คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Episode 3 ฉันชอบนาย
Episode 3 ฉันชอบนาย
หลังจากได้รับคำเชิญชวนที่แสนจะน่ารักขนาดนั้น มาร์คต้วนไม่มีทางปฏิเสธอยู่แล้ว ตลอดการเดินเคียงคู่กันกลับบ้าน เขายิ้มระรื่นตลอด ส่วนจินยองที่อยู่ข้างๆ เอาแต่ก้มหน้าลงมองดิน จนเดินเลยผ่านบ้านตัวเองแล้วเข้ามาถึงหน้าบ้านที่มาร์คอาศัยอยู่
“เข้ามาเลย ไม่ต้องเกรงใจนะ”
“อ่า...อื้อ”
จินยองเดินตามมาร์คเข้าไปติดๆ ผ่านประตูใหญ่ ผ่านสวนหน้าบ้าน และเมื่อเปิดประตูตัวบ้านเข้าไป ภาพที่เห็นก็ทำเอาจินยองถึงกับช็อก ดวงตาเบิกกว้างร่างกายยืดตรงแข็งโป๊ก
ที่อยู่ตรงหน้าก็คือชายหญิงหนึ่งคู่กำลังกอดจูบนัวเนียกันเต็มที่อยู่ทางเดินหน้าประตูจนแทบจะแยกไม่ออกเลยว่ามือใครเป็นมือใคร และดูท่าทางกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มกันซะด้วย
“กลับมาแล้วครับ” มาร์คทักทายหน้าตาเฉย ราวกับว่าภาพที่เห็นนั้นมันชินตาเสียจนเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว แต่สาวสวยผู้นั้นพอรู้ว่ามีคนมานอกเหนือจากมาร์คก็ผลักคู่ขาออกห่างโดยฉับพลันทันที
“มาร์คคึ!! ทำไมวันนี้กลับมาเร็วจังเลย ปกติเถลไถล” เธอยิ้มฝืนๆ ก่อนจะเหล่มาที่จินยอง “แล้วนั่นพาเพื่อนมาด้วยเหรอ เอ๊ะ...แต่นั่นมันเด็กข้างบ้านนี่นา”
“เอ่อ...” จินยองเริ่มออกอาการเงอะงะทำตัวไม่ถูก คงเพราะเพิ่งเจอฉากเมื่อกี้เข้านั่นเอง
“จินยอง ฉันจะแนะนำให้รู้จักนะ นั่นคือพี่โมเน่ ลูกสาวเจ้าของบ้านนี้ จริงๆ ก็เป็นเหมือนพี่สาวฉันนั่นแหละ ส่วนคนนั้นคือลูกพี่ลูกน้องของเธอชื่อแทคยอน” มาร์คแนะนำทั้งสองให้รู้จัก และอดไม่ได้ที่จะส่งยิ้มมีเลศนัยให้ทั้งสองคนด้วย
“สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับนะครับ” คนที่ชื่อแทคยอนก้าวเข้ามาทักทายผู้มาเยือนบ้าน ส่วนโมเน่ก็ยืนหน้าแดงหลบอยู่ข้างหลัง
“ผมปาร์คจินยองครับ ยินดีที่ได้รู้จัก” จินยองโค้งทักทายตามมารยาท ก่อนจะฉุกใจคิดอะไรได้ นั่นคือเรื่องที่ทั้งสองคนจูบกันทั้งที่เป็นญาติกัน??
“แต่เมื่อกี้...”
“ความจริงแล้วสองคนนั้นเค้าเป็น...”
“เป็นการจูบทักทายตามปกติเท่านั้นเองแหละ” โมเน่โพล่งออกมาซะเสียงดังลั่นกลบเสียงของมาร์คก่อนที่เขาจะทันพูดจบ “มาร์คเอง ตอนที่อยู่ต่างประเทศก็เคยทักทายด้วยจูบบ่อยๆ เหมือนกัน จริงๆ แล้วต้องบอกว่าจูบไปทั่วนั่นแหละ จนได้ฉายาปีศาจจูบดะ”
เท่านั่นล่ะ ราวกับอสนีบาตฟาดลงกลางใจของจินยอง
จูบทักทายอย่างนั้นเหรอ??
“ตามสบายนะจินยอง ถือซะว่าเป็นบ้านของตัวเอง” เธอยิ้มหวาน ก่อนจะเดินเข้าบ้านไป โดยมีแทคยอนรีบวิ่งเยาะๆ ตามไปติดๆ
“เฮ้อ! สองคนนั่นคงลำบากแย่เลยล่ะ” มาร์คถอนหายใจมองตามท้ายพี่ทั้งสอง “หวังว่าจะสมหวังเร็วๆ แล้วกัน”
“อย่างนี้นี่เอง... แค่การทักทายธรรมดานี่เอง แถมยังจูบกับใครก็ได้” เสียงเรียบออกมาจากเรียวปากสวย ที่ตอนนี้ใบหน้านิ่งสงบเหมือนกับทะเลก่อนเกิดคลื่นยักษ์
“จินยองงี่ อย่าไปสนใจคำพูดของพวกพี่เลย พวกเขาเขินก็เลยพูดแบบนั้น แต่จริงๆ แล้วเป็นแฟนกันนะ แต่บอกใครไม่ได้เพราะเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน”
“แต่สำหรับนายมันเป็นอย่างนั้นใช่มั้ยล่ะ!!” ร่างบางร่นถอยออกห่างชายหนุ่ม สิ่งที่ฉายชัดบนใบหน้าสวยนั้นคือความผิดหวัง “ฉันลืมคิดไปว่านายมันเป็นเด็กนอกนี่ สำหรับนายแล้วเรื่องจูบคงเป็นเรื่องธรรมดาเสียยิ่งกว่าการกินข้าวให้ครบสามมื้อ”
“จินยอง...”
“ฉัน.. ฉันไม่อยากจูบกับนายแบบนั้น!!!!!!” จินยองตวาดกร้าวออกไปอย่างเหลืออด จากนั้นก็ออกแรงวิ่งพรวดออกจากบ้านมาร์ค ก่อนที่จะทิ้งหยดน้ำตาให้ใครได้เห็น
“จินยอง เดี๋ยวก่อนสิ!!”
ถึงแม้ว่าเสียงห้าวจะร้องเรียกตามมาก็ตาม แต่ขาของจินยองก็ยังไม่หยุดวิ่ง เขาวิ่งไปเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมาย ในหัวมีแต่ความคิดที่ไม่อาจสลัดให้หลุดจากสมองได้
“จินยอง หยุดวิ่งเดี๋ยวนี้นะ” มาร์คร้องเรียกพร้อมกับวิ่งตามไล่หลังมา
“ไม่!! ไปให้พ้นเลยคนหลอกลวง”
หึ!! เราน่าจะรู้มาตั้งแต่ 8 ปีก่อนแล้ว ว่าที่มาร์คจูบเรามันไม่ได้มีความหมายลึกซึ้งอะไรทั้งนั้น แต่ว่า... แต่ว่าตอนนั้น ที่เราหลับตากลั้นหายใจหน่วงเหนี่ยวจูบให้เนิ่นนานที่สุดก็เพราะ... เพราะเราชอบ
บ้าจริง! ทำไมไอ้ความรู้สึกแบบนี้มันถึงชัดเจนได้ถึงขนาดนี้
มาร์คไม่เคยรู้มาก่อนว่าจินยองเป็นแชมป์วิ่งเร็ว ต่อให้เป็นมาร์คก็ไม่อาจวิ่งตามความเร็วระดับนั้นไปได้ง่ายๆ แต่เขาก็ยังวิ่งไล่ตามต่อไปอย่างไม่ลดละ อาจจะมีสักครั้งสองครั้งที่เสียงหนึ่งในส่วนใดส่วนหนึ่งของสมองร้องถามว่า “ทำไมต้องวิ่งตามไปด้วย” คำตอบนั้นมีเพียงหัวใจเท่านั้นที่รู้ดีที่สุด
จินยองวิ่งมาจนถึงสวนสาธารณะแถวบ้าน ตอนวิ่งก็แทบจะไม่ได้มองทางด้วยซ้ำ รู้ตัวอีกทีก็มาอยู่ตรงนี้แล้ว ร่างบางเหลียวหลังไปก็ไม่เห็นว่ามาร์คตามมาได้ทัน มันต้องรู้สึกโล่งใจ ทว่าแต่กลับรู้สึกโหวงเหวงพิลึก
ร่างบางทอดน่องไปยังสวนสนามเด็กเล่นที่มีเครื่องเล่นของเด็กๆ มากมาย และก็ทิ้งก้นลงนั่งกับชิงช้าที่ดูเหมือนจะเล็กเกินไปสำหรับเขาแล้ว แล้วความทรงจำในวัยเด็กก็หวนคืนมา ที่แห่งนี้มันเป็นที่ๆ เขาและมาร์คเล่นด้วยกันบ่อยๆ
“จินยองงี่ พรุ่งนี้ฉันต้องไปแล้ว”
“จะไปไหน ไม่ให้ไปนะ...ฮึก...ฮือ มะ..ไม่ให้มาร์คไปนะ” เจ้าหนูจินยองร้องไห้โฮ เมื่อรู้ว่าเพื่อนที่เล่นด้วยกันทุกวันต้องเดินทางไปไกล ตอนนั้นรู้แค่ว่ามันไกลมากๆ
“แล้วสักวันหนึ่งฉันจะกลับมาหานายนะจินยอง”
“จะกลับมาจริงๆ ใช่มั้ย”
“อื้อ จริงสิ แล้วนายจะคิดถึงฉันมั้ย” เด็กชายมาร์คถามอย่างคาดหวัง ดวงตาใสๆ มีน้ำตาคลอหน่วย เขาเองก็ไม่อยากจากเพื่อนคนนี้เหมือนกัน
“มะ...มาร์ค ฉะ...จะคิ..คิดถึงนาย ฮึก...ละ แล้วนายล่ะ ฮึก...จะคิด..ถึงชะมั้ย” ตัวเล็กถามทั้งที่ยังสะอื้นฮัก
ทว่า...เด็กชายมาร์คไม่ตอบหากแต่มือของเขากุมไหล่สั่นสะท้านแล้วดึงร่างของจินยองน้อยเข้าไป...จูบ!!!
เด็กชายมาร์คจูบเด็กชายจินยองข้างๆ กระดานลื่นที่อยู่ใกล้ชิงช้านี้... ภาพเหล่านั้นยังแจ่มชัดในห้วงแห่งความทรงจำของจินยองราวกับว่ามันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง
“จินยองงี่!!!!!!!!”
น้ำเสียงเรียกที่แสนคุ้นหูลอยมาจากด้านหลัง และเมื่อหันขวับไปก็พบว่ามาร์ควิ่งหอบมาแต่ไกล ใบหน้าชุ่มไปด้วยเหงื่อ
จินยองลุกพรวดจากชิงช้าหมายใจจะหนีไปอีกครั้ง ทว่าตอนนี้มาร์คจะไม่ยอมให้คนตรงหน้าหลุดมือไปอีกแล้ว เขาคว้าแขนไว้ได้สำเร็จ และดึงร่างนั้นกลับมาเผชิญหน้ากัน
และไม่ทันให้จินยองได้ทำอะไรต่อ มาร์คก็กระชากเข้าไปหาพร้อมกับประกบจูบอย่างดูดดื่ม ลิ้นร้อนแทรกผ่านลึกเข้าไปในโพลงปาก เกี่ยวกระหวัดกับลิ้นละมุนที่รับสัมผัสเป็นอย่างดี จูบที่เร่าร้อนดูดดื่มนี้ทำให้ร่างกายของจินยองสิ้นแรงต่อต้าน อ่อนระทวยให้อ้อมแขนมาร์คต้วนอีกครั้ง
“อา...”
“นายรู้สึกมั้ย?” ชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่าชวนให้ร่างกายเสียวซ่าน
“รู้สึก...อะไรล่ะ” ร่างบางว่าพลางหลบนัยน์ตาคมนั้น
“นายต้องรู้สึกแน่ๆ เมื่อ 8 ปีก่อนรวมทั้งตอนนี้ด้วย และที่เป็นลมก็เพราะรู้สึกดีแล้วก็ชอบ เพราะมันเป็นจูบจากความรู้สึกของฉัน...” มือแกร่งเชยคางสวย ให้ใบหน้าหวานหันมาใกล้ ให้ดวงตาทั้งสองคู่ได้สื่อประสานกัน
“นายต้องรู้สึกสิว่าจูบของฉันมันไม่ใช่แค่จูบธรรมดา มันมีความพิเศษ นายต้องรู้สึกสิว่าฉันรู้สึกดีกับนายมาตลอด ตั้งแต่เด็กแล้ว และที่ได้กลับมาเกาหลีครั้งนี้ คนเดียวที่ฉันอยากเจอมากยิ่งกว่าใครก็คือนาย แล้วสุดท้ายก็ได้เจอจริงๆ”
“มาร์ค...” จินยองคลี่ยิ้มบางๆ พร้อมกับนัยน์ตาที่คลอไปด้วยน้ำตา ร่างบางรับรู้ได้ถึงความจริงจังและจริงใจอย่างเต็มเปี่ยมที่ส่งผ่านมาพร้อมกับแววตาเปล่งประกายเจิดจ้าคู่นั้นของมาร์ค
ร่างบางทิ้งความอายโผเข้ากอดมาร์คแน่น มือแกร่งลูบรวงผมนุ่มอย่างเอ็นดู ตอนนี้ นาทีนี้ วินาทีนี้ ร่างกายและหัวใจจินยองไม่สวนทางกันอีกแล้ว
ฉันชอบนายนะมาร์ค... แม้ตอนนี้ฉันยังไม่มีความกล้าพอที่จะบอก แต่ฉันไม่ปฏิเสธหรอกว่าที่มันกู่ก้องอยู่ในหัวใจนี้ไม่ใช่เพราะฉันชอบนาย ฉันจะรอวันที่นายบอกว่า “ชอบฉัน” นะนายมาร์ค
ตะวันกำลังจะลาลับขอบฟ้าแล้ว...ทั้งคู่ต่างเริ่มรู้สึกได้ถึงความมืดที่กำลังมาเยือน แล้วแสงไฟในสวนก็สว่างโร่ทำให้เห็นอะไรชัดเจนขึ้น
“ไปกันเถอะ” มาร์คพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบ
จินยองผละจากอกแกร่งทันที ใบหน้าหวานนั้นมองคนตรงหน้าด้วยความฉงนสนเท่ห์ เขาลืมไปแล้วว่าตัวเองเคยพูดอะไรไว้ก่อนหน้านี้
“ไปไหนอ่ะ?”
ร้อยยิ้มมีเลศนัยผุดขึ้นที่มุมปากของมาร์คต้วน เขาโน้มเข้าไปใกล้อีกครั้งเหมือนจะจูบ แต่ริมฝีปากของเขากลับเปลี่ยนทิศไปแนบที่หูแดงๆ แล้วกระซิบว่า...
“ไปห้องของฉัน”
เป็นอีกวันที่ยองแจต้องกลับบ้านเย็นมาก หลายวันนี้ต้องซ้อมร้องเพลงอย่างหนัก ประธานชมรมเป็นคนเข้มงวดมาก ทุกอย่างต้องออกมาสมบูรณ์แบบ ถึงแม้เขาจะชอบบ่น แต่ก็มีความสุขที่ได้ทำสิ่งนี้
ยองแจเดินมาถึงหน้าบ้านตัวเองในเวลาหกโมงกว่าๆ เขาคงจะเปิดประตูเข้าบ้านไปเลยหากไม่เห็นว่ามีเงาร่างที่คุ้นตายืนอยู่ข้างเสาไฟฟ้าหน้าบ้าน
“วันนี้ก็ซ้อมซะมืดเลยนะ” แจบอมเอ่ยถาม ขณะที่ย่างสามขุมเข้ามา มุมปากมีรอยช้ำๆ อย่างชัดเจนจนอีกคนสังเกตเห็นได้
“หน้านายไปโดนไรมา” ยองแจถาม เขาทิ้งข้าวของจากมือแล้วยกขึ้นแตะมุมปากช้ำๆ ด้วยความเป็นห่วง “ถามก็ตอบสิ เงียบทำไม”
“ฉันเพิ่งมีเรื่องกับคนชื่อมาร์ค” เขาบอกในที่สุด
“เฮ้อ!” ลมหายใจหนักๆ ของยองแจพ่นออกมา ก่อนที่จะใช้นิ้วจิ้มมุมปากของอีกคนแรงๆ
“โอ๊ย! เจ็บนะโว้ย” แจบอมร้องเสียงหลง นิ้วเรียวถูไถกับรอยช้ำอย่างปลอบโยนให้ตัวเอง
“สมน้ำหน้า! อยู่ดีไม่ว่าดี อยากไปหาเรื่องเองทำไม”
“ก็มันทนไม่ไหวนี่หว่า” แจบอมโต้กลับมาอย่างรวดเร็ว “ฉันทนไม่ไหวหรอก ฉันไม่อยากเสียจินยองให้หมอนั่น ฉันไม่ชอบขี้หน้ามันเลย บอกตรงๆ ว่าไว้ใจไม่ได้ กลัวมันจะมาทำจินยองเสียใจ ฉันชอบจินยอง นายก็ต้องช่วยฉันนะยองแจ”
“แล้วที่ฉันทำอย่างที่ทำอยู่ทุกวันนี้ไม่ใช่ช่วยนายรึไง ไอ้บ้าเอ๊ย น่าโมโหชะมัดเลย!”
“โธ่...ยองแจ ฉันขอโทษ ฉันรู้ว่านายช่วยฉันมาตลอด”
“เออ รู้ก็ดีแล้ว”
“คราวนี้ฉันจะเดิมพันทุกอย่าง ยังไงก็ต้องแย่งจินยองมาให้ได้” เขาบอกอย่างมุ่งมั่น ไฟแห่งปรารถนาอันแรงกล้าฉายชัดอยู่ในแววตาคมนั้น
ทั้งคู่ยืนอยู่ด้วยกันในความเงียบ... ยองแจเหม่อมองเพื่อนสนิทด้วยหัวใจที่เจ็บแปลบ แต่แจบอมไม่มีวันรู้หรอกว่าตัวเองมีอิทธิพลต่อหัวใจอีกดวงมากแค่ไหน
ตุบ!!
ร่างบางถูกผลักลงเตียงนุ่ม และไม่รอให้ได้ตั้งตัว มาร์คก็กระโจนขึ้นคร่อมเสร็จสรรพ ดวงตาที่จ้องมองลงมานั้นช่างเร่าร้อนแทบจะเผาไหม้ให้หลอมละลาย
“ดะ.. เดี๋ยวก่อนนะ” จินยองประท้วง แต่ดูท่าว่าจะไร้ผลอย่างสิ้นเชิง เมื่อนิ้วเรียวกำลังจัดการแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตอย่างสบายใจเฉิบ
“มาร์ค.. ฉันยังไม่ได้เตรียมใจเลยนะ อีกอย่างถ้าคนที่บ้านนายมาเจอเข้าจะแย่นะ”
“ไม่เป็นไรน่า ฉันล็อคห้องแล้ว และที่สำคัญห้องนี้เก็บเสียงได้ จะทำอะไรเสียงดังแค่ไหนก็ไม่มีใครได้ยินหรอก” ว่าพลางปลดกระดุมเม็ดสุดท้ายเสร็จ เผยให้เห็นร่างอันงดงามผิวเนียนละเอียด และที่โดดเด่นชวนมองอยู่นั้นก็คือยอดอกเม็ดไตสีสวย ที่รอการลิ้มรสจากชายหนุ่ม
“แต่ว่า...” จินยองยังคงบ่ายเบี่ยงเพราะความเขินอาย “เรามารักษาโรคกลัวจูบของฉันไม่ใช่เหรอ”
คำพูดนี้ทำให้มาร์คชะงักได้เป็นอย่างดี จินยองฉวยโอกาสนั้นผลักร่างชายที่คร่อมตัวออกไปแต่เบาๆ แล้วพาตัวเองขยับห่างไปอีกหน่อย และติดกระดุมที่หลุดลุ่ยให้เรียบร้อย
“ก็จริงแฮะ ขนาดจูบนายยังมีปฏิกิริยาขนาดนั้น ถ้าหากฉันทำอะไรนายมีหวังได้เป็นลมแน่ๆ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” มาร์คว่าพลางหัวเราลั่น หัวเราะจนพอใจแล้วเขาก็ส่งสายตาคมกริบมายังร่างบาง “โอเค งั้นมาเริ่มกันเลย แต่นายก็ต้องให้ความร่วมมือนะจินยอง ก่อนอื่นขยับเข้ามาหาฉันอีกหน่อย”
จินยองยอมรับว่าตัวเองเริ่มจะประหม่าเสียแล้ว ไม่มั่นใจเลยว่าจะเป็นยังไงต่อไป เขาค่อยๆ ขยับเข้าไปหาเจ้าของห้องอย่างกล้าๆ กลัวๆ จนในที่สุดก็มานั่งพับขาอยู่ตรงหน้ามาร์ค
“ทำยังไงล่ะ...” เสียงหวานถามเบาๆ
มาร์คยิ้มกริ่มแล้วว่า “การทำลายความกลัวก็ต้องใช้ความกล้าเข้าสู้ นายต้องสร้างวามเคยชินในการจูบ สรุปง่ายๆ เลย นับจากนี้ไปนายต้องเป็นฝ่ายเริ่มก่อน”
“เห๋??”
“นายต้องเป็นฝ่ายจูบฉันก่อน เข้าใจมั้ย”
“จะ...บ้าเหรอ ฉันจะกล้าได้ไงล่ะ” จินยองประท้วงเสียงหลง แต่ฝ่ามือของมาร์คก็ลอยมากระชับที่ไหล่บางอย่างรวดเร็ว พร้อมกับบีบแน่น
“ถ้าแค่นี้นายยังไม่กล้า นายก็จะกลัวต่อไปเรื่อยๆ แล้วโรคกลัวจูบของนายก็จะไม่หายซะที” มาร์คให้เหตุผล ตอนนี้เขาดูจริงจังอย่างมากเลย “ฟังนะจินยอง ความเคยชินคือสิ่งสำคัญ นายต้องทำบ่อยๆ จนเหมือนเป็นเรื่องปกติ แล้วความกลัวก็จะค่อยๆ หายไปเอง”
ความประหม่าเริ่มมีคำว่ารู้สึกผิดเข้ามาผสมปนเปด้วย ทั้งที่ตัวเองขอให้อีกฝ่ายรักษาให้แท้ๆ แล้วก็ดูจะตั้งใจมาก แต่ตัวเองกลับเอาแต่กลัว
“ก็ได้...ฉันจะเชื่อนาย” ร่างบางบอกอย่างหลบเสียง เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วช้อนมองชายหนุ่มอีกครั้ง และพยายามไม่คิดเรื่องฟุ่งซ่านที่ทำให้จิตใจว้าวุ่น แต่มันก็ไม่ง่ายเลยสักนิด
“งั้นจูบปากฉันสักหนึ่งครั้ง เบาๆ ก็ได้” มาร์คบอกผ่านริมฝีปากที่ยิ้มละไม
จินยองค่อยๆ ปล่อยมือที่ทาบหน้าอกตัวเอง หัวใจที่เต้นระรัวนั้นมีแต่จะเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็พยายามเอาความกล้าเพียงน้อยนิดเข้าข่ม พร้อมกับโน้มริมฝีปากเข้าไปเรื่อยๆ
“หลับตาสิ” ร่างบางบอกด้วยเสียงสั่นๆ มาร์คทำตามด้วยท่าทีสบายๆ และออกจะรื่นเริงกับอาการของอีกฝ่ายมากจนต้องพยายามไม่ให้หลุดขำ
จินยองโน้มเข้าไปใกล้เรื่อยๆ หัวใจเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาแล้ว ในตอนนั้นจู่ๆ ความปรารถนาอันแรงกล้ากลับบอกให้เขาวิ่งหนีไปจากห้องนี้ ทว่า...
จุ๊บ!
ริมฝีปากสั่นระริกประทับริมฝีปากของมาร์คแล้ว ไม่ถึงวินาทีเลยด้วยซ้ำ จินยองผละตัวเองออกมาอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของเขาแดงซ่าน ใบหูแดงก่ำ อายจนไม่กล้าสบตาอีกคนด้วยซ้ำไป
“นายนี่มันน่ารักจริงๆ เลยนะจินยอง จนฉันชักจะทนไม่ไหวซะแล้วล่ะ”
“เห๋?”
จังหวะที่เงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มด้วยสีหน้าตั้งคำถาม แต่สายเกินไปแล้วเมื่อมาร์คจู่โจมกลับมาอย่างรวดเร็ว แค่ชั่วพริบตาเดียว จินยองก็ลงไปนอนแผ่ราบกับเตียงโดยมีมาร์คขึ้นคร่อมเสียแล้ว
“หยะ...อย่านะมาร์ค ไม่ได้นะ” จินยองร้องห้าม
มาร์คไม่สนใจคำห้ามปรามที่ไร้ซึ่งน้ำหนักนั้น มือของเขาคอยแต่จะปลดกระดุมที่เคยปลด แววตาจ้องลึกไปยังร่างบางอย่างลึกซึ้ง
“มาร์คอย่า...ไม่เอาแบบนี้นะ”
“อะไรกันจินยอง นี่รังเกียจฉันขนาดนั้นเชียว” มาร์คเอ่ย มันเป็นน้ำเสียงที่กึ่งหยอกเย้ากึ่งตัดพ้อ ทำให้คนฟังรู้สึกสับสนและงุนงง
“ไม่ได้รังเกียจนะ ฉันก็แค่กลัว... กลัวว่าจะตื่นเต้นจนเป็นลมนะสิ ขนาดแค่จูบฉันยังเป็นลมเลย ฉันไม่อยากให้นายผิดหวัง...” ร่างบางช้อนตาอ้อนคนตรงหน้า มันน่ารักเสียจนทำให้คนอย่างมาร์คต้วนเกิดอาการเคอะเขิน แววตาใสซื่อของจินยองมันยิ่งเป็นตัวเพิ่มความต้องการให้มาร์คเป็นเท่าตัว
มาร์คกระเดือกน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ราวกับสัตว์ปาที่กำลังกระหายเหยื่ออันโอชะ นั่นทำให้จินยองหัวใจแทบจะระเบิดเพราะความตื่นเต้น
“การทำให้อีกฝ่ายรู้สึกดีจนเป็นลมได้คือความฝันของฉันเลยรู้มั้ย” มาร์คยกยิ้มเจ้าเล่ห์แสนกล ก่อนจะโน้มไปหอมที่แก้มนวลเบาๆ
พรมจูบพวงแก้ม เปลือกตา จมูก ปลายคาง จนมาถึงริมฝีปากอวบอิ่มที่เผยอด้วยความเคยชิน รสจูบอันแสนหวานกับอ้อมแขนแข็งแรงและแสนจะอบอุ่นของมาร์ค ทำให้จินยองรู้สึกดี...แทบจะหลอมละลาย
และแล้ว..จินยองน้อยผู้น่ารักก็เป็นลมไปจริงๆ
โปรดติดตามตอนต่อไป...
ต้องขอบคุณที่จินยองเป็นลมไปก่อน ไม่งั้นมาร์คคงได้ใจแน่ๆ 555555555 แต่ใครจะไปรู้ระหว่างที่จินยองสลบไป มาร์คอาจจะทำอะไรๆ มากกว่าอยู่เฉยๆ ก็ได้ กร๊ากกกกกกกกกก แล้วแจบอม...นางคิดจะทำอะไร ตอนหน้ารู้กัน ฮี่ๆๆ
ปล. รีดเดอร์ที่ติดตามเรื่องนี้อย่าเคืองไรท์นะ ที่ไม่ค่อยอัพบ่อยเหมือนเมียจำเป็น แต่ยังไงซะอย่างน้อยก็อัพอาทิตย์ละครั้งนะ หรือถ้าได้แรงใจดี(คอมเม้นจากรีด)ก็อัพอาทิตย์ละสองครั้งไปเลย 55555555
สกรีมต่อที่แท็กหน่อยมั้ย แบบว่าแท็กร้างมาก #KISSxMARKNIOR
อัพเดต 12/03/2558
ความคิดเห็น