Cepler -452 b - นิยาย Cepler -452 b : Dek-D.com - Writer
×

    Cepler -452 b

    ผู้เข้าชมรวม

    80

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    6

    ผู้เข้าชมรวม


    80

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    จำนวนตอน :  0 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  20 เม.ย. 59 / 18:17 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    เคยดูหนังไซไฟหรือแนวท่องไปในกาแลคซี่กันไหม??   เอาล่ะคงไม่ต้องยกตัวอย่าง star trek หรือ star war หรอกนะ เอาเป็นว่านิยายเรื่องนี้ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับโลกเรา ในวันที่ถึงวิกฤติสุดๆ และเราก็เดินทางค้นหาดาวดวงใหม่ พร็อพเรื่องอาจดูธรรมดาซ้ำๆ แต่เนื้อเรื่องของเราเนี่ย พีคมาก รองอ่านดูนิดนึงเพราะว่าเราเอาเนื้อเรื่องบางส่วนมาให้ลองอ่านกันดู บอกด้วยนะว่าสนใจอ่านต่อมั้ย  รออยู่ๆๆ   

    “พวกเขาบอกว่าหลังจากที่เราพบมัน เราจะมีชีวิตใหม่ การดำเนินชีวิตบนเส้นทางแห่งความหวังที่ไม่รู้จุดหมายปลายทาง ได้เริ่มขึ้นนานกว่า 1399ปี ผมใช้ชีวิตอยู่ในห้วงอวกาศโดยที่ไม่เคยเห็นทุ่งหญ้าเขียวขจี ที่คุณปู่เล่าให้ฟัง ไม่เคยเห็นแม้แต่อิสระที่เป็นของตัวเอง ผมตื่นขึ้นมาท่ามกลางกฎเกณฑ์ มีหน้าที่ต้องทำ มีความรับผิดชอบที่ต้องจำใจทำ คนที่มีชีวิตอยู่ก่อนหน้าผม เขาเล่าให้ผมฟังถึงวันที่โลกเราดับสูญ วันที่โลกเรานั้นโดนชะล้าง วันที่วัฒนธรรมอันทรงคุณค่าของมนุษย์ได้ถูกลบเลือน มันน่ากลัว หดหู่ อ้างว้างและไร้ซึ่งความหวัง ทางเดียวที่เราจะรักษาเผ่าพันธุ์เราไว้ได้คือการรักษาชีวิตตัวเอง แต่มันก็น่าหมดหวังยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อไม่นานมานี้เราพบว่า การเดินทางของเราอาจเปล่าประโยชน์......”

    Cepler -452 b  (1400ปีแห่งความหวัง)

    “เอ๊ด..... เอ๊ด.. เอ๊ดเวิร์ด ตื่นเร็วเข้า เรามีประชุมที่เซคเตอร์4นะ..... เร็วเข้าอย่าเอาแต่งัวเงีย”

    เสียงของคาร์ลเรียกผมให้ตื่นจากความฝันที่แสนจะสิ้นหวัง และไร้ซึ่งความยินดี พวกเราคือเพื่อนรักกันเมื่อครั้งสมัยยังอยู่บนโลกในตอนเด็ก เราตื่นจากหลอดแช่แข็งเมื่อ13ปีที่ผ่านมา ตอนนี้พวกเราโตเป็นผู้ใหญ่ เป็นทั้งนักบิน และช่างเครื่องยนต์ พวกเราอยู่ ณ.ตำแหน่ง 32000 กิโลเมตรจากเป้าหมาย นานกว่า1400ปีที่เราเดินทางกันอยู่ในห้วงอวกาศ ด้วยเทคโนโลยีของโลกก่อนที่มันจะล่มสลาย ถ้านับเป็นปีค.ศ. ปัจจุบัน โลกเราน่าอยู่ราว ค.ศ.3716 แต่ ในปีที่เราจากมาเป็น   ปี2316 ซึ่งวิวัฒนาการด้านเทคโนโลยีและการดำเนินชีวิตเราค่อนข้างพัฒนา แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าป่าที่เขียวขจีนั้นเป็นเช่นไร ผมรับรู้ได้จากคำบอกเล่า ของคนที่ยังมีชีวิตรอดจากยุคนั้นมา ก็เพราะผมยังอายุเพียง8ขวบในตอนนั้นผมยังเล่นกับหุ่นยนต์เลี้ยงเด็กที่คุณพ่อเพิ่งซื้อให้เป็นของขวัญคริสต์มาสอยู่เลย ตอนที่ผมจากมาสิ่งสุดท้ายที่จำได้คือเสียงร้องให้ของผู้คน ความชุลมุน และเปลวไฟ คนสุดท้ายที่ผมเห็นในตอนนั้นคือแม่ผม เธอบอกว่าผมจะปลอดภัยและเธอรักผม ก่อนที่เธอจะปล่อยมือผม กระสวยแช่แข้งก็ค่อยๆปล่อยสารหล่อเย็นที่ทำให้มือเท้าผมชาและสุดท้ายโลกทั้งหมดก็มืดลง ในระหว่างที่ผมอยู่ในภาวะแช่แข็ง ความฝัน... คือเพื่อนที่อยู่กับผมมาเนิ่นนาน ความฝันที่มืดสนิทไม่มีแสง ไม่มีเสียง ไม่มีแม้กระทั่งความทรงจำ ก่อนหน้านี้มนุษย์เชื่อว่า ตัวเองไม่มีชีวิตที่ยืนยาว ทฤษฎีกระสวยแช่แข็งเมื่อร้อยกว่าปีก่อนหน้านั้นถูกมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระ แต่สุดท้ายมนุษย์ก็สามารถข้ามพ้นขีดจำกัดเหล่านั้นมาได้ เราสามรถเลี้ยงเซลล์ให้มีชีวิตอยู่ได้นานเท่าที่เราต้องการ และเมื่อเราอยากให้มันทำงานเราก็ใช้เพียงคลื่นเบต้าพลังงานอ่อนๆ ล่อหลอกให้เซลล์ประสาทสร้างคลื่นสมองตอบรับ เพื่อให้เซลล์ต่างๆกลับมาทำงานอีกครั้ง มันก็เหมือนเครื่องยนต์ที่ไม่มีเชื้อเพลิง มันไม่ได้พังแต่ก็แค่รอวันสตาร์ทอีกครั้ง ผมตื่นขึ้นมาครั้งแรก ผมยังคงต้องหัดเดินและพูดใหม่ เรียนรู้การเป็นมนุษย์ อารมณ์ ความรู้สึกเรียนรู้การเป็นผู้ใหญ่ ผมเข้าใจทฤษฎีเรื่องการเกิดพลังงานปรมณูจากการสร้างปฏิกริยาฟิวชั่นตั้งแต่อายุ15 ปัจจุบันผมอายุ21ปี เป็นกัปตันบนยานสหประชาชาติ hope 452b uss Kelvin แน่นอนครับมันคือวิวัฒนาการด้านสิ่งก็สร้างที่ดีที่สุดเท่าที่โลกมีมา มันเคลื่อนที่ได้เร็วถึง 500,000 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในขณะที่อยู่ในทรานสปีดวาปหรือในการเคลื่อนที่อิงความเร็วแสงนั่นแหละ 

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น