวเท่านั้นแหละที่แยกไม่ออก คนพี่กับคนน้องสูงเท่ากันซะที่ไหนเล่า แถมยังรังสีสังหารที่แผ่ออกมาอีก แกไม่รู้สึกรึไงตอนที่ตาหมอนั่นมองมาน่ะ...บรื๋อ” โต้งลูบแขนไปมาประกอบ
...ตอนที่ตาหมอนั่นมองมางั้นหรอ ดวงตากลมโตสีดำสนิท ใส...
“...น่ารัก” เสียงทุ้มที่เผลอหลุดออกมา ทำเอาโต้งตาโต
“ว่าไงนะ”
“น่า...น่า น่าเฉย ๆ ออก ไม่เห็นน่ากลัวตรงไหนเลย” ตฤณรีบบอกเมื่อรู้สึกตัวทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็รู้สึกมึนงงอยู่ไม่น้อยที่จู่ ๆ คำว่า น่ารักก็ผุดขึ้นมาในหัวสมอง...สงสัยพิษฝ่าเท้าจะแล่นเข้าสู่เส้นสมองจนความฉลาดกระเทือน
“อ้อ...เหรอ” โต้งทำน้ำเสียงไม่อยากจะเชื่อ แต่ก็ไม่คิดจะเซ้าซี้แหย่เล่นในเมื่อคู่กรณีของตฤณเป็นผู้ชาย
...เขายังไม่อยากจะชี้โพรงให้กระรอกมีพฤติกรรมเบี่ยงเบน...
“เออ!!”
“จริงหรอวะ ทำไมเมื่อกี้ฉันได้ยินใครพูดว่า น่า..น่ารัก อยู่เลยวะ”
อีกเสียงหนึ่งดังขึ้นจากประตูทางออกเรียกให้ทั้งโต้งและตฤณหันไปมอง แววตาคมเจ้าเล่ห์ไม่ผิดกันส่งสายตาล้อเลียนตฤณที่นอนพังพาบบนโซฟา แตม...เพื่อนสนิทอีกคนของตฤณนั่นเอง แตมเป็นหนึ่งในคณะกรรมการนักเรียนรับหน้าที่เป็นเหรัญญิก
“ใคร้...ใครพูด...ไหน ไม่เห็นจะมี” ตฤณแกล้งหันซ้ายหันขวา ใครจะไปยอมรับ ขืนคนอื่นมาได้ยินเข้าว่า เพลย์บอยอย่างเขาชมผู้ชายว่า น่ารัก ชีวิตนี้คงหมดกัน แล้วอีกอย่างเดี๋ยวจะเข้าใจผิดกันไปใหญ่ว่า เขาเป็นเกย์
แตมหันไปสบตากับโต้ง ก่อนจะหรี่ตามองเจ้าชายเพลย์บอยอันดับหนึ่งของโรงเรียน
“มองไรวะ” ตฤณจ้องแตมกลับตาขุ่น
“มองคนหอมแก้มผู้ชายว่ะ”
แตมแกล้งตอบกวนพลางกลั้วหัวเราะ ส่วนโต้งได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอา หากแต่ทั้งสองก็ต้องเลิกคิ้วอย่างแปลกใจเมื่อเห็นใบหน้าขาว ๆ ของเพื่อนรักมีสีแดงจาง ๆ ปรากฏเหมือนคนเขินอายอย่างไม่รู้ตัว
...เอาแล้วสิ เพื่อนตรู...
@@@
“คัท! ๆ ถ้าคิดจะแสดงอย่างนี้ก็ไม่ต้องแสดง กลับบ้านไปเลยดีกว่า”
เสียงหวานตวาดลั่นทั่วห้องซ้อมของชมรมการแสดงอย่างหงุดหงิดพร้อมกับปาม้วนบทละครที่อุตส่าห์บรรจงแต่งตอนปิดเทอมทิ้งลงกับพื้นเสียงดัง ดวงตากลมโตจ้องมองไปที่คู่พระนางที่ยืนตัวสั่นด้วยความกลัวอย่างไม่พอใจ สั่งให้ทำไอ้นู่นก็ไม่ได้ ไอ้นี่ก็ไม่ได้ แล้วยังจะคิดเอาเงินยัดใต้โต๊ะท่านผู้อำนวยการมาบงการให้เขารับพวกลูกคุณหนูทั้งหลายแหล่มาเข้าชมรมแสดงละครเวที
“ใจเย็น ๆ ไอ้มีน...หายใจลึก ๆ เข้าไว้”
ร้อนถึงผู้ช่วยผู้กำกับเวทีอย่างกวินต้องวิ่งรี่เข้ามากล่อมเพื่อนซี้ บทละครปึกหนาถูกโบกขึ้นลงต่างพัดเร็ว ๆ “ท่องไว้เว้ย หายใจออก...เพื่อชมรม หายใจเข้า...เพื่อชมรม”
ลมหายใจฟืดฟาดที่ดังค่อย ๆ เบาลงและสม่ำเสมอในที่สุด ร่างสูงโปร่งพยักหน้าเบา ๆ ให้กับกวินเป็นเชิงบอกว่า เขาสงบสติอารมณ์ได้แล้วทำให้กวินหายใจได้ทั่วท้อง ตอนแรกที่กวินเห็นตาโต ๆ ของเพื่อนรักวาววับก็แทบจะลมจับแล้ว แล้วนี่ถึงกับตะโกนลั่นขนาดนี้...ถ้าเจ้าตัวสงบสติอารมณ์ไม่ได้ บอกได้คำเดียวว่า
...ซวยฉิบหาย...
กวินเหลือบมองเสี้ยวหน้าหวานที่สวยเกินชายจนทำให้นักเรียนหญิงในโรงเรียนหลายต่อหลายคนพากันอิจฉาอย่างหวาด ๆ ปนไม่เข้าใจที่เห็นเพื่อนรักอารมณ์เสียง่ายผิดปกติ หรือว่า...มันจะเสียมาก่อนหน้านี้(!?)
ไวเท่าความคิด กวินหันไปถามมีนที่ก้มตัวลงไปหยิบขวดน้ำเย็นขึ้นมาดื่ม
“แกไปอารมณ์เสียที่ไหนมาวะไอ้มีน”
ขวับ! ผู้กำกับเวทีของโรงเรียนส่งสายตาขวาง ๆ มาให้แทนคำตอบจนคนถามรู้สึกอยากตบปากตัวเองเหลือทน
“มะ..ไม่อยากตอบ ก็...ก็ไม่ต้องตอบก็ได้ กวินไม่ถือ...”
“ดี งั้นก็หุบปากแกไว้ซะ” เสียงเย็น ๆ ตอบ ก่อนจะหันไปตะโกนให้สมาชิกชมรมได้ยินกันอย่างทั่วถึง “ให้เวลาพักสิบห้านาที แล้วข้ามไปซ้อมฉากที่สี่”
มีนพ่นลมหายใจพรืดอย่างหงุดหงิดสุดขีด ดวงตากลมโตสีดำฉายแววขุ่นมัวอย่างเห็นชัดจนเพื่อนร่วมชมรมพร้อมใจกันถอยกรูดและเว้นระยะห่างออกไปอย่างรู้ดี ความจริงเด็กหนุ่มเองก็ไม่ได้อยากจะเป็นอย่างนี้สักเท่าไหร่นักถ้าไม่ติดว่า ไอ้เหตุการณ์เมื่อเช้าที่เพิ่งผ่านมาสด ๆ ร้อน ๆ จะไม่ผุดขึ้นมาในสมองเขาให้เห็นภาพลอยไปมา
...ไอ้รองประธานนักเรียนเฮงซวย!...
“ไอ้มีนมันเป็นอะไรของมันวะกวิน” เจน สาวห้าวผู้รับหน้าที่เป็นการเงินของชมรมปรี่เข้ามาถามกวินด้วยความอยากรู้
“ไม่รู้เว้ย อยากรู้ก็ไปถามมันเองดิ”
คำตอบโบ้ยของกวินทำเอาเจนส่ายหน้าเป็นพัลวัน ก็แน่ล่ะ...ใครอยากจะไปหาเรื่องกับซาตานตอนอารมณ์เสีย
“แต่...ฉานนน...รู้”
“เฮ้ย!!!/ เฮ้ย!!!”
เสียงพูดยานคางแบบหลอน ๆ สอดแทรกขึ้นมาทำเอาวงสนทนาแตก
“จะ...ตกก...จาย...อา...รายย...นักก...หนา.....ฮ้า...”
ไอ้คุณหนิม หรือ น้องหนิมที่แล้วแต่ใครจะโปรดเรียกพูดออกมาช้า ๆ อย่างไม่สำนึกความผิด
“..ดู...ทามมม...หน้า...เข้า...สิ”
“ขอถีบสักทีให้หายยานเถอะวะ” เป็นไอ้เจนที่ส่งบาทาเข้ายันบั้นท้ายไอ้คุณหนิม “แมร่งนึกว่าผี โผล่มาได้”
“เจนนน...ทาม...ร้ายยย...เรา....ทามมมมม....มายยยยย...อ่า”
ดูเหมือนฤทธิ์เท้าของเจนจะทำให้ไอ้คุณหนิมเพิ่มประสิทธิภาพการพูดยานคางมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม
“เรา...ก้ออออ...แค่...จา...บอกกกก...ว่า....เมื่อออ...เช้า...มีนนนน...โดน....รุ่นนนพี่...หอมมม...แก้ม.....เท่า...น้านนนนนนนนน...เองงงงงง.....ง่า......”
“หอมแก้ม!!!”
แทบจะประสานเสียงเป็นวงออเคสตร้ากันทั้งชมรมเมื่อไอ้คุณหนิมผู้ยานคางได้โล่ปล่อยประโยคเด็ดเข้าให้
...และมันก็โคตรเด็ดจริง ๆ เมื่อเสียงเย็น ๆ แต่ไม่ยานดังมาจากข้างหลัง
“รู้สึกว่าจะว่างมากเลยใช่ไหม...หนิม เจน กวิน” มีนหันมาถามด้วยรอยยิ้มเล็ก ๆ แต่น่ากลัวในสายตาของคนถูกเรียก “ให้พักสิบห้านาทีคงจะว่างจนเบื่อกันสินะ”
เด็กหนุ่มถลึงตาดุ ๆ ใส่เพื่อนสนิทที่บัดนี้พากันนิ่งเงียบและสามัคคีชุมนุมกระจุกตัวอยู่มุม ๆ หนึ่งราวกับเห็นผีก็ไม่ปาน แถมยังก้าวถอยหลังให้ห่างจากเขาอย่างช้า ๆ...ช้า ๆ
...นึกว่าจะรู้ไม่ทันรึไง ว่าแล้วก็
หมับ!!!
“แง้ๆ อย่าทำอะไรเจนเลยนะมีน เจนยังไม่มีสามีเป็นตัวเป็นตน หาผู้ชายหล่อ ๆ หลอกเอาเงินมาเลี้ยงก็ไม่ได้ ให้โอกาสผู้หญิงคนนี้แสวงบุญก่อนนะจ้ะมีนจ๋า” เสียงของสาวห้าวร้องขอพร้อมกับยกมือไหว้เขาปลก ๆ ทำเอามีนอดจะที่ขำในใจไม่ได้
...เพิ่งรู้ว่าทอมอย่างเจนจะมีคำปฏิญาณและความฝันอันมุ่งมั่นขนาดนี้
“อย่า....ทาม....น้องงงง......หนิมมมมมม...ด้วยย...คน.......น้า....... เค้า....ผิดดดด....ไปปปป....แล้ววววว”
คิ้วเรียวสวยที่ขมวดมุ่นเข้าหากันผูกเป็นโบว์ยุ่งที่จอมยานคางแห่งปีพยายามแอ๊บแบ้วสุดชีพอย่างน่าสงสาร แล้วปรายตาไปยังเพื่อนอีกคนที่นิ่งเงียบผิดวิสัย ทั้ง ๆ ที่มันน่าจะร้องขอโทษเขาก่อนใคร
ไม่เข้าใจ?....
***ขอแก้เพิ่มเนื้อหานะคะ
ความคิดเห็น