ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    KISS KISS KISS ;; MarkNior ft. 2Jae

    ลำดับตอนที่ #25 : Episode 21 ลงเอย...ด้วยดี??

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.5K
      34
      15 ต.ค. 62


    Episode 21 ลงเอย...ด้วยดี??

     

     



     

    ห้วงเวลาเดียวกับที่เหตุการณ์ตึงเครียดในโรงเรียนกำลังคลี่คลายลงไป หนึ่งชีวิตที่อยู่ที่บ้านกลับยังคงจมปลักอยู่กับความคิดเดิมๆ คำพูดซ้ำๆ ของสองคน คนแรกก็คือเพื่อนสนิทที่ตนรับรู้ว่ามีใจให้ แถมยังเคยเผลอมีความสัมพันธ์ทางร่างกายที่เกินเพื่อนไปแล้ว ส่วนอีกคนก็คือผู้ชายที่ก้าวเข้ามาบอกอย่างกล้าหาญว่าชอบเพื่อนสนิทของเขา ถ้าเป็นเมื่อก่อน เขาอาจไม่รู้สึกอย่างนี้ก็ได้ แต่ในเวลานี้ ทุกอย่างมันเหมือนกับสายน้ำที่ไหลไปอย่างไม่สิ้นสุด ดูเหมือนว่าสำหรับอิมแจบอมแล้ว ทุกอย่างมันยากจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม

    “เฮ้อ...!” อิมแจบอมนอนก่ายหน้าผากถอนหายใจอยู่บนโซฟารอบที่ล้านทำให้น้องสาวผู้น่ารักทนไม่ไหวต้องละมือจากการจัดอาหารในครัวและเดินมาหาพี่ชาย

    “อย่าหาว่าหนูละลาบละล้วงเลยนะ แต่หนูอยากรู้จริงๆ พี่กับพี่ยองแจมีเรื่องทะเลาะกันรึเปล่า” คำถามที่แสนตรงออกมาจากปากน้องสาวทำเอาแจบอมสะอึกไปชั่วครู่

    “ทำไมถามงั้นล่ะ พี่กับยองแจก็ปกติดีนะ” แจบอมโกหกคำโต แต่ที่ได้รับกลับมาก็คือหน้าที่ส่ายรัวของเด็กสาว

    “จะปกติได้ยังไง เมื่อเช้าก่อนพี่ยองแจจะกลับ หนูยังแอบเห็นพี่เค้าร้องไห้ออกมาจากห้องพี่อยู่เลย ถึงหนูจะยังเด็ก แต่ก็ไม่ได้โง่นะพี่”

    แจบอมสะอึกอีกรอบกับสิ่งที่ได้รับรู้

    “ยองแจร้องไห้...?”

    “ก็ใช่อ่าดิ พี่ไปรังแกอะไรพี่ยองแจ บอกหนูมาเดี๋ยวนี้นะ” เด็กสาวคะยั้นคะยอจะเอาคำตอบ ทั้งกระตุกชายเสื้อก็แล้ว ทั้งเขย่าตัวก็แล้ว

    แต่แจบอมยังคงนิ่ง ราวกับดิ่งลึกลงสู่ใจกลางความรู้สึกก้นบึ้ง ส่วนแจยอนเริ่มสังเกตอากัปกิริยาที่เปลี่ยนไปของพี่ชายก็เริ่มนิ่ง

    “แจยอน...” แจบอมเอ่ยเรียกหลังจากเงียบไปนาน

    เด็กสาวเลิกคิ้วสูง คอยท่าว่าพี่ชายจะพูดอะไร

    “มันอาจจะเป็นคำถามที่โตไปสักหน่อยนะ แต่แจยอนคิดยังไงกับการที่เพื่อนสนิทกันเปลี่ยนไปคบกันเป็นแฟน มันดีหรือไม่ดี” แจบอมถามออกไปในที่สุด

    เด็กสาวเอียงคอเล็กๆ ครุ่นคิดอย่างดีก่อนตอบออกไป “หนูว่ามันก็ดีนะ เคยเป็นเพื่อนสนิทกันมา มันก็ต้องรู้นิสัยทั้งดีและแย่ของกันมาหมดแล้ว มันเป็นการคบกันที่เริ่มจากความเข้าใจอะไรแบบนี้ไง มันน่าจะเวิร์คนะ”

    คนพี่ชักสีหน้าเครียด “แล้วถ้ามันไม่เวิร์คล่ะ ถ้าวันหนึ่งต้องเลิกกัน จนไม่สามารถกลับมาเป็นเพื่อนกันได้ ไม่ใช่จะกลายเป็นว่าต้องเสียความเป็นเพื่อนแต่เก่าก่อนไปหรอกเหรอ”

    “จะกลับเป็นเพื่อนกันเหมือนเก่าหรือตัดขาดกันมันก็ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เราเลือกเองไม่ใช่เหรอพี่” คำถามที่ย้อนกลับมาอย่างซื่อๆ สะท้อนสู่หัวใจของแจบอมให้ขบคิด

    ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น มันก็ล้วนแล้วแต่เกิดจากการเลือกของตัวเราเองทั้งสิ้น

    ใช่... เป็นอย่างนั้นจริงๆ การที่เขาและยองแจตกอยู่ในสถานะแบบนี้มันก็คือผลพวงที่เกิดจากการผลักไสความรู้สึกของเขาเอง

    แจบอมเงียบไปสักพัก แล้วเอ่ยถามอีกคำที่สำคัญไม่แพ้กัน

    “ถ้าจู่ๆ มีใครก็ไม่รู้มาแย่งเพื่อนสนิทของแจยอนไป เอ่อ... จะว่าไงดี เหมือนว่าเข้ามาแทรกกลาง และทำให้เพื่อนสนิทของแจยอนไปสนิทกับคนนั้นมากกว่า แจยอนน้องพี่จะทำยังไง”

    “ก็ไม่ยอมสิถามได้!!” เธอโพล่งออกมาโดยคิดไม่ถึงเสี้ยววินาทีด้วยซ้ำไป “เพื่อนของหนู หนูก็รักของหนู ทำไมต้องยอมให้เพื่อนที่หนูรักไปสนิทกับคนอื่นมากกว่าด้วย ไม่ยอมหรอก”

    คำตอบที่ออกมาด้วยใจที่ใสซื่อของแจยอนทะลุทะลวงเข้าสู่กลางใจของแจบอมยากที่ใครจะนึกถึง แล้วภาพใบหน้าของยองแจ รอยยิ้มของยองแจ น้ำเสียงของยองแจ ช่วงเวลาทุกอย่างที่ยองแจกับเขาเกิดขึ้นร่วมกันมันประดังประดาเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง

    ราวกับหัวใจและสมองถูกปลดพันธนาการ แจบอมลุกพรวดขึ้นอย่างรวดเร็ว จนน้องสาวตั้งตัวไม่ทัน

    “พี่จะไปไหน ยังไม่หายดีเลยนะ!” แจยอนร้องเรียกเมื่อเห็นพี่ชายกำลังดึงเสื้อโค้ดที่แขวนอยู่ข้างประตูมาใส่อย่างรีบร้อน

    แจบอมเตรียมพร้อมทุกอย่างแล้ว แต่ก่อนที่จะพ้นจากประตูบ้าน ใบหน้าหล่อๆ นั้นโปรยยิ้มน้อยๆ และถอนหายใจเบาๆ “ดูบ้านดีๆ นะ พี่แวะไปบ้านยองแจแป๊บเดียว”

    แจยอนเกาหัวแกรกๆ มองตามแจบอมอย่างไม่เข้าใจ เพราะในเวลานี้เธอยังเด็กเกินกว่าจะเข้าใจในความรู้สึกที่ซับซ้อนของพี่ชายจริงๆ

     

     



















     

    หลังจากผ่านเหตุการณ์ที่แสนวุ่นวาย ทุกอย่างก็กลับเข้าสู่สภาวะปกติ เมื่อมาร์คกับจินยองได้กลับมาอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุขอีกครั้ง ก็หมดหน้าที่เพื่อนผู้พิทักษ์อย่างยองแจ ก่อนจะแยกจากกันที่หน้าโรงเรียน แจ็คสันที่เพิ่งซ้อมบาสเกตบอลเสร็จก็เข้ามาสมทบพอดี และขอไปส่งบ้านอย่างที่เคยทำ

    “วันนี้ท่าทางดูเหนื่อยๆ นะ ซ้อมร้องเพลงหนักไปรึเปล่า”

    “เปล่าหรอก วันนี้ไม่ได้ไปเหยียบชมรมเลย”

    “อ้าว... เห็นกลับค่ำ นึกว่าอยู่ชมรมซะอีก”

    “อืม... จริงๆ แล้วมีเรื่องนิดหน่อย แต่เป็นเรื่องของจินยอง ก็เลยไม่อยากเล่าให้ใครฟังจนกว่าเจ้าตัวจะเล่าเอง แต่ว่ามันก็จบลงด้วยดีแล้วล่ะ”

    “อย่างนั้นก็ดีแล้ว เราจะได้มีเวลากลับมาติวหนังสือด้วยกันเต็มที่เหมือนเดิมเน๊อะ”

    ยองแจไม่ตอบ... พอดีกับที่เดินมาจอดถึงหน้าบ้านพอดี ความเงียบโรยตัวขณะที่สองชีวิตยืนหันหน้าเข้าหากัน แจ็คสันลูบหัวใจเบาๆ ราวกับจะผ่อนคลายความประหม่า

    “เป็นไรไปอ่ะ” ยองแจถามพลางเลิกคิ้วมองด้วยความฉงน

    ใบหน้าที่ดูจริงจัง แววตาที่ดูมั่นคงแน่วแน่ของแจ็คสันกำลังจ้องมองมายังยองแจอย่างไม่หลบสายตา นั่นทำยองแจเริ่มรู้สึกได้ว่าอะไรก็ตามแต่ที่กำลังจะออกมาจากปากของแจ็คสัน มันคือเรื่องสำคัญอย่างมาก

    “ยองแจ... เรามาลองคบกันดูมั้ย”

    ดวงตาเรียวเล็กของยองแจลุกวาวกระพริบถี่ เหมือนทุกอย่างตรงหยุดเคลื่อนไหวไปชั่วขณะ แต่ทว่า... ไม่ใช่แค่ยองแจเท่านั้นที่ตกใจกับคำขอรักที่ซื่อตรงของแจ็คสัน...

    แต่ยังรวมไปถึงอีกหนึ่งชีวิตที่ซ่อนอยู่ในความมืดติดรั้วไม่ไกลจากประตูบ้าน แต่ได้ยินทุกคำอย่างชัดเจน เห็นภาพตรงหน้าชัดเต็มสองตา

    แจบอมนั่นเอง...

    นี่เรามาช้าไปแล้ว?? แจบอมถามตัวเองอย่างเจ็บใจ เจ็บใจที่ต้องมาฟังคนอื่นขอยองแจเป็นแฟนอย่างกล้าหาญในขณะที่ตัวเองทำได้แค่ยืนโง่ๆ หลบมุมอยู่อย่างขี้ขลาด

    ยังไม่มีสิ่งใดออกมาจากปากของคนถูกขอรับรักเลยสักคำเดียว ความประหม่าและหวั่นวิตกสะท้อนกลับสู่แจ็คสันที่ใจฝ่อไปกว่าครึ่งแล้ว กลัวว่าจะผิดหวัง ความเงียบที่ได้รับมันยิ่งน่ากลัวกว่าการเอ่ยสิ่งใดเสียอีก

    “ถ้ายังไม่มั่นใจจะลองเก็บเอาไปคิดก็ได้นะ เรารอได้อยู่แล้ว” แจ็คสันบอกอย่างคาดหวังในน้ำเสียงแสนละห้อย

    ยองแจยิ่งคิดหนักกว่าเดิม จริงอยู่ว่าแจ็คสันดีกับตนอย่างมาก ดูแล เอาใจใส่ทุกอย่าง ในบางครั้งก็เคยลองจินตนาการว่าถ้าได้คบหาดูใจกันมันจะไปได้ด้วยดีไหม มันจะมีความสุขมากกว่าทุกข์หรือเปล่า ถามใจตัวเองหลายครั้งก็ยังไม่พบคำตอบอย่างที่ต้องการสักที

    “แจ็คสัน...”

    “แต่ขออย่างเดียวได้มั้ย อยากให้ยองแจลืมแจบอม เราไม่อยากเห็นยองแจเป็นทุกข์อีกแล้ว ได้มั้ย...”

    คำขอร้องนี้ของแจ็คสันมันบีบหัวใจของยองแจเสียยิ่งกว่าการถูกขอเป็นแฟนเสียอีก แล้วมันก็ยากยิ่งกว่าสิ่งใดด้วย

    แจบอมที่แอบยืนอยู่ยิ่งหัวใจดิ่งลงเหว ทำไมเขาต้องมาทนรับฟังอะไรพวกนี้ด้วย แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นกับใจของเขาถ้าหากยองแจรับปากคำขอนั้น

    “นะยองแจ ได้โปรด...”

    “อื้ม เราจะพยายามนะ”

    เสี้ยววินาทีที่ยองแจตอบรับ หลายสิ่งหลายอย่างถาถมมาสู่อิมแจบอม แต่ที่ชัดเจนและหนักหน่วงที่สุดนั่นก็คือคำพูดสุดท้ายของน้องสาวอันเป็นที่รัก

    “เพื่อนของหนู หนูก็รักของหนู ทำไมต้องยอมให้เพื่อนที่หนูรักไปสนิทกับคนอื่นมากกว่าด้วย ไม่ยอมหรอก”

    แจบอมไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของตัวเองได้ ราวกับว่ามันพุ่งทะยานไปตามจิตใต้สำนึกเบื้องลึกที่มันพองตัวขยายใหญ่จนห้ามไม่ไหว แจบอมไม่สนใจอาการตกใจบนสีหน้าของแจ็คสันและยองแจเมื่อได้เห็นเขาปรากฏกาย

    จังหวะที่สองชีวิตกำลังหยุดนิ่งด้วยความประหลาดใจ แจบอมมุ่งตรงไปแทรกกลาง หยุดอยู่เบื้องหน้าของยองแจ และไม่รอให้ใครสั่ง ไม่รอให้ยองแจเอ่ยถาม ฝ่ามือทั้งสองข้างเอื้อมเข้าประคองแก้มอวบๆ พร้อมกับริมฝีปากที่โน้มเข้าไปเพื่อจูบ!

    ริมฝีปากแข็งแรงกำลังบดขยี้อย่างบ้าคลั่งราวกับจะพร่ำพรรณนาถึงความรู้สึกอันเปี่ยมล้นของแจบอม ยองแจสัมผัสมันได้เรื่อยๆ มันแผ่ซ่านเข้ามาตามรูขุมขน ฉากร่วมรักครั้งแรกผุดเข้ามาในห้วงแห่งความทรงจำ มันค่อยๆ หลอมละลายยองแจได้อีกครั้ง จากที่เคยยืนแข็งทื่อเหมือนถูกสาปเป็นหิน ร่างกายมันก็ค่อยๆ อ่อนยวบไปเหมือนกับไอศกรีมที่กำลังละลาย ดวงตาเบิกโพลงค่อยๆ หลับพริ้มพร้อมกับริมฝีปากเองก็ค่อยๆ ตอบรับไปพร้อมกัน

    ทุกอย่างเหมือนจะเป็นภาพเคลื่อนไหวแสนเชื่องช้า แต่มันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และเกิดขึ้นต่อหน้าแจ็คสันที่หัวใจกำลังแตกสลาย ภาพที่อยู่ตรงนี้มันยิ่งตอบย้ำว่า...เขาแพ้แล้ว เขาไม่อาจแทรกไปอยู่ตรงกลางระหว่างสองคนนี้ได้ ไม่มีทางช่วงชิงหัวใจของยองแจมาได้ และไม่มีทางทำให้ยองแจลืมแจบอมได้เลย

    ความจริงที่ตระหนักได้นี้ได้พาแจ็คสันหลบออกไปจากตรงนั้นอย่างเงียบเชียบ ไร้ซึ่งตัวตน ไร้ซึ่งใครจะรับรู้ มันเจ็บปวด แต่ก็ต้องยอมรับมันด้วยใจ เพราะอย่างน้อยๆ ก็ได้พยายามอย่างเต็มที่แล้ว

    ความเงียบโรยตัว ได้ยินเพียงเสียงเสียดสีกันของริมฝีปากที่ดังขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ทั้งสองเริ่มรู้สึกตัวว่าตัวเองกำลังทำอะไร และอยู่ที่ไหน ทั้งสองหลุดจากภวังค์ ลืมตาขึ้นมาสบตากันด้วยความเคอะเขินอยู่ในที คนหนึ่งเงียบ อีกคนก็เงียบตาม ไม่กล้าที่จะเอื้อนเอ่ยสิ่งใดๆ ออกมาในห้วงเวลานี้

    “ฉันว่า... ฉันกลับบ้านดีกว่า” คำตัดบทในแบบโง่ๆ ของแจบอมทำเอายองแจแทบหูผึ่ง

    แจบอมเงอะงะทำตัวไม่ถูกระหว่างยืนอยู่ตรงนั้นก่อนจะหันหลังเดินกลับบ้าน ทว่า... สุดท้ายก็ต้องชะงักหันกลับมาเพราะเสียงที่แสนดุของยองแจ

    “หยุดเดี๋ยวนี้นะแจบอม! คิดว่ามาจูบฉันแล้วนายจะกลับบ้านไปได้ง่ายๆ งั้นเหรอ อยากตายรึไง”

    “เอ่อ...” แจบอมหันมาแบบทื่อๆ อย่างกับตุ๊กตาไขลาน อาการเก้ๆ กังๆ แบบนี้ แม้แต่ยองแจเองก็เคยเห็นเป็นครั้งแรก ไหนจะดวงแก้มที่แดงจัด แดงไปจนถึงหูทั้งสองข้างนั่นอีก มองดูแล้วก็ทั้งน่าขำ ทั้งน่าโมโห

    “ว่าไง จะอธิบายอะไรก็ว่ามา” ยองแจถามห้วนๆ ถามทั้งๆ ที่ใจก็พองโตด้วยพอจะคาดเดาคำตอบได้อยู่แล้ว แต่ถึงกระนั้นก็ยังอยากฟังชัดๆ เต็มสองหู

    “แล้วนายจะให้ฉันอธิบายอะไรล่ะ ฉันคิดไม่ออก”

    “อิม แจ บอม !” สายตาดุกร้าว น้ำเสียงเฉียบขาดยิ่งบีบคั้นให้แจบอมราวกับหายใจไม่ออก เหงื่อเม็ดเป้งผุดพราวเต็มใบหน้าทั้งๆ ที่อากาศเย็นจัด

    “ถ้านายยังไม่พูด ฉันจะไปหาแจ็คสันเดี๋ยวนี้” คนขู่ตั้งท่าจะไปจริงๆ นั่นเป็นฉนวนสุดท้ายที่ทำให้แจบอมหมดซึ่งขีดจำกัด

    “ฉันต้องการนาย ฉันหยุดคิดถึงนายไม่ได้ จะกิน จะนอน จะเดิน จะเรียน จะทำอะไรก็เห็นแต่ใบหน้าของนาย สลัดความจริงที่ว่าเราเคยมีอะไรกันออกไปไม่ได้ ฉันไม่อยากเสียนายไปให้แจ็คสัน ฉันอยากเก็บนายเอาไว้คนเดียว มันก็แค่นี้แหละ!!

    ทั้งๆ ที่ไม่มีคำว่า “รัก” ออกมาจากปากสักคำ แต่ถ้อยคำทั้งหลายที่พรั่งพรูออกมานั้นมันตอบทุกอย่างจนชัดเจนหมดแล้ว

    ยองแจระบายยิ้ม... ยิ้มทั้งน้ำตาที่เอ่อคลอ

    แจบอมเองก็แอบยิ้มไม่หุบ เกาหัวแก้เก้อเขินตามประสา แต่ดวงตาทั้งสองดวงมิอาจละไปจากกัน แม้จะถูกคั่นกลางด้วยระยะห่างหลายก้าว แม้จะไม่ได้สัมผัสแตะต้องตัว ทว่า...ความรู้สึกนั้นเป็นหนึ่งเดียว หัวใจทั้งสองดวงมันได้เดินทางมาอยู่ด้วยกันดั่งที่มันสมควรจะเป็นแล้ว

     

     



















































     

     

    จินยองทิ้งตัวลงนอนเตียงนุ่มทันทีที่กลับมาถึงห้องนอน และอีกคนที่ทิ้งตัวลงนอนข้างๆ ก็คือมาร์ค รอยยิ้มน้อยๆ แต่งแต้มอยู่บนใบหน้าที่แสนอ่อนล้า เนิ่นนานที่ทั้งสองนอนหลับตาฟังเสียงลมหายใจของซึ่งกันอย่างสงบ

    “คิดๆ ดูก็สงสารน้องเค้าเหมือนกันนะ” เสียงเนือยๆ ของจินยองล่องลอยในอากาศ ตามด้วยเสียงถอนหายใจเบาๆ

    ดวงตาของมาร์คเบิกโพลง เพียงเสี้ยววินาทีเขาก็กลิ้งตัวไปขึ้นคร่อมเจ้าร่างบางก่อนที่จะรู้ตัว

    จินยองตกใจลืมตาโต แล้วก็พบว่าใบหน้าหล่อๆ นั้นห่างกันเพียงแค่เชือกกัน มาร์คชักสีตาดุ พลางส่งปลายจมูกโด่งๆ ถูไถไปกับใบหน้าสวยอย่างหมั่นเขี้ยว

    “มาร์ค...ไม่เอา มันจั๊กจี้” จินยองบ่ายเบี่ยงใบหน้าหลบ แต่ผลที่ได้ก็คือมาร์คยิ่งประชิดตัวเข้ามาใกล้เรื่อยๆ แถมมือซนๆ ยังเลื้อยไปเคล้าคลึงบั้นท้ายแน่นเน้นๆ

    “หยุดแกล้งได้แล้วน่า...”

    “ก็ถอนคำพูดก่อนสิ พูดมาได้ยังไงว่าสงสารคนที่ทำร้ายตัวเอง” ไม่ดุเปล่า มาร์คยังเคาะเหม่งน้อยเบาๆ เตือนสติ

    จินยองเบ้ปาก แต่ก็พยักหน้าน้อยๆ เข้าใจแฟนหนุ่มว่ารู้สึกอย่างไร “ขอโทษที่พูดอะไรไม่คิดนะ หายเม้งได้ยัง”

    “หายเม้งก็ได้” มาร์คตอบส่งๆ เพราะในตอนนี้ความอยากกระหายมันพวยพุ่งออกมาจนไม่สนใจอะไรแล้ว “หิวมากตอนนี้ ขอสักยกหน่อยนะ”

    “ไม่เอา... เดี๋ยวพ่อแม่มาเห็น” คำขู่แห้งๆ ของจินยองได้รับการกลับมาเพียงยิ้มยียวนกวนประสาทของมาร์ค

    “พ่อแม่จินยองมาเห็นสิดี จะได้ทำการสู่ขอทีเดียวไปเลย” ว่าแล้วก็กดจูบที่แก้มซ้ายแรงๆ สักฟอดให้ชื่นใจ

    “ไอ้มาร์คบ้า บอกว่าให้หยุดก่อนไง เดี๋ยวพ่อมาเห็นได้ฆ่าตาย”

    “โปรดจำไว้ มัคคึยอมตายดีกว่าถ้าไม่ได้ซั่ม” การแสดงเจตนารมณ์ที่ชัดเจนอย่างหน้าไม่อายของมาร์คทำให้จินยองนึกถึงสัจธรรมข้อหนึ่งได้ว่าเขาไม่ควรไปสงสารใครทั้งนั้น เขาควรสงสารตัวเองที่มีแฟนเป็นไอ้หื่นบ้ากามเยี่ยงนี้




    NC ไม่เยอะมากหรอก เน้นฟิน 55555555555
     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ........ เรื่องราวฟินๆ ยังไม่สิ้นสุดเพียงเท่านี้ …….

     

     

     

    ติดตาม “บทส่งท้าย” + Side Story ของสองคู่ในรวมเล่มได้ค่ะ ส่วนเนื้อหาที่ลงให้อ่านในเว็ปจะมีเพียงเท่านั้น 

     


     

    ส่วน NC เข้าไปหาอ่านได้ที่เพจสายลมอ่อนระทวย ตรง "โน๊ต" ค่ะ ไรท์เอาลงให้อ่านแล้ว ไม่ต้องขอทางอีเมลแล้วค่ะ 


    แล้วพบกันใหม่ในฟิคเรื่องหน้า ขอบคุณที่ติดตามมาตลอดนะคะ 





     

    #ฟิคตองคิส

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×