คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 1 | เยือนถิ่นทะเลทราย
ตอนที่ 1
"เยือนถิ่นทะเลทราย"
“พ่อจะส่งเราไปช่วยงานจงฮยอนที่จอร์แดนสักพักหนึ่ง”
บุรุษหนุ่มวัยกลางคนกล่าวเรียบ ๆ หลังปิดแฟ้มเอกสารชิ้นสุดท้ายของครึ่งวันแรกลงพร้อมเอนหลังพิงพนักอย่างเหนื่อยอ่อน หากแต่ครั้นพอผู้มีศักดิ์เป็นลูกได้ฟังประกาศิตของฝ่ายที่นั่งพิงอยู่นั้นเสร็จ อี แทมินก็ส่งเสียงโวยวายเสียยกใหญ่
“พ่อ! พ่อก็รู้ว่าผมไม่ถูกโรคกับประเทศแถบนั้น ตอนผมไปอียิปต์ผมยังแทบเอาชีวิตไม่รอดเพราะตกอูฐ ไหนจะเป็นลมแดด ผื่นขึ้น แล้วยังโดนพวกคนพื้นเมืองหลอกขายของ ประเทศแถบนั้นน่ะผมขอไปครั้งเดียวก็พอแล้ว นี่ที่ผมเปรย ๆ ไว้เกี่ยวกับจงฮยอนไม่ใช่จะไปช่วยงานมัน แต่ผมจะไปส่งคิบอมให้มันต่างหาก พ่อเข้าใจผมไหมเนี่ย?”
ด๊อกเตอร์หนุ่มอายุน้อยเสยกลุ่มผมสีน้ำตาลทองของตนขึ้นอย่างหงุดหงิด ร่างบางก้าวฉับ ๆ ไปยังเก้าอี้หน้าโต๊ะของบิดาก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งแหมะไขว่ห้างจ้องตาอย่างคาดคั้น
“พ่อจัดการเรื่องให้เรียบร้อยแล้ว อย่าให้ปริญญาเอกที่แกได้มาเป็นหมันไปได้ไหม? เรียนมาแล้วไม่ใช้งานจะเรียนมันไปทำไม? เรื่องนี้เจ้าจงฮยอนเองก็เห็นด้วย งานในสถานทูตก็ไม่ได้ลำบากอะไรมากมาย ฉันไม่ได้ให้แกไปเดินย่ำเท้าขี่อูฐในทะเลทรายเสียเมื่อไหร่ เพราะฉะนั้นแกยอมเสียเถอะแทมิน”
แทมินเบะหน้าไม่พอใจเป็นที่สุด ร่างบางมองแฟ้มเอกสารหนังที่ถูกโยนมาให้ส่ง ๆ โดยบิดาบังเกิดเกล้าที่มีศักดิ์เป็นถึงท่านรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของ สาธารณรัฐเกาหลีอย่างแสนโกรธ เดิมทีเมื่อสองสามวันก่อนเขาได้เปรย ๆ กับผู้เป็นพ่อไว้ว่าจะเดินทางไปส่ง คิม คิบอม เพื่อนสนิทที่เพิ่งรับงานเป็นเลขานุการส่วนตัวของท่านเอกอัครราชทูต คิม จงฮยอนแฟนหนุ่มของอีกฝ่ายที่จอร์แดนแล้วจะกลับ แต่เรื่องมันดันกลับตาลปัตรกลายเป็นว่าเขาต้องไปฝึกงานที่สถานทูตที่จอร์แดนไปเสียได้ จะโทษอะไรก็โทษไม่ได้ คงต้องโทษความซวยของตนเองที่พักหลังฝันประหลาดถึงดินแดนสีแสดนั้นหลายครั้งหลายคราเสียจนหงุดหงิดใจ แรกสุดเขาคิดว่ามันคงจะเป็นฝันร้ายที่สืบเนื่องมาจากประสบการณ์ที่ไปเที่ยวอียิปต์เมื่อสองเดือนก่อน แต่พอเจอเข้าหลายครั้งเขาก็เริ่มไม่มั่นใจ แล้วยิ่งเมื่อสามคืนก่อนเขาดันได้ยินเสียงผู้ชายพร่ำภาษาเกาหลีที่ตัวเองฟังไม่รู้เรื่องเข้าไปอีกหนึ่งดอก สมองถึงกับเอ๋อเหรอรับยามเช้าไปเลย
มันอาจเป็นฝันบอกเหตุ? หรือมันเป็นเพียงเรื่องฟุ้งซ่านที่เขาจินตนาการขึ้นมากันนะ?
ดวงตาในฝันช่างดึงดูด...เขาไม่อาจปฏิเสธได้ว่าจริง ๆ ก็อยากพบชายคนนั้นเช่นกัน
พอเอาไปปรึกษาคิบอม อีกฝ่ายก็เอาแต่หัวเราะแล้วบอกว่าเขาคงไม่มีอะไรทำจนจิตฟุ้งซ่าน หนุ่มหน้าสวยเลยเอ่ยปากชวนไปส่งตนที่จอร์แดนด้วยกัน
และจนมาถึง ณ ขณะนี้ แทมินคิดว่าเรื่องที่ฝันคงเป็นเพียงลางซวยที่ต้องการจะบอกเขาว่า ตัวเขาจะถูกส่งไปที่จอร์แดนนั่นเอง
“ฮะฮะ! สรุปมันคงเป็นฝันบอกเหตุ? คุณลุงจับนายส่งไปทำงานที่จอร์แดน ดีออกนะแทมิน...ฉันจะได้มีเพื่อนไง”
แทมินหมุนช้อนเล็กในถ้วยกาแฟอย่างอารมณ์เสีย เสียงหัวเราะของคิบอมดังสะท้อนไปทั่วห้องส่วนตัวของร้านคอฟฟี่ชอปหรูย่านอับกูจองราวกับจะตอกย้ำความจริงของตนมากเข้าไปอีก จริงอยู่ที่เขายอมผู้เป็นพ่อง่าย ๆ เหตุผลส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีคิบอมอยู่ที่นั่นด้วย งานสถานทูตก็ไม่ใช่งานหนักหนาอะไร และไม่จำเป็นต้องไปออกพื้นที่อย่างที่พ่อเขาว่า อีกอย่างทนไปไม่ถึงปีเขาก็ได้ย้ายกลับแล้ว คิดในแง่ดีก็ไม่ต่างอะไรจากการเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนสักครึ่งปี เพียงแค่เขาต้องทำงานเท่านั้น
“เฮอ...ฉันสาบานเลยว่านอกจากห้องทำงานฉันจะไม่ยอมออกไปไหนเด็ดขาด”
และนั่นเป็นเสียงสบถสุดท้ายที่แทมินได้คร่ำครวญถึงอนาคตที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้
"เพียงราตรีกาลคืบคลาน...เจ้าฝันเห็นข้าที่รอเจ้าอยู่หรือไม่
โอ้เราช่างต่างฟ้านภาไกล...ไฉนข้ายังคิดถึงทุกคืนวัน
เราทั้งสองต่างเป็นภาพที่เลือนราง...ยังไม่สร่างเห็นชัดในกระแสฝัน
เชื่อลิขิตชักนำพาให้พบกัน...ข้ารอวันเจ้าก้าวมาสู่ธานินทร์"
ยามเมื่อราตรีสุดท้ายก่อนไกลบ้านมาเยือน ถ้อยคำประหลาดที่พอจับความได้ไม่ถนัดถนี่นักดังก้องในหู อี แทมิน อีกครั้ง พร้อมดวงตาคู่เดิม และทะเลทรายแห่งเดิม
“...ข้ากำลังจะไปแล้ว”
ริมฝีปากบางพึมพำออกไปอย่างเผลอไผล
ท่าอากาศยานควีน อาไล กรุงอัมมาน ราชอาณาจักรฮัซไมต์จอร์แดน
“จงฮยอนอยู่ตรงไหนฮึ คิบอม?”
หนุ่มหน้าสวยชาวเอเชียตะวันออกทั้งสองคนลากกระเป๋าใบใหญ่ของตนออกมาจากช่องทางประตูขาออกอย่างถูลูกถูกัง ท่ามกลางผู้คนมากมายที่เดินสวนทางกันไปมาอย่างวุ่นวาย ทั้งคนอาหรับผิวขาว ผิวดำ หรือชาวชาติตะวันตกต่างก็ส่งเสียงสื่อสารกันไปมาอย่างไม่คิดจะเกรงใจใครสักนิด แทมินสอดส่ายสายตามองหาเพื่อนชายที่มาอยู่ที่นี่ก่อนตนและคิบอมได้หนึ่งปีแล้วอย่างเร่งรีบ เขาเป็นคนขี้รำคาญและเกลียดการรอคอยเป็นที่สุด ไม่แปลกเลยที่หลายคนมักจะท้วงติงเรื่องนิสัยใจร้อนของเขาว่ามันสมควรแก่การแก้ไขเสียทีสำหรับคนอายุเท่านี้แล้ว
“จงฮยอนบอกว่าจะรอที่ประตูทางออก บีบีที่ตะวันออกกลางใช้การไม่ได้ น่าหงุดหงิดที่สุด”
ขนาดคนใจเย็นอย่างคิบอมเองก็รู้สึกหงุดหงิดใจที่ติดต่อคนรักได้ไม่สะดวก พวกเขาตัดสินใจลากกระเป๋าใบโตเดินออกไปทางประตูทางออก แล้วทั้งคู่ก็ได้พบชายร่างโปร่งยืนล้วงกระเป๋าพิงประตูเจ้าหน้าที่ในชุดสูทสีกรมท่าเต็มยศ อกซ้ายของจงฮยอนปักสัญลักษณ์สถานทูตเกาหลีประจำจอร์แดนเห็นเด่นชัด ครั้นพอเงยหน้าขึ้นสบตาก็มองเห็นยิ้มละไมที่มอบให้คนข้างตัวของเขาเสียจนแทมินรู้สึกหมั่นไส้
“เอ้า! มัวแต่ส่งสายตาปิ๊ง ๆ ใส่กันอยู่นั่นแหละ กะให้ท้องโตคลอดลูกอยู่กินที่จอร์แดนเลยรึเปล่า?”
คนปากไวเอ่ยเหน็บแนมเพื่อนหนุ่มเบา ๆ ทว่าคิบอมกลับไม่สนใจ จงฮยอนสาวเท้าเข้ามาใกล้พร้อมอ้าแขนรับคนรักเข้าไปในอ้อมกอดอย่างรู้ใจ ทั้งสองคนกอดกันแนบแน่น ก่อนที่ท่านทูตจะทำเซอร์ไพรซ์คนรักของตนด้วยการกดจมูกหนัก ๆ ที่แก้มนิ่มทั้งสองข้างของคิบอม ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายในสนามบิน มีคนลอบมองพวกเขาบ้างเล็กน้อย แต่แทมินคิดว่าชายหนุ่มทั้งคู่คงไม่สนใจ เดือดร้อนถึงเขาที่ยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่ข้าง ๆ ต้องเอ่ยปรามเสียงต่ำ
“นายคิดว่าที่นี่เป็นห้องนายรึไงจงฮยอน? ฉันรู้ว่าไม่ได้เจอหน้ากันเป็นปีต้องคิดถึงอยากฟัดบ้าง แต่ก็ช่วยดูกาลเทศะให้สมกับเป็นท่านทูตหน่อย ฉันอายแทนพ่อ เพราะงั้นตอนนี้รีบพาพวกเราไปที่บ้านพักได้แล้ว”
สิ้นคำปรามของแทมิน จงฮยอนไหวไหล่ใส่เพื่อนกวน ๆ ก่อนที่จะจับกระเป๋าคนรักของตนมาถือแทนแล้วเดินนำออกไปที่รถ คิบอมเดินตามร่างโปร่งอย่างไม่วายเอียงอายจากเหตุการณ์เมื่อครู่ ทิ้งให้ อี แทมินมองสัมภาระใบยักษ์ของตัวเองแล้วเอ่ยโวย
\
“ไอขี้ลำเอียงนี่! นายลากกระเป๋าให้แค่คิบอมคนเดียวอะ ไอคนโคตรไม่ยุติธรรม! ไอเพื่อนเลว คิม จงฮยอน!”
ร่างบอบบางของด๊อกเตอร์หนุ่มเสยผมอย่างอารมณ์เสียตามนิสัย ก่อนจะจัดการกึ่งลากกึ่งดึงกระเป๋าของตนเดินตามเพื่อนทั้งสองออกไป ลีมูซีนสีดำสนิทจอดเทียบท่านิ่งพร้อมบอดี้การ์ดท่านทูตอีกสองสามคนที่เข้ามา ดูแลเรื่องสัมภาระต่อ ก่อนที่รถยาวคันงามจะออกวิ่ง
“ในฐานะที่เป็นเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำจอร์แดน กระผมขอยินดีต้อนรับเข้าสู่ราชอาณาจักรฮัซไมต์จอร์แดนอย่างเป็นทางการนะครับ”
ท่านทูตแย้มยิ้มบางพร้อมเอ่ยคำกล่าวต้อนรับอย่างเป็นทางการเล่น ๆ คิบอมขำพรืดกับท่าทางของแฟนหนุ่มในขณะที่แทมินเบ้หน้าใส่สุดฤทธิ์ นี่ถ้าไม่คบกันมาเป็นสิบปีเขาคงจะเชื่ออยู่หรอกว่าผู้ชายตรงหน้าเป็นท่านทูตเจ้าเสน่ห์ เพราะไม่ว่าจะรูปร่างหน้าตา วุฒิการศึกษา ฐานะครอบครัว หน้าที่การงาน หรือแม้กระทั่งคารมคมคาย คิม จงฮยอนมีครบหมดทุกอย่าง แต่ท้ายที่สุดแล้วผู้ชายที่ยิ่งใหญ่ตรงหน้าเขากลับพ่ายแพ้ให้กับร่างบางของเพื่อนสนิทอย่าง คิม คิบอม เด็กนักเรียนทุนคนเก่งของกระทรวงการต่างประเทศที่แสนจะธรรมดาได้เสียนี่
คิดแล้วก็นึกขำในใจ ความทรงจำไหลย้อนไปถึงอดีตแสนเดียวดายของตนเอง
‘สมองเขาอาจจะตื้อเกินกว่าที่รับเอาความหมายของความรักเข้ามาไว้ในหัวใจ’
หรือบางทีมันอาจกำลังรอคอยเขาอยู่.....
นี่เป็นครั้งแรกของด๊อกเตอร์ อี แทมิน หนุ่มนักเรียนนอกที่เพิ่งจบปริญญาเอกมาไม่นานได้รับโอกาสมาเหยียบแผ่นดินอันอุดมแห่งหนึ่งของตะวันออกกลางอย่างจอร์แดน นครรัฐอิสลามที่ขึ้นชื่อในเรื่องแหล่งน้ำมันและสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญระดับโลกอย่างนครเพตรา ทะเลสาบแห่งความตายที่ลือชื่ออย่างเดดซี เมืองต้นกำเนิดแขกขาวและชาวร่อนเร่เบดูอินที่มีชื่อเสียงในการใช้ชีวิตอยู่กับทะเลทรายมาเนิ่นนาน
กระจกฟิลม์สีดำสนิทถูกกดเลื่อนลงโดย ผู้ทรงคุณวุฒิ คิม จงฮยอน เผยให้เห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองอัมมานที่แสนเจริญในแบบอนุรักษ์ ทั้งร้านรวงตึกแถวไม่ต่างอะไรกับประเทศชั้นนำทั่วไปในแถบตะวันออกกลางที่แทมินเคยเห็นสักนิด แต่อาหรับก็คืออาหรับ พื้นที่แห่งนี้ย่อมมีกลิ่นอายเฉพาะที่แปลกแยกแตกต่างออกไปจากที่อื่น แทมินเท้าแขนกับขอบกระจกพลางทอดสายตาเหม่อมองออกไปแสนไกล รถลีมูซีนสีดำค่อย ๆ แล่นตัดผ่านความเจริญในเมืองใหญ่สู่พื้นที่รกร้างแถบชานเมือง
เพียงไม่นาน...ริ้วแสงจ้าก็กระทบกันกับรอยทรายสะท้อนเป็นสีแสดดั่งที่แทมินเคยเห็นในความทรงจำ
“...ทะเลทรายสีแสด”
ร่างบางพึมพำแผ่วเบา ปิดตาลงเพียงครู่เพื่อระลึกถึงฝันประหลาดที่รบกวนหัวใจอยู่ทุกวันคืน ผู้ชายที่จดจ้องเขาในความทรงจำนั้น เจ้าของดวงตากลมโตที่เขาไม่อาจละสายตาจากมันไปได้ เจ้าของเสียงกระซิบแปลกที่ทำให้เขาใจเต้นทุกคราที่นึกถึง
“ผมจะพาคิบอมกับแทมินไปเที่ยวก่อนอาทิตย์นี้ แล้วอาทิตย์หน้าเราค่อยเริ่มงานกันนะ”
สดับนิ่งกับตัวเองไปครู่หนึ่ง แทมินก็ชักร่างหันกลับไปหาเพื่อนทั้งสองอีกครั้ง จงฮยอนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขากับคิบอมกำลังพูดคุยสนุกสนานถึงแผนการพาเที่ยวจอร์แดนของฝ่ายเจ้าถิ่น คิบอมดูมีความสุขมากที่ได้เจอจงฮยอน หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างต้องห่างหน้ากันไปถึงหนึ่งปีเต็มโดยที่ทั้งคู่ไม่มี โอกาสแม้จะได้เจอกันในวันหยุด แต่ก็ยังดีที่นับว่าโลกโลกาภิวัฒน์นี้ยังไม่ใจร้ายกับพวกเขามากนัก ทั้งสองจึงได้ติดต่อกันผ่านทางโทรศัพท์และอินเตอร์เน็ตอยู่เสมอ ๆ
“ฉันไม่ขี่อูฐเด็ดขาดนะ”
พอได้ยินแผนคร่าว ๆ จากฝ่ายเพื่อนสนิททั้งสอง แทมินก็ร้องเหวออกมาทันที
“มาเมืองทะเลทราย ไม่ขี่อูฐนายจะไปขี่หมาที่ไหนแทมิน?”
สาบานเลยว่าถ้าคนตรงหน้าไม่ได้เป็นถึงท่านทูตที่มีศักดิ์คอยคุ้มครองเขาได้ในประเทศแห่งนี้ล่ะก็ อี แทมินอยากจะถอดรองเท้าเอายัดใส่ปาก คิม จงฮยอนเสียตรงนี้จริง ๆ
“ปากนายนะจงฮยอน นี่ถ้าฉันคิดจะจีบคิบอมล่ะก็ นายไม่มีวันได้แอ้มแน่ ๆ สำนึกบุญคุณฉันซะบ้าง”
“นายมันพวกเดียวกับคิบอม จีบกันไปก็ไม่เจริญหูเจริญตาหรอกน่า”
“ว่าไงนะ?”
บรรยากาศระหว่างเพื่อนคู่กัดกรุ่นขึ้นเบา ๆ แทมินแยกเขี้ยวใส่จงฮยอนอย่างไม่ยอมแพ้ ในขณะที่ฝ่ายท่านทูตก็เอาแต่ยั่วโมโหคนตรงหน้าอย่างนึกสนุก จริง ๆ คงเป็นเพราะเขาเองก็ไม่ได้เจอแทมินมานานแล้ว ความคิดถึงมันเลยถูกระบายออกมาเป็นพฤติกรรมทีเล่นทีจริงไปอย่างนั้นเอง
“พอเถอะทั้งสองคน จงฮยอนเองก็มีหน้ามีตาในสังคมแล้ว หัดมีมารยาทบ้างเสียสิ”
คนกลางเอ็ดเบา ๆ พลางฟาดฝ่ามือเข้าแรง ๆ ที่ไหล่แฟนหนุ่ม จงฮยอนแสร้งร้องโอดโอยสะบัดสะบิ้ง ก่อนที่บรรยากาศทั้งมวลจะถูกดับลงโดยเสียงหัวเราะของเกลอทั้งสามที่ได้ระบาย ความคิดถึงกันจนเสร็จสิ้น
“บ้านพักที่ทางสถานทูตจัดให้จะอยู่ใกล้สถานทูตหน่อยแต่ก็อยู่ชานเมืองอัมมานอยู่ดี เวลาอยากไปไหนตอนฉันไม่อยู่นายกับคิบอมก็เรียกให้อาเหม็ดมาขับรถให้ได้ เขาพูดอังกฤษคล่องกันทั้งประเทศแหละที่นี่”
สัพเพเหระ กันไปได้สักพัก รถลีมูซีนคันหรูก็จอดตัวลงที่หน้าประตูบ้านพักหลังใหญ่ จงฮยอนได้เปรยมาขณะที่นั่งรถแล้วว่าที่นี่เป็นบ้านพักของเอกอัครราชทูต ด้วยความที่ทั้งสองเป็นทั้งเจ้าพนักงานและเป็นเพื่อนของเขา อีกทั้งตัวบ้านก็ติดจะเหมือนคฤหาสน์แถบชานเมืองเสียมากกว่า เขาจึงใช้เส้นสายล็อคทั้งคู่ให้มาพักอยู่ที่บ้านเขาแทนที่จะเป็นเรือนพักเจ้าพนักงานได้ แทมินแหงนมองคฤหาสน์สองชั้นขนาดใหญ่อย่างอึ้ง ๆ ทั้งลักษณะสถาปัตยกรรม และการตกแต่งภายนอกยอดเยี่ยมทันสมัยเหมือนบ้านพักนักแสดงแถบอับกูจองไม่ผิดเพี้ยน
“รบกวนด้วยนะครับอาเหม็ด”
แทมินหันไปจับมือทำความรู้จักกับคนขับรถที่ชื่ออาเหม็ดหลังจากที่คิบอมได้เอ่ยทักทายไปได้สักครู่ หนุ่มอาหรับร่างสูงใหญ่อ้อมตัวเข้าไปยกกระเป๋าใบโตทั้งสองด้วยสองมืออย่างสบาย ๆ ก่อนจะชิงเดินขึ้นไปวางเก็บไปในห้องรับแขกให้ ปล่อยบรรดาเจ้านายคนใหม่ชื่นชมบรรยากาศภายนอกตัวบ้านอย่างตื่นเต้น
“ที่จอร์แดนคนส่วนใหญ่จะเป็นแขกขาว หน้าติดฝรั่งหน่อย มีผิวสีอยู่บ้างแต่ก็ไม่ดำกันนักหรอก ที่เข้ม ๆ หน่อยสันนิษฐานได้ว่าเป็นพวกเบดูอินร่อนเร่ อย่างอาเหม็ดเองเดิมก็มีเชื้อสายเบดูอินอยู่ เลยคล้ำนิด ๆ อย่างที่เห็น”
จงฮยอนเอ่ยอธิบายให้ทั้งเพื่อนและคนรักได้เก็บเป็นเกร็ดความรู้ แทมินพยักหน้าหงึกหงักก่อนจะดันหลังเพื่อนซี้หน้าสวยให้เดินเข้าไปในตัวบ้านเสียที คิบอมหันหน้ามามองเป็นเชิงขออนุญาตเล็กน้อย ก่อนที่เจ้าของบ้านจะจัดการผายมือเชิญสมาชิกใหม่ทั้งสองให้เดินเข้าไปด้านใน
ลักษณะการตกแต่งภายในของตัวคฤหาสน์ไม่ได้แปลกประหลาดเกินไปกว่าลักษณะด้านนอกสักเท่าไหร่ เฟอร์นิเจอร์สไตล์วินเทจหรูหราถูกจัดวางไว้รับแขกตรงกลางโถง รายล้อมด้วยตู้กระจกเก็บของโชว์สวยงามมากมาย บันไดใหญ่ทอดยาวขึ้นจากกลางตัวบ้านแล้วแยกสอง ตรงกลางมีภาพวาดนครเพตราขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ เรียกได้ว่าการตกแต่งภายในดูหรูหรากว่าสภาพบ้านด้านนอกที่เน้นไปทางความแปลกใหม่ทันสมัยก็ว่าได้
“ฮืม...ตกแต่งได้ดีนะเนี่ย หรูกว่าบ้านนายที่โซลอีกนะจงฮยอน”
จงฮยอนยกยิ้มที่มุมปากก่อนจะตอกกลับเพื่อนไปไม่ยีระ
“ใช่ซี่...บ้านใครจะไปหรูเท่าบ้านท่านรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศล่ะครับคุณหนู”
คุณหนูที่ว่าจ้องกลับเพื่อนสนิทแค้น ๆ ก่อนจะเป็นคิบอมที่เข้ามาชวนให้เขาขึ้นไปจัดข้าวของที่ห้องด้วยกัน ทั้งสามแยกกันที่ตรงนั้น จงฮยอนขอตัวเข้าไปสะสางงานที่ค้างที่สถานทูต ส่วนแทมินกับคิบอมก็แยกกันเข้าไปจัดการห้องนอนส่วนตัวของตนตามอัธยาศัย
“ไว้ถ้าจงฮยอนมาฉันจะไปเรียกแล้วกันนะแทมิน”
“อื้อ”
ประตูไม้สีเบจถูกเปิดออกพร้อมร่างบางของด๊อกเตอร์แทมินที่แทรกตัวเข้ามา ห้องของแทมินเป็นห้องสี่เหลี่ยมจัตุรัสกว้าง ๆ ส่วนหนึ่งแบ่งเป็นห้องน้ำในตัวอยู่ติดกับประตูเข้าออก ในห้องน้ำแยกเป็นห้องอาบน้ำและห้องแต่งตัวอีกทีจึงดูกว้างขวางมากเป็นพิเศษ เตียงขนาดควีนไซด์ถูกจัดขึงตึงผ้าไว้เรียบร้อยตั้งอยู่กลางห้อง โทนสีครีมขาวเป็นการตกแต่งที่ดูสบายตาและนุ่มนวล ข้างเตียงมีโต๊ะเขียนหนังสือและชั้นหนังสือสองตู้ใกล้กัน ปลายเตียงมีชุดโซฟาตั้งหน้าแอลซีดีแบบติดผนังพร้อมเครื่องเสียงดูสะดวกสบายราวกับห้องพักหรูในโรงแรมชั้นนำ ขวามือสุดมีผ้าม่านใหญ่กางปิดหน้าต่างและประตูกระจกที่เชื่อมกันกับเฉลียงเล็ก ๆ ด้านนอก แทมินเดินวนสำรวจทั่วห้องตามนิสัย กระเป๋าใบใหญ่ของร่างบางถูกยกมาวางกองรวมกันที่ปลายเตียงแล้วเรียบร้อย เขาหยิบมันขึ้นเปิดแล้วจัดของตามความตั้งใจแรกจนเสร็จสิ้น สุดท้ายคือเดินไปเปิดม่านใหญ่ที่ขวางกั้นทิวทัศน์ยามเย็นของดินแดนอาหรับ
เท้าน้อยก้าวออกไปรับลมเย็นยามสายัณห์อย่างสบายใจ สายตาวาววับทอดมองไปแสนไกล บ้านเมืองที่อนุรักษ์ไว้ซึ่งสถาปัตยกรรมแบบเก่าแต่ซ่อนไว้ซึ่งความทันสมัย ไกลออกไปเห็นสีส้มเข้มของริ้วฟ้ากลืนกลบไปกับสีทะเลทราย ทั้งสวยงาม น่าหลงใหล
.....เหมือนใครสักคน?
เส้นไหมสีน้ำตาลทองพัดลู่ไปกับลมเย็นผะแผ่ว แทมินทัดมันไว้หลังใบหู เหม่อมองดวงตะวันที่เส้นขอบฟ้าหนึ่ง มวลเมฆสีขุ่นกำลังบดบังแสงของมัน จวบจนตะวันนั้นหล่นหายไป ความมืดมิดและแสงนวลตาของดวงจันทร์ได้ผุดโผล่ขึ้นมาแทนที่ ความรู้สึกบางอย่างรื่นระรินเข้าสู่หัวใจดวงเล็ก
‘อบอุ่น’
ราวกับสายลมนี้กำลังยินดีต้อนรับเขา ราวกับสัญญาณของอะไรบางอย่างใกล้เข้ามา
— ♦ TBC ♦ —
TALK: สวัสดีชาวเด็กดีทุกท่าน(?)...บางคนที่เล่นทรูมินอินโซลอาจจะเคยเห็นฟิคเรื่องนี้มาแล้วเนอะ เพิ่งเริ่มเอามาลงที่เด็กดีเป็นตอนแรกค่ะ อีกวันสองวันจะมาอัพตอนสองให้น้า~ ลองดูฟีทแบคก่อน...เรื่องราวเกี่ยวกับทะเลทราย ที่ตอนนี้รอให้เดากันว่าพระเอกจะออกมายังไงแน่...โฮโฮ...เขาค่าตัวแพงหน่อย แต่ออกแน่นอนค่ะ อดใจรอกันนิดเนอะ HQ กำลังดำเนินการแต่งตอนสุดท้ายอยู่น้า...รออีกนิดนึง~ ยังไงก็ฝากผลงานเรื่องนี้ไว้ด้วยนะคะ ขอบคุณทุกวิวทุกคอมเม้นท์เลยจ้า!
110326
BUTTERFLY DESTIN [B.D]
ความคิดเห็น