ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    KISS KISS KISS ;; MarkNior ft. 2Jae

    ลำดับตอนที่ #17 : Episode 14 มือที่มองไม่เห็น

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.08K
      18
      22 ธ.ค. 58

    หมายเหตุ : ปั่นสด ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร

     

     
     

    Episode 14 มือที่มองไม่เห็น

     

     

     

     

    เลิกเรียนวันนี้จินยองกลับบ้านคนเดียว เพราะมาร์คต้องไปพบพ่อที่สถานทูต มาร์คบอกให้เขารีบกลับบ้าน ห้ามคุยกับคนแปลกหน้า ทำราวกับว่าเขาเป็นเด็กก็ไม่ปาน ถึงแม้จินยองจะประท้วงอยู่ในใจก็ตามแต่ว่าก็ตรงกลับบ้านตามที่มาร์คบอกทุกประการ

    “กลับมาแล้วครับแม่” ลูกชายผู้น่ารักร้องบอกแม่ที่ดูเหมือนกำลังหมักกิมจิอยู่ในครัว

    “กลับมาแล้วก็ขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้านะแล้วลงมาช่วยแม่ทำกิมจิหน่อย อ้อ มีคนส่งจดหมายถึงลูกด้วยนะ แม่เอาไปวางไว้ที่ห้องนอนให้แล้ว” คุณนายปาร์คบอกกลับมา

    “ครับแม่” จินยองตอบรับก่อนจะวิ่งตึงๆ ขึ้นห้อง รู้สึกตื่นเต้นตั้งแต่ได้ยินว่าจดหมายแล้ว เพราะแทบจะนับครั้งได้เลยที่จะมีจดหมายส่งมาถึงตน

    จินยองเปิดประตูผ่าง หมุนกระเป๋าเป้ลอยหวือไปตกที่เตียงนุ่มก่อนจะคว้าจดหมายสีขาวขนาดเท่า A5 ที่อยู่บนโต๊ะการบ้านมาดูชัดๆ

    ถึง...ปาร์คจินยอง มันบอกแค่นั้น ไม่มีการเขียนบอกว่าใครเป็นผู้ส่งมามันยิ่งทำให้เครื่องหมายคำถามในหัวของจินยองขยายใหญ่โตขึ้นไปอีก

    “ใครส่งมา...” คิ้วเริ่มขมวดขณะที่มือก็เปิดผนึกจดหมาย แล้วก็พบสิ่งที่อยู่ข้างใน

    รูปนับสิบๆ รูปอยู่ในมือของจินยอง รูปที่มันไม่ควรจะมีใครสามารถถ่ายเอาไว้ได้ รูปของนักเรียนคู่หนึ่งอยู่ในสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ยแต่มันก็ยังไม่น่าตกใจเท่ากับทั้งคู่กับกำลังร่วมรักกันในห้องสมุด ใบหน้าของมาร์คชัดเจนในรูปทุกรูป แต่ใบหน้าที่ควรจะเห็นชัดว่าเป็นจินยองกลับถูกเบลอเอาไว้จนไม่รู้ว่าเป็นใคร

    จากมือที่เคยมีเรี่ยวแรงแปลเปลี่ยนเป็นสั่นเทิ้มจนไม่สามารถประคองรูปในมือไว้ได้ รูปทั้งหมดร่วงหล่นกระจายเต็มพื้นพร้อมกับน้ำตาที่ไหลเอ่อออกมาจากดวงตาที่สั่นระริก ใบหน้าไร้เลือดฟาดเห็นได้ชัดว่ายังคงช็อคถึงขีดสุด

    แล้วดวงตาก็พลันสะดุดเข้ากับหลังรูปใบหนึ่งซึ่งมีตัวหนังสือขีดเขียนเอาไว้ มือเรียวกุมหัวใจที่เต้นแรงราวกับปลอบประโลมมันให้สงบลงมาบ้างถึงมันจะไม่ได้ช่วยอะไรเลยก็ตาม

    จินยองก้มไปหยิบมันขึ้นมาอ่านในใจ

    “ก่อนอื่นต้องยอมรับเลยว่าลีลาการอ่อยเหยื่อของนายนี่มันขั้นเทพจริงๆ ถึงสามารถกุมหัวใจของมาร์คได้อยู่หมัด แต่ฉันคิดว่ามันควรหมดเวลาสำหรับนายแล้ว ขอเตือนเอาไว้ว่านี่ไม่ใช่การข่มขู่ แต่ถ้านายไม่อยากให้รูปพวกนี้ไปถึงฝ่ายปกครองละก็... เลิกยุ่งกับมาร์คซะ จำไว้ ฉันคอยจับตาดูนายอยู่!

    จินยองอยากจะทรุดลงไปกับพื้นตามหัวใจที่มันหล่นตุบจนเจ็บแปลบ ในหัวเต็มไปด้วยความสับสนและหวาดกลัว มีคำถามผุดขึ้นมากมาย ใครเป็นคนทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้ได้ลงคอ

    สติที่ยังคงเหลือของจินยองพอจะคิดได้ว่าคนที่ทำต้องรู้ว่าเขารักมาร์คมอพอที่กล้าเอาอนาคตของมาร์คมาขู่ ในรูปเห็นแต่หน้ามาร์คแต่ไม่เห็นหน้าเขา ถ้าหากรูปพวกนี้ถึงฝ่ายปกครอง คนที่จะเดือดร้อนก็คือมาร์ค แล้วเขาจะกล้าทำร้ายมาร์คได้ลงคออย่างนั้นหรือ

    ไม่... ไม่สิ... มันต้องมีทางออก

    ความคิดอีกด้านตะโกนบอกเตือนสติที่ใกล้จะแตกอยู่มะรอมมะร่อ จินยองพยายามควบคุมตัวเอง และเก็บรูปภาพเหล่านั้นใส่ซอง และเอาไปเก็บในลิ้นชักโต๊ะ เอาหนังสือหลายเล่มทับไว้อย่างมิดชิด ผิดกับจินยองที่ไม่อาจปกปิดความหวาดหวั่นใจในตอนนี้ได้เลย

     

     





















     

    เวลาล่วงไปจนสี่ทุ่ม รถเก๋งยี่ห้อดังจอดเทียบข้างริมบาทวิถีตามคำสั่งของมาร์ค ตอนนี้มาร์คอยู่ในชุดทักซิโดเรียบหรูผิดตาไปมากทีเดียว แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่ามันช่างเหมาะกับเขาเหลือเกิน แม้จะไม่ค่อยชอบเท่าไหร่นัก แต่ก็มีเหตุจำเป็นที่ต้องใส่มัน นั่นก็เหมาะว่าพ่อบังเกิดเกล้ามีคำสั่งให้ไปร่วมงานความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีใต้และจีน งานนี้ทำให้มาร์คต้องปั้นหน้าเข้าสังคมหลายชั่วโมงกว่าจะหลุดออกมาได้

    “ให้ผมเข้าไปส่งถึงหน้าบ้านดีกว่าไหมครับคุณชาย” คนขับรถกล่าวถามอย่างไม่สบายใจแม้จะยอมจอดให้แต่โดยดีแล้ว

    มาร์คชักสีหน้าแล้วตอบไปส่งๆ “ไม่ต้องล่ะ ฉันจะแวะซื้อของก่อน นายกลับไปเถอะ ถ้าพ่อถามก็บอกไปว่าส่งถึงหน้าบ้านแล้ว โอเคนะ”

    ไม่ทันให้อีกคนตอบรับ มาร์คก็เหวี่ยงกระเป๋าเป้ขึ้นพาดบ่าแล้วเคลื่อนย้ายออกจากรถอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความปลอดโปล่งโล่งใจ

    ทันใดนั้นเอง ดวงตาทั้งคู่ก็เหลือบไปเห็นสิ่งมีชีวิตที่คุ้นตากำลังหอบหิ้วถุงของซื้อมากมายออกมาจากซุปเปอร์มาร์เก็ท

    แบมแบมนั่นเอง

    “เฮ้ หวัดดี!” มาร์คยกมือขึ้นทักอย่างไม่ลังเล แบมแบมก็เหลียวหันมาทางเสียงเรียกอย่างรวดเร็ว รอยยิ้มสดใสแย้มออกมาในทันใด

    “หวัดดีครับพี่มาร์ค” แบมแบมทักกลับพร้อมเดินไปหา

    มาร์คเองก็เดินเข้าไปหาเหมือนกัน แล้วเอ่ยถาม “ดึกป่านนี้แล้วยังต้องออกมาซื้อของอีกเหรอ ที่บ้านมีงานรึไง”

    “อ๋อ คือคุณแม่ไม่สบายเลยไม่ได้เตรียมของสำหรับทำอาหารพรุ่งนี้ ผมก็เลยต้องออกมาซื้อไว้ทำให้พวกท่านครับ”

    “เรานี่เป็นเด็กดีจริงๆ เลยนะ” มาร์คยิ้ม ในแววตามองเด็กหนุ่มด้วยความชื่นชมไม่น้อย เพราะเมื่อมองย้อนถึงตัวเองแล้วเขาไม่เคยมีความคิดที่จะทำแบบนั้นเลย

    “เอางี้ ส่งของมานี่ครึ่งหนึ่ง เดี๋ยวพี่เดินไปส่ง” มาร์คขันอาสา

    ดวงตากลมแป๋วของแบมแบมเบิกกว้างกว่าเดิม แม้สีหน้าที่แสดงออกจะเต็มไปด้วยความเกรงใจ ทว่าเมื่อรุ่นพี่หนุ่มผู้ใจดียื่นมือมารับอยู่อย่างนั้น สุดท้ายแล้วก็ต้องยอมแบ่งบันถุงในมือข้างหนึ่งไปให้ด้วยความดีใจจนอดยิ้มไม่ได้

    “บ้านเราอยู่ฝั่งโน้นใช่มั้ยพี่จำได้” มาร์คถาม

    “ครับ อยู่ในซอยตรงข้าม” แบมแบมบอกยิ้มๆ มาร์คเองก็ยิ้ม แล้วทั้งคู่ก็เดินข้ามถนนไปด้วยกัน

    ซอยเข้าบ้านแบมแบมค่อนข้างแคบที่พอสัญจรรถทางเดียวเท่านั้น แถมในเวลานี้ยังเปลี่ยวและเงียบมากด้วย ยิ่งทำให้เสียงทั้งคู่ที่สนทนากันได้ยินชัดเจน

    “วันนั้นผมก็อยู่โรงยิมด้วยล่ะ” แบมแบมพูดขึ้น

    มาร์คชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะถึงบางอ้อในวินาทีถัดไป แบมแบมคงหมายถึงเหตุการณ์ที่ตนแข่งขันกับแจบอม และประกาศรักกับจินยองต่อหน้าทุกคน

    “คงไม่คิดว่ามันเลี่ยนไปใช่มั้ย” มาร์คพูดขำๆ เขาไม่ทันเห็นว่าสีหน้าแบมแบมเจื่อนไปเล็กน้อย ก่อนจะหันไปเห็นยิ้มน้อยๆ ของเด็กหนุ่ม

    “มันอาจจะเลี่ยนนะครับ แถมโอเวอร์ด้วย แต่ผมก็ชอบมากๆ เลยล่ะ อยากมีใครสักคนทำแบบนี้ให้บ้าง มันคงจะรู้สึกดีมากจริงๆ ผมล่ะอดไม่ได้ที่จะอิจฉาพี่จินยอง” ดวงตากลมใสหันไปประสานกับคนข้างๆ มันแฝงเร้นไว้ด้วยความรู้สึกที่ฝังลึก แบมแบมสื่อมันไปให้มาร์คได้รับรู้

    มาร์คไม่ใช่คนโง่ เขาผ่านความสัมพันธ์กับผู้คนมากมายมาหลายรูปแบบ ในวินาทีที่ดวงตาคู่นั้นมองมา เขาก็มั่นใจได้เลยว่าแบมแบมรู้สึกอย่างไรกับตนเองอยู่

    “บ้านเราหลังไหนเนี้ย ใกล้ถึงยัง” มาร์คเปลี่ยนเรื่องกลางอากาศ ทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าสะดุดหายไปในพริบตา

    แบมแบมยิ้มแห้งก่อนจะชี้ไปยังบ้านด้านขวามือในสองหลังคาถัดไป “ส่งแค่นี้ก็ได้นะครับ ดึกแล้วพี่ควรรีบกลับบ้าน”

    “จะเอางั้นเหรอ อืม...โอเค” มาร์คยื่นถุงของให้กับแบมแบมรับไว้

    ท่ามกลางบรรยากาศที่อึดอัดเล็กน้อย มาร์คเอ่ยคำลาด้วยรอยยิ้มกว้าง “งั้นเจอกันที่โรงเรียนนะ คืนนี้ฝันดี”

    “ครับ ฝันดีนะครับพี่มาร์ค” แบมแบมโค่มหลังโค้งให้รุ่นพี่หนุ่ม ก่อนจะเดินหน้าต่อเข้าบ้าน

    ทันใดนั้นเองเสียงโทรศัพท์ของมาร์คดังขึ้น เขากดรับอย่างรวดเร็ว “โทรมาคิดถึงละซี่ กำลังจะกลับแล้ว รอก่อนนะจะไปหา”

    แบมแบมที่เดินห่างไปไม่กี่ก้าวได้ยินแค่นั้นก็รู้ได้ทันทีว่ามาร์คกำลังคุยอยู่กับใคร เหมือนหัวใจดวงน้อยที่เพิ่งดิ่งวูบลงเหวนั้นกระแทกลงก้อนหินอย่างแรง เจ็บปวดอยู่ลึกๆ

    “อ้าว จะนอนแล้วเหรอ โด่...ก็บอกว่าให้รอไง อยากนอนกอดหมอนข้างนุ่มๆ ไม่งั้นนอนไม่หลับนะ” มาร์คกลับหลังเดินกลับปากก็ยังจ่ออยู่ติดโทรศัพท์โดยไม่สนใจคนข้างหลังเลยว่าจะรู้สึกอย่างไรที่ได้ยินน้ำเสียงออดอ้อนคนรักเช่นนั้น

    “ก็ได้ๆ งั้นตอนเช้ารอหน้าบ้านนะ ไปโรงเรียนด้วยกัน อื้ม ฝันหวานครับคนดี ฝันถึงมาร์คคนหล่อด้วยนะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า รักนะ”

    มาร์ควางสาย ชั่วขณะหนึ่งเขามองหน้าจอที่ดับไปด้วยความสงสัย เพราะน้ำเสียงปลายสายของจินยองที่แปลกไปนิดหน่อย แต่ก็ไม่ทำให้มาร์คติดใจอะไรมากมาย เขาเก็บมือถือใส่กระเป๋ากางเกงก่อนจะเดินมุ่งหน้าออกจากซอย โดยเบื้องหลังมีสายตาหนึ่งคู่มองตามจนกระทั่งแผ่นหลังนั้นหายไปกับความมืด

     








     

    อีกด้านหนึ่ง จินยองนอนก่ายหน้าผากบนเตียงนอน ในมือยังคงกำโทรศัพท์มือถือที่มาร์คซื้อให้ รูปภาพที่ได้รับเมื่อเย็นยังคงก่อกวนให้จิตใจไม่อาจสงบ มันเป็นเหตุผลว่าทำไมในคืนนี้ถึงไม่อยากให้มาร์คมาหา คืนนี้จินยองปิดผ้าม่าน ล็อกกระจกระเบียงไว้ แต่ถึงอย่างนั้นก็คิดถึงอยากเจอหน้ามาร์ค

    ตั้งแต่เย็นจนถึงตอนนี้ จินยองน่าจะถอนหายใจบ่อยพอๆ กับหายใจเข้า ท่ามกลางความสับสน ความไม่แน่ใจ ก็ยังไม่อาจหาคำตอบของทางออกในเรื่องนี้ได้อยู่ดี มีทางเดียว...ที่พอคิดได้ แต่มันก็ทำให้จินยองต้องถามตัวเองว่าตนเองจะเสียใจหรือไม่ที่เลือกแบบนั้น

    ผ่านไปนาน... กว่าความอ่อนล้าจะนำพาจินยองเข้าสู่ห้วงนิทรา หลับไปทั้งๆ ที่คิ้วยังคงขมวดแน่น หลับไปทั้งๆ ที่จิตใจยังคงว้าวุ่นแม้กระทั่งในความฝัน

     

     























     

    วันรุ่งขึ้น เป็นเช้าที่ไร้แสงแดด อากาศเย็นยะเยือกติดอยู่ในช่วงฤดูหนาว แต่ที่ผิดแปลกไปกว่าทุกวันก็คือท้องฟ้าอึมครึมเหมือนฝนจะตก มาร์คสวมเสื้อโค้ดสีกรมท่าตัวใหญ่ สวมผ้าพันคอและหมวกไหมพรมสีแดงที่จินยองซื้อให้ออกมารอจินยองที่หน้าบ้านเหมือนทุกวัน ทั้งที่จินยองไม่เคยสายแท้ๆ แต่มาร์คมารอนานจนกระทั่งคุณนายปาร์คออกมาบอกว่าจินยองไปเรียนตั้งแต่เช้าตรู่แล้ว โทรหาก็ไม่รับ และเมื่อย้อนนึกไปถึงเมื่อคืน น้ำเสียงของจินยองแปลกไป เหล่านี้ทำให้มาร์คเริ่มครุ่นคิดอย่างจริงจังว่าเกิดอะไรขึ้น เขารีบไปโรงเรียนทันที

    มาร์คมาเรียนสาย มาถึงห้องก็เป็นระหว่างครูสอนแล้ว แต่เขาไม่สนใจหรอก เพราะคนเดียวที่เขาสนใจก็คือจินยองที่นั่งขีดเขียนตามกระดานที่ครูสอน ความสนใจเดียวที่จินยองมอบให้ก็คือแค่หันมายิ้มนิดๆ ให้แล้วกลับไปมองหน้ากระดานต่อราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    “จินยอง...ทำไมไม่รับโทรศัพท์” มาร์คชะโงกหน้ามาถาม

    จินยองหน้านิ่งหันไปตอบเบาๆ “เรียนก่อน เอาไว้ค่อยคุยนะ”

    มาร์คชักสีหน้า แต่ก็ยอมทำตาม มาร์คเก็บความสงสัยเอาไว้ตลอดคาบนั้น แต่แน่ล่ะ สายตาไม่แม้แต่จะชายมองหน้าห้อง เพราะสิ่งเดียวที่สนใจก็คือคนรักที่ทีท่าทีแปลกใจอย่างชัดเจน

    เรียกว่าห่างเหินได้มั้ย? มาร์คได้แต่ถามตัวเอง

    “สำหรับคาบหน้าให้นักเรียนเตรียมรายงานมาส่งทุกคนเดียวนะคะ แล้วเจอกันคาบหน้า สำหรับวันนี้แค่นี้ค่ะ” ครูสอนประวัติศาสตร์กล่าวทิ้งท้ายก่อนจะออกไปจากห้อง

    ทันทีทันใด มาร์คลุกพรวดไปยืนจ่อตรงหน้าจินยองทันที “ไหนว่ามาซิเป็นอะไร ทำไมมาโรงเรียนก่อน โทรหาก็ไม่รับ แบบนี้หมายความว่าไง”

    “ใจเย็นๆ สิมาร์ค” จินยองบอก พลางดึงชายเสื้ออีกคนเบาๆ “ก็แค่วันนี้ยองแจมีปัญหาปรึกษาเลยรีบมา แล้วที่ไม่ได้รับสายก็เพราะมือถือปิดเสียงอยู่ในเป้”

    “ไม่เชื่อ!” มาร์คลั่นกลับมาอย่างทันควัน “นายโกหกไม่เก่งเลยรู้ตัวมั้ย ทำไมล่ะจินยอง ทำไมมีอะไรไม่พูดกันตรงๆ”

    “ก็จะให้พูดอะไรเล่า ก็ความจริงมันมีแค่นี้ ทำไมต้องเซ้าซี้ด้วย” น้ำเสียงจินยองแปรเปลี่ยนเป็นดุเล็กน้อย ใบหน้าซีดเผือดเพราะไม่ได้นอนในตอนนี้บูดบึ้งชัดเจน ทว่า...แววตากลับหมองเศร้าเหลือเกิน

    มาร์คเงียบ... ดวงตาคมเพ่งพินิจไปที่นัยน์ตาของคนตรงหน้า จินยองพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะซ่อนเร้นความในเอาไว้ แต่ก็รู้ว่ามันช่างยากเหลือเกิน

    “ขอโทษนะ คงใจร้อนมากไปหน่อย” มาร์คบอกไม่เต็มเสียง จินยองเอื้อมมือเข้าไปจับแขนมาร์คเบาๆ

    “ขอโทษเหมือนกันนะ จริงๆ เราไม่ค่อยสบาย” จินยองถอนหายใจเฮือกยาว สีหน้าอิดโรยอย่างเห็นได้ชัด “มาร์คอยู่นี่นะ เราจะไปของีบที่ห้องพยาบาลซะหน่อย แล้วค่อยคุยกัน”

    “โอเค เอางั้นก็ได้ พักเที่ยงจะไปหานะ”

    “อื้อ” จินยองเผยยิ้มให้กว้างที่สุดเท่าที่กล้ามเนื้อใบหน้าจะทำได้ มือสวยๆ โบกนิดๆ ก่อนจะออกไปจากห้องเรียน

    ทันทีที่จินยองพ้นออกไปจากประตู มาร์คเดินลิ่วๆ ไปหน้าห้องและหยุดอยู่ที่โต๊ะยองแจ สีหน้าขึงขังใบแบบที่ยองแจไม่เคยเห็นทำเอาเจ้าตัวตกใจอยู่ไม่น้อย

    “นายมีอะไรรึเปล่าเนี้ย”

    “ตอบมา วันนี้นายเป็นคนบอกให้จินยองรีบมาหาที่โรงเรียนเหรอ”

    คำถามของมาร์คทำเอายองแจผงะไปทันที ตามด้วยคิ้วที่เลิกสูง “พูดอะไรของนาย วันนี้ฉันมีซ้อมร้องเพลง เข้าเรียนก็เกือบสายแล้ว ยังไม่ได้คุยกับหมอนั่นสักคำเลยนะ”

    “งั้นเหรอ..”

    “ก็เออสิ พวกนายมีปัญหาอะไรกันรึเปล่า”

    “เปล่า ไม่มีอะไรหรอก จะถามแค่นี้แหละ” สิ้นคำมาร์คก็เดินพรวดออกไปจากตรงนั้น ออกไปจากห้องสวนกับอาจารย์ที่หน้าประตูเพียงเส้นยาแดงผ่าแปด

    ยองแจได้แต่มองตามมาร์คแล้วก็คิดตาม แม้ว่าจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เจ้าตัวก็พอนุมานได้ว่าต้องมีอะไรบางอย่างกำลังรบกวนความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนสองคนนี้เป็นแน่แท้

     

     



















     

    ด้านจินยองที่เข้ามาพักในห้องพยาบาล ตอนนี้ไม่มีอาจารย์ประจำอยู่ ไม่มีนักเรียนที่เข้ามาพัก มีเพียงแค่เขาคนเดียวที่นั่งอยู่ขอบเตียงด้านในสุด ผ้าม่านปิดมิดชิดไม่ให้ใครรบกวน แต่ถึงกระนั้นคำขู่ของคนส่งรูปภาพลับก็ยังคงรังควานจิตใจอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก

    ทันใดนั้นเอง มือถือที่ตั้งสั่นของจินยองก็สั่นคลื่นอยู่ในกระเป๋าเสื้อโค้ดสีดำ มือสวยล้วงเอามันออกมา ทันทีที่เห็นเบอร์แปลกซึ่งไม่คุ้นเคยโชว์หราอยู่ตรงหน้าก็ทำให้สีหน้าเกิดความฉงน แต่ไม่นานก็กดรับ

    “ฮัลโหล...?”

    (สวัสดีครับ ปาร์คจินยอง) น้ำเสียงที่ทักทายมาจากปลายสายทำเอาคิ้วจินยองขมวดแน่น เพราะมันไม่ใช่เสียงคนปกติทั่วไป หากแต่เหมือนเสียงที่แปลงมาจากเครื่องคอมพิวเตอร์ยากที่จะคาดเดาได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่

    ขณะที่สมองขุ่นมัวของจินยองกำลังจะนึกออกถึงเรื่องรูปภาพลับ ปลายสายก็แทรกขึ้นมา (หึหึหึ สับสนล่ะสิ ลังเลล่ะสิ ไม่กล้าใช่มั้ยล่ะ ก็แน่ล่ะ ฉันรู้ว่าแกคงไม่อยากเสียหนุ่มฮอตอย่างมาร์คไป)

    “นายเป็นใคร นายต้องการอะไร!” จินยองถามกลับอย่างร้อนรน นัยน์สั่นระริกมองไปทั่ว เกิดความหวาดระแวงกับสิ่งที่มองไม่เห็น

    (ป่านนี้ยังไม่รู้อีกเหรอว่าฉันต้องการอะไร บอกแล้วไงว่าให้เลิกยุ่งกับมาร์คซะ ฉันมองอยู่ตลอด ฉันรู้นะว่าแกยังคุยกับมาร์คอยู่ ฉันให้เวลาแกแค่วันนี้เท่านั้น ถ้ายังไม่บอกเลิกมาร์ค รับรองว่ารูปที่ฉันส่งให้แกได้กระจายไปทั่วโรงเรียนแน่ ไม่สิ...เอาลงอินเตอร์เน็ทท่าจะดีกว่า ลูกชายคนเดียวของเอกอัครราชทูตจีน รูปอนาจารหลุดว่อนทั่วโลก คงมันส์น่าดูเน๊อะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า)

    เสียงหัวเราะน่าสะพรึงกลัวสะท้อนกลับมาตามสาย ยิ่งได้ยินได้ฟังลมหายใจก็ยิ่งติดขัดขาดเป็นห้วงๆ ไม่ไหวแล้ว ไม่ไหวจริงๆ

    จินยองตัดสายพร้อมกับมือที่สั่นระริกปล่อยโทรศัพท์ลงกับฟูกนอน แค่คิดว่ามันไม่ใช่คำขู่กลวงๆ แค่คิดว่าภาพพวกนั้นจะทำให้มาร์คเดือดร้อน ทั้งครอบครัวมาร์ค ทั้งอนาคตของมาร์ค จินยองก็ไม่อาจทนไหวได้อีกแล้ว

    “จินยอง!

    เสียงเรียกดังขึ้นพร้อมๆ กับผ้าม่านที่รูดเปิด เผยให้เห็นมาร์คที่ยืนเด่นชัดอยู่ตรงหน้า จินยองตกใจผงะหน้าซีดเผือด

    “จินยอง เป็นอะไร ทำไมหน้าตาเป็นแบบนั้น ไม่สบายมากเลยเหรอ” มาร์คถลาเข้าไปนั่งข้างๆ มือเรียวยาวประครองดวงหน้าสวยซีดอย่างเป็นห่วง ในคราแรกก็ร้อนใจจะมาเคลียร์กันให้รู้เรื่อง แต่พอมาเจอสภาพจินยองที่ไม่สู้ดีแบบนี้ ดวงใจของมาร์คก็อ่อนยวบไปในบัดดล

    จินยองนิ่งปล่อยให้มาร์คลูบไล้ทั้งใบหน้าและเรือนผม ความอบอุ่นที่ได้รับจากแฟนหนุ่มกำลังต่อสู้อยู่กับความกดดันทั้งหลายที่ประดังประดาเข้ามาราวกับฝนห่าใหญ่ จนสุดท้ายก็ปล่อยออกมาเป็นหยาดน้ำตาเม็ดเป้ง

    “จินยองงี ร้องไห้ทำไม โกรธที่ห้องเรียนฉันพูดจาไม่ดีใช่มั้ย ขอโทษนะจินยองนะ ไม่ร้องนะครับคนดี” มาร์คยิ่งร้อนใจเมื่อเห็นน้ำตาจากคนรับ ปลายนิ้วค่อยๆ ประคองเช็ดอย่างอ่อนโยน รอยยิ้ม แววตามองร่างบางอย่างแสนรักราวกับเป็นสิ่งล้ำค่า

    “มาร์ค... เราเลิกกันเถอะ”

     

     

     




     

    โปรดติดตามตอนต่อไป...

     

     

    เอาแล่วๆๆๆ เป็นเรื่องแล่วๆๆ 555555555555 ไม่ได้อัพนาน แต่กลับมาอัพทีนี่หางานเข้าให้คนอ่านเลยทีเดียว เอาเป็นว่าไม่ขอพูดอะไรมาก ลุ้นๆ ต่อไปนะจ้ะ

     

     

    เอาล่ะมาถึงเรื่องแถลงการณ์ฟิคคิสคิสคิสกันบ้าง เนื่องจากว่าช่วงนี้ไรท์ค่อยข้างยุ่งเพราะต้องปรับตัวเข้ากับที่ทำงานใหม่ที่แบบ (ระเบียบจัดเกิ๊น อยากจะบ้าตาย) แต่ไม่เป็นไรนะ ตอนนี้เริ่มเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะอัพได้บ่อยๆ เหมือนเมื่อก่อน อย่างเรื่องคิสคิสคิส ไรท์จะอัพเฉพาะวันหยุดค่ะ บางวันก็เสาร์ บางวันก็อาทิตย์ นับตั้งแต่อาทิตย์หน้าเป็นต้นไปจ้า

     

    ส่วนเรื่องสั่งฟิคนะคะ ฟิคยังไม่จบ (จริงๆ แต่งตอนพิเศษจบแล้ว แต่เนื้อเรื่องหลักยังเหลืออีกราวๆ 20%) เพราะฉะนั้นไรท์จะเลื่อนการเปิดจองออกไปจนถึงเดือนมกราคมโน่นแหละ ได้ฟิคปลายๆ เดือนเลย สำหรับคนที่สั่งเข้ามาซึ่งก็ไม่เยอะ ไม่ต้องตกใจที่ยังไม่ได้ฟิค หรือไม่เห็นการอัพเดตของไรท์ในก่อนหน้านี้นะคะ ไรท์ไม่ได้หนีหายไปไหนแน่นอนค่ะ ได้ฟิคแน่นอน แต่อาจจะหน้านิดนึงไรงี้ แฮ่ๆๆ

     

     

    อัพเดต 21/12/2558



    อ่านแล้วเม้น ด้วยนะคะ เพื่อกำลังใจของคนทำงานหนักมากในช่วงนี้ ฮรืออออ 

     

     

    © themy butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×