คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 5 | โต๊ะใหญ่ [ครึ่งจบ]
ตอนที่ 5
“โต๊ะใหญ่”
(ครึ่งจบ)
ราวกับมีการจัดขบวนเสด็จย่อมๆ ให้ก็มิปาน มินโฮเดินนำหน้าเคียงข้างด้วยแทมินที่จู่ๆ ก็ถูกฉวยมือเข้าไปล็อกกับมือใหญ่ของอีกฝ่ายอย่างไม่อาจปฏิเสธได้ มีอุสเดินตามพร้อมนางกำนัลอีกสองคน ผ่านฮาเร็มและเส้นทางเดิมที่แทมินเคยผ่านมาเมื่อกลางวัน ครั้นพอถึงทางแยกหน้าประตูใหญ่ที่บัดนี้ปิดสนิท มินโฮก็ลากพาให้ร่างบางเลี้ยวไปยังเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย ทางเดินตลอดทั้งฝั่งถูกเปลี่ยนม่านประดับและผ้าระย้าเป็นสีทอง แต่การตกแต่งก็ยังคล้ายคลึงกับฮาเร็มที่อยู่ของเขา
“เรากำลังจะไปที่ไหนครับ?”
แทมินเหลียวหลังไปถามมีอุส นางยิ้มบางก่อนจะตอบเบาๆ
“ตำหนักกลางค่ะ แต่ละตำหนักจะเชื่อมกับทางเดินที่เราเดินผ่านมาเมื่อครู่ พอเขาเขตของแต่ละตำหนัก การตกแต่งโดยรอบจะเปลี่ยนไป ที่ฮาเร็มจะเป็นสีน้ำตาล ส่วนที่ตำหนักกลางจะเป็นสีทองค่ะ”
แทมินพยักหน้าทั้งที่ยังเดินอยู่ และเพราะมัวแต่เหลียวหลังเหลียวหน้า พอถูกกระตุกมือให้หยุดกะทันหัน ร่างทั้งร่างถึงกับแทบเซ
“เจ้ายังมีเวลาอีกนาน รับรองว่าเราจะพาชมวังด้วยตนเอง ไม่ต้องห่วง”
ชีคหนุ่มเสนอตัว ส่วนดอกเตอร์ตัวเล็กพยายามสะบัดมือออก ส่ายหน้าปฏิเสธความหวังดีที่อีกฝ่ายมอบให้เต็มที่
“ไม่นานหรอก ผมไม่รบกวนนานแน่ๆ”
ประตูสีมะฮอกกะนีสลักลวดลายสีทองสวย ยากจะแยกสัดส่วนว่าไหนทองไหนน้ำตาล ทหารชายที่ยืนเฝ้าหน้าประตูโค้งหัวให้มินโฮอย่างนอบน้อม ก่อนจะจับด้ามประตูคนละข้างแล้วเปิดมันออกพร้อมกันประหนึ่งหุ่นยนต์
“ยินดีต้อนรับ...สู่ห้องโต๊ะใหญ่ของโจฮาราญ”
มินโฮกระซิบข้างใบหูนิ่มโดยไม่ทันให้แทมินได้ตั้งตัวเพราะเอาแต่ตะลึงงันกับความโอ่อ่าของห้องโต๊ะใหญ่ โถงยกไม่สูงมากที่ขนาดกว้างพอๆ กับห้องประชุมเล็กของบิดาเขาที่ทำเนียบ กลางห้องมีโคมไฟคริสตัลห้อยระย้าเป็นทรงคล้ายดอกจิก ทั่วทั้งห้องตกแต่งโทนสีทองและขาว โต๊ะอาหารขนาดไม่สั้นไม่ยาวตั้งตระหง่านอยู่กลางห้อง โดยรอบมีตู้สะสมของมีค่าและถาดทองเหลืองทรงสูง ที่หัวโต๊ะมีเก้าอี้ทรงสวยสลักลวดลายวิจิตรกว่าใครอีกอยู่สองตัวตั้งเคียงข้างกัน ถัดไปเป็นเก้าอี้ลักษณะใกล้เคียงแต่ดูเด่นน้อยกว่าอีกฝั่งละสองตัว ด้านท้ายโต๊ะอีกหนึ่งตัว ลวดลายของโต๊ะเก้าอี้ตกแต่งเป็นศิลปะยุโรปผสมผสานกับอาหรับอย่างลงตัว ข้างๆ เก้าอี้คู่มีชิชาสีทองอันใหญ่ตั้งอยู่ด้วย ทั่วทั้งห้องแวววาวงดงาม บนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยเครื่องคาวหลากชนิด มีทั้งอาหารพื้นเมือง อาหารที่แทมินคุ้นตาและรู้จัก จานช้อนทุกสิ่งจัดเรียงเรียบร้อย จนดอกเตอร์หนุ่มรู้สึกว่าการจัดเตรียมเหล่านี้หรูหรายิ่งกว่าที่ภัตตาคารที่ดีที่สุดที่โซลเสียอีก
“คนอื่นไปไหน?”
มินโฮหันไปถามนางกำนัลที่ประจำอยู่ที่หัวโต๊ะ นางโค้งให้นายเหนือก่อนเอ่ยตอบเรียบร้อย
“รออยู่ที่ห้องรอด้านข้างเพคะ จะให้ไปเรียนเชิญเลยไหมเพคะ?”
ร่างสูงพยักหน้าขรึม จนแทมินรู้สึกได้ถึงท่าทางที่เปลี่ยนไปของอีกฝ่าย จากคนที่มักมีประกายขี้เล่นและเจ้าเล่ห์เสมอๆ ดูสง่าขึ้น ในขณะเดียวกันก็ดูเย็นชาจนน่าขนลุก
“พยายามอยู่เฉยๆ ตอบให้น้อยที่สุด รอจังหวะ หากเราไม่ตอบให้ก็ตอบ”
มินโฮเอ่ยเตือน ก่อนแทมินจะหยุดชะงักค้าง เพราะร่างของหญิงสาวคนแรกที่เดินเข้ามา
ใบหน้าสีผสมแต่งแต้มเครื่องสำอางพอสมควร หล่อนดูสง่าและแก่กว่าเขาอยู่ไม่มาก เครื่องแต่งกายมิดชิดเป็นชุดคลุมยาวปิดด้วยระบายที่คอยกตั้งสูง บริเวณที่จดกระดุมเม็ดบนสุดเป็นอัญมณีทรงรีเม็ดใหญ่ที่คาดคะเนด้วยสายตาคงไม่ต่ำกว่าสี่กะรัต ทางซ้ายพาดเฟอร์สีครีมขาว ผมสีน้ำตาลถูกรวบเป็นมวยสูงมีอัญมณีขนาดใกล้เคียงกับที่กระดุมเม็ดบนประดับอยู่ ดวงตารีคมมีประกายเย็นชาแต่แฝงไปด้วยอำนาจ ท่าทางเยื้องย่างดูหยิ่งผยองและไม่ชายตามองสิ่งใดสักนิด เก้าอี้เดี่ยวตัวท้ายสุดเป็นตำแหน่งในครอบครองของหล่อน แม้แทมินจะอยากเปิดปากถามมินโฮมากเพียงใด ปากบางก็ทำได้แค่เม้มสนิท สถานการณ์ดูอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก ร่างบางจึงเก็บงำความสงสัยไว้ในใจเพียงลำพัง ตากลมทอดมองร่างของผู้มาเยือนคนต่อไป
ร่างของสตรีที่เขาเคยพบเมื่อกลางวันเดินตามสตรีนางแรกมาไม่ห่างนัก ชุดทรงจากเมื่อกลางวันถูกเปลี่ยนเป็นชุดทรงคอกว้างสีขาวอมฟ้า ทับด้วยเสื้อคลุมแนบเนื้อบางๆ สีเดียวกัน เจ้าหล่อนคงเอกลักษณ์ทรงเรียบร้อยด้วยเปียวนรอบศีรษะ ประดับเครื่องประดับไม่หวือหวา ทว่ากลับต้องตาแทมินมากกว่าสตรีคนแรกอยู่มากนัก จะด้วยเพราะถูกชะตาหรือกระไรก็ไม่อาจอธิบายได้
คนที่สามก็ยังเป็นสตรีอยู่ ท่าทางที่แปลกแยกและแตกต่างจากสองนางแรกชวนให้แทมินรู้สึกตื่นตาตื่นใจอยู่ไม่น้อย หล่อนเป็นหญิงสาวเจ้าของใบหน้าแสนมั่นใจ ผิวสีน้ำผึ้งสวยและทรวดทรงองเอวในชุดเกาะอกรัดรูปสีแดงเข้มถูกประดับด้วยเครื่องประดับมากมาย ใบหน้าสวยงามแต้มเครื่องหน้าจัดจ้านกว่าใคร ผมสีน้ำตาลอ่อนถูกดัดเป็นลอนปลิวสยายดูยั่วยวน ให้ภาพลักษณ์ที่แตกต่างกับผู้หญิงในรั้วราชวังเป็นอย่างยิ่ง
‘ทั้งที่อากาศก็ออกจะเย็นเเท้ๆ นะ’
แทมินประชดขำๆ อยู่ในใจ
ติดๆ กันนั้นสตรีอีกนางกลับมีบุคลิกที่แตกต่างสิ้นดีกับหญิงสาวชุดแดง ใบหน้าเรียบร้อยล้อมด้วยแว่นทรงรีสีบรอนซ์เข้ากันกับชุดเสื้อผ้าสีน้ำตาลอ่อน เครื่องแต่งกายที่เหมือนสาวที่เพิ่งกลับมาจากที่ทำงานไม่หรูหราฟู่ฟ่าเท่าทุกๆ นางก่อนหน้านี้ หากแต่ไม่ทันจะได้พินิจดูให้ครบครันดี เสียงหนึ่งก็ดึงเอาความสนใจเขาไปเสียก่อน
“ฝ่าบาท!”
แทมินเหลียวมองไวตามปฏิกิริยาตอบโต้ เด็กสาวอ่อนวัยคนสุดท้ายเอ่ยเรียกชีคข้างตัวเขาเสียงดัง หล่อนทอดมองร่างสูงด้วยสายตาแสนคิดถึงและหลงใหล หน้าตาท่าทางคะเนได้ว่าคงอายุน้อยกว่าเขา ผมเปียยาวประดับด้วยเครื่องประดับเล็กน้อย ตรงกับชุดเสื้อผ้าที่ดูจัดมาเพื่อความปราดเปรียวไม่รุ่มร่าม ทำให้ดูน่ารักสดใสเหมือนน้องสาววัยกำลังโต
“ชาริฟา...นั่งลง”
สายตาดุถูกปรายมาจากสตรีคนแรกผู้เต็มไปด้วยความสง่าและเย็นชาที่พอเด็กสาวหันหน้าไปสบแล้วต้องจำก้มหน้าลงอย่างหวาดๆ สตรีที่เหลือต่างจับจองที่นั่งของตนเรียบร้อยราวกับเป็นเจ้าของตำแหน่งนั้นๆ มินโฮเองก็เดินอ้อมไปอีกด้านโดยมีแทมินเดินตามเป็นเงาตามตัว แม้จะรู้ว่าชีคตรงหน้าเป็นผู้ชายอันตราย เจ้าเล่ห์ กลิ้งกลอก แต่ในสถานที่ที่เขาไม่คุ้นชินเช่นนี้ ดอกเตอร์หนุ่มเลือกที่จะไว้ใจผู้ชายอันตรายคนนั้น
“เอ้า...นั่งสิ”
ร่างสูงเดินอ้อมมาที่หัวโต๊ะอีกด้านตรงข้ามกับสตรีคนแรก ข้างกันนั้นคือเก้าอี้หรูหราอีกตัวที่เหมือนรอคอยใครบางคนให้ถือครองมัน แทมินเมียงมองไปโดยรอบไม่เห็นเหลือที่ใดให้ตนนั่ง เขาจึงทำท่าจะนั่งลงข้างกัน แต่ทว่า...
“หยุด!”
ทั้งโต๊ะหยุดการเคลื่อนไหวโดยพร้อมเพรียง ทุกสายตาหันไปสบมองต้นเสียงอันได้แก่สตรีผู้เย่อหยิ่งที่หัวโต๊ะตรงข้ามมินโฮ ชีคหนุ่มจึงยังไม่หย่อนกายนั่งลงในทันที แทมินรู้สึกได้ถึงสายตาปรามาสและชิงชังรุนแรงที่มองตำหนิตรงเข้ามาหาเขา เจ้าหล่อนชี้นิ้วเป็นเชิงบอกเป้าหมายว่าที่สั่งให้หยุดคือตัวแทมิน
“ที่นั่งตรงนั้น...” ตาคมเหล่มองมินโฮ “...ไม่ใช่ที่นั่งที่ใครจะนั่งก็ได้”
พอได้ยินดังนั้น แทมินก็รีบเอี้ยวตัวหลบไปอยู่หลังเก้าอี้ ราวกับเบาะที่นั่งบนเก้าอี้ตัวนั้นเป็นสถานที่ต้องสาปหรืออะไรสักอย่างที่น่าหวาดกลัว
“ฮึ..” โฮริญาใช้หลังมือปิดยิ้มขำ
“เป็นเรื่องขำขันรึ? โฮริญา”
เจ้าของชื่อไม่ยอมพูด แต่คืนสีหน้าเรียบตึงเป็นการตอบแทน สายตาของเจ้าโต๊ะอีกฟากจึงหวนคืนกลับมาที่แทมินเช่นเดิม
“ไม่รู้ว่าเจ้าทราบรึไม่...แต่ที่ตรงนั้นเป็นที่ประทับของชีคกา ตำแหน่งชีคกาเปรียบได้คือสตรีที่มีเกียรติสูงสุดในแผ่นดินเคียงข้างองค์ชีค ไม่ใช่แค่เก้าอี้ที่หญิงไพร่ นางห้าม นางโลกีย์จะใช้นั่งได้ตามใจชอบ...อันที่จริง แม้แต่ห้องโต๊ะใหญ่นี้ คนที่มีสิทธิ์เข้ามานั่งก็ควรจะมีแค่คนในราชวงศ์เท่านั้น ไม่รู้ว่าวันนี้ชีคของเราโดนมนตร์มาจากไหน ถึงได้พาคนต่ำชั้นกว่าเข้ามานั่งร่วมกันกับพวกเราได้”
แทมินได้ยินสำเนียงภาษาอังกฤษชัดเจนจากอีกฟากฝั่ง ทั้งรู้สึกหน้าชา และรู้สึกโกรธขึ้นมาโดยไม่รู้จะควบคุมอย่างไร ริมฝีปากของหล่อนยกยิ้มแสยะ สายตานั้นมองเขาเหมือนกับเป็นหญิงไพร่ นางโลกีย์ที่ว่า โดนดูถูกทั้งๆ ที่ก็ไม่เคยได้รู้จักกันสักนิดมันไม่ยุติธรรมสำหรับเขาเลย
‘แล้วเขาก็เป็นผู้ชาย!’
ชั่ววินาทีที่ปากบางจะเอ่ยเถียงกลับไป มือใหญ่เอื้อมมาจับยั้ง ก่อนจะชิงเอ่ย
“เป็นความผิดของหม่อมฉันเอง...ประทานอภัยที่ทำให้อดีตพระชายาทรงกริ้ว อย่างที่ท่านทราบดีว่าหม่อมฉันเพิ่งกลับมาจากข้างนอกวันนี้ เขาก็เพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรกเช่นกัน ด้วยเวลาที่มีน้อยทำให้หม่อมฉันยังมิได้อบรมมารยาทและพาชมสถานที่ จึงทำให้เกิดเหตุไม่สมควรไปบ้าง”
“เราไม่ถือหรอก...คนจากที่อื่น ก็คือคนจากที่อื่น ต่อไปก็อบรมกันให้ดี”
เสมือนมีบรรยากาศทะมึนเข้าปกคลุมโถงโต๊ะใหญ่อยู่หลวมๆ ชีคหนุ่มและอดีตชายาสทอดมองกันและกันด้วยสายตาน่าพรั่นพรึงราวกับมีเรื่องราวมากมายซ่อนอยู่ อีกคนว่าเย็นชาแล้ว แต่ตอนนี้แทมินกลับกลัวมินโฮมากกว่า ลึกลงไปในตาโตนั้นแฝงความชิงชังบางอย่างที่ไม่อาจแสดงออก
“กึก..”
สตรีทั้งหมดนั่งประจำที่เรียบร้อยหลังบทสนทนาแรกระหว่างอดีตพระชายาและชีคจบลง มีเพียงแทมินที่ยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ข้างๆ มินโฮกับชีคหนุ่มทียังดำดิ่งอยู่กับอารมณ์กรุ่น ดอกเตอร์ตัวเล็กแอบดึงชายเสื้อร่างสูงข้างตัวเบาๆ ก่อนกระซิบเสียงค่อยพอให้ได้ยินเพียงสองคน
“แล้วจะให้ผมนั่งตรงไหน ถ้าไม่มีผมจะออกไปละนะ”
ว่าจบก็โดนมือใหญ่ยื้อไว้ มินโฮส่ายหน้าก่อนจะผุดยิ้มเล็กๆ จากมุมปาก คนเจ้าเล่ห์ยอมปล่อยมือจากนกน้อย ก่อนจะกระแอมไอเป็นเชิงประกาศ
“ด้วยเหตุฉุกละหุก เราจึงไม่ได้เตรียมที่นั่งให้กับ...ว่าที่พระชายาคนใหม่”
สตรีอายุน้อยที่สุดทำหน้าตาตื่นตระหนก หันรีหันขว้างมองปฏิกิริยาคนอื่นๆ รอบโต๊ะที่ล้วนแต่นั่งนิ่งเงียบพลางตวัดสายตาจ้องมองแทมินราวกับเข้าเป็นสิ่งมีชีวิตน่ารังเกียจ หล่อนหันกลับไปมองอดีตพระชายาเป็นเชิงถาม ฝ่ายเจ้าของดวงหน้าเย็นชาส่ายหน้า มินโฮเห็นท่าทีไม่ตกใจกระไรมาก ชีคหนุ่มจึงเริ่มร่ายต่อ
“เพราะเหตุนั้น...เราจึงอยากขออนุญาตใช้ที่ประทับของท่านแม่...”
“ไม่ได้!”
เสียงเล็กเอ่ยขัด เด็กสาวร่างเพรียวยืดตัวขึ้น ก่อนจะถูกแขนของอดีตพระชายารั้งไว้ให้นั่งลง
“มินโฮ...เจ้าควรให้เกียรติพระชายาของเจ้า มติในที่ประชุมยังไม่อนุมัติ ไม่ควรยกนางห้ามขึ้นมาเกินหน้าเกินตา”
มินโฮสบตาอดีตพระชายาพลางยิ้มเยาะ เขาก็แค่พูดลองใจอีกฝ่ายไปอย่างนั้น ไม่นึกว่าคนที่เกินความคาดหมายจะกลายมาเป็นพระชายาคนเล็กของเขาไปเสียได้ นับว่าผิดจุดยกใหญ่
“นี่...ให้ผมออกไปเถอะ”
แทมินรู้สึกอึดอัด ต่อให้อาหารตรงหน้าน่ากินแค่ไหนเขากลับรู้สึกกินไม่ลงแล้ว ณ ตอนนี้ ทั้งบรรยากาศยะเยือกโดยรอบ สายตาจิกกัดจากเด็กผู้หญิงตัวเล็กคนนั้น และสายตาเย็นชาดูถูกจากอดีตพระชายา ตลอดชีวิตที่ผ่านมา เขาไม่เคยได้พบเจอสถานการณ์เฉกเช่นนี้มาก่อนเลย
“ไม่เป็นไร”
มินโฮกระซิบแผ่ว กระชับมือเล็กในอุ้งมือใหญ่ของตนไว้
“ถ้าเป็นเช่นนั้น หม่อมฉันจะให้โฮริญามานั่งที่ตรงนี้ และจะให้แทมินไปนั่งแทนที่ของนาง เพราะก็อย่างที่หม่อมฉันเคยบอก ตำแหน่งนี้หม่อมฉันมอบให้โฮริญา แม้ในตอนนี้นางจะยังปฏิเสธ แต่มันก็กลายเป็นของนางไปแล้วโดยความต้องการของหม่อมฉัน”
สีหน้าคนถูกพาดพิงสะดุดกึก โฮริญาเหลือบตามองชีคหนุ่มอย่างตกใจ มินโฮส่งเพียงยิ้มน้อยๆ ไปให้ ทั่วทั้งโต๊ะเงียบกริบไปชั่วอึดใจ พระชายาตัวเล็กสั่นไปทั้งตัวอย่างแสนเคือง หล่อนหันไปหาอดีตพระชายาเป็นเชิงของความช่วยเหลือ แต่นางกลับยังนิ่ง เสมือนสงครามบนโต๊ะอาหารแท้จริงเป็นของนางกับชีคหนุ่มตรงหน้า
เด็กชายที่เคยใสซื่อในวันวานไม่มีอีกแล้ว
บัดนี้สายเลือดที่นางแสนชังเติบโตขึ้นมาพร้อมต่อกรกับนางอย่างเต็มตัว ความแค้นของเขาคงจะสั่งสมมาไม่มากก็น้อย แต่กระนั้นจะสู้ความแค้นของนางได้หรือ
‘อดีตพระชายาชามิลลาห์’
พระชายาองค์สุดท้ายของอดีตชีคมาฮาราญ พระราชบิดาในชีคคนปัจจุบัน
นางจะไม่ยอมให้เด็กคนนั้นทำลายนางได้...ไม่มีวัน
“ไม่ต้อง...”
จู่ๆ ร่างระหงส์ก็ผุดลุกจากที่ของตน ชามิลลาห์เดินอ้อมมาหาที่นั่งตัวต้นเหตุ เชิดสายตามองร่างสูงที่จ้องนางตอบอย่างท้าทายแล้วยิ้มฝืน
“...เราจะไม่เสวยโต๊ะใหญ่วันนี้ ให้นางผู้นี้ไปนั่งแทนที่เรา ที่ประทับของชีคกาสูงส่งเกินกว่าผู้ที่ปฏิเสธตำแหน่งของมันจะนั่งได้”
ว่าแล้วก็ตวัดหางตาปรายมองโฮริญาที่อยู่ใกล้ๆ อีกครา ก่อนจะย้ายมาพินิจนิ่งที่แทมินแทน
“ว่าที่พระชายาใหม่...”
นางใช้เล็บยาวเชยคางของดอกเตอร์หนุ่มที่มีส่วนสูงไล่เลี่ยกันแล้วเปลี่ยนจากใบหน้าเรียบตึงเป็นยิ้มเย็นที่น่าหวาดหวั่น
“เราชื่อชามิลลาห์ เป็นอดีตพระชายาที่มีศักดิ์อายุมากที่สุดในหมู่ราชวงศ์ในวังตอนนี้...”
เล็บคมจงใจบาดคางมนเป็นรอยแดง แทมินกัดฟันทน หัวของเขาบังการกระทำอุกอาจของอดีตพระชายามิด มินโฮจึงมองไม่เห็นว่าอีกฝ่ายทำอะไรเขา
‘แม่มด...อย่างนี้มันแม่มดในนิยายชัดๆ’
ดอกเตอร์หนุ่มร่ำในใจ
“...ที่นั่งของเรา วันนี้ยกให้เจ้า...ขอให้มีความสุขกับมื้อแรกในโจฮาราญ”
มือที่สะบัดกลับตามร่างที่เดินฉับออกไปสร้างรอยเล็กๆ ให้ร่างบาง แทมินร้องอูยโอยในใจ นึกขึ้นได้อีกทีก็ตอนที่มืออีกข้างที่ถูกมินโฮกำไว้กำแน่นขึ้นมา ร่างทั้งร่างหันไปมองคนกำอย่างเอาเรื่อง ชีคหนุ่มถึงได้สังเกตเห็นรอยแดงที่ปลายคาง มือไวชักขึ้นมาถึงตัวอย่างเป็นห่วง ทว่าเสียงกระแอมไอของโฮริญากลับดังขัดขึ้นมาเสียก่อน
“ฮึม...นี่ก็เสียเวลามามากแล้ว”
แทมินผลักร่างสูงออกจากตัวเบาๆ ก่อนรีบเดินไว้ไปยังที่นั่งที่ถูกยกให้ชั่วคราว ณ อีกฝั่ง ใจหนึ่งก็รู้สึกไม่ดีกับที่ของผู้หญิงที่ชื่อชามิลลาห์นั่น แต่อีกใจก็แอบโล่งอกที่ไม่ต้องโดนลวนลามต่อหน้าสาธารณชน
เออ...แต่ก็ต้องมาโดนสายตาร้ายกาจของเด็กผู้หญิงขวามือนี่อีก
“อา...ขอโทษที่ทำให้วุ่นวายแล้วกันนะ คงตกใจของขวัญจากทะเลทรายคราวนี้กันมากพอดูใช่ไหม?”
มินโฮปรบมือเรียกบรรยากาศให้สบายขึ้น ก่อนเกริ่นนำโต๊ะใหญ่ตามธรรมเนียม
“อีกไม่นาน...ต้องใช้คำว่าอีกไม่กี่อาทิตย์ ราชวงศ์โจฮาราญจะได้สมาชิกใหม่มาเพิ่ม พระชายาของเรา...ชื่อ แทมิน”
ว่าแล้วก็หันไปทอดสายตาลึกซึ้งให้เจ้าของชื่อ แทมินฟังประโยคภาษาอังกฤษไหลลื่นนั่นเสร็จก็แทบปรี๊ดแตก พระชายาบ้าบออะไรกัน ผู้ชายคนนั้นบ้าเกินไปแล้ว
“พระชายาอะไรกัน...ผู้หญิงตะวันออกที่แต่งตัวไร้รสนิยมพรรค์นี้ รูปร่างหน้าตาไม่มีการตกแต่ง ท่าทางก็ดูพิลึกพิลั่น เหมือนพวกหญิงก็ไม่ใช่ชายก็เชิง”
ก่อนที่แทมินจะเหวออกไป หญิงสาวตัวเล็กที่ดูใจร้อนกว่าใครก็โพลงออกไปก่อน สายตาชิงชังมองเขาอย่างรังเกียจสุดแสน เหมือนสถานการณ์จะถูกชักกลับมาให้มึนตึง แต่มินโฮกลับหัวเราะร่วน
“ฮะฮะฮะ...ชาริฟา ฟังให้จบก่อนเป็นไร นิสัยใจร้อนของเจ้า ควรจะเก็บเอาไว้เป็นมารยาทเพื่อโต๊ะใหญ่บ้างนะ”
เหมือนจะเป็นการเปรยๆ แต่กลับทิ้งประโยคสั่งสอนที่ทำให้อีกฝ่ายสะอึกนิ่งไปได้ เสียงเก้าอี้ตัวหนึ่งถูกเลื่อนออก สตรีเจ้าของเกาะอกสีแดงจงใจเดินเข้ามาพินิจว่าที่พระชายาคนใหม่โดยเฉพาะ ใบหน้าจัดจ้านเคลื่อนเข้ามาชิดจนเรียกความร้อนของแทมินให้มากองรวมกันอยู่ที่แก้มทั้งสองได้ กลิ่นหอมกรุ่นที่กำจายออกมาจากเรือนรางสะโอดสะองของหล่อนทำให้หนุ่มน้อยรู้สึกได้ชัดเจนเลยว่าหญิงสาวตรงหน้ามีเสน่ห์มากเพียงใด มือนิ่มของเจ้าหล่อนจับที่ไหล่พลางลูบลงที่เอวคอด ริมฝีปากสีแดงชาดกระตุกยิ้มเบาๆ ราวกับพอใจ ก่อนจะละกายออกมายืนข้างๆ
“ผิวดี โครงหน้าใช้ได้ ริมฝีปากอิ่ม ติดที่ผอมไปหน่อย หน้าอก...อืม...ไม่ค่อยจะมี” หล่อนประมาณการจากสายตา น้ำเสียงไม่ใช่เชิงเยาะเย้ย แต่ก็มีเค้าสนุกสนานกับการประเมินอยู่ในบางที
“รสนิยมฝ่าบาท แปลกไปจากทุกทีนะเพคะ”
มินโฮยิ้มไม่ตอบ ในขณะที่โฮริญาพยายามกลั้นยิ้มไว้เต็มกำลัง
“ยูรียาล...เจ้าไม่เคืองรึไง!”
หญิงสาวจอมโกรธเคืองที่ชื่อชาริฟาเอ่ย แต่ยูริยาลในชุดเกาะอกแดงกลับชักสีหน้าไม่สนใจ หล่อนทอดสายตามองแทมินอย่างพินิจอีกครา ก่อนจะเคลื่อนกายกลับไปยังที่นั่งของตนที่ข้างชาริฟา
“เราไม่ใช่พวกที่ใช้อารมณ์ตัดสินใจเหมือนเจ้าชาริฟา อย่าเหมารวมกัน”
“นี่เจ้า!”
“ชาริฟา”
มินโฮเอ่ยเรียกชาริฟาเป็นเชิงปราม กำปั้นเล็กกำแน่นนั่งสั่นไปทั้งตัวอย่างขัดใจ แต่นางก็ยอมราฝีปากไปตามสั่ง
“ก่อนเริ่มโต๊ะใหญ่ เราอยากจะแนะนำทุกคนให้เจ้ารู้จักก่อน”
มินโฮแย้มยิ้มพลางเอ่ยกับแทมินที่ตอนนี้เจ้าตัวยังคาดเดาอารมณ์ตนเองไม่ถูกอย่างสดใสสมองดอกเตอร์หนุ่มพอจะประมวลผลจากข้อมูลเมื่อครู่ได้ว่าอดีตพระชายาชามิลลาห์คือยัยแม่มดนั่น ผู้หญิงเกรี้ยวกราดขวามือเขาชื่อชาริฟา ผู้หญิงซ้ายมือของมินโฮคือโฮริญาที่เขาได้เจอเป็นคนแรก ผู้หญิงชุดแดงเหมือนจะชื่อยูรียาล แล้วผู้หญิงใส่แว่นที่นั่งนิ่งอยู่นั้น...เขายังไม่รู้จัก
‘อย่าบอกนะว่าที่นั่งๆ เรียงกันอยู่นี่...พระชายาทั้งหมด?’
แทมินนึกในใจอย่างสะพรึง
“นี่คือพระชายาอันดับหนึ่งของเรา หล่อนชื่อโฮริญา คิดว่าเจ้าคงคุ้นที่สุดเพราะได้เจอกันก่อนใคร”
เจ้าของใบหน้าอันไม่มีที่ตินั้นส่งยิ้มให้แทมินอย่างเป็นมิตร หน้าขาวถึงขั้นเปล่งสีก่ำอย่างเขินอายเพราะไม่เคยมีผู้หญิงสวยๆ ที่ไหนมอบยิ้มแบบนั้นให้เขาสักที ร่างบางจึงรู้สึกวางตัวไม่ถูกไปบ้าง ทั้งยังลืมยิ้มตอบกลับไปอีก
แต่พอนึกถึงยศศักดิ์ที่ได้ยินเมื่อครู่ ความเขินอายก็พลันมลายไปเสียสิ้น
‘พระชายาอันดับหนึ่งของเรา’
เสตามองไปยังผู้เป็นเจ้าของหญิงงามก็พบยิ้มอารีที่เขาหันไปมอบให้สตรีคนดังกล่าว ยิ่งยืนใกล้ยิ่งรู้สึกว่าช่างเหมาะสมราวกับชีคและชีคกาที่ได้ประทานมากจากสวรรค์
ในใจดอกเตอร์หนุ่มรู้สึกแปลกๆ
‘เหมือนน้อยใจ?’
แทมินพยายามสะบัดความรู้สึกนั้นออกไป พอดีกันกับที่มินโฮเริ่มแนะนำสตรีคนต่อไปให้เขารู้จัก มือใหญ่ผายไปทางเจ้าของเกาะอกสีแดงสดที่มีกลิ่นกายชวนหลงใหลพลางเริ่มเอ่ย
“พระชายาอันดับสอง ชื่อยูรียาล นางเป็นผู้ดูแลในส่วนของฮาเร็มทั้งหมด”
มาคราวนี้แทมินรีบโค้งให้เจ้าหล่อนอย่างเรียบร้อย แต่กลับแอบโดนหัวเราะใส่ด้วยท่าทางไม่จริงจังนัก ไม่รู้ว่าดีหรือร้าย แต่ที่รู้คือผู้หญิงคนนั้นคงจะเจนจัดในหลายๆ ด้านมากพอดู ถึงได้เป็นนายหญิงแห่งฮาเร็มของโจฮาราญได้
“ยินดีที่ได้รู้จัก”
หล่อนแนะนำตัวเป็นภาษาอารบิก แทมินส่งยิ้มฝืดกลับไปด้วยท่าทีไม่มั่นใจนัก เขาจำได้นะว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดออกมาเป็นคำทักทาย เพราะตอนที่เพิ่งมาถึงใหม่ๆ จงฮยอนก็อบรมไว้บ้าง
“ส่วนนี่พระชายาอันดับสาม จูมาน”
แล้วดอกเตอร์หนุ่มก็ได้ทราบชื่อสตรีนางสุดท้ายของห้อง ท่าทางเรียบร้อนสงวนกริยานิ่งสงบราวกับฟ้ามืดยามราตรี เมื่อมินโฮแนะนำตัวให้เสร็จหล่อนก็โค้งเรียบร้อยให้ ซึ่งแทมินเองก็โค้งกลับไปในลักษณะเดียวกัน
“จูมานค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก”
ครานี้เป็นภาษาอังกฤษปกติ ร่างบางนึกยินดีอยู่ในใจ ถึงจะให้อยู่ไปนานกว่านี้ เขาก็ยังคงไม่ชินดีกับภาษาอารบิก ทั้งลักษณะการเขียน ออกเสียง หรือวิธีการใช้ เข้าใจยากเกินความสามารถของดอกเตอร์อีจริงๆ
“และคนสุดท้าย...เจ้าคงรู้ชื่อแล้ว นี่ชาริฟา...พระชายาอันดับสี่ พ่วงด้วยตำแหน่งพระขนิษฐาในอดีตพระชายาชามิลลาห์”
แทมินพยายามหลบสายตาอาฆาตมาดร้ายจากพระชายาตัวเล็ก ที่บัดนี้หล่อนขบเขี้ยวกำหมัดแน่นราวกับพร้อมจะวิ่งเข้ามาทำร้ายเขาได้ในเดี๋ยวนั้น
‘น้องสาวยัยแม่มด! นี่เป็นวงวานทายาทอสูรรึไงกัน?’
ร่างบางกลืนน้ำลายลงคอเฮือกใหญ่ ตากลมมองตรงสบตาชีคหนุ่มรูปงามผู้เป็นต้นเหตุทั้งปวงของความตึงเครียดที่ขดม้วนอยู่ในท้องของเขา ณ ขณะนี้
สายตาเจ้าเล่ห์ที่มองมาช่างไม่ตรงประเด็นกับสิ่งที่เขาต้องการสื่อถึงเลยสักนิด
“ในเมื่อรู้จักกันครบแล้วก็คงได้ฤกษ์ของโต๊ะใหญ่เสียที ทานกันตามสบายเถอะ เราหมดเรื่องจะเกริ่นแล้ว”
นางกำนัลสาวแทรกตัวเข้ามารินน้ำอย่างรู้งาน ก่อนมื้ออาหารค่ำตัวจริงจะเริ่มขึ้น เสียงดนตรีคลาสสิกดังแว่วแผ่วเบาราวกับช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดและเพิ่มสุนทรียะในการรับประทาน แทมินแอบลอบมองอาหารบนโต๊ะด้วยความลิงโลด เพราะตั้งแต่หลายวันก่อนที่เขาได้มาเจอกับมินโฮนั้น อาหารหรูๆ ดีๆ ไม่เคยได้ตกถึงท้องเลยสักครั้ง
“อันนี้เนื้อวัวที่เพิ่งสั่งมาจากซาอุดิอาระเบีย หม่อมฉันเข้าครัวเองเพื่อฝ่าบาทโดยเฉพาะ ชิมเสียหน่อยนะเพคะ”
ยูรียาลยิ้มละไม พลางค่อยๆ หั่นชิ้นเนื้ออบปรุงรสบนโต๊ะอย่างพิถีพิถันและดูเป็นกุลสตรีเต็มขั้น ส้อมเล็กจิ้มลงที่เนื้อสันชิ้นเล็ก ก่อนจะถูกส่งไปจอดรอที่ปากของชีคหนุ่มที่นั่งอยู่ไม่ไกล มินโฮรับเข้าแล้วยิ้มขอบคุณ ร่างสูงเคี้ยวพิจารณาอยู่เพียงครู่ก่อนจะครางอื้อเป็นทำนองพอใจ แม่ยูรียาลจึงแย้มยิ้มกว้าง
“ฝ่าบาท...พรุ่งนี้หม่อมฉันจะทดสอบวิชาการยิงธนู โปรดไปทอดพระเนตรด้วยนะเพคะ หม่อมฉันจะได้มีกำลังใจ”
ชาริฟาเริ่มแย่งพูดขึ้นมาบ้าง สองสตรีที่นั่งข้างกันส่งเสียงเจือยแจวอยู่รอบมินโฮไม่หยุด ในขณะที่อีกฝั่งดำเนินมื้ออาหารไปอย่างราบเรียบราวกับไม่สนใจสิ่งใด
“ชิมนี่สิโฮริญา ผัดอินทผลัม ของโปรดเจ้ามิใช่รึ?”
มินโฮละจากสตรีสองนางที่แข่งกันเอาใจเขามาตักอาหารจานโปรดที่อยู่ใกล้มือให้พระชายาที่หนึ่ง โฮริญาโค้งขอบคุณก่อนจะตักให้จูมานอีกทอดหนึ่ง
“เรื่องงานด้านการศึกษา พรุ่งนี้หม่อมฉันจะถวายรายงานในช่วงที่พระองค์ไม่อยู่ให้นะเพคะ”
คนปากหนักอย่างจูมานเอ่ยเรื่องงานแทนที่จะเอาอกเอาใจ แต่มินโฮกลับใคร่จะสนใจกว่าอีกสองคนที่ตอนนี้เริ่มเขม่นกันเพราะเอาแต่พูดแทรกกันไปมาอยู่มาก
แทมินมองภาพตรงหน้าอย่างอดนึกตกใจไม่ได้ ภาพความทรงจำในหนังภารตะแวบเข้ามาในหัวพลัน พระราชาที่มีคนพะเน้าพะนอซ้ายขวา ซ้ำยังบ้าผู้หญิงมีเป็นพันก็ยังไม่พอ นี่หากที่นี่มีลานกว้างแล้วจัดให้นั่งหันไปด้านเดียว เกรงว่าคงจะมีโชว์ระบำหน้าท้องให้ดูด้วยครบสูตรอีกรึเปล่า?
เอาเถอะ...ถึงบรรยากาศจะดูแปลกๆ ไม่ค่อยน่าคุ้นชินเท่าไหร่ แต่มันก็เป็นสังคมแปลกใหม่ที่แทมินได้พบ สำคัญที่สุดคือเขาต้องหาทางกลับจอร์แดนให้ได้ก่อนในตอนนี้
ก่อนที่จะต้องกลายไปเป็นหนึ่งในพระชายาที่ต้องบำเรอไอชีคบ้าหน้าด้านเจ้าอำนาจคนนี้แหละนะ
“เจ้านั่งไกล...เราคุยด้วยไม่สะดวกเลย”
จู่ๆ ไอ้คนที่กำลังนึกประณามในใจก็หันมาพูดด้วยแล้วทำหน้าหงุดหงิดใส่ ดอกเตอร์หนุ่มถึงกับเปลี่ยนอารมณ์ไม่ทัน
“อะ...อ้าว”
“เสียงเจ้าไม่ใสกังวานเหมือนหญิงสาวทั่วไป...น่าแปลก”
ก่อนที่แทมินจะได้พูดอะไร ยูรียาลก็แทรกขึ้นมาก่อน
“อ้อ...แทมินเป็นผู้ชายนะยูรียาล ไม่แปลกที่เจ้าจะรู้สึกแคลงใจ”
เคร้ง!
ช้อนส้อมของชาริฟาร่วงหล่นบนจานแก้วอย่างตกใจ ทั้งยูรียาลที่เพิ่งได้คำตอบเองก็ชะงักงันด้วยความทึ่ง
“บุ...บุรุษ? ในฮาเร็มรึเพคะ?”
แม่สาวเกาะอกแดงถามย้ำ มินโฮพยักหน้ารับทันทีอย่างไม่ลังเล
“ฝ่าบาท! นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน ยกผู้ชายมาเป็นชายา พระองค์บ้าไปแล้วรึไงเพคะ?”
ชาริฟายืดตัวขึ้นกระแทกเสียงถามอย่างไม่พอใจ ท่ามกลางความตื่นตระหนกของพระชายาสองนาง มินโฮไหวไหล่ไม่ยีระ ก่อนจะอธิบายเป็นเชิงรำคาญให้ฟังคร่าวๆ
“จำที่เรามีนิมิตได้ไหม? เขาเป็นชายในนิมิตนั้น เราเชื่อว่าเขาเป็นคู่ของเขาเราตามคำทำนายก่อนที่ท่านแม่จะเสีย ถึงจะเป็นผู้ชายแต่ก็ไม่ได้เสียหายอะไร เรามีวิธีจัดการในแบบของเราอยู่แล้ว”
น้ำเสียงเจือขบขันเมื่อกล่าวประโยคปิดท้าย ดอกเตอร์หนุ่มหันขวับไปถลึงตาใส่อย่างแสนเคือง แก้มแดงดูจะหยุดแดงไม่ได้เลยตั้งแต่มาอาศัยอยู่ในพระราชวังแห่งนี้ วิธีจัดการอะไรกัน ทำไม่เขาต้องข้องใจและไม่พอใจ นั่นอาจเป็นเพราะแอบมีญาณรับรู้ได้ถึงความหมายกระมัง
“ไม่เพคะ...ไม่ว่าฝาบาทจะมีเหตุผลอย่างไร พระองค์ก็ไม่สมควรยกย่องผู้ชายขึ้นมาทำให้หม่อมฉันรู้สึกเสียเกียรติ”
พระชายาอันดับสี่เอ่ยแย้ง เหตุผลที่ดูเหมือนจะเข้าท่าเล่นเอายูรียาลต้องนิ่งเงียบไปไม่เถียงสู้เหมือนทุกที จูมานยังคงเจริญอาหารราวกับมีโลกส่วนตัวที่ไม่มีใครเข้าถึง ส่วนโฮริญาเบือนหน้าออกไปมองนอกหน้าตาใหญ่เงียบๆ ปล่อยให้พระสวามีคนเก่งแก้เกมพระชายาคนเล็กเองตามที่อีกฝ่ายรับปากไว้เมื่อครั้งที่ได้ปรึกษากันในตอนบ่าย
“เกียรติที่เจ้าเสียไปคืออะไรชาริฟา? เกียรติคือคุณงามความดีที่เป็นชื่อเสียงน่ายกย่องนับถือ ฉันไม่เห็นว่าการที่ฉันจะหาพระชายาใหม่เป็นใครสักคนจะทำให้คุณงามความดีของเจ้าต้องแปดเปื้อนตรงไหน”
ชีคหนุ่มเอ่ยตอบหน้านิ่งโดยไม่มองคู่สนทนา แต่กลับเอาแต่จ้องปฏิกิริยาของว่าที่พระชายาคนใหม่ที่นั่งอยู่อีกฟากโต๊ะแทน
แทมินมีสีหน้าอึดอัด ร่างบางจับช้อนส้อมถือค้าง สีหน้าแอบวิตกเล็กๆ กับบทโต้อารมณ์ครั้งใหม่ ชาริฟาขบฟันแน่นอย่างโกรธเคือง หล่อนไม่มีทางที่จะยอมแพ้แล้วให้ผู้ชายที่ไหนไม่รู้มาเทียบหล่อนแน่ๆ
“เกียรติที่หม่อมฉันเสียไป ฝ่าบาทไม่ต้องรู้ความหมายของมันก็ได้ สำคัญที่สุดคือใจของหม่อมฉัน การที่สามีของตนเองยกผู้ชายขึ้นมาเสมอ มันชวนให้รู้สึกว่าเราต่ำต้อยด้อยค่า ทำหน้าที่ของเพศแม่ให้ชายผู้เป็นที่รักพอใจไม่ได้ หม่อมฉันเจ็บจนแทบกระอัก”
เจ้าหล่อนบีบน้ำตาให้ร่วงแผละ แทมินเริ่มวางไม้วางมือไม่ถูก ปากบางพะงับพะงาบอยากพูดอะไรสักอย่างที่จะทำให้สถานการณ์ทุกอย่างดีขึ้น แต่คิดอย่างไรดอกเตอร์หนุ่มก็คิดไม่ออก จึงทำได้แค่ทอดสายตาเป็นเชิงสื่อส่งไปที่จ้าวทะเลทรายที่นั่งเอนหลังพิงสบายๆ อย่างไม่ยีระต่อสิ่งใด
“เอ่อ...”
“งั้นคนที่ควรจะเจ็บปวดกับเรื่องนี้มากที่สุดน่าจะเป็นโฮริญาไม่ใช่รึไง?...”
ยูรียาลทีนิ่งเงียบไปนานแทรกขึ้นมา เรียกความสนใจจากทั้งเจ้าของชื่อและจูมานที่แรกเริ่มเฉยๆ อยู่ให้กลับมาสนใจได้
“ไม่เกี่ยวกับว่าฝ่าบาทจะมีพระชายาเป็นเพศไหน แต่ยิ่งตั้งพระชายาใหม่ขึ้นมามากเท่าไหร่ คนที่เป็นพระชายาคนแรกก็คงจะเจ็บช้ำกับความทรมานที่ดูแลสามีของตนเองได้ไม่ดีพอทั้งนั้น ของอย่างนี้โฮริญาคงพบมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว ลองถามความรู้สึกดูก็น่าจะรู้ ใช่ไหมโฮริญา?”
ว่าไปก็โบยมือไปทางโฮริญาไป แต่เหมือนจะกลายเป็นว่าปัญหาได้ตกลงหล่นทับใครหลายต่อหลายคน ชาริฟาโมโหจนหน้าเขียว เจ้าหล่อนทิ้งช้อนส้อมลงจานเสียงดังก่อนจะลุกขึ้นจากโต๊ะอย่างโกรธเกรี้ยว
“หม่อมฉันขอตัวเพคะฝ่าบาท...และขอย้ำชัดกับพระองค์เลยนะเพคะว่าอย่าหวังมติเห็นด้วยจากหม่อมฉันในสภาวันพรุ่งนี้”
พระชายาคนเล็กกระแทกเท้าเดินปึงปังออกไป ชวนให้โต๊ะอาหารทั้งโต๊ะเงียบกริบ มินโฮย้ายสายตาไปสบที่โฮริญา จูมานพินิจไปที่ยูรียาลเจ้าของคำเปรยชวนช็อก ส่วนดอกเตอร์หนุ่มยิ่งหน้านิ่วคิ้วขมวด อะไรคือมติจากสภา ยัยเด็กนั่นเป็นสส.รึไง ประเทศนี้ไม่ได้ปกครองระบบกษัตริย์หรือ?
ทางด้านชีคหนุ่มและชายาเอกที่สบตากันนั้นเหมือนมีวาจาที่ถูกเอ่ยออกไปทางสายตาครอบงำ มินโฮที่ต้องการถามในขณะที่โฮริญาระอาที่จะถูกถาม
หล่อนไม่อยากจะย้ำ...ไม่อยากจะรื้อฟื้นความรู้สึกใดใดให้ทั้งตนและอีกฝ่ายต้องกลับมาสับสนอีก
“ประทานอภัยเพคะ อาหารก็ออกจะอร่อย หม่อมฉันทำเสียรสชาติเสียได้”
ยูรียาลเอ่ยด้วยใบหน้าเจือสำนึกผิด มินโฮจึงหันสายตากลับมายังโต๊ะอาหารอีกครั้ง
“ทานกันต่อเถอะ จะได้รีบกลับไปพักผ่อน”
หัวโต๊ะเอ่ยเรียบๆ ก่อนตลอดมื้อจะตกสู่สถานการณ์สงบ ไม่ใครพูดอะไรต่อกัน มีเพียงเสียงช้อนส้อมกระทบเบาๆ บ้างเป็นบางครั้งปนไปกับเสียงถอนหายใจของใครบางคนเท่านั้น
แทมินรู้สึกแปลกๆ หลังจากที่เริ่มประมวลคำพูดเมื่อครู่ได้ เขาเข้าใจขึ้นมาทันที ชีคบ้านั่นก็คงเป็นห่วงความรู้สึกพระชายาอันดับหนึ่ง สายตาที่ดูอาธรห่วงใย ชวนให้รู้สึกหงุดหงิดใจนิดๆ
แล้วเขาจะหงุดหงิดใจไปทำไมล่ะ?
รีบจิ้มเนื้อใส่ปากเคี้ยวๆ กลืน กลบความคิดอ่านทั้งมวลให้ไหลลงคอไปพร้อมกับอาหาร ประเด็นที่เขาต้องใส่ใจในขณะนี้มีเพียงหาทางกลับเท่านั้น
“หาทางกลับ...หาทางกลับ คิดให้ออกทีเถอะ อี แทมิน”
“พึมพำอะไรน่ะ?”
มินโฮเอ่ยถามเพราะเห็นนกน้อยตัวดีเอาแต่ก้มหน้าก้มตาพึมพำภาษาบ้านเกิดของตน แทมินตกใจสีหน้าตื่น
“อึ๊...ไม่ไม่ มีอะไรรึเปล่า?”
“ถึงจะเป็นภาษากลางก็ควรใช้คำสุภาพนะ”
มินโฮติติง เรียกอารมณ์หงุดหงิดเล็กๆ ให้อีกฝ่ายได้ถนัดนัก แล้วพอแทมินเริ่มจะอ้าปากหวังตอกกลับ ชีคจอมเจ้าเล่ห์ก็เอ่ยขัดขาเสียก่อน
“เอาล่ะ...นี่ก็เริ่มดึกแล้ว วันนี้ค่อนข้างเสียเวลากับหลายเรื่องต้องขอโทษพวกเจ้าด้วย ตอนนี้กลับไปพักกันได้แล้วล่ะ”
หัวโต๊ะลุกขึ้นก่อนเป็นคนแรก ตามด้วยพระชายาอันดับหนึ่ง สอง สาม และแทมินที่ลุกเป็นคนสุดท้ายตามมารยาท โชคดีที่อย่างน้อยเขาก็ยังรู้จักมารยาทวัยวุฒิมากพอ ไม่ทำเรื่องขายหน้าต่อหน้าบรรดาพระชายาทั้งสามอีก
“พรุ่งนี้เจอกันที่ห้องประชุม”
ประตูห้องโต๊ะใหญ่ถูกเปิดกว้างอีกครั้ง พระชายาทั้งหลายแยกทางไปตามตำหนักส่วนของตนโดยมินโฮผายมือให้สตรีทั้งสามเดินไปก่อน พอเห็นดังนั้นแทมินจึงทำท่าจะออกเดินบ้าง แต่กลับโดนมือที่แกร่งราวคีมเหล็กหน่วงเอวคอดมาชิด เรียกได้ว่าจนปัญญาจะเดินหนีก็ว่าได้
“จะรีบไปไหน?” ชีคหนุ่มกระซิบถาม
“ก็เห็นว่าปล่อยแล้ว เลยจะกลับ”
“เราให้สามคนนั้นไปก่อน วันนี้เจ้ายังไม่ได้ชมจันทร์แรกที่โจฮาราญเลย เราจะพาเจ้าชม”
น้ำเสียงนั้นหวานหว่านเสน่ห์ ยิ่งบุรุษผู้พูดโน้มต่ำลงมากระซิบให้ที่ข้างหูด้วยแล้ว พลันหูนิ่มก็ระเรื่อเขินขึ้นมาในทันใด
“ไม่เอา...ง่วง...จะนอน”
แทมินหลบหน้าหันไปอีกทาง ต้องทำอย่างไร ดอกเตอร์อย่างเขาถึงจะไม่ดูกลายเป็นเด็กเวลาอยู่ต่อหน้าคนๆ นี้กันนะ
“ก็ได้ๆ เราตามใจเจ้า...เวลาของเราสองคนมันยังมีอีกยาวนานแหละนะ”
ขี้ตู่! ใครสอนให้คนๆ นี้เป็นผู้ชายหน้าด้านที่ชอบพูดเองเออเองได้ขนาดนี้นะ
แต่จะโทษใครยิ่งกว่าก็คงต้องโทษตัวเขาเอง ที่พาลใจเต้นไปกับประโยคมั่วๆ ของชีคหนุ่มตรงหน้า
มินโฮยอมคลายมือที่หนีบเอวของแทมินออก พลางเปลี่ยนตำแหน่งมาจับที่มือของอีกฝ่ายแทน คนชอบนำเดินลิ่วๆ โดยดึงเอาร่างบางให้ออกเดินตามมาด้วย ไม่นานทั้งคู่กลับมายืนนิ่งอยู่หน้าประตูห้องเดิมที่ฮาเร็ม นางกำนัลต้นห้องโค้งคำนับมินโฮอย่างนอบน้อมแถมเปิดประตูให้เสียพรั่งพร้อม แทมินเหลียวซ้ายขวาอย่างหวาดระแวง
หรือวันนี้เขาจะต้อง...
“คิดอะไรอยู่?”
มินโฮยื่นหน้าเข้ามาถาม แต่คงชิดเกินไป เพราะเล่นเอาคนถูกถามกัดปากพูดไม่ออกกันเลยทีเดียว
ทำไมเขาต้องชอบยื่นหน้าเข้ามาให้ชวนหัวใจวายอยู่เรื่อย?
แทมินนึกในใจ
“ไม่นี่...มาส่งใช่ไหม? กลับไปได้แล้ว ขอบคุณมาก”
ว่าปุ๊ปก็รีบเดินฉับเข้าไป ทว่ามือที่ถูกเกาะกุมจนชื้นเหงือนั้นยังไม่ยอมปล่อย
“ปล่อย”
“เดี๋ยวสิ...”
มินโฮมองร่างบางอย่างชั่งใจครู่หนึ่ง ก่อนจะยอมปล่อยมือแล้วถอยร่นออกมา
“โอเค...วันนี้คงเหนื่อยมาก ไปนอนเถอะ”
ประตูห้องที่กำลังจะปิดถูกยื้อไว้โดยคนปิดที่แอบชะโงกออกมามองชีคหนุ่มอย่างสงสัย แน่นอนว่าร่างสูงยังคงยืนส่งไม่ไปไหน มินโฮส่งยิ้มหวานกลับไปให้ราวกับจะกล่าวราตรีสวัสดิ์ในใจ แทมินถึงกับรีบปิดประตูดังโครม แต่ก็ยังไม่วายได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักจากคนด้านนอก
“ราตรีสวัสดิ์...เด็กน้อย”
ชายผ้าคลุมถูกสะบัดออกพร้อมร่างของจ้าวแห่งโจฮาราญที่นิวัติกลับตำหนักตนไปพร้อมรอยยิ้มเปี่ยมสุข
_ TBC _
.....................................................................
TALK: มาอัพหลังจากหายหน้าหายตาจากวงการไปนานมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ได้เวลาเปิดไหดองซะที ณ จุดนี้ก็ย่ำเรื่องเปลี่ยนเเปลงตอนเเล้วกันนะคะ อ่านเอาใน กระทู้เเจ้งปรับปรุง คงจะเข้าใจเเล้ว ฟิคเรื่องนี้เป็นโคตรซีรีย์มหากาพย์ที่เวลาผ่านไปช้าสาดจริงๆ T_T ขอให้อดทนกับมันหน่อยนะคะ เอาเป็นว่าถึงฟีทเเบ็กจะเป็นยังไง บีดีสัญญาเลยว่าจะต่อเรื่องนี้ได้ให้เร็วที่สุดเท่าที่ไรท์เตอร์โคตรขี้เกียจจะทำได้ สำหรับตอนนี้ก็ได้ประจัญกันครบเครื่องทุกนางเมียเเล้ว ไปเดากันเองเเล้วกันนะคะว่าชะตานกน้อย(?)จะเป็นอย่างไรต่อไป เป็นกำลังใจให้เรื่องนี้ด้วยเนอะ
ปล.ฝีมือในการเเต่งฝืดสุดๆ =___=;; อย่าได้ใส่ใจค่ะ ช่วงนี้ขาล๊งลง
ขอบคุณที่สนับสนุนเรื่อยมานะคะ
111023
BUTTERFLY DESTIN [B.D]
ความคิดเห็น