ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    *~สาระน่ารู้~*

    ลำดับตอนที่ #8 : อัลไซเมอร์

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.71K
      1
      17 มิ.ย. 50

    >อัลไซเมอร์ถือเป็นโรคที่บั่นทอนทั้งทางร่างกายและจิตใจ
    >ไม่ได้ทำลายเฉพาะผู้ป่วยแต่ทำลายคน ใกล้ชิดของผู้ป่วยอย่างยากที่จะทน
    >ลูกของคนไข้อัลไซเมอร์คนหนึ่งพูดถึงอัลไซเมอร์ว่ามันคือขโมยที่เข้ามาขโมย วิญญาณ ขโมยหัวใจของคนที่เรารักไป นี่คือ
    >อัลไซเมอร์-โรคที่ไม่มีใครอยากเป็น และไม่อยากให้คนที่รักเป็น " นวลศรี
    >อนันตกูล" เล่าถึงผู้เป็นพี่สาว"จรัสศรี อนันตกูล" ว่าพี่สาวเป็นคนเก่ง
    >เป็นคนสวยโดยสมัยที่ยังสาวก็ยิ่งสวย และมีเสน่ห์ เรียนจบปริญญา
    >โทแล้วเข้าทำงานรับราชการที่กรมพัฒนาที่ดินในตำแหน่งนักวิทยาศาสตร์วิ
    >จัยด ิน ขับรถเก่ง เปรี้ยวและกล้าตัดสินใจแต่แล้วก่อนที่จะเกษียณสัก 5-6
    >ปี จรัสศรีเริ่มมีอาการหลงลืม รถขับกลับบ้านชนยับเยินมาทีเดียว
    >แต่เมื่อถามก็ตอบไม่ถูกว่าเกิดอะไรขึ้น
    >หนักๆเข้าก็ลืมวิธีขับรถโดยขณะที่ขับรถไปด้วยกันนั้นเอง
    >ก็ขับต่อไม่ถูกกรีดเสียงตะโกนเสียงแหลมด้วยความตกใจสุดขีดว่า"ฉันขับต่อ
    >ไป ไม่ได้ ไม่รู้วิธีขับรถ!"
    >>ทุกวันนี้ จรัสศรีเป็นคนป่วยโรคอัลไซเมอร์เกือบขั้นสุดท้ายแล้ว นั่นคือ
    >ไม่สามารถจดจำในสิ่งใดได้ ลืมสิ้นทุกคนที่เคยรู้จัก ลืมวิธีการกิน
    >การเดิน การพูด
    >ชีวิตประจำวันเป็นไปอย่างยากลำบากทั้งตัวผู้ป่วยเองและผู้ดูแล
    >นวลศรีต้องอาบน้ำป้อนข้าว ดูแลทุกอย่างทั้งการขับถ่าย และ
    >เมื่อเห็นแววตาพี่สาวคือจรัสศรีมองมายังตนแล้วนวลศรีก็อดสะท้อนใจไม่ได้เ
    >พ ราะแววตานั้น ไร้สิ้นซึ่งความหมายและความจดจำใดๆนี่คือ
    >ความน่าสะพรึงกลัวของอัลไซเมอร์
    >>หากไม่อยากเป็นก็ต้องป้องกันตั้งแต่ยังไม่มีอาการ ทำอย่างไร
    >สมองไม่เสื่อมพญ.สิรินทร ฉันศิริกาญจน นายกสมาคมผู้ดูแล
    >ผู้ป่วยสมองเสื่อม กล่าวว่าเนื่องจากปัจจุบัน
    >ยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงของโรค จึงยังไม่มีวิธีป้องกัน
    >อย่างไรก็ตามโรคสมอง เสื่อมจากหลอดเลือดสมองตีบ
    >ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของ
    >โรคสมองเสื่อมในคนไทยสามารถป้องกันได้โดยการรับประทาน
    >อาหารที่เหมาะสม
    >การออกกำลังกาย
    >การเลิกบุหรี่และการงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างเด็ดขาด

    >>1. รับประทานอาหารที่ช่วยลดและชะลอความเสื่อมของเซลล์สมอง
    >และสารสื่อประสาท พบในธัญพืชต่างๆ จมูกข้าวสาลี ถั่วลิสง ข้าวกล้อง
    >มันฝรั่ง กล้วย กะหล่ำปลี นมสด ผักต่าง ๆ
    >ช็อกโกแลตขณะเดียวกันก็หลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง อาหารจำพวกแป้ง
    >น้ำตาล
    >ของหวาน ผลไม้รสหวานจัดโดยพยายามทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
    >สำหรับโปรตีน
    >เน้นเนื้อปลา
    >บ่อยครั้งที่ผู้สูงอายุไม่เจริญอาหารเนื่องจากขาดความกระตือรือล้นที่จะรั
    >บประทาน หาสาเหตุให้พบและแก้ไข พึงสังวรว่าสารอาหารในแต่ละมื้อจำ
    >เป็นต่อสมอง ของท่าน

    >>2. หลีกเลี่ยงอาหารรสเค็ม ของหมักดอง อาหารที่ใส่ผงชูรส
    >หลีกเลี่ยงกาเฟอีนในเครื่องดื่มพวกชากาแฟหรือโคล่า
    >เพราะอาหารและเครื่องดื่มเหล่านี้
    >ทำให้ร่างกายขาดน้ำได้ส่งผลให้วิตามินแร่ธาตุที่สำคัญ เช่น วิตามินบีรวม
    >โปแตสเซียม สังกะสี ถูกทำลาย สมองทำงานแย่

    >>3. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ โดยผู้สูงอายุสามารถออกกำลังเบาๆ
    >เช่นทำโยคะ
    >หรือไทเก๊กที่เหมาะสมกับสุขภาพกาย ควบคุมน้ำหนักตัวไม่ให้เกินพิกัด

    >>4. การควบคุมอาหารทำควบคู่กับการลดความเครียด
    >ส่วนบุหรี่และแอลกอฮอล์งดเด็ดขาด

    >>5. อย่าลืมดูแลตัวเองด้านจิตสังคม ด้วย
    >รวมทั้งด้านกายภาพบำบัดและกิจกรรมฟื้นฟูความจำ
    >จัดกิจกรรมสำหรับตัวเอง>ให้ใช้ความคิดอย่างสม่ำเสมอ เช่นคิดเลขเมื่อไปจ่ายตลาด
    >บวกเลขทะเบียนรถ>นับเลขถอยหลังจาก 500-1 เป็นต้น การเข้ากิจกรรมสังคมในทุกเรื่อง เช่น
    >ร้องเพลง เล่นเกม เต้นรำ
    >ฯลฯมีส่วนสำคัญต่อการป้องกันโรคสมองเสื่อมได้ทั้งสิ้น

    >>แบบทดสอบต่อไปนี้ แปลจากบทความในBritish Medical   Association
    >โดยชาญกัญญา ตันติลีปิกร(วท.ม.จิตวิทยาคลินิก)
    >สถาบันวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมหาวิทยาลัยมหิดลและ
    >พญ.โสภา
    >เกริกไกรกุล หน่วยประสาทวิทยา   วิทยาลัยแพทยศาสตร์ กรุงเทพฯ
    >และวชิรพยาบาลขอย้ำว่าเป็นแบบทดสอบเบื้องต้นเท่านั้น
    >ซึ่งแม้จะตอบว่า"ใช่" ทุกข้อ
    >ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นอาการของอัลไซเมอร์
    >ทุกกรณีไปเนื่องจากการวินิจฉัยโรคจะมีปัจจัยเรื่องความถี่ที่ต้องนำมาพิจา
    >รณาด้วย
    >>1. หาของใช้ในบ้านไม่พบ
    >>2. จำสถานที่ที่เคยไปบ่อยๆ ไม่ได้
    >>3. ต้องกลับไปทบทวนงานที่แม้จะตั้งใจทำซ้ำถึง2 ครั้ง
    >>4. ลืมของที่ตั้งใจว่าจะนำเอาออกไปนอกบ้านด้วย

    >>5. ลืมเรื่องที่ได้รับฟังมาเมื่อวานนี้หรือเมื่อ2-3 วันก่อน
    >>6. ลืมเพื่อนสนิทหรือญาติสนิทหรือบุคคลที่คบหากันบ่อยๆ
    >>7. ไม่สามารถเข้าใจเนื้อเรื่องในหนังสือพิมพ์หรือวารสารที่อ่าน
    >>8. ลืมบอกข้อความที่คนอื่น วานให้มาบอกอีกคนหนึ่ง

    >>9. ลืมข้อมูลส่วนตัวของตนเอง เช่น วันเกิด ที่อยู่
    >>10. สับสนในรายละเอียดของเรื่องที่ได้รับฟังมา
    >>11. ลืมที่ที่เคยวางสิ่งของนั้นเป็นประจำ
    >หรือมองหาสิ่งของนั้นในที่ที่ไม่น่าจะวางไว้

    >>12. ขณะเดินทางหรือเดินเล่นอยู่ในอาคารที่เคยไปบ่อยๆ
    >มักเกิดเหตุการณ์หลงทิศหรือหลงทาง

    >>13. ต้องทำกิจวัตรประจำวันบางอย่างซ้ำถึง2 ครั้ง
    >เพราะมีความผิดพลาดเกิดขึ้นเช่น ใส่น้ำตาลมาก เกินไปในเวลาปรุงอาหาร
    >หรือเดินไปหวีผมซ้ำอีกครั้ง ซึ่งเมื่อสักครู่เพิ่งได้หวีผมเสร็จ
    >>14. เล่าเรื่องเดิมซ้ำอีกครั้ง ซึ่งเมื่อสักครู่เพิ่งได้เล่าเสร็จ
    >>ถ้าติ๊กถูกทุกข้อ ก็ระวังหน่อย
    >อาจถึงเวลาต้องไปพบแพทย์เพื่อให้วินิจฉัยเกี่ยวกับระดับความถี่ของเหตุกา

    >ร ณ์ที่เกิดขึ้นด้วย
    >>ปี 2548 ไทยมีผู้ป่วยด้วยโรคอัลไซเมอร์1.94 แสนคนและในปี 2549
    >ตัวเลขขยับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 2-3 แสนคนโดย
    >ประมาณการผู้ป่วยในไทยคาดว่าจะทะลุหลักล้านภายใน30 ปีข้างหน้า !"
    >พญ.สิรินทร กล่าวว่า  โรคนี้น่ากลัวกว่ามะเร็ง
    >เพราะมะเร็งอาจหายหรือไม่หาย แต่อัลไซเมอร์ ไม่มีทางหาย
    >ถ้าไม่อยากเป็น1
    >ในล้านคนของผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์
    >ก็ต้องพยายามทำตัวให้ห่างจากปัจจัยเสี่ยงศึกษาข้อมูลและเริ่มต้นปฏิบัติอย
    >่างจริงจัง โรคร้ายนี้ไม่เข้าใครออกใคร เคยเก่งเคยฉลาดเป็นดอกเตอร์
    >แต่ตัวอย่างก็มีให้เห็นมากมายว่าทั้งเก่งทั้งรอบรู้ขนาดไหน
    >ก็เป็นอัลไซเมอร์ได้เหมือนกัน   แต่ก็ไม่ต้องวิตกหรือกลัวมากเกินเหตุ
    >ที่ขี้หลงขี้ลืมถี่ขึ้นพักหลังๆ นี้ อาจเป็นเพียงความเสื่อมธรรมดา
    >หากกังวลก็ ไปพบแพทย์
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×