ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC : SHINee] Desert Affair [2MIN ft.JONGKEY]

    ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ 5 | โต๊ะใหญ่ [ครึ่งเเรก]

    • อัปเดตล่าสุด 23 ต.ค. 54


    TALK: มีการเเก้ไขชื่อตอนใหม่นะคะ ดูรายละเอียดในกระทู้ เเจ้งปรับปรุง ค่ะ





    ตอนที่ 5
    โต๊ะใหญ่

    (ครึ่งเเรก)



      






    ความเหน็ดเหนื่อยละลายเอาความรู้สึกต่อเวลาให้จางหายไปจนคนที่หลับสนิทไม่รู้ว่าตอนนี้ตนอยู่ในนิทรามานานเท่าไหร่ ฝันที่เหมือนไม่ฝันถลำแทรกเข้ามาในสมองพาให้รู้สึกสับสน ทั้งความทรงจำและความรู้สึกปะปนรวมกันจนมั่วซั่วไปหมด ร่างบางทั้งร้อนทั้งหนาว รู้สึกโดดเดี่ยวท่ามกลางทะเลทรายแห่งความมืดมิดที่เขามองไม่เห็นสิ่งใดเลยแม้แต่ตนเอง

     

     

     

     

    “.....”

     

     

     

    แต่แล้วจู่ ๆ ก็รู้สึกได้ว่ามีมือหนึ่งกำลังฉุดดึงเขาขึ้นไป แม้จะมองไม่เห็นว่าเป็นมือของใคร แทมินก็ไม่รู้สึกกลัว เขายอมเผชิญหน้ากับอันตรายดีกว่าต้องอยู่อย่างลำพังคนเดียว

     

     

     

     

    ยอมตายหากต้องอยู่บนโลกที่ไม่มีใครนอกจากตัวเอง

     

     

     

     

     

     

     

    แทมิน...

     

    เสียงทุ้มนั้นเหมือนจะคุ้นแต่ก็ไม่คุ้น เปลือกตาที่สะลึมสะลืออยู่ค่อย ๆ ถูกเปิดออก มโนแรกคือร่างสูงสันทัดของใครคนหนึ่งที่ฉวยมือเขาไว้แล้วออกดแรงบีบเพื่อให้เขารู้สึกตัว ดอกเตอร์หนุ่มพยายามปรับโฟกัสสายตาให้ชัดเจนอยู่ชั่วครู่ ไม่นานทุกอย่างก็กระจ่างชัดทั้งในสายตา สมอง และความทรงจำ

     

    ห้องสีเหลี่ยมผืนผ้าโทนสีน้ำตาลอ่อน ม่านไหมบางที่ถูกปล่อยลงมาปกคลุมเตียงสี่เสาอันโอฬาร ของตกแต่งวิจิตรเลอค่าสาดส่องเป็นเงาสวยงามภายใต้แสงไฟสีส้มอ่อนจากโคมไม้ฉลุลายแบบอาหรับโบราณ

     

     

     

    ...และเงาของใครคนหนึ่งที่ชวนให้รู้สึกอบอุ่น สบายใจ

     

     

     

    “...ได้ยินเสียงเราไหม?”

     

     

    แทมินพยักหน้า สมองมึนเบลอเผลอไผลไปชั่วครู่ ก่อนจะรีบกลับมารู้สึกตัวได้ว่าผู้ชายแปลกหน้าคนนั้นเป็นใครที่เขาไม่รู้จัก ร่างบางสะบัดมือออกก่อนถอยร่นไปขดอยู่บนหัวเตียงอย่างไม่ไว้วางใจ ใบหน้าหล่อเหลาในชุดพื้นเมืองสีขาวขอบทองปักลวดลายเรียบง่าย ใบหน้าคมเข้มเกลี้ยงเกลาไร้หนวดเคราปกปิด ตาคมแสนดึงดูดจ้องกลับที่นกน้อยในกรงทองของตนอย่างแน่วแน่ก่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่

     

     

     

    ดีที่ไม่เป็นไรมาก...ไอเราก็เป็นห่วง

     

     

    เสมือนเห็นภาพซ้อนของใครบางคนผุดขึ้นมาทับอีกฝ่าย ดอกเตอร์หนุ่มเพ่งนานไปที่ใบหน้าหล่อเหลาหมดจดนั้น ชายสูงศักดิ์ตรงหน้าแต่งตัวสบาย ๆ สไตล์ผู้ชายอาหรับทั่วไปแต่ดูมีอำนาจและสง่ามากกว่า

     

     

    คิดทบไปทวนมา...สมองก็ปรากฏคำตอบ

     

     

    มินโฮ...ไอพ่อค้าเจ้าเล่ห์นั่น!

     

    เสียงอุทานภาษาบ้านเกิดหลุดออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ แน่นอนว่าอีกฝ่ายปั้นหน้านิ่งมึนงงเพราะคงไม่เข้าใจในความหมายดังกล่าว แทมินรีบตะครุบปากตนไว้เพราะกลัวจะหลุดผรุสวาทอื่น ๆ ให้เขาจับทางได้อีก ตาสวยกดสายตามองชายหนุ่มนิ่งอย่างโกรธเคือง

     

     

    จำเราได้แล้วล่ะสิ...เจ้าโอเคนะ?”

     

    ร่างสูงเคลื่อนตัวเข้ามาประชิด พาลให้แทมินรู้สึกว่าเตียงสี่เสาอันใหญ่โตโอฬารดูเล็กลงไปชั่วขณะ นิ้วทั้งห้าจิกผ้าปูที่นอนสีแดงสดแน่นอย่างหวั่นเกรง ในพื้นที่รโหฐานซ้ำยังเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนที่ไหนก็ไม่รู้นี้ ผู้คนมากมายยิ่งยากจะเดาใจให้ถูก อันตัวเขาเองก็โดนหลอกจัง ๆ มาครั้งหนึ่งแล้ว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น จากนี้ไปเขาคงไว้ใจใครไม่ได้อีก

     

     

     

     

    คุณขายผมให้ชีคของคุณ...ใช่ไหม?”

     

    เหนือสิ่งอื่นใดคือข้อข้องใจที่ต้องการคำตอบ ร่างบางขบริมฝีปากเครียดในขณะที่ฝ่ายชีคหนุ่มล้าถอยออกมาพลางยกหลังมือขึ้นมาปิดปากหัวเราะคิก

     

     

    ผมจริงจังนะ! คุณคิดจะทำอะไรกัน...แล้วนี่คือฮาเร็มไม่ใช่รึไง ผู้ชายอย่างคุณเข้ามาได้งั้นเหรอ? หรือคุณเองก็เป็นแบบผม...คุณเป็นใครกันแน่!?”

     

    เป็นใครดีล่ะ?...พ่อค้าหรือนางห้าม อยากให้เราเป็นอะไร?”

     

    คนตัวใหญ่พิงร่างของตนกับเสาสลักที่ปลายเตียงแล้วเหยียดขายาวได้รูปของตนออกด้วยท่าทางสบายอกสบายใจเสียเต็มประดา ขัดกันสนิทกับอีกคนที่ยังคงหดตัวหวาดระแวงอยู่ที่หัวเตียง

     

     

     

    คุณ!...

     

     

    ที่ตอนนี้อารมณ์หวาดเริ่มถูกแทรกโดยอารมณ์โกรธแทน ดวงหน้าหวานยู่คิ้วย่น แต่ก็ยังไม่เปลี่ยนท่าทาง ร่างบางกระแอมไอเป็นเชิงหาจังหวะ

     

     

     

     

    ผมจะให้โอกาสคุณ ถ้าคุณพาผมกลับไปที่อัมมานได้...ไม่สิ แค่ให้ผมติดต่อสถานทูตหรือเมืองที่ใกล้ที่สุดได้ คุณจะเรียกเงินเท่าไหร่ อยากได้อะไร ผมจะหามาให้

     

    การใช้เงินตัดสินปัญหาไม่ใช่หนึ่งในวิธีที่แทมินชื่นชอบสักเท่าไหร่นัก เขารู้ดีว่ามันเป็นการดูถูกอีกฝ่ายอย่างร้ายกาจ แต่มันก็แล้วแต่การใช้กับคนต่างบุคลิกกัน

     

     

     

     

    ถ้าให้เขาบอกในเมื่อเกือบสี่ห้าชั่วโมงก่อนหน้านี้ แทมินไม่มีทางคิดว่ามินโฮจะเป็นผู้ชายที่เห็นแก่ได้เป็นอันขาด แต่ก็นับว่าคราวนี้สายตาเขาอาจพลาดไป ผู้ชายเจ้าเล่ห์ร้ายกาจตรงหน้าคงมีอะไรที่ลึกลับซับซ้อนมากมายกว่าที่คิด แถมนัยน์ตาพราวระยับนั้นยังปกปิดหลอกลวงได้เก่งกาจเป็นที่หนึ่ง

     

     

    'หลอกดอกเตอร์อี แทมินคนนี้ได้ก็นับว่าทั้งเก่งและกล้าจริงนั่นแหละ'

     

     

     

    ฮืม...เจ้ามีให้เราได้มากเท่าที่เราต้องการจริงๆ เหรอ? มากกว่าชีครึเปล่า?”

     

     

    นิ้วเรียวไล้สันกรามตนแสร้งทำท่าทางอย่างคนที่กำลังใช้ความคิดหนัก อาจดูหล่อเหลาและไว้มาดกวน นิด ๆ ถ้าคนมองเป็นผู้หญิงทั่วไป แต่กับผู้ชายที่เคยโดนหลอกมาแล้วอย่างดอกเตอร์แทมินนั้นไม่ใช่ ตาคมของร่างบางยังคงจับจ้องท่าทีเหล่านั้นไม่วางตา เขาจะไม่ยอมให้ทุกอย่างหลุดรอดสายตาไปได้เป็นอันขาด

     

     

    ก็อยู่ที่คุณว่าอยากได้อะไร...แต่ผมจะขอบอกคุณไว้อย่าง ผมเป็นคนที่สามารถทำให้ประเทศของผมทั้งประเทศเป็นศัตรูกับประเทศของคุณ รวมทั้งจอร์แดน หรือแม้กระทั่งทำให้ทั้งอาหรับในสายตาเอเชียตะวันออกมัวหมองได้อย่างแน่นอน

     

     

    ร่างบางกดเสียงลงต่ำ แต่เน้นย้ำอย่างชัดถ้อยชัดคำ จิตวิทยาที่เขาร่ำเรียนมามีโอกาสได้เอามาลองใช้จริงจังในสถานการณ์คับขันเอาก็เวลานี้นี่แหละ แน่นอนว่าเขารู้ดีว่าบิดาของเขาเป็นเพียงรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ แต่การเยินยอเวอร์ ๆ เอาไว้ก่อนก็คงจะเพิ่มแรงกดดันให้มากพอที่จะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกหวั่นไหวได้

     

     

     

    ...หวั่นไหวบ้างรึเปล่านะ?

     

     

     

    เจ้าคิดว่านโยบายโลกสันติแบบตะวันตกที่เจ้าไปเรียนมามันมีจริงงั้นเหรอ? เจ้าคิดว่าปัจจุบันความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหนึ่งกับประเทศหนึ่งเนี่ยผูกกันด้วยอะไรบ้าง? มันจะขาดไปง่าย ๆ เพราะลูกชายประธานาธิบดีถูกลักพาตัวไปตายที่ประเทศใดประเทศหนึ่งงั้นรึไง?”

     

     

    ฝ่ายที่ดูมีอายุมากกว่าอธิบายพลางยิ้มขำ

     

     

    เด็กโง่...เพราะโลกที่เจ้าเรียนมามันไม่ใช่โลกที่แท้จริง

    คำว่า เด็กที่ได้ยินชัดเจนนั้นทำให้ดอกเตอร์หนุ่มเหมือนโดนสบประมาทอย่างแรง

     

     

    คุณ!

    ดอกเตอร์หนุ่มขบกรามแน่นพลางชี้หน้าคู่สนทนาอย่างเจ็บแค้น

     

     

    งั้นขอผมคุยกับชีคของคุณ ไปตามเขามาให้ผม

     

    เจ้ามีสิทธิ์สั่งเราด้วยงั้นเหรอ?”

     

    มีสิ...อย่างน้อยๆ ตอนนี้ผมก็เป็นน้อยของชีคคุณไม่ใช่รึไง?”

     

     

    แต่ไม่ทันให้บรรยากาศกรุ่นย่อม ๆ ได้ปะทุดี เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

     

     

    ขออนุญาตเพคะ!

     

     

    นางกำนัลคนเดิมดังเอ่ยจากด้านหลังธรณีประตู ยังผลให้บทสนทนาที่กำลังโรมรันกันเมื่อครู่ต้องหยุดชะงักไปชั่วคราว แล้วก็เป็นร่างสูงที่ยกมือขึ้นดีดนิ้วเสียงดัง ประตูบานใหญ่จึงถูกเปิดออก

     

     

    ประทานอภัยเพคะฝ่าบาท...หม่อมฉันไม่ทันได้ทราบ..

     

     

    ภาษาอารบิกถูกเอื้อนเอ่ยจากปากนางเป็นสำเนียงแสนนบน้อมส่งไปถึงชายร่างสูง ท่าทางหวาดกลัวผิดกับที่กระทำกับตนทำให้แทมินรู้สึกแปลกใจ ในใจเพิ่มความหวั่นเกรงต่ออำนาจของบุรุษหนุ่มตรงหน้ามากยิ่งขึ้นไปกว่าเดิม

     

     

    '...เป็นใครกันแน่นะ?'

     

     

    ฝ่ายมินโฮนอกจากจะไม่สบหน้ากับนางกำนัลแล้ว ยังโบกมือยิ้มอย่างไม่ใส่ใจอีก นายเหนือแห่งโจฮาราญเอาแต่จ้องมองท่าทีของเด็กน้อยของตน สังเกตเพียงว่าดอกเตอร์หนุ่มตัวเล็กจะเป็นกังวลมากแค่ไหน

     

     

     

    จะรู้ตอนนี้หรือตอนไหนเขาก็ต้องรู้ เจ้าไม่ต้องสำนึกผิดไปหรอกมีอุส ดีเสียอีก...เราก็อยากรู้เหมือนกันว่าเด็กน้อยของเราจะแก้ปัญหานี้อย่างไร

     

     

    นายบ่าวที่ส่งภาษาอารบิกตอบโต้กันไปมานั้นเรียกอารมณ์หงุดหงิดให้แทมินรู้สึกได้ชัดเจน ร่างบางต้องอาศัยการเดาสุ่มจากการสังเกตสีหน้า เพราะตัวเขาไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับภาษาอารบิกเลยสักนิด ดูจากรูปการแล้วเนื้อเรื่องหลักๆ คงไม่พ้นเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเขาเป็นแน่แท้

     

     

     

    แน่จริงก็พูดภาษากลางสิ ปัญญาชนกันแล้ว ไม่เห็นต้องกลัว

    ด้วยความยัวะเองส่วนตัว แทมินอดไม่ได้ที่จะกัดอีกฝ่ายสักหน่อย

     

    เจ้านี่มันช่างกล้าบ้าบิ่น ต่อหน้าจ้าวแห่งโจฮาราญแท้ๆ เจ้ายังกล้าสามหาว หาได้มีความรู้สำนึกไม่!

     

    นางกำนัลจิกสายตาใส่ชายหนุ่มร่างเล็ก ในขณะที่สมองของแทมินเพิ่งจะประมวลผลได้เดี๋ยวนั้นถึงคำตอบที่เขาอยากรู้มานมนาน

     

     

     

     

    มินโฮ ดิฮาน มาฮาราญ ดิฮาน จารัล บิน มูอาส

    ชื่อยาวขนาดนี้...ไม่เคยฉุกใจคิดเลย

     

     

     

     

    รัศมีที่ดูแปลกแยกจากคนทั่วไป กริยาที่ทรงสง่า หรือบรรยากาศของผู้มีอำนาจ

    ผู้ชายคนนี้...

     

     

     

     

    อยากเจอชีคไม่ใช่เหรอ? ก็มาอยู่ที่นี่แล้วไง...ยินดีต้อนรับสู่บ้านของเรา และยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการนะ ดร.อี แทมิน

     

     

     

     

    ...เป็นชีคแห่งนครโจฮาราญตัวจริง

     

     

     

     

    “.....”

     

     

     

     

    รัศมีแห่งความเงียบเข้าครอบคลุมไปทั่วห้องเป็นเวลานาน แทมินที่ยังคงนิ่งอึ้งกับสถานการณ์ตรงหน้าและมินโฮที่เอาแต่อมยิ้มสนุกสนานรอการแก้เกมส์จากอีกฝ่ายอีกทั้งนางกำนัลมีอุสที่เอาแต่ถอนหายใจโดยไม่พูดอะไรออกมานั่นอีก

     

     

    ช่วงก่อนหน้าที่แทมินได้เข้ามาพักที่ห้องนี้ มินโฮได้มอบหมายงานให้เรยาลไปตรวจสอบข้อมูลของว่าที่สนมคนใหม่มาโดยละเอียด และแน่นอนว่าเรยาลไม่ได้ทำให้ผิดหวัง ทั้งประวัติส่วนตัวประวัติการศึกษารวมไปถึงผลวิเคราะห์ลักษณะนิสัยใจคอที่มหาวิทยาลัยเก็บไว้เป็นความลับเขาก็รู้

     

     

    'เป็นถึงดอกเตอร์...เขาคงเคี้ยวไม่ได้ง่ายๆ แน่'

     

     

    นึกสงสัยกับตนเองอยู่ในใจมากโขเช่นกันว่าทำไมถึงรู้สึกต้องการครอบครองคนตรงหน้ามากมายขนาดนี้ ความเสน่หาที่ถาโถมมาจากไหนก็ไม่อาจรู้ได้ล่อลวงให้หัวใจรู้สึกปั่นป่วนทุกครั้งที่ได้สบนัยน์ตาวาวระยับราวกับลูกกวางตัวเล็ก ๆ นั่น อยากกอด อยากทำให้ตกเป็นของตน อยากเป็นเจ้าของความรักของอีกฝ่าย

     

     

     

     

    ความรู้สึกรุนแรงกว่าครั้งใดๆ ที่เคยเกิดขึ้น

    มันเป็นเรื่องบังเอิญหรือเป็นเรื่องที่ฟ้าลิขิต?

     

     

     

     

    ตลกร้ายรึไง...ฝัน...ต้องฝันอยู่แน่ๆ ทั้งเรื่องฮาเร็ม ทั้งเรื่องไอชีคบ้านี่

     

    งั้นลองพิสูจน์หน่อยเป็นไรว่าเจ้าฝันอยู่หรือไม่?”

     

    ยังไม่ทันได้อ้าปากตอบมือใหญ่ก็ฉวยดวงหน้าเรียวเข้ามาประกบปากเสียก่อน ปฏิกิริยาของดอกเตอร์หนุ่มไวพอที่จะตอบโต้ สองมือรีบดันอกแกร่งออกไปสุดแรง ทว่าร่างสูงนั้นแข็งแกร่งราวหินผาที่ผลักเท่าใดก็ไม่ขยับเขยื้อน ซ้ำเรี่ยวแรงที่ทุ่มเทไปนั้นกลับสะท้อนเข้าตนจนล้มพับไปบนที่นอนอีก

     

     

    อุบ! อื้อ!!

     

     

    ริมฝีปากหนาที่ได้สัมผัสรสหวานเพียงฉาบฉวยเมื่อครู่ตามลงไปประกบกลีบปากบางแน่น ชีคหนุ่มผู้ช่ำชองสอดลิ้นเรียวของตนเข้าไปในโพรงปากอุ่นอย่างไม่รอช้า นกน้อยในอุ้งมือทั้งดิ้นทั้งตกตะลึงเหมือนไม่เคยผ่านประสบการณ์เช่นนี้มาก่อน ทั้ง ๆ ที่ร่ำเรียนมาจากบ้านเมืองที่เคยชินกับพฤติกรรมดังกล่าว แต่แทมินกลับเป็นคนหนุ่มที่หัวโบราณกว่าที่คิด ซ้ำยังอ่อนต่อโลกนักในเรื่องของความรัก ยิ่งเรื่องผิดเพศเช่นนี้ นอกจากจงฮยอนกับคิบอมแล้ว เขาไม่เคยทำใจยอมรับได้

     

     

    แต่แล้วก็ต้องมาเกิดกับตัวเอง

     

     

    'ขอเป็นผู้กระทำไม่ใช่ผู้ถูกกระทำได้ไหมล่ะ?'

     

     

    ถึงในใจจะคิดเช่นนั้น แต่สัมผัสชื้นที่ถูกล่วงล้ำเข้ามานั้นกลับทำให้ร่างกายรู้สึกเบาหวิว ความหวานประหลาดรื่นขึ้นมาพลันชวนให้รู้สึกเบลอเล็กๆ

     

     

    ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขากำลังรู้สึกดี

     

     

    ฮือ...อื้อ

     

     

    แต่เด็กน้อยก็คือเด็กน้อย แทมินหน้าซีดหมดแรงอย่างรวดเร็วเพราะไม่รู้วิธีหายใจ ร่างทั้งร่างอ่อนยวบแผ่กลางเตียงใหญ่อย่างไร้เรี่ยวแรงทัดทาน มินโฮที่นึกสงสารปนเอ็นดูจึงผละออกมา

     

     

    นี่คงจะเป็นจูบแบบลึกซึ้งครั้งแรกของอีกฝ่าย

     

     

    ยิ่งรู้สึกได้ว่าเป็นเช่นนั้น มินโฮยิ่งลิงโลด เขาชอบความบริสุทธิ์และสดใสของแทมิน ใบหน้าที่กระตือรือร้นและเฝ้าชื่นชมเขาอย่างจริงใจนั้นทำให้เขาไม่อยากปล่อยนกน้อยของเขาไป

     

     

     

    รู้รึยังว่าเจ้าไม่ได้ฝัน?”

     

    ร่างบางขบริมฝีปากแน่นจนขึ้นสีจัด ตาพร่าที่จะปิดแหล่ไม่ปิดแหล่พยายามจิกเข้าใส่ตาโตลึกของอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง อยากจะลุกขึ้นไปต่อยสักทีแต่ก็ไร้เรี่ยวแรงเพราะฤทธิ์จูบ

     

     

    ไอชีควิปริตบ้ากาม ออกไปให้พ้นเลยนะ!

     

     

    อาวุธที่พอใช้งานได้ตอนนี้มีเพียงเสียงดัง ๆ ที่กราดก้องไปทั่วห้องเท่านั้นที่พอจะสู้ไหว แต่ไหนเลยถ้อยคำผรุสวาทไม่อาจทำอันตรายแก่ชีคหนุ่มได้สักนิด คนตัวโตที่เพิ่งถอยร่นออกไปเพียงหนึ่งช่วงตัวหัวเราะใส่อย่างขำขัน

     

     

    แทมินลงความเห็นว่าเป็นท่าทางที่กวนมือกวนเท้าเขาที่สุดในโลก

     

     

    ยังมีหน้ามาหัวเราะอีก...ปล่อยผมไปเดี๋ยวนี้ คุณไม่มีสิทธิ์มาล่วงเกินสิทธิมนุษยชนของผม ผมจะฟ้องคุณ ข้อหา ล่อลวง ปลอมแปลงเอกสาร และลักพาตัวคนต่างชาติ ต่อให้เป็นถึงชีคก็เถอะ!

     

     

    มินโฮพยายามกลั้นขำให้กับท่าทางจริงจังที่อีกฝ่ายพยายามสร้างขึ้นทั้ง ๆ ที่ร่างกายยังอ่อนเปลี้ย นี่ถ้าหากทำได้แทมินคงจะยกนิ้วมาชี้หน้าด่าเขาฉอด ๆ หรือไม่ก็พยายามเข้ามาประทุษร้ายด้วยการต่อยหน้าสักที

     

     

    หลักกฎหมาย หลักมนุษยชน ทำอะไรเจ้าแผ่นดินนี้ไม่ได้ โจฮาราญล้อมรอบด้วยทะเลทรายทุกทิศทุกทาง อยู่ห่างไกลจากตัวเมืองที่ใกล้ที่สุดมากกว่าสามร้อยไมล์ ถึงจะอยากตะเกียกตะกายไปฟ้องศาลกงสุลหรือยังไง หากมีเพียงเจ้าออกไปตามลำพังมีหวังตายกลางทางแน่ ๆ

     

     

    ทุกอย่างที่ร่างสูงเอ่ยนั้นล้วนเป็นไปได้จริงทั้งสิ้น ก็อย่างที่เจ้าตัวว่า ดินแดนห่างไกลเช่นนี้ให้หวังว่าจะมีประชาธิปไตยนั้นคงเป็นไปได้ยาก เหนือหัวคือกฎหมายสูงสุด และหากจะดั้นด้นหนีออกไปก็รั้งแต่จะพาตัวเองไปตาย จากเหตุการณ์ที่ผ่าน ๆ มาก็สอนเขาได้มากอยู่

     

     

     

     

    'สถานการณ์โคตรบัดซบ'

     

     

     

     

     

     

     

     

    ฝ่าบาทเพคะ...

     

     

    ราวกับทั้งคู่ได้ลืมบุคคลที่สามในห้องไปเสียเรียบร้อย มีอุสเปรยเรียกนายตนด้วยสีหน้าเรียบตึง หัวหน้านางกำนัลวัยกลางคนจิกสายตาใส่ชีคหนุ่มอย่างเอาเรื่อง

     

     

    อ้อ...มีอุสก็อยู่นี่เนอะ

    มินโฮแสร้งยิ้มกวนก่อนจะลุกจากเตียงใหญ่แล้วเดินไปทางนางกำนัลที่ยืนทำหน้าดุอยู่หน้าประตู

     

     

    อย่าให้หม่อมฉันต้องดุพระองค์

     

    เราก็ไม่ชอบฟังเจ้าดุหรอก เอาเป็นว่าช่วยดูแลเขาด้วยนะ เย็นนี้เราจะมาใหม่

     

     

    นายบ่าวสนทนาเป็นภาษาประจำชาติ เรียกเอาหัวคิ้วยุ่ง ๆ ของแทมินถูกเรียกเข้ามาผูกกันเป็นปมอีกครา เขาสาบานกับตัวเองไว้แน่แล้ว หากได้หลุดไปจากไอเมืองบ้านี่ได้ เขาจะขอให้จงฮยอนติวภาษาอาหรับให้ชนิดที่สามารถจะกลับมาตอกหน้าไอชีควิปริตให้หงายหลังให้ได้

     

     

     

    'ว่าแต่...เพื่อนเขาจะเป็นยังไงบ้าง?'

     

     

     

    ทิ้งทุกเรื่องให้หม่อมฉันจัดการให้อยู่เรื่อย

    นางรำพึงแกมจะบ่น มินโฮเห็นท่าจะยาว ชีคหนุ่มจึงรีบเยินยอนางกำนัลใหญ่อย่างเอาใจ

     

     

    เจ้ารู้เรื่องฝ่ายในดีกว่าใคร เราไม่อยากรบกวนโฮริญา นอกจากนาง เราไว้ใจเจ้าที่สุด

     

    ขอบพระทัย แต่เชิญเสด็จก่อนเถิด กระหม่อมได้ยินว่าพวกผู้บริหารบริษัทที่ดูไบส่งคนมาส่งหนังสือด่วนให้พระองค์

     

    อา...คงจะเป็นเรื่องเดิม ๆ สินะ ชอบหลอกให้เราตกใจว่าเป็นเรื่องด่วนอยู่เรื่อย

     

    เสด็จเถิดเพคะ...เป็นกิจของจ้าว ก่อนนี้องค์ชีคกาก็เคยตรัสให้พระองค์ทราบออกบ่อย

     

     

    นางกำนัลยกคำพระมารดาของเขามาขัดได้ตรงจังหวะ ครั้นพอได้ยินดังนั้นร่างสูงถอนหายใจทิ้งเฮือกใหญ่ จ้าวที่ว่าชักสีหน้าเบื่อหน่ายก่อนจะเดินออกจากห้องไปโดยไม่วายทิ้งถ้อยคำชวนขนลุกให้นกตัวเล็กของตน

     

     

    เย็นวันนี้เราจะมาอีก พยายามปรับตัวเข้าล่ะ

     

    ว่าแล้วก็ยกนิ้วโป้งมาจูบล้อเลียนให้อีกฝ่ายโกรธเล่น และก็เป็นดั่งที่ใจต้องการ ร่างบางของด๊อกเตอร์ที่เพิ่งฟื้นจากอาการ เมาจูบเมื่อครู่ คว้าหมอนอิงใบใหญ่ปาใส่ชีคผู้สูงศักดิ์อย่างไม่เกรงกลัว

     

     

    จะให้ อี แทมิน เชื่อว่าพฤติกรรมของร่างสูงเหมาะสมกับตำแหน่งชีคที่ควรเคารพของนครนี้งั้นหรือ?

    เขาขอเชื่อแค่ในนามเถิด!

     

     

     

     

     

    มินโฮ ดิฮาน

    คนที่เคยประทับใจที่สุดกลายมาเป็นคนที่อยากฆ่าทิ้งที่สุด

     

     

     

     

     

    ท่านแทมินคะ

     

    นางกำนัลที่เหมือนจะร้ายกาจลดน้ำเสียงให้เบาและนุ่มลงกว่าคราแรกที่เจออย่างเห็นได้ชัด มีอุสฉายแววตาสำนึกผิดระคนสงสาร หนุ่มน้อยผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ถูกชีคตัวดีของหล่อนลากเข้ามาสร้างความยุ่งเหยิงทั้ง ๆ ที่อายุก็ยังน้อย ซ้ำหล่อนยังแทบลมจะจับเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นถึงลูกรัฐมนตรีระดับประเทศแถมยังจบดอกเตอร์มาแล้วอีกต่างหาก

     

     

    เคราะห์กรรมจริง ๆชีคมินโฮเองก็ร้ายใช่ย่อย

    ได้ยินจากท่านเรยาลมาว่าเป็นคนในนิมิต โชคชะตาคงดลบันดาลให้ได้พบ ชีคจึงไม่อาจปล่อยโอกาสนี้ไป

     

     

    “...ครับ

    อีกฝ่ายขานรับเสียงอ่อน หน้าตาท่าทางดูอิดโรยและเป็นกังวลหนัก

     

     

    ประทานอภัยที่เสียมารยาทไปมากในครั้งแรกที่ได้พบ ดิฉันคิดว่าท่านเป็นพวกวิปริตไม่มีหัวนอนปลายเท้าที่คิดจะมาปลอกลอกชีค เลยเผลอก้าวร้าวใส่ เนื่องด้วยเป็นคนเก่าคนแก่มานมนาน โปรดอย่าถือสาเลยนะคะ

     

     

    หล่อนทำงานรับใช้ใกล้ชิดราชวงศ์ที่ปกครองนครโจฮาราญมาตั้งเเต่ยังเล็ก โดยเริ่มจากพระมารดาของชีคมินโฮเป็นคนเเรก พอชีคหนุ่มเกิด มีอุสก็กลายมาเป็นพี่เลี้ยงที่เปรียบเสมือนเเม่คนที่สองคอยดูเเลมาโดยตลอด

     

     

    "....."        

    เเทมินปิดเปลือกตาลงพลางถอนหายใจ ก่อนจะเด้งตัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน เล่นเอาสตรีวัยกลางคนที่ยืนอยู่ใกล้ถึงกับผงะตกใจ

     

     

    "คุณมีอุส...ช่วยผมได้รึเปล่าครับ? ไหนๆ คุณก็ดูสนิทกับชีคดี คุณช่วยผมให้กลับบ้านได้ไหม?"

     

     

    มือเล็กเกี่ยวเเขนนางกำนัลขึ้นมากุม ดอกเตอร์ตัวบางกระพริบตาปริบๆ เเบบที่ชอบใช้อ้อนคิบอมทุกครั้งจนเพื่อนสนิทใจอ่อน มีอุสมองใบหน้าน่ารักด้วยความเอ็นดูเเต่ก็ส่งยิ้มเจือนให้ในเวลาต่อมา

     

     

    "ดิฉันก็อยากจะช่วย เเต่ครั้งนี้ฝ่าบาทเเปลกไปจากที่เคย โดยปกติเเล้วท่านมิใช่พวกชอบหักหาญน้ำใจคนอื่น หรือมีวิสัยชอบเเย่งชิง เพิ่งจะเกิดกรณีประหลาดจากท่านเเทมินเป็นคนเเรก เมื่อครู่ในช่วงที่เพิ่งได้ถามไถ่ความเป็นมาดิฉันได้ท้วงติงเรื่องนี้เเล้ว เเต่ฝ่าบาทก็ปฏิเสธที่จะทำตามคำเเนะนำ ฝ่าบาทเอ่ยเเต่เพียงว่า ท่านเป็นคนในพรหมลิขิตจะปล่อยไปมิได้ ดิฉันเองก็จนปัญญาที่จะช่วย...เพราะฉะนั้นต้องขอโทษจริงๆ"

     

     

    เเขนทั้งสองของนางกำนัลถูกปล่อยลงพร้อมเเขนบางที่จู่ๆ ก็หมดเเรงตึง ทิ้งห้อยอยู่ข้างตัว แทมินทั้งอึ้งทั้งหมดเเรงจะคิดจะทำอะไร ในเมื่อใครๆ ในเเผ่นดินนี้ก็ช่วยเขาไม่ได้เเล้วเขาจะหาทางหนีรอดได้จากที่ไหน หรือจะทำได้เพียงส่งกระเเสจิตให้ใครสักคนมาช่วยเขา ให้เขามีโชคดีบ้าง ก่อนที่อะไรๆ จะเกินเลยมากไปกว่านี้

     

     

    'ฝ่าบาทเอ่ยเเต่เพียงว่า ท่านเป็นคนในพรหมลิขิตจะปล่อยไปมิได้'

     

     

    ดวงหน้าร้อนวูบวาบเมื่อคิดถึงสัมผัสเมื่อครู่ ซ้ำยังถ้อยคำบอกเล่าจากนางกำนัล ทำให้หัวใจอดเต้นเเรงลึกๆ ไม่ได้ เเต่พอเริ่มคิดในอีกเเง่ หากเขาปล่อยทุกอย่างให้เป็นเช่นนี้ต่อไป เห็นที่ความบริสุทธิ์ผุดผ่องของเขาต้องโดนคนเจ้าเล่ห์หน้าซื่อพรรค์นั้นช่วงชิงไปเป็นเเน่ แทมินจะไม่ยอม ไม่ว่าต้องเเลกด้วยสิ่งใดเขาจะต้องกลับบ้าน กลับไปหาพ่อ คิบอม เเละจงฮยอนให้ได้

     

     

     

     

    ถึงจะไม่รู้ว่าสถานการณ์ทางนั้นจะเป็นอย่างไรบ้างก็เถอะ

     

     

     

     

    ............................................................

     

     

     

     

     

    พระตำหนักขาวเป็นเรือนเเยกมาจากพระตำหนักกลางอันหรูหราของราชวงศ์โจฮาราญ เดิมที่เป็นตำหนักที่ชีคมาฮาราญ ชีคองค์ก่อนเป็นผู้ดำริให้สร้างเพื่อเป็นของขวัญในพิธีอภิเษกเเรกของรัชทายาทมินโฮเมื่อเเปดปีก่อน เเต่เมื่อไม่กี่ปีมานี้ชีคมินโฮได้เเปรพระตำหนักของตนมาอยู่ที่พระตำหนักกลาง พระตำหนักขาวจึงตกเป็นของพระชายาโฮริญา พระชายาอันดับหนึ่งในพระองค์ไปโดยปริยาย

     

    ตัวพระตำหนักโออ่าด้วยหินอ่อนที่ว่ากันว่าสร้างเลียนเเบบทัชมาฮาล เเต่สีขาวของหินอ่อนนั้นเป็นสีอมฟ้ารับกันดีกับท้องน้ำที่ล้อมรอบตำหนักอยู่ จัดได้ว่าเป็นเรือนเเยกที่สวยงามที่สุดในบรรดาเรือนเเยกหลายสิบหลังของราชวังแห่งโจฮาราญ

     

     

    ณ สถานที่เเห่งนี้ พระชายาอันดับหนึ่งผู้เป็นจ้าวตำหนักกำลังเปิดการสนทนากับชีคหนุ่มพระสวามีอย่างไม่จริงจังนัก

     

     

     

    "เรื่องนกของเจ้า...จะให้เราดำเนินการอย่างไรต่อ?"

     

    เสียงหวานคร้านเบื่อหน่ายเอ่ยถามชายที่นอนเอกเขนกอยู่บ่นเเท่นเบาะหนังเเกะนุ่มๆ นั้นอย่างไม่จริงจัง ใบหน้าของโฮริญายังคงความงดงามเเม้เเสดงอาการไม่พอใจ ไม่ใช่ว่าหล่อนคิดจะว่าอะไรชีคหนุ่มผู้เป็นสวามี เเต่หล่อนรู้สึกได้ถึงเค้าลางเเห่งความยุ่งยากที่พร้อมจะโผล่ขึ้นมาให้เห็นในอนาคตต่างหากถึงได้ต้องวางเเผน

     

     

    "หึง?" คนขี้เล่นหยอกขำ

     

    "เราควรจะหึง?...หรือเจ้าไม่รู้ใจเรา?" ฝ่ายหญิงยอกย้อน

     

     

    มินโฮขำพรืดกับท่าทีของพระชายาของตน ชีคหนุ่มจิบไวน์ขาวที่เพิ่งได้รับมาจากทูตของดูไบอย่างสุขใจ มือหนึ่งถือเเก้วไวน์พลางไล้นิ้วคลอเคลียไปมาที่ริมฝีปาก ราวกับจะเปรียบเทียบรสไวน์กับสัมผัสหวานที่เพิ่งได้รับมาในวันนี้

     

     

    เเล้วรสชาติใดจะหวานล้ำเทียบเท่ารสจูบเล่า?

     

     

     

    "เราให้เขาทำสัญญาตกลงปลงใจที่จะเป็นนางห้าม เเต่ไม่ใช่ทะเบียนสมรส"

    ชีคหนุ่มหยุดความขบขันลง ก่อนจะเริ่มเปรยขึ้นมาจริงจัง

     

     

    "ว่าไป" ภริยาเอกเปลี่ยนท่าทีมาฟังอย่างตั้งใจ

     

     

    "ก็อย่างที่เปรยไว้ตอนเเรก...ทะเบียนสมรสตามกฎดั้งเดิมก็ต้องเซ็นต่อหน้าพยาน ยิ่งเป็นเรื่องของราชวงศ์ยิ่งต้องได้รับการยินยอมจากฝ่ายสภาประชาชน"

     

     

    "คิดจะให้เป็นพระชายา...เจ้าเอาจริงเหรอ? พบกันไม่ถึงเดือน"

     

    โฮริญาเลิกคิ้วสูงเป็นอารามว่าตกใจที่ได้ยินความคิดไวไฟของชีคหนุ่ม เท่าที่รู้มา มินโฮรู้จักมักจี่กับอีกฝ่ายได้ประมาณหนึ่งอาทิตย์หรือไม่ถึงเสียด้วยซ้ำ จู่ๆ จะให้ขึ้นมาเป็นพระชายา พระสวามีของนางคงจะบ้าไปเเล้ว

     

     

    "ถ้าไม่เอาจริงเขาก็อยู่ไม่ได้นะริญา ฮาเร็มเป็นสถานที่ต้องห้ามของผู้ชาย ถึงจะให้เราเปลี่ยนกฎ สภาประชาชนย่อมไม่ยอมเราเเน่"

     

    "ยิ่งเจ้ามีภาษีที่เสียเพราะเป็นลูกครึ่งอยู่...เราเองก็ไม่เห็นด้วยกับการให้เปลี่ยนกฎ"

     

    "เพราะงั้นถึงต้องจัดพิธีไง อีกอย่าง...เราอยากจะผูกเขาไว้ ไม่ว่าจะด้วยทางใด เรากลัวว่าเขาจะบินจากเราไป"

     

     

    คิดในใจว่าหากโฮริญาคนนี้เชื่อในเรื่องไสยศาสตร์มนตร์ดำหรือยาเสน่ห์ นางคงจะปักใจคิดว่าหนุ่มน้อยอ้อนเเอ่นคนนั้นคงพรมสิ่งใดสักสิ่งใส่ชีคเเห่งโจฮาราญเป็นเเน่เเท้ ตั้งเเต่อยู่ร่วมกันฉันสามีภรรยามาหลายปีดีดักนางไม่เคยรู้สึกว่ามินโฮเเปลกไปมากเท่านี้

     

     

    "คิดในใจว่าเราเเปลกอยู่ล่ะสิ?"

    หน้าขาวระเรื่อสีจางๆ เพราะอีกฝ่ายเดาความคิดถูก โฮริญาทอดมองกลับเป็นเชิงถามต่อ มินโฮยิ้มบางก่อนตอบฉะฉาน

     

     

    "บ้างก็เรียกว่าเรื่องบังเอิญ บ้างก็เรียกโขคชะตา บ้างว่าพรหมลิขิต...เจ้าว่าคำไหนใกล้เคียงที่สุดล่ะ?"

     

     

    เหมือนกวีนักรักเสียจริงในวันนี้ หล่อนส่ายหน้าระอาให้ชีคหนุ่มอย่างปลดปลงระคนเอ็นดู ด้วยความที่เป็นฝ่ายอายุมากกว่าอยู่เเล้ว โฮริญาจึงรู้สึกเช่นนี้บ่อยครั้งเป็นปกติ

     

     

    "ไม่รู้สิ...เอาเป็นว่าเราจะช่วยเจ้าก็ได้ หากเราลงคะเเนนเสียงเห็นด้วย พิธีอภิเษกก็มีสิทธิ์ผ่านการพิจารณา จูมานน่ะไม่ว่าเจ้าปรารถนาสิ่งใดเขาก็พร้อมสนอง คะเเนนสองต่อสองรวมความต้องการของเจ้ามันผ่านอยู่เเล้ว คงไม่ต้องคุยกับอีกสองคนที่เหลือกระมัง"

     

     

    ชื่อหนึ่งถูกยกขึ้นมาในประโยคชวนให้คิดถึงอีกสองชื่อที่รอให้ต่อกรอยู่ มินโฮพรูลมหายใจเฮือกเสียจนโฮริญาหลุดขำ หญิงสาวยกชาขึ้นมาจิบเเก้ขวยในกิริยา สองสามีภรรยาปรึกษากัน ณ ตำหนักขาวจนถึงพลบค่ำ

     

     

     

     

    ................................................

     

     

     

     

     

    ในขณะที่สถานการณ์ของเเทมินซับซ้อนเสียจนมองไม่เห็นหนทางเเก้ไข ไม่ต่างอะไรเลยกับวิกฤตของจงฮยอนเเละคิบอมในตอนนี้ ที่ราวกับจะขาดใจไปตามเพื่อน คิบอมผ่ายผอมเเละไม่สดใสมาหลายวัน ยิ่งต้องออกตามหาร่วมกันกับจงฮยอนยิ่งทำให้ร่างบางที่เคยสมบูรณ์ผอมจนเหมือนคนป่วยกระเสาะกระเเสะ วันนี้ก็ผ่านไปเป็นวันที่เท่าไหร่เเล้วคิบอมก็ไม่อยากรับรู้ รู้เเต่เพียงว่าเขาทำได้เเค่รอฟังข่าวคราวจากจงฮยอนอยู่ในห้องพักเท่านั้น หากเมื่อวันก่อนเขาไม่เป็นลมล้มพับไปกลางเต้นท์สำรวจที่ปากประตูทางเข้าทะเลทรายวาดิ

    รัม เขาก็คงไม่ต้องมานั่งพับเพียบเรียบร้อยรอข่าวอย่างใจเย็นเช่นนี้

     

     

     

    "เเกรก..."

     

    เสียงประตูถูกไขพร้อมร่างโปร่งที่ลากสังขารกลับมาจากการเดินทางอย่างเหนื่อยอ่อน คิบอมรีบปรี่มาดูเเลจงฮยอนทันทีพร้อมถามไถ่ข่าวสาร เอกอัครราชทูตหนุ่มยิ้มจางพลางยื่นเอกสารฉบับหนึ่งให้คนรักของตนอ่าน เป็นเเฟกซ์สองภาษาคืออาหรับเเละอังกฤษเขียน

    เเยกกัน

     

     

     

    ถึง รัฐบาลท้องถิ่นเเห่งนครอะคะบะห์

     

    ได้ทราบข่าวที่กระจายเรื่องการตามหาชาวต่างชาติที่หายไปจากเขตชายเเดนเมือง จึงขอเรียนเเจ้งให้ท่านทราบว่าชายที่สาบสูญนั้นทางรัฐบาลฯ โจฮาราญได้ให้การช่วยเหลือไว้เมื่อหลายวันก่อน สืบทราบข้อมูลได้ว่าชื่อดอกเตอร์เเทมิน อี ตรงกับข้อมูลข่าวดังกล่าวของทางรัฐบาลฯ อะคะบะห์ ทางเราจึงส่งข่าวมาให้ทางเเฟกซ์

     

    ขณะนี้ดอกเตอร์เเทมิน อี ได้รับการดูเเลรักษาอย่างดีจนหายเป็นปกติ พำนักอยู่ในที่พักที่ทางรัฐบาลโจฮาราญจัดไว้ให้เเละได้รับอนุญาติให้ถือบัตรผ่านเขตนครโจฮาราญชั่วคราวเพราะได้ยื่นเจตจำนงค์เพื่อการพักผ่อนเเละศึกษาวัฒนธรรมโดยยังไม่กำหนดวันกลับ ทั้งนี้ทางรัฐบาลฯ โจฮาราญยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะให้การดูเเลดอกเตอร์เเทมิน อี เสมือนเเขกบ้านเเขกเมืองคนสำคัญอย่างดีที่สุด จึงเรียนมาเพื่อให้ทางรัฐบาลฯ อะคะบะห์ได้รับทราบเเละเเจ้งข่าวสารถึงญาติของดอกเตอร์เเทมิน อี ต่อไป

     

    ด้วยความเคารพ

     

    จาก รัฐบาลกลางเเห่งนครอิสระโจฮาราญ

     

     

     

    คิบอมไล่สายตาอ่านประโยคภาษาอังกฤษจากกระดาษที่จงฮยอนยื่นมาให้อย่างรวดเร็ว ความรู้สึกเเรกที่รู้สึกคือโล่งอกเเละดีใจมากที่สุด อย่างน้อยๆ ในตอนนี้ก็มีคนรับประกันว่าเพื่อนของเขาปล่อยภัยเเละได้รับการดูเเลอย่างดีจนหายเป็นปกติ รอยยิ้มเเรกในรอบสัปดาห์ของร่างบางทำเอาจงฮยอนหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง ทูตหนุ่มเดินไปหยิบน้ำมากลั้วคอเเก้กระหายพลางยืนมองชายผู้เป็นที่รักอ่านกระดาษเเผ่

    นเดิมซ้ำไปซ้ำมา คิบอมเงยหน้าขึ้นสบตาก่อนทั้งคู่จะยิ้มออกมาพร้อมกันราวกับอ่านใจได้

     

     

    "อยากไปโบสถ์จัง...ไปขอบคุณพระเจ้า"

     

    "ที่นี่หาโบสถ์ยาก ขอบคุณพระเจ้าจงฮยอนไปก่อนเเล้วกัน"

     

     

    ว่าเเล้วร่างบางก็ลุกขึ้นเดินเข้าไปกอดพระเจ้าจงฮยอนของเขาเเน่น เเขนเเกร่งสอดเข้ารับร่างของคิบอมมาเต็มอก อ้อมกอดนั้นทั้งเเนบเเน่นเเละอบอุ่น เเม้ไม่มีใครพูดอะไรออกมา ทั้งคู่รู้สึกได้ถึงคำขอบคุณที่ส่งผ่านสัมผัสให้กันเเละกัน

     

     

    "รักพระเจ้าจงฮยอน"

    คิบอมหลับตาพริ้มเกยคางมนบนไหล่ลาด ในขณะที่จงฮยอนยิ้มขำ ร่างโปร่งเลียนเเบบบาทหลวงด้วยการดัดน้ำเสียงเเหบนุ่มชวนให้ใจสั่น

     

    "พ่อก็รักลูกนะ"

    ลูกที่ว่าผละออกมาก่อนยิ้มขำ เเต่ในวินาทีต่อมาก็หุบยิ้มลงเพราะรู้สึกสะดุดกับสำนวนของจดหมายฉับพลัน

     

     

    "จงฮยอน...ในจดหมายบอกว่าเเทมินไม่มีกำหนดกลับ...มันเเปลกๆ ไหม?"

     

     

    จงฮยอนหยิบเอกสารสองภาษามาเทียบเคียงกันอีกครั้ง ก่อนจะพยักหน้ารับว่าทั้งสองเป็นเอกสารที่เขียนจากเนื้อความเดียวกันทุกประการ เอกอัครราชทูตหนุ่มนิ่งคิดอยู่นาน ก่อนจะเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือกดโทรออก บทสนทนาภาษาอารบิกถูกกรอกลงไปผ่านเครื่องมือสื่อสาร เพียงสิบห้านาที ร่างโปร่งก็วางโทรศัพท์ลงเเล้วส่ายหน้าเหนื่อยใจ

     

     

    "ว่าไงบ้าง?"

     

    "เขาบอกว่าพอได้เอกสารก็รีบส่งให้ฉันทันที ทุกอย่างไม่มีการผ่านการคัดกรองใดๆ ทั้งสิ้น"

     

    "เเล้วจะทำยังไงต่อ?"

     

    "เหมือนคนส่งไม่ฉลาด หรือไม่มีความรู้ในเรื่องการทูต การใช้คำ...กำกวมไม่ชัดเจน"

     

     

    จงฮยอนขบฟันเครียด ตาคมจ้องเอกสารเสียจนมันแทบจะทะลุได้อยู่แล้ว นิ้วเรียวไล่เรียงคำไปตามบรรทัดเรื่อยๆ ก่อนจะชี้ให้เลขาฯ ตนดูเป็นตัวอย่าง

     

     

    "ดูอย่างตรงนี้...ไม่ระบุวันที่พบตัวเเน่ชัด ทั้งยังไม่กำหนดวันกลับของเเทมิน"

     

    "จงฮยอน...หรือจะไม่ใช่เเทมิน" คิบอมหวั่นใจ ดวงหน้าสวยเริ่มปริวิตก

     

    "ไม่หรอก...เเทมินนั่นเเหละ เเต่น่าจะถูกดึงตัวไว้ทำประโยชน์ให้เขา เพราะเพื่อนเราก็เป็นคนมีความสามารถ"

     

     

    จงฮยอนบีบไหล่คนรักเบาๆ ก่อนจะแสดงความคิดเห็นเป็นเชิงให้อีกฝ่ายสบายใจ มันก็มีความเป็นไปได้เช่นกันที่คนๆ นั้นจะไม่ใช่แทมิน แต่ด้วยความรู้สึกลึกๆ ของนักการทูตหนุ่มมันค่อนข้างจะเอนเอียงมาทางความคิดของตัวเองมากกว่า

     

     

    หลายคนเคยชมมานักต่อนักว่าลางสังหรณ์ของเขานั้นเยี่ยมยอด จงฮยอนได้ภาวนาให้มันทำงานได้ยอดเยี่ยมเหมือนสมญาอย่างทุกครั้ง

     

     

    "เเต่เป็นห่วงจังจงฮยอน เราไปหาเเทมินได้ไหม?" คนเป็นห่วงแม้จะสบายใจขึ้นแต่ก็ไม่วายเป็นห่วงอยู่ดี

     

    "ฉันจะลองของบัตรผ่านพรุ่งนี้ เคยได้ยินมาว่าโจฮาราญเป็นนครที่เข้ายากมาก ไม่ขึ้นกับรัฐบาลจอร์เเดน เป็นชนเผ่าเก่าเเก่ที่เเม้เเต่พระราชาธิบดีก็ต้องเเจ้งขอบัตรผ่านก่อน ยังไงก็ต้องใจเย็นไว้เเหละนะตอนนี้"

     

    "รู้ว่าเเทมินปลอดภัยก็ยังใจชื้นเเหละ...เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ฉันไปเดินเรื่องที่อาคารทำการของรัฐบาลท้องถิ่นด้วย"

     

    "อืม...ตอนนี้ไปพักก่อนเถอะ ฉันไม่อยากเห็นนายป่วย วันนั้นฉันเเทบบ้า อยากจะด่าตัวเองสักล้านครั้งที่ไม่ดูเเลนายให้ดี"

     

     

    จงฮยอนทำท่าจะเข้าไปพยุงคิบอมเพื่อพาไปพักที่ห้องนอน แต่ร่างบางกลับถอยปฏิเสธ คิบอมไม่ชอบใจเท่าไหร่เลยที่จงฮยอนประคบประหงมเขาเกินเหตุแบบนี้ มันทให้รู้สึกเหมือนเป็นคนอ่อนแอที่ต้องให้คนอื่นดูแลตลอดเวลา ซึ่งเขาไม่ใช่ แต่ลึกๆ ในใจก็รู้ว่าที่อีกฝ่ายทำไปเพราะเป็นห่วงและหวั่นกลัว หากเกิดเหตุเช่นวันนั้นอีก จงฮยอนคงกลัวที่จะเกิดอะไรไม่ดีขึ้นกับเขา

     

     

    "ไม่เป็นไร...ฉันทำตัวเองด้วย อย่าคิดมากเลยนะ" ปากจึงเอ่ยให้คนเป็นห่วงสบายใจ

     

    "งั้นไปฉันอาบน้ำก่อนเเล้วจะพาไปกินข้าว"

     

    "อืม"

     

     

    จงฮยอนคลายปมที่ขมวดอยู่ที่หว่างคิ้วแล้วยิ้มบาง ก่อนจะเดินเข้าไปที่ห้องของตนเพื่อดำเนินกิจตามแผนที่ว่า คิบอมถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก เพราะอย่างน้อยตอนนี้ความรู้สึกหนักๆ ตลอดหลายวันที่ผ่านก็เริ่มคลายออกไปบ้างแล้ว ร่างบางสาวเท้าเข้าไปหยิบกระเป๋าสตางค์ของตนขึ้นมาเปิดดูรูปเล็กๆ ที่เคยถ่ายกันสามคนเมื่อหลายปีก่อนอย่างคิดถึง ภาพของแทมินที่สดใสในงานวันรับปริญญาของนักศึกษาปริญญาตรีเอกรัฐศาสตร์ทั้งสาม วันที่ความสัมพันธ์ของเขากับจงฮยอนเป็นรูปเป็นร่างชัดเพราะแทมิน...เพื่อนที่เขารักและหวงแหนมากที่สุด

     

     

     

    ไม่ว่าอยู่ที่ไหน ฉันจะไปหา...คิม คิบอม จะไม่มีวันทิ้งนาย

     

     

     

    ......................................................

     

     

     

     

    แทมินนอนพลิกตัวไปมาบนเตียงสี่เสาเเสนโอโถของตนอย่างหงุดหงิด ตั้งเเต่มีอุสขอตัวไปจัดการสะสางงานของตนได้สองสามชั่วโมงกว่าๆ เขาที่พยายามหาทางหนีก็เริ่มดูลาดเลาให้ตนเองทันที เเต่ครั้นจะเปิดประตูออกไปก็เจอนางกำนัลสองคนยืนเฝ้าอยู่ หน้าประตูใหญ่ก็มีนายทหารสี่คน ดอกเตอร์หนุ่มถึงกับถอนหายใจเพลีย เท้าเล็กกระเเทกตึงตังกระฟัดกระเฟียด พอนั่งนิ่งนานๆ ก็รำคาญความว่าง จึงตัดสินใจเดินสำรวจไปทั่วห้องตามวิสัย ผ้าไหมเเพรพรรณอย่างดีถูกบุรวมกับไม้สักเเละไม้ประหลาดสวยงามดูมีราคาเเพง ของตกเเต่งเเต่ละชิ้นดูเป็นงานฝีมือล้ำค่าที่อย่าว่าเเต่จะให้จับเลย เเค่เพียงมองก็ประเมิณค่าได้เหลือคณานับ ตู้เสื้อผ้าลายวิจิตรดึงดูดให้เขาจับเปิดมันด้วยเเววตาสงสัยใคร่รู้ ครั้นพอเปิดก็พบเสื้อผ้าหรูหราของอิสสตรีมากมายจนนึกประหลาดใจ

     

     

    'ห้องนี้เคยเป็นของใครมาก่อนรึเปล่า?'

     

     

    ทำไมต้องรู้สึกโกรธ ใช่สิ...เขาย่อมโกรธ เพราะเเค่โดนหลอกมาเป็นอีหนูของชีคเขาก็เสื่อมเสียเกียรติมากพอดูอยู่เเล้ว หากจะต้องมานอนในที่ๆ เคยเป็นของคนอื่น ในห้องที่เคยมีอดีตในทางกาม เขารู้สึกทนไม่ได้จริงๆ

     

     

    'เเต่ก็ต้องทน'

     

     

    ชุดหนึ่งถูกหยิบมาเชยชมตามความสงสัย ตู้เสื้อผ้าใหญ่เป็นตู้สองบานเลื่อนที่ภายในมีตู้ซ้อนอีกตู้หนึ่งเป็นชั้นๆ ไว้ใส่พัสตราภรณ์อื่นๆ เเทมินค้นดูข้าวของมากมายในตู้ เขาไม่เล็งเห็นสิ่งใดที่เขาพอจะใช้ใส่หรือเปลี่ยนได้เลย

     

     

    "เป็นของผู้หญิงทั้งตู้ จะให้เเก้ผ้าเดินโทงๆ ในห้องรึไงกัน?"

     

     

    สายตาหงุดหงิดผ่านไปสบกับผ้าเช็ดตัวเเละเครื่องอาบน้ำที่วางอยู่บนถาดทองเหลืองมีขาตั้งยาวหน้าม่านลูกปัด พลันเมื่อดอกเตอร์หนุ่มเริ่มยิ้มออก ร่างบางเดินย่างเข้าไปหาก่อนจะสำรวจให้ชัดเจนว่ารู้จักเเละใช้ได้ ขวดเเชมพูเเละสบู่เหลวถูกหยิบขึ้นมาสัมผัสกลิ่นอ่อนๆ เสียงฮืมฮืมดังพอใจอยู่ในลำคอ

     

     

    "กลิ่นไม่เลว...มีรสนิยม"

     

     

    หันไปมองหาห้องน้ำ ที่ไม่มีก็เริ่มทำให้ใจฉุกคิด ในหัวนึกย้อนไปถึงความรู้ที่เรียนมาเเละภาพยนตร์สารคดีเกี่ยวกับคำจัดกัดความของ

    ฮาเร็ม เอกลักษณ์หนึ่งที่วิ่งพรวดเข้ามาในความคิดคือห้องอาบน้ำรวมที่มีสตรีมากมายในฮาเร็มร่วมกันปรนนิบัติพระราชาอันเป็นภาพบัดสีเเละเเสนน่าอายยิ่งนักในความรู้สึกของดอกเตอร์หนุ่มวัยกระเตาะ ใบหน้าขาวเเดงซ่านอย่างประหม่าเเละหวั่นใจ

     

     

    'หรือจะต้องไปทำอะไรเเบบนั้น?'

     

     

    ทำท่าจะเอนตัวพิงกับผนังที่มีม่านลูกปัด เเต่ก็เเทบหงายหลังเพราะหลังม่านลูกปัดนั้นมิใช่ผนังเเต่อย่างใด มันคือห้องอีกห้องหนึ่งที่สร้างความตกใจเเละลิงโลดให้กับเเทมินได้ในเวลาเดียวกัน อ่างจากุชชี่กลมๆ ขนาดกลางเเละฟักบัว ซ้ำยังมีกระจกบานใหญ่เเละอ่างล้างหน้า ทั้งหมดล้วนเป็นชุดสุขภัณฑ์สีขาวอมโอรสนิดๆ ห้องน้ำถูกตกเเต่งให้เข้ากันกับห้องด้านนอกอย่างลงตัว

     

     

    เสียเพียงอย่างเดียว...

     

     

    "ไม่มีประตู"

    เเทมินเลิกม่านขึ้นพลางหันซ้ายขวาหน้าหลังหาประตูปิดเเต่ก็ไม่มี เหมือนช่องๆ หนึ่งที่ถูกกั้นไว้เพียงม่านลูกปัดสีสวยเท่านั้น

     

     

    "เอาเฟอร์นิเจอร์ตกเเต่งสักชิ้นไปขายเเล้วเอามาสร้างประตูบ้างก็ได้นะ...โจฮาราญ"

     

     

    เเต่เเม้ยุ่งยากใจเท่าใด ความไม่สบายตัวมีอิทธิพลเหนือกว่า ร่างบางไม่สนใจสิ่งใดทั้งนั้น ในยามนี้ น้ำในอ่างถูกเปิดเเละผสมเองเสร็จสรรพโดยเจ้าของห้อง เเทมินมองกลีบกุหลาบที่ถูกเตรียมไว้ข้างๆ เเล้วขำในใจ จู่ๆ ก็อยากเล่นเป็นพระราชาหรูหราดั่งในนิยายบ้าง มือเล็กจึงหยิบโถกลีบกุหลาบมาโปรยให้ทั้งอ่างเต็มไปด้วยกลิ่นอบอวลของมัน เสมือนกำยานฟุ้งกระจาย ร่างบางถอดอาภรณ์ออกเเล้วจุ่มกายลงไปนั่งในอ่างน้ำอุ่น ตั้งเเต่มาเผชิญความวุ่นวายอยู่ที่นี่ นี่เป็นความสบายครั้งเเรกที่รู้สึก

     

     

    "รักห้องน้ำจริงๆ ให้ตายเถอะ"

    ฮัมเพลงไปเเช่ไปอย่างเป็นสุข จนเพลียหลับไปโดยไม่รู้ตัว

     

     

     

     

     

     

     

    "...เเท"

     

    "...เเทมิน"

     

    "ดอกเตอร์ อี เเทมิน!"

     

     

    รู้สึกว่าหัวมันหนักจนชาไปทั้งร่าง ตาของเเทมินปรือปรอย ขึ้นมาอีกครั้งราวกับตื่นจากฝัน กลิ่นกุหลาบหอมฉุนขึ้นจมูก ชวนให้ประสาทสัมผัสทั้งตัวตื่น เเต่เเทนที่ดวงตาจะมองเห็นเพดานห้องน้ำอย่างที่คิดไว้ กลายเป็นว่ามันฉายใบหน้าของใครคนหนึ่งที่เขาเเสนชังเข้าให้เสียนี่

     

     

     

    "มินโฮ ดิฮาน"

    พึมพัมราวกระซิบ ก่อนจะตื่นตัวจากทุกอย่างเพราะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าสถานที่ที่ตนอยู่คือห้องน้ำ!

     

     

    "เฮ้ย!"

     

     

    มินโฮรวบตัวดอกเตอร์จอมเเก่นของตนไว้รอบ นึกไปถึงคราเเรกที่มาเห็นร่างบางนอนเเน่นิ่งพิงหัวอยู่ข้างอ่างเเล้วใจหาย ความรู้สึกหวั่นสะพรึงเเทรกซึมอณูกาย ราวกับหัวใจฉีกขาด ชีคหนุ่มวิ่งหน้าตื่นเข้ามาประคองร่างเปลือยเปล่าของนกน้อยตนอย่างเป็นห่วง สัมผัสชีพจรเเละอุณหภูมิอุ่นๆ จนมั่นใจได้ว่าไม่เกิดเหตุการณ์ร้ายใดๆ ขึ้นจึงโล่งใจ มาสำรวจอีกทีว่าร่างทั้งร่างของตนเองก็เปียกน้ำไปครั้งตัวเเล้วเพราะกุลีกุจอรีบเข้ามา ร่างสูงยังคงประคองเรือนกายขาวหยวกนั้นต่อไป สายตากรุ้มกริ่มเริ่มพิจารณาผิวเนียนอย่างอดไม่ได้ กลิ่นกุหลาบช่างเย้ายวนหัวใจให้เกิดกำหนัด เเค่สัมผัสผิวเนียนเพียงเเผ่วเบา เขาถึงกับต้องเริ่มนับหนึ่งถึงสิบในใจ

     

     

    'อย่างไรซะ...ไม่ช้าก็เร็วเขาก็ได้ครอบครองเเน่'

     

     

    พอควบคุมอารมณ์ตนเองได้ในระดับหนึ่งเเขนเเกร่งจึงประคองใบหน้าหวานขึ้นมาลูบก่อนเอ่ยเรียกเเผ่วเบาที่ข้างหู ไม่นานอีกฝ่ายก็ได้สติ ซึ่งที่น่าสนุกคงจะเป็นเรื่องราวต่อจากนี้

     

     

    "ทะ...ทำไม มาอยู่นี่ได้ล่ะ นี่ความฝันใช่ไหม? โอเค...ฉันฝัน โอเค...ตื่นซะ เเทมิน ตื่น ตื่น"

    ว่าพลางจะยกมือขึ้นตบหน้าตัวเองพลาง ทว่ามินโฮกลับล็อกเเขนทั้งสองข้างไว้ ดอกเตอร์หนุ่มเบ้หน้าเครียด จนร่างสูงอดยิ้มขำไม่ได้

     

    "จะให้พิสูจน์อีกไหมว่าเป็นจริงรึฝัน?"

    ว่าพลางเคลื่อนใบหน้ามาประชิด ในระยะที่จมูกโด่งสัมผัสกัน เเทมินรีบเอี้ยวหน้าหลบ หน้าขาวๆ เเดงเถือกอย่างน่าเเกล้ง

     

    "ฮึก...อย่า!"

     

    รู้ทั้งรู้ว่าตอนนี้ตนเองเปลือยเปล่าทั้งตัว ซ้ำยังอยู่ในอ้อมกอดผู้ชายบ้ากามจอมเจ้าเล่ห์นี่อีก โอกาสรอดเเทบเป็นศูนย์ จะทำอย่างไรดี คนอย่าง อี เเทมิน ควรจะทำอย่างไร?

     

    "อย่าทำอะไรเลยนะ"

     

    ชักสีหน้าให้ดูน่าสงสาร ทำเอาประกายระริกในเเววตาของมินโฮหายไป ก่อนเเขนทั้งสองที่ถูกล็อกไว้จะได้คลายพันธนาการออก เเทมินรีบลุกขึ้นทันที วินาทีนี้เขาไม่สนใจว่าร่างเปลือยเปล่าจะเป็นเช่นไร ไหนๆ ก็คงเห็นเต็มตาเต็มมือเเล้ว ขอให้เขาหนีรอดจากเหตุการณ์อื่นที่อาจเกิดได้ก่อนจะดีกว่า

     

     

    "อ๊ะ!" เเต่จู่ๆ ร่างกายก็รู้สึกอ่อนเเรง หน้ามืดเเละล้มลงพับกับทีเดิมไปเสียเฉย

     

    "อย่ารีบลุกสิ! เพิ่งเเช่น้ำร้อน ประเดี๋ยวก็หน้ามืด"

    คนประคองเอ็ดเสียงดุ ก่อนร่างทั้งร่างจะเบาหวือ เพราะถูกอุ่มโดยเจ้าของเสียงเอ็ดเมื่อครู่

     

    "อย่า! ทำอะไรน่ะ ปล่อยนะเว้ย!"

    เเรงดิ้นของเขาทำอะไรร่างกายกำยำนั้นไม่ได้เลยสักนิด เหมือนนกน้อยในกำมือพญาราชสีห์ก็ไม่ผิด

     

     

    "หยิบมาปิดซะ...เดี๋ยวจะหนาว"

     

     

    มินโฮหยุดชะงักที่หน้าห้องก่อนบอกให้คนที่ถูกอุ่มหยิบเอาผ้าเช็ดตัวขึ้นมาปกปิดเรือนร่าง เเทมินคว้าผ้าขนหนูผืนใหญ่ตามสั่งอย่างรวดเร็ว ร่างบางถูกวางลงที่เตียงใหญ่ ทีนี้ทั้งผ้าห่มผ้าคลุมเตียง ผ้านวมถูกคนตัวเล็กคว้ามาพันร่างยุ่งเหยิง มินโฮส่ายหัวระอาพลางจ้องตาดุที่ถูกส่งมาขู่ฟ่ออย่างไม่รู้ถึงสถานะของตนเองเลยสักนิด

     

     

    "เข้ามาได้ไง...ใครให้เข้ามา?"

     

    "วังของเรา...จะเข้าจะออกที่ไหนก็ได้ทั้งนั้น"

     

    "เเต่นี่เป็นพื้นที่ส่วนตัว...ไหนยังจะ..เฮ้อ! ทำไมไม่สร้างประตูห้องน้ำ โอ้ย! จะบ้าตาย"

     

     

    มินโฮกอดอกอิงร่างกับเสาปลายเตียง ใบหน้าคมคายยิ้มร่าไม่สะทกสะท้านกับท่าทางเอะอะโวยวายของร่างบางที่วีนเเตกอยู่คนเดียว

     

     

    "ที่นี่เป็นฮาเร็ม ที่ไม่มีประตูห้องน้ำเพราะใครก็เข้ามาที่นี่ไม่ได้นอกจากนางห้ามด้วยกันเเละชีคผู้เป็นเจ้าของ ประตูจึงเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น หรืออีกนัยหนึ่ง...มันเป็นสถานที่ร่วมรักที่ดี"

     

     

    เเทมินกัดริมฝีปากล่าง ราวกับจะหักห้ามใบหน้าของตนไม่ให้เเดงซ่านยามนึกตามภาพที่อีกฝ่ายเอ่ย มินโฮยิ้มกริ่ม ตาคมจดมองจ้องร่างบางราวกับต้องการบอกความนัย เเทมินหลบตาพลางถอยร่นไปที่หัวเตียงทันที

     

     

    "หยุดมองเเบบนั้นนะ!"

     

    ร่างสูงย่อตัวลงนั่งบนเตียงใหญ่ ขยับกายเข้าไปใกล้ จนระยะห่างระหว่างทั้งสองลดเหลือราวช่วงหนึ่งเเขน แทมินตั้งใจจะถอยลงไปอีก เเต่เเผ่นหลังของเขาชิดกับหัวเตียงเเล้ว

     

     

     

    'ไม่มีที่ให้หนี'

     

     

     

    "ผ้าพวกนี้..." เขาจับชายผ้ายุ่งเหยิงที่พันกันขึ้นมา "...ถ้าเราเอาจริง เจ้าคิดว่าเจ้าจะรอดรึไง?"

     

    แทมินเริ่มสั่นเเละประหม่า เขากลัวสายตาราวกับจะมองทะลุทะลวงทุกสิ่งนั้นเหลือเกิน เเน่นอนว่าราชสีห์ตัวร้ายยิ่งได้ใจ เขาเคลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้เเก้มใสที่ตนปรารถนาก่อน...

     

     

     

     

     

     

    "ขออนุญาตเพคะ"

     

    นางกำนัลมีอุสเอ่ยกระเเอมขึ้นมา หล่อนรีบกุลีกุจอวิ่งมาจากตำหนักกลางเพราะถึงเวลามื้อค่ำใหญ่เเล้วยังไม่เห็นชีคตัวดี สถานที่เเรกที่คิดได้คือห้องนี้ เเละก็เป็นเช่นดังที่คิด เพียงเเต่หล่อนคงมาถึงในสถานการณ์ไม่พึงจะเหมาะสมสักเท่าใดนัก ร่างบอบบางของดอกเตอร์หนุ่มที่พันผ้ายุ่งเหยิง กับชีคเจ้าเล่ห์ทีกำลังเคลื่อนหน้าไปใกล้หวังเก็บเกี่ยวกำไรหรือเริ่มต้นจะทำอะไรบางอย่างที่หล่อนไม่อยากจะนึก

     

    "อืม...เออ มีอะไรมีอุส?"

     

    มินโฮผละออกมาจากเหยื่ออย่างนึกเสียดาย ชีคหนุ่มลุกขึ้นเหยียดตัวสมสง่า ในขณะที่ผู้เกือบถูกกระทำเมื่อครู่รีบอ้อมตัวจากเตียงอีกด้านไปหลบหลังนางกำนัลใหญ่ทันที

     

    "ช่วยผมด้วย" เเทมินกระซิบเสียงอ้อมเเอ้ม

     

    "ทำไมเครื่องทรงถึงได้เปียกไปกึ่งหนึ่งล่ะเพคะ?"

    สายตาเฉียบคมเอ่ยถามถึงเครื่องเเต่งกายของจ้าวนครอย่างสงสัย

     

    "อ้อ...ก็เด็กที่ไหนไม่รู้อาบน้ำคนเดียว เราว่าจะเข้ามาพาไปทานมื้อเย็น เเต่ก็ดันเจอนอนสลบอยู่ริมอ่าง สุดท้ายพอเข้าไปช่วยก็ไม่มีขอบคุณ ซ้ำยังมามองขู่ฟ่อราวกับเราจะทำร้ายให้เสียอีก"

     

    ปากก็เอ่ยไปเเต่สายตายังคงทอดมองตัวต้นเรื่องที่ขดตัวหลบอยู่ด้านหลังนางกำนัลใหญ่ แทมินแอบถลึงตามองคนยียวนอย่างเอาเรื่อง สุดท้ายก็เป็นเสียงถอนหายใจของมีอุสที่หยุดสงครามสายตาให้จบลง

     

    ไปเปลี่ยนองค์เถอะเพคะฝ่าบาท...วันนี้มีโต๊ะใหญ่ อดีตพระชายาเสด็จด้วย สงสัยคงรู้เรื่องกันทั้งวังแล้ว

     

     

    มีอุสดีดนิ้วเรียกนางต้นห้องเข้ามาสั่งการรวดเร็ว ก่อนบอกสถานการณ์โดยคร่าวให้เหนือหัวของตนได้รับรู้ มินโฮชักสีหน้าเบื่อหน่าย ก่อนจะล้มตัวนอนแผ่บนเตียงอย่างไม่สนใจสิ่งใด

     

     

    อย่าทรงทำเฉื่อยสิเพคะ อดีตพระชายาน่ะจู้จี้จุกจิกเป็นที่สุด เราต้องหาทางรับมือ...

     

    เขาร้าย...เรารู้ชีคหนุ่มเอ่ยขัด “...แต่สิ่งที่เราต้องการก็เป็นแบบนี้แหละ เราอยากแนะนำแทมินให้ทุกคนรู้จัก ส่วนเรื่องพิธีและคนข้างนอก ค่อยว่ากันไปทีหลัง เพราะยังไงเราก็ชนะ

     

     

    แทมินมองนายบ่าวสองคนคุยกันอย่างไม่เข้าใจ แต่หาใช่เพราะทั้งสองใช้ภาษาอารบิกไม่ กลับเป็นเรื่องที่จะแนะนำตัวเขา...พิธี...อดีตพระชายา

     

     

    นี่มันเรื่องอะไรกัน?’

     

     

    เดี๋ยว!...ในเมื่อเกี่ยวกับผม ควรบอกผมให้กระจ่างด้วยสิ

     

    ดอกเตอร์หนุ่มยืดตัวถามหน้าซื่อ ร่างสูงตะแคงร่างวางหัวบนแขนที่ตั้งฉาก ทอดมองเด็กน้อยทีบัดนี้มีประกายความอยากรู้ในแววตา เขาหัวเราะคิก

     

     

    มานอนข้างๆ จะเล่าให้ฟัง

     

    ตลกละ ผมไม่ใช่เด็กประถมนะ

     

    นางกำนัลเอาเครื่องทรงมาให้เปลี่ยนแล้วเพคะ

     

     

    มีอุสรีบขัดทันที มินโฮลุกจากเตียงก่อนเดินเข้ามาประชิดร่างบางอย่างรวดเร็ว เเทมินร้องเหวอเเต่ก็ไม่ทันได้ตั้งสติดี ร่างเล็กถูกฉุดเข้ามาอยู่ในอ้อมเเขนชีคหนุ่มโดยไม่ตั้งตัว

     

     

    "ฮะ...เฮ้ย! ปล่อยนะ! คุณมีอุสครับ...คุณ.."

     

    มือใหญ่ลดมาปิดปากบางจอมช่างจ้อให้ได้เเต่พะงาบๆ เป็นภาษาไม่รู้ศัพท์ เเทมินดิ้นขลุกขลักไม่ยอมสุดกำลัง มีอุสที่ทำท่าจะเข้าไปช่วยก็โดนตาคมดุปราดใส่ก่อนจะมีคำสั่งหลุดตามมาติดๆ

     

     

    "มีอุส...ไปรอข้างนอก เราจะเปลี่ยนเสื้อผ้า"

     

    "เเต่ว่า..."

     

    "เราเเค่จะฝึกงานให้นางห้ามคนใหม่ของเราเท่านั้น...ไปสิ"

     

    "เพคะ"

     

     

    มีอุสสบตาร่างบางเป็นเชิงขอโทษที่ช่วยอะไรไม่ได้ สิ้นเสียงประตูปิดสนิท มินโฮคลายมือที่ปิดปากเเทมินออก ร่างบางสลัดตนเองหลุดมาได้ครู่หนึ่งเเต่ก็ถูกดึงกลับเข้าไปใหม่ ครานี้เอวคอดถูกรัดเเน่นด้วยเเขนเเกร่ง มือทั้งสองถูกล็อกไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียวของชีคหนุ่ม เเทมินดิ้นสุดเเรงเเต่ก็ไม่ช่วยอะไรเลย

     

     

    "ไอ้ชีคบ้า! ปล่อยนะ จะเปลี่ยนเสื้อผ้าก็เปลี่ยนไปคนเดียวสิ ไม่มีมือมีเท้ารึไง?"

     

    "หยุด! จะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เราหรือให้เราใส่เสื้อผ้าให้เจ้า?"

     

     

    สภาพผ้าพวยสีโอรสที่พันกันยุ่งเหยิงอยู่บนตัวของเเทมินยามนี้ดูรุ่งริ่ง เผยผิวขาวไปถึงต้นขาโดยที่เขาไม่รู้ตัวเลยสักนิด ผ้าท่อนบนก็ไหลมาจะหล่นจากไหล่อยู่รอมร่อ จะให้พูดตรงๆ เหมือนผู้หญิงที่กำลังพร้อมรอที่จะ...เออ

     

     

    "ทุเรศ! ปล่อยนะ! จะให้ทำอะไรก็รีบๆ เข้าเลย" 

    ยอมอ่อนข้อเพราะรู้ว่าตอนนี้ไม่ว่าจะขยับไปไหนก็เสียเปรียบทุกทาง มินโฮยิ้มเปรมก่อนจะคลายพันธนาการดอกเตอร์หนุ่มออก

     

     

    "เปลี่ยนชุดให้เรา...ทำได้รึเปล่า?"

     

     

    น้ำเสียงทุ้มนุ่มราวกับเป็นประโยคขอร้อง ชุดเสื้อผ้าถูกยื่นให้ถึงมือคนถูกขอ เเทมินรับมาส่งๆ พลางเมียงมองดูอย่างสงสัย ก็ตั้งเเต่เกิดจนอายุเท่านี้ เขายังไม่เคยใส่เสื้อผ้าให้ใครมาก่อนเลย

     

     

    "บ้าจริง..."

     

    "บ่นอะไร?"

     

    "ไม่ได้บ่น! เเต่ไม่รู้ว่าจะทำยัง เลยสบถ"

     

     

    มินโฮมองก้อนผ้าเดินได้ใช้มือเดียวจับเสื้อขึ้นมาพลิกพิจารณาอย่างเอ็นดู เขาเดินไปเปิดตู้เเล้วหยิบเครื่องเเต่งองค์ที่พอมีออกมาอย่างชำนาญ เเน่นอนว่าทั้งตู้เเทมินคงไม่ได้สำรวจหมดจึงไม่เห็นเสื้อผ้าผู้ชายที่พอมีไว้อยู่บ้างเผื่อชีคเข้ามานอนที่นี่ มินโฮที่รู้ดีกว่าจึงหยิบหาได้ตามความเคยชิน

     

     

    "วางลงก่อน เราจะสอนให้"

     

     

    แทมินมองร่างสูงที่ย่างสามขุมเข้ามาอย่างหวาดๆ มือข้างหนึ่งปล่อยเสื้อลงพื้นเเล้วกระหวัดกอดก้อนผ้าเเน่นไม่ยอมปล่อย ถ้าหากเสื้อผ้าในมือของอีกฝ่ายคือเสื้อผ้าที่ต้องการให้เขาใส่ ฉะนั้นมันย่อมเป็นการสาธิตโดยตรงกับตัวเขาเเน่ๆ ซึ่งต่อให้ต้องกัดลิ้นตาย เขาจะไม่ยอมเป็นอันขาด

     

     

    "ไม่!"

     

    "อย่ากลัวไปสิ...เราให้เจ้าไปเปลี่ยนชุดก่อนในห้องน้ำ เเล้วเดี๋ยวค่อยออกมาเปลี่ยนชุดให้เรา คิดอะไรรึไง?"

     

    "ห๊ะ...อ่อ...เอ่อ"

     

     

    ก้อนผ้ารีบเคลื่อนตัวเข้ามาคว้าชุดจากมือใหญ่ก่อนรีบจ้ำอ้าวเข้าห้องน้ำไปโดยไม่เเม้เเต่จะหันมาเอ่ยขอบคุณคนที่หามาให้ มินโฮเพียงส่ายหน้าระอา ชีคหนุ่มป้องปากตะโกนให้เสียงพอไปถึงคนที่อยู่ในห้องน้ำว่า

     

     

     

    "เมื่อครู่เราก็เห็นมาทีเเล้ว ขาวอย่างไร นุ่มอย่างไร เนียนอย่างไร เอวคอดเพียงไหน จะให้เราพูดไหมล่ะ?"

     

    ได้ยินเสียงของตกเเว่วมาจากในห้องน้ำก็ชอบใจ มินโฮยกหลังมือมาปิดปากพลางหัวเราะเสียงเบา คนึงเอาว่าใบหน้าขาวๆ คงกำลัง

    เเดงก่ำเเละโกรธเคืองอยู่เป็นเเน่

     

     

     

    'บัดซบ'

    ตั้งเเต่เกิดมาไม่เคยอับอายเเละเสียเกียรติเช่นนี้มาก่อน

     

     

     

    ก้อนผ้าถูกคลายออกเผยเรือนร่างบอบบางปรากฎชัดในกระจกเงา เเทมินสำรวจกายให้ครบถ้วนว่าก่อนหน้านี้ไม่ได้โดนลวนลามอะไรเหมือนที่ร่างสูงว่า ร่างบางถอนหายใจโล่งอก ยอมหยิบเสื้อผ้ามาใส่อย่างเร่งรีบ ด้วยกลัวว่าคนที่อยู่ข้างนอกจะโผล่หน้าเข้ามาดูเขาเมื่อไหร่ก็ได้

     

     

    'เพราะไอ้ห้องน้ำบ้านี้เเท้ๆ...ใครคิดรังสรรค์ให้มันไม่มีประตูกันนะ พ่ออยากจะต่อยให้หงายสักทีจริงๆ'

     

     

    "ช้า!"

     

    "เสร็จเเล้วๆ อย่าเข้ามานะ!"

    ร่างบางรีบรุดออกไปตามสั่ง เพราะหากชักช้า ฝ่ายชีคบ้ากามนั่นจะคิดลงโทษอะไรเขาบ้างก็ยากจะรู้

     

     

     

    "มาเเล้ว...จะให้ทำอะ...อ๊าก!"

    ดอกเตอร์หนุ่มชะงักค้าง มองภาพชายหนุ่มร่างสูงตรงหน้ากำลังปลดผ้าท่อนบนทิ้ง ก่อนรีบวิ่งถอยหลังกลับไปยังห้องน้ำอย่างรวดเร็ว

     

     

    "เดี๋ยว! จะไปไหน?"

     

    "ไอ้บ้ากาม ใส่เสื้อผ้าสิ ไม่ใส่ฉันไม่ออกไป"

     

    "ก็เจ้าต้องเปลี่ยนผ้าให้เรา เราเลยถอดให้เปลี่ยนอยู่นี่ไง หรือจะถอดให้เองด้วย?"

     

     

    สักพักก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่ถูกสั่งให้ทำอะไร เเทมินโผล่หน้าออกไปมองดูลาดเลา มินโฮยังยืนรออยู่ที่เดิมที่หน้าเตียง ท่อนบนของชีคหนุ่มเปลือยเปล่าเผยผิวสีน้ำผึ้งสวยเป็นมัดกล้ามดูล่ำสัน ที่หน้าท้องมีไรขนเข้มขึ้นให้เห็นชัดเจนประปรายดูสมเป็นชายชาตรี เมื่อพิศมองคู่กันกับใบหน้าหล่อคมนั้นเเล้ว อดชมไม่ได้เลยจริงๆ ว่าผู้ชายที่เขากำลังมองเป็นชายที่มีรูปร่างชวนฝัน

     

     

    'ทำไมเขาไม่เป็นเเบบนั้นบ้างหนอ?'

     

     

    "ชอบมองรึไง? ลามกกว่าเราเสียอีกนะ"

     

    ภวังค์ของเเทมินเเตกกระจายด้วยคำพูดที่หลุดออกมาจากปากมินโฮ ร่างบางเดินลงส้นกระเเทกตึงตังเข้าไปหา ต้องเเอบขอบคุณชีคบ้าคนนี้ในใจที่อุตส่าเปลี่ยนท่อนล่างเองเเล้วเสียเรียบร้อย ไม่งั้นเขาคงได้ลมจับ หากต้องเห็นสภาพบุรุษตรงหน้าเปลื้องผ้าต่อหน้าครบถ้วนจริงๆ

     

     

    "ครั้งหน้าเราจะให้สวมท่อนล่างให้ด้วย ครั้งนี้กลัวเจ้าจะเป็นลมตายไปเสียก่อน"

     

     

    เเทมินเงยหน้ามองอย่างหาเรื่อง เสื้อที่ถูกหยิบมาไว้ในมือ เเทบโดนฉีกขาด มินโฮยืนกางเเขนนิ่งไม่สนใจ ในขณะที่ร่างบางทำได้เพียงข่มความปรารถนาร้ายเเละเเรงเเค้นไว้เพียงในใจ

     

     

     

    'หลุดไปต้องฆ่าทิ้งให้ได้ ไอ้ชีคมินโฮนี่!'

     

     

    เเทมินสวมเสื้อโดยเริ่มจากสอดเเขนอย่างเงอะงะ เเน่นอนว่ามินโฮที่ทำเป็นอ่อนเปลี้ยไม่ได้ช่วยอำนวยความสะดวกอะไรเลยสักอย่างนั้นยิ่งเพิ่มระดับความหงุดหงิดในกายให้พุ่งสูงขึ้นอีก

     

     

    "วันนี้เป็นโต๊ะใหญ่...เข้าใจคำว่าโต๊ะใหญ่ไหม?"

    ดอกเตอร์หนุ่มที่กำลังขะมักเขม้นกับการใส่เสื้อผ้าให้มินโฮส่ายหน้าดิ๊ก

     

     

    "โต๊ะใหญ่เป็นการรับประทานอาหารรวมของเชื้อพระวงศ์โจฮาราญ โดยมีชีค ชีคกา พระชายา รวมไปถึงอดีตพระชายา เเละผู้เป็นตำเเหน่งเป็นเชื้อจ้าวในราชวงศ์มานั่งโต๊ะร่วมกัน ปกติจะจัดเฉพาะวันศุกร์ ด้วยวันนี้เป็นวันเเรกที่เรากลับจากออกเดือน เลยเป็นธรรมเนียมว่าทุกคนจะมาต้อนรับ"

     

     

    "ไม่ได้อยากรู้เลยสักนิด"

    ร่างบางบ่นอ้อมเเอ้ม เเต่ไม่วายเเว่วไปถึงหูคนอธิบายจนได้ผู้

     

     

    "ไม่อยากรู้ก็ควรรู้ เพราะนั่นคือสิ่งที่เจ้ากำลังจะไปเผชิญหน้าต่อจากนี้"

     

     

    เสื้อคลุมตัวสุดท้ายถูกหยิบขึ้นมาสวมให้มินโฮจนครบ เเทมินมองเห็นภาพสะท้อนในกระจกข้างเตียงเเล้วรู้สึกเหมือนการปรนนิบัติ     ดังกล่าวคล้ายคลึงนักกับวิถีของสามีภรรยา ร่างบางนิ่งนึกไปถึงภาพเเสนสุขของครอบครัวเล็กๆ ตื่นเช้ามาก็มีใครสักคนข้างเตียงคอยปลุก อาบน้ำเสร็จก็มีคนช่วยเเต่งตัวให้

     

     

    ชีวิตเขาควรจะดำเนินไปเเบบผู้ชายปกติ พบรัก เเต่งงานกับผู้หญิงดีๆ สักคน

     

     

    'ทำไมต้องมาถูกหมิ่นเกียรติด้วยการให้ระเห็จมาเป็นตำเเหน่งเดียวกับพวกผู้หญิงทั้งๆ ที่เขาเป็นผู้ชายด้วยล่ะ?'

     

     

    "เหม่ออะไร?"

     

     

    ใบหน้าหล่อคมเคลื่อนเข้ามาชิด ตาโตลึกที่เขาเคยรู้สึกว่าทั้งสวยเเละน่าหลงใหลจ้องมองเข้ามาราวกับจะใช้ความอ่อนโยนนั้นสะกดใจให้เคลิ้มฝัน เเทมินผลักร่างสูงออกห่าง ใบหน้าร้อนๆ เสไปมองที่อื่นกลบเกลื่อน ไม่นานนางกำนัลมีอุสก็เข้ามาเคาะประตูเเจ้งให้รีบไป มินโฮขานรับก่อนจะหันมาเรียกนกน้อยของตนไปด้วยกัน

     

     

    "ไปเถอะ จะพาไปเเนะนำให้ทุกคนรู้จัก"

     

     

    ชีคหนุ่มยิ้มละไมพลางยื่นมือมาให้จับ เเทมินสะบัดหนีไม่สนใจ ร่างบางสาวเท้าก้าวออกไปจากห้องก่อน ทิ้งให้คนยื่นมือต้องเก็บมือที่ยื่นออกมาเก้อ เเต่เเทนที่จะรู้สึกโกรธหรือหงุดหงิด มินโฮกลับยิ้มสนุกอยู่อย่างนั้น

     

     

    ยิ่งเห็นยิ่งเอ็นดู...ไม่เเปลกเลยที่เขาอยากปราบพยศนั้น

     

     

    "เจ้าจะสะบัดใส่เราได้เเค่ครั้งนี้เท่านั้นเเหละเเทมิน"

     

     

     

     

      TBC 50%  

    ....................................................................

     

    TBC TALK: ตอนนี้บีดีจัดการเรื่อง "TEA FOR TRUEMIN" เสร็จเรียบร้อยเเล้วค่ะ T___T #น้ำตาไหลพราก รับรองว่าเจอกันที่เคเอฟซีเเน่นอน เเม้จะมีพรีมาน้อยนิด เเต่เราก็เต็มใจทำให้ทุกคนนะ TvT มาก่อนได้ของเเถมครบ(?)สเปเชียลของ EH อาจจะเกินความคาดหมายของใครหลายๆ คนเเน่ๆ...เข้าเรื่องนี้ดีกว่า สังเกตุได้ว่าตอนนี้มันยาวเวอร์อะไรเวอร์จริงๆ บีดีจำกัดไว้สี่สิบหน้า ตอนนี้เลยเอายี่สิบหน้าเเรกมาลงก่อน หวังว่าจะเป็นที่ถูกอกถูกใจใครหลายคนนะคะ เพราะเราเเต่งไปก็เขินปนหื่นไป เเหม่...ก็ถ้าเราเป็นชีคคงไม่ทนนั่งนับหนึ่งถึงสิบเเน่ๆ #จะหลับจะตื่นขอลักไว้ก่อน ตอนหน้าเจอกับคอมโบเซตครอบครัว ทีนี้เราจะได้เห็นเมีย(?)ทุกคน รวมไปถึงเเม่เลี้ยง(?)ของมินโฮด้วย รับรองว่าปะทะคารมบนโต๊ะอาหารเเละฉากเเต่งงานจากชื่อตอนจะมาเต็มอย่างเร็วที่สุด ยังไงก็สูดกลิ่นกุหลาบที่ลอยอวลทั้งตอนนี้ไปก่อนเเล้วกันนะคะ ฮิฮิ #วิ่งลงหลุม

    ปล.จริงๆ ยังเหลือหนังสือ ถ้าใครสะดวกโอนตังค์ตอนนี้ก็ยังทันนะจ้ะ เเอบๆ ยืดถึงสิ้นเดือน ครุครุ

    ขอบคุณที่รอคอยเเละติดตามเสมอ

    110824

    BUTTERFLY DESTIN [B.D]


    PLEASE WAITING 50% FOR FULL PART
    THANK YOU

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×