ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    KISS KISS KISS ;; MarkNior ft. 2Jae

    ลำดับตอนที่ #10 : Episode 9 ความลับในห้องสมุด

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.67K
      26
      15 ต.ค. 62



     

    Episode 9 ความลับในห้องสมุด

     







     

    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเบื้องหน้า แม้ว่าจินยองจะไม่ยอมรับและแน่นอนว่ามันไม่ใช่ความจริง แต่องค์ประกอบทุกอย่างกลับยัดเยียดบางสิ่งมาให้เขานั่นก็คือความรู้สึกที่ว่าเหมือนตัวเองกำลังนอกใจแฟนแล้วแฟนก็มาจับได้ มือไม้มันสั่นจนทำถุงใส่แป๊บซี่ตกลงพื้น ขากรรไกรปากช่างทำงานอย่างหนักราวกับว่าตอนนี้มันเกิดอาการอัมพาตอย่างรุนแรง

    “ฉันสิต้องถามว่ามันเรื่องอะไรกัน” แจบอมเอ่ยขึ้นแหวกความตึงเครียดอย่างอุอาจ

    สายตาเย็นยะเยือกของมาร์คเหลือบมองไปที่แจบอมพริบตาเดียวสุดท้ายก็กลับมาหาจินยองคนเดิม แล้วสองขาก็เหยียบย่างเข้าไปจนถึงตัว

    ไม่รู้ว่าเพราะตกใจจนทำให้สติแตกหรือเปล่า ตอนนั้นจินยองคิดอะไรโง่ๆ ออกไปหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคืออาจจะโดนต่อยก็เป็นได้

    “มาร์ค.. มันไม่ใช่อย่างที่นายคิดหร.. อ๊ะ!

    ไม่ทันให้ร่างบางได้พูดสิ่งใดต่อ และไม่สนใจท่าทีของคนรอบข้างแม้แต่น้อย ไม่สนใจว่าแจบอมกำลังโกรธจนไฟลุกท่วมตัว มาร์ครีบคว้ามือคนตรงหน้าไว้แน่น จากนั้นก็พาวิ่งออกไปจากตรงนั้นโดยไม่ทันที่ใครจะคาดคิด จินยองคือคนที่งงกับสิ่งที่มาร์คทำมากที่สุด

    สองชีวิตมองตามอยู่เบื้องหลังยืนนิ่งเหมือนซากต้นไม้ที่กำลังใกล้แห้งตาย แบมแบมยังอยู่ในอาการมึนงงไม่ทันตั้งตัวกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทว่าลึกลงไปในนั้นมันมีพลังงานแรงกล้าที่ใกล้จะพายพุ่งออกมาแต่ก็ต้องพยายามกดเก็บมันเอาไว้ ที่สามารถแสดงออกได้ก็มีเพียงแค่แววตาเป็นประกายวาวโรจน์เท่านั้น

     



































     

    จากที่บีบแน่นจนทำให้มืออีกคนแทบหัก แรงกำมือค่อยๆ ผ่อนคลายลงเรื่อยๆ แต่ไม่ปล่อยไปแม้เสี้ยววินาที มาร์คจูงมือจินยองเดินไป... เดินไปเรื่อยๆ เหมือนไม่รู้ว่าจุดหมายจะอยู่ที่ไหน สิ่งที่จินยองเห็นตอนนี้เป็นเพียงแผ่นหลงของมาร์ค และใบหน้าด้านข้างที่ไร้ซึ่งอาการใดๆ เหมือนยังโกรธไม่หาย ทว่าความเย็นชากลับหายไปแทบจะหมด อาจเป็นเพราะแสงสีส้มของพระอาทิตย์ที่กำลังจะตกดินสะท้อนมายังใบหน้ากระด้างนั้นให้ดูอ่อนโยนลงได้อย่างเหลือเชื่อ

    จินยองเดินตามไปอย่างว่าง่ายโดยไม่ปริปากพูดอะไรเลยสักคำ ยอมรับว่าภายในใจเกิดความหวาดหวั่นอยู่ไม่น้อย แต่ก็คิดว่าแบบนี้มันดีแล้ว การถูกลากออกมาจากโรงยิมด้วยมือของมาร์ค ออกมาอยู่ด้วยกันสองคนแบบนี้มันก็ยังดีกว่าถูกเข้าใจผิด ถูกทิ้งให้อยู่ตรงนั้นเหมือนเป็นของใช้แล้วทิ้งที่ดูไร้ค่า ในเวลานี้ก็ทำได้แค่รอให้อีกฝ่ายเย็นลงเท่านั้น

    ตอนนี้ไฟตามทางเดินเปิดสว่างโดยอัตโนมัติพอดีกับที่ทั้งสองคนมาหยุดอยู่หน้าห้องสมุด มาร์คเอื้อมมือไปขยับลูกบิดก็พบว่ามันไม่ได้ล็อค เขาเปิดมันและลากจินยองเข้าไปทันที

    ความเงียบภายในห้องสมุดยิ่งทำให้เสียงฝีเท้าของทั้งสองดังก้องกว่าปกติ ยิ่งเดินเข้าไปลึกเข้าไปชั้นในเรื่อยๆ ผ่านชั้นวางหนังสือหมวดต่างๆ มากมายไปจนถึงสุดขอบมุมสุดก็ทำให้รู้ว่าภายในห้องสมุดตอนนี้มีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้น

    “มาร์ค...” เสียงเรียกที่แผ่วเบาได้ยินชัดเชนมากในเวลานี้

    มาร์คไม่ขานรับใดๆ หากแต่เปลี่ยนจากจับมือสวยเป็นดันร่างบางเข้าประชิดติดชั้นวางหนังสือพร้อมกับยันมือขวาออกไปดันกับชั้นวาง ใช้แขนแกร่งนั้นเป็นกรงขังไม่ให้อีกฝ่ายได้หนีไปไหน แต่ถึงจะไม่ทำแบบนี้จินยองก็ไม่ไปไหนอยู่แล้ว เพราะขาทั้งสองข้างมันเหมือนติดหนึบอยู่ตรงนั้น

    “มาร์ค... นายคงไม่ได้กำลังเข้าใจฉันผิดใช่มั้ย ฉันไม่ได้ตั้งใจไปหาแจบอม ฉันไม่ได้คิดจะเลือกแจบอมเพราะแจบอมชนะ ฉันไม่ได้คิดจะทรยศนาย ไม่เคยคิดแบบนั้นจริงๆ นะ”

    มาร์คเงียบ... แววตาอ่านยากจดจ้องจินยองอย่างไม่ลดละ

    แม้จะตื่นตระหนกเพราะไม่รู้ว่ามาร์คกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ แต่ก็ต้องทำใจดีสู้เสืออธิบายต่อไป “หลังจากที่จบเกมส์ ฉันไลน์ไปหานายบอกว่าให้ไปเจอกันที่ห้อง แล้วก็ออกไปซื้อแป๊บซี่ให้นาย แต่จู่ๆ ก็มีรุ่นน้องมาบอกว่านายให้ฉันไปหาที่โรงยิมเก่า แต่พอไปถึงกลับเจอแจบอมคอยอยู่ ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลยด้วยซ้ำแจบอมก็ดึงฉันไปกอด แล้วนายก็มาเจอเข้าพอดี”

    มาร์คยังคงเงียบ ยิ่งชวนให้หัวใจดวงน้อยหวิดหวิว หายใจติดขัดขาดเป็นห้วงๆ

    “มาร์ค ตกลงนายเชื่อฉันมั้ย พูดอะไรสักคำสิมาร์ค” สายตาเหมือนลูกแมวช้อนตามองอีกฝ่ายแสนละห้อย

    “เชื่อ”

    “ฉันรู้ว่ามันเชื่อยาก แต่ว่าฉันไม่ได้โกห.. ห๊ะ?” ดวงตาละห้อยกระตุกกว้าง ร่างกายสะดุ้งราวกับถูกกระแสไฟช็อต “เมื่อกี้นายว่าอะไรนะมาร์ค”

    “ฉันบอกว่าเชื่อนาย ฉันเชื่อนายนะจินยอง”

    “ห๊า!!??” ดวงตาที่ยังเบิกกว้างกระพริบปริบๆ อย่างถี่ยิบ แถมยังมองมาร์คราวกับไม่อยากเชื่อหูตัวเอง “เอ่อ...มาร์ค นายจะเชื่อง่ายๆ อย่างนี้เลยเหรอ”

    มาร์คเริ่มชักสีหน้า “หรือจะไม่ให้เชื่อดี”

    “ไม่นะ ไม่ๆ นายเชื่อฉันน่ะดีแล้ว ขอบใจนะ” จินยองถอนหายใจด้วยความโล่งอก รอยยิ้มกว้างๆ ปรากฏชัดเต็มใบหน้า

    มาร์คเองก็ยิ้มเช่นเดียวกัน ทว่า... รอยยิ้มนั้นค่อยๆ จางหายไปราวกับควันจางๆ จินยองพลอยหุบยิ้มไปด้วย มือน้อยๆ ยกขึ้นประคองลูบไล้ใบหน้าหล่อเหลาอย่างแผ่วเบาราวกับจะปลอบโยน

    “ฉันรู้ว่านายกำลังคิดอะไรอยู่นะมาร์ค คงเจ็บใจมากสินะ”

    มาร์คใช้ความเงียบแท้คำตอบ

    “เอาน่านะ ฉันอยากให้นายคิดแบบนี้ดีกว่า ต่อให้ผลการแข่งขันมันจะออกมาเป็นยังไง แต่สุดท้ายฉันก็เลือกนายอยู่ดี”

    “จินยอง...”

    “แหะๆ พูดเองเลี่ยนเองแฮะ” ว่าแล้วก็แสร้งทำเป็นหัวเราะแห้งๆ กลบเกลื่อนความเขินอายที่เริ่มก่อตัว ความร้อนที่วูบวาบอยู่บนแก้มทั้งสองข้าง

    ความเงียบก่อตัวขึ้นอีกครั้ง ยิ่งจินยองรู้สึกตัวว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ตรงไหนและใกล้มาร์คมากแค่ไหนหัวใจก็ยิ่งเริ่มเต้นแรง แรงขึ้นเรื่อยๆ มือใบหน้ารูปสลักนั้นค่อยๆ โน้มเข้ามาใกล้ ใกล้เรื่อยๆ จนปลายจมูกโด่งชัดสะกิดทั้งทายกัน หายใจรินรดกัน

    “อยากจูบ...”

    การจู่โจมด้วยคำพูดและแววตาที่จ้องมาด้วยความปรารถนาอันแรงกล้าทำให้ผู้รับฟังถึงกับเข่าอ่อนยวบ หัวใจที่เต้นแรงเพิ่มความถี่ขึ้นมากเกินไปจนแทบจะหายใจไม่ทัน ความตื่นกลัวจากจูบที่ยังตกค้างอยู่ตื่นตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แต่ถึงกระนั้นก็ยังคงปรารถนาในรสสัมผัสที่ล่อแหลมนั้นอยู่ดี

    ดวงตาที่เคยเบิกกว้างค่อยๆ หลับพริ้มลงช้าๆ พร้อมๆ กับมาร์คที่โน้มริมฝีปากประทับจุมพิต เริ่มจากแตะเบาๆ เหมือนสะกิดเปลี่ยนเป็นสัมผัสอีกครั้งอย่างนุ่มนวล ลิ้นร้อนๆ ของมาร์คเริ่มแทรกผ่านเข้าไปในโพลงปากหยอกเย้ากับลิ้นนุ่มๆ ที่อยู่ภายใน ความหอมหวานละมุนที่ได้รับกันทั้งสองฝ่ายนำพาให้ร่างกายมันเคลิบเคลิ้มจนหยุดไม่ได้

    มันลึกซึ้งกว่าที่เคยลึกซึ้ง นั่นคือสิ่งที่จินยองสัมผัสได้ จินยองรับรู้ความต้องการของมาร์คผ่านปลายลิ้นที่สัมผัสซึ่งกันละกันอยู่ในขณะนี้ เหตุผลที่ควรนำมาใช้ต่อต้านสิ่งที่มาร์คกำลังจะทำต่อไปนี้ราวกับถูกพรากให้ห่างไกลออกไปเรื่อยๆ หัวสมองมันช่างขาวโพลนคิดอะไรไม่ออก ร่างกายมันไปตามความต้องการที่ก่อตัวจนทะยานสูงลิ่ว

    “อือ...มาร์ค” มือน้อยๆ ปัดป้องมือแกร่งอย่างเอียงอายเมื่อมันกำลังเคลือบคลานแทรกเข้าไปภายในกางเกงวอร์มหลวมๆ

    “ฉันดูเหมือนคนขี้โกงมากใช่มั้ย เพิ่งแพ้มาหยกๆ แต่กลับเอาแต่อยากจะกอดนาย” เสียงแหบพร่าเอื้อยเอ่ยอยู่ข้างหูขณะที่มันซุกไซ้พรมจูบอยู่อย่างนั้น

    “ถ้าฉันบอกว่าชอบคนขี้โกงล่ะ...”

    พูดออกไปแล้ว พูดออกไปอย่างที่ใจอยากจะพูด ถ้อยคำที่ออกมาจากปากของจินยองราวกับกุญแจดอกสำคัญที่ปลดล็อคทุกอย่าง มาร์คราวกับจะคลั่งไปกับคำๆ นั้นจนห้ามอารมณ์ตอนนี้ไม่ไหวแล้ว

    “นายผิดเองนะจินยองที่พูดแบบนี้ เพราะต่อให้นายต้องร้องไห้ฉันก็จะไม่หยุดอย่างแน่นอน เตรียมใจเอาไว้เลย” สิ้นคำของคนขี้โกง เท่านั้นแหละ จากที่ค่อยๆ เล้าโลมอย่างค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปก็ทวีความกระหายจนแทบตั้งรับไม่ทัน

    มาร์คกวาดหนังสือบนชั้นออกไปหลายเล่มจากนั้นก็ยกบั้นท้ายแน่นขึ้นนั่งบนชั้นแล้วไม่รีรอรีบถกกางเกงวอร์มออกไปอย่างรวดเร็ว ตามด้วยกางเกงชั้นในสีขาวสะอาด

    “อ๊ะ...”

    “แค่จูบก็ชุ่มแล้วเหรอ”





     

    NC 

     

































     

    อีกมุมหนึ่งของโรงเรียน ยองแจและเพื่อนร่วมชมรมร้องเพลงช่วยกันเก็บอุปกรณ์ต่างๆ หลังจากร้องเพลงในพิธีปิดงานกีฬาสีของโรงเรียนเพิ่งเสร็จ และเริ่มแยกย้ายกันในเวลาหนึ่งทุ่มเศษๆ เพื่อนอีกสามคนกลับไปพร้อมกันแล้ว ส่วนตัวเขาบ้านอยู่อีกทางเลยต้องเดินข้ามฝั่งไปขึ้นรถเมล์เพียงคนเดียว

    แจบอม...นายจะเป็นยังไงบ้างนะ

    คำถามในความคิดผุดขึ้นมาเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้หลังจากแข่งบาสเกตบอลเสร็จ เพราะแจบอมหายหน้าหายตาไปเลย ไม่ขึ้นไปรับเหรียญพร้อมกับเพื่อนร่วมทีม ไม่หนำซ้ำจินยองก็ไม่อยู่ มาร์คเองก็ไม่อยู่เหมือนกัน บางทีก็อดคิดไม่ได้ว่าจะเกิดเรื่องรึเปล่า

    “หวังว่าคงไม่มีเรื่องกันหรอกนะ” รำพึงกับตัวเองแล้วก็ถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน รู้สึกสมองมันตื้อไปหมดคิดไม่ออกว่าจะเอาอย่างไรกับเพื่อนสนิทที่ตนแอบมีใจให้ดี

    ทันใดนั้นเอง เสียงมือถึงก็ดังขึ้นขัดความคิดอันสับสน

    ยองแจควานหาโทรศัพท์ในเป้อย่างยุ่งยาก แต่สุดท้ายก็กดรับมันได้ก่อนที่สายจะตัดไป แล้วก็รู้ด้วยว่าชื่อที่โชว์อยู่หน้าจอเป็นของใคร

    “แจบอมเหรอ! นายอยู่ไหนอ่ะ กลับบ้านแล้วเหรอ”

    (เอ่อ...เป็นเพื่อนเจ้าของมือถือนี้ใช่มั้ยครับ) เสียงปลายสายที่ตอบกลับมาทำให้ยองแจเกิดอาการใบ้กินไปชั่วขณะหนึ่ง เพราะฟังออกอย่างชัดเจนว่านั่นไม่ใช่เสียงของแจบอม

     “ผมเป็นเพื่อนครับ” คิ้วยองแจเริ่มขมวดคิ้วอย่างสงสัย เขารีบถาม “ว่าแต่คุณเป็นใคร แล้วเจ้าของมือถือเขาไปไหนไม่มารับสายครับ”

    (เพื่อนคุณมาเมานอนหลับอยู่หน้ามินิมาร์ทของผม)

    “ห๊า! อะไรนะ”

    (ช่วยมารับเขาด้วยนะครับ)

    “ได้ๆ ครับ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลย” ยองแจรีบตอบรับอย่างว่องไว “เอ่อ...ว่าแต่ร้านอยู่แถวไหนครับ”

    ยองแจฟังปลายสายบอกจุดหมาย เขาวางสาย ลุกพรวด ก่อนจะวิ่งไปจากตรงนั้นทันที เพราะรู้แล้วว่าที่ที่แจบอมไปนอนเมาไม่ได้ไกลจากบริเวนโรงเรียนเท่าไหร่นัก

    ยองแจไม่เคยเกิดความกระวนกระวายใจมากเท่านี้มาก่อนเลย ร้อยวันพันปีเพื่อนคนนี้ไม่เคยแตะเหล้าหรือของมึนเมาทุกชนิด นั่นแสดงว่าต้องมีเรื่องเกิดขึ้น เรื่องที่ทำให้หมอนั่นเจ็บปวดได้ถึงขนาดนั้น ซึ่งเรื่องนั้นคงหนีไม่พ้นจินยอง

     




     

     

     

    โปรดติดตามตอนต่อไป...

     

     

    ส่วน NC เข้าไปหาอ่านได้ที่เพจสายลมอ่อนระทวย ตรง "โน๊ต" ค่ะ ไรท์เอาลงให้อ่านแล้ว ไม่ต้องขอทางอีเมลแล้วค่ะ 

     
     

    ขอบคุณที่อ่านแล้วเม้น อิอิ ถ้ายังไม่ลืมแท็กจะสกรีมในแท็กด้วยกะได้น้า แบบร้างมาก #ฟิคตองคิส

     ปล. เรื่องคำผิดคำพลาด ไรท์จะมาจัดการทั้งหมดในสิ้นเดือนนะคะ 
     

    อัพเดต 22/9/2558 

    © themy butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×