คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Episode 1 หลังเลิกเรียน
Episode 1 หลังเลิกเรียน
“นี่แก เห็นเด็กใหม่ที่ย้ายมาห้อง D รึยัง?”
“เห็นแล้วแก แอบไปส่องมาแล้ว หล่อมากเลยให้ตายสิ ฉันขอจองเลยนะ แอร๊ยยยย~”
“แกช้าไปแล้วย่ะ เขาขายออกไปแล้ว”
“ห๊า! จริงเหรอ ทำไมเร็วจัง”
ตลอดช่วงพักกลางวันทุกคนต่างก็เม้าท์มอยประเด็นร้อนเรื่องเด็กใหม่สุดหล่อ และประเด็นช็อกของจินยอง ข่าวพวกนี้มันไปไวยิ่งกว่าเชื้ออีโบล่าเสียอีก แค่เพียงชั่วโมงเดียวก็เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ไปทั่วโรงเรียน นาทีนี้ไม่มีใครไม่รู้ว่าทั้งสองกำลังคบกัน...(?)
จินยองผู้ไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาจึงขอปลีกวิเวกออกมานั่งทานมื้อเที่ยงคนเดียวที่ม้านั่งใต้ต้นไม้ใหญ่หลังตึกเรียน แต่ยังไม่ทันได้คีบไข่ม้วนเข้าปากตัวเองกลับโดนงับเข้าปากอีกคนไปก่อนแล้ว
มาร์คที่โผล่มาจากด้านหลังเคี้ยวไข้ม้วนตุ้ยๆ อย่างอารมณ์ดี จินยองหันขวับไปอย่างไม่ระวังเลยโดนปากหมอนั่นสัมผัสเบาๆ ที่แก้มใส
“มาเงียบๆ ตกใจหมดเลย!!” จินยองเหว รีบหันกลับมาโดยไว มือสั่นๆ ลูบๆ ถูๆ รอยสัมผัสนั้นออกไปด้วยความเขินอาย “มีปากก็หัดพูดซะบ้างนะ ไม่ใช่มีไว้แค่จูบชาวบ้านไปทั่ว”
มาร์คผู้ไม่สะทกสะท้านเดินอ้อมม้านั่งแล้วทิ้งก้นลงข้างๆ เจ้าร่างบางที่ดูจะโมโหน่าดูเลย แถมที่นั่งแคบๆ ก็ยิ่งทำให้ทั้งคู่เบียดเสียดกันวุ่นวาย
“ลุกไปไกลๆ ได้มั้ยฉันอึดอัด แค่มีนายนั่งข้างๆ ในห้องเรียนฉันก็จะบ้าตายแล้ว”
มาร์คยังลอยหน้าลอยตาเหมือนตอนที่อยู่ในห้องเรียน มันน่ากระชากหนังหน้าออกมาแล้วโบกด้วยไม้หน้าสามจริงๆ ครูคิมก็อีกคน ทั้งที่มีที่ว่างในห้องอีกเยอะแต่ดันสั่งให้อีต้วนมานั่งข้างเขา โดยให้เหตุผลที่น่าตบว่า “ฉันไม่อยากพลัดพรากคนรักกันหรอกนะ”
“ทำไมต้องโมโหขนาดนั้นด้วยนะ นายควรจะดีใจไม่ใช่เหรอที่มีเทพบุตรอย่างฉันมาอยู่ใกล้ๆ” พ่อเทพบุตรที่ว่ายกยิ้มลูบคางแกร่งอย่างหลงตัวเอง
จินยองส่ายหน้าเอือมโลกสุดๆ “นายกำลังทำให้ฉันหมดอารมณ์กินข้าวนะ”
“ถ้านายไม่อยากกินก็เอามาให้ฉันแทนก็ได้นะ”
“ฝันไปเถอะ! ถ้าหิวก็ไปหากินเองที่โรงอาหารสิฟร๊ะ”
“โอเคๆ ไม่แย่งแล้วก็ได้ แต่ขออะไรสักอย่างดิ”
“มีไร...??” จินยองถามพลางเหล่มองอีกคนอย่างระแวง
“เลิกเรียนพาฉันไปซื้อมือถือหน่อย นะ...นะจินยองคนดี” มาร์คออดอ้อนพร้อมกับยกมือขึ้นถู นัยน์ตาที่จ้องมองมาราวกับว่ามีพลังที่สามารถทำให้คนคล้อยตามได้
มันน่าฟาดด้วยต้นกระบองเพชรจริงๆ เลยให้ตายสิ
“เออ พาไปก็ได้” จินยองตอบออกไปส่งๆ ทั้งที่จริงแล้วเขาไม่ได้คิดแบบนั้นเลย
ใครมันจะไปยอมพานายไปวะ ฉันไม่โง่หรอกนะจะบอกให้ แค่นี้ก็ต้องตกเป็นขี้ปากคนอื่นพอแล้ว ถ้ายอมพานายไปมีหวังคนคงเข้าใจว่าเป็นแฟนกับไอ้คนกะล่อนอย่างนายจริงๆ
ตลอดทั้งคาบบ่าย จินยองน้อยผู้น่ารักก็ต้องมานั่งเรียนร่วมกับต้วนอี้เอิน แต่หมอนั่นกำลังฟุบหลับอยู่โดยไม่สนใจการเล่าเรียน ปกติแล้วจินยองเป็นคนที่ตั้งใจเรียนและมีผลการเรียนในระดับต้นๆ ของห้องเสมอ ถึงแม้จะอยู่หลังห้องแต่ก็ตั้งใจฟังสิ่งที่ครูสอน แต่ตอนนี้กลับห้ามตัวเองไม่ให้เหลือบมองผู้ชายที่อยู่ขวามือไม่ได้เลย
คำถามมากมายผุดขึ้นในสมองของจินยองเหมือนดอกเห็ด จู่ๆ ก็อยากรู้ว่าต้วนอี้เอินคนนี้เป็นใครมาจากไหนกันแน่ เพราะถึงแม้จะเคยเรียนด้วยกันตอนเด็กๆ แต่ก็เป็นช่วงเวลาสั้นๆ แค่ 3 เดือน ที่รู้มาบ้างก็คือพ่อของหมอนี่ทำงานเกี่ยวกับการทูตหรืออะไรสักอย่าง
ทั้งที่ในเวลาในเวลาปกติจะน่าหมั่นไส้ กวนประสาท แต่ตอนหลับกลับดูน่ารักอย่างกับเด็ก เห็นว่าพอลงจากเครื่องก็ตรงมาที่โรงเรียนเลย สงสัยจะเหนื่อยมาก
จินยองไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองเอาแต่คิดเรื่องของต้วนอี้เอินจนเวลาผ่านไปจนหมดคาบสุดท้ายแล้ว กระทั่งได้ยินเสียงออด และยองแจเดินตรงมาหา
“วันนี้ฉันต้องทำกิจกรรมชมรม นายจะกลับบ้านเลยใช่มั้ย” ถามพลางเหยียดสายตามองนักเรียนคนใหม่ที่ยังหลับไม่รู้เรื่อง
จินยองพยักหน้าหงึกๆ ยองแจโบกมือให้ก่อนจะเดินออกจากห้อง
เมื่อก่อนทั้งคู่กลับพร้อมกันบ่อยมาก แต่ว่าตั้งแต่ยองแจถูกดึงตัวเข้าชมรมรักเสียงเพลงของโรงเรียนก็เลยไม่ค่อยได้กลับพร้อมกัน แถมอีกหน่อยก็จะมีงานกีฬาสี ชมรมรักเสียงเพลงต้องขึ้นแสดงด้วย ยิ่งทำให้ยุ่งเข้าไปใหญ่
ตอนนี้ในห้องมีประชากร 3-D อยู่แค่พวกที่ทำเวร จินยองเหลือบมองอี้เอินอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ รอยยิ้มกริ่มๆ ของจินยองวาดยาว
“เชิญนอนที่นี่ไปจนมืดเลยก็แล้วกันนะ โฮะๆ” มือเรียวสวยเอื้อมไปหยิบกระเป๋าที่ห้อยอยู่ข้างโต๊ะ แล้วย่องออกไปตรงนั้นอย่างระมัดระวัง
แต่แล้ว...
“จินยอง!”
ยังไม่ทันก้าวพ้นไปไกลเกินสามโต๊ะ เสียงของมาร์คก็สะท้อนมาจากด้านหลัง มาร์คตื่นแล้ว... และกำลังเดินตรงมาด้วยท่าทางที่ไม่เหมือนคนเพิ่งตื่นเลยสักนิดเดียว
หมอนี่...มันแกล้งหลับงั้นเหรอ???
“อย่าลืมสัญญาสิ นายบอกว่าจะพาฉันไปซื้อมือถือ” มือแกร่งฉวยคว้าเรียวแขนเล็กไว้ได้ทันท่วงที
“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว นายปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ” จินยองสลัดจนหลุด
“ทำไมล่ะ?”
ร่างบางระบายลมหายใจช้าๆ แล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะพูดสิ่งที่อยากจะพูดอย่างตรงไปตรงมา “สั้นๆ เลยนะ ฉันไม่คิดจะคบกับนาย รู้ไว้ด้วย”
ใช่แล้ว.. แค่ความทรงจำนั้นก็ขมขื่นจะแย่แล้ว ทำไมเราต้องบ้าไปคบกับหมอนี่ด้วย
เกิดความเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง คนโดนปฏิเสธจดจ้องมายังร่างบางอย่างไม่ละสายตา ท่าทีผิดไปจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด ดูจริงจังผิดกับทุกที
“จินยอง...”
ชั่ววินาทีนั้นจินยองหลงคิดไปแล้วว่าไอ้หมอนี่คงยอมฟังและเลิกตอแยเขาซะที แต่สุดท้ายกลับคิดผิดถนัดเมื่อเพียงแค่กระพริบตาครั้งเดียว ใบหน้าหล่อระเบิดของอี้เอินก็เข้ามาใกล้ ลมหายใจของชายหนุ่มจ่ออยู่ข้างหู
“ถ้านายยังบอกว่าจะไม่คบกับฉันอีกล่ะก็... เชื่อมั้ยว่าฉันจะจูบนายตรงนี้ จูบจนกว่านายจะยอม จูบให้ตายไปข้างหนึ่งเลย”
เฮือกกกกก!!!
เงียบกริ๊บไปทันที... ไอ้ความคิดที่ว่าอยากต่อต้านใจแทบขาดพวกนั้น จินยองม้วนพับแล้วเตะออกนอกโลกไปเลยทันที หมอนี่มันมาจากดาวอังคารรึยังไงถึงได้รับมือยากเยี่ยงนี้ ปาร์คจินยองผู้ที่ไม่ว่าใครก็เอาชนะและหาทางหลบเลี่ยงได้แต่กลับมาแพ้ทางแบบแพ้ราบคาบให้คนอย่างต้วนอี้เอิน
สวรรค์กลั่นแกล้งอะไรกันแน่เนี้ย!
สุดท้ายจินยองก็ต้องโอนอ่อนยอมกลับกับอี้เอินตัวแสบ ทั้งคู่เดินออกมาจากโรงเรียนด้วยกัน จินยองรู้สึกได้ถึงสายตานับหลายคู่ที่จ้องมองมา แล้วส่วนใหญ่จะออกแนวอิจฉาริษยาเสียด้วย แต่จินยองมิอาจสังเกตเห็นได้เลยว่าอีกมุมหนึ่งมีผู้ชายอีกคนยืนเฝ้ามองเขาจากที่ไกลๆ
จินยองพามาร์คขึ้นรถเมล์มาลงหน้าห้างสรรพสินค้าที่อยู่ไม่ไกลนัก ที่นี่คงมีโทรศัพท์มือถือให้เลือกซื้อจนถูกใจ หลังจากเดินผ่านมาหลายร้าน อี้เอินก็ลากจินยองเข้าไปในร้านที่ด้านหน้ามีโปสเตอร์แปะว่า “โปรโมชั่นคู่รัก”
“สวัสดีค่ะ” พนักงานสาวกล่าวต้อนรับ “ไม่ทราบว่าลูกค้าต้องการมือถือแบบไหนคะ”
ร่างสูงไม่จำเป็นต้องขบคิดเลย เขาชี้ไปที่โปสเตอร์ตัวเดียวกันที่อยู่ในร้าน
“ผมเอาแบบนี้ 1 คู่ครับ”
หญิงสาวยิ้มเหมือนอายหน่อยๆ เธอกล่าวว่า “รับทราบค่ะ รอสักครู่นะคะ” ก่อนจะบอกให้พนักงานอีกคนเข้าไปเอาของในสต็อก มือถือตัวที่อี้เอินเพิ่งเลือกไปก็คือ IPHONE 6+ สี Space Gray ซึ่งตอนนี้อยู่ในช่วงลดพิเศษสำหรับซื้อเป็นคู่
“ทำไมนายต้องเอามาตั้งสองเครื่อง มีเงินเยอะมากรึไง เชอะ หมั่นไส้” จินยองว่าพลางมองอีกคนหมิ่นๆ จะว่าไปก็แนวอิจฉามากกว่า เพราะเมื่อล้วงเอามือถือของตัวเองขึ้นมายังเป็นรุ่นฝาพับแบบเก่าอยู่เลย
คนถูกกระแนะกระแหนไม่ว่าอะไร เขายิ้มกริ่มอยู่คนเดียว ขณะที่พนักงานก็บริการจนเสร็จหมดทุกอย่าง มือถือทั้งสองเครื่องใช้งานได้ 100% พร้อมเบอร์ที่เปิดบริการใหม่เอี่ยม แล้วทั้งคู่ก็ออกจากร้านไปด้วยกัน
หลังจากที่เดินทอดน่องข้างกันไปเรื่อยๆ อี้เอินพูดขึ้นพร้อมกับยื่นมือถือเอี่ยมมาจ่อที่หน้าคนข้างๆ
“อ้ะ... ฉันให้นาย”
จินยองตกใจสะดุ้งไปแป๊บหนึ่งก่อนจะมองอีกคนอย่างระแวง
“นายล้อฉันเล่นเหรอ?”
“ไม่ได้ล้อเล่น แต่อยากให้นายจริงๆ ยังไงฉันก็ได้ใช้แค่เครื่องเดียวอยู่แล้ว”
“ถ้างั้นนายจะบ้าซื้อมาทำไมตั้งสองเครื่อง พิลึกคน” จินยองกระแทกเสียงใส่
“ไม่รู้ล่ะ ถ้านายไม่รับมันไว้ฉันจะเอาไปโยนทิ้ง” ว่าแล้วก็ตั้งท่าง้างมือเหมือนจะปาทิ้งจริงๆ จินยองเห็นดังนั้นตกใจรีบกระโจนคว้าแย่งเอามาไว้อย่างรวดเร็ว
“นายนี่มันบ้าจริงๆ เครื่องละตั้งแพงจะปาทิ้งง่ายๆ เนี้ยนะ เฮ้อ... เชื่อนายเลยให้ตายสิ”
“สรุปว่ารับไปแล้วนะ” เขาหรี่ตามอง ก่อนจะระบายยิ้มอย่างสุขเมื่ออีกฝ่ายพยักหน้ารัว
“รับแล้ว พอใจรึยัง ชอบบังคับอยู่เรื่อย”
อี้เอินหัวเราะลั่น “ฉันก็เป็นของฉันแบบนี้นานแล้ว ไม่รู้รึไง แต่ช่างเถอะ นายลองเปิดดูในรายชื่อสิ ฉันเมมเบอร์ตัวเองให้นายแล้วล่ะ”
แม้จะขัดใจอยู่บ้างที่โดนสั่ง แต่ลึกๆ แล้วก็ดีใจที่ได้มือถือใหม่ ต้องพยายามอย่างหนักที่จะไม่แสดงความยินดีออกมาเป็นรอยยิ้ม แล้วกดเข้าไปอยู่ในสมุดรายชื่ออย่างที่อี้เอินว่า
“เอ๋??” เครื่องหมายคำถามผุดขึ้นมาในหัวของร่างบาง ชื่อแรกและชื่อเดียวที่ปรากฏอยู่ก็คือ MARK “มาร์คที่ว่านี่อย่าบอกนะว่าเป็น...”
“ชื่อเล่นฉันเอง ใครๆ ก็เรียกฉันว่ามาร์คทั้งนั้นแหละ”
“เออ จะพยายามเรียกให้ชินก็แล้วกัน”
มาร์ค...อย่างนั้นเหรอ ชื่อเข้ากับหน้าเหมือนกันนะ ถึงจะชอบทำอะไรแปลกๆ ไปหน่อยก็เถอะ แต่ก็ขอบใจนะที่ซื้อมือถือให้
ขณะที่เดินเคียงข้างกันไปจนออกนอกห้าง เดินทอดน่องกันไปทางริมฟุตบาท จินยองก็เฝ้าครุ่นคิดเรื่องคนข้างๆ อย่างไม่รู้ตัว ขณะเดียวกันมาร์คเองก็ดูจะเห่อมือถือใหม่ นิ้วเรียวยาวยังขยุกขยิกอยู่หน้าจอมือถือ
กระทั่งเดินผ่านไปสองป้ายรถเมล์ มาร์คเก็บมือถือใส่กระเป๋ากางเกง ท่าทางโล่งๆ เหมือนคนที่เพิ่งจัดการอะไรบางอย่างได้สำเร็จ เขาหันมายังร่างบางที่เอาแต่เดินเงียบๆ
“หลังเลิกเรียนได้แวะเดทตามทางก็รู้สึกเหมือนเป็นแฟนกันดีนะ” อี้เอินยิ้มแย้มสดในเริงร่าเดินดูนั่นดูนี่สบายอารมณ์ ผิดกับจินยองลิบลับ “ย่านนี้ดีจังเลยนะ มีร้านมือถือเยอะเลย ขอบคุณนะที่พามาซื้อ”
“อี้...เอ่อไม่สิ นายมาร์ค ตกลงว่านายมาจากไหนบ้าง” จินยองถาม จริงๆ เขาก็สงสัยในเรื่องของมาร์คต้วนไม่น้อย
“ก็หลายประเทศนะ เพราะงานของพ่อทำให้ต้องย้ายที่อยู่บ่อยๆ อยู่ที่อเมริกามา 5 ปี ก่อนหน้านี้ก็ที่อังกฤษ 3 ปี อยู่ที่ฝรั่งเศสตั้งแต่เกิดจนถึง ป.2 แล้วย้ายมาอยู่ญี่ปุ่นตอน ป.3 เทอมหนึ่ง ต่อด้วยเกาหลีตอน ป.3 เทอมสอง” มาร์คแจกแจงให้ฟัง
หมอนี่... เด็กนอกชัดๆ ถึงว่าทำไมชินกับการจูบนักหนา จินยองลอบคิดอย่างเงียบๆ
“ฉันว่าชีวิตแบบนายก็ดีนะ ได้ไปหลายๆ ประเทศ เจอผู้คนมากมาย”
“มันก็จริงอยู่ แต่ว่า มันก็ลำบากเอาเรื่องนะ” มาร์คเสริมต่อ “เพราะทุกครั้งที่ย้ายโรงเรียน เนื้อหาที่เรียนก็จะเปลี่ยนกันไป พอปรับตัวได้หน่อยก็ต้องย้ายอีก”
มาร์คกุมขยับถอนหายใจด้วยความเซ็ง จินยองเห็นแล้วก็รู้สึกเห็นใจขึ้นมาตงิดๆ
“คอยเดี๋ยวนะ” จินยองเปิดกระเป๋าค้นเอาสมุดโน้ตส่วนตัวออกมา แล้วยื่นมันให้กับชายหนุ่ม “ถือว่าตอบแทนมือถือก็ได้ รับไปสิ... มันคือเนื้อหาการเรียนของแต่ละวิชาที่ฉันเรียบเรียงเอาไว้ รับรองอ่านง่าย เข้าใจง่ายแน่นอน นายเอาไปก็อปซะนะ ไม่เข้าใจตรงไหนก็ถามได้เลย”
“Thank จินยองจอมจุ้น” มาร์คว่าแล้วก็ใช้สมุดโน้ตที่รับมาเคาะที่เหม่งน้อยเบาๆ
“เห๋...???”
มาร์คฉีกยิ้มกว้างจนเห็นเขี้ยวมหาเสน่ห์
“เดี๋ยวนะ...” จินยองชะงัก ยกมือขึ้นกุมขมับเหมือนใช้ความคิด ดวงตาคู่สวยกลอกไปกลอกมา แล้วมาหยุดอยู่ที่มาร์ค “จินยองจอมจุ้นคือฉายาของฉันสมัยประถม แต่ว่า...เดี๋ยวก่อนๆ นี่อย่าบอกนะว่านาย... นายก็จำฉันได้แต่แกล้งทำเป็นลืมงั้นเหรอ”
จินยองแยกเขี้ยวชักสีหน้าเหมือนยักษ์มาร จ้องมาร์คราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ถ้าไม่นึกเสียดายมือถือใหม่ป่านนี้คงปาใส่หัวไอ้บ้านี่ไปแล้ว
“ฉันไม่ได้แกล้งนายซะหน่อย” มาร์คบอกอย่างใจเย็น “ตอนแรกฉันจำนายไม่ได้จริงๆ เพราะว่านายน่ารักขึ้นตั้งเยอะ”
ใบหน้าจริงจังกับท่าทางที่จริงใจในคำพูดนั้น ทำเอาคนถูกชมว่าน่ารักแก้มแดงไปทั้งยวง จินยองวางฟอร์มกอดอกเชิด แต่ในใจกลับแอบรู้สึกดีไม่น้อย จนสุดท้ายก็เผยยิ้มออกมาให้ได้เห็น
“ไม่ต้องมาแกล้งชมหรอก”
“อ้าว รู้ด้วยเหรอว่าฉันแกล้งชม ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
“อีตาบ้า!!”
อย่างนี้ทุกทีเลย ทำให้ดีใจได้ไม่เท่าไหร่ก็กลายเป็นแบบเดิม เหมือนถูกชมด้วยถ้อยคำหวานๆ ตามด้วยถีบลงเหว กวนประสาทชะมัดยาก!!
“จินยองงี่” มาร์คเรียกเสียงอ้อนๆ แต่ร่างบางยังเชิดหน้าหนี “จินยอง หันมาคุยกันหน่อยสิ อย่างอนไปเลยน่า เดี๋ยวไม่น่ารักนะ”
“ฉันเปล่างอนสักหน่อย!!” นอกจากจะไม่ยอมหันไปหาแล้ว ร่างบางยังเดินลิ่วๆ ไปโดยไม่รอมาร์คอีกต่างหาก
มาร์คต้องรีบวิ่งไปให้ทันเดินขนาบข้าง ตอนนี้บรรยากาศเริ่มต่างไปจากเดิมนิดหน่อย จากที่เคยยิ้มทะเล้นกวนประสาท มาร์คเคร่งขรึมผิดไปจากเดิม
“รู้มั้ยว่าฉันจำหน้าคนไม่เก่งเอาซะเลย คงเพราะต้องย้ายที่บ่อยๆ แต่ว่าฉันกลับจำ ‘จินยองจอมจุ้น’ ได้ไม่เคยลืม เพราะเป็นคนเดียวที่คอยดูแลฉันที่เพิ่งย้ายมาอยู่เกาหลี ฉันที่รู้สึกแปลกแยก ไม่คุ้นเคย ก็ได้นายนั่นแหละที่คอยช่วยเหลือ”
ร่างสูงยิ้มละมุน เมื่อนึกถึงความทรงจำที่แสนงดงามในอดีต จินยองยังคงนิ่ง แต่กลับตั้งใจฟังเงียบๆ ยอมรับเลยว่าตอนนี้ความรู้สึกดีๆ มันแล่นริ้วอยู่ในหัวใจของเขาเช่นเดียวกัน พร้อมกับนึกถึงความหลังในวัยเยาว์ที่เคยมีร่วมกัน
ท่ามกลางความเงียบ มาร์คว่าต่อ “ถึงจะได้อยู่แค่ 3 เดือนกว่าๆ แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่ประทับใจมาก ตอนที่รู้ว่าจะต้องจากเกาหลี ฉันไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไงดีถึงจะสามารถขอบคุณได้หมดเพราะงั้นก็เลยบอกความรู้สึกนั้นไปพร้อมกับรอยจูบ”
หมอนี่.. คงไม่ได้มีเจตนาร้ายอย่างที่เราคิดงั้นสินะ... ดวงตาเรียวสวยเหม่อมองชายหนุ่มไม่วางตา ในหัวเต็มไปด้วยความคิด จู่ๆ ก็มองมาร์คในแง่ดีขึ้น
“แต่เอาเถอะ... การเอาชนะโรคกลัวจูบ ความเคยชินสำคัญที่สุด เพราะฉะนั้นตั้งแต่นี้ไปฉันจะจูบนายทุกวันเลย ดีมั้ยล่ะจินยอง”
“ดีกับผีสิเจ้าบ้า!!” จินยองเกร็งเล็บข่วนหน้าหล่อๆ เข้าให้ทีหนึ่งแต่ไม่โดนเพราะมาร์คหลบทัน ว่าจะข่วนอีกทีแต่ก็เปลี่ยนใจรีบก้าวฉับๆ ตะบึงตะบันหนีไปให้เร็วที่สุด
มาร์คขี้ตื้อรีบวิ่งตามไปติดๆ
“เดินเร็วจริง รอด้วยสิจินยองงี่”
“ไอ้บ้าเอ๊ย มาทางไหนกลับไปทางนั้นเลยนะ ชิ่วๆ”
“ก็บ้านฉันไปทางนี้แล้วจะให้ไปทางไหนล่ะ หื้ม?”
จินยองลืมไปเสียสนิทว่าบ้านของมาร์คอยู่ข้างๆ บ้านเขาเอง หมดคำจะด่าว่าหรือขับไล่ ตลอดทางร่างบางไม่พูดอะไรต่อ ถึงจะมีมาร์คคอยก่อกวนตลอดเวลาก็ตาม
วันเดียวกันในยามค่ำคืน หลังจากทำการบ้านเสร็จแล้ว จินยองขุดเอารูปเก่าๆ สมัยประถมขึ้นมาดูจนเกลื่อนเตียง จนตอนนี้บนที่นอนนุ่มๆ มีแต่รูปวัยเด็กกระจายเต็มไปหมด จินยองจ้องดูรูปมาร์คตัวจิ๋วแล้วก็อดไม่ได้ที่จะวาดหนวด คิ้ว หู ตา จมูก เพิ่งลงไปเพื่อระบายความหมั่นไส้
“ไอ้ชีกอเอ๊ย!! ฉันเป็นโรคกลัวจูบเพราะนายแท้ๆ ยังมีหน้าจะมาจูบฉันอีกเหรอ ไอ้บ้า อย่าหงัวซะให้ยากเลย ฉันไม่ยอม!!!”
หลังจากที่สู้รบตบมือกับภาพถ่ายของมาร์คต้วนจนหมดแรงแล้ว จินยองก็ทิ้งร่างกายลงนอนก่ายหน้าผาก นัยน์ตาเหม่อลอยมองดูฝ้าเพดาลสูง
การได้เจอมาร์คอีกครั้งหลังจากไม่ได้เจอกันเกือบสิบปีมีแต่เรื่องให้ประหลาดใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า นอกจากจะอยู่ห้องเดียวกัน นั่งข้างกัน ยังลงเอยด้วยบ้านอยู่ข้างกันอีก...
บ้านหลังข้างๆ ที่มาร์คคงนอนสบายใจเฉิบอยู่ตอนนี้มาร์คเล่าว่าเป็นบ้านเพื่อนสนิทแม่ของเขาเอง เป็นคนเกาหลี ตอนที่มาร์คยังเด็กก็มาอยู่กับเพื่อนแม่คนนี้ ส่วนพ่อกับแม่อยู่อีกที่หนึ่งเป็นบ้านพักที่จัดไว้สำหรับเอกอัครราชทูตประจำสาธารณรัฐประชาชนจีน แต่มาร์คขอมาอยู่นี่โดยให้ความเห็นว่ามันใกล้โรงเรียนมากกว่า
จริงอยู่ที่จินยองอดนึกโกรธมาร์คไม่ได้ เพราะเป็นต้นเหตุทำให้เขากลายเป็นโรคกลัวจูบจนถึงทุกวันนี้ แต่ก็ยอมรับว่ามันรู้สึกดีไม่น้อยเลยที่หมอนั่นยังจดเรื่องราวของเขาได้เป็นอย่างดี แม้จะกะล่อนไปหน่อย แต่ว่าก็คงจะไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรหรอกมั้ง
นายมาร์ค-ต้วนอี้เอิน ชักอยากรู้จักนายให้มากขึ้นซะแล้วสิ!
โปรดติดตามตอนต่อไป
ลงตอนที่ 1 แล้ว ตอนนี้มาร์คเนียร์ทั้งตอนเลยเน๊อะ ตัวละครฟิคอื่นๆ จะเริ่มโผล่มาในตอนต่อๆ ไป และไรท์คิดว่ามันต้องสนุกขึ้นเรื่อยๆ
อ่านแล้ว เม้นแล้ว อยากกสรีมต่อในทวิตก็เชิญเลยน้า ชอบอ่านมากๆ เลย รอๆ
#KISSxMARKNIOR
อัพเดต 26/02/2558
ความคิดเห็น