คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Episode 6 เพื่อนใหม่
หมายเหตุ : ปั่นสดนะคะ ยังไม่ได้ตรวจคำผิดเลย เดี๋ยวมาแก้ไขอีกทีนะคะ อย่าว่ากันนะ
มีการเรียบเรียงเนื้อหาใหม่ ลองไล่ดูตั้งแต่เริ่มนะ อิอิ
Episode 6 เพื่อนใหม่
วันอาทิตย์ผ่านพ้นไปโดยมาร์คและจินยองเข้าใจกันและกันดี ใช้เวลาว่างอยู่ด้วยกันแทบทั้งวันโดยการติวหนังสือ มาร์คที่เป็นคนหัวไวอยู่แล้วก็คืบหน้าไปมาก และแน่นอนว่าไม่มีใครรู้ว่าคืนนั้นมาร์คปีนข้ามระเบียงมานอนกับจินยอง
วันจันทร์มาถึงแล้ว รวมถึงงานกีฬาสีของโรงเรียนก็ใกล้เข้ามาแล้วเหมือนกัน มาร์คและจินยองไปโรงเรียนพร้อมกันเหมือนเคย พร้อมด้วยสายตาขุ่นเคืองมากมายก็ส่งมายังจินยองนั้นนับวันก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนบางครั้งก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน
“นับวันฉันก็ยิ่งรู้สึกว่าชีวิตตัวเองไม่ปลอดภัยนะเนี้ย” ร่างบางเริ่มบ่นเมื่อพ้นสายตาพิฆาตฝูงใหญ่จนขึ้นตึกเรียนมาแล้ว
มาร์คยักไหล่อย่างไม่แคร์ราวกับว่ามันไม่ใช่เรื่องที่สมควรจะวิตก “คนพวกนั้นเขาก็ทำได้แค่นี้แหละ เมื่อไม่ได้ครอบครองก็ทำได้แค่อิจฉา”
“คนที่เคยถูกป้ายสีเรื่องร้ายแรงขนาดที่ว่ามีคนตายยังกล้าพูดได้เหรอว่าคนพวกนั้นทำได้แค่อิจฉา ฉันว่านายดูถูกคนพวกนั้นมากเกินไป”
“แล้วนายจะให้ฉันทำยังไง เลิกอยู่ใกล้นายเหรอ? นายจะเอาแบบนั้นเหรอ?”
“ก็...เอ่อ” จินยองถึงกับเสียงขาดหายเมื่อโดนจี้ใจดำ แน่ล่ะ เขาไม่ชอบถูกมองด้วยสายตาเกลียดชังและซุบซิบนินทา แต่ว่าถ้าให้เลือกระหว่างคนพวกนั้นกับมาร์คแล้วล่ะก็...
“ว่ายังไงปาร์คจินยอง จะให้ฉันเลิกยุ่งกับนายเลยมั้ย” มาร์คถามซ้ำยังจริงจัง แต่จินยองไม่ตอบ
“เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว รีบเข้าห้องเรียนดีกว่า!” ว่าแล้วก็รีบวิ่งแจ้นไปอย่างรวดเร็วกลบเกลื่อนความเขินอายที่ประท้วงอยู่เต็มใบหน้า
มาร์คที่เฝ้าตามไปอยู่เบื้องหลังมองร่างบางขำขัน นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้พบเจอสิ่งมีชีวิตที่ทำให้เขายิ้มได้จากก้นบึ้งของหัวใจแบบนี้
เมื่อมาถึงห้องเรียน 3-D ทั้งคู่พบว่าบรรยากาศอึกทึกคึกโครมกว่าปกติ เสียงเอะอะดังลั่นออกไปจนถึงบันได แต่เมื่อไปถึงประตูห้องพวกเขาก็ต้องพบต้นตอนั่นคือเด็กหนุ่มผมทองใบหน้าหล่อเหลาพอตัวกำลังเลี้ยงลูกบาสไว้ด้วยปลายนิ้วชี้อย่างชำนาญและถูกล้อมรอบไว้ด้วยสาวๆ ในห้อง
“หวัดดีจินยอง วันนี้ไม่สายเหรอ!” เด็กหนุ่มผมทองทักเสียงดังเมื่อเห็นจินยองเดินเข้ามาในห้องก่อนจะสะดุดเมื่อเห็นมาร์คยืนอยู่เคียงข้าง “หมอนั่นใครกันล่ะเนี้ย แฟนนายเหรอ”
“ใช่ ฉันเป็นแฟนจินยอง” มาร์คตอบแทนอย่างรวดเร็วสร้างความประหลาดใจให้ผู้รับฟังไม่น้อย
“บ้าน่า นี่ทักเล่นๆ ไหงกลายเป็นจริงไปได้วะ” แจ็คสันหรี่ตามองมาร์คอย่างพิถีพิถันพลางครุ่นคิด “ว่าแต่นายชื่ออะไร ทำไมไม่เคยเห็นหน้าเลยวะ”
“ชื่อมาร์ค เพิ่งย้ายมาใหม่” เขาตอบอย่างรวดเร็ว “แล้วนายชื่ออะไร ฉันก็ไม่เคยเห็นหน้านายเหมือนกัน”
“แจ็คสัน หวัง เป็นคิงของห้องนี้” แจ็คสันตอบเสียงเข้ม เชิดหน้าหล่อๆ เปรยตามองมาร์คอย่างไว้ท่าจนน่าหมั่นไส้ “นายเพิ่งนายมาใหม่ก็เลยไม่รู้จักฉันสินะ แต่ฉันเพิ่งกลับมาจากค่ายบาสเกตบอลเยาวชน”
“คือนี้นะมาร์ค แจ็คสันเค้าเป็นนักบาสของโรงเรียนอ่ะ เล่นบาสเก่งมากเลยนะ” จินยองอธิบายเสริม “แต่ว่า... ขี้คุย ขี้เก๊ก ว่างท่ามากไปหน่อยเท่านั้นเอง”
มาร์คพยักหน้าเนิบๆ อย่างไม่สนใจเท่าไหร่นักจนกระทั่งฉุกใจนึกอะไรขึ้นมาได้ เขาพินิจจ้องเพื่อนร่วมห้องคนใหม่ให้ชัดเจนซึ่งตอนนี้กำลังออกถลึงตาใส่จินยองอย่างกับหมากับแมว แจ็คสันคนนี้อยู่ห้องเดียวกับเขา และเป็นนักบาสของโรงเรียน นั่นก็หมายความว่าเขาซึ่งจะต้องลงแข่งกับแจบอมก็จะต้องร่วมทีมกับเจ้าขี้เก๊กคนนี้งั้นสินะ แวบเดียวที่เผลอวาดภาพอยู่ทีมเดียวกันมันก็ให้ความรู้สึกแปลกพิลึกจริงๆ
ตุบ!!!
สมุดงานเล่มหนาถูกทิ้งลงกลางโต๊ะของจินยองอย่างตั้งใจโดยมือของชเวยองแจที่ตอนนี้กำลังยืนท้าวสะเอวมองหน้าเพื่อนรักอย่างคาดคั้นเอาคำตอบ
“ยังไง ยังไง... วันนี้ก็มาพร้อมกับมาร์คอีกแล้ว”
มันผิดจากที่ยองแจคิดจริงๆ เขาคิดว่าหลังจากที่บอกเบื้องลึกเบื้องหลังของมาร์คไปแล้ว จินยองจะตีตัวออกห่างจากมาร์คโดยสิ้นเชิง แต่ภาพที่เห็นเมื่อเช้านี้คือเพื่อนรักกลับยังคงเดินหน้าระรื่นมากับเจ้าหมอนั่น แน่นอนว่าที่มายืนเม้งอยู่ตรงนี้ได้ก็เพราะมาร์คกับแจ็คสันไปพบครูคิมในช่วงพักเที่ยง
“ว่ายังไงล่ะจินยอง ฉันนึกว่านายจะเลิกยุ่งกับมาร์คแล้วซะอีก”
“ฉันคุยเรื่องนั้นกับมาร์คแล้ว และเขาก็เล่าทุกอย่างให้ฉันฟังโดยไม่ปิดบัง” จินยองตอบพลางยักไหล่อย่างอารมณ์ดี พอนึกถึงเรื่องเมื่อคืนนั้นแล้วมันก็อดยิ้มไม่ได้จริงๆ “เขาจริงใจกับฉันนะเพื่อน นายอย่าไปตั้งแง่กับมาร์คอีกเลยนะ”
“แต่ว่า...”
“พอเถอะยองแจ...” จินยองรีบยกมือขึ้นปราม ชักสีหน้าตำหนิ
“พออะไร ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย”
“ก็สิ่งที่นายทำอยู่และกำลังจะทำต่อไปเรื่อยๆ ไม่จบไม่สิ้นไง” น้ำเสียงหวานนั้นอ่อนลง ดวงตาคู่สวยจ้องลึกเข้าไปจนเขารู้ดีว่าตอนนี้เพื่อนกำลังคิดอะไรอยู่ และกำลังรู้สึกอย่างไร “ฉันถามจริงๆ นะยองแจ นายไม่เจ็บปวดหัวใจเหรอที่ต้องพยายามช่วยฉันให้ได้คบกับแจบอมทั้งๆ ที่นายเองก็อยากคบกับแจบอมมากกว่าใครๆ”
ตาตี๋ๆ ของยองแจลุกวาวเท่าไข่ห่าน ได้แต่กระพริบตาปริบๆ อ้าปากพะงาบๆ อย่างกับปลาทองในขวดโหล “นายรู้...เหรอวะ”
“แล้วทำไมฉันจะไม่รู้ ฉันไม่ใช่คนโง่เหมือนแจบอมหรอกนะ”
“จินยอง ฉัน...เอ่อ แล้วนายจะให้ฉันทำยังไง หมอนั่นมันเพื่อนฉันนี่นา เพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กแล้วด้วย การเปลี่ยนสถานะมันเป็นเรื่องไกลตัวมากจริงๆ พูดตรงๆ นะ ฉันกลัว...”
“ฉันเข้าใจนายเพื่อน แม้จะไม่ทั้งหมดก็ตาม” ร่างบางถอนหายใจยาวเมื่อเหม่อมองยองแจที่มีสีหน้าอมทุกข์อย่างที่ไม่เคยแสดงออกแบบนี้มาก่อน มันคงถึงขีดจำกัดแล้วจริงๆ
จินยองลุกขึ้นยืน พร้อมส่งมือเรียวเข้าโอบกุมมือนุ่มนิ้มของยองแจอย่างอ่อนโยน รอยยิ้มน้อยๆ ส่งไปให้กำลังใจ “ยองแจเอ๋ย นายสบายใจได้เลย ไม่ว่ายังไงฉันกับแจบอมก็ไม่มีทางลงเอยกันได้หรอก ไม่ใช่เพราะว่ามีมาร์คเข้ามานะ แต่เพราะว่าฉันไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรกับแจบอมเลยแม้แต่น้อย และที่สำคัญฉันรู้ว่านายชอบแจบอม ฉันไม่มีทางทำอะไรที่เป็นการซ้ำเติมจิตใจเพื่อน และฟังฉันให้ดีนะของแจ... ต่อไปนี้นายน่าจะหันมาสนใจความรู้สึกตัวเองให้มากขึ้น ส่วนแจบอม เดี๋ยวฉันจะทำให้เขาถอยห่างไปเอง”
“จินยองเพื่อนรัก!!” ยองแจกระโดดเข้ากอดจินยองแน่น เบ้าตาปริ่มไปด้วยหยาดน้ำตาที่เอ่อคลอจะไหลแหล่ไม่ไหลแหล่ ในหัวใจมันตื้นตันจนไม่รู้จะพูดอะไรไปได้มากนี้แล้ว ขอมอบทุกความรู้สึกผ่านไปกับอ้อมกอดแน่นๆ นี้
“ขอบใจนะเพื่อนรัก”
ทางด้านมาร์คก็เพิ่งออกมาจากห้องพักครูของครูคิม ตอนนี้มาร์คได้เพื่อนร่วมทีมอีกสามคน นอกจากแจ็คสันแล้วก็เป็นรุ่นน้องทั้งหมด ชื่อจุนฮเว แทยง และแทฮัน ท่าทางเอาเรื่องทีเดียว ตามความเห็นของครูคิมซึ่งเป็นโค้ชได้มอบหมายตำแหน่งหัวหน้าทีมให้แจ็คสันผู้มีประสบการณ์มากกว่าคนอื่นและเป็นสมาชิกนักบาสเกตบอลของโรงเรียน
รุ่นน้องทั้งสามแยกย้ายกันกลับตึกเรียนไปแล้ว เหลือก็แต่พี่ใหญ่สองคนที่เดินออกไปพร้อมกัน ท่ามกลางความเงียบเป็นแจ็คสันที่ทำลายมัน
“ถามจริงๆ นะ นายอยากแข่งบาสนี่มีจุดประสงค์อะไรกันแน่”
มาร์คหยุดฝีเท้าแล้วหันมองคนข้างๆ “ทำไมนายถามแบบนั้น”
แจ็คสันยักไหล่เบ้ปากน้อยๆ “ก็ไม่รู้สินะ ฉันก็แค่รู้สึกว่านายก็ไม่ได้ชอบบาสเท่าไหร่ เลยสงสัยว่านายจะเสนอตัวมาแข่งทำไม”
“หึ... เห็นนายดูเก๊กๆ แต่ไม่คิดว่าจะเป็นคนช่างสังเกตนะ” มาร์คพูดเป็นติดตลกอยู่ชั่วครู่ก่อนที่รอยยิ้มขำๆ นั้นจะหายไปแล้วเข้าสู่โหมดจริงจัง “ก็จริงที่ฉันไม่ได้การเล่นบาสเท่าไหร่ แต่ที่ยอมลงแข่งก็เพื่อเอาชนะคนๆ หนึ่งให้ได้”
“บอกได้มั้ยว่าใคร?”
“อิมแจบอม”
“โห...อิมแจบอม ไอ้หน้าตี๋ที่ตามจีบจินยองมาร่วมปีอ่านะ”
มาร์คพยักหน้ารับเป็นคำตอบ ทั้งสองคนเดินต่อไปพร้อมกัน “แล้วนายคิดว่าทีมของแจบอมแข็งแกรงแค่ไหน นายรู้รึเปล่า”
“ปอดแหกรึไงวะ?” แจ็คสันถามขำๆ แต่อีกคนกลับไม่ขำด้วย “โอเคไม่ตลก อืม... แทนที่จะบอกว่าแข็งแกร่งมั้ย ให้พูดแบบนี้ชะง่ายกว่า ทีมของห้อง A มียูคยอมที่อยู่ในทีมบาสของโรงเรียนเป็นกัปตัน สมาชิกที่เหลือก็เป็นนักบาสของโรงเรียนเหมือนกัน ส่วนแจบอมมันก็ร่วมทีมแต่ลาออกจากชมรมไปตอนปีสอง เก่งขนาดที่ว่าแม้แต่ครูคิมยังเสียดายเลย”
“เหอะ แค่นี้เองเหรอ ก็ไม่แกร่งเท่าไหร่หรอกน่า” มาร์คเหยียดยิ้มอย่างอวดดี แววตามั่นๆ ของเขาทอดยาวไม่สะทกสะท้าน แจ็คสันที่อยู่ข้างๆ อดคิดไม่ได้ว่าไอ้หมอนี่มันคิดว่าเก่งเสียเต็มประดาหรือแค่ปลอบใจตัวเองอย่างหน้าด้านๆ อยู่กันแน่
“แยกกันตรงนี้นะ ฉันจะไปหาจินยอง เจอกันที่ห้องเลยแล้วกัน” มาร์คบอกกล่าวเมื่อถึงทางแยก เขาโบกมือลาก่อนจะหายไปทางหลังตึกเรียน โดยมีแจ็คสันมองตามหลังไวๆ นั้นจนลับสายตา เขายิ้มออกมาโดยไม่รู้สาเหตุ
“เฮ้ออออออ!! โล่งไปอีกเรื่องแล้วสินะ”
จินยองรำพึงขณะที่ก้าวอาดๆ ไปหลังตึกเรียน มันสบายใจจริงๆ ที่ต่อจากนี้อย่างน้อยๆ ก็ไม่มียองแจมาคอยเป่าหูให้คบกับแจบอม และก็ยิ่งอารมณ์ดีขึ้นไปอีกเมื่อได้รับข้อความไลน์จากมาร์คว่าให้มาเจอกันที่หลักตึกเรียน ให้ซื้อของกินไปด้วย เพราะเจ้าตัวยังอยู่ที่ห้องพักครูอยู่เลย อีกสักพักถึงจะตามมา
ในมือของจินยองมีถุงขนมปังไส้ช็อกโกแลตของโปรดของมาร์ค ซื้อมาตั้งหลายห่อ ไหนจะนมจืดและเครื่องดื่มอีกๆ เดินตัวปลิวมาจนถึงหลักตึกเรียนที่เงียบเชียบไร้ผู้คน และเพราะความเงียบสงบนี้ทำให้เขาไม่ได้รู้ตัวเลยว่ามีสายตากำลังจ้องมองมาจากหลายทิศทาง และไม่มีทางรู้ได้เลยว่ามีบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น
ซ่า!!!!!!!!!!!!!!
น้ำมวลใหญ่ดิ่งลงมาตามแรงโน้มถ่วงกระแทกใส่ทั้งตัวทั้งตัวจินยองที่อยู่เบื้องล่างจนเปียกโชก ถุงขนมร่วงหล่นพื้นเสียหายไปหมด ตามมาด้วยเสียงหัวเราะคิกคักที่ลอยวนอยู่ในอากาศแต่ไม่รู้ว่ามาจากไหนเพราะหูของเขานั้นอื้อไปแล้ว
“ใครวะ!!” จินยองตวาดกร้าวเงยหน้าขึ้นที่สูง แล้วเขาก็พบ
ใบหน้าของนักเรียนหญิงกลุ่มใหญ่ที่อยู่บนชั้น 3 กำลังหัวเราะคิกคันชอบใจในผลงานของตัวเอง สะใจอย่างยิ่งยวดที่ได้แกล้งคนที่เหม็นขี้หน้ามากที่สุดได้
“ขอโทษทีน้า! พวกเราไม่ทันระวังทำน้ำถูพื้นหล่นอ่ะ ขอโทษจริงๆ น้า!!” ตัวแทนที่เหมือนจะเป็นหัวหน้ากลุ่มตะโกนขอโทษ แต่ถ้อยคำนั้นมันช่างขัดแย้งกับรอยยิ้มเยาะเย้ยของพวกเธอจนหาความจริงใจไม่ได้
มือสั่นเทิ้มของจินยองกำเข้าหากันแน่นจนเส้นเลือดปูด ภายในอกซ้ายมันเต็มไปด้วยเปลวเพลิงแห่งความโกรธที่ลุกโชนขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่อยากทำที่สุดในตอนนี้คือวิ่งไปหาคนพวกนั้นแล้วจัดการให้มันสลบคาแทบเท้า แต่มันก็เป็นเพียงแค่ความคิดเท่านั้นเอง
“ดีแล้วครับที่ไม่ตอบโต้คนพวกนั้น” เสียงหนึ่งลอยมาจากด้านหลังทำให้จินยองหันขวับไปในทันที
ที่ยืนอยู่ต่อหน้าตอนนี้ก็คือนักเรียนชายคนหนึ่งซึ่งกำลังส่งยิ้มละมุนมาให้เขา ดวงหน้าแสนน่ารักนั้นทำให้จินยองผ่อนคลายมากทีเดียว
“มาเถอะครับ ไปยืนตรงนั้นเดี๋ยวคนพวกนั้นก็ได้สาดน้ำลงมาใส่อีกหรอก”
“อะ...อือ” จินยองรับคำและเดินไปหารุ่นน้องคนนั้นอย่างงงๆ เขาแน่ใจว่าเป็นรุ่นน้องเพราะดาวที่ติดอยู่บนปกเสื้อ แล้วก็มั่นใจว่าเคยเดินผ่านกันในโรงเรียนบ้าง
“ผมว่าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากันดีกว่ามั้ย อยู่แบบนี้มีหวังได้เป็นหวัดแน่ๆ เลย” เด็กหนุ่มเสนอ
“แล้วมีที่ให้ฉันทำแบบนั้นได้ด้วยเหรอ” จินยองถาม
“มีครับ ผมอยู่ชมรมว่ายน้ำ ที่นั่นมีห้องอาบน้ำ แล้วก็มีชุดพละเปลี่ยนด้วย”
“โอเค ขอบใจมากนะ” จินยองฉีกยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตร “เอ่อ ว่าแต่ว่า นายชื่อไรเหรอ”
คนถูกถามยิ้มหวานและไม่ลืมที่จะโค้งงามๆ ให้ “ผมชื่อแบมแบมครับ อยู่ ปี.2 ยินดีที่ได้ช่วยเหลือนะครับ พี่จินยอง”
“หือ? นายรู้จักชื่อฉันด้วยเหรอเนี้ย”
“แน่นอนครับ คนน่ารักๆ แบบพี่จินยอง ใครๆ ก็ต้องรู้จักกันทั้งนั้น โดยเฉพาะมีข่าวว่าคบหากับพี่มาร์คด้วยแล้ว ใครๆ ก็ต้องรู้จักกันทั้งนั้น”
“นั่นสินะ...” รอยยิ้มจินยองเจื่อนไปในทันที “ฉันนี่คงเป็นที่รู้จักไปหมดแล้ว ไม่อย่างนั้นพวกแฟนคลับมาร์คคงไม่แกล้งได้ถูกตัวแบบนี้”
“เอาเถอะครับ ยังไงพวกเขาก็ทำได้แค่นี้แหละ ผมว่าเรารีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากันดีกว่านะ”
“อื้ม ก็ได้”
แล้วจากนั้นทั้งสองคนก็ออกไปจากตรงนั้น แบมแบมพาจินยองไปชมรมว่ายน้ำตามที่บอกไว้ ระหว่างทางที่เดินไป จินยองไม่ลืมที่จะเช็คมือถือที่มาร์คซื้อไว้ให้ มันยังใช้งานได้ไม่เสียหาย แต่เขาก็เลือกที่จะไม่บอกมาร์คถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนี้
จินยองกลับมาเรียนในช่วงบ่ายในชุดพละโดยอ้างว่าซุ่มซ่ามสะดุดตกบ่อเลี้ยงปลา อาจารย์เลยไม่ดุว่าอะไร ส่วนมาร์คเองก็ไม่โกรธที่จินยองไม่มาตามนัด แต่ออกจะเป็นห่วงซะมากกว่า และก็ดูเหมือนว่าจะไม่เชื่อด้วยซ้ำว่าจินยองตกบ่อเลี้ยงปลาจริงๆ มีก็แต่มาร์คที่เหมือนจะไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่
เวลาล่วงเลยไปจนถึงเลิกเรียนระหว่างทางกลับบ้าน มีแค่มาร์คและจินยองเพียงสองคนที่เดินเคียงข้างกันเข้าซอย มาร์คชะงักเท้าหันไปหาร่างบางพร้อมกับคว้ามืออีกคนมากุมแน่น
“ตอนนี้เราอยู่กันสองคนแล้วนะ จะบอกมาได้รึยังว่าตอนพักเที่ยงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
จินยองระบายลมหายใจยาวๆ ส่งยิ้มแห้งๆ “นี่มีอะไรที่ฉันจะปิดนายได้สักอย่างมั้ยเนี้ย ทำไมนายถึงแสนรู้ไปซะทีอย่างเลย”
“ไม่ต้องมาหลอกด่าฉันเลยนะ!” ว่าแล้วมาร์คก็ดีดเหม่งน้อยๆ ของเจ้าคนเล่นลิ้นอย่างหมั่นเขี้ยว
“เจ็บอ่า ดีดมาได้เจ้าบ้า!” มือเล็กถูไถรอยที่โดนดีดพลางค้อนขวับใส่อีกคน หน้าตาบู้บี้แบบนั้นสำหรับมาร์คแล้วมันน่ารักจนทำให้เขาหลุดยิ้มออกมา
“มานี่มา เดี๋ยวจะเสกความปวดให้หายไป”
“ยังไงล่ะ”
“หลับตาก่อนสิ”
จินยองจ้องเขม็งอย่างหวาดระแวง แต่สุดท้ายก็ค่อยๆ หลับตาลงช้าๆ ความเงียบเริ่มโรยตัวจนจินยองเริ่มสงสัยว่ามาร์คจะทำอะไรกันแน่ แต่แล้วบางสิ่งบางอย่างที่เกิดขึ้นก็ทำให้เครื่องหมายคำถามนั้นหายไป
สายลมอุ่นๆ ลู่อยู่บนหน้าผากของเขา มันเป็นสายลมที่แผ่วเบา อ่อนละมุน จินยองยิ้มออกมาในทันที แม้ไม่ต้องลืมตาขึ้นมาดูก็รู้แน่แล้วว่าสายลมอุ่นๆ นั้นต้องเป็นของมาร์คอย่างแน่นอน
“เป็นไง รู้สึกดีขึ้นมั้ย”
จินยองลืมตาขึ้นมาก็พบว่ามาร์คกำลังส่งยิ้มละไมให้ ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อว่านอกจากจะไม่เจ็บที่โดนดีดหน้าผากแล้ว แม้แต่เรื่องแย่ๆ ที่เจอวันนี้ก็ไม่ทำให้รู้สึกแย่อีก
“บอกตามตรงนะ ถึงแม้จินยองงีที่ฉันรู้จักจะชอบทำตัวซุ่มซ่ามแต่ฉันก็ไม่เชื่อว่านายจะตกบ่อเลี้ยงปลา มีใครแกล้งนายใช่มั้ย?”
“ก็เออนะสิ!!” จินยองที่ทนไม่ไหวตะคอกใส่อย่างหมดความอดทน สะบัดมือออกจากอีกคนแล้วเท้าสะเอวอย่างเรื่อง ไรฟันสวยนั้นกัดกรอดๆ มองหน้ามาร์คราวกับเป็นตัวแทนของคนที่แกล้งเขาให้กลายเป็นลูกหมาตกน้ำ “บอกไว้เลยนะว่าครั้งนี้ฉันทนได้เพราะยังมีสติพอ แต่คราวหน้าถ้ามีอีกฉันไม่ทนจริงๆ ด้วย บอกเลยว่าฉันไม่ใช่นางเอกในละครน้ำเน่า ใครร้ายมาฉันจะร้ายกลับสิบเท่าเลยคอยดู!!”
“สมแล้วที่เป็นแฟนฉัน มันต้องอย่านี้สิ”
“ว่าไงนะ!!”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า น่ารักจริงๆ เลย แฟนใครเนี้ย”
“ไอ้บ้า ตัวเองเป็นต้นเหตุแท้ๆ ยังมาหัวเราะได้อีกนะ”
“ก็จะให้ทำยังไงได้ล่ะ ก็คนมันหล่ออ่ะ เฮ้อ...” มาร์คยิ้มกริ่มลูบคางตัวเองแล้วก็เหม่อมองขึ้นสู่ท้องฟ้า “ต้องโทษพระเจ้าแล้วล่ะที่ทำให้มาร์คต้วนเกิดมาหล่อเหลาถึงเพียงนี้”
“หายให้ซี่ ฉันล่ะอยากข่วนหน้านายจริงๆ หมั่นไส้!!”
“โอเคๆ” มาร์คยกมือขึ้นไว้อย่างยอมจำนน “นี่เรานอกเรื่องกันมามากแล้วนะ แล้วหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น นายหายไปตลอดพักเที่ยงไปอยู่ที่ไหน ใครช่วยไว้รึเปล่า”
“อื้ม มีรุ่นน้องคนหนึ่งช่วยเอาไว้น่ะ พาไปอาบน้ำแล้วก็หาชุดพละให้เปลี่ยน”
มาร์คชักสีหน้ามองร่างบางเขม็งอย่างคาดคั้น “ใคร? มันเป็นใคร”
“โธ่เอ๊ย! มันไม่ได้มีอะไรน่า” มือน้อยๆ ผลักยุ่งๆ นั้นเบาๆ เมื่อรู้ว่ามาร์คกำลังคิดงี่เง่า “คนที่ช่วยฉันน่ะเป็นรุ่นน้องที่เพิ่งเคยคุยกัน ชื่อแบมแบม แต่นายคงไม่รู้จักหรอก ฉันได้คุยแล้วยิ่งรู้สึกได้เลยว่าเขาเป็นเด็กดีมากเลยล่ะ”
มาร์คชะงักไปชั่วครู่เมื่อได้ยินถึงที่คุ้นหูออกมาจากปากของร่างบาง เขามั่นใจว่าไม่ได้ฟังผิดไป “เมื่อกี้นายบอกว่าชื่อแบมแบมเหรอ?”
จินยองพยักหน้าหงึกๆ “ทำไมเหรอ นายรู้จัก?”
“อ๋อ... เคยคุยกันแป๊บเดียว บ้านเขาอยู่ละแวกนี้”
“วันหลังต้องหาอะไรไปตอบแทนเสื้อตัวนี้สักหน่อยแล้ว” จินยองรำพึงแล้วก็เผยยิ้มออกมา มาร์คที่อยู่ข้างๆ ก็พลอยยิ้มตามไปด้วย
“จินยอง...” มาร์คเรียกเบาๆ ขณะที่ทั้งสองคนเดินเคียงข้างไปด้วยกัน
“มีอะไร”
“จินยอง... จินยองงี”
“เรียกอะไรอยู่ได้เล่า ก็พูดมาสิ” ร่างบางขานรับทั้งๆ ที่ยังทอดมองไปยังเบื้องหน้า
“ถ้าฉันแพ้ นายจะเลิกกับฉันมั้ย”
เท่านั้นสองข้างของจินยองหยุดชะงัด ใบหน้าฉงนหันไปมองอีกคนอย่างหวาดหวั่น เขาเพิ่งเคยเห็นมาร์คที่มีอารมณ์ความรู้สึกแบบนี้ มาร์คที่มั่นใจในตัวเองอย่างสุดหยั่งกำลังแสดงออกถึงความไม่สบายใจ แม้จะเพียงนิดแต่จินยองก็สัมผัสได้
“มาร์ค... ทำไมนายถึงถามฉันแบบนั้นล่ะ นายก็รู้อยู่แก่ใจว่าฉันรู้สึกยังไง นายถามฉันแบบนั้นเพราะนายไม่มั่นใจในตัวเองเหรอว่าจะชนะ”
“ก็ไม่เชิง” มาร์คตอบอย่างไร้อารมณ์ “ไม่รู้สินะจินยอง แต่ว่าอะไรมันก็เกิดขึ้นได้ไม่ใช่เหรอ”
“พูดอะไรอย่างนั้น มาร์คที่ฉันรู้จักไม่ใช่คนปอดแหกนี่นา”
“นั่นสินะ” มาร์คคลี่ยิ้มแล้วก็หัวเราะเบาๆ รู้สึกหายใจหายคอได้สะดวกขึ้น คำพูดของจินยองเตือนสติเขาได้อย่างเหลือเชื่อ คำพูดที่แสนจะธรรมดานั้นมันส่งมาพร้อมกับความเชื่อมั่น และมันมีค่ามากกว่าเสียยิ่งกว่าเสียงเชียร์เป็นหลายเท่า
“วางใจเถอะจินยอง ฉันไม่แพ้แน่ ฉันต้องชนะได้แน่นอน!”
“ต้องอย่างนี้สิ!”
มาร์คคนเดิมกลับมาแล้ว มาร์คผู้มีความมั่นใจในตัวเองอย่างเต็มเปี่ยม ทั้งคู่ยิ้มให้แก่กันแล้วก็หัวเราะออกมาโดยไม่มีเหตุผล มือที่กุมกระชับแน่นของทั้งคู่นำพาพวกเขาก้าวเดินไปพร้อมกัน วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่มีความหมายจริงๆ
โปรดติดตามตอนต่อไป...
ไม่ค่อยมีเวลาได้อัพ ก็อย่าเคืองกันเน้อออออ หวังว่าจะยังได้รับความสนุกจากฟิคเรื่องนี้ ยอมรับว่าแต่งฟิคแนวนี้แล้วก็เหนื่อยอยู่นะ ขัดแย้งกับแนวถนัดของตัวเอง 55555555555
หวังว่าจะเม้น และสกรีมบ้าง #ฟิคตองคิส
อัพเดต 14/07/2558
ความคิดเห็น