คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : [SF] SUN & AIR #Special...Last or First "LOVE"
SHINEE SHOT FICTION
Title: SUN & AIR [Special • Last or First "LOVE"]
Author: BUTTERFLY DESTIN [B.D]
Couple: TRUEMIN [MINHO x TAEMIN]
Rate: PG
Bgm: One Wish - Mink (กราบไหว้ขอบคุณไซเวิร์ลปยช.สำหรับเพลงเพราะ ๆ ที่เศร้าจับจิตตลอดเว)
OPEN TALK: Special Part ของ พระอาทิตย์กับอากาศที่หลายคนเรียกร้องค่ะ *ฮาาาาา* นอกจากมันจะจบได้ตัดฉับเเล้วยังอาร์ตอย่างไร้เหตุผล =_=;;
WARNNING: เป็นเนื้อหาที่ต่อยอดมาจากเรื่อง SUN&AIR ถ้ายังไม่ได้อ่านเเนะนำให้อ่านเรื่องเดิมก่อนนะคะ เพื่อความเข้าใจโดยตรงกัน จะได้ไม่สับสน งุนงง งงงวย(?)
— SUN&AIR —
Last or First "LOVE"
นับจากวันนั้น...เวลามันก็ผ่านมาสามปีแล้ว
นานเหลือเกินที่ผมรู้จักกับมินโฮ นานเหลือเกินที่แอบรัก นานเหลือเกินที่พยายามเฝ้าบอกให้ตัวเองตัดใจ เหตุการณ์แบบพี่โบอาอาจจะกลับมาทักทายเมื่อไหร่ก็ได้ แต่หัวใจของ อี แทมิน ไม่ยักจะเข็ดกับการมอบความรักให้ ชเว มินโฮ เสียที
แปลกนะ...ทำไมนายไม่ยอมมีแฟนกับเขาสักทีล่ะแทมินอา?”
กาแฟถ้วยหอมฉุยถูกวางลงตรงหน้าพร้อมคำถามจากร่างสูงที่จัดการหยิบเก้าอี้ที่อยู่ฟากตรงข้ามเข้ามาตั้งใกล้ช่างภาพคนเก่งที่กำลังวุ่นวายอยู่กับการปรับรูปนางแบบคนสวยในสต๊อกอย่างเร่งรีบ
แทมินละมือจากเจ้าแมคบุคเครื่องเก่งมากระชับโค้ทของตนให้แน่นขึ้นอีก ที่เกาหลีตอนนี้อากาศกำลังย่างเข้าหน้าหนาวเต็มรูปแบบ ในสตูดิโอเครื่องทำความร้อนก็ดันมาเสีย ไองานหรือก็ทิ้งไม่ได้ ใจอยากทำให้เสร็จก่อนกลับ ร่างบางจึงต้องจำอดทนกับอากาศชวนสะท้านโดยมีสารถีหนุ่มที่เพิ่งมาถึงได้ไม่ นานมาร่วมชะตากรรมเป็นเพื่อน
ส่วนสารถีที่ว่า...คงจะเป็นใครที่ไหนไม่ได้ นอกจากเพื่อน ‘รัก’ อย่าง ‘ชเว มินโฮ’
เป็นความสงสัยที่ไม่จบสิ้นเสียทีสำหรับเรื่องราวที่ทั้งสองอธิบายไม่ได้ใน ‘วันนั้น’ มินโฮไม่เคยเอ่ยถามถึงน้ำตาของแทมิน แทมินไม่เคยเอ่ยถามถึงเสียงเพรียกหาเขาของมินโฮ ความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้นี้ค้างตึงในความสัมพันธ์ของพวกเขานับจากนั้นมาจน ถึงวันนี้
ทั้งสายที่มองเริ่มเปลี่ยนไป...ทั้งหัวใจที่เคยข้ามไปกลับถูกเหลือบแลอีกครั้ง
ทั้งหัวใจที่ถูกสั่งให้ละ ให้เลิก...ทั้งความคิดที่พยายามหยุดตัวเองไม่ให้ฟุ้งซ่านเสียที
มือบางทั้งสองค่อย ๆ ประคองกาแฟถ้วยเล็กขึ้นมาซดทั้งสีหน้าที่ซีดสั่น เครื่องดื่มร้อน ๆ ช่วยได้มากเลยทีเดียวสำหรับแทมิน ร่างบางผุดยิ้มพร้อมส่งสายตาขอบคุณไปให้อีกฝ่าย ก่อนริมฝีปากสีอ่อนจะแย้มตอบคำถามของร่างสูงเมื่อครู่แบบทีเล่นทีจริง
“ฉันรอให้นายหาให้อยู่...ฮะฮะ...ล้อเล่นน่า มนุษย์ทำงานอย่างฉันยังไม่เหมาะกับชีวิตที่จะมีแฟนน่ะ”
“หรือนายกลัวความรัก?”
ถ้วยกาแฟว่างเปล่าของอีกคนถูกวางลง พร้อมบทต่อสนทนาที่จริงจังจากมินโฮ
“ไม่รู้สิ.....”
บางทีเขาอาจจะกลัวจนเบื่อที่จะกลัว เบื่อที่จะระแวงและเหนื่อยกับสิ่งที่ต้องกลัว หาก ’รัก’ เป็นสิ่งที่น่ากลัว แทมินก็ไม่คิดจะเอ่ยมันออกไป ทั้งชีวิตก็คงทำได้เพียงแค่รอวันเวลาให้สิ่งนี้ถูกลืมลบไปจากหัวใจ ทั้งที่ไม่รู้ว่ามันจะคงอยู่ไปอีกนานแค่ไหน
อาจจะทั้งชีวิต...หรือจนกว่าเขาจะตายจากมันไปก่อน
“แต่ฉันคิดว่าตอนนี้ฉันกำลังกลัวมันอยู่”
“เรื่องเก่าๆ?”
“อืม...”
ว่ากันว่ารักครั้งแรกมักจะเป็นเรื่องที่ฝังใจชายหนุ่มไปจนตาย แม้สิ่งที่สำคัญที่สุดจะเป็นรักสุดท้าย แต่ฉันท์ใดก็ไม่อาจตัดความทรงจำของรักแรกไปจากหัวใจได้
เพราะมันเป็นครั้งแรกที่เราได้รู้จักความรัก
“อย่ากลัวไปเลย...เพื่อนนายคนนี้จะคอยช่วยนายอยู่ข้าง ๆ....นะ”
มือเล็กเอื้อมเข้าไปสัมผัสมือใหญ่ พร้อมทั้งเกาะกุมกระชับแน่นราวกับจะให้คำมั่นสัญญา มินโฮรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด ราวกับรอยยิ้มและสัมผัสจากอีกฝ่ายช่วยไล่เอาความหม่นหมองทั้งมวลออกไปจาก หัวใจ ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายเต้นแรงขึ้น ความเหนื่อยล้าจากการคิดมากหายไป
ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ยิ้มนั้นดูพิเศษ...และน่าหวงแหน
“นายพูดแบบนี้กับเพื่อนทุกคนรึเปล่า?”
“ฉันไม่มีเพื่อนที่ไหน นายก็รู้”
“ดีแล้วล่ะ...”
แทมินชักสีหน้าสงสัยในประโยคเมื่อครู่ ทว่ามินโฮกลับโบกมือเป็นเชิงบอกให้ผ่านไป เวลางานถูกสานต่อไปอีกไม่นาน แมคบุคเครื่องเก่งก็ถูกปิดพร้อมข้าวของมากมายของเจ้าของที่เริ่มถูกจัดการ เก็บเข้ากระเป๋าใบโต แทมินสะพายกระเป๋าพร้อมเก็บขาตั้งกล้องก่อนจะส่งมันไปให้ร่างสูงข้างตัวที่เห็นว่านั่งว่างมานาน
“เอ้า...เอาไปเก็บที่รถก่อนก็ได้ เดี๋ยวตามออกไป”
“อื้อ”
มินโฮรับเจ้าขาตั้งที่ถูกพับห่อเก็บไว้ในถุงจากแทมิน ก่อนจะผละออกไปที่รถก่อนตามทางเลือกที่อีกฝ่ายบอก แทมินตามมาในอีกไม่กี่อึดใจ วอลโวอาร์แปดสีดำสนิทจึงได้ฤกษ์ออกเครื่องแล่นไปท่ามกลางต้นฤดูแสนหนาวเย็น
“นี่มินโฮ...ถ้าฉันชอบผู้ชาย นายจะรังเกียจฉันรึเปล่า?”
เสียงนุ่มเอ่ยรื่นขึ้นมาในช่วงสภาวะที่บรรยากาศในรถคันงามกำลังเงียบฉี่ คำถามที่แปลกประหลาดชวนให้อีกฝ่ายหายใจติดขัดเบา ๆ เหมือนสมองจะใช้เวลาประมวลผลมากไป กว่ามินโฮจะเข้าใจความหมายก็คงจะเป็นตอนที่เท้าของร่างสูงเหยียบเบรก กะทันหัน พร้อมทั้งใบหน้าหล่อเหลาที่หันขวับมามองเจ้าของคำถามอย่างตกใจนั่นเสีย กระมัง
“นายชอบใคร?!”
กึ่งจะเป็นเสียงตะคอก สีหน้าดุดันของเพื่อนหนุ่มที่แทมินไม่ได้เห็นมานานเวียนกลับมาอีกครั้งจนอดตกใจและหวั่นเกรงไม่ได้ แทมินไม่นึกว่ามินโฮจะไม่ชอบหรือโกรธขนาดนี้ โชคดีเลยทีเดียวที่ไม่พลั้งปากบอกว่าชอบอีกฝ่ายออกไป
“นายเสียงดังไปนะ”
ร่างบางจับมือเป็นเชิงเตือนอีกฝ่ายให้ใจเย็น ทว่ามินโฮกลับรู้สึกร้อนและหวั่นกลัว แทมินอยู่ในสายตาเขามาตลอด กี่ปี ๆ เขาอยู่เคียงข้างแทมินโดยที่เจ้าตัวไม่เคยมีใครมากเลยสักครั้ง อาจจะห่างเหินไปบ้างในช่วงที่ต้องวุ่นวายกับเรื่องของตัวเอง แต่ อี แทมินไม่เคยไปยุ่งกับใครอื่นนอกจากเขา
เป็นไปได้ไง? ใครกัน? เมื่อไหร่? ในหัวสมองของ ชเว มินโฮ มีแต่คำถามเหล่านี้
หัวใจที่ไม่อาจดับความกระหายรู้ที่ร้อนรุ่ม เขาดูเหมือนคนที่กำลังริษยาและกลัวว่าใครจะมาแย่งเพื่อนรักของเขาไป
‘เพื่อนรัก’
ที่สามปีมานี้เขาเริ่มไม่แน่ใจว่าทำไมหัวใจถึงเต้นแรงอย่างชัดเจนกับเพื่อนของตนเองได้ขนาดนี้
“ฉันแค่อยากรู้...นายชอบใคร?”
“อย่ารู้เลย...ฉันกำลังตัดใจจากเขาได้ เพราะเขาคงไม่ชอบฉันหรอก”
‘ดีใจ’
เมื่อไม่นานมานี้เขาเพิ่งถามแทมินว่าทำไมถึงไม่มีแฟน? พออีกฝ่ายเริ่มเผยว่ามีคนที่แอบชอบเขาก็เคืองโกรธ ร้อนรุ่ม แต่พอรู้ว่าแทมินกำลังตัดใจ เขากลับสบายใจและยิ้มออก มินโฮไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้คืออะไร? ความลึกซึ้งของมิตรภาพเหรอ? เห็นเพื่อนมีความรักเขาควรจะสนับสนุนสิ แต่ทำไม...
หรือเพราะผู้ชายคนนั้น...ไม่ใช่เขา?
หัวใจเต้นแรง พยายามสะบัดความคิดที่จะบั่นทอนเอามิตรภาพให้เสื่อมเสียออกไป แต่พยายามเพียงไรเสียงเพรียกหาของหัวใจก็ยังก้องกังวาน
หรือความรู้สึกของเขาจะเป็น.....
เกือบจะจนมุมเสียแล้ว.....
ถ้าหากแทมินหลุดปากออกไป ทุกสิ่งที่สั่งสมมาคงพังทลาย พื้นที่ที่ใช้ยืนหยัดเคียงข้างอีกฝ่ายคงสลายหายไปกับหมอกควัน ทั้งมิตรภาพ ความสุขเล็ก ๆ ที่อาจมาพร้อมความเจ็บปวดบ้างนั้นคงกลายเป็นความเจ็บปวดทรมานเพียงอย่าง เดียว แทมินไม่กล้าจินตนาการถึงมินโฮที่รังเกียจเขาเลย แค่คิดถึงก็เหมือนหัวใจถูกบีบ ความรู้สึกแบบนี้เขาคงทนไม่ได้
ไม่มีทาง...ชั่วชีวิตนี
.....เขาไม่วันที่จะบอกรัก ชเว มินโฮ ได้
“ดีแล้วล่ะ...ไม่ว่าคน ๆ นั้นจะเป็นใครก็ตาม เขาอาจรับไม่ได้กับความสัมพันธ์ของชายกับชาย แต่นายเป็นเพื่อนฉัน ฉันไม่เป็นไรหรอก”
หาเหตุผลมากลบเกลื่อนความดีใจเกินเหตุได้ มินโฮก็จัดการสตาร์ทรถอีกครั้ง นิ้วเรียวเอื้อมไปกดเล่นเพลงสไตล์ฮิปฮอบที่โปรดปราน พร้อมฮัมเพลงไปตลอดทาง
ทิ้งให้ใครอีกคนดำดิ่งกับความรู้สึกของตนเอง
‘งั้นก็แสดงว่า...ถ้าฉันไม่ใช่เพื่อนของนาย นายก็คงรังเกียจความสัมพันธ์แบบนั้นเหมือนกันสินะ’
เป็นเสียงพึมพำในหัวใจที่ชวนสะกิดให้รู้สึกเจ็บปวดเสียจริง
.........................................................
สุดสัปดาห์แสนน่าเบื่อเวียนวกกลับมาพร้อมตารางงานที่แน่นเอียดอีกครั้ง คราวนี้แทมินต้องดันด้นไปไกลถึงเกาะเชจูเพื่อร่วมถ่ายแบบกับช่างภาพแถวหน้า คนอื่น ๆ ให้นิตยสารรายปักษ์ยักใหญ่ที่มีโปรเจคพิเศษประจำปี โดยทางนิตยสารจะรวบรวมเอาช่างภาพมากฝีมือและนายแบบชื่อดังมาถ่ายร่วมกันเป็น กลุ่มใหญ่
และหนึ่งในบรรดานายแบบชื่อดังที่ถูกเชิญมา นั้น แน่นอนว่าต้องมี คิม คิบอมรวมอยู่ในรายชื่อด้วยอย่างแน่นอน จากเมื่อนานมาแล้วที่ได้ร่วมงานกับคิบอม แทมินรู้สึกถูกใจและถูกคออย่างประหลาดกับหนุ่มนายแบบคนนั้น อาจจะเป็นเพราะวัยวุฒิที่ใกล้เคียงกันก็ดี แต่สิ่งที่สำคัญอาจจะเป็นเพราะอีกฝ่ายดูจริงใจมากกว่า เขาถึงยอมแลกเบอร์โทรศัพท์และติดต่อกันบ้างบางโอกาส เรียกได้ว่านอกจากมินโฮแล้ว คิม คิบอม คงเป็นเพื่อนที่เขาติดต่อด้วยบ่อยที่สุดคนหนึ่งเลยทีเดียว
“คิบอม”
“โอ! แทมิน ไม่ได้เจอกันนานนะ”
“อ่า...พอดีรู้มาว่านายจะเป็นนายแบบให้นิตยสารนี้ เลยแวะเข้ามาทักทายสักหน่อย ในฐานะช่างกล้องน่ะนะ”
ห้อง พักนายแบบถูกครอบครองพื้นที่โดยสองหนุ่มหน้าสวย หนึ่งคนแต่งตัวเนี้ยบหรูในมาดนายแบบเต็มยศกับอีกคนที่แสนเซอร์ในมาด ช่างกล้องที่คล้องดีเอสแอลอาร์ตัวใหญ่ไว้แนบอก การพูดคุยที่สุภาพน้อยลงและเคอะเขินไม่มากนักส่งเสียงจ๊อกแจกจอแจให้พอน่าเอ็นดูอยู่เป็นระยะ
และทุกการกระทำเหล่านั้นจะอยู่ในสายตาของ คิม จงฮยอน อยู่ตลอด
“ถ้าแสงสวยวันนี้คงจะถ่ายให้มีภาพลักษณ์สดใสออกมาได้ดี ฉันอยากถ่ายนายกับทะเลเหมือนกันนะเนี่ย”
“หนาวจะตาย...ถ้าต้องลงทะเลจริง ๆ ฉันคงเป็นหวัดแหง”
“แค่หวัดเอง...เดี๋ยวก็หายน่า”
“ฮะฮะ...บ่นไปงั้นแหละ แค่ทะเลฉันไม่กลัวหรอก”
บทสนทนาที่เหมือนจะสำเริงสำราญเสียเหลือเกินนั้นสร้างความรำคาญปนริษยาแก่จงฮยอนผู้เปรียบเสมือนผู้ปกครอง ไม่สิ จงฮยอนผู้ซึ่งเป็นผู้จัดการ ของ คิม คิบอม เป็นอย่างมาก แม้ภายนอกเขาจะทำงานเป็นผู้จัดการคนสนิทให้นายแบบหนุ่ม คิม คิบอมก็ตาม แต่อย่างไรซะวงในก็รู้ ๆ กันดีอยู่ว่าเรื่องของเขากับคิบอมมันมีอะไรมากกว่านั้น ยิ่งพักหลัง ๆ เขายิ่งออกอาการหวงแหนมากเกินความจำเป็นไม่ได้เพราะคิบอมท้วงติงมา แต่กับไอช่างภาพหนุ่มหน้าหวานที่คิบอมไปตีสนิทก่อนคนนี้เขากลับไม่พอใจหนัก กว่าใคร ๆ
'ก็ใครใช้ให้ทำตัวสนิทสนมกับคิบอมขนาดนั้นกันล่ะ?'
การเป็นนายแบบทำให้คิบอมไม่มีเวลามากพอที่จะคบเพื่อนหรือมีแฟนเป็นจริงเป็นจัง ด้วยนิสัยส่วนตัวที่ไม่ชอบเข้าสังคมของคิบอมทำให้จงฮยอนวางใจเรื่องเพื่อน รอบตัวไปได้เยอะ และนั่นก็ทำให้รอบตัวของคิบอมมีแต่จงฮยอน ร่างโปร่งชอบใจที่ทุกอย่างเป็นแบบนั้น จนกระทั่งคนรักของเขาได้เจอกับช่างภาพร่างบางคนนั้น คิบอมที่เข้าหาก่อนได้รับการตอบรับที่ดีและสนิทกับอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว...รวดเร็วเสียจนเขากลัว
โอเค...ยอมรับว่า ‘หึง’ อย่างเป็นทางการและออกนอกหน้าด้วยแล้วกัน
“อยากกินกาแฟรึเปล่าคิบอม?”
“คิบอมงดคาเฟอีน มันไม่ดีต่อสุขภาพ”
อุตส่าห์อดทนนั่งเงียบมาได้ตั้งนาน ท้ายที่สุดแล้ว คิม จงฮยอน ก็ไม่วายเอ่ยเหน็บแนม อี แทมิน จนได้
“งั้นฉันไปกดน้ำส้มข้างนอกดีกว่า รอแปปนึงแล้วกันนะแทมิน”
“อื้อ”
พอร่างสูงเพรียวของนายแบบหนุ่มลุกเดินออกไปนอกห้อง บรรยากาศมาคุแบบประหลาด ๆ ก็ถูกแผ่ขยายใส่แทมินเสียจนเจ้าตัวรู้สึกได้ ครั้นพอปรายตามองไปทางต้นตอของรังสีอาฆาตเหล่านั้นก็กลายเป็นว่าร่างบางของ ช่างภาพหนุ่มกำลังถูกจับจ้องด้วยสายตาไม่พอใจหนักจากผู้จัดการร่างเล็ก โดยไม่รู้สาเหตุ แทมินพินิจในใจอย่างนึกขัน เขาพอมองออกถึงเหตุผลที่อีกฝ่ายแสดงท่าทีเช่นนั้น ร่างบางจึงจัดแจงหันไปเผชิญหน้าสายตานั้นตรง ๆ
“เรื่องของผมกับคิบอมน่ะ ไม่มีอะไรหรอกครับ คุณวางใจเถอะ”
“....”
จง ฮยอนรู้สึกลนลานเล็กน้อย ที่ถูกมองออกอย่างง่ายดาย แต่คนขี้เก็กก็ยังเป็นคนขี้เก็กอยู่อย่างนั้น ร่างโปร่งพยายามวางตัวเรียบเฉยไม่สนใจ แต่กลับกลายเป็นว่าท่าทางเหล่านั้นสร้างเสียงหัวเราะให้กับฝ่ายคนที่เหมือน จะอายุน้อ
ยกว่าตนไปเสียได้
“คิก..อุบ..”
“...คะ...คุณจะขำทำไม?”
“...ก็คุณตลก”
“โอ้ย!..ชิบ! คุณพูดแล้วนะว่าไม่มีอะไร...ผมเชื่อคุณได้ใช่มั้ย?”
จงฮยอนแทบจะลงไปทึ้งหัวตัวเอง ณ ที่ตรงนั้น การกระทำงี่เง่าไม่สมเป็นเขาไม่ควรเกิดขึ้นต่อหน้าเด็กคนนี้เลย
แต่จะทำยังไงได้...หัวใจมันร้อน จะห้ามก็ยาก
“เชื่อเถอะครับ...เพราะผมเองก็มีคนที่รักอยู่แล้ว”
ดวงหน้างามเฉาลงเพียงครู่ก่อนจะคืนสภาพกลับมาเป็นแย้มยิ้มบางที่เหมือนฝืนทนกับมันเสียเหลือ เกินอยู่เช่นเดิม ชั่ววูบที่มองทะลุผ่านม่านความเศร้านั้น จงฮยอนก็รู้สึกคล้อยตามขึ้นมา สีหน้าของคนที่อดทนกับอะไรบ้างอย่างมาเนิ่นนาน ท่าทางของคนที่อดทนกับเรื่องมากมายเสียจนเกินที่จะทนกับมันต่อไป แต่ก็ยังอดทน
ช่างภาพหนุ่มคนนี้ไม่ได้อ่อนแอเหมือนหน้าตา และไม่ได้กลิ้งกลอกเหมือนที่เขาคาดคิดไว้
“คุยอะไรกันอยู่รึเปล่า?”
ภวังค์ ทั้งคู่ถูกทำลายลงด้วยเสียงใสของคิบอม กาแฟเย็นกระป๋องถูกโยนใส่หน้าตักของจงฮยอน ก่อนที่คนโยนจะเดินกลับเข้ามานั่งข้างแทมินเช่นเดิม บทสนทนาพูดคุยเรื่องสรรพเพเหระดังเจือยแจวขึ้นอีกครั้ง แต่แปลกไปที่ครั้งนี้จงฮยอนไม่พยายามนั่งจ้องจับผิดอะไรอีก
เพราะเขาเชื่อในคำพูดนั้น
.....แต่อีกคนล่ะจะเชื่อในสิ่งที่เห็นรึเปล่า?
ร่างสูงลอบมองบุรุษหนุ่มหน้าสวยสองคนพูดคุยกันมาได้สักพักแล้วจากด้านนอก มินโฮแอบตามเพื่อนรักมาที่เชจูโดยใช้เส้นสายการเป็นสปอนเซอร์ของธุรกิจใน ครอบครัว เขาเข้ามาพูดคุยและดูงานแทนคุณอาที่วานให้มาทำงานให้อยู่สักพักก็แอบลอบเข้า มาดูสถานที่ถ่ายทำและลอบมองหาเพื่อนสนิทที่น่าจะกำลังเตรียมงานอยู่ไป ด้วย และเพียงไม่นานเขาก็ได้เจอร่างบางที่ตนเองเฝ้าตามหา หากแต่ว่า...เพื่อนสนิทของเขากลับกำลังพูดคุยอย่างออกรสกับใครอีกคน
อี แทมิน คนนั้นกำลังยิ้ม...หัวเราะ....หยอกล้อ และ พูดคุยกับผู้ชายอีกคนที่ไม่ใช่เขา
มินโฮรู้ได้ทันทีจากการแต่งตัวของบุรุษคู่สนทนาที่ดูหรูหราและโดดเด่นว่าอีกฝ่ายน่าจะเป็นนายแบบ แต่กระนั้นเขาก็ไม่เคยเห็นแทมินนั่งคุยกับนายแบบอย่างถูกคอแบบนี้มาก่อน เจ้าตัวเองก็เคยบอกว่าถึงจะเป็นนายแบบที่ร่วมงานด้วยเขาก็ไม่ชอบเข้าไปวุ่น วายเกินความจำเป็น แต่นี้มันเป็นอะไรที่ผิดแปลกจากที่เขาเคยเห็นมาก
ภาพตรงหน้าเหมือนกำลังบีบหัวใจเขาเบา ๆ ให้ปวดแปลบ
มินโฮไม่เข้าใจ...เขาไม่เข้าใจตัวเองเลย
เขากำลังหวง กำลังหวั่นกลัวว่าแทมินจะไปสนิทกับคนอื่นเกินกว่าตัวเขา
.....ความรู้สึกเห็นแก่ตัวนี้เคยร้อนรุ่มมาแล้วครั้งหนึ่ง
“นี่มินโฮ...ถ้าฉันชอบผู้ชาย นายจะรังเกียจฉันรึเปล่า?”
คำถามนั้น...เป็นปริศนาที่รบกวนจิตใจของเขามาตลอดระยะเวลาหลายอาทิตย์ที่ผ่าน มา หัวใจและสมองของเขาปั่นป่วนไปหมดเมื่อนึกถึงประโยคที่เพื่อนตัวเล็กพูดกับ เขา ภาพตรงหน้ามันช่างปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งมวลเสียจนเขานึกกลัว วูบหนึ่งเคยเผลอคิดไปว่า.....ถ้าผู้ชายคนนั้นเป็นตนเองก็คงจะดี
มันเป็นอะไรที่แย่ที่สุด...ตัวเขาในตอนนี้กำลังจะยอมรับกับพระเจ้าว่าแอบรักเพื่อนสนิทที่ไม่ได้รักตนเองอยู่อย่างนั้นเหรอ?
บางทีมันอาจจะเป็นผลของบาปที่เคยได้ก่อไว้ ชีวิตที่สมบูรณ์แบบของเขามีแต่จะผิดพลาดในเรื่องความรัก รักแรกของเขาพังทลายในวันที่ฝันกำลังจะเข้าฝั่ง และรักที่สองในครั้งนี้กำลังจะกลายเป็นความทรมานที่ไม่รู้จุดจบสิ้นสุด กับ ควอน โบอา เขาสามารถสื่อความรู้สึกทุกอย่างได้อย่างตรงไปตรงมา ความรักถูกแสดงออกและถูกปฏิเสธชัดเจน แต่กับ อี แทมิน แล้ว...ความรักของเขาไม่มีสิทธิ์แม้จะได้แสดงออก
บางทีมินโฮก็ฉุกคิด...แท้จริงเขาอาจจะแอบรักแทมินมานานแล้ว
ความรักของเขาถูกความเป็นเพื่อนบดบังสิ่งนั้น มินโฮเฝ้าหาความรักเรื่อยมา พบโบอาและได้เรียนรู้ถึงความรักที่ผิดหวัง ชั่ววินาทีที่เขาไม่มีใคร คนแรกที่เขานึกถึงกลับเป็น อี แทมิน
คำถามที่เขาเคยเฝ้าถามตัวเองมานานถึงความรู้สึกนั้น...เขาได้คำตอบของมันในวันนี้นี่เอง
ในวันที่เขารู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้คิดแบบเดียวกัน...ในวันที่หัวใจของเพื่อนสนิทมีใครคนอื่นที่ไม่ใช่เขา
“แทมิน...”
เสียงกระซิบที่ไม่มีวันไปถึงอีกฝ่ายนั้นสร้างความเจ็บช้ำให้เขาเหลือเกิน
...............................................................
“.....”
เป็นเวลาเกือบครึ่งชั่วโมงที่ร่างบางเอาแต่จับจ้องโทรศัพท์เครื่องเล็กอย่างชั่ง ใจ นิ้วเรียวเอื้อมไปแตะและทำท่าจะหยิบมันมากดโทรหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็แค่เกือบจะ...เขากำลังหวั่นเกรงอะไรอยู่?
กำหนดการที่เขาต้องอยู่เชจูถึงสองอาทิตย์นั้น เขาไม่ได้บอกมินโฮไว้ก่อนล่วงหน้าเลย อาจเป็นเพราะงานที่เข้ามาเป็นเรื่องเร่งด่วน อีกทั้งตัวแทมินเองก็ไม่อยากโทรกวนเพื่อนสนิทตัวสูงของเขามากนัก กับแค่มาทำงานต่างจังหวัดหลายวันเขาที่เป็นแค่เพื่อนธรรมดาคงไม่จำเป็นต้อง รายงานให้รู้
แต่พอมานั่งนึกไปนึกมา.....แทมินก็คิดได้ว่า เขากับมินโฮไม่เคยอยู่ห่างกันนานขนาดนี้เลย
เเค่ได้ลองนั่งเงียบ ๆ คนเดียวนาน ๆ เขาก็คิดถึงเสียงทุ้ม ๆ ที่ชอบก่อกวนเขาอยู่เสมอนั้นแล้ว
มือเล็กเกี่ยวเอาโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง แต่เขากลับตัดสินใจนำมันกลับไปยัดใส่กระเป๋าเป้อย่างไม่ใส่ใจ กล้องคู่ใจถูกหยิบมาแขวนคออีกครั้งพร้อมเจ้าของที่ตั้งใจจะออกไปเดินเล่นเพียงลำพัง
ฟ้าสีแสดครามตัดพาดผ่านกับท้องทะเลสีน้ำเงิน เข้มอย่างลงตัว ลมหนาวปะทะผ่านร่างบางให้ชวนสะท้านอยู่เป็นพัก ๆ แต่ด้วยความที่ไม่อาจห้ามใจ แทมินยังคงเล็งภาพกดชัตเตอร์รูปทะเลและท้องฟ้าสีหม่นต่อไป ความเดียวดายภายใต้ทัศนียภาพที่สวยงามนี้ช่างสื่อความเป็นตัวตนของเขาได้ดีที่สุด ผู้ชายที่ยืนหยัดโดดเดี่ยวเพียงลำพังมาทั้งชีวิตก็ย่อมจะต้องยืนหยัดเพียงลำ พังแบบนี้ต่อไป
“เฮอ...”
ผืนทรายสีน้ำตาลนุ่มยุบบุ๋มเป็นรอยตามน้ำหนักที่กดทับลงไปของร่างบาง หลังจากที่ไล่เดินถ่ายมาได้พอสมควร ความเหน็ดเหนื่อยสั่งให้ร่างกายของเขาหยุดพัก สองขาจึงหรุดนั่งลงเพื่อเฝ้ามองริ้วแสงของพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าอย่างสบายใจ
.....โดยไม่รู้ตัวว่ามีใครคนหนึ่งแอบเฝ้าเดินตามเขามาได้พักใหญ่ ๆ แล้ว
“นั่งแบบนี้นาน ๆ คิดจะให้ตัวเองแข็งติดกับพื้นทรายเลยรึไง?”
สำเนียงทุ้มต่ำที่คุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลัง เรียกเอาสายตาที่กำลังดื่มด่ำกับบรรยากาศให้เหลียวหลังกลับไปมองอย่างว่องไว มินโฮตีหน้ายุ่งแล้วเดินเข้ามาหา ก่อนจะย่อตัวลงนั่งข้าง ๆ กันนั้น ชายหนุ่มก็จัดการห่มโค้ทตัวหนาที่ใส่อยู่จนถึงเมื่อครู่ให้เพื่อนสนิท
เพราะแทมินชอบทำอะไรเกินตัวและไม่ใส่ใจตัวเองอยู่เสมอแบบนี้ไง...ถึงต้องมีเขาคอยเป็นห่วง
“มายังไง?”
“ไม่ต้องรู้หรอก”
มินโฮเริ่มทำตัวเป็นเด็กผู้ชายขี้งอนอีกแล้ว แทมินรู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังโกรธเรื่องที่เขาไม่ยอมบอกว่าจะมาที่นี่ จนกระทั่งสืบเองรู้เองแล้วตามมางอนถึงที่ ทำให้เขาอดยิ้มบางให้พฤติกรรมเหล่านั้นของเพื่อนชายไม่ได้
“โกรธเหรอ?”
“ไม่...ฉันจะโกรธได้รึไงล่ะ?”
“ขี้งอนเป็นบ้า...”
“ไม่ตลก”
เสียงหัวเราะร่วนดังขึ้นจากทางฝั่งแทมิน เขารู้สึกอยากหัวเราะ เขารู้สึกอยากสบายใจกับการพูดคุยสบาย ๆ นี้ เนิ่นนานเหลือเกินที่แทมินต้องลำบากกับการคิดก่อนพูด บางทีเขาก็อยากหัวเราะ อยากยิ้ม อยากทำอะไรตามใจโดยคิดบ้าง และนั่นก็ทำให้มินโฮอดยิ้มตามไม่ได้เช่นกัน
“แทมิน...เรื่องที่นายเคยบอกฉันน่ะ.....”
“หืม?”
“คนที่นายชอบ...ใช่นายแบบที่ชื่อ คิม คิบอม อะไรนั่นรึเปล่า?”
บางทีตลกร้ายก็เกิดขึ้นได้หลายเรื่องพร้อม ๆ กัน แทมินอยากจะหลุดขำออกมาอีกระลอกเพราะคำถามสิ้นคิดของมินโฮ แต่พอเงยหน้าขึ้นสบตาอีกฝ่ายนิ่งแล้ว แทมินกลับมองเห็นความเจ็บปวดในแววตานั้น
ความเจ็บปวดที่คุ้นตา...ความรู้สึกที่เหมือนเขาเคยได้รู้สึกมาก่อน
“นายถาม...ทำไม?”
ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเขาถึงถามกลับไปแบบนั้น หัวใจที่เต้นแรงกำลังต้องการจะบอกอะไรเขาอยู่รึเปล่านะ?
“ก็ถาม..เพราะอยากรู้...ในฐานะเพื่อน”
ตากลมไหววูบยามเอ่ยคำท้ายประโยค แทมินทำท่าจะเบือนหน้าหนีแต่ไหล่ทั้งสองกลับถูกมือใหญ่ล็อคไว้กับที่
“ตอบมาก่อน...ใช่รึเปล่า?”
“ทำไมนายถึงอยากรู้นัก?”
มินโฮอึดอันเหลือเกิน เขาอยากรู้ หัวใจเขาเต้นแรงจนแทบจะคลั่ง อีกฝ่ายถามเขาอย่างใจเย็นเพราะไม่รู้ซึ้งถึงหัวใจเขา เขารู้ดี
อยากตะโกนออกไปว่า “ฉันรักนาย” “ฉันไม่อยากให้นายรักเขา” “ฉันอยากให้นายมองฉันคนเดียว” แต่มินโฮก็ทำได้เพียงกดทุกถ้อยคำนั้นไว้ในส่วนลึกของจิตใจ
“ฉันอยากรู้...มันไม่มีเหตุผล ฉัน...คือ...ฉัน ฉันทนไม่ได้ถ้านายไม่ยอมตอบ...เพราะฉะนั้นบอกฉันมาแทมิน”
“ไม่ใช่เขา...ถ้านายอยากรู้ฉันก็ตอบให้นายได้แค่นี้”
“แล้วใคร? นายรักใคร?!”
แท มินพยายามสะบัดตัวให้หลุดจากการเกาะกุม ทว่าแรงบีบของสองมือของมินโฮกลับแข็งแรงกว่าที่คิด แทมินเริ่มไม่เข้าใจแล้วว่าทำไมอีกฝ่ายถึงกระวนกระวาย
“นายเป็นอะไรกันมินโฮ?”
“.....”
“ตอบมาเถอะ...ได้โปรดตอบฉัน”
“นายอย่าสนใจเลย ฉันบอกแล้วว่ามันไม่มีวันเป็นไปได้”
“จะไม่ให้ฉันสนใจได้ยังไง? ก็ฉันมันรักนายจนจะบ้าตายอยู่แล้ว!”
.....จนได้สินะ
คนอย่างเขา...คนที่มีความอดทนต่ำอย่าง ชเว มินโฮ
หัวใจ ที่ร้อนรุ่มนั้นเผลอโพลงสารภาพความในใจออกไปโดยไม่ทันระวังตัวสักนิด สิ้นประโยคสำคัญนั้น ต่างคนต่างตกใจและนิ่งอึ้งไปพักใหญ่ แม้จะไร้ซึ่งคำพูดใด ๆ แต่สิ่งที่คงเดิมคือสองสายตาที่ยังคงสอดประสานกันอย่างแน่วแน่ ทั้งฝ่ายมินโฮที่เจ็บปวดและกังวล ทั้งฝ่ายแทมินที่สงสัยและแคลงใจ
“นาย.....”
“ฉันขอโทษ”
“.....”
“ฉัน รู้ว่าเรื่องของเราไม่ควรจะจบแบบนี้...แต่ฉัน...แต่ฉันรักนายไปแล้วแทมิน ไม่รู้เมื่อไหร่...ฉันไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง? อยู่ ๆ หัวใจฉันก็เรียกหาแต่นาย จนวันที่นายบอกว่านายรักคนอื่น ฉันถึงได้รู้ ฉันทนไม่ได้ ฉันไม่อยากให้นายรักใคร..นอกจากฉัน.....”
“บางทีรักแรกของฉันอาจจะไม่ใช่ ควอน โบอา...แต่เป็น อี แทมินมาตั้งแต่ต้น จนถึงตอนนี้...ฉันก็ยังรักนาย”
ริม ฝีปากหนาพรั่งพรูความรู้สึกอัดอั้นตันใจออกมาอย่างหมดเปลือก มินโฮหลบตาไม่ทอดมองใบหน้าของอีกฝ่าย เขากลัวที่จะเห็นความสมเพชในดวงตานั้น กลัวที่จะเห็นความรู้สึกสงสารหรือผิดหวัง เขาไม่อาจเรียกคืนเวลา และพร้อมรับมือกับทุกความเจ็บปวดที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้
“.....”
“ฉันไม่ได้หวังให้นายสงสาร เห็นใจ หรือตอบรับอะไรกับความรู้สึกนี้.....อุบ”
ไม่ทันจะอธิบายสิ่งใดต่อได้จบประโยคมือเล็กก็จัดการกดท้ายทอยของคนพูดให้โน้มริมฝีปากลงมาประทับจูบที่กลีบปากปากอย่างว่องไว สัมผัสของผิวปากที่แตกผากเพราะฤทธิ์ลมหนาวไม่ได้ทำให้ความรู้สึกหลากหลายไร้รสชาติลงไปเลย กลีบปากทั้งสองแนบบดกันเนิ่นนานโดยไม่มีการลุกล้ำใด ๆ มีเพียงความชื้นบาง ๆ ที่กลีบปากหน้าส่งไปให้ร่างบางเท่านั้นที่ดูจะชัดเจนที่สุด
“.....”
ไม่นานนักก็เป็นฝ่ายแทมินที่ผละออกก่อน หน้าขาวระเรื่อสีชมพูจาง ๆ ขับให้ฝ่ายร่างบางดูอ่อนหวานและน่าทะนุถนอม มากขึ้นไปอีก
“นาย...”
“รู้รึยังว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร?”
“เมื่อไหร่กัน?”
“ไม่ต้องรู้หรอก.....”
จูบ เดียวไข้กุญแจปริศนาที่เขาสงสัยมาตลอดให้กระจ่างอย่างเห็นผล สัมผัสร้อน ๆ ที่ริมฝีปากยังตราตรึงแม้อากาศรอบตัวจะหนาวสะท้าน มินโฮทั้งตกใจทั้งดีใจกับคำตอบที่ได้รับ เขาไม่เคยนึกฝันมาก่อนว่าคนตรงหน้าจะใจตรงกัน
บางทีฟ้าอาจเล่นตลกให้เขาทั้งสองทรมานต่อความรู้สึกนี้มาตั้งแต่ต้นรึเปล่า?
.....มินโฮไม่รู้หรอก
แต่ตอนนี้...มีอยากเดียวที่เขามั่นใจ ‘ชเว มินโฮ จะไม่มีวันปล่อย อี แทมิน ออกไปจากอ้อมแขนของตัวเองเป็นอันขาด’
— Special End —
END TALK: หวัง ว่าสเปคงจะเเฮปปี้เอนดิ้งสมใจพี่น้องชาวไทย(?)ทุกคนนะคะ *ฮาาาา*
ปล.ขอกำลังใจงาม ๆ เป็นเม้นท์น่ารัก ๆ ก็ดีน๊า ♥ เฝ้ารอ...~
BUTTERFLY DESTIN
ความคิดเห็น