คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Episode 4 ท้าดวล
Episode 4 ท้าดวล
เช้าวันต่อมา... เป็นวันหยุดวันเสาร์ที่อากาศดีมากทีเดียว จินยองที่เมื่อคืนเป็นลมไปก็ลับยาวไม่รู้เรื่องจนถึงเช้า แต่ทว่าทันทีที่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาก็ถึงกับกรีดร้องลั่นห้อง
“อ๊ากกกกกกกกกกกกส์”
จินยองสำรวจตัวเองอีกครั้ง เขาไม่ได้อยู่ในชุดเดิม แต่อยู่ในกางเกงนอนและเสื้อกล้ามตัวใหญ่ๆ หลวมๆ ซึ่งสันนิฐานว่าคงเป็นของมาร์ค เพราะกลิ่นที่ติดเสื้อ แล้วทันใดนั้น ภาพความทรงจำเมื่อเย็นวานก็พรั่งพรูเข้ามาในสมองอย่างแจ่มชัด
“มะ...ไม่จริงใช่มั้ย...มาร์คคงไม่...”
“คงไม่อะไร??” เสียงของมาร์คลอยขึ้นมา จินยองมองกวาดไปรอบห้องก็พบว่ามาร์คกำลังเหยียดตัวจากฟูกที่นอนซึ่งปูลาดอยู่ด้านล่างข้างเตียง
จินยองชะงักกึก... มองปฏิกิริยาของมาร์คอีกครั้ง ก่อนจะถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ
“นายไม่ได้ทำอะไรฉันใช่มั้ย”
“ทำ!” มาร์คบอกหน้าตาย
จินยองสะอึกมองอีกคนเหมือนเห็นเป็นปีศาจร้าย “นายว่าไงนะ! นายกล้าทำไปลงได้ยังไง ทั้งที่ฉันยังหลับอยู่แท้ๆ นายมันร้ายกาจที่สุด!!”
“นี่นายมโนไปถึงดาวดวงไหนแล้วล่ะนั่น เฮ้อ...” มาร์คถอนหายใจพร้อมกับลุกขึ้นยืนเหยียดตัวแล้วบิดขี้เกียจ หาวหวอดๆ เหมือนคนนอนไม่พอ
“ฉันก็แค่...” ว่าแล้วมาร์คก็ยิ้มกริ่มพลางใช้สายตาที่มีเลศนัยมองเรือนร่างของอีกฝ่ายอย่างหื่นกามที่ปิดไม่มิด “ฉันก็แค่พานายไปอาบน้ำ แล้วก็เปลี่ยนเสื้อให้เท่านั้นเอง”
“ว่า-ไง-นะ!! ย๊าสสสสสส์!!!”
ดั่งพายุเทอนาโดโหมกระหน่ำในห้องๆ นั้น หมอนใบใหญ่ลอยหวือเข้าหวดหน้ามาร์คต้วนคนทะเล้นครั้งแล้วครั้งเล่า จินยองในตอนนี้หยุดตัวเองไม่ได้แล้ว ยังไงซะก็ขอให้ได้เอาคืนคนฉวยโอกาสให้สาแก่ใจเสียก่อน เรื่องอื่นค่อยว่าทีหลัง
“พอแล้วจินยอง โอ๊ย...โอ๊ย...จิน..โอ๊ยเจ็บ ยอมแล้วๆๆ” มาร์คร้องโอดโอย แต่จินยองคว้าหนังสือมาได้ก็ฟาดต่อรัวๆ แบบไม่ยั้ง มาร์คไม่มีทางสู้ได้แต่วิ่งหนีไปรอบห้องที่ตอนนี้สภาพเละตุ้มเปะ
“ตายซะเถอะนายมาร์ค ย๊าสสสส์!!’
“จินยองพอแล้ว ยอมแล้วๆ ฉันโกหกนาย ฉันไม่ได้อาบน้ำให้นายนะ!!”
ร่างบางชะงักชั่วครู่ แต่มือที่จับหนังสือเล่มหนายังง้างอยู่ ดวงตาเรียวคมหรี่มองอีกคนอย่างพินิจพิเคราะห์และจับผิด
“แล้วฉันมาอยู่ในชุดนี้ได้ยังไง ตอบมาซิ!!” จินยองกระแทกเสียงถาม
มาร์คหัวเราะแห้งๆ พลางเกาหัวแกรกๆ แล้วว่า “ฉันเปลี่ยนให้นายเอง กลัวนายจะหลับไม่สบายน่ะ”
“มันก็พอกันนั่นแหละน่า!!” สิ้นเสียงตะคอก ร่างบางก็ปาหนังสือลอยหวือข้ามเตียงไปโดนหัวมาร์คเสียงดังตุบ
“โอ๊ย!!” มาร์คร้องเสียงหลงพลางลูบๆ คลำๆ ขมับที่โดนสันหนังสือเข้าพอดี ในตอนนี้เขาคงได้ตระหนักและรู้ซึ้งแล้วว่าเจ้าแมวน้อยตัวนี้ไม่ได้มีแค่ด้านน่ารักแสนเชื่องเท่านั้น
หลังจากลมพายุสงบ จินยองเริ่มใจเย็นลงได้บ้าง ก็ได้ฟังคำอธิบายว่าไม่อยากเห็นจินยองสวมเสื้อตัวเดิมๆ นอน ครั้นจะปลุกรึก็หลับลึกไม่ตื่นง่ายๆ มาร์คก็เลยถือวิสาสะเปลี่ยนชุดให้ แต่บอกว่าไม่ได้ทำอะไรเกินเลย (ซึ่งข้อนี้จินยองไม่เชื่อเด็ดขาด) แล้วเมื่อถามว่าทำไมถึงไปปูฟูกนอนขดอยู่ข้างล่างก็ได้คำตอบว่า “ก็อยากนอนด้วยอยู่หรอก แค่นายนอนดิ้นจนถีบฉันตกเตียงตั้งสามครั้งสามหน” คำตอบนี้ทำเอาจินยองยิ้มได้ แล้วก็รู้สึกว่าอาการเม้งจะหายวับไปเลย
แล้วจากนั้นจินยองก็ต้องกลับบ้าน โดยมีมาร์คติดสอยห้อยตามไปด้วย จริงๆ แล้วมาร์คก็โทรมาบอกคุณนายปาร์คแล้วว่าจินยองจะค้างกับตน เพื่อติวหนังสือให้ มันเป็นเหตุผลที่ดีเพราะช่วงนี้จินยองก็ช่วยเรื่องการเรียนเขาตลอดอยู่แล้ว
“กลับมาแล้วครับแม่ มาร์คก็มาด้วยนะ” จินยองบอกพลางเดินเข้าบ้านไปด้วยท่าทางเนือยๆ ผิดกับคุณนายปาร์คที่ยิ้มหน้าบานออกมาต้อนรับเพื่อนของลูกชาย
“มาร์คก็มาด้วยเหรอ ดีแล้วๆ เพิ่งจะทำอาหารเช้าเสร็จพอดีเลย มาทานด้วยกันนะ” คุณนายปาร์คพูดอย่างรื่นเริง และมองมาร์คอย่างเอ็นดูรักใคร่
“ขอบคุณมากครับคุณป้า วันก่อนก็ต้องขอบคุณนะครับสำหรับข้าวกล่อง อร่อยมากเลยครับ” เขาบอกอย่างยิ้มแย้มพร้อมกับค่อมหลังลงต่ำเพื่อโค้งขอบคุณ
“แหมๆ ทำเป็นคนอื่นคนไกลไปได้ แต่ว่าโตขึ้นมากเลยนะ เป็นหนุ่มหล่อทีเดียว แบบนี้สาวๆ คงติดกันตรึมล่ะสิท่า” คุณนายปาร์คอดไม่ได้ที่จะออกปากแซว
แต่มาร์คแค่ยิ้มรับแต่ไม่ตอบอะไรไปมากกว่านี้เพราะเห็นสายตาของจินยองที่มองมาเหมือนอยากรู้เหมือนกัน
“ผมว่าอย่าไปซักเขาเลยแม่ เดี๋ยวจะอึดอัดเปล่าๆ” จินยองตัดบทแล้วรีบเปลี่ยนไปเรื่องอื่น “ว่าแต่พ่อไปไหนอ่ะครับ”
“พ่อออกไปแต่เช้ามืดแล้วล่ะ มีสัมมนาที่ต่างจังหวัด เย็นวันอาทิตย์ถึงจะกลับ” ผู้เป็นแม่ตอบเบาๆ สังเกตได้ชัดว่าน้ำเสียงดูหงอยลงไปทันที
จินยองพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะเข้าไปกอดแม่แน่น แล้วหอมแก้มแม่ฟอดใหญ่ เป็นเรื่องที่ไม่แปลกใจเท่าไหร่เพราะชินแล้วที่พ่อต้องทำงานตลอด 7 วันแบบนี้ บางทีก็น้อยใจเหมือนกัน แต่ก็พยายามเข้าใจว่าพ่อทำเพื่อครอบครัว
“ทานข้าวกันเถอะครับ” มาร์คเสริมขึ้นมา ทำให้สองแม่ลูกหันมามอง เขายิ้มละไมส่งไปให้ “กลิ่นหอมมากเลยครับคุณป้า ต้องอร่อยมากแน่ๆ”
แค่เพียงรอยยิ้มเดียวของมาร์คเท่านั้น แต่จินยองรู้สึกราวกับว่าความเหงาในหัวใจมันถูกปัดเป่าไปทีละน้อย ทีละน้อย กลายเป็นความอบอุ่นเข้ามาแทนที่
แล้วทั้งสามคนก็นั่งทานมื้อเช้าด้วยกันอย่างเอร็ดอร่อย มาร์คถึงกับขอข้าวอีกชามเลยทีเดียว นานแล้วที่ไม่ได้ทานอาหารทำเอง ส่วนใหญ่ก็มักฝากท้องกับอาหารนอกบ้านหรือไม่ก็อาหารสำเร็จรูป เป็นแบบนี้มาตลอด
“ทานเยอะๆ นะจ๊ะ ไม่ต้องเกรงใจนะ” คุณนายบอกอย่างอารมณ์ดี เธอเองทานเสร็จแล้วกำลังไปเตรียมของหวานอีก 3 ที่
“ครับคุณป้า ผมจะทานเยอะๆ เลย” มาร์คบอกพลางยิ้มกว้าง ก่อนจะหันไปหาร่างบางที่นั่งอยู่ข้างๆ “จินยองงี่ ทานเสร็จแล้วเราไปดูหนังกันมั้ย”
“หยุดเลยนะ!” น้ำเสียงเขียวขุ่นของจินยองมาพร้อมกับตะเกียบที่ชี้มาอย่างกับจะทิ่มตาอีกคนเสียให้ได้ “นายต้องอยู่ทำการบ้านให้เสร็จก่อน แล้วก็อย่าลืมสิว่านายต้องเรียนหนังสือกับฉัน หลังงานกีฬาสีก็จะสอบแล้ว ถ้านายยังขี้เกียจแบบนี้มีหวังได้เรียนซ้ำชั้นแน่!”
มาร์คสะดุ้งเฮือกราวกับจินยองหวดแส้เข้าใส่ เขาอ้าปากแล้วก็หุบไปหมดคำจะงัดมาเถียงจริงๆ เพราะนอกจากภาษาอังกฤษกับพละแล้ว วิชาอื่นนั้นอาการอยู่ในขั้นอันตราย
“โอเค ไม่ดูหนังแล้วก็ได้...” มาร์ครับคำเสียงอ่อยๆ อยู่แป๊บเดียวเท่านั้น ใบหน้าที่หงอๆ ก็หายวับไปกลายเป็นทะเล้นเหมือนกัน “แต่ต้องไปติวที่ห้องของฉันนะ”
จินยองไม่ตอบรับ ทำเป็นหูทนลมแล้วทานอาหารต่อไป แต่มาร์คหรือแม้กระทั่งคุณนายปาร์คก็ยังสังเกตได้ว่าลูกชายตัวเองกำลังหน้าแดง แล้วก็ดูเหมือนจะใช้ความพยายามอย่างหนักเพื่อเกร็งกล้ามเนื้อของใบหน้าไม่ให้เผยยิ้มออกมาให้ใครเห็น
ผู้เป็นแม่ก็ได้แต่คิดและสงสัยต่อไปว่าเรื่องอะไรหนอที่ทำให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนมีอาการเช่นนี้ แต่คนที่รู้ดีที่สุดก็คงเป็นมาร์คที่นั่งเงียบยิ้มกริ่มอยู่นั้นแล...
คืนนี้มาร์คได้ขออนุญาตให้จินยองค้างกับตนอีกสักหนึ่งคืน แม้จินยองจะมีท่าทีประท้วงหน่อยๆ แต่คุณนายปาร์คกลับเห็นดีเห็นงามยอมให้มาค้างด้วยความเต็มใจ แถมยังเอาของทานเล่นมาให้อีกหลายอย่าง เอาไว้ทานระหว่างติวกัน
หลังจากติวหนังสือวิชาสุดท้ายเสร็จ พร้อมสะสางทั้งการบ้านกองสุดท้ายเรียบร้อย มาร์คไปอาบน้ำ ส่วนจินยองที่อาบก่อนแล้วก็กำลังอ่านหนังสือการ์ตูนรออยู่ที่เตียง พยายามไม่ให้ตัวเองตื่นเต้นมากจนเกินไป...เพราะหลังจากนี้จะเป็นการ “รักษาโรคกลัวจูบ” อีกครั้ง (-..-)
พวงแก้มร้อนฉ่าขึ้นมาทันที เสียงหัวใจเต้นดังโครมๆ อยู่ในซี่โครงซ้าย มือไม้เริ่มมีเหงื่อไหลซึม รู้สึกตื่นเต้นเสียจนลืมความหิวของอาหารเย็นไปเลยทีเดียว
ขณะที่กำลังนอนเกลือกกลิ้งเอาหน้าซุกในผ้าห่มนั้นเอง เสียงมือถือร้องดังขึ้น ร่างบางรีบโผล่ออกมาจากผ้าห่มแล้วฉวยเอามือถือที่วางอยู่บนกองหนังสือมารับสายทันที
“ว่าไงยองแจ!”
(ตอนนี้นายทำไรอยู่อ่ะ) ยองแจถาม
“อยู่บ้านมั....เอ่อ” จินยองยั้งปากไว้ได้ทันก่อนจะรีบเปลี่ยนเป็นคำโกหกเพราะรู้ว่ายองแจต้องไม่ปลื้มแน่ๆ “อยู่บ้านตัวเองนี่แหละ ทำไมเหรอ”
(ฉันว่าจะแวะไปหานายหน่อยน่ะ นายสะดวกมั้ยล่ะ)
“เอ่อ...ก็สะดวกนะ จะมาตอนไหนอ่ะ”
(อีกสักชั่วโมงก็คงถึง งั้นเจอกันที่บ้านนายนะ)
“อื้อ แล้วเจอกัน”
จินยองถอนหายใจเบาๆ ขณะที่ยัดมือถือใส่ในกระเป๋ากางเกง พลางลอบคิดว่ายองแจจะมาหาเขาด้วยเรื่องอะไรกันแน่นะ หวังว่าคงไม่ใช่เรื่องอิมแจบอมก็แล้วกัน เพราะเขาเบื่อจะฟังเต็มทีแล้ว
จังหวะที่คลานลงจากเตียง มาร์คที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จนุ่งแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวออกมาจากห้องน้ำ ผมของเขายังเปียกหมาดๆ ขณะที่สะบัดผ้าขนหนูเช็ดผม ร่างกายของจินยองแข็งทื่อ ยืนงงงันเหมือนโดนของ พวงแก้มร้อนผ่าวเมื่อดวงตาหยุดอยู่ที่แผงอกไล่มาจนถึงสะดือที่มีไรขนอ่อนๆ ของมาร์คต้วน เรือนผมที่เพิ่งสะเด็ดน้ำยิ่งชวนมองจนละสายตาไม่ได้
มาร์คยกยิ้มกริ่มๆ เมื่อเห็นปฏิกิริยาของร่างบาง เขาผิวปากแล้วเดินไปที่หน้าตู้เสื้อผ้าหยิบสิ่งที่ต้องใช้ออกมา สายตาของจินยองยังติดตามไปราวกับปลาที่ว่ายตามเหยื่อล่อ
“นายคิดลามกอะไรอยู่ล่ะสิ” มาร์คถามอย่างรู้ทันทำเอาร่างบางถึงกับสะดุ้งหันหน้าหนีไปทางอื่น
จินยองไม่พูดอะไรระหว่างที่มาร์คกำลังสวมกางเกงนอนขายาว เสื้อกล้ามสีดำ สวมทับด้วยแจ็คเก็ต หยิบเอากระเป๋าตังค์และมือถือ
“ออกไปข้างนอกกันดีมั้ย หาอะไรกินกันหน่อย” มาร์คถามพลางเดินนำ แต่จินยองเอ่ยขึ้นก่อน
“นายไปคนเดียวได้มั้ย ยองแจกำลังจะมาหาฉันที่บ้านอ่ะ”
มาร์คนิ่งไปครู่เดียวค่อยพยักหน้าเหมือนเห็นชอบด้วย แต่ก็ไม่วายพูดดักด้วยเสียงเหมือนออกคำสั่ง “ถ้านายเจอกับยองแจแล้วก็กลับมานะ ฉันจะซื้อของกินมารอนาย”
“อื้อ ฉันจะกลับมา”
แล้วมาร์คและจินยองก็ออกจากบ้านโดยไม่บอกใคร เพราะในเวลานี้โมเน่และแทคยอนออกไปเที่ยวด้วยกัน ส่วนเพื่อนแม่ที่เป็นเจ้าของบ้านก็เดินทางไปทำงานต่างประเทศอีกหลายวันกว่าจะกลับ
จินยองเลี้ยวเข้าบ้านตัวเอง ขณะที่มาร์คเดินทอดน่องตรงออกไปยังปากซอย สวมหูฟัง ฟังเพลงอย่างสบายใจเฉิบ จนกระทั่งมาถึงถนนใหญ่ เขาก็แวะเข้ามินิมาร์ท ซื้ออาหารกล่อง 2 กล่อง ขนมขบเคี้ยว แล้วก็เบียร์มาครึ่งโหล จากนั้นก็มานั่งดื่มคนเดียวที่ม้านั่งหน้ามินิมาร์ท
จังหวะที่กำลังจะหยิบเบียร์กระป๋องที่สองมาเปิดดื่ม เงาร่างของใครบางคนก็มายืนอยู่ตรงหน้า และเมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็ต้องประหลาดใจ
“เจอกันอีกแล้วนะฮะ” เสียงหวานนั้นเอื้อนเอ่ย
“นายคือคนที่ฉันเดินชนวันนี้นี่นา” มาร์คว่าพลางเพ่งมองให้ชัดๆ เต็มตา แล้วก็ใช่จริงๆ แม้เด็กหนุ่มคนนั้นจะแต่งตัวปอนๆ ต่างจากเครื่องแบบนักเรียนที่เป็นระเบียบตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่เขาก็คิดว่าคงไม่ผิดคน
“ไม่คิดว่าจะเจอรุ่นพี่อีก บ้านรุ่นพี่อยู่แถวนี้เหรอฮะ” เด็กหนุ่มร่างบางตั้งคำถาม
“จริงๆ ก็ไม่ใช่บ้านฉันหรอก แค่มาอาศัยอยู่ด้วยระหว่างเรียนที่นี่ แล้วนายล่ะ บ้านอยู่แถวนี้งั้นเหรอ” มาร์คถามกลับบ้าง
เด็กหนุ่มพยักหน้าหงึกๆ แล้วก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบไปเห็นสิ่งที่มาร์คซื้อมา นั่นรวมถึงเบียร์ด้วย “แล้วพี่มาซื้อของเหรอฮะ”
“ใช่ นายจะเอาสักกระป๋องมั้ยล่ะ” มาร์คทำท่าจะยื่นเบียร์ให้ แต่ร่างบางรีบยกมือขึ้นปฏิเสธ
“เอ่อ...ไม่เป็นไรดีกว่าฮะ”
“อ่าฮะ นายยังไม่ถึง 18 นี่เนอะ” มาร์คว่าพลางหัวเราะขำ ก่อนจะถามชื่ออีกคนอย่างใคร่รู้ “นั่นสิ ว่าแต่นายชื่อไรอ่ะ ฉันยังไม่รู้เลย”
คนถูกถามชื่อดวงหน้าแดงซ่านขึ้นมาทันที เขาก้มหน้างุดอยู่สักพักก่อนจะเงยจะขึ้นมาแนะนำตัวด้วยท่าทีเขินอาย “ชื่อแบมแบมฮะ แต่เรียกแบมเฉยๆ ก็ได้ฮะ พี่มาร์ค”
“ว้าว...ชื่อน่ารักดีนี่นา ว่าแต่นายรู้จักชื่อฉันด้วยเหรอ” มาร์คซักต่อ
“ผมว่าในโรงเรียนคงไม่มีใครไม่รู้จักชื่อพี่หรอกฮะ ใครๆ ต่างก็พูดถึงพี่ด้วยกันทั้งนั้น”
“ขนาดนั้นเชียว ฮ่า ฮ่า ฮ่า จะถือว่าเป็นคำชมก็แล้วกันนะ” มาร์คหัวเราะร่วน ทำเอาแบมแบมพลอยยิ้มแล้วก็หัวเราะไปด้วย ในดวงตาคู่สวยคอยเหลือบมองรุ่นพี่หนุ่มอยู่เป็นระยะๆ แต่ไม่ให้โดนจับได้
หลังจากนั้นมาร์คก็ชวนแบมแบมนั่งข้างๆ ทั้งสองคุยกันไปเรื่อยเปื่อย เขาพบว่าเด็กหนุ่มคนนี้มีเชื้อสายแท้ๆ เป็นคนไทย เรียนอยู่ห้อง 2D เป็นเด็กที่ต้องเรียนอย่างหนัก เพราะต้องตอบสนองต่อความคาดหวังของพ่อแม่บุญธรรมชาวเกาหลีที่รับอุปการะตั้งแต่เด็ก
เวลาล่วงเลยกว่าครึ่งชั่วโมง มาร์คดื่มเบียร์หมดทุกกระป๋องแล้ว นั่นจึงเป็นเวลาเอ่ยคำลาต่อกัน
“แล้วเจอกันที่โรงเรียนนะ” มาร์คบอกพลางยิ้มร่า แบมแบมพยักหน้ารับอายๆ ก่อนจะเดินจากไปอีกฟากหนึ่งซึ่งอยู่ตรงข้ามกับบ้านของเขา
มาร์คมองดูนาฬิกาซึ่งกำลังบอกเวลาสองทุ่มกว่าๆ เขาหวนคิดถึงจินยอง ที่ป่านนี้อาจจะคุยกับยองแจเสร็จและกลับมารอเขาแล้วก็ได้ เขาหยิบเอาถุงอาหารกล่องที่ซื้อมาแล้วจะเดินกลับ... แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อมีใครบางคนขวางอยู่เบื้องหน้า
อิมแจบอมนั่นเอง!
“ลับหลังจินยองก็ออกมานั่งหัวร่อต่อกระซิบกับคนอื่น นายนี่ช่างน่าไม่อายจริงๆ” แจบอมมองมาร์คด้วยสายตาเหยียดหยาม
มาร์คที่ชะงักไปครู่หนึ่งกลับเข้าสู่โหมดปกติ เขายกยิ้มอย่างสบายอารมณ์แล้วว่า “แล้วถ้าฉันจะคุยกับใคร หรือแม้กระทั่งไปคั่วกับใครนอกจากจินยอง แล้วมันกงการอะไรของนายด้วยล่ะ”
แจบอมกำมือแน่น เขาแทบอยากจะง้างหมัดไปต่อยอีกครั้งให้มันรู้แล้วรู้รอดกันไป แต่ที่ทำให้ต้องอดทน และสงบเยือกเย็นอยู่ต่อไปได้ก็เพราะใบหน้าของจินยอง และคำเตือนของยองแจเพื่อนรัก
“ถ้านายไม่ได้ชอบจินยองจริงๆ เห็นจินยองเป็นแค่ของเล่นฆ่าเวลาก็จงหยุดแค่นี้ซะ ฉันไม่อยากให้จินยองต้องเสียใจเพราะคนอย่างนาย”
“คนอย่างฉัน? คนอย่างฉันแล้วมันยังไง”
“ฉันสืบเรื่องนายมาหมดแล้ว ทุกๆ ที่ที่นายเคยอยู่มามีแต่เรื่องอื้อฉาว คนอย่างนายไม่คู่ควรที่จะเข้าใกล้คนดีๆ อย่างจินยองแม้เพียงปลายก้อย”
มาร์คนิ่งเงียบ... สายตาคมกริบมองแจบอมอย่างพิถีพิถัน ในสมองครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว เส้นเลือดหมัดขวาเต้นตุบๆ แสดงความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะทำร้ายอีกฝ่ายเหลือเกิน
“ช่างน่าชื่นชมที่อุตส่าห์ตามสืบเรื่องของฉันซะละเอียด แต่...แล้วยังไง??” มาร์คทวนถามด้วยน้ำเสียงหยาบกระด้าง “ต่อให้ฉันเคยเป็นอย่างนั้นจริงๆ แล้วมันยังไงล่ะ นายไม่คิดบ้างเหรอว่าจินยองอาจจะพิเศษกว่าคนที่ฉันเคยทิ้งพวกนั้น เหมือนกับที่นายก็มองจินยองเป็นคนพิเศษ”
“อย่าเอาฉันไปรวมกับคนอย่างนาย!!” แจบอมกระโชกเสียงใส่อย่างรุนแรง “ฉันขอบอกนายเป็นครั้งสุดท้ายว่าเลิกยุ่งกับจินยองซะ นายจะคบจะควงใครเล่นๆ ก็ตามแต่นาย แต่ต้องไม่ใช่จินยอง”
“นายคิดว่าสั่งฉันได้เหรอ” มาร์คถามหมิ่นๆ พลางหัวเราะเยาะอย่างอวดดี
“ฉันไม่ได้สั่ง แต่มันคือการเดิมพัน” แจบอมบอกห้วนๆ พลางเดินเข้าไปใกล้มาร์คอีกก้าว
มาร์คมองอีกฝ่ายด้วยความฉงน จนกระทั่งแจบอมแถลงข้อสงสัยมาจนหมด
“เรามาแข่งกัน ถ้านายชนะ ฉันจะถือว่านายแน่แล้วจะไม่ยุ่งกับจินยอง แต่ถ้าฉันชนะ นายต้องเลิกกับจินยอง แล้วอย่าไปยุ่งเกี่ยวกับเขาอีก”
ความเงียบโรยตัวเหมือนหิมะในหน้าหนาว
แจบอมลอบคิดว่าการยื่นข้อเสนอครั้งนี้อาจจะโดนปฏิเสธก็เป็นได้ แต่มาร์คที่เงียบไปพักหนึ่งกลับยิ้มและหัวเราะในลำคอ ประกายเจิดจ้าทอแสงในดวงตาของเขา
“แล้วจะแข่งอะไรล่ะ นายว่ามาได้เลย”
“แข่งบาส ในงานกีฬาสีที่กำลังจะมีขึ้นในอีกสองอาทิตย์ ฉันจะลงแข่งในฐานะทีมห้อง A ส่วนนายก็แข่งในฐานะทีมห้อง D” แจบอมแจกรายรายละเอียด น้ำเสียงของเขามั่นใจมากทีเดียวว่าต้องชนะ “แต่บอกไว้ก่อนนะว่ามันมีอยู่ 4 ทีม ถ้าทีมสีนายดันแพ้ก่อนที่จะได้มาเจอกับทีมฉันก็เท่ากับว่านายแพ้เหมือนกัน”
“บอกตัวเองเถอะว่าอย่าตกรอบก่อนมาชิงชนะเลิศกับฉันก็แล้วกัน” มาร์คสวนกลับอย่างทันควัน
ดวงตาคมสองคู่จดจ้องกันอย่างดุเดือด เลือดในกายสูบฉีด ราวกับว่าต่างฝ่ายต่างก็ได้ปลุกสัญชาตญาณของกันและกันออกมา สัญชาตญาณดิบของลูกผู้ชายที่ปรารถนาในชัยชนะ โดยมีจินยองเป็นเดิมพัน
โปรดติดตามตอนต่อไป...
ขอโทษที่มาอัพช้านะครัชชช เมื่อวานไรท์ติดงานบุญ อิอิอิ แต่นี่มาอัพต่อจนครบแล้ว อาจจะสร้างคำถามให้รีดได้ไม่ต่ำกว่าหนึ่งข้อเลยทีเดียว แล้วหวังว่าจะเลือกได้ว่าจะเป็นทีมมาร์คหรือทีมแจบอม แต่ไรท์ว่าคงมีบางคนเริ่มไม่ใจมาร์คแน่ๆ เลย 5555555555555 --- แจ็ค ยูค ออกตอนหน้านะครัชชช
แท็กฟิค ระบายหน่อยนะ แบบร้างมาก อิอิ #KISSxMARKNIOR
อัพเดต 23/03/2558
ความคิดเห็น